วันที่ 31 กรกฎาคม 2025

ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม แนะนำหลักเกณฑ์ตรวจสอบข่าวปลอมให้กับประชาชน

People Unity News : ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม แนะนำหลักเกณฑ์ตรวจสอบข่าวปลอมให้กับประชาชน

นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมทำหน้าที่ในการตรวจสอบข่าวปลอมในสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งในช่วงนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ พบว่ามีข่าวปลอมเกี่ยวกับเรื่องนี้จำนวนมากจนทำให้ประชาชนเกิดความสับสน จึงขอฝากเตือนประชาชนให้เสพข่าวอย่างมีสติ ควรตรวจสอบข่าวก่อนแชร์ต่อไปโดยใช้หลัก SPOT คือ ตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าว  ตรวจสอบการหวังผลประโยชน์หรือเจตนาของการส่งข่าว การเสนอข่าวที่เกินความเป็นจริง และควรตรวจสอบเวลาและสถานที่ของข่าวนั้นๆ เพื่อประเมินเบื้องต้นว่าเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอมและป้องกันการแชร์ข่าวปลอมต่อไป เน้นย้ำว่า ศูนย์ฯยังคงดำเนินการตรวจสอบข่าวปลอมอย่างต่อเนื่องโดยจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขี้แจงขอเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม มีการสร้างการรับรู้เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันข่าวปลอมได้รวดเร็วขึ้น โดยสามารถนำข่าวสารต่างๆ ไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ www.Antifakenewscenter.com Facebook เพจศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กลุ่ม Line Antifakenewscenter หรือโทรสอบถามที่หมายเลข 1111 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertising

“ฟีฟ่า”มอบเสื้อนักฟุตบอลสีน้ำเงินผู้นำอาเซียน เป็นสักขีพยานเซ็นเอ็มโอยูหนุนแข่งจัดบอลโลกปี2034

People Unity News : ฮือฮา! “บิ๊กตู่”นำผู้นำอาเซียนเป็นสักขีพยาน “ฟีฟ่า”เซ็นเอ็มโอยู หนุน”อาเซียน” เสนอตัวจัดแข่งบอลโลกปี 2034 ขณะที่ “ประธาน ฟีฟ่า” ได้มอบเสื้อนักฟุตบอลสีน้ำเงินให้ผู้นำทั้ง 10 ประเทศ

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน เวลา 17.00 น.ที่ห้อง Sapphire 205 – 206 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่า การกระทรวงกลาโหม และผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนได้เข้าร่วม การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 แบบเต็มคณะ

ต่อมาเวลา 19.00 น.ภายหลังเสร็จการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 แบบเต็มคณะ บรรดาผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา มาเลเซีย ลาว บรูไน ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร์ อินโดนีเซีย ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยความร่วมมือทางด้านกีฬาฟุตบอลระหว่างอาเซียนกับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) โดยนายจันนี อินฟันตีโน ประธานฟีฟ่า และดาโต๊ะ ปาดูกา ลิม จ๊อก ฮอย เลขาธิการอาเซียน เป็นผู้ลงนาม เพื่อส่งเสริมกีฬาฟุตบอลในภูมิภาคอาเซียน และสนับสนุนความปรารถนาร่วมกันของประชาคมอาเซียนที่จะเสนอตัวร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2034 (พ.ศ.2577)

พร้อมกันนี้ประธาน ฟีฟ่าได้มอบเสื้อนักฟุตบอลสีน้ำเงินให้ผู้นำทั้ง 10 ประเทศ เพื่อเป็นที่ระลึก โดยด้านหลังเสื้อดังกล่าวสกรีนชื่อผู้นำของแต่ละคน และหมายเลข โดยผู้นำ 7 คนที่รวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เสื้อหมายเลข 9 ขณะที่มี 2 คน คือสมเด็จพระราชาธิบดี ฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม และนายโรดิโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้หมายเลข 10 ส่วนนายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้หมายเลข 21

ทั้งนี้ที่ประชุมเจ้าหน้าที่กีฬาอาวุโส (Senior Officials Meeting on Sports: SOMS )ครั้งที่ 8 ณ กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ในเดือนตุลาคม 2561 ได้รับแจ้งจากนาย Fank Grothanus ผู้แทนสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือ FIFA ว่า FIFA สนใจที่จะจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับอาเซียน เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาฟุตบอลในอาเซียนเพื่อไปสู่ระดับมาตรฐานสากล

โดยนาง Fatima Samoura เลขาธิการ FIFA ได้มีหนังสือถึงเลขาธิการอาเซียน ลงวันที่ 25 มกราคม 2562 เสนอให้มีความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับ FIFA โดยการจัดทำ MoU ซึ่งไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับความร่วมมือในอนาคต โดยสำนักเลขาธิการอาเซียน ได้หารือในเบื้องต้นกับ FIFA เพื่อกำหนดสาขาความร่วมมือที่จะระบุใน MoU ซึ่งสอดคล้องกับแผนการดำเนินการด้านกีฬาอาเซียนค.ศ. 2016 ถึง 2020 และ FIFA 2.0: The Vision for the Future and UNESCO’s Kazan Action Plan ด้วยต่อมานาย Kung Phoak รองเลขาธิการอาเซียนด้านประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนได้มีหนังสือถึง SOMS ลงวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2019 เพื่อสอบถามข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดทำ MoU กับ FIFA ได้ ซึ่ง SOMSไม่มีขัดข้องใดๆ

รองเลขาธิการอาเซียนด้านประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนมีหนังสือถึงเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประเทศสมาชิกอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ลงวันที่ 9 กันยายน 2562 นำส่งร่าง MoU ระหว่างอาเซียนกับ FIFA ซึ่งทาง SOMS ให้ความเห็นชอบโดยวิธี ad-referendum แล้วเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2562 เพื่อขอให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพิจารณาและดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายภายในและมอบหมายให้เลขาธิการอาเซียนลงนามใน MoU ร่วมกับประธาน FIFA โดยคาดหวังว่าจะสามารถลงนามได้ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีกีฬาอาเซียนครั้งที่ 5 ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ในเดือนตุลาคม 2562 หรือในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ณ กรุงเทพมหานคร ในเดือนพฤศจิกายน 2562

โดยร่าง MoU ดังกล่าวกำหนดสาขาความร่วมมือ 4 ด้านได้แก่ 1) Sports Integrity 2) Sports for Development 3) FIFA’s Football for Schools Programme และ 4) Professional Capacity Building โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้กีฬาฟุตบอลเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมและวิถีสุขภาพที่ดีและสนับสนุนให้ความมีน้ำใจเป็นนักกีฬาเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการสร้างประชาคมอาเซียน

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ที่ประชุม ครม.ของไทย มีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอคือเห็นชอบร่าง MoU และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้รับรองร่าง MoU ดังกล่าวร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน

ในช่วงการประชุม AMMS ครั้งที่ 5 และการประชุมอื่นๆที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 7 ถึง 9 ตุลาคม 2562 ณ กรุงมะนิลา รายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมทราบเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนการภายในของประเทศสมาชิกอาเซียนว่ามี 3 ประเทศที่ให้การรับรองเอ็มโออยู่แล้วได้แก่ อินโดนิเซีย สปป.ลาว และประเทศไทย และขอให้ประเทศสมาชิกที่เหลือเร่งรัดการดำเนินกระบวนการภายในโดยคาดหวังว่าเลขาธิการอาเซียนจะสามารถลงนาม MoU ร่วมกับประธาน FIFA ได้ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35

“สุชาติ”ชี้รัฐบาลไม่ควรแตะต้อง”กองทุนประกันสังคม”

People Unity News : “สุชาติ ธาดาธำรงเวช” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​รัฐบาลทักษิณ ชี้รัฐบาลไม่ควรแตะต้อง”กองทุนประกันสังคม”

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ศ.ดร.สุชาติ​ ธาดาธำรงเวช​ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ เปิดเผยว่า รัฐบาลที่ไม่เข้าใจเรื่อง​เศรษฐกิจ​และไม่ควรแตะ​ต้อง กองทุนประกันสังคม​ กองทุนบำเหน็จบำนาญ​ รวมถึง กองทุนอื่นๆและการที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีส่งหนังสือข้อสั่งการ​ของนายกรัฐมนตรี ถึงสำนักประกันสังคม​ เพื่อให้บริหารจัดการ​กองทุนประกันสังคมให้เกิดประโยชน์​ ตอบสนองแก่ความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น​ เช่น​ การกู้ยืมเพื่อการลงทุน​ หรือการกู้ยืมเพื่อรายจ่ายจำเป็นอื่นๆ
แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ​ เงินประกันสังคมเป็นเงินออมของลูกจ้าง​ ของกรรมกร​ ทั้งประเทศ เพื่อใช้ดูแลชีวิตลูกจ้างและกรรมกร​ ให้ดีขึ้น​ รัฐบาลทั่วโลกมีกฎหมายให้หักเงินรายได้ของลูกจ้างและกรรมกร​ เพื่อไว้ใช้จ่าย เมื่อต้องหยุดงาน​ อันเนื่องมาจาก ว่างงาน​ เจ็บไข้ได้ป่วย​ ทุพพลภาพ​ คลอดบุตร​ สงเคราะห์บุตร ชรา​ภาพ และเสียชีวิต​

“เงินประกันสังคมเหล่านี้​ ไม่ใช่เงินของรัฐบาล​ที่จะสั่งการได้ และเงินเหล่านี้ก็มีการใช้ให้เกิดประโยชน์เต็มที่อยู่แล้ว​​ โดยมีการลงทุนในรูปเงินฝาก​ ซื้อพันธบัตรฯ ซื้อกองทุน​ ซื้อหลักทรัพย์​ ฯลฯ​ สถาบันที่กองทุนประกันสังคม​ นำเงินไปลงทุน​ ก็ได้ไปใช้จ่ายไปลงทุนแล้ว​ ไม่มีเม็ดเงินประกันสังคมเหลืออยู่เลย​ นอกจากเงินที่เตรียมไว้จ่ายให้ลูกจ้างและกรรมกรแต่ละท่าน​ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์”

นอกจากนี้ ศ.ดร.สุชาติ ยังย้ำว่า เป็นความเข้าใจผิด​ของรัฐบาลที่คิดว่า​ มีเงินประกันสังคมกว่า​ 2.1 ล้านล้าน​บาท​ เก็บไว้ทำไม​ ทำไมไม่ไปให้กู้เพื่อเป็นประโยชน์​ต่อประเทศและที่สำคัญการบริหารระบบเศรษฐกิจ​ เป็นเรื่องที่ต้องใช้สติปัญญา บวกกับความรู้ในระดับปรัชญา​ รวมถึง ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลที่ไม่รู้เศรษฐกิจที่จะคิดๆ​เอา​แบบง่าย ๆ เพราะการคิดง่ายๆ​ ได้ทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยเจริญเติบโตต่ำ​มาก ผลผลิตขายไม่ได้​ คนตกงานมาก​มายและ กำลังเหี่ยวแห้งตาย…ในทุกวันนี้..

นายกฯ โพสต์แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตเหตุดินโคลนถล่มภูเก็ต

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 สิงหาคม 2567 นายกฯ แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต เหตุดินโคลนถล่มที่ จ.ภูเก็ต เร่งพัฒนาระบบเตือนภัยเพื่อรับมือภัยพิบัติให้ดียิ่งขึ้น

เมื่อเวลา 20.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่าน X ว่า “ดิฉันขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ดินถล่มที่จังหวัดภูเก็ตไว้ ณ ที่นี้

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก เราจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ทั้งการอนุรักษ์ธรรมชาติ คุ้มครองสิ่งแวดล้อม และพัฒนาระบบเตือนภัยเพื่อรับมือภัยพิบัติให้ดีขึ้น เพราะปัญหานี้มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตค่ะ”

Advertisement

แต่งตั้ง ”อนุชา บูรพชัยศรี” หวนนั่ง โฆษกรัฐบาล

People Unity News : 18 สิงหาคม 2565 นายกฯ เซ็นคำสั่งแต่งตั้ง “อนุชา บูรพชัยศรี” นั่งเก้าอี้โฆษกรัฐบาลอีกรอบ หวังให้งานประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลต่อเนื่อง เหมาะสม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายธนกร วังบุญคงชนะ ได้เลื่อนขึ้นเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และได้ลาออกจากตำแหน่ง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ช่วงเย็นวานนี้ (17 ส.ค.) นั้น ในวันนี้ (18 ส.ค. 65)  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 205/2565 เรื่อง มอบหมายให้ข้าราชการการเมืองปฏิบัติหน้าที่ อีกหน้าที่หนึ่ง เพื่อให้การปฏิบัติงานด้านการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ต่อเนื่องเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ.2536 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบกับคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 197/2562 เรื่อง หน้าที่ของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐนตรี

นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งมอบหมายให้ นายอนุชา บูรพชัยศรี ข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อีกหน้าที่หนึ่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. 2565 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายอนุชา บูรพชัยศรี เคยดำรงตำแหน่ง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 18 ส.ค. 2563 – 24 ส.ค. 2564 ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง

Advertisement

“บิ๊กป้อม”ยันความพร้อมรับมือการประชุมสุดยอดอาเซียน

People Unity : โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีเปิดเผย “บิ๊กป้อม” เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง ยืนยันความพร้อมรับมือการประชุมสุดยอดอาเซียน

วันที่ 24 ตุลาคม 2562 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เวลา 10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร ที่ศาลาว่าการกลาโหมเพื่อรับทราบการเตรียมการและการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ในการรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดอาเซียน ระหว่าง วันที่ 4 -5 พ.ย.2562 ซึ่งโดยสรุปภาพรวม ทุกหน่วยงานความมั่นคงมีความพร้อม รองรับการประชุมสุดยอดอาเซียนที่จะมีขึ้น

พล.อ.ประวิตร กำชับหน่วยงานด้านการข่าว เกาะติดทุกเป้าหมายที่อาจเป็นปัญหา และให้พิสูจน์ทราบด้วยความรอบคอบรัดกุม ไม่ประมาท เน้นการทำงานร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวัง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้นำทุกประเทศ พร้อมทั้งย้ำ ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพหลัก วางแผนจัดการดูแลรักษาความปลอดภัย ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในทุกพื้นที่ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและแก้ปัญหา โดยให้สำรวจความพร้อมของ กำลังพล ยานพาหนะและเครื่องมือทุกชนิด และให้มีการซักซ้อมแผนการปฏิบัติและพร้อมเผชิญเหตุในทุกสถานการณ์ โดยให้พัฒนาแผนอย่างต่อเนื่องให้มีความสมบูรณ์ เน้นประสิทธิภาพและความเข้าใจร่วมกัน ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามกฎหมายและหลักสากล เพื่อภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นและการยอมรับร่วมกัน

สำหรับการบริหารจัดการและการอำนวยความสะดวกการจราจร ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ ความสำคัญกับการวางแผนการเดินทางของผู้เข้าร่วมประชุมและการดูแลทางการแพทย์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้อำนวยความสะดวกการสัญจรให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด พร้อมทั้งต้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับประชาชน ร่วมมือกันเป็นเจ้าภาพที่ดี แม้วันดังกล่าวจะเป็นวันหยุดราชการก็ตาม

นายกฯปลื้มผลสำรวจนักธุรกิจต่างชาติ พบมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น

People Unity News : โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯปลื้มผลสำรวจนักธุรกิจต่างชาติ พบมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น นักธุรกิจต่างประเทศในไทยยังสนับสนุนการเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ เชื่อมีนักท่องเที่ยว/นักธุรกิจรอเดินทางเข้าไทยจำนวนมาก

29 ต.ค. 64 นายธนกร วังบุญคงชนะ เผย หลัง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศมาตรการเปิดประเทศแบบปลอดภัยพร้อมรับผู้เดินทางจากประเทศเสี่ยงต่ำ 45 ประเทศและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เริ่ม 1 พ.ย. นี้  ก็ได้การตอบรับจากภาคเอกชนไทยและนักธุรกิจชาวต่างชาติในไทยเป็นอย่างดี

โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นนักธุรกิจต่างชาติในไทย ไตรมาสที่ 3/ 2564 จากหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย 41 ประเทศ สมาชิกรวม 7,810 สถานประกอบการ พบว่า นักธุรกิจต่างชาติส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยและความเชื่อมั่นต่อธุรกิจดีขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นต่อธุรกิจ เพิ่มขึ้นเป็น 44.9 และ 38.4 จากเดิมอยู่ที่ 29.8 และ 26.8 ตามลำดับ ในไตรมาส 2/64 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ เพิ่มเป็น 41.7 จาก 27.7  เป็นค่าดัชนีสูงสุดใน 4 รอบการสำรวจ นับจากไตรมาส 4/2563 นอกจากนี้ ร้อยละ 50 ยังเชื่อว่าไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วจากผลกระทบโควิด-19 และเชื่อว่าเศรษฐกิจและธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และเริ่มฟื้นตัวจากไตรมาส 4 ปีนี้ ด้วย ทั้งนี้ นักธุรกิจต่างชาติในไทยยังสนับสนุนการเปิดประเทศของไทย เพราะทำให้การเดินทางเข้าไทยและท่องเที่ยวในไทยง่ายและสะดวกเพิ่มมากขึ้น  เชื่อว่ามีนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจรอเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งไทยเองยังเป็นฐานการลงทุนที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนเศรษฐกิจไทยในเดือนกันยายน 2564 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น  เช่นเดียวกับการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น การส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร ภาคการท่องเที่ยวในเดือนกันยายน 2564 มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 2,198,337 คน ทั้งในรูปแบบการท่องเที่ยวโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox)  รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว (Tourist Visa) รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวสมาชิกสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) ด้วย

“การเปิดประเทศของไทย 1 พ.ย. ยังช่วยเป็แรงหนุนให้เศรษฐกิจไนช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ กลับมาคึกคัก ทั้งการบริโภคการผลิต รวมทั้งการเดินทางภายในประเทศของคนไทยเองมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่รัฐบาลได้วางเอาไว้  อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือ ทุกคนต้องร่วมกันสร้างความมั่นใจแก่ชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว หรือทำธุรกิจในประเทศไทย ด้วยมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างรัดกุม ขณะเดียวกันก็จะมีการระดมฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรเป้าหมายภายในปี 2564 รวมถึงรัฐบาลยังจะมีมาตรการใหม่ๆเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย  ส่งเสริมการลงทุนภาครัฐและเอกชนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้ง New S-curve และ S-curve ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง คาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้จะโตได้ไม่ต่ำกว่า 1%  ด้วย”  นายธนกร กล่าว

Advertising

“ทิพานัน” โต้เพื่อไทย หลังกล่าวหาภาพลักษณ์นายกฯ

People Unity News : 17 พฤศจิกายน 2565 “ทิพานัน” โต้เพื่อไทย หลังกล่าวหาภาพลักษณ์นายกฯ ย้ำรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” มาจากการเลือกตั้งในกติกาเดียวกับที่เพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน เย้ยออกอาการหวั่นไหวเพราะนานาชาติตอบรับเอเปค

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่าภาพลักษณ์เผด็จการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นอุปสรรคในเวทีโลกว่า การแสดงความคิดเห็นดังกล่าว สะท้อนความหวั่นไหวและหวาดกลัวของพรรคเพื่อไทยที่ได้เห็นภาพความสำเร็จยของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ได้รับการยอมรับและให้การต้อนรับเป็นอย่างดีจากบรรดาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นผู้นำประเทศที่เดินทางมาร่วมการประชุมด้วยตนเอง

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยิ่งมีเสียงชื่นชมการจัดงานการประชุมที่ได้มาตรฐานระดับโลก จากบุคลากรของเอเปคเอง คือนางรีเบคกา สตา มาเรีย ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปคด้วยแล้ว พรรคเพื่อไทยอาจรับไม่ได้ที่นานาประเทศชื่นชมไทย ส่วนที่กล่าวหาว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการ ความจริงแล้ว พรรคเพื่อไทยเองก็ตระหนักดีว่า พล.อ.ประยุทธ์มาจากการเลือกตั้งที่มีกติกาเดียวกันกับพรรคเพื่อไทยเมื่อปี 2562 ที่เป็นฝ่ายค้านในสภาฯ อยู่ในขณะนี้

“พรรคเพื่อไทยต้องยอมรับว่านักโทษชายทักษิณ หลอกคนไทยว่าจะไม่โกง เพราะรวยอยู่แล้ว จะเข้ามาบริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ใช้วาทกรรมหลอกจนปังแต่ปัจจุบันพินาศไปแล้ว เพราะในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่พรรคเพื่อไทยมักจะนำมากล่าวอ้างถึงความสำเร็จต่างๆ โดยเฉพาะการจัดการประชุมเอเปคในยุคนั้น กลับมีพฤติกรรมที่เรียกว่า “เผด็จการรัฐสภา” ที่ก่อให้เกิดปัญหาคอร์รัปชันเชิงนโยบาย เช่น กรณีแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคม เป็นภาษีสรรพาสามิต ด้วยการตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพาสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจ บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท  ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ฐานที่นายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทซึ่งเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยให้บุคคลอื่นมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นแทน ในกรณีของการถือหุ้น บริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตัวเองและผู้อื่น และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต” น.ส.ทิพานัน กล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังคงภาคภูมิใจกับเศษซากปรักหักพังของประเทศ ที่ต้องสูญเสียไปกับการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย ที่ขโมยผลประโยชน์ชาติเข้าตระกูลตัวเองอยู่อีกหรือ ทั้งยังเป็นนักโทษหลบหนีคดี แต่จะขอกลับมาเมืองไทยแบบเท่ๆ สร้างความอับอาย และเป็นพฤติกรรมที่สังคมโลกรังเกียจ

Advertisement

“ธรรมนัส”ลุยแก้ปัญหาที่ดิน”ชัยภูมิ-โคราช” พบเครือข่ายปชช.4ภาคศูนย์พอเพียงสูงเมิน

People Unity : ลุยสางปัญหาที่ดินให้เกษตรกร! “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชาวชัยภูมิ ที่เดือดร้อนจากปัญหาที่ดินทำกินและหนี้สิน ก่อนไปมอบส.ป.ก.-4-01ให้เกษตรกรโคราช อีกกว่า 300 ราย ลั่นจะเร่งสะสาง ตรวจสอบที่ดินที่ใช้ผิดวัตถุประสงค์ อย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อนำมาจัดสรรให้แก่เกษตรกรไร้ที่ทำกิน

วันที่ 20 ต.ค.2562 ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะทำงานได้เดินทางไปตรวจราชการพร้อมพบปะประชาชนและรับฟังประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร ที่โรงเรียนหนองไผ่วิทยานุสรณ์ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ โดยมีนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมตัวแทนส่วนราชการในสังกัด รวมถึงผู้นำท้องถิ่นและประชาชน มาร่วมให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก

ช่วงบ่าย ร.อ.ธรรมนัส พร้อมคณะทำงานได้เดินทางไปที่่โรงเรียนบ้านเหลื่อมพิทยาสรรพ์ อ.บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา เพื่อพบปะประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ และเยี่ยมชมนิทรรศการส่วนราชการ ผลิตภัณฑ์ OTOP ด้วย โอกาสนี้ได้เป็นประธานพิธีมอบหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) ให้กับเกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดิน จำนวน 299 ราย 313 แปลง เนื้อที่ 2,545 ไร่

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดชัยภูมิและนครราชสีมาได้รับฟังปัญหาจากเกษตรกรส่วนใหญ่ ซึ่งประสบความเดือดร้อนในเรื่องที่ดินทำกิน ปัญหาหนี้สินและภัยแล้ง ทั้งนี้รัฐบาลได้จัดสรรงบเพื่อเยียวยาเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้งแล้ว 900 ล้านบาท ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้เร่งแก้ปัญหาที่ดินทำกิน โดยการลดขั้นตอนการดำเนินงาน และเร่งรัดมาตรการตรวจสอบที่ดินที่ใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา ที่จะต้องเร่งสะสางอย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อนำมาจัดสรรให้แก่เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ในการทำเกษตรกรรม พร้อมกันนี้ ก็มีนโยบายส่งเสริมอาชีพในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน สร้างรายได้อย่างยั่งยืน

จากนั้น ร.อ. ธรรมนัส พร้อมคณะทำงาน และคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯและส่วนราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เดินทางไปศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงประชาชน 4 ภาค ต. เสมา อ. สูงเนิน จ.นครราชสีมา เพื่อพบปะตัวแทนสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.) และสภาประชาชนสี่ภาค ที่มาคอยต้อนรับกว่า 1 พันคน โดยตัวแทนเครือข่ายประชาชนได้ยื่นหนังสือร้องทุกข์ เพื่อขอความช่วยเหลือในปัญหาต่าง ๆ

ร.อ.ธรรมนัส ได้รับหนังสือและกล่าวว่า รัฐบาลโดย นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้ความสำคัญและให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างจริงจัง ทำให้ชาวบ้านต่างแสดงความดีใจและส่งเสียงเชียร์ว่า “เรารัก ธรรมนัส”ขณะที่ร.อ.ธรรมนัส ก็ตอบกับไปว่า “ผมก็รักพี่น้องทุกคน ครับ”ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มถ้วนหน้า จากนั้นร.อ.ธรรมนัส พร้อมคณะได้กล่าวลาเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯในช่วงค่ำของวันเดียวกัน

“บิ๊กตู่”แมนพอ!ลั่นกมธ.สภาฯเชิญไปก็ต้องไป ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่

People Unity News : “บิ๊กตู่”แมนพอ!ลั่นกมธ.สภาฯเชิญไปก็ต้องไป ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่

เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้คำแนะนำ ควรจะเดินทางไปชี้แจงกับคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบและปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎรว่า “ถ้าเชิญไป ก็ต้องไป”

เมื่อถามย้ำว่า นายกรัฐมนตรี จะต้องหารือกับฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ก็ต้องพิจารณาอยู่แล้ว กำลังพิจารณาอยู่ไงเล่า”

Verified by ExactMetrics