วันที่ 29 เมษายน 2024

“อนุสรณ์”ถามพลังประชารัฐ เจตนาป่วนหรือแก้รธน.

People Unity News : “อนุสรณ์”ถามพลังประชารัฐ เจตนาป่วนหรือแก้รธน. ขณะที่ “เทพไท” ท้า “บิ๊กป้อม” รักษาคำพูดหนุนแก้ รธน. ชี้อำนาจอยู่ 3 ป.

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พรรคพลังประชารัฐ เตรียมเสนอชื่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน ชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แทน นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ว่า หลังจากที่มีกระแสข่าว พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ส่งชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เพราะกลัวขัดแย้งกับพรรคพลังประชารัฐ สังคมก็ตั้งคำถามว่า ตกลงการอยากอยู่ร่วมรัฐบาลให้นานที่สุด กับมติพรรคและสัญญาประชาคม พรรคประชาธิปัตย์เห็นอย่างใดสำคัญกว่ากัน ถ้ารัฐบาลทำงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้กับประชาชนได้ พรรคร่วมรัฐบาลอยากสนับสนุนก็พอเข้าใจได้ แต่ถ้ารัฐบาลทำงานไม่ได้ การอยู่นานของรัฐบาลน่าจะเป็นการทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส ไม่มีความจำเป็นในการพายเรือให้ใครนั่ง การจงใจส่งนายไพบูลย์ มาเป็นประธานกมธ.ของพรรคพลังประชารัฐเจตนาชัดว่า จะยื้อเวลาและปั่นป่วนไม่ให้การทำงานศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถขับเคลื่อนได้

“การส่งคนที่ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และจุดยืนชัดว่าไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ มาเป็นประธานกมธ. เป็นการส่งสัญาณชัดว่าอยากอยู่ยาว พอได้อยู่ยาว ก็อยากอยู่ต่อให้นานที่สุด โดยไม่สนใจว่าประชาชนจะเดือดร้อนอย่างไร” นายอนุสรณ์ กล่าว

“เทพไท” ท้า “บิ๊กป้อม” รักษาคำพูดหนุนแก้ รธน. ชี้อำนาจอยู่ 3 ป.

ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ตนออกมาเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคมีความจริงใจในการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้พาดพิงหรือเฉพาะเจาะจงไปถึงพรรคพลังประชารัฐพรรคเดียว แต่เป็นการเรียกร้องหาความจริงใจจากทุกพรรคและทุกภาคส่วน แต่เมื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมารับลูกแทนรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ และประกาศยืนยันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีการแก้ไขอย่างแน่นอน ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ก็ขอให้สังคมจดจำและบันทึกไว้ เพราะถือว่าเป็นการให้สัญญาประชาคมต่อพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศแล้ว ขอให้พลเอกประวิตร ได้รักษาคำพูดและผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นจริงตามที่ประกาศไว้

ผมขอขอบคุณในคำยืนยันของพลเอกประวิตรไว้ล่วงหน้า และหวังว่าท่านคงรักษาสัจจะของลูกผู้ชายชาติทหาร และถ้าเป็นความตั้งใจจริงของท่าน ผมเชื่อว่าพล.อ.ประวิตร สามารถผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จได้อย่างแน่นอน เพราะเพียงแค่ท่านส่งสัญญาณไปยังสมาชิกวุฒิสภา ที่ได้รับแต่งตั้งจาก คสช. เท่านั้น สมาชิกวุฒิสภาทุกคนก็รอฟังสัญญานจาก พล.อ.ประยุทธ หรือพล.อ.ประวิตร กันตลอดเวลา ต้องยอมรับความจริงว่า การเมืองในวันนี้อำนาจสูงสุดรวมศูนย์อยู่ที่พี่น้อง3ป. หากคณะ3ป.เปิดไฟเขียวเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะราบรื่นและง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก

ถ้าหากพลเอกประวิตรสามารถผลักดันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้ตามที่ประกาศไว้ ท่านจะได้รับเสียงชื่นชมแซ่ซ้องสรรเสริญ จากทุกภาคส่วนในสังคม และถ้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้จริงภายในหนึ่งปีด้วยฝีมือและการสนับสนุนของพล.อ.ประวิตรจริง ผมจะขออาสาเป็นตัวแทนของทุกคนที่รักประชาธิปไตย นำดอกไม้ธูปเทียน ไปกราบขอบพระคุณพลเอกประวิตรถึงห้องทำงาน ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาลทันที

“พุทธิพงษ์”ย้ำคนไทยพร้อมปรับตัวรับยุคดิจิทัล งานสัมมนา Krungsri Business Forum 2019

People Unity News : “พุทธิพงษ์” ย้ำคนไทยมีความพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับการพัฒนาของเทคโนโลยีดิจิทัล ในงานสัมมนา Krungsri Business Forum 2019 – “Platform Economy: The New Business Revolution”

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บรรยายพิเศษในงานสัมมนา Krungsri Business Forum 2019 – “Platform Economy: The New Business Revolution” ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้บริการ Krungsri Business Empowerment ที่จัดขึ้นสำหรับลูกค้าธุรกิจร่วม 800 รายของกรุงศรีเพื่อแบ่งปันมุมมองในการทำธุรกิจ รวมถึงแนวทางการเสริมศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจจากแนวคิด Platform Economy เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต

โดยมีนายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และนายพรสนอง ตู้จินดา (ขวาสุด) ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจ กรุงศรี ให้การต้อนรับ และมีนายนายทิม ไซแนน ผู้อำนวยการ กูเกิล คลาวด์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนายแจ็ค จาง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด เป็นวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมบรรยายด้วย

นายพุทธิพงษ์ว่า ประเทศไทยมีประชากร 66.4 ล้านคน มีคนเข้าถึงการใช้โทรศัพท์มือถือ 187% แสดงให้เห็นว่ามีจำนวนคนใช้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือมากกว่าจำนวนประชากร คนหนึ่งคนมีอุปกรณ์หลายเครื่อง มีคนที่ใช้เครือข่าย mobile broadband 108%

ทั้งหมดนี้ บ่งบอกว่าคนไทยมีความพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับการพัฒนาของเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งนี้ ตนไม่แปลกใจว่าธุรกิจด้านการเงินการธนาคารสามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างดี เนื่องจากมีการเตรียมการมาเป็นเวลานาน ประเทศอย่างสิงคโปร์มีการเตรียมการเพื่อปรับตัวเพื่อรับ Digital Disruption มา 5 ปี ในประเทศไทยเอง โดยเฉพาะภาคเอกชน ก็ได้มีการเรียนรู้และปรับตัวไม่ต่ำกว่า 5 ปี เช่นกัน แม้กระทั่งในปัจจุบัน รัฐบาลสิงคโปร์ ก็ยังต้องเรียนรู้ด้านดิจิทัลภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ไม่ต่างจากในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าไม่คำว่าสายเกินไปในการเรียนรู้ด้านดิจิทัล และประเทศไทยก็ไม่ได้เป็นรองใครในด้านการพัฒนาปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล โดยรัฐบาลมีความตั้งใจผลักดันให้ประเทศไทยเป็นดิจิทัลไทยแลนด์ ซึ่งรัฐบาลมีบทบาทเป็นฝ่ายที่วางโครงสร้างพื้นฐานและสนับสนุน แต่รัฐบาลโดยลำพังไม่สามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้ ต้องอาศัยประชาชนและภาคเอกชนที่ต้องเข้มแข็งและเดินไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของอาเซียน โดยการพยายามผลักดัน Digital Valley ในประเทศไทย ในพื้นที่ 700 กว่าไร่ ที่อำเภอศรีราชา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยจะมีรถไฟความเร็วสูงเข้าถึง และจะดึงดูดบริษัทด้านดิจิทัลชั้นนำของโลกมารวมในเมืองดังกล่าว ทั้งนี้ กระทรวงฯ ตั้งเป้าจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายใน 900 วัน

“เศรษฐพงค์” จี้”กสทช.”ในสภาฯ ประมูล 5G ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ ปชช.

People Unity News : “เศรษฐพงค์” จี้”กสทช.”ในสภาฯ ประมูล 5G ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ ปชช. แนะเรียกคืนคลื่น 3.5GHz รองรับอุตสาหกรรม 4.0-เศรษฐกิจดิจิทัล เร่งจัดระเบียบนำสายสื่อสารลงใต้ดิน กำชับใช้เงินกองทุนวิจัยฯแบบแอคทีฟ “ฐากร” ชี้เคาะประมูล 5G ก.พ.63 เร่งจัดระเบียบสายสื่อสารลงดิน

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินสำหรับปี 2559 ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ โดย พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า กสทช. ประกาศเรื่องการประมูล 5G ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบต่อประชาชอย่างมาก ทั้งนี้จะต้องไม่ใช่การประมูลเพื่อนำเงินเข้ากระทรวงการคลังเท่านั้น แต่จะต้องเป็นการสร้างงานให้เกิดขึ้น จึงจะเป็นความสำเร็จในการสร้างระบบเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเศรษฐกิจดิจิทัล ดังนั้นจะต้องใช้คลื่นความถี่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ทำให้เกิดการจ้างงาน และเกิดระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ เพราะ 5G กำลังจะเปลี่ยนอุตสาหกรรมการผลิตไปเป็นระบบโรโบติก ดังนั้นกสทช. จะต้องพยายามเรียกคืนคลื่น 3.5 GHz จากไทยคม5 โดยต้องใช้งบประมาณเพื่อเป็นการให้ความรู้กับประชาชนด้วย ในการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องการนำสายสื่อสารลงดิน ขอให้มีการดำเนินการต่อไปในเมื่องใหญ่ๆด้วย เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน นอกจากนี้กสทช. จะต้องเตรียมงบประมาณเพื่อไปจัดหาอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยจะต้องมองการณ์ไกลไป 3-5 ปีข้างหน้า ทั้งเรื่องการควบคุมคลื่นความถี่ และการตรวจสอบความแรงของคลื่นความถี่ที่มีความแรงเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับประชาชน เนื่องจากในอนาคตการตรวจสอบความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมถึงการโจมตีไซเบอร์จะเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างมาเพราะการมารของ 5G ขณะที่การคุมครองผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพของกสทช. เนื่องจากเทคโนโลยีกำลังมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก อาจทำให้กสทช.มีความโบราณไปทันที หากไม่การกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ ตนขอเสอนแนะให้กสทช.ได้เตรียมกองทุนที่นำไปจัดหาอุปกรณ์ในการตรวจสอบความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชน ซึ่งต้องการอุปกรณ์ที่มีคุณภาพและมีความทันสมัยมากกว่าที่กสทช.มีในวันนี้

พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า อีกเรื่องคือการใช้เงินกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ที่ผ่านมาอาจมีปัญหาจากคนที่มองเข้ามาว่าการเงินกองทุนนี้อาจเกิดประโยชน์แต่กสทช.เอง ซึ่งวัตถุประสงค์ของกองทุนฯดังกล่าวมีความชัดเจน คือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ความมั่นคงของประเทศ ซึ่งกองทุนนี้ได้เงินจากค่าธรรมเนียมของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม เราควรนำเอาค่าธรรมเนียมที่เก็บมาได้คืนประโยชน์กับประชาชนในเรื่องความปลอดภัย เรื่องประโยชน์สาธารณะ โดยกสทช. ต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาให้การใช้งบประมาณมีความอ่อนตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ เนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การที่กสทช. อนุมัติโครงการล่าช้าไป1-2 ปี ก็ทำให้โครงการนั้นๆ มีความโบราณแล้ว ไม่ทันสมัยที่จะตอบสนองความต้องการของประชาชน

“กสทช. ต้องบริการจัดการกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ให้เป็นกองทุนลักษณะแอคทีฟ เพื่อนำออกไปสร้างเทคโนโลยีให้เกิดการจ้างงาน คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เชื่อว่ากสทช.ทราบดีทั้งหมด และทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว แต่อนาคตเปลี่ยนแปลงเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0แน่นอน กสทช.จึงไม่สามารถดำเนินการแบบเดิมได้อีกต่อไป ผลขอแสดงความห่วงใยไว้ ณ ที่นี้ เพื่อกสทช. ได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เท่าทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด” พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าว

ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ชี้แจงว่า เรื่องการประมูล 5G จะได้มีการนำเข้าที่ประชุมกสทช. และจะมีการเคาะประมูลในวันที่ 16 ก.พ. 63 จากนั้นเดือนมีนาคม 63 จะมีการติดตั้งสถานี ในเดือนสิงหาคมจะเปิดให้บริการในพื้นที่EEC ก่อน และจะพัฒนาพื้นที่อื่นๆ ต่อไป สำหรับเรื่องการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน ยืนยันว่ากสทช.ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยพื้นที่ที่มีท่อใต้ดินของทีโอทีอยู่แล้ว เราได้นำลงดินหมดแล้ว เห็นได้จากถนนพหลโยธินที่เราได้ทำเสร็จแล้ว แต่ปัญหาที่พบคือเวลาจะนำสายสื่อสารลงดินจะต้องให้ผู้ประกอบการมาชี้สายของตัวเอง เพราะถ้าหากมีการตัดสายผิดอาจจะกระทบต่อการใช้บริการของประชาชนได้ เราได้ประสายไปยังกทม. สตช. และผู้ประกอบการให้มาชี้จุดสายสื่อสารของตัวเอง อย่างไรก็ตามกระทรวงดีอีเอส ได้อนุมัติให้กทม. ดำเนินการสร้างท่อร้อยสายในกรุงเทพฯทั้งหมด ต่อจากทีโอที ดังนั้นต่อจากนี้ไปจะเป็นระยะที่กสทช.จะเป็นผู้ดำเนินการ โดยกทม.กำหนดว่าดำเนินการทั้งหมด 2,400 กิโลเมตร ได้เสร็จสิ้นใน2ปี แต่ในตรอกซอกซอยนั้น เนื่องจากพื้นที่แคบ ไม่สามารถขุดเจาะเพื่อนำสายลงดินได้ เราจะดำเนินการจัดระเบียบสายเพื่อให้เกิดความสวยงามแทน ส่วนการคุ้มครองผู้บริโภคนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าบริการมือถือ หรือการใช้งานอินเทอร์เน็ต สิ่งที่กสทช.กังวลคือ การขยายโครงข่างออกไปในขณะนี้ ที่คลื่นความถี่ขยับเข้าไปใกล้บ้านเรือนประชาชนมากขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชแน่นอน เบื้องต้นเราจะติดตามว่าคลื่นที่ปล่อยออกมานั้นสอดคล้องกับมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้หรือไม่

“ธรรมนัส” สั่งเด็ดขาด ตรวจการออก ส.ป.ก.4-01 มิชอบทั่วประเทศ สั่งประชุม ส.ป.ก.ทั่ว ปท. 27 ก.พ.นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 25 กุมภาพันธ์ 2567 รมว.เกษตรฯ กำชับเข้มให้เลขาธิการ ส.ป.ก. ตรวจสอบการจัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินบริเวณรอยต่อกับป่าอนุรักษ์ หากพบการจัดสรรที่ดินโดยมิชอบ จะดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยจะประชุมมอบนโยบายปฏิรูปที่ดินจังหวัดทั่วประเทศ 27 ก.พ.นี้

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในวันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี จะประชุมปฏิรูปที่ดินจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อมอบนโยบายเกี่ยวกับการดำเนินการบริเวณเขตพื้นที่กันชน (Buffer Zone) ระหว่างเขตปฏิรูปที่ดินกับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ เพื่อให้การดำเนินงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้การบริหารจัดการพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน เหมาะสมตามหลักนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และบริบทความจริงของสังคมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งนี้ ได้ลงนามคำสั่งด่วนถึงนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. เกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว ตลอดจนสั่งการให้เร่งตรวจสอบการจัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินบริเวณพื้นที่ตามแนวเขตปฏิรูปที่ดินที่ติดต่อกับเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และพื้นที่ต่อเนื่อง รวมถึงพื้นที่ปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ซึ่งมีแนวเขตกับที่ดินของรัฐทุกประเภท ทั้งในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ หรือหน่วยงานอื่นๆ ว่ามีกรณีจัดที่ดินโดยผิดกฎหมายหรือไม่ หรือจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หรือยังมีที่ดินที่ยังไม่ได้ดำเนินการจัดให้แก่เกษตรกรแต่อย่างใด หากพบว่าการจัดที่ดินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ดำเนินการตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องโดยเคร่งครัด

ร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่า พื้นที่กันชน (Buffer Zone) ระหว่างเขตปฏิรูปที่ดินกับป่าอนุรักษ์ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมป่าไม้ ส.ป.ก. จะไม่จัดสรรให้เกษตรกรเข้าทำกิน แต่จะกันไว้จัดทำ “ป่าชุมชน” ในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ ควบคู่กับการรักษาและเพิ่มพื้นที่ป่า

นอกจากนี้ยังเตรียมสำรวจพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการจัดสรร หรือที่ดินว่างเปล่า เพื่อรองรับเกษตรกรกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มผู้ด้อยโอกาสที่ไม่มีที่ดินทำกิน โดยให้จัดสรรที่ดินให้กับกลุ่มเหล่านี้ตามระเบียบ ส.ป.ก. ต่อไป พร้อมเน้นย้ำให้ยึดถือตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

Advertisement

“สนธิรัตน์”ปลื้มประชาชนชูยืนหนึ่งมือบริหาร

People Unity News :  “สนธิรัตน์”ปลื้มประชาชนชูยืนหนึ่งมือบริหาร มั่นใจ “พปชร.”พร้อมรับมือเลือกตั้งซ่อมขอนแก่น

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงผลการสำรวจความคิดเห็นซุปเปอร์โพลที่ยกให้เป็นนักบริหารและเชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ ว่า ขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความเชื่อมั่นตนในการร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐบริหารประเทศ โดยในส่วนของกระทรวงพลังงานก็จะยังมีแผนการยกระดับความมั่นคงทางพลังงานตามแนวนโยบาย พลังงานเพื่อทุกคน (energy for all) ต่อไป ซึ่งจะเห็นได้ว่า ในการบริหารการะทรวงพลังงานยุคตนนั้น ได้ให้ความสำคัญกับภาคประชาชนยิ่งกว่ารัฐบาลที่ผ่านๆมา มีการเปิดเวทีรับฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยมุ่งให้เกิดการแก้ปัญหาและผลักดันให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงพลังงานอย่างเป็นธรรมมากที่สุด โดยการประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ครั้งที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานในฐานะเจ้าภาพก็รับฟังเสียงสะท้อนข้อเสนอหลายข้อจากภาคประชาชน เพื่อนำมาพิจารณาศึกษารายละเอียดและประเมินความเป็นไปได้ต่อไป

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานก็ยังคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมด้วย เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่สังคม ด้วยการผลักดัน B10 ให้เป็นน้ำมันเกรดมาตรฐาน โดยในปี 2563 ที่จะเริ่มรณรงค์ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงาน ด้วยการปรับให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันดีเซล B10 แทน B7 ซึ่งนอกจากเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมลดสาเหตุหนึ่งของค่าฝุ่น pm 2.5 แล้ว ยังสามารถแก้ปัญหาเชิงบูรณาการ สามารถดูดซับน้ำปาล์มในตลาดที่คงค้างออกมาได้หลักล้านตันต่อปี ซึ่งจะส่งผลให้ราคาปาล์มให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดอยู่ที่ 4.30 บาทต่อกิโลกรัม และจะสูงขึ้นอีก ส่วนของขวัญปีใหม่จากกระทรวงพลังงานนั้น ยังไม่ขอเปิดเผย แต่ยืนยันว่า จะถือเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ สร้างความสุขให้คนไทยช่วงเทศกาลอย่างแน่นอน

ส่วนความพร้อมต่อการเลือกตั้งซ่อม เขต 7 จ.ขอนแก่น ช่วงปลายปี นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า มีความพร้อมและมั่นใจเป็นอย่างสูงว่า นายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีตผู้สมัครส.ส. จะได้รับชัยชนะ เนื่องจากคะแนนเสียง ห่างกับผู้ได้รับเลือกตั้งส.ส. เพียง 3,000 คะแนน เท่านั้น โดยยืนยันว่า พปชร. ไม่ได้มีการใช้กลไกรัฐในการสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบ ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานส.ส.พปชร.ให้สัมภาษณ์อย่างแน่นอน ซึ่งตลอด 6 เดือน ที่ผ่านมารัฐบาลมีผลงานที่จับต้องได้ จึงเชื่อว่า ชาวจังหวัดขอนแก่นจะเลือกพปชร. ทำให้ได้ส.ส.เพิ่มอีก 1 คน ส่งผลให้รัฐบาลมีเสียงเพิ่มขึ้นเป็น 256 เสียง มีเสถียรภาพในการบริหารประเทศมากยิ่งขึ้

“อนุทิน”ไม่กังวลฝ่ายต้าน! ย้ำชัด สธ. แบน 3 สารพิษเกษตร

People Unity : “อนุทิน”ไม่กังวลฝ่ายต้าน! ย้ำชัด สธ. แบน 3 สารพิษเกษตร ยกสุขภาพประชาชนสำคัญ

เมื่อเวลา 08.35 น.วันที่ 22 ต.ค.2562ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีที่จะมีการประชุมของคณะกรรมการวัตถุอันตรายเพื่อพิจารณายกเลิกการใช้สารเคมีอันตรายในภาคเกษตร 3 ชนิด คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลไพริฟอสหรือไม่ว่า เท่าที่ทราบจะมีการประชุมเวลา 09.30 น.วันที่ 22 ต.ค.ที่กระทรวงอุตสาหกรรม ไม่รู้ว่าจะมีการเลื่อนหรือไม่ ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ชัดเจนตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.ที่มีการประชุมในกระทรวงแล้ว โดยตัวแทนของกระทรวง 3 คน คืออธิบดีกรมการแพทย์ เลขาธิการอย.และอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะไปร่วมประชุม โดยเรามีมติชัดเจนคือการแบนสารพิษ 3 สาร

เมื่อถามว่ากังวลกับผลที่จะตามมาหรือไม่ เพราะฝ่ายไม่เห็นด้วยประกาศไม่สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าววว่า ตนทำตามหน้าที่รมว.สาธารณสุข ให้นโยบายเพื่อรักษาสุขภาพของพี่น้องประชาชน สำคัญกว่าเรื่องพรรค

“บิ๊กตู่” ยันสอบที่ดิน “ปารีณา” ตามกม.-พยานหลักฐาน

People Unity News : “บิ๊กตู่” ยันสอบที่ดิน “ปารีณา” กว่า 1,700 ไร่ ตามกฎหมายและพยานหลักฐาน รวมถึง “ชัยวัฒน์” คดีอุ้มฆ่า “บิลลี่” ส่วน ครม.เห็นชอบ”ชิมช้อปใช้”เฟส 3 รอบนี้ไม่แจก 1 พัน

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ครอบครองที่ดินกว่า 1,700 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ว่า เป็นเรื่องของกลไกกระบวนการตรวจสอบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส.ป.ก. รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ที่มีความเกี่ยวข้องและมีการตรวจสอบอยู่แล้ว ดังนั้น ทุกอย่างขอให้เป็นไปตามกฎหมายและพยานหลักฐาน

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้ออกหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 อุบลราชธานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานว่า เป็นเรื่องของดีเอสไอที่ไปออกหมายจับ ไม่ได้มาขอกับตน เป็นการดำเนินการไปขอกับศาล เป็นเรื่องที่จะพิจารณา และดำเนินการต่างๆ ในการสั่งการตนคงไปสั่งการในเรื่องของกฎหมายไม่ได้ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้ตัดสิน ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามวัตถุพยาน พยานหลักฐาน พยานบุคคล ก็ว่าไปตามขั้นตอน การที่จะไปตรวจบ้านพัก หากเป็นขั้นตอนตามกฎหมาย เขาก็สามารถตรวจสอบได้ ถือเป็นเรื่องของกระบวนการ ตนไม่มีส่วนไปเกี่ยวข้อง ถ้าผิดก็ว่ากันไปตามผิด ตนไม่ไปช่วยเหลือใครทั้งสิ้น

ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็กล่าวเช่นกันว่าว่า ใครทำอะไรก็ต้องว่าไปตามนั้น ส่วนระหว่างการดำเนินคดีต้องให้นายชัยวัฒน์หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่เป็นเรื่องของระเบียบทางราชการเขาต้องทำตามระเบียบทุกอย่าง

ครม.เห็นชอบ”ชิมช้อปใช้”เฟส 3 รอบนี้ไม่แจก 1 พัน

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (12 พ.ย.) มีมติเห็นชอบโครงการชิมช้อปใช้ เฟส 3 แต่รอบนี้จะไม่มี “เป๋าตัง1” คือ ไม่มีเงินสด 1,000 บาท เพราะจะมุ่งเน้นการให้ประชาชนใช้สอยเงินของตัวเอง แต่จะได้รับแคชแกคคืนเหมือนเดิม ใช้จ่ายวงเงินไม่เกิน 30,000 บาท จะได้คืนได้ไม่เกิน 4,500 บาท หรือร้อยละ 15 เกินกว่า 30,000 บาท จะได้ชดเชย 4,000 บาท หรือร้อยละ 20 ของส่วนที่เกินนอกจากนี้ ปรับปรุงเงื่อนไขให้ใช้จ่ายได้ทุกจังหวัด รวมทั้งถิ่นที่อยู่อาศัย เพื่อให้การหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น และให้ใช้จ่ายค่าบริการ ที่พัก การเดินทางบริการที่เกี่ยวเนื่องได้ด้วย เริ่มวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายนนี้พร้อมกันนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติให้ยืดมาตรการทั้ง 3 ระยะ เวลาเดิมถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2562 เป็นสิ้นสุดมาตรการ 31 มกราคม 2563

นายกฯ บอกสื่ออย่ามองทุกอย่างเป็นการเมือง

People Unity News : 13 มกราคม 66 นายกฯ บอกยังไม่ได้เห็น “พล.อ.ประวิตร” โพสต์อวยพรให้โชคดีเส้นทางการเมืองใหม่ ไม่เข้าใจสื่อถามซ้ำความสัมพันธ์ ย้ำไม่มีวันแตกแยก ไม่น้อยใจกัน อยู่กันมา 50 ปี ร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบกันมาแล้ว บอกสื่ออย่ามองทุกอย่างเป็นการเมือง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีมีเพจเฟซบุ๊กใช้ชื่อ “พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” ออกมาโพสต์จดหมายเปิดใจ ว่า ยังไม่เห็น แต่เชื่อว่า พล.อ.ประวิตรจะมอบความปรารถนาดีที่มีให้กันมาโดยตลอด ท่านอวยพรผมตลอด รักกันอยู่แล้วไม่มีปัญหาอะไรจริง ๆ ทำไมจะต้องให้แตกแยกกัน

เมื่อถามว่าเป็นการย้ำว่า 3 ป.ไม่แตกแยกกัน พล.อ.ประยุทธ์ ถามกลับว่า  จะแตกกันได้อย่างไร เพราะพูดกันมาตลอดนานแล้วเป็น 10 รอบแล้วถามกันอยู่นั่นแหละ

ส่วนที่มีข้อความที่เขียนเป็นเชิงน้อยใจ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้ฟังเลย ท่านจะน้อยใจได้อย่างไร เราไม่ใช่คนขี้ใจน้อยกันอยู่แล้ว

เมื่อถามย้ำว่ามีโอกาสไปร่วมดื่มกาแฟตอนเช้ากับ พล.อ.ประวิตรเหมือนเดิมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากมีเวลาก็จะไป

“เวลาผมก็มี ไม่ใช่จะว่างทุกที่ ทุกวัน เมื่อไหร่ล่ะ ผมก็มีงานของผม ว่างเมื่อไหร่ผมก็ไป วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ว่างก็ไป แค่นั้นเอง ทำไมจะต้องล็อกผมตรงโน้นตรงนี้ ชีวิตส่วนตัวผมก็คือส่วนตัวผม ผมก็มีเวลาผม ครอบครัวผม ใช่ไหม จะมองทุกอย่างเป็นการเมืองหมดได้อย่างไร ผมอยู่กับท่านมา 40-50 ปีแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไปวันนี้หรอก ร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบกันมาแล้ว ชายแดนก็อยู่มาด้วยกันแล้ว อะไรกันนักหนา ไม่เข้าใจ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีมีอะไรจะพูดผ่านสื่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มี ต้องพูดอะไรล่ะ ทำไมต้องฝากอะไรกับใคร ผมพูดกับท่านโดยตรงได้อยู่แล้ว ทำไมต้องฝากใคร และทำไมจะต้องขุดคุ้ยเรื่องพวกนี้ให้เป็นประเด็น ผมไม่เข้าใจ  ไม่เข้าใจจริง ๆ แต่ผมก็ทนได้ ว่าไปเถอะ แต่ผมไม่จำเป็นต้องตอบทุกอันอยู่แล้ว”

Advertisement

“ตรีนุช” ยกเลิกระเบียบทรงผม นร. สั้น-ยาวก็ได้ ให้โรงเรียนกำหนด

People Unity News : 24 มกราคม 66 รมว.ศึกษาฯ สั่งยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน ไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ และให้สถานศึกษาอาจกำหนดลักษณะทรงผมได้ โดยจัดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ก่อนประกาศใช้

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่มีเสียงเรียกร้องให้มีการแก้ไขปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 มาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญการลงโทษเรื่องทรงผมได้ส่งผลถึงร่างกายและจิตใจของนักเรียน ศธ.จึงมีหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียน ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 8) ได้ให้ความเห็นว่า รมว.ศึกษาฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดอาจอาศัยอำนาจตามมาตรา 12 ประกอบกับมาตรา 39 (1) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 กำหนดเป็นนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดนำไปปฏิบัติได้ ดังนั้น เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ได้ลงนามในระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 และเสนอสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วออกเป็นหนังสือสั่งการหรือหนังสือเวียน กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนหรือนักศึกษาไว้อย่างกว้างๆ เพื่อให้หน่วยงานในสังกัดที่เป็นผู้กำกับดูแลสถานศึกษา กำหนดให้สถานศึกษาแต่ละแห่งนำหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวไปกำหนดเป็นระเบียบหรือข้อบังคับของสถานศึกษาแต่ละแห่งเอง ดังนี้

1.การไว้ทรงผมของนักเรียนของสถานศึกษาในสังกัด ศธ. และสถานศึกษาในกำกับดูแลของ ศธ. จะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ โดยสถานศึกษาอาจกำหนดลักษณะทรงผมได้ตามพันธกิจ บริบท และความเหมาะสมของแต่ละสถานศึกษา และ 2.สถานศึกษาในสังกัด ศธ.และสถานศึกษาในกำกับดูแลของ ศธ.อาจดำเนินการกำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับไว้ทรงผมของนักเรียนได้ โดยการวางระเบียบหรือข้อบังคับของสถานศึกษาและควรระบุบทอาศัยอำนาจของกฎหมายเฉพาะมาตรา 39 (1) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546, จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามหลักการมีส่วนร่วม เช่น นักเรียน คณะกรรมการสภานักเรียน คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง หรือผู้แทนผู้ปกครอง ชุมชนท้องถิ่น บุคคลหรือกลุ่มบุคคลอื่นใดที่หัวหน้าสถานศึกษาเห็นสมควร เป็นต้น และเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา หรือ คณะกรรมการบริหารโรงเรียนแล้วแต่กรณี ก่อนการประกาศใช้ และควรเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนไว้ในระบบสารสนเทศ หรือบริเวณของสถานศึกษา และดำเนินการแจ้งให้นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสถานศึกษาทราบเป็นการทั่วไป เพื่อให้การปฏิบัติตนของนักเรียนมีความถูกต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเกิดความชัดเจนในการดำเนินการของสถานศึกษา

ทั้งนี้ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีข้อต้องปฏิบัติตนเกี่ยวกับการไว้ทรงผมว่า นักเรียนชายจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวด้านข้าง ด้านหลังต้องยาว ไม่เลยตีนผม ด้านหน้าและกลางศีรษะให้เป็นไปตามความเหมาะสมและมีความเรียบร้อย นักเรียนหญิงจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย และมีข้อต้องห้ามปฏิบัติตน ดังนี้ ดัดผม ย้อมสีผมให้ผิดไปจากเดิม ไว้หนวดหรือเครา การกระทำอื่นใดซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน เช่น การตัดแต่งทรงผมเป็นรูปทรงสัญลักษณ์หรือเป็นลวดลาย แต่ต่อไปหลังจากมีการประกาศยกเลิกในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เรื่องการไว้ทรงผมของนักเรียนทั้งหมดจะอยู่ที่สถานศึกษา ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ได้มาจากการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย

Advertisement

“อยู่ไม่เป็น”แค่วาทกรรม! “ธนกร”เย้ย”อนค.”จมปลักอยู่กับอดีต

People Unity News : “ธนกร”เย้ย”อนค.” “อยู่ไม่เป็น”แค่วาทกรรม จมปลักอยู่กับอดีตมากเกินไป ชี้ประชาชนอยากให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข อย่าปลุกม๊อบสร้างความขัดแย้งให้ประเทศอีก

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่จัดงานอยู่ไม่เป็นว่า การจัดงานระดมพลต่างๆ อย่างสร้างสรรค์สามารถทำได้ แต่ขออย่างเดียวว่าอย่าปลุกม๊อบลงถนนอีก เพราะบ้านเมืองมีความสงบแล้ว อย่าหวนไปสู่จุดเดิมอีก ประชาชนต้องการให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข การใช้คำว่าอยู่ไม่เป็นถือเป็นเพียงวาทกรรมอย่างหนึ่งที่ต้องการปลุกกระแสเพื่อกลบผลการกระทำของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่กำลังประสบอยู่ใช่หรือไม่ เป็นชะตากรรมของนายธนาธรที่เกิดจากผลกรรมที่ตัวเองก่อขึ้นมาใช่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้มีการนำพี่น้องประชาชนมาเป็นเกราะป้องกัน

นายธนกร กล่าวอีกว่า สังคมไทยเป็นประเทศแห่งรอยยิ้ม ประชาชนชอบให้เมืองเมืองสงบ ไม่อยากให้การเมืองสร้างความขัดแย้งในสังคมอีก วันนี้ประชาชนมีความสุข บ้านเมืองสงบ รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย อย่าพยายามบิดเบือนโจมตีพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมอีกเลย เพราะพล.อ.ประยุทธ์รักประเทศ รักประชาชน พรรคการเมืองเมื่อผ่านการเลือกตั้งมาแล้วมีปัญหาอะไรก็นำเข้าสู่กลไกรัฐสภา แต่พรรคอนาคตใหม่ก็ไม่ยอมเดินไปข้างหน้า จมปลักอยู่กับอดีตมากเกินไป อยากให้หันมาร่วมกันพัฒนาประเทศตามระบอบประชาธิปไตย บางสิ่งที่พรรคอนาคตใหม่ทำมันสวนทางกับความเป็นไปของสังคมไทย วันนี้หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ถูกต้องพี่น้องคนไทยตาสว่างแล้ว

Verified by ExactMetrics