วันที่ 30 ตุลาคม 2025

“ลุงป้อม” ยิ้ม “น้องกันยา” รอพบ

People Unity News : 11 มกราคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล – “พล.อ.ประวิตร” ยิ้มหลัง “น้องกันยา” ที่มาร่วมงานคณะเยาวชนเข้าพบนายกฯแล้ว แต่ยังอยู่ต่อรอขอถ่ายรูป พร้อมบอกเป็นกำลังใจให้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับทูตต่างประเทศ  ก่อนเดินทางกลับได้เปิดโอกาสให้ ด.ญ.กันยกร พลบวรเดชสกุล หรือ น้องกันยา อายุ 8 ขวบ เด็กคณิตศาสตร์โอลิมปิคของสถาบัน WIMO ซึ่งได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของฮ่องกง ได้รับรางวัลคณิตศาสตร์โอลิมปิกสองปีซ้อน ซึ่งมาร่วมกิจกรรมเด็กและเยาวชนดีเด่นและเด็กที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ และได้รับโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล แต่ยังอยู่ต่อรอขอถ่ายรูปกับ พล.อ.ประวิตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ พล.อ.ประวิตรพบน้องกันยา ก็มีท่าทียิ้มแย้มเป็นกันเองและเปิดโอกาสให้น้องกันยา พร้อมกับครอบครัวได้ถ่ายรูปร่วมกัน ขณะที่น้องกันยา กล่าวให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตรว่า “หนูขอเป็นกำลังใจให้นะคะ” ซึ่ง พล.อ.ประวิตรยิ้มและจับศีรษะน้องกันยาอย่างเอ็นดู และมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา จนผู้สื่อข่าวกระเซ้า พล.อ.ประวิตรว่าขอถ่ายรูปได้ไหม เพราะเป็นเด็กเหมือนกัน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวติดตลกกับผู้สื่อข่าวว่า “เด็กอะไรกันแก่จะตายห่าอยู่แล้ว” พร้อมกับอมยิ้ม แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์และออกจากทำเนียบรัฐบาล

Advertisement

นายกฯ “แพทองธาร” เชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมรับฟังรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร”

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 31 มกราคม 2568 วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 07.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมรับฟังรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ซึ่งเป็นการจัดรายการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี

“คำว่าโอกาสเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องสร้างให้กับพี่น้องประชาชนให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมมาร่วมฟังโอกาส นโยบาย วิสัยทัศน์ และเบื้องหลังการทำงานจากทำเนียบรัฐบาลส่งตรงถึงพี่น้องประชาชนกับรายการโอกาสไทยกับนายกแพทองธาร พบกันได้ทุกวันอาทิตย์ต้นเดือนหลังเคารพธงชาติ” นายกรัฐมนตรี ย้ำ

สำหรับรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” #EmpoweringThais กำหนดออกอากาศครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568  ตั้งแต่ เวลา 08.00 – 08.30 น. และจะออกอากาศทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน  ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT2HD ททบ. 5 MCOT และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ รวมถึงคลื่นวิทยุในส่วนราชการต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังสามารถรับชมผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ในทุกช่องทางของรัฐบาล ทั้งเว็บไซต์รัฐบาลไทย ไทยคู่ฟ้า เว็บไซต์ของกรมประชาสัมพันธ์ และประชาสัมพันธ์จังหวัดทั่วประเทศ

Advertisement

“แพทองธาร” โพสต์ขอโทษชาวแพร่ อากาศไม่เอื้อ วันนี้ไปได้แค่ “น่าน”

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 สิงหาคม 2567 “แพทองธาร” ขอโทษชาวแพร่ อากาศไม่เอื้อไปได้แค่ “น่าน” กทม. – “แพทองธาร” ขอโทษชาวแพร่ลงพื้นที่ไม่ได้ สาเหตุจากสภาพอากาศทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ โดยไปที่น่านจังหวัดเดียว พร้อมส่งกำลังใจไปภูเก็ต

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความด่วน ระบุว่า “ต้องขออภัยพี่น้องประชาชน จ.แพร่ เป็นอย่างสูงค่ะ จากเดิมที่ดิฉันตั้งใจจะลงพื้นที่ 2 จังหวัดคือน่าน แพร่ในวันนี้ แต่เนื่องจากสภาพอากาศในพื้นที่ทำให้ไม่สามารถเดินทางไป จ.แพร่ได้ ในวันนี้จึงเป็นการเดินทางไป จ.น่านได้เพียงจังหวัดเดียว โดยจะไปที่ อ.เมือง และ อ.ภูเพียง ต้องขออภัยอีกครั้งค่ะ

ดิฉันขอส่งกำลังใจให้พี่น้อง จ.แพร่ ผ่านทาง สส. ทั้ง 3 ท่านของเรา คือ สส.ทศพร เสรีรักษ์, สส.นิยม วิวรรธนดิฐกุล และ สส.วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ที่ตอนนี้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และประสานความช่วยเหลืออยู่อย่างต่อเนื่อง

ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เป็นสิ่งที่ดิฉันและทีมงานให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาให้ได้ค่ะ

ดิฉันขอส่งความห่วงใย และกำลังใจให้พี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังในทุกจังหวัด ซึ่งรวมถึงใน จ.ภูเก็ต ที่มีเหตุการณ์ดินถล่มด้วย (ทราบจากพื้นที่ว่าตอนนี้คลี่คลายแล้ว เหลือการจัดการพื้นที่) ดิฉันและทีมงานจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดค่ะ”

Advertisement

พช.ดึงนวดแผนไทยวัดโพธิ์ติวสตรีฯเสริมแกร่ง OTOP นวัตวิถี

People Unity News : อธิบดี พช.ไอเดียกระฉูด จับมือโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดโพธิ์ ติวเข้มหลักสูตรนวดตำหรับวัดโพธิ์กว่า 230 ปีให้กลุ่มสตรีในชุมชน เสริมความเข้มแข็ง OTOP นวัตวิถีทั่วประเทศ มุ่งนำความรู้ไปสร้างงานสร้างอาชีพครอบครัว สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยว

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับนายปรีดา ตั้งตรงจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) โดยมี พระราชรัตนสุนทร รองเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ นายโชคชัย แก้วป่อง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตามที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้สตรีไทยในชุมชนได้มีอาชีพ มีรายได้ สามารถทำงานอยู่ในหมู่บ้าน ตลอดจนสามารถดูแลตนเองและครอบครัวได้ จึงทำให้เกิดการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมการนวดแผนไทยในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีครั้งนี้ขึ้น ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน กับ โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ เพื่อจะสร้างความเข้มแข็งให้สตรี โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มสตรีในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ได้รับการฝึกอาชีพนวดแผนไทยต้นตำรับจากวัดโพธิ์ จะช่วยให้สตรีที่ผ่านการฝึกอบรมแล้ว สามารถนำความรู้ไปดูแลตนเอง ครอบครัว และคนในชุมชนสามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นทั้งในครัวเรือน และในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี รวมถึงสามารถขยายผลการประกอบอาชีพออกไปในพื้นที่ระดับจังหวัด ระดับประเทศ และต่างประเทศ

ทั้งนี้ ขอบเขตของความร่วมมือจะเป็นการสนับสนุน ส่งเสริมศักยภาพของชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ผ่านภูมิปัญญาการนวดแผนโบราณ มีการจัดทำหลักสูตรการนวดแผนโบราณ ประกอบไปด้วยหลักสูตรระยะยาว เช่น หลักสูตรสปาผิวกาย หลักสูตรวิชาชีพนวดไทยเพื่อสุขภาพ หลักสูตรระยะสั้น เช่น หลักสูตรนวดน้ำมัน หลักสูตรนวดฝ่าเท้า หลักสูตรนวดประคบและอบสมุนไพร หลักสูตรฤาษีดัดตน หลักสูตรนวดหน้า เป็นต้น โดยจะการจัดส่งหมอนวดวัดโพธิ์มือดีไปสอนกลุ่มสตรีถึงในชุมชนทั่วประเทศ กลุ่มสตรีใดสนใจติดต่อผ่านพัฒนากรของกรมพัฒนาชุมชนได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ

นอกจากนั้น มีการฝึกอบรมให้ความรู้ การจัดนิทรรศการแสดงสินค้าและผลงาน ตลอดจนร่วมกันพัฒนา แลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ และพัฒนาฐานข้อมูล การนวดแผนโบราณของวัดโพธิ์ที่จะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมและยกระดับชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี อีกทั้งร่วมกันประชาสัมพันธ์การพัฒนาชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ยกระดับการท่องเที่ยวตามกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ผ่านภูมิปัญญาการนวดแผนโบราณ ให้เป็นที่รู้จัก ผ่านช่องทางและเครือข่ายความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย โดยร่วมกันส่งเสริมการตลาดและกระตุ้นการขายสินค้าและบริการ และการเข้าไปจัดกิจกรรมการนวดแผนโบราณ ในพื้นที่ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี 3 ส่วนหลัก

“การบูรณาการความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างสรรค์องค์ความรู้สำหรับการพัฒนาและประชาสัมพันธ์ชุมชนท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งได้รับการยกระดับมาตรฐานด้วยนวัตกรรม เน้นสร้างความยั่งยืน และมุ่งให้ชุมชนพึ่งพาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ได้อย่างแท้จริง” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าว

พระราชรัตนสุทร กล่าวว่า โครงการความร่วมมือในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน เพราะว่ากรมการพัฒนาชุมชนมีเครือข่ายซึ่งต้องคลุกคลีอยู่กับชุมชน จึงรู้ความต้องการของแต่ละพื้นที่ การเข้ามาดำเนินการจะขับเคลื่อนงานให้เดินไปข้างหน้าได้แน่นอน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก

ด้านนายปรีดา ตั้งตรงจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) เปิดเผยว่า การเข้ามาทำงานครั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ถ่ายทอดศาสตร์การนวดแผนไทยให้กับคนรุ่นหลัง เพื่อให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยต่อไป การมีหน่วยงานเข้ามาสานต่อและเผยแพร่ศาสตร์การนวดแผนไทยอย่างจริงจังถือเป็นความหวังที่ตั้งใจมา 30 กว่าปี การที่กรมการพัฒนาชุมชนเข้ามาให้ความสำคัญในครั้งนี้ ถือว่าความฝันที่ตั้งใจมา 30 ปีเริ่มจะประสบความสำเร็จเนื่องจากกรมการพัฒนาชุมชนมีเครือข่ายและทำงานอยู่กับชาวบ้าน การถ่ายทอดศาสตร์การนวดแผนไทยให้ถึงกลุ่มสตรีหรือผู้ที่สนใจจริงๆในชุมชนต่างๆทั่วประเทศก็จะทำได้ง่ายขึ้น หวังว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม เพื่อจะได้จะมีโอกาสถ่ายทอดวิชาให้คนได้มีโอกาสดูแลสุขภาพและสร้างอาชีพมีรายได้อย่างแท้จริง

ประชาธิปัตย์เรียกประชุม ส.ส. นัดลุยงาน “สภา”

People Unity News : ประชาธิปัตย์เรียกประชุม ส.ส. นัดลุยงาน “สภา” สมัยประชุมนี้ ย้ำยึด “ประโยชน์ประชาชน” เป็นเป้าหมายสำคัญ

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเปิดสมัยประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ ครั้งที่ 2 พ.ศ.2562 ว่า
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์คงเดินหน้าทำงานในสภาเพื่อพี่น้องประชาชนดังเช่นสมัยประชุมที่ผ่านมาที่มีการขับเคลื่อนทุกเรื่องในสภาทั้งหมดเพื่อประชาชน

ในสมัยประชุมนี้เรื่องที่ สส.ของพรรค ได้บรรจุเป็นระเบียบวาระไว้แล้วเริ่มต้น 34 เรื่องที่สำคัญและมีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน เช่น การแก้ปัญหาการจัดการน้ำ เรื่องการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรเพื่อความยั่งยืน การแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน การเร่งออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินให้กับประชาชนโดยเสนอให้เป็นวาระแห่งชาติ การแก้ปัญหาเรื่องการทำประมง คลื่นทะเลกัดเซาะชายฝั่ง เรื่องการศึกษา การท่องเที่ยว การแก้ปัญหายาเสพติด เรื่องสิ่งแวดล้อมทางทะเล การแก้ปัญหาเรื่องการทุจริต และประเด็นเรื่องญัตติการศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคฯ เสนอไว้และเป็นเรื่องที่ได้กำหนดหลักการไว้ชัดเจนตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาลจนนำไปสู่การกำหนดไว้เป็นนโยบายเร่งด่วนอีกเรื่อง

ทั้งนี้มีความชัดเจนว่าเมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจากทุกพรรคและทุกภาคส่วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องที่ดี เชื่อว่าทั้งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน สมาชิกวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีจะร่วมมือกันเพื่อให้รัฐธรรมนูญก้าวสู่ความเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบมากขึ้น

ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงได้เรียกประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคฯ ในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2562 เวลา 13.30 น. เพื่อเตรียมงานในสภาอย่างเต็มรูปแบบในสมัยประชุมนี้ หากพี่น้องประชาชนมีเรื่องใดที่ต้องการให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์เป็นปากเสียงแทนให้ ขอให้ส่งข้อมูลมาที่พรรคฯ ได้ตลอดเวลา

เสกสกล ประกาศงวด 16 มิ.ย.นี้เปิดจุดขายสลากทั่วไทย พร้อมแพลตฟอร์มกองสลาก ไม่เกิน 80 แน่นอน

People Unity News : คณะอนุฯ ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาสลากแพง ประกาศงวด 16 มิ.ย.นี้เปิดจุดขายสลากทั่วไทย พร้อมแพลตฟอร์มกองสลากฯ ไม่มีขายเกิน 80 ดูแลโควตาเข้มไม่มีการเมืองแอบแฝง

8 เมษายน 2565 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล และประธานคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ แถลงผลการประชุม โดยระบุว่า ที่ประชุมมีมติให้เปิดจุดบริการโครงการ สลาก 80 บาท ทั่วประเทศ  จำหน่ายผ่านแอป “เป๋าตัง” 1,000 จุด ไม่มีการขายเกินราคาแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสลากใบเดียวหรือสลากเลขชุด และจะทยอยเปิดครบทุกจุดทั่วประเทศ ในงวดวันที่ 16 มิถุนายนนี้

นอกจากนี้ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะเปิดแพลตฟอร์มซื้อขายสลากออนไลน์ของตัวเอง เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด ซึ่งศึกษามานานแล้ว ต่อไปถ้าประชาชนทั่วไป หรือผู้ลงทะเบียนในระบบซื้อ-จองล่วงหน้า สามารถฝากขายที่แพลตฟอร์มของสำนักงานสลากฯได้ โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายหรือค่าดำเนินการใดๆเพิ่มเติม และสามารถขายเองได้ด้วย ช่วยเพิ่มโอกาสให้ขายได้มากขึ้นเพราะลูกค้าจะมีทั่วประเทศ

ส่วนการตรวจสอบผู้ลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าในโควตา 200,000 รายนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะลงพื้นที่สำรวจและนำข้อมูลผู้จำหน่ายสลากจริงที่จำหน่ายสลากในพื้นที่ของจังหวัด เพื่อนำข้อมูลมาตรวจสอบเปรียบเทียบกับรายชื่อผู้ลงทะเบียนผู้ซื้อ–จองล่วงหน้า เพื่อให้คนที่ขายสลากจริง แต่ไม่ได้รับโควตาและไม่ได้รับสิทธิ เข้ามาสู่ระบบเป็นการดูแล และการคัดกรองจะต้องเป็นไปด้วยความชัดเจนไม่ให้ฝ่ายการเมืองใดเข้ามาแทรกแซง

ส่วนปัญหาการเปลี่ยนมือจนสลากราคาแพงขึ้น นายเสกสกล กล่าวว่า จะมีการแก้ไขเนื้อหาสาระในสัญญารับสลากไปจำหน่าย เพิ่มสภาพบังคับให้มีความเข้มข้นและเกิดความเกรงกลัวมากขึ้น เช่น การล่อซื้อ การตั้งรางวัลล่อจับสำหรับผู้ชี้เบาะแสการขายสลากเกินราคา เป็นต้น คนขายเกินราคาจะเหลือน้อยมาก และจูงใจให้มีการฝากขายผ่านแพลตฟอร์มมากขึ้นเพื่อไม่มีความเสี่ยง รวมถึงกำลังจัดทำกฎหมายเอาผิดนายหน้าซื้อสลากมาขายต่อให้รุนแรงมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว

Advertisement

“รักชนก” จี้ “ปธ.กสทช.” ลาออก อัดเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 25 มิถุนายน 2568 “รักชนก” จี้ “ประธาน กสทช.” ลาออกจากตำแหน่ง บอก เนื้อใบหน้าหนากว่าคนทั่วไป ไล่ออกทุกสัปดาห์ก็ไม่ออก บอกไม่มีอำนาจคุมหัวโต๊ะประมูลคลื่นความถี่ “นายกฯ” ต้องหยุดความเน่าเฟะให้ได้ อีกไม่กี่วันจะประมูลแล้ว เชื่อ ปชช. ต้องจ่ายแพงขึ้น อัดเอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนเครือข่ายมือถือ

น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะจัดการประมูลคลื่นความถี่ 4 ย่านหลัก ในวันที่ 29 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ โดยตั้งข้อสังเกตถึงราคาเริ่มต้นประมูลต่ำเกินกว่าราคาที่รัฐจัดเก็บได้ในปัจจุบัน ซึ่งมีปัญหาอยู่ที่คลื่น 2,100 และ 2,300 เมกะเฮิรตซ์

“คลื่น 2,100 เมกะเฮิรตซ์ AIS เคยเช่า NT ในราคา 12,000 ล้านบาท แต่ในการเริ่มประมูลครั้งนี้ กสทช. ตั้งต้นประมูลที่ความถี่ 4,500 ล้านบาท ส่วนคลื่น 2,300 เมกะเฮิรตซ์ ดีแทคเคยเช่า NT อยู่ที่ 7,300 ล้านบาท แต่ กสทช. ตั้งต้นประมูลอยู่ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท ต้องบอกว่าราคาตั้งต้นการประมูล อ้างอิงจาก 10 ปีที่แล้ว เหตุผลอะไรที่ต้องไปอ้างอิงราคาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทั้งที่โลกเปลี่ยนไป” น.ส.รักชนก กล่าว

น.ส.รักชนก กล่าวว่า หลังจากควบรวมค่ายมือถือ ทุกคนทราบว่าเหลือเครือข่ายมือถือยักษ์ใหญ่อยู่แค่ 2 รายเท่านั้น แล้วเขาก็ไม่ได้ใช้ความถี่ทับกัน คำถามของพวกเราคือทำไม กสทช. ถึงตั้งราคาเริ่มต้นที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้

“กสทช.ท่านเป็นอะไรกับค่ายมือถือ ถึงต้องรักษาผลประโยชน์ให้เขาขนาดนี้ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่ยืนยันได้เลยว่าเมื่อค่ายมือถือเหล่านี้ จ่ายเงินซื้อของราคาถูกแล้ว เขาจะเอาเงินส่วนต่างเหล่านี้มาลดหรือเพิ่มเป็นบริการที่ดีขึ้น ท่านบอกว่าพอเขาจ่ายของถูก เดี๋ยวเขาจะไปลดค่าบริการ ทำเสาสัญญาณให้ดีขึ้น ประชาชนประเทศนี้ไม่ได้กินหญ้า ตอนที่ควบรวมทรูกับดีแทค กสทช. เดี๋ยวบริการจะดีขึ้น ถามว่าทุกวันนี้ มันประจักษ์แก่สายตาประชาชนแล้วหรือยัง สัญญาณมือถือที่ท่านใช้รู้สึกว่ามันดีหรือห่วยกว่าเดิม” น.ส.รักชนก กล่าว

น.ส.รักชนก ระบุว่า ค่าบริการ โปรโมชั่นเสริมที่เมื่อก่อนนี้จะต้องแย่งลูกค้ากัน ทุกวันนี้มันหดหายไปเพราะเขาไม่ต้องแข่งทำอะไร เพื่อเอาใจผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีกรณีค่ายมือถือล่ม กสทช. จัดการอะไรได้หรือไม่ ท่านไม่มีการจัดการค่ายมือถือเหล่านี้เลย

“กสทช.เปลี่ยนชื่อเถอะ จากองค์กรบริหารคลื่นความถี่ ไปเป็นองค์กรบริหารคลื่นความถี่เพื่อกลุ่มทุน แล้ววงเล็บข้างหลังไปด้วยว่ากลุ่มทุนไหน เพราะตอนนี้กลุ่มทุนค่ายมือถือกลุ่มหนึ่ง แทบจะสั่งให้ กสทช. สำนักงานและบอร์ด ซ้ายหันขวาหันได้อยู่แล้ว ท่านเปลี่ยนชื่อไปเลย มันจะได้ชัดเจน ประชาชนจะได้เข้าใจกันไปเลยว่าองค์กรนี้จัดสรรขึ้นความถี่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์สาธารณะแล้ว” น.ส.รักชนก กล่าว

น.ส.รักชนก กล่าวว่า ประเด็นที่สอง เรื่องคุณสมบัติของ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ท่านมีหน้านั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน กสทช.ได้อย่างไร ข้อเท็จจริงที่ว่าประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติ มันชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนอย่างไรแล้ว ตนเชื่อว่าคนเกินครึ่งประเทศเคยได้ยินเรื่องนี้ ขนาดอ้างอิงของวุฒิสภาสมัยที่แล้ว ท่านเป็นพวกเดียวกัน มาจากรัฐบาลรัฐประหารเหมือนกัน ทั้ง สว.และประธาน กสทช.

“สว.ชุดที่แล้วยังชี้ไปในรายงานฉบับนี้เลยด้วยซ้ำว่าประธาน กสทช.คนนี้ขาดคุณสมบัติ เอาง่ายๆว่าพวกเดียวกันยังแบกไม่ไหว แต่ทุกวันนี้เรายังต้องจ่ายเงินเดือนให้คนคนนี้ เพียงต้องจ่ายค่าดูงานต่างประเทศ จ่ายสวัสดิการ คนๆนี้ยังนั่งตัดสินใจเรื่องที่สำคัญขนาดนี้ ราคาประมูลมันเท่านี้ แต่ผลประโยชน์ของชาติมันหลักแสนล้านบาท ท่านไม่มีสิทธิ์นั่งหัวโต๊ะ” น.ส.รักชนก กล่าว

น.ส.รักชนก กล่าวว่า ต่อให้ตนเรียกร้องให้ประธาน กสทช.ลาออกทุกสัปดาห์ แต่ท่านคงไม่ออก เพราะเนื้อบริเวณใบหน้าท่าน อาจจะหนากว่าคนทั่วไปสักนิด ตนก็เข้าใจ ท่านลงจากอำนาจมา ก็น่าจะมีฝ่าเท้าที่คอยเหยียบย่ำท่าน ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ตัวประธาน กสทช.จัดการตัวเอง และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่ทูลเกล้าฯ เสนอชื่อ ประธาน กสทช. เสนอทูลเกล้าเพื่อปลดออกด้วย

“ดิฉันมาช่วยหาคะแนนให้คุณแพทองธาร ถ้าจะมีสักเรื่องหนึ่งที่ท่านทำเพื่อประชาชนจริงๆ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศจริงๆ เพราะทุกคนอาจจะทราบแล้วว่า องค์กรนี้ ทุกวันนี้ ทำงานรับใช้ใคร สีแดงๆ ค่ะ นายกรัฐมนตรีจะต้องหยุดเรื่องราวความเน่าเฟะที่เกิดขึ้นในองค์กร กสทช.” น.ส.รักชนก กล่าว

Advertisement

“อนุทิน” นำ 146 สส.แถลงตั้งรัฐบาล พร้อมรับ 5 เงื่อนไข

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ 3 กันยายน 2568 รัฐสภา – “อนุทิน” นำ 146 สส. แถลงตั้งรัฐบาล พร้อมรับ 5 เงื่อนไข พรรคประชาชน ยุบสภาใน 4 เดือน แก้ รธน. ไม่เติมเสียง ยืนยันกระบวนการเดินหน้าเลือกนายกฯ ตามกฎหมาย ชี้สภายังอยู่ หลังเพื่อไทยยื่นยุบ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แถลงจัดตั้งรัฐบาล และลงนามรับ 5 เงื่อนไขของพรรคประชาชน ว่า ตนและบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 146 คนที่อยู่ในที่นี้ จะขอแถลงข่าวเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเมื่อเช้าที่ผ่านมา ทุกท่านคงได้รับรับทราบข้อมูลจากการแถลงข่าวของหัวหน้าพรรคประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนได้รับเงื่อนไข และข้อสรุปออกมาเป็นข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ว่าด้วยกรณีการเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แจ้งให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 146 คนรับทราบ

นายอนุทิน กล่าวว่า พวกเราทุกคนต้องขอขอบคุณพรรคประชาชน คณะกรรมการบริหารพรรคประชาชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน และพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคประชาชนทุกท่าน ที่ได้มีมติของที่ประชุมผู้บริหารพรรคประชาชน ในการให้การสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ซึ่งพรรคภูมิใจไทย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 146 คน มาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ ได้มอบรายชื่อ และให้คำมั่นกับพรรคประชาชน ว่าจะให้การสนับสนุนตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี และจะได้จัดตั้งรัฐบาลตามข้อเสนอของพรรคประชาชน ซึ่ทุกท่านได้ลงลายมือชื่อในเอกสารแสดงคำมั่น และตนจะได้นำส่งให้ผู้บริหารพรรคประชาชนไว้เป็นข้อมูลต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร โดยประธานสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตนขอกราบเรียนให้ทุกท่านทราบว่าพรรคภูมิใจไทย และบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้ง 146 คน ที่ปรากฏตัวในที่นี้ ซึ่งมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษา พรรคกล้าธรรม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายศักดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย นายสรรเพชร บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และนายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ เราตระหนักดีว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังดำเนินต่อไปจากนี้ ทางพรรคประชาชนได้ให้ความร่วมมือ เสียสละในการหาทางออกให้ประเทศไทยในสถานการณ์วิกฤต ทั้ฝทางการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง และธรรมชาติ ขอยืนยันว่าพวกเราทุกคนในที่นี้จะไม่ทำให้เจตนารมณ์ และความเสียสละของทุกท่านสูญเปล่า และจะรักษาข้อตกลงทั้ง 5 ข้อ ที่ได้ให้ไว้กับประชาชนตลอดระยะเวลา 4 เดือนนับตั้งแต่วันที่เราได้เข้าทำงานในฐานะรัฐบาล และจะดำรงสภาพการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่จะมีพี่น้องประชาชนร่วมเป็นผู้ตรวจสอบการทำงานของพวกเรา ดังนั้น ในระยะเวลา 4 เดือนของรัฐบาล เราจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มกำลังสุดความสามารถให้สมกับความไว้วางใจที่ทุกท่านให้โอกาสกับพวกเรา

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องอื่นๆขอให้เป็นไปตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เราทุกคนจะร่วมกันทำหนังสือที่แสดงถึงความพร้อมที่จะให้ทางประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาบรรจุวาระการเลือกนายกรัฐมนตรีเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็วที่สุด การชี้แจงวันนี้ยืนยันให้ประชาชนรับรู้รับทราบว่า พวกเราทุกคนมีความพร้อมจากแรงสนับสนุน และความเข้าใจ ของทางพรรคประชาชน เราจึงมีความมั่นใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลชุดถัดไปนี้จะดำเนินไปได้ด้วยความ ราบรื่น และการทำงานของรัฐบาลที่เกิดจากข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทยจะเป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง 5 ข้อของพรรคประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายอนุทินได้ลงนามในเงื่อนไข 5 ข้อของทางพรรคประชาชน ก่อนที่จะย้ำอีกครั้งว่า สุดท้ายนี้ตนอยากขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 146 คน ตั้งแต่ระดับผู้ใหญ่จนถึงระดับสมาชิก ที่ทุกๆท่านให้ความร่วมมือสนับสนุนให้ตนได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องถือเป็นความเสียสละมุ่งมั่นตั้งใจ เราผ่านอุปสรรคต่างๆมากมาย ผ่านความกดดัน แต่สิ่งที่อยู่ในหัวจิตหัวใจของพวกเราทุกคน คือความรักชาติ รักแผ่นดิน หวงแหนแผ่นดิน และความจงรักภักดีต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของพี่น้องคนไทยทุกคน เรามีความห่วงใยพี่น้องประชาชนต่อความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิต จึงทำให้พวกเราตัดสินใจที่จะมาทำงานร่วมกัน ขอให้ความมั่นใจว่าพวกเราทุกคนรู้จักกันเป็นเวลาเนิ่นนาน รู้มือ รู้ฝีมือ และรู้ถึงความทุ่มเทที่จะมีให้กับพี่น้องประชาชน และประเทศไทยที่รัก เรามั่นใจว่าเราจะใช้เวลาทุกวัน ทุกนาที ทุกชั่วโมง ในการปฎิบัติหน้าที่รัฐบาลให้ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุดกับความไว้วางใจที่พวกเรามีต่อกัน และความไว้วางใจที่พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่านได้มอบหมายให้เรามาทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรของท่าน

เมื่อถามว่ามีการทูลเกล้าฯยุบสภาแล้ว กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีจะเป็นอย่างไรนายอนุทิน กล่าวว่า คิดว่าทุกอย่างมีขั้นตอน ยังถือว่ามีสภาอยู่ สภายังไม่ยุบ ยังไม่มีข้อมูลใดๆลงมาให้รับทราบว่าจะมีการยุบสภาหรือไม่ จะต้องมีการตีความอย่างใดหรือไม่เป็นเรื่องของผู้ที่ยื่นไปว่าท่านจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างไร และจะแจ้งให้พี่น้องประชาชนรับทราบอย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่า แสดงว่ามั่นใจว่ารัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจยึบสภาใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้พวกเราทำตามภารกิจ ตามหน้าที่ของความเป็นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เราดำเนินการเร่งจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดตามกฏหมาย ทำตามรัฐธรรมนูญทุกประการ

เมื่อถามว่า มีโอกาสที่จะยื่นตีความเรื่องการยุบสภาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรารอดูก่อน เพราะเรายังไม่ได้รับทราบอะไรอย่างเป็นทางการ

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่พรรคประชาชนตัดสินใจเลือกนายอนุทิน นายอนุทิน กล่าวว่า คิดว่าทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคประชาชนให้ความเชื่อถือว่าพวกเราทุกคนในที่นี้จะทำตามเงื่อนไข แสดงว่าเขาต้องมีการประเมิน และให้ความเชื่อมั่นกับพวกเราทุกคนที่จะหาหนทางแก้ไขปัญหาให้ประเทศของเรา เพื่อที่จะได้ออกจากสภาวการณ์ที่ไปทางไหนก็ไม่ได้

เมื่อถามว่า เงื่อนไขแก้รัฐธรรมนูญ 4 เดือน ทันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มีขั้นตอนที่ต้องทำอยู่ ถ้าเรามีความตั้งใจ หากดูไทม์ไลน์แล้วเราจะทำให้ไปถึงจุดที่เป็นความต้องการของพวกเราทุกคนรวมถึงประชาชนด้วย

เมื่อถามว่า รัฐบาลชุดนี้จะเป็นรัฐบาล 146 เสียง ไม่มีคนมาเติมแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถูกต้อง เพราะมีเงื่อนไขอยู่ในข้อ 4 ที่ระบุว่า เพื่อสร้างหลักประกันว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะยุบสภาภายใน 4 เดือน พรรคภูมิใจไทยจะต้องไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก

เมื่อถามว่า การดำเนินการในสภาจะเป็นอย่างไร เพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย นายอนุทิน กล่าวว่า 4 เดือนนี้จะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน ปัญหาความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งอยู่กับประเทศกัมพูชา ตลอดจนการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่ง 4 เดือนเพียงพอ ทั้งนี้ ตัวเลข 4 เดือนไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ารวดเร็ว แต่เป็นตัวเลขที่ทางพรรคประชาชน และพรรคที่มารวมกันทั้ง 146 เสียง ได้หารือกันแล้วคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม

เมื่อถามว่า สภาจะโหวตกฎหมายผ่านได้หรือไม่ เพราะมีเสียง 146 เสียง นายอนุทิน กล่าวว่า เราได้รับการยืนยันจากพรรคประชาชนว่า กฎหมายใดก็ตามถ้าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ต่อประเทศชาติ ต่อพี่น้องประชาชน พรรคประชาชนพร้อมที่จะสนับสนุนให้ร่างกฎหมายฉบับนั้นๆผ่าน เรายึดประโยชน์ของประชาชน และประเทศเป็นเป้าหมาย ตรงนี้พวกเราเห็นพ้องต้องกันทั้งหมด

เมื่อถามว่า การจับมือกับพรรคประชาชน สะท้อนภาพเงาการเมืองปี 2570 ได้หรือไม่ว่าจะจับกับพรรคประชาชนได้ นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เอาเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อน เราทำทุกอย่างด้วยความสมบูรณ์แล้ว

“เงื่อนไขถูกลงนามแล้ว 4 เดือนนับจากวันที่รัฐบาลได้แถลงนโยบาย ต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ผมให้ความมั่นใจพูดแล้วทำ” นายอนุทิน กล่าว

Advertisement

“ผู้กองมาร์ค”เตือน”บิ๊กตู่”เร่งแก้ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตร

People Unity News : “ผู้กองมาร์ค”เตือน”บิ๊กตู่”เร่งแก้ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตร หากช้าระวังจะอยู่ได้ไม่ยาว

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช เลขานุการกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ในฐานะอดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการที่คณะกรรมาธิการสารเคมีฯ ได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ณ จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งเป็นจังหวัดที่ยากจนลำดับที่ 76 และมีหนี้สินครัวเรือนอยู่ลำดับที่ 71 ของประเทศไทย รายได้ต่อคน ต่อปี เท่ากับ 53,416 บาท และอายุเกษตรกรค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 60 ปี ซึ่งถือว่าสูงมาก ประชากรนิยมไปทำงานต่างถิ่น เพราะทำเกษตร แล้วรายได้น้อย ไม่มั่นคง ว่างงานนอกฤดูเก็บเกี่ยว การเกษตรที่นี้ใช้สารเคมีเยอะมาก การที่จะปรับเปลี่ยนวิธีในการ ทำเกษตรเป็นไปค่อนข้างยาก และยังพบสารเคมีตกค้างจำนวนมากในสิ่งแวดล้อม ทั้งในดิน น้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน และ พืชผัก ก่อให้เกิดโรคเนื้อเน่าถึง 49 ต่อแสนของจำนวนประชากร (ทั่วโลกอยู่ที่ 1 ต่อแสน) ซึ่งส่งผลให้มีคนต้องตัดขา ตัดแขน และพบโรคที่เกี่ยวพันอีกมากมาย จากรายงานของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู พบว่า 71.7% เกี่ยวข้องกับสารเคมี เด็กมี IQ ต่ำเฉลี่ย 91 คะแนน จัดเป็นลำดับที่ 73 ของประเทศ ซึ่งเชื่อว่าอาจมีสาเหตุมาจากสารเคมีพิษหลายชนิด เพราะจากข้อมูลของ Thai-Pan ในปี 2560 จากการสุ่มตรวจการตกค้างของสารกำจัดวัชพืชใน ผัก ผลไม้ พบว่า มีการตกค้างเกินค่ามาตรฐานถึงร้อยละ 55

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า ในขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 30 วัน ที่เกษตรกรไทยจะต้องหยุดใช้สารเคมีพิษทั้ง 3 ชนิดคือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซล โดยรวมเรายังไม่เห็นการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ที่เป็นรูปธรรม เลย ดังนั้น หาก บิ๊กตู่ปล่อยทิ้งปัญหาไว้นานไม่รีบแก้ไข อาจจะทำให้รัฐบาลอยู่ได้ไม่ยาว

ซึ่งจากจำนวนเกษตรกรไทยที่มีเกือบ 6 ล้านคน หากเรามาคำนวนก็เกือบ 10% ของจำนวนประชากรไทย หากเกษตรกรละทิ้งอาชีพของตนไปทำงานต่างถิ่น อาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา อาทิ เช่น ปัญหายาเสพติด แลปัญหาสังคมเพราะครอบครัวขาดความอบอุ่น ดังนั้น รัฐบาลควรที่จะส่งเสริมให้ทำเกษตรอินทรีย์และ ใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตร เพื่อยกระดับพืช ผัก ผลไม้ไทยให้ปลอดสารพิษ และได้มาตรฐานโลก เพื่อที่จะสามารถ ส่งออกไปได้ทั่วโลก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องหาตลาดให้กับเกษตรกร เพราะปัจจุบัน เกษตรกรไทยที่ปลูกพืช ผัก ผลไม้ แบบออร์แกนิค แต่ไม่มีตลาดขาย พอมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อก็กดราคา ได้ราคาสูงกว่า พืชผัก และผลไม้ปรกติ เพียงแค่ 15% เท่านั้น ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าต้นทุนการปลูกแบบออร์แกนิคนั้นมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงกว่าปกติ เยอะ ดังนั้นหากเกษตรกรปลูกแล้วกลับทำให้มีรายได้ที่ลดลง แล้วจะมีใครยอมมาทำ ซึ่งตลาดในต่างประเทศนั้นพืช ผัก ผลไม้ แบบออร์แกนิค สามารถขายได้ราคาสูงกว่าเกือบ 3 เท่า ดังนั้นเราควรจะต้องส่งเสริมและจัดระบบ ให้สหกรณ์ เพื่อทำหน้าที่ทางการตลาดให้แก่เกษตรกร ซึ่งในต่างประเทศสหกรณ์มีหน้าที่ส่งเสริมการตลาด แต่ในประเทศไทยสหกรณ์ส่วนใหญ่เป็นเหมือนธนาคาร ดังนั้น เราจึงควรจัดสรรให้สหกรณ์ของตำบลดำเนินการทำหน้าที่ประสานงานไปยังสหกรณ์อำเภอ และสหกรณ์อำเภอ มีหน้าที่ประสานงานไปสหกรณ์จังหวัด เพื่อส่งสินค้าไปยังสหกรณ์กลางเพื่อจำหน่ายผลิตผลทั้งในและต่างประเทศ

เช้านี้นายกฯลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก ประชาชนเชียร์สู้ๆ นายกฯตอบกลับ “ต้องสู้อยู่แล้ว”

People unity news online : นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมชุมชนต้นแบบขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน จ.พิษณุโลก ในรูปแบบของการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ

วันนี้ (‪25 ธันวาคม 2560) ‪เวลา 10.00 น. ณ บ้านวังส้มซ่า หมู่ที่ 1 ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมการดำเนินงานของบริษัทประชารัฐรักสามัคคีพิษณุโลก (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบในการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ ในรูปแบบของการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) โดยชุมชนท้องถิ่นจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทรัพยากรชีวภาพ เพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพความงาม และการหนุนเสริมโดยบริษัทประชารัฐรักสามัคคีพิษณุโลก (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ในการสร้างมูลค่าเพิ่มในด้านการเกษตร การแปรรูป และการท่องเที่ยวชุมชน ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางนำไปสู่การสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับชุมชน และเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชุมชนท้องถิ่น รวมถึงเพื่อเป็นตัวอย่างให้ชุมชนท้องถิ่นอื่นๆต่อไป

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ปลูกต้นส้มซ่า พร้อมเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์และสินค้าจากต้นส้มซ่า รวมถึงสอบถามถึงกระบวนการผลิตและแนวทางการยกระดับจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากชุมชน ที่ต้องการให้มียอดขายและรายได้เพิ่มมากขึ้น  จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ทดลองใช้บริการนวดแผนโบราณ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มาจากส้มซ่า

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชมการพัฒนาพันธุ์ไก่ชนนเรศวร หรือ ไก่เหลืองหางขาว ซึ่งเป็นไก่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพิษณุโลก สามารถพัฒนาเพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร จากนั้นได้ชมการพัฒนาพันธุ์ปลากัดสวยงามพิษณุโลกและการพัฒนาสุนัขพันธุ์ไทยบางแก้ว ซึ่งทั้งหมดเป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบผ้าห่มให้กับผู้สูงอายุในชุมชน พร้อมกล่าวพบปะกับประชาชนที่มารอให้การต้อนรับตอนหนึ่งว่า ดีใจที่ได้มาพบกับประชาชนในพื้นที่ และถือเป็นความสุขที่จะกลับไปคิดว่า จะทำสิ่งใดให้กับประชาชน ซึ่งผลิตภัณฑ์ส้มซ่าของพื้นที่นี้ ถือเป็นภูมิปัญญาของชุมชนที่สามารถสร้างรายได้หลายล้านบาท และมองว่าผลิตภัณฑ์ส้มซ่ามีความเข้มแข็งและจะสามารถเพิ่มยอดขายจาก 5 ล้านบาท ไปได้ถึงเป้าหมาย 50 ล้านบาท ทั้งนี้มองว่าควรจะพัฒนาช่องทางการขายผ่านออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ขายได้ดีขึ้นและกว้างขวางมากขึ้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า ที่ผ่านมารัฐบาลดูแลช่วยเหลือสินค้าการเกษตรให้ดีขึ้น แต่ที่ปัญหาราคาข้าวตกต่ำนั้น เพราะมีหลายปัจจัย โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพ  ดังนั้น ต่อไปขอให้มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่การเพาะปลูกให้เหมาะสม ส่วนเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ รัฐบาลพยายามจะผลักดันโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง แต่ในเรื่องของเขื่อนนั้น คงยังไม่สามารถสร้างได้ เพราะยังติดปัญหาเรื่องของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงคนบางกลุ่มในพื้นที่ไม่เห็นด้วย ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้ คือการสร้างอ่างเก็บน้ำและแก้มลิง

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในปีนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย 34 ล้านคน ดังนั้น ประชาชนในพื้นที่จะต้องเร่งพัฒนาเรื่องของการท่องเที่ยวและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและจะสามารถสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ได้

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า รัฐบาลได้เร่งพัฒนาอาชีพ สร้างสาธารณูปโภค และระบบการศึกษาให้มีคุณภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักคิดให้ถูกต้อง และในช่วงใกล้ปีใหม่ ในนามของคณะรัฐมนตรี ขอนำความสุข ความห่วงใยมามอบให้กับประชาชน และขออวยพรให้ประชาชนมีความสุข มีความปลอดภัย มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและร่วมกันทำความดี ขอให้ทุกคนนำอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของชุมชนมาขับเคลื่อนประเทศจากภายในสู่ภายนอก เพื่อให้มีเศรษฐกิจที่ดีต่อไป

สำหรับการลงพื้นที่ในจุดนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมถ่ายภาพกับประชาชนอย่างเป็นกันเองและยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งมีประชาชนได้บอกว่ารักนายกฯ พร้อมให้กำลังใจและขอให้นายกรัฐมนตรีสู้ๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณ และตอบกลับว่า ต้องสู้อยู่แล้ว

People unity news online : post 25 ธันวาคม 2560 เวลา 12.20 น.

Verified by ExactMetrics