วันที่ 15 พฤษภาคม 2024

ครม.อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือก สว.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 23 เมษายน 2567 ​ครม.อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) คาดมีผลบังคับใช้ 11 พ.ค ประกาศกำหนดวันเลือกและวันรับสมัคร 13 พ.ค. ประกาศผลการเลือก สว. 2 ก.ค 67

วันที่ 23 เมษายน 2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. …. ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการให้ดำเนินการเลือกสมาชิกวุฒิสภาตามมาตรา 107 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เนื่องจากอายุของวุฒิสภาสิ้นสุดลง

นายคารม กล่าวว่า รัฐธรรมนูฐแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 269 (4) บัญญัติให้อายุของวุฒิสภาตามมาตรานี้ มีกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งและได้มีพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2562 อายุของวุฒิสภาจึงครบกำหนด 5 ปี และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 แต่ยังอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีสมาชิกวุฒิสภาขึ้นใหม่ ดังนั้น เมื่ออายุของวุฒิสภาสิ้นสุดลง ให้ดำเนินการเลือกสมาชิกวุฒิสภาโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 107 วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งบัญญัติให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภาให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา และภายใน 5 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันเริ่มดำเนินการเพื่อเลือกไม่ช้ากว่า 30 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับ

“เพื่อให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107 วรรคห้า และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 21 จึงได้จัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. …. ขึ้น โดยมีสาระสำคัญเป็นการให้ดำเนินการเลือกสมาชิกวุฒิสภา โดยมีสาระสำคัญเป็นการให้ดำเนินการเลือก สว. และจัดทำร่างแผนการจัดการเลือก สว. ทั้งนี้ ภายใน 5 วันนับตั้งแต่ที่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือก สว. ใช้บังคับ กกต.จะกำหนดวันเริ่มดำเนินการเพื่อเลือกไม่ช้ากว่า 30 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ซึ่ง กกต.คาดว่า พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือก สว. จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ประกาศกำหนดวันเลือกและวันรับสมัครในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 กำหนดวันเลือก สว.ระดับอำเภอในวันที่ 9 มิถุนายน 2567 กำหนดวันเลือก สว.ระดับจังหวัดในวันที่ 16 มิถุนายน 2567 กำหนดวันเลือก สว. ระดับประเทศในวันที่ 26 มิถุนายน 2567 และกำหนดวันที่จะประกาศผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภาในวันที่ 2 กรกฎาคม 2567” นายคารม กล่าว

Advertisement

ครบ 64 ปี วันสถาปนากองทัพไทย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 มีนาคม 2567 กองบัญชาการกองทัพไทย – “พล.อ. ทรงวิทย์” บวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรฯ ในโอกาส ครบ 64 ปี วันสถาปนากองทัพไทย มีอดีต ผบ.ททส. เข้าร่วม

พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน จัดกิจกรรมเนื่องในวันสถาปนากองบัญชาการกองทัพไทย ครบ 64 ปี โดยมีพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ บริเวณลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช  โดยมีอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาร่วมงาน อาทิ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ  พล.อ.วิโรจน์  แสงสนิท  พล.อ.มงคล  อัมพรพิสิฏฐ์ พล.ร.อ. ณรงค์ ยุทธวงศ์  พล.อ.สมหัต  อัตตะนันทน์  พล.อ.เรืองโรจน์  มหาศรานนท์ พล.อ.บุญสร้าง  เนียมประดิษฐ์  พล.อ.ธนะศักดิ์  ปฏิมาประกร  พล.อ. วรพงษ์  สง่าเนตร พล.อ. สมหมาย  เกาฎีระ  พล.อ.สุรพงษ์  สุวรรณอัตถ์  พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ พล.อ. พรพิพัฒน์  เบญญศรี พล.อ. เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์

สำหรับกองบัญชาการทหารสูงสุดก่อตั้ง เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2503 ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ได้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดส่วนราชการตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 จากกองบัญชาการทหารสูงสุด เป็น กองบัญชาการกองทัพไทย โดยยังคงให้ยึดถือวันที่ 16 มีนาคมของทุกปี เป็นวันสถาปนากองบัญชาการกองทัพไทย

สำหรับ กองบัญชาการกองทัพไทย ถือเป็นหน่วยที่เป็นศูนย์กลางของการปฏิบัติการร่วมของเหล่าทัพ  ในบทบาทของกองทัพไทย อันประกอบด้วย กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ  และมีหน่วยปฏิบัติการร่วมทางยุทธการ ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มีหน้าที่ในการควบคุม อำนวยการ สั่งการ และกำกับดูแลส่วนราชการในกองทัพไทย ให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างประสานสอดคล้อง โดยใช้ทุกศักยภาพที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการอำนวยการร่วมป้องกันประเทศ พัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคง เป็นหน่วยงานที่ยึดมั่นในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติในทุกมิติ โดยยึดมั่นในเจตนารมณ์ที่สำคัญ ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านการพัฒนากำลังพล ด้านการสื่อสารทางยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนการใช้ทรัพยากรของกองทัพให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

โดยตลอดระยะเวลา 64 ปีที่ผ่านมา กองบัญชาการกองทัพไทย ดำรงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยพร้อมที่จะปฏิบัติทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มขีดความสามารถ โดยยึดถือผลประโยชน์ และความสงบสุขของประเทศชาติเป็นสำคัญ มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของกำลังพลกองบัญชาการกองทัพไทยทุกนาย ให้มีความพร้อมที่จะอุทิศตนปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ พร้อมเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างความกินดีอยู่ดีให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน  และดำรงไว้ซึ่งความสงบสุขของประเทศชาติสืบไป

Advertisement

ยื่นศาล รธน.ชะลอโหวตนายกฯ 27 ก.ค.นี้

People Unity News : 24 กรกฎาคม 2566 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน- ที่ประชุมด่วนผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติให้ส่งศาล รธน. ออกคำสั่งชะลอการโหวตนายกฯ 27 ก.ค.นี้ หลังเกิดปมใช้ข้อบังคับ 41 ห้ามเสนอชื่อซ้ำในการลงมติเลือกนายกฯ เตรียมส่งคำร้อง 1-2 วันนี้

พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาชิกรัฐสภาและประชาชน จำนวน 17 คำร้องเรียน โดยผู้ร้องเรียนขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 25610 มาตรา 213 จากกรณีที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ลงมติวินิจฉัยว่า การเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็น “ญัตติ” ซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41 ซึ่งกำหนดว่า “ญัตติใดที่ตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน” เป็นการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียน จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ

“ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ประชุมปรึกษาหารือและเห็นชอบร่วมกัน โดยพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนว่าเข้าองค์ประกอบ เงื่อนไข และหลักเกณฑ์ ในการเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 หรือไม่ โดยเห็นว่า รัฐสภาเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นหนึ่งในสามของอำนาจอธิปไตย รัฐสภาจึงถือเป็นหน่วยงานซึ่งใช้อำนาจรัฐ หากการกระทำของรัฐสภาละเมิดสิทธิเสรีภาพ ย่อมถูกตรวจสอบได้โดยศาลรัฐธรรมนูญ และการกระทำของ “รัฐสภา” ในการลงมติวินิจฉัยว่า การเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็น “ญัตติ” ซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41 นั้น เป็นการนำข้อบังคับการประชุมไปทำให้กระบวนการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้กำหนดเรื่องการพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้เป็นการเฉพาะแล้ว มาตรา 159 ประกอบ มาตรา 272 การกระทำของรัฐสภาดังกล่าวจึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ การกระทำของรัฐสภาที่ลงมติวินิจฉัยดังกล่าว เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้ร้องเรียนโดยตรง” เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าว

พ.ต.ท.กีรป กล่าวว่า ผู้ร้องเรียนเป็นสมาชิกรัฐสภาและประชาชนผู้ทรงสิทธิและเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ตามหมวด 3 ว่า สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย หากการกระทำของรัฐสภาดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ การกระทำดังกล่าวย่อมเป็นอันใช้ไม่ได้ และมีผลเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียน นอกจากนี้ ปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของการกระทำของรัฐสภาดังกล่าวยังคงมีอยู่และมิได้รับการวินิจฉัยให้เป็นที่ยุติ ย่อมส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียนและประชาชนทั่วไป ซึ่งอยู่ภายใต้การใช้อำนาจของรัฐโดยรัฐสภา ผู้ร้องเรียนรวมถึงประชาชนทั่วไปจึงได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ คำร้องเรียนส่วนหนึ่งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุติการเลือกนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีข้อวินิจฉัย ซึ่งเป็นคำขอเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดมาตรการหรือวิธีการใด ๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย

“ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อป้องกันความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาในภายหลัง และเป็นคำขอที่อยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้ จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รัฐสภารอการดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีข้อวินิจฉัย ซึ่งเป็นดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่อไป ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงวินิจฉัยให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช  2560 ประกอบ มาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 โดยจะส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน1-2 วันนี้ เพื่อให้ทันศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อนการนัดประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 27 ก.ค.นี้” เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าว

Advertisement

“ธนกร”ลั่นรัฐบาลพร้อมรับมือฝ่ายค้านซักฟอกทุกเมื่อ

People Unity News : “ธนกร”ลั่นรัฐบาลพร้อมรับมือฝ่ายค้านซักฟอกทุกเมื่อ สวน”สุทิน”อย่าจิตตก ยันไม่มีกลั่นแกล้ง แจงเป็นอำนาจ”ชวน”ที่จะบรรจุวาระ ขณะที่”บิ๊กป้อม”ไม่หวั่นปัดทีมศก.เกิดเกาเหลา

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ระบุว่า ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่เกรงว่ารัฐบาลจะกลั่นแกล้งบรรจุญัตติใกล้ช่วงปีใหม่ว่า นายสุทินวิตกเกินเหตุ ขอให้ใจเย็นๆ ทำจิตใจให้สบายๆ อย่ามองโลกในแง่ร้าย รัฐบาลพร้อมจะชี้แจงทุกที่ทุกเวลา วันไหนก็ได้ เพราะเรามั่นใจว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อพี่น้องประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม การบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นเป็นอำนาจของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล

นายธนกร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา4เดือนกว่ารัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ ทุกนโยบายขับเคลื่อนเต็มสูบ แม้ว่าประเทศจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก รัฐบาลก็พยายามออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยประคองให้เศรษฐกิจเดินหน้าให้ได้ โดยเฉพาะการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก รัฐบาลทำงานหามรุ่งหามค่ำ ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนทราบดี ที่สำคัญรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นเหมือนรัฐบาลในอดีต ดังนั้น เชื่อว่ารัฐบาลสามารถชี้แจงได้ทุกเรื่อง ขณะที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายในประเด็นความล้มเหลวในการบริหารงานนั้น ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล เพราะรัฐบาลทำงานมา4เดือน งบประมาณปี2563ก็ยังไม่ได้ใช้ บวกกับประเทศเจอปัญหาเศรษฐกิจโลก เรียกว่ารัฐบาลทำเต็มที่แล้ว ขนาดสำนักวิจัยซูเปอร์โพลยังยกให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นครม.ในใจประชาชน เพราะทำงานหนัก กล้าคิด มือสะอาด

“บิ๊กป้อม”ไม่หวั่นศึกอภิปราย ปัดทีมศก.เกิดเกาเหลา

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงการสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เตรียมพร้อมรับศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า เรื่องที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่เป็นไรเป็นเรื่องของฝ่ายค้าน ก็ได้กำชับในที่ประชุม ครม.และทุกกระทรวงไปแล้ว ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลและนโยบายต่างๆไม่ได้มีปัญหา เพราะทุกคนอยู่ในรัฐบาล

“ส่วนตัวของผมก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะเราไม่มีอะไร จะต้องไปเตรียมความพร้อมเรื่องอะไร ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุว่าจะล็อคเป้าไว้ที่ 3 ป.นั้น ก็ทำไปเถอะ แต่ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไร” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลจำเป็นต้องมีการพูดคุยกันก่อนที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้ฝ่ายค้านยังไม่ได้ยื่นญัตติเลย ยังไม่รู้รายละเอียดว่าจะอภิปรายใครบ้าง รอให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติก่อน

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าฝ่ายค้านจะพุ่งเป้าไปที่ประเด็นเศรษฐกิจนั้น เป็นเรื่องของทีมเศรษฐกิจซึ่งทีมเศรษฐกิจทั้งหมดยืนยันมีเอกภาพอยู่ ไม่มีเอกภาพจะอยู่กันได้อย่างไร และตลอด 3 เดือนของการทำงานที่ผ่านมารัฐบาลมีความตั้งใจทำงานตามกฎหมาย และไม่มีอะไรที่จะทำให้เกิดความข้องใจ รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่และร่วมมือกันทุกฝ่าย

กกต.คาดเลือกตั้ง 66 มีเรื่องร้องเรียนกว่า 2,000 เรื่อง

People Unity News : 12 พฤษภาคม 2566 “ฐิติเชฎฐ์” เผยเลือกตั้ง 66 แข่งขันรุนแรงกว่าปี 62 คาดมีเรื่องร้องเรียนมากกว่า 2,000 เรื่อง เชื่อมี “ใบเหลือง-ใบแดง” แน่นอน แต่ขอให้เข้าใจกระบวนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของ กกต.ต้องใช้เวลา ไม่ใช่สูตรสำเร็จ เน้นให้ความเป็นธรรม หลักฐานชัดเจน

นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงเรื่องร้องเรียนการทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง ส.ส. ว่าเรื่องร้องเรียนขณะนี้ที่มีการแจ้งข้อมูล เบาะแส ทั้งหมด 127 เรื่อง และมีคำร้องที่วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว 33 เรื่อง สั่งไม่รับเป็นคำร้อง และอยู่ระหว่างดำเนินการ 94 เรื่อง ซึ่งเรื่องไหนที่เห็นว่ามีมูล ตรวจข้อเท็จจริงได้เราก็จะดำเนินการ และเมื่อเห็นว่าเข้าข่ายมีความผิดตามกฏหมายก็จะตั้งกรรมการสืบสวนไต่สวนดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

ส่วนเรื่องใบเหลืองใบแดง ในการเลือกตั้งครั้งนี้ นายฐิติเชฏฐ์ กล่าวว่า คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจะดูว่าถ้าเป็นการกระทำความผิด เราจะไม่ละเว้น ใบเหลืองใบแดงก็อาจจะต้องเกิดขึ้น และมากน้อยเท่าไหร่คาดเดาไม่ได้

เมื่อถามถึง การที่ กกต.ในฐานะผู้ควบคุมการเลือกตั้งถูกจับตา เรื่องความโปร่งใสในการทำงาน นายฐิติเชฏฐ์ กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 6 คน และทั้ง 6 คน มีความสุจริตและเที่ยงธรรม  มีภูมิหลัง มีศักดิ์ศรี มีเกียรติยศ เพราะฉะนั้นกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 6 คน ขอยืนยันว่าไม่ฝักใฝ่หรือช่วยเหลือพรรคใดพรรคหนึ่ง เราจะวางตัวเป็นกลาง อันไหนเป็นปัญหาที่ร้องเรียน ก็ต้องกล้ามาเป็นพยาน ถ้าร้องเรียนแล้ว พอเวลาสืบสวนไต่สวนแล้ว เรียกมาเป็นพยานแล้ว ไม่ให้การที่เป็นประโยชน์ มีกระแสหลายกระแสบอกว่าเรื่องร้องเรียน กกต. ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องมีข้อเท็จจริง หรือมีการซื้อเสียง กกต.ไม่เห็นทำอะไรได้เลย กระบวนการของ กกต. ต้องทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ขององค์กร ต้องให้ความเป็นธรรมทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง

นายฐิติเชฏฐ์ กล่าวว่า เราต้องให้ความเป็นธรรมผู้ถูกร้องอย่างเต็มที่ในการแสดงพยานหลักฐาน ว่าเขาไม่ได้กระทำความผิดตามที่ร้องเรียน ผู้ร้องก็ต้องหาพยานหลักฐานมาให้พร้อมมูล เพราะเชื่อจากนี้ไปจะมีเรื่องร้องเรียนมาที่ กกต หลายพันเรื่อง ซึ่งเราจะต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามขั้นตอน เรื่องร้องเรียนทุกเรื่องจะถูกตรวจสอบ โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนและตั้งอนุกรรมการวินิจฉัย เพื่อตรวจสอบว่ามีหลักฐานเพียงพอหรือไม่ ถ้ามีหลักฐานเพียงพอก็ดำเนินคดี ให้ใบเหลืองใบแดง  ถ้ามีหลักฐานไม่เพียงพอก็สั่งไม่รับคำร้องและสั่งยุติเรื่อง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ระยะเวลา

“ท่านร้องเรียนมาไม่ใช่เป็นสูตรสำเร็จรูปว่า ร้องเรียนวันที่ 1 แล้ววันที่ 30 เราพิจารณาให้ท่านเสร็จ ไม่ใช่หรอกครับ แล้วเรื่องที่จะต้องพิจารณาในการเลือกตั้งครั้งนี้ คาดว่าเรื่องร้องเรียนไม่ต่ำกว่า 2,000 เรื่อง ส่วนการแข่งขันในการเลือกตั้งปี 2566 นี้มีการแข่งขันสูง แต่เราจะอาศัยบทเรียนจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 มาเป็นบทเรียนแล้วมีการแก้ไข ถึงแม้ว่าการแข่งขันในการเลือกตั้งปี 2566 นี้จะสูงขนาดไหน แต่ กกต.จะยึดมั่นในความถูกต้อง ถ้าทำความผิดเราจะดำเนินการโดยเคร่งครัด ถ้าไม่ได้กระทำความผิดไม่ต้องกลัว กกต. จะไปกลั่นแกล้ง หรือไปให้ร้าย ถ้าไม่ได้กระทำความผิดเชื่อมั่นใน กกต.ได้ เราไม่ลงโทษ แต่ถ้ากระทำความผิดเราลงโทษแน่”

Advertisement

“ประยุทธ์” เชิญชวนประชาชนประเมินความโปร่งใสหน่วยงานภาครัฐผ่านทางแอป ไอทีเอเอส

People Unity News : นายกรัฐมนตรีประกาศให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตเป็น “วาระแห่งชาติ” พร้อมชวนประชาชนและข้าราชการ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพ และคุณธรรมของหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศ

17 พฤษภาคม 2564 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวคำปราศรัย เชิญชวนประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าร่วมการประเมินคุณธรรมความโปร่งใสในการดำเนินงานของภาครัฐ (ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการทุจริตส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการภาครัฐ การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และการพัฒนาประเทศ รวมถึงภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ทั้งในแง่การรับรู้ของภาคประชาชน และภาคธุรกิจ รัฐบาลได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้มีการปฏิบัติอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม

ทุกปี องค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ จะดำเนินการสำรวจสถานการณ์การทุจริตของทุกประเทศทั่วโลก โดยในปีที่ผ่านมาประเทศไทยถูกจัดอันดับปัญหาการทุจริตผ่านดัชนีการรับรู้การทุจริตหรือ คอรัปชั่น เพอเซพชั่น อินเดกซ์ หรือค่าซีพีไอ (CPI) โดยมีค่าคะแนนอยู่ในอันดับที่ 104 จากประเทศที่เข้าร่วมประเมินทั้งหมด 180 ประเทศทั่วโลก

นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า  รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ จึงร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ด้านการปรับสมดุล และพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ซึ่งยึดหลักภาครัฐของประชาชน เพื่อประชาชน และประโยชน์ส่วนรวม เพื่อสร้างภาครัฐให้โปร่งใส ปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ มีการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล และมุ่งสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต รวมทั้งความละอายต่อการทุจริต ประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ ตลอดจนสร้างจิตสำนึกและค่านิยมในการปฏิเสธไม่ยอมรับการทุจริตอย่างสิ้นเชิง โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน และภาคีต่างๆ ร่วมมือกันในการลดและป้องกันการทุจริตให้ได้ผลอย่างยั่งยืน

โดยได้มีการนำระบบการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ หรือที่เรียกว่า ไอทีเอ (ITA) มาใช้ในการยกระดับธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ และองค์กรอิสระ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำข้อเสนอแนะที่ได้ไปใช้ในการปรับปรุง พัฒนาการปฏิบัติงาน ให้มีความโปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาด้านการบริหารจัดการภาครัฐของประเทศ

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียังเชิญชวนคนไทย ทั้งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกหน่วยงานเข้ามามีส่วนร่วมในการยกระดับความโปร่งใสของประเทศไทยให้มีมาตรฐานในระดับสากล และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพ และคุณธรรมในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศ โดยร่วมกันประเมินหน่วยงานภาครัฐที่เคยติดต่อหรือรับบริการได้ทางเว็บไซต์สำนักงาน หรือทางแอปพลิเคชัน ไอทีเอเอส (ITAS) ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 โดยจะมีการประกาศผลการประเมิน ไอทีเอ ของหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศให้ต่อไป

Advertising

“ธนาธร”มาแล้ว! ฝ่ายค้านงดออกเสียง234! งบฯปี2563″บิ๊กตู่”ผ่านฉลุย 251เสียง

People Unity : ฝ่ายค้านงดออกเสียง 234! งบฯปี2563″บิ๊กตู่”ผ่านฉลุย 251 เสียง ตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาปรับปรุงแก้ไข “อนาคตใหม่” เผยเหตุงดออกเสียงหวังให้โอกาสชั้น กมธ.ลงรายละเอียด “ธนาธร”มาแล้ว! ร่วมทีม กมธ. โควต้าพรรค

วันที่ 19 ต.ค.2562 ที่รัฐสภา หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงก่อนลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านบาทว่า การจัดทำร่างดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่แสดงต่อสภาผู้แทนราษฎร และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างศักยภาพการแข่งขันและศักยภาพคน ให้ความสำคัญกับการบูรณาการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน และมีการกระจายผลประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม สร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรทุกภาคส่วน มุ่งหวังให้มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน

ส่วนข้อสังเกตที่สมาชิกอภิปรายไว้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอฝากให้คณะกรรมาธิการวิสามัญที่สภาแห่งนี้แต่งตั้งขึ้น นำมาประกอบการพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบยิ่งขึ้น ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ตามที่ทุกคนมุ่งหวังไว้ทุกประการ

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เห็นชอบ 251 งดออกเสียง 234

อนาคตใหม่”เผยเหตุ”งดออกเสียงหวังให้โอกาสชั้น กมธ.ลงรายละเอียด “ธนาธร” มาแล้ว! ร่วมทีม กมธ. โควต้าพรรค

ขณะที่น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึง กรณีพรรคอนาคตใหม่มีมติงดออกเสียง ในการรับหรือไม่รับร่าง พ.ร.บ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 โดยระบุว่าในเรื่องของวงเงิน 3.2 ล้านล้าน นั้นเป็นกรอบที่พรรครับได้ ไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่เรามีปัญหาคือเรื่องของรายละเอียดในการจัดสรรงบประมาณ ดังนั้น มติของพรรคจึงเป็นการงดออกเสียงในชั้นรับหลักการ เพื่อจะไปดูรายละเอียดในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) ซึ่งเราจะทำอย่างเต็มที่ ภายใต้ 4 หลักคิดได้เสนอไปแล้วในการอภิปราย คือ 1.ลดงบดำเนินการแล้วเพิ่มงบการลงทุน 2. เปลี่ยนจากงบประมาณและการตัดสินใจอยู่ที่ส่วนกลาง ไปเป็นงบประมาณและการตัดสินใจที่ท้องถิ่น 3. ปรับการลงทุนเมกะโปรเจคเป็นการลงทุนเพื่อคนทุกคน และ 4. ลงทุนกับทรัพยากรมนุษย์โดยสร้างสวัสดิการสำหรับทุกคน โดยในชั้น กมธ. จะนำทีมโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งจะทำงานเรื่องนี้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หากในรายละเอียดไม่มีการปรับปรุงตามที่เราพยายามผลักดันให้เหมาะสมการพัฒนาประเทศ ก็พร้อมที่จะโหวตคว่ำในวาระสุดท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับรายชื่อ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ประกอบด้วย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงษ์วุฒิ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ นายณธีภัทร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ และ นายวีรศักดิ์ เครือเทพ

“วีระ”โชว์หลักฐาน “ปารีณา” รุกป่า จ่อโดนปมฟอกเงินเพิ่ม

People Unity News : “วีระ สมความคิด” เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น โชว์หลักฐาน “ปารีณา” รุกป่า จ่อโดนปมฟอกเงินเพิ่ม

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ได้เดินทางนำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ แก่ ร.ต.อ.กัมปนาท เจริญศรี รอง สว. (สอบสวน) สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี หลังได้ทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินในพื้นที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี รวมกว่า 1,700 ไร่

นายวีระ กล่าวว่า จากข้อมูลทราบว่าฟาร์มของ น.ส.ปารีณา มีการขออนุญาตประกอบกิจการทำฟาร์มเลี้ยงไก่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 แล้วต้องต่ออายุทุก ๆ 3 ปี ส่วน นายทวี ไกรคุปต์ ให้ข้อมูลกับทางรัฐสภาว่า ครอบครัวได้ครอบครองที่ดินแปลงนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 และข้อมูลที่มีการนำมาเปิดเผยคือข้อมูลจากปี 2553 -2556 ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นชัดว่า มีการเข้าบุกรุกครอบครองเพื่อทำกิจการ ทำประโยชน์ในที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในเอกสารที่นำมาวันนี้ มีรายละเอียดหลักฐานทั้งหมด

นอกจากนี้ยังมีหลักฐานของ ป.ป.ช. เป็นเอกสารเกี่ยวกับการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ตั้งแต่ลำดับที่ 19 เป็นต้นไป หมู่ 6 ต.รางบัวทั้งหมดเลย เป็นที่ดินจำนวน 1,700 ไร่ ที่มีมูลค่าเป็นเงิน 200,000 บาท ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ระหว่างราคาที่ดินกับมูลค่าจำนวนเงิน ซึ่งคงต้องเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะเป็นผู้ดำเนินการสืบสวนเรื่องนี้ต่อ

เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีเกี่ยวข้องกับกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบสวนเสร็จแล้ว และจะรวบรวมเอกสาร ยื่นต่อ ปปง. เป็นไปตามกฎหมาย ตามระเบียบสำนักนายก เพราะเข้ามูลฐานความผิดที่ 15 ของกฎหมายฟอกเงิน เกี่ยวกับการบุกรุกครองครองที่ดินเป็นทรัพยากรธรรมชาติ ต้องไปตรวจสอบร่วมกันระหว่างพนักงานสอบสวน กับ ปปง. ต้องประสานงานกัน อาจจะต้องนำไปสู่การยึดทรัพย์ต่อไป

“อุตตม”ชง ครม.ไฟเขียว”ชิมช็อปใช้”เฟส 2 พ่วงช่วยดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์

People Unity : “อุตตม”ชง ครม.ไฟเขียว”ชิมช็อปใช้”เฟส 2 พ่วงช่วยดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัดหารือททท.ลดภาษีนำเข้าแบรนด์เนม

เมื่อเวลา 08.20 น.วันที่ 22 ต.ค.2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ตนจะเสนอให้ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบใน 2 ประเด็น คือ 1.โครงการชิมช็อปใช้ เฟส 2 และ 2.มาตราการในการช่วยดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นตอนต่อในการดูแลเศรษฐกิจในในภาวะที่เศรษฐกิจภายนอกไม่ดี ส่งผลต่อรายได้ ทำให้เราต้องดูแลตัวเอง ทั้งนี้โครงการในเฟสที่ 2 จะไม่เหมือนเฟสแรก และหาก ครม.เห็นชอบก็จะดำเนินการได้

ช่วงบ่ายวันนี้จะมีการแถลงข่าวที่กระทรวงการคลังรูปแบบในเฟสที่ 2 เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ส่วนกรณีที่มีปัญหาห้างร้านที่มีการรับบาร์โค้ดมาหักหัวคิวนั้น เราได้ดำเนินการแก้ไขแล้ว และพบว่าเป็นส่วนน้อย พร้อมได้เตือนไปแล้วว่าอย่าทำแบบนี้เพราะไม่ตรงกับเจตนารมณ์ ซึ่งหากขัดกฎหมายก็จะต้องดำเนินการ โดยทางกระทรวงมีคณะกรรมการประเมินผลการทำงาน มีปลัดกระทรวงเป็นประธานในการดำเนินการตรวจสอบต่อไป ซึ่งหากมีใครกระทำผิดก็ต้องดูเป็นรายกรณีไป

ปัดหารือททท.ลดภาษีนำเข้าแบรนด์เนม

นายอุตตม เปิดเผยถึงกรณีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมจาก 30% เหลือ 5% ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว และยังไม่มีหนังสือข้อเสนอให้ปรับลดภาษีสินค้าแบรนด์เนม รวมทั้งยังไม่มีเคยมีการหารือกับทาง ททท.แต่อย่างใด ดังนั้นจึงยังขอรอดูในรายละเอียดก่อนว่าเป็นอย่างไร ถึงจะสามารถบอกได้ว่าควรจะมีการปรับลดภาษีดังกล่าวหรือไม่

“ยังไม่มีหนังสือส่งมาถึง เลยยังบอกอะไรไม่ได้ ทุกอย่างต้องขอรอดูก่อน รอข้อเสนอก่อน ขอเวลาพิจารณาก่อน แล้วค่อยมาว่ากันว่ากระทรวงการคลังจะเอายังไง” นายอุตตม กล่าว

ด้านนายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวว่า นายอุตตม ยังไม่ได้สั่งการให้สศค.ศึกษาเรื่องดังกล่าว แต่หากต้องมีการศึกษาเพื่อเสนอแนวทางการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจริง ก็จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากในทางภาษีสินค้าที่นำเข้าทุกประเภทไม่ได้ระบุว่ายี่ห้อใดหรือแบบใดเป็นสินค้าแบรนด์เนม ดังนั้นจะต้องดูความเหมาะสมหากต้องปรับลด ว่าจะกระทบกับผู้ประกอบการในไทยหรือไม่ด้วย

“ที่ผ่านมาก็เคยมีการเสนอแบบนี้มาแล้ว แต่ทำได้ยาก เพราะผลกระทบที่มีต่อผู้ประกอบการไทยก็มีเช่นกัน เช่น เครื่องหนัง ไม่ได้มีการระบุว่ายี่ห้อใดหรือประเภทใดเป็นสินค้าแบรนด์เนม ดังนั้นหากจะลดภาษีจาก 30% เหลือ 5% ก็จะต้องลดทั้งหมด ซึ่งมันจะเหมาะสมหรือไม่ ก็ต้องดูด้วย จะขอลดเลยอย่างเดียวไม่ได้”นายลวรณ กล่าว

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ระบุว่า ได้หารือกับกระทรวงการคลังถึงกรณีการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งหากปรับลดได้ จะสามารถกระตุ้นการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวให้สูงขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยในช่วงปีใหม่ และตรุษจีนในปีหน้า

ส.ส.ราชบุรี”พปชร.”พาผู้ถูกจับลิขสิทธิ์ 9 รายแจ้งความขอความชัดเจน

People Unity News : ส.ส.ราชบุรี”พปชร.”พาผู้ถูกจับลิขสิทธิ์ 9 ราย แจ้งความขอความชัดเจน ที่ สภ.เมืองราชบุรี

วันที่ 9 พ.ย.2562 เวลา 15.00 น. ( 9 พ.ย. 62 ) ที่ สภ.เมืองราชบุรี นางสาวกุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 และ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ได้นำผู้ถูกจับลิขสิทธิ์ 9 ราย เดินทางมาแจ้งความ กับ ร.ต.อ. หญิง ศิริวรรณ ธรรมมา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี หลังถูกเจ้าหน้าที่ลิขสิทธิ์จับกุมจนเสียเงินไปจำนวนมาก โดยนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.เขต 3 นำมา 1 ราย และ นางสาวกุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรีเขต 1 นำมา 8 ราย

นางสาวปารีณา และนางสาวกุลวลี เปิดเผยว่า มีชาวบ้านมาร้องเรียนขอความช่วยเหลือเรื่องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ที่กำลังเป็นข่าว วันนี้ทางส.ส.กุลวลีก็ได้พาลูกบ้านมาด้วย วันนี้ ประมาณ 10 ราย เป็นคนในพื้นที่ของ ส.ส.กุลวลี 9 ราย และคนในพื้นที่ ส.ส.ปารีณา 1 ราย เลยพากันมาแจ้งความวันนี้เพื่อมาดูความชัดเจนว่ามีกระบวนการล่อให้กระทำความผิดแล้วใช้ช่องโหว่กฎหมายที่จะล่อซื้อ หรือมีพฤติกรรมกับเด็กที่โดนเรื่องกระทงอายุ 15 ปี จึงมาขอความชัดเจนของตำรวจถึงการสืบสวนสวน เพราะตัวแทนของลิขสิทธิ์เป็นคนที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ส่วนใหญ่ที่มาวันนี้จะถูกนคนเดิมในข่าวมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน

พ.ต.อ.อภิชาต พุทธบุญ ผกก.สภ.เมือง กล่าวว่า ทาง ส.ส.ได้ประสานมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะนำตัวคนที่เคยถูกจับเรื่องลิขสิทธิ์ในห้วงที่ผ่านมา เพื่ออยากให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จริงหรือไม่ หรือได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์มาดำเนินการ เบื้องต้นทางส.ส.ได้แจ้งมา 9 ราย ที่สะดวกมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนวันนี้ ในส่วนของรองผู้กำกับ หัวหน้างานสอบสวนได้ตั้งทีมพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำและอำนวยความสะดวกและจะดำเนินการทำหนังสือสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริงและจะสอบถามถึงการได้มอบอำนาจให้แก่ผู้ใดดำเนินการเรื่องลิขสิทธิ์เป็นไปตามกระบวนการตามขั้นตอน

Verified by ExactMetrics