วันที่ 15 พฤษภาคม 2024

“อนุทิน”วอนสภาฯ! ฉุกคิดสักนิดก่อนตัดงบ”ห้องฉุกเฉิน”

People Unity News : “อนุทิน”วอนสภาฯ! ฉุกคิดสักนิดก่อนตัดงบ”ห้องฉุกเฉิน” เผยปี 63 เสนอโครงการพัฒนาศักยภาพทั้งระบบเพียง 492 ล้าน

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ได้เซ็นหนังสือเสนอของบประมาณเพิ่มเติม ของกระทรวงสาธารณสุข กรณีมีการแปรญัตติ ร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ซึ่งกำลังพิจารณากันในชั้นกรรมาธิการวิสามัญ ของสภาผู้แทนราษฎร เรื่องหลักๆ ก็คือ ขอเพิ่มเติมงบประมาณก่อสร้าง ต่อเติม ขยายอาคารผู้ป่วย เพื่อรองรับผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น เครื่องมือแพทย์ให้บริการประชาชน ได้ดีขึ้น ทันสมัยขึ้น และ ระบบกำจัดขยะ ระบบบำบัดน้ำเสียของโรงพยาบาล ซึ่งต้องการการดูแลเป็นพิเศษ

ผมพิจารณากลั่นกรองหลายรอบแล้ว เห็นว่าเรื่องที่เสนอของบประมาณเพิ่มเติม ทุกเรื่องเป็นเรื่องที่จำเป็น และต้องได้รับงบประมาณ จึงจะดูแลประชาชน ให้ได้รับการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้นได้

จึงอยากจะขอความกรุณาท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทุกท่าน ได้โปรดให้การสนับสนุนงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข ตามที่เสนอให้ท่านพิจารณา ด้วย เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ที่ผมอยากจะกราบขอร้องทุกท่านช่วยกันพิจารณาสนับสนุนเป็นพิเศษ ก็คือ เรื่องการพัฒนาศักยภาพการทำงานของห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาล ทั้งด้านการบริการจัดการพื้นที่รองรับผู้ป่วย พื้นที่ญาติ การจัดหาเครื่องมือแพทย์ที่ต้องช่วยเหลือผู้ป่วยในสถานการณ์วิกฤต และ ค่าตอบแทนแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการแพทย์ ตามความเหมาะสม

ในปีงบประมาณ 2563 ได้เสนอจัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพห้องฉุกเฉินทั้งระบบ ในโรงพยาบาลศูนย์ และ โรงพยาบาลทั่วไป รวม 39 แห่ง ต้องใช้งบประมาณ 492,733,800 บาท

อันที่จริง อยากจะทำมากกว่านี้ แต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ และเข้าใจความจำเป็นของทุกหน่วยงาน เราจึงขอเพียงเท่านี้ก่อน ซึ่งประมาณการว่าน่าจะพัฒนาการทำงานของห้องฉุกเฉิน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ช่วยเหลือผู้ป่วยได้ดีขึ้น และป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ในห้องฉุกเฉินได้

ขอความกรุณาทุกท่านช่วยกันสนับสนุน เพื่อการดูแลรักษาชีวิตของประชาชนทุกท่าน ที่มาถึงห้องฉุกเฉิน

นายกฯแจกหนังสือ “The SPEED of Trust” ให้ ครม.ปลุกกำลังใจทำงาน

People unity news online : ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 เวลา 16.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่า วันนี้ตนได้แจกหนังสือ 1 เล่มให้ ครม.ไปอ่านกันชื่อว่า The SPEED of Trust เป็นหนังสือเกี่ยวกับการสร้างความไว้วางใจ คนเขียนเป็นคนมีชื่อเสียงของโลกเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจ กระบวนการปรับทัศนคติที่จะทำให้คนมีกำลังใจในการทำงาน มีการสร้างการปลุกจิตสำนึกให้กับตัวเองและองค์กร ซึ่งตนพยายามจะขับเคลื่อนเรื่องเหล่านี้มาตลอดรวมถึงตัวเองด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ผมก็ศึกษาอ่านและทำความเข้าใจ อะไรที่ผมต้องปรับแก้กับตัวเองได้ เช่น อารมณ์ร้อน พูดจาไม่เพราะ ผมก็พยายามปรับของผมไปเรื่อย แต่ท่านก็ต้องเห็นใจผมด้วยเพราะผมก็เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม อาจจะไม่ค่อยน่ารักเท่าไร แต่ผมก็ทำงานเต็มที่ เกิน 100 เปอร์เซ็นต์ของผม”

People unity news online : post 14 กันยายน 2560 เวลา 22.00 น.

“ทิพานัน” โต้เพื่อไทย หลังกล่าวหาภาพลักษณ์นายกฯ

People Unity News : 17 พฤศจิกายน 2565 “ทิพานัน” โต้เพื่อไทย หลังกล่าวหาภาพลักษณ์นายกฯ ย้ำรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” มาจากการเลือกตั้งในกติกาเดียวกับที่เพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน เย้ยออกอาการหวั่นไหวเพราะนานาชาติตอบรับเอเปค

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่าภาพลักษณ์เผด็จการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นอุปสรรคในเวทีโลกว่า การแสดงความคิดเห็นดังกล่าว สะท้อนความหวั่นไหวและหวาดกลัวของพรรคเพื่อไทยที่ได้เห็นภาพความสำเร็จยของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ได้รับการยอมรับและให้การต้อนรับเป็นอย่างดีจากบรรดาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นผู้นำประเทศที่เดินทางมาร่วมการประชุมด้วยตนเอง

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยิ่งมีเสียงชื่นชมการจัดงานการประชุมที่ได้มาตรฐานระดับโลก จากบุคลากรของเอเปคเอง คือนางรีเบคกา สตา มาเรีย ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปคด้วยแล้ว พรรคเพื่อไทยอาจรับไม่ได้ที่นานาประเทศชื่นชมไทย ส่วนที่กล่าวหาว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการ ความจริงแล้ว พรรคเพื่อไทยเองก็ตระหนักดีว่า พล.อ.ประยุทธ์มาจากการเลือกตั้งที่มีกติกาเดียวกันกับพรรคเพื่อไทยเมื่อปี 2562 ที่เป็นฝ่ายค้านในสภาฯ อยู่ในขณะนี้

“พรรคเพื่อไทยต้องยอมรับว่านักโทษชายทักษิณ หลอกคนไทยว่าจะไม่โกง เพราะรวยอยู่แล้ว จะเข้ามาบริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ใช้วาทกรรมหลอกจนปังแต่ปัจจุบันพินาศไปแล้ว เพราะในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่พรรคเพื่อไทยมักจะนำมากล่าวอ้างถึงความสำเร็จต่างๆ โดยเฉพาะการจัดการประชุมเอเปคในยุคนั้น กลับมีพฤติกรรมที่เรียกว่า “เผด็จการรัฐสภา” ที่ก่อให้เกิดปัญหาคอร์รัปชันเชิงนโยบาย เช่น กรณีแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคม เป็นภาษีสรรพาสามิต ด้วยการตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพาสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจ บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท  ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ฐานที่นายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทซึ่งเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยให้บุคคลอื่นมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นแทน ในกรณีของการถือหุ้น บริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตัวเองและผู้อื่น และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต” น.ส.ทิพานัน กล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังคงภาคภูมิใจกับเศษซากปรักหักพังของประเทศ ที่ต้องสูญเสียไปกับการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย ที่ขโมยผลประโยชน์ชาติเข้าตระกูลตัวเองอยู่อีกหรือ ทั้งยังเป็นนักโทษหลบหนีคดี แต่จะขอกลับมาเมืองไทยแบบเท่ๆ สร้างความอับอาย และเป็นพฤติกรรมที่สังคมโลกรังเกียจ

Advertisement

รมว.พาณิชย์ ยันข้าว 2 สตอกใน จ.สุรินทร์ 10 ปี “ไม่เน่า-กินได้-ขายได้”

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 19 มีนาคม 2567 “ภูมิธรรม” รมว.พาณิชย์ ยันข้าว 2 สตอกใน จ.สุรินทร์ 10  ปี “ไม่เน่า-กินได้-ขายได้” เร่งตรวจสตอกอื่น เพื่อนำออกขาย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ที่จ.พะเยา ถึงการลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ตรวจสอบข้าวในสต็อกที่เก็บรักษาไว้ในโครงการรับจำนำข้าวเป็นเวลา 10 ปี   ที่ถูกร้องเรียนว่าเป็นข้าวเน่า ว่า ได้ไปตรวจสอบโกดังที่เก็บข้าวในโครงการรับจำนำข้าว 2 แห่ง คือ บจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4   อ. เมือง  และคลังกิตติชัยหลัง 2   อ.ปราสาท  ตามที่มีการร้องเรียนว่ามีข้าวรวมกันประมาณ 1.2 แสนกระสอบ แต่โกดังดังกล่าวถูกปิดล็อก  ทำให้คนงานไม่สามารถเข้าไปทำงานได้   และจากการที่ไปตรวจสอบข้าวในแต่ละกระสอบพบว่า  ยังมีปลายจมูกข้าว ส่วนเม็ดข้าวมีสีเหลืองบ้างเล็กน้อย   โดยได้นำข้าวดังกล่าวไปทดลองหุง ยังมีกลิ่นหอม   ข้าวยังมียางเป็นข้าวชั้นดีสามารถนำมารับประทานได้  ดังนั้นการตรวจสอบทั้งหมดไม่ตรงกับที่มีการร้องเรียน

โดยในระหว่างการตรวจสอบได้มีการบันทึกภาพในการตรวจสอบไว้ทุกขั้นตอนให้เห็นถึงความโปร่งใส   หากรีบนำมาออกขายก็ยังได้ราคา   เพราะราคาในท้องตลาดกำลังมีราคาดี    โดยจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้งก่อนนำมาขาย  และจะมีเงินนำมาคืนเจ้าของโรงสีและโกดัง  รวมถึงชำระค่าเช่าโกดังที่ยังค้างไว้   โดยเงินที่เหลือก็ยังนำคืนให้กับรัฐบาลได้   เพราะข้าวที่อยู่ในโกดังถือว่าเป็นของรัฐบาล แต่หากปล่อยทิ้งไว้ในโกดังก็จะเกิดปัญหา ทั้งนี้ตนจะไปตรวจสอบในโกดังอื่นที่มีการเก็บข้าวในสต็อกโครงการรับจำนำ เพื่อพิจารณาก่อนนำมาออกขาย

Advertisement

“หญิงหน่อย”แนะแนว! “การนำหลักพุทธธรรม มาใช้กับอาชีพนักการเมือง”

People Unity News : “หญิงหน่อย”เข้าวัดบรรยายนิสิตป.เอก “มจร” แนะแนว”การนำหลักพุทธธรรม มาใช้กับอาชีพนักการเมือง” ขอทุกพรรคการเมืองจริงใจ ทำกติกาให้เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ หวังเห็นการแก้ รธน.เป็นวาระแห่งชาติ ส่วนประธาน กมธ.ควรแสดงวิสัยทัศน์ ให้สัญญาประชาคม จะแก้รธน.โดยไม่มีวาระแอบแฝง

วันที่ 9 พ.ย.2562 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรพิเศษ บรรยายแก่นิสิตดุษฎีบัณฑิต คณะบัญฑิตวิทยาลัย สาขาพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ในหัวข้อ “การนำหลักพุทธธรรม มาใช้กับอาชีพนักการเมือง” ทั้งนี้ดร.คุณหญิงสุดารัตน์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาพระพุทธศาสนา มจร ด้วยดุษฎีนิพนธ์ภายใต้หัวข้อ “พุทธวิธีเชิงบูรณาการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งการเมืองไทยในปัจจุบัน”

หลังการบรรยาย ดรคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะประเด็นที่ สังคมให้ความสนใจในเวลานี้ว่าบุคคลใด จะมาทำหน้าที่เป็นประธานกรรมาธิการฯ โดยระบุไว้รวม 6 ประเด็น

1.รัฐธรรมนูญฉบับนี้ สร้างปัญหาและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศอย่างยิ่ง แม้แต่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้สั่งให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นมา เพื่อสืบทอดอำนาจ ก็ไม่สามารถปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญของตนเองได้ และนับแต่เป็นรัฐบาลคสช.ต้องออก ม.44 ยกเว้นการใช้บังคับรัฐธรรมนูญหลายครั้ง จนถึงเป็นรัฐบาลปัจจุบัน ก็ยังทำตามรัฐธรรมนูญของตัวเองไม่ได้

2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ทำโดยวิธีง่ายๆ คือการแก้ ม.256 เพียงมาตราเดียว เพื่อปลดล็อกให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ โดยจัดให้มีการเลือกตั้ง สสร. ที่มาจากสาขาอาชีพ จากทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นตัวแทนของประชาชน ในการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้

3. ถ้าทุกพรรคการเมืองจริงใจ ต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศ ตั้งใจทำกฎกติกาของประเทศ ให้เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อประชาชนส่วนใหญ่ มิใช่ทำเพื่อคนบางกลุ่มอย่างในปัจจุบัน ก็สามารถใช้วาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น “วาระแห่งชาติ” ที่ทุกคน ทุกพรรค รวมทั้งภาคประชาชน ภาคเอกชน คณาจารย์ผู้รอบรู้ทั้งหลาย มาร่วมมือกันหาทางออกจากปัญหาความขัดแย้งของประเทศ สร้างความสมานฉันท์ ให้เกิดขึ้นกับประเทศไทยได้ “รัฐธรรมนูญเพื่อความก้าวหน้าของประเทศ” สร้างกลไกการแก้ไขปัญหาประเทศที่มีประสิทธิภาพ ในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ และพัฒนาประเทศให้ทันโลกได้

4.รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่สร้างความมั่นคงและอนาคตให้คนไทย กระจายโอกาสกระจายรายได้ ให้ประชาชนอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ลดการใช้อำนาจและทุนผูกขาดประเทศ จนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำที่สูงมากอย่างในปัจจุบัน

5. สำหรับตำแหน่งประธานกรรมาธิการ ทุกคนมีสิทธิ์เสนอตัวมามาทำหน้าที่ แต่ผู้เสนอตัวมาทำหน้าที่ประธาน ควรแสดงวิสัยทัศน์ และให้ “สัญญาประชาคม” กับประชาชน ว่าจะมาทำหน้าที่ แก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง จริงใจ ด้วยวิธีการและขั้นตอนอย่างไร ให้ได้มาซึ่งการแก้ มาตรา 256 จนถึงการจัดเลือกตั้งสสร. จากประชาชนได้

6. การทำหน้าที่ประธาน จะต้องไม่มีวาระแอบแฝง ไม่เป็นประธานเพื่อมาป่วนและขัดขวางการแก้ไข “รัฐธรรมนูญ เพื่อ ความก้าวหน้าของประเทศ” ในครั้งนี้

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนช่วยกันจับตาดูพฤติกรรมของแต่ละพรรคการเมือง ในการตั้งกรรมาธิการฯเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ดีเพื่อส่งเสียงเรียกร้องความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ให้สำเร็จ

นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยังย้ำถึง ท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะสื่อสารถึงวัตถุประสงค์ที่ต้องมีการแก้ไข โดยมีเจตนารมณ์ ให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ในสองเรื่องใหญ่ ประกอบด้วยปัญหาความไม่ปรองดอง จากโครงสร้างที่เขียนในรัฐธรรมนูญ และไม่ยึดโยงกับประชาชนแต่ไปยึดโยงกับกลุ่มอำนาจ ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และเป็นไปเพื่อให้คนกลุ่มเล็ก สามารถใช้อำนาจได้อย่างเต็มที่ ขณะที่คนกลุ่มใหญ่ของประเทศกับไม่มีสิทธิ์มีเสียง ซึ่งนำไปสู่ปัญหา เศรษฐกิจ เพราะเมื่อมีการผูกขาดอำนาจ นโยบายต่างๆจึงเอื้อแค่กลุ่มทุนใหญ่ สิทธิของประชาชน คนตัวเล็ก ที่จะเกิดโอกาสในการทำมาหากิน จึงถูกปิดกั้น การกระจายอำนาจลดน้อยลง ซึ่งการรวมศูนย์อำนาจในลักษณะเช่นนี้เป็นเสมือนการรวมศูนย์ทุน จึงทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำอย่างที่เห็น

“เสรีพิศุทธ์”รอด! มติ กมธ.ป.ป.ช. 7-2 ไม่มีอำนาจถอดประธาน

People Unity News : “เสรีพิศุทธ์”รอด! มติ กมธ.ป.ป.ช. 7-2 ไม่มีอำนาจถอดประธาน “สิระ-ปารีณา”กินแห้ว ไม่ยอมหยุดเตรียมใช้ช่องทางอื่น

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมโดยได้เสนอเรื่องถอดถอนประธานคณะกรรมาธิการ ตามที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐเสนอ ขึ้นมาพิจารณา โดยได้ขอมติต่อที่ประชุมว่า กมธ.มีความสามารถที่จะปลดประธานได้หรือไม่ ผลออกมาว่า 7 ต่อ 2 เสียง มีความเห็นว่าไม่มีอำนาจ โดย 2 เสียงนั้นคือนายสิระและนางสาวปารีณา ส.ส.ราชบรี พรรคพลังประชารัฐ

ทั้งนี้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า ขอให้นายสิระใช้ช่องทางอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเริ่มการประชุมนางสาวปารีณา ได้ประท้วงประธานการประชุมให้จัดที่นั่งให้ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการฯ 2 คน คือ นายวัฒนา เมืองสุข และพล.ต.ท.วิโรนจ์ เปาอินทร์ ใหม่ เนื่องจากทั้ง 2 นั่งหัวโต๊ะเคียงคู่ประธาน ซึ่งนางสาวปารีณา เห็นว่า ควรนั่งไล่ลำดับจากประธาน รองประธาน กรรมาธิการ และถึงเป็นที่ปรึกษา เพราะเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ทำให้นายสิระ ร่วมผสมโรงด้วย โดยขอให้ที่ปรึกษาประธานทั้ง 2 ไปนั่งในห้องของประธานกรรมาธิการ เพราะเป็นที่ปรึกษาของประธาน ไม่ใช่ที่ปรึกษาของกรรมาธิการทั้งคณะ จนทำให้กรรมาธิการในสัดส่วนฝ่ายค้านประท้วง และยืนยันว่า มีความเหมาะสมแล้ว ทำให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สอบถามเลขานุการประชุม ที่เป็นข้าราชการสภาผู้แทนราษฎรว่า ข้อบังคับการประชุมมีการระบุไว้หรือไม่ ซึ่งพบว่า ไม่มี ทำให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อที่ประชุมว่า ใครจะนั่งตรงไหนก็ได้ ก่อนที่นางสาวปารีณา จะลากเก้าอี้มานั่งคู่กับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ด้วย

หลังจากนั้นนายสิระแถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 และงดออกเสียง 4 คน เห็นด้วยกับการที่คณะกรรมาธิการฯไม่มีอนำาจในการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธาน รองประธาน และเลขานุการ ของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งเสียงโหวตจำนวน 7 คนที่เห็นด้วยเป็นของพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ด้วย ส่วน2 คนที่ไม่เห็นด้วยได้แก่ตนและน.ส.ปารีณา ส่วน4 คนที่งดออกเสียงเป็นกรรมาธิการฯสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล

นายสิระ กล่าวต่อว่า แม้ที่ประชุมจะมีมติเสียงข้างมากไปแล้ว แต่ตนจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ และยืนยันว่าการแต่งตั้งตำแหน่งกรรมาธิการสามัญต่างๆยังเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้อำนาจหน้าที่มิชอบของประธานกรรมาธิการฯ ดังนั้นตนจะดำเนินการต่อไปใน3 แนวทางได้ แก่ 1. จะเสนอเรื่องต่อประธานสภาฯให้ตรวจสอบพฤติกรรมประธานกรรมาธิการฯ ในการกระทำดังกล่าว โดยมีการใช้ตำแหน่ง รวมถึงมติในกรรมาธิการฯว่าสามารถปลดประธานได้รหือไม่ 2.ในวันที่2 ธ.ค. 10.00 น. ตนจะยื่นหนังสือต่อประธานป.ป.ช.เพื่อให้สอบพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ว่ามีพฤติกรรมโดยมิชอบ และ3.หารือในที่ประชุมสภา โดยจะสอบถามว่าตำแหน่งกมธ.มีอำนาจแค่ไหน

“อนุสรณ์”ชี้ผลเลือกตั้งซ่อมนครปฐมไม่ได้สะท้อนคะแนนนิยมรัฐบาล

People Unity : “อนุสรณ์”ชี้ผลเลือกตั้งซ่อมนครปฐมไม่ได้สะท้อนคะแนนนิยมรัฐบาล เหตุคะแนนผู้สมัครพรรคร่วมรัฐบาลไม่ใกล้เคียงกัน

วันที่ 24 ต.ค.2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานและโฆษกคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวถึง ผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 5 นครปฐมว่า ผลคะแนนเลือกตั้งซ่อมที่ออกมารัฐบาลไม่สามารถทึกทักเอาเองได้เลยว่า เป็นเพราะประชาชนในเขตเลือกตั้งซ่อม ชื่นชอบในผลงานของรัฐบาล เพราะคะแนนของพรรคร่วมรัฐบาล 2 พรรคก็แตกต่างกันมาก ถ้าชอบรัฐบาลคะแนนของพรรคร่วมรัฐบาลที่ออกมาต้องใกล้เคียงกันมากกว่านี้ ระหว่างการหาเสียงมีการแฉกันไปมาระหว่างผู้สมัครของพรรคร่วมรัฐบาลว่า มีการระดมสรรพกำลัง บุคลากร ทรัพยากร ใช้อำนาจรัฐอย่างเอิกเกริกเข้าไปในพื้นที่ ผลคะแนนที่ออกมาจึงน่าจะมาจากการบริหารจัดการแบบพิเศษของแต่ละพรรคเองมากกว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังประสบปัญหาวิกฤตศรัทธาอย่างหนัก เศรษฐกิจวิกฤต ส่งออกลด หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูง คนตกงานพุ่ง ความเชื่อมั่นตกต่ำ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทำได้แค่ชิมช้อปใช้เฟส 2 ซึ่งไม่มีอะไรใหม่ นอกจากแจกเงินแล้วก็หมดไป ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง จะไปหาคะแนนนิยมมาจากไหน

“แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามจุดพลุ เปิดประเด็น พล.อ.อภิรัตน์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากพล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะไม่ได้ช่วยอะไร ยังทำให้เกิดความสับสน วิกฤตศรัทธา ลุกลามขยายวงออกไป” นายอนุสรณ์ กล่าว

“บิ๊กตู่”โยน! “อนุทิน”ลั่นไม่ชี้แจงสหรัฐฯ ยันมติเดิมแบน 3 สารพิษตาม กม.ไทย

People Unity : “บิ๊กตู่”โยนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจงปมทูตสหรัฐฯ ส่งหนังสือค้านแบนไกลโฟเซต อ้างไทยไร้หลักฐานวิทย์พิสูจน์สารอันตราย “อนุทิน” ลั่นไม่ชี้แจงบอกพิจารณาตาม กม.ไทย ยันตามมติเดิม

เมื่อเวลา 09.35 น.วันที่ 24 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ปี 2562 โดยก่อนการประชุมผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดค้านการห้ามใช้สารไกลโฟเชต ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สารเคมีทางการเกษตร ที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกเลิกใช้ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป โดยพล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบถึงกรณีดังกล่าว พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ชี้แจง”

ลั่นไม่ชี้แจงสถานทูตสหรัฐฯขอไทยทบทวนมติแบนสารพิษ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จริงๆ แล้วสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา ลงนามตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 2562 แต่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีการประชุมพิจารณาแบนสารเคมีเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำไมมีการออกหนังสือล่วงหน้ามาถึง 11 วัน เช่นนี้แสดงว่า เป็นการกดดันหรือไม่ จะมาบอกว่าจะมีปัญหาเรื่องการนำเข้า ตนคงไปว่าเขาไม่ได้ เพราะเขาห่วงเรื่องกระเป๋าของเขา ไม่ได้ห่วงสุขภาพของคนไทย เพราะฉะนั้นเราต้องมีมาตรการ ถ้ากังวลว่าจะมีสารตกค้างก็ต้องมาพิสูจน์ว่าจะนำเข้ามาโดยไม่มีสารตกค้าง แต่นี่กลัวขายของไม่ได้เลยมาบอกให้รัฐบาลยกเลิกการห้ามสารพิษเพื่อให้ใช้ได้ แล้วเราจะยอมหรือไม่

นายอนุทิน กล่าวว่า คณะกรรมการวัตถุอันตรายประชุมภายใต้กฎหมายของประเทศไทยใช่หรือไม่ หรือประชุมภายใต้กฎหมายต่างชาติ เพราะฉะนั้นกฎหมายไทยให้อำนาจคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาการใช้หรือห้ามใช้ ซึ่งคณะกรรมการวัตถุอันตรายจำนวน 29 คน เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีความรู้ทั้งนั้น ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะมาเรียกประชุมในวันเดียว แต่มีการเตรียมมาเป็นปี และมีมติการห้ามใช้สารเคมีเหล่านี้ ไม่ได้มีการกดดันใดๆ ทางการเมืองแม้แต่น้อย มติที่ออกมาให้มีการยกเลิกการใช้สารเคมีเหล่านี้ก็เป็นไปตามสำนึกความห่วงใยต่อพี่น้องและสุขภาพประชาชน

เมื่อถามว่า สถานทูตสหรัฐฯ ส่งหนังสือโดยแนบท้ายหนังสือของสภาหอการค้าสหรัฐฯ ขอให้ไทยมีการทบทวนมติแบนสารเคมี โดยเฉพาะไกลโฟเซต ไทยจะยืนยันตามมติเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนของกระทรวงสาธารณสุขยืนยันตามมติเดิม ส่วนกระทรวงอื่นก็ต้องแล้วแต่เจ้ากระทรวง เราก้าวก่ายกันไม่ได้ จริงๆ ก็ไม่ควรก้าวก่ายกัน กฎหมายใครกฎหมายมัน เมื่อถามต่อว่าจะต้องชี้แจงปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็แล้วแต่ เพราะไม่ได้ส่งหนังสือมาถึงตน และตนก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องไปชี้แจง แต่หน้าที่ของ สธ.คือรับผิดชอบสุขภาพประชาชน อะไรก็ตามที่บริโภคเข้าไปแล้วเป้นอันตรายต่อร่างกาย สัมผัสแล้วเกิดแผลพุพอง สูญเสียอวัยวะ ตรงนี้เป็นคนละเรื่องกับการค้า ซึ่ง สธ.เกี่ยวข้องกับสุขภาพชีวิตคน เรื่องการค้าไม่ใช่เรื่องที่ สธ.จะให้ความเห็นอะไรได้ หรือจะมาเปลี่ยนแปลงจุดยืนของ สธ.ได้

“ทักษิณ” โพสต์ขอกลับไทย ก่อนวันเกิดเดือน ก.ค.

People Unity News : 9 พฤษภาคม 2566 “ทักษิณ” โพสต์ทวิตเตอร์ ตัดสินใจกลับไทยขอเลี้ยงหลาน ภายใน ก.ค.66 ก่อนวันเกิด ยันจะกลับเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุ “ผมขออนุญาตอีกครั้ง ผมตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลานภายในเดือนกรกฎาคมนี้ก่อนวันเกิดผมครับ ขออนุญาตนะครับ เกือบ 17 ปีแล้วที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัว ผมก็แก่แล้วครับ”

จากนั้นเวลา 10.25 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวอีกครั้ง ระบุว่า “ไม่ต้องกังวลว่าผมจะเป็นภาระพรรคเพื่อไทย ผมจะเข้าสู่กระบวนการกฎหมายและวันที่ผมกล่าวยังเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ ทั้งหมดคือการตัดสินใจของผมเอง ด้วยความรักผูกพันกับครอบครัว แผ่นดินเกิดและเจ้านายของเรา”

ทั้งนี้ นายทักษิณ เกิดวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2492 โดย พ.ศ.2566 นี้ นายทักษิณ จะมีอายุครบ 74 ปี อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2566 นายทักษิณ โพสต์ระบุว่า “เช้าวันนี้ ผมดีใจมากที่ได้หลานคนที่ 7 เป็นชาย ชื่อ ธาษิณ จากน้องอิ๊งค์ แพทองธาร หลานทั้ง 7 คน คลอด ในขณะที่ผมต้องอยู่ต่างประเทศ ผมคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะผมอายุจะ 74 ปี กรกฎานี้แล้ว พบกันเร็วๆ นี้ ครับ ขออนุญาตนะครับ”

Advertisement

“พีระพันธุ์” มั่นใจค่าไฟงวด พ.ค.-ส.ค.ไม่เกิน 4.18 บาท/หน่วย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 มีนาคม 2567 “พีระพันธุ์” มั่นใจค่าไฟฟ้างวดต่อไป (พ.ค.-ส.ค.) ไม่สูงกว่าปัจจุบันแน่นอน หลังลงพื้นที่ตรวจการผลิตก๊าซกลางอ่าวไทย พร้อมหารือ กฟผ. ให้ช่วยกันดูแลประชาชนเพื่อไม่ให้มีภาระค่าไฟฟ้ามากเกินไป ด้าน กกพ. เตรียมเปิด 3 แนวทางเลือกค่าไฟพรุ่งนี้

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจการผลิตก๊าซกลางอ่าวไทย เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะมีก๊าซมากพอ เพื่อการยันราคาค่าไฟฟ้าในรอบใหม่นี้ ตนได้หารือกับนายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และ ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน รวมถึงได้หารือกับผู้บริหาร กฟผ. เพื่อขอให้ช่วยกันดูแลประชาชนตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้เต็มที่เพื่อไม่ให้มีภาระค่าไฟฟ้ามากไปกว่าปัจจุบัน ซึ่งทุกท่านทุกฝ่ายพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะทาง กฟผ. พร้อมที่จะแบกรับภาระหลายอย่างเพื่อประชาชน

“ผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่าราคาค่าไฟฟ้าสำหรับงวดต่อไป (พฤษภาคม – สิงหาคม) จะไม่สูงไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ขอให้มั่นใจว่าผมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมา ณ ที่นี้อีกครั้ง” นายพีระพันธุ์ กล่าว

โดยอัตราค่าไฟฟ้างวดปัจจุบัน (เดือน ม.ค.-เม.ย.) อยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย ซึ่งพรุ่งนี้ (8 มี.ค.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) โดยนายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงาน กกพ. ในฐานะโฆษก กกพ. จะเปิดเผยผลการคำนวณค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (ค่าเอฟที) และข้อเสนอทางเลือกเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นประกอบการพิจารณาเพื่อประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในงวดหน้า (พฤษภาคม – สิงหาคม)

ขณะที่ กฟผ. ยังมีภาระหนี้ที่ต้องแบกรับจากภาระส่วนต่างค่า Ft (เอฟที) แทนประชาชนในช่วงราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564-2565 ซึ่ง ณ เดือนธันวาคม 2566 มียอดคงค้างสูงกว่า 1 แสนล้านบาท

Advertisement

Verified by ExactMetrics