วันที่ 13 พฤษภาคม 2025

สีหน้าไม่สู้ดี!”บิ๊กตู่”เผยกำลังตรวจสอบ ยิ่งถล่มยะลาดับ 15 ราย

People Unity News :  สีหน้าไม่สู้ดี!”บิ๊กตู่”เผยกำลังตรวจสอบ ยิ่งถล่มยะลาดับ 15 ราย บาดเจ็บ 5 ราย โฆษกกห.ประณามเหตุรุนแรงใต้ เผยนรม.และรมว.กห.แสดงความเสียใจ สั่งติดตามผู้ก่อเหตุมาลงโทษโดยเร็ว

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 6 พ.ย.2562 กรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนบุกยิงป้อมจุดตรวจ ชรบ.หมู่ที่ 4 ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา ขณะที่มีชาวบ้านซึ่งเป็น ชรบ. อยู่เวรยามประจำจุดตรวจ ถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 15 ราย และได้รับบาดเจ็บ 5 รายนั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักว่า ได้รับรายงานเรียบร้อยแล้วตรวจสอบอยู่ระหว่างการดำเนินการ

สั่งติดตามผู้ก่อเหตุมาลงโทษโดยเร็ว

ขณะที่พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวประณามการกระทำที่รุนแรงว่า ป่าเถื่อนและไร้ซึ่งมนุษยธรรมของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จชต. ที่ใช้ระเบิดขว้างและอาวุธปืน ยิงถล่มใส่ชาวบ้านในพื้นที่ บ้านทางลุม ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เป็นเหตุให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่เสียชีวิต รวม 15 คน และได้รับบาดเจ็บ 4 คน โดยเหตุเกิด เมื่อ 5 พ.ย.62 เวลา 2320 ที่ผ่านมา

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม. และรมว.กห. ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และได้กำชับ กอ.รมน.ภาค 4 เร่งให้การช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียอย่างเต็มกำลัง พร้อมสั่งการให้ระดมกำลังติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง มาลงโทษตามกฎหมายให้ถึงที่สุดโดยเร็ว เนื่องจากเป็นการกระทำที่สะเทือนขวัญ มีประชาชนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก” โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวและว่า

พร้อมกันนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังได้แสดงความห่วงใยถึงความปลอดภัยของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จำเป็นต้องเข้าไปดูแลใกล้ชิดมากขึ้นและตั้งอยู่บนความไม่ประมาท เพื่อสร้างความสันติสุขในพื้นที่ ในขณะที่รัฐบาล โดย ศอ.บต.กำลังเร่งเดินหน้าพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เชื่อมกับภูมิภาค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้มีความเท่าเทียมกัน

อุ่นเครื่องซักฟอก! “อคน.”ชงญัตติชำแหละ”คำสั่งคสช.- ม.44”

People Unity News :  “อนาคตใหม่” วาง 10 ส.ส. ชำแหละคำสั่ง คสช. – ม.44 “ปิยบุตร” ชี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจย้อนหลัง – ปชช.ได้รับผลกระทบวงกว้าง เล็งยื่น กกต. พิจารณาปมจำนวน ส.ส.พึงมี

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคประจำสัปดาห์ โดยระบุว่า ในการเปิดประชุมสภาสมัยที่ 2 มีญัตติสำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณา ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ มีญัตติด่วนขอให้สภาผู้แทนราษฏร ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบ เกี่ยวกับการใช้อำนาจของ คสช. การออกคำสั่งของและการใช้มาตรา 44 ของ คสช. ว่ายังส่งผลกระทบอะไรบ้าง ซึ่งญัตตินี้ ตนเป็นผู้เสนอและวางผู้อภิปรายเอาไว้ 10 คน โดยจะอภิปรายในประเด็นต่างๆอย่างครอบคลุม ตั้งแต่ภาพรวมของประกาศไปจนถึงผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน เสรีภาพของสื่อ ปัญหานโยบายทวงคืนผืนป่า ที่ดิน สิ่งแวดล้อม การศึกษา การแทรกแซงองค์กรอิสระ ซึ่งจะเน้นไปที่ประกาศคำสั่งของ คสช. มิได้เน้นที่ตัวบุคคล อาจเรียกได้ว่าเป็นการอุ่นเครื่องก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนธันวาคมนี้ ที่สำคัญประกาศคำสั่งเหล่านี้ ไม่สามารถโต้แย้งในศาลได้เลย เพราะรัฐธรรมนูญรับรองความชอบด้วยกฎหมายไว้ทั้งหมดแล้ว

“ผมคิดว่าญัตตินี้มีความสำคัญ เพราะในอดีต 5 ปีที่ผ่านมาของ คสช. เราไม่มีสภาผู้แทนราษฎรที่จะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ คสช. ได้อย่างเต็มที่ ครั้งนี้อาจจะเรียกได้ว่า เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คสช. ย้อนหลัง ถึงผลงานในอดีตที่ผ่านมาที่ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงปัจจุบัน และเหตุผลอีกประการหนึ่งคือ ศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฏรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ในวันนี้ บรรยากาศกำลังกลับคืนสู่ระบบปกติ ผู้แทนของราษฏรจึงมีอำนาจ มีความชอบธรรมอย่างเต็มที่ ที่จะกลับมาพิจารณาทบทวนว่า การออกประกาศของ คสช. ไปนั้น มีความถูกต้องชอบธรรมหรือไม่เพียงใด และควรที่จะต้องเสนอทางแก้ไข ยกเลิก หรือเยียวยา ผู้ที่เสียหายต่อไปอย่างไร” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า หากเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏรเห็นชอบให้ตั้ง กมธ.วิสามัญชุดนี้ขึ้นมา จะเป็นไปตามสัดส่วนเดิม พรรคอนาคตใหม่จะได้รับโควต้าประมาณ 6 คน ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่า ในที่ประชุมสภาฯ มีการเสนอว่าอย่างไร ซึ่งจากการที่ได้มีโอกาสปรึกษาเพื่อน ส.ส.จากหลายพรรค มีความเห็นตรงกันว่า เราควรต้องพูดเรื่องนี้ เพราะพวกเรามาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน อีกทั้งประกาศคำสั่งของ คสช. ไม่ได้กระทบกับกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างถึงพี่น้องประชาชน และยังกระทบถึงข้าราชการบางส่วนอีกด้วย ตนหวังว่าเพื่อน ส.ส.ในสภาฯ จะใช้โอกาสนี้ในการตั้งคณะ กมธ. เพื่อศึกษาในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม กมธ.กฎหมายฯ ที่ตนเป็นประธาน มีความคิดที่จะตั้งอนุกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้ แต่ต้องเรียนว่ามันจะเป็นการทำงานของคณะกรรมาธิการกฎหมายเท่านั้น จึงอยากตั้ง กมธ.ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ส.ส. จากทุกพรรคและเชิญบุคคลภายนอกเข้ามาศึกษาร่วมกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่กว่าที่ กมธ.สามัญ คณะใดคณะหนึ่งจะรับเอาไว้

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า จากการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 จ.นครปฐมในครั้งที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ และนำมาถอดบทเรียนกันภายในพรรค โดยตนได้โทรไปแสดงความยินดีกับหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาตั้งแต่วันเลือกตั้ง และเราไม่ได้ยุ่งกับผู้ที่ได้รับเลือกตั้งตรงนี้ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าขณะนี้พรรคอนาคตใหม่มี ส.ส. 80 ที่นั่ง จากที่ควรมีทั้งสิ้น 81 ที่นั่ง ตามจำนวน ส.ส. พึงมีที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนด ดังนั้น กกต. ต้องพิจารณาแก้ไข ซึ่งโดยหลักแล้วจะต้องนำผู้สมัคร ส.ส. จากบัญชีรายชื่ออีก 1 อันดับมาเป็น ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ที่ตอนนี้ยังขาด ส.ส. พึงมีอยู่ 1 ที่นั่ง

“ในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.) พรรคอนาคตใหม่จะไปยื่นหนังสือให้ กกต. พิจารณาทบทวนการคำนวณ ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ และขอเรียนให้ทราบว่า กกต. ต้องระมัดระวังในการใช้ดุลยพินิจ หากเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ป.อาญา ม.157 นั้น พรรคอนาคตใหม่ในฐานะผู้เสียหาย สามารถยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีไปที่ศาลอาญา แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้โดยตรงแล้ว ตามแนวทางของศาลอุทธรณ์ล่าสุด และหากพบว่าในอดีต กกต. มีการใช้อำนาจหน้าที่ในลักษณะนี้ พรรคอนาตใหม่ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีต่อไป” นายปิยบุตร กล่าว

สนุกแล้วกมธ.ป.ป.ช.! “ธนะสิทธิ์”ลาออกส่ง”ปารีณา”เป็นแทนชน”เสรีพิศุทธ์” 

People Unity News : สนุกแล้วกมธ.ป.ป.ช.! “ธนะสิทธิ์”ลาออกส่ง”ปารีณา”เป็นแทน ยันไม่ใช่ไม่รู้ กม.แต่เบื่อที่จะทำงานกับ “เสรีพิศุทธ์”

เมื่อเวลา 17.10 น.วันที่ 5 พ.ย.2562 นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าภายหลังลาออกจากกรรมาธิการชุดดังกล่าวว่า ตนมีความรู้สึกอึดอัดใจในการทำหน้าที่ไม่แตกต่างจากนายพยม พรหมเพชร  ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐที่ลาออกไปก่อนหน้าที่ การที่ต้องทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ในฐานะประธานกรรมาธิการ เป็นเรื่องที่หากหลีกเลี่ยงได้ตนก็จะสบายใจกว่า ซึ่งตนยืนยันว่าเหตุผลที่ลาออกไม่ใช่เพราะไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย แต่เป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของคนที่มาทำหน้าประธานนั้น ไม่มีความเหมาะสม และไม่ฟังความคิดเห็นของกรรมาธิการท่านอื่นๆ

นายธนะสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนได้มีการหารือกับนายพยมมาแล้ว พูดคุยกันหลายครั้ง ได้ตัดสินที่จะลาออกพร้อมกัน โดยยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นการดิสเครดิตการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กรรมาธิการท่านอื่นอาจจะสบายใจหรือไม่ แต่สำหรับพวกตน 2 คน ไม่สบายใจที่จะต้องนั่งร่วมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในกรรมาธิการชุดนี้

“เมื่อทั้งผมและท่านพยมต่างก็ไม่อยากทำหน้าที่ตรงนี้แล้ว ก็ขอส่งมอบให้กับ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี ให้เข้าไปร่วมทำหน้าที่ในกมธ.ชุดดังกล่าวแทนด้วย ผมขอเป็นกำลังใจให้ทั้ง 2 ท่าน และมั่นใจทั้งท่านสิระและท่านปารีณาต่างเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นที่จะทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ผมก็เชื่อว่าการทำหน้าที่ของกรรมาธิการชุดนนี้น่าจะมีประสิทธิภาพและผลงานที่ดีขึ้น” นายธนะสิทธิ์ กล่าว

ด้านน.ส.ปารีณา กล่าวว่า ตนรู้สึกเห็นใจนายพยมและนายธนะสิทธิ์ ที่รู้สึกหมดความอดทนกับพฤติกรรมที่มีการใช้อำนาจกรรมาธิการแบบเกินขอบเขต และเข้าใจดีถึงความอึดอัดใจหากจะต้องเข้าร่วมประขุมในทุกสัปดาห์ ซึ่งหากเกินความรู้สึกเช่นนี้การลาออกก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดหรือน่าแปลกอะไร

น.ส.ปารีณา กล่าวต่อว่า วันนี้ที่ประชุมก็ได้มีมติให้ตนและนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.ทำหน้าที่แทนทั้ง 2 คน ตนพร้อมที่จัทำหน้าที่แทนอย่างเต็มใจ และจะทำให้ประเทศชาติและประชาชนได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ให้สมค่ากับทุกคะแนนของชาวราชบุรีที่เลือกตนมา

“ตนจะพยายามสอนและตักเตือนบรรดา ส.ส.สมัยแรกบางคนว่า อำนาจของกรรมาธิการมีแค่ไหน แต่ส่วนตัวตนมั่นใจว่า จะสามารถอดทน กับคนเจ้าอารมณ์ บ้าอำนาจ ควบคุมสติไม่ได้ ได้อย่างแน่นอน”น.ส.ปารีณา กล่าว

ปชป.มีมติสนับสนุน”อภิสิทธิ์”เป็นปธ.กมธ.ศึกษาแก้รัฐธรรมนูญ

People Unity News : ปชป.มีมติสนับสนุน”อภิสิทธิ์”เป็นปธ.กมธ.ศึกษาแก้รัฐธรรมนูญ ขณะที่ “ชวน” ปิดปากโยนให้เป็นเรื่องสภาฯ ส่วน “ปิยบุตร”เสนอตัวแย้ม”ธนาธร”คิดร่วมด้วย

วันที่ 5 พ.ย.2562 ที่พรรคประชาธิปัตย์ การประชุมส.ส.ของพรรค โดยมีการพิจารณากรณัญัติการเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่จะเกิดขึ้นนี้ ล่าสุด ที่ประชุมมีมติ สนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ

“ชวน”ปิดปากโยนให้เป็นเรื่องสภาฯ

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อถามว่าฝ่ายค้านและสังคมเห็นด้วยถ้านายอภิสิทธิ์มาเป็นประธานกรรมาธิการฯ นายชวน กล่าวว่า ไม่ขอแสดงความเห็นเรื่องนี้ แม้ล่าสุดตนได้เจอกับนายอภิสิทธิ์ ในงานแสดงมุทิตาจิต เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ บิดาของนายอภิสิทธิ์ ครบ 84 ปี เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้พูดคุยกันเรื่องดังกล่าว และหลังจากวันนั้นก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก

ส่วนนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น จากข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นการเสนอของพรรคการเมืองอื่น จุดเริ่มต้นเกิดจากการเสนอของนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ หลังจากนั้นก็มีเสียงตอบรับและการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆตามมาอีกหลายพรรค รวมถึงการสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภาด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อทุกฝ่ายเห็นว่า นายอภิสิทธิ์ มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ จึงเกิดกระแสขานรับกันอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาตามขั้นตอนของพรรค
ส่วนการที่พรรคพลังประชารัฐออกมาท้วงติงถึงสิทธิ์การเป็นพรรคการเมืองใหญ่ จะต้องได้ตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ ก็เป็นสิทธิ์ของพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็ไม่ได้เป็นสูตรที่ตายตัวเสมอไป เพราะในคณะกรรมาธิการหลายชุด ประธานคณะกรรมาธิการก็มาจากพรรคการเมืองอื่นก็เคยมี จึงอยากจะให้พิจารณาถึงความเหมาะสมของบุคคลที่จะมานั่งตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญมากกว่า ถ้าหากตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้เป็นคนของพรรคพลังประชารัฐ ก็อาจจะเกิดความขัดแย้งและการไม่ยอมรับจากพรรคฝ่ายค้านหรือกลุ่มต่างๆ และอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งรอบใหม่ ซึ่งไม่มีใครอยากเห็นหรืออยากให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

อยากให้การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของความปรองดองสร้างความสมานฉันท์มากกว่าการเกิดความขัดแย้งตั้งแต่จุดเริ่มต้น จึงอยากจะเรียกร้อง ให้พรรคพลังประชารัฐพิจารณาให้รอบคอบ ขอให้เห็นแก่บรรยากาศทางการเมืองและการขับเคลื่อนของคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ จะได้ทำงานให้เป็นไปด้วยความราบรื่นประสบความสำเร็จตามที่ทุกฝ่ายในสังคมคาดหวังไว้

“ปิยบุตร”เสนอตัวแย้ม”ธนาธร”คิดร่วมด้วย

ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่(อนค.) กล่าวว่า สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการตั้ง กมธ.ให้ได้ก่อน ถ้าประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญถูกเปลี่ยนไปโฟกัสว่าใครเป็นประธานฯ สังคมก็อาจจะคลางแคลงใจว่าไม่มุ่งเน้นประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ไปถกเถียงตีกันว่าใครจะเป็นประธานฯ เราควรทำให้กมธ.ชุดนี้เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อผลักดันในนามของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ที่จะทำให้สังคมเข้าใจว่าเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หากเราหาฉันทามติร่วมกันได้ก็จะเป็นผลงานร่วมกัน ที่เห็นพ้องต้องกันว่าจะแก้ในประเด็นใดบ้าง และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ก็จะถูกแรงกดดันว่าต้องเอาด้วย

“ในพรรค อนค. ยังไม่ได้ตกลงกันอย่างชัดเจน ต้องยอมรับว่าที่ผมมาเป็นส.ส.ก็เพื่อเข้ามาผลักดันเรื่องกฎหมาย และการแก้รัฐธรรมนูญ คิดว่าจะเสนอตัวเองเข้าไปนั่งใน กมธ.ชุดนี้ด้วย ส่วนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนค. ก็กำลังคิดจะที่จะเข้าร่วมด้วย แต่ยังติดภารกิจที่ปรึกษา กมธ.งบประมาณฯ อยู่” นายปิยบุตร กล่าว

“อนุดิษฐ์”ไม่เห็นด้วย “อภิสิทธิ์” นั่งประธานกมธ.

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถึงสัดส่วนการจัดกรรมาธิการวิสามัญ(กมธ.) ไปศึกษาวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า เท่าที่ทราบฝ่ายรัฐบาลเสนอมาที่ 49 คน แบ่งเป็นสมาชิกส.ส.37คน คณะรัฐมนตรีอยู่ที่12 คน พรรคฝ่ายค้าน 19 คนและฝ่ายรัฐบาลได้18 คน ซึ่งทางฝั่งรัฐบาลเสนอเข้ามาแต่ทางฝ่ายค้านยังไม่ได้ตกลง

ขณะที่น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีที่นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการจัดสรรส่วนอาจเพิ่มขึ้นเป็น 50 คน ว่า เห็นว่า 49 คนก็เหมาะสมแล้ว ส่วนใครจะนั่งเป็นประธานกมธ.ชุดดังกล่าวจะอยู่ที่ฝั่งรัฐบาลเป็นคนเลือกเพราะมีจำนวนมากกว่า

พร้อมกันนี้น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐไม่เห็นด้วยกับการให้ นายอภิสิทธิ์ เป็นประธานในกมธ.ชุดดังกล่าว ว่า เรื่องนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของสมาชิกพรรค ซึ่งการเลือกประธานกมธ.เป็นหน้าที่ของสมาชิกในที่ประชุมกมธ.

“พุทธิพงษ์”ย้ำทุกก้าวของอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยเป็นก้าวสำคัญพัฒนาประเทศ

People Unity News : “พุทธิพงษ์”รมว.ดีอีเอสย้ำทุกก้าว ของอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาประเทศ

วันที่ 5 พ.ย.2562 ที่รอยัลพารากอน ฮอลล์ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) เป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ พลังซอฟต์แวร์ไทยสู่อนาคตยุคดิจิทัลไทยแลนด์ (Future Empowerment: Thai Software for Digital Thailand)

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ทุกก้าวของอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย คือก้าวสำคัญของการพัฒนาประเทศ   การจัดงานแสดงนวัตกรรมและโซลูชั่นฝีมือคนไทยครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งเวทีสําคัญ ที่นำโดยภาคเอกชน ที่มีความตั้งใจร่วมสนองนโยบายดิจิทัลไทยแลนด์ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษา ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ ภาครัฐ ภาคเอกชน นักพัฒนา บุคคลที่เป็นตัวอย่างความสําเร็จในสังคม และสื่อมวลชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความคิดเห็น ที่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนประเทศ

“ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ไม่เพียงแต่ผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงานจะได้รับประโยชน์ แต่ประเทศไทยและคนไทยจะได้รับประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิด มุมมองที่หลากหลายกันตลอดช่วงสองวันนี้ด้วย เพราะทุกท่านเป็นกลไกสําคัญที่จะช่วยนําพาประเทศไทยให้เท่าทันกับความท้าทายของโลกในอนาคต”

สำหรับงานดังกล่าวบริษัท โซเชียลแล็บ จำกัด ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย ผนึกกำลังพันธมิตรจากภาครัฐและเอกชนชั้นนำ พาคนไทยเปิดประตูสู่อนาคตเริ่มนับ 1 ถึง 10 ไปพร้อมกันในงาน “OIIO” Thailand TECHLAND 2019 ภายใต้แนวคิด The Future is Now ยกทัพเทคโนโลยี นวัตกรรม เหล่าแกดเจ็ต และซอฟต์แวร์สุดล้ำมาเปิดปรากฎการณ์ใหม่ในแวดวงเทคโนโลยีของทุกอุตสาหกรรมในแบบ Industry 4.0 ให้สัมผัสภายในงานนี้เป็นที่แรก อัดแน่นด้วย 6 โซนนิทรรศการไฮไลท์ Conference Hall ที่อยากชวนคนไทย   “ร่วมสร้างสังคมแห่งความเจริญด้านนวัตกรรม” ให้สามารถแข่งขันทัดเทียมเทคโนโลยีโลกได้ ด้วยการหยิบยกปัญหาขึ้นมาเพื่อระดมกูรูแนวหน้าช่วยกันคิด ช่วยกันสร้างตามคอนเซปต์ OIIO และกิจกรรมร่วมสนุกบนพื้นที่กว่า 4,400 ตารางเมตร ระหว่างวันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2562 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์

“ศักดิ์สยาม”ฉุนรายการทีวี พาดพิงก่อนศึกซักฟอก ส่งแจ้งความเอาผิด

People Unity News : “ศักดิ์สยาม”ฉุนรายการโทรทัศน์พูดพาดพิงก่อนศึกซักฟอก ชี้ให้ข้อมูลไม่ตรงความจริง มอบ ส.ส.พรรค แจ้งความเอาผิดผู้ดำเนินรายการ – ต้นสังกัด

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่พรรคภูมิใจไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมส.ส.ของพรรคที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ เป็นประธานการประชุม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงกรณีที่มีรายการของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ที่ผู้ดำเนินรายการมีการพูดพาดพิงนายศักดิ์สยาม และพรรคภูมิใจไทย ในประเด็นที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า รายการดังกล่าวมีการพูดพาดพิง โดยให้ข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งตนได้ถอดข้อความจากรายการดังกล่าวทั้งหมดแล้ว พบว่าข้อมูลที่ผู้ดำเนินรายการพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง สร้างความเสียหายให้แก่ตน และพรรคภูมิใจไทย ถือว่ามีความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และการหมิ่นประมาท อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.) ตนจะแถลงรายละเอียดที่กระทรวงคมนาคมอีกครั้ง

ด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แถลงภายหลังการประชุมว่า จากการพิจารณากรณีดังกล่าว ทางพรรคจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 คน และบริษัทต้นสังกัด ในฐานะหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยนายศักดิ์สยาม จะไปแจ้งความที่ จ.บุรีรัมย์ พร้อมกันนี้หัวหน้าพรรคฯ จะทำหนังสือมอบอำนาจให้ ส.ส.เขตของพรรคทั้ง 39 คน ไปดำเนินการแจ้งความในพื้นที่ของตัวเอง รวมทั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทั้ง 12 คน ซึ่งรวมถึงตัวนายอนุทิน ก็จะไปแจ้งความด้วยเช่นกัน

เมื่อถามว่า หากฝ่ายค้านหยิบยกประเด็นนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายศุภชัย กล่าวว่า เป็นสิทธิที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ขณะนี้มีเพียงกระแสข่าวว่าใครจะถูกอภิปรายเท่านั้น ซึ่งการที่ผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 คน เอาเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูด คนที่ไม่รู้ก็อาจจะเชื่อ และคล้อยตามได้ ทำให้นายศักดิ์สยาม และพรรค เกิดความเสียหาย

ภท. จ่อ นำทัพรมต. – ส.ส. สัญจรศรีสะเกษ – นครสวรรค์ เจาะปัญหาปชช.

นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งในที่ประชุมว่า พรรคจะจัดการประชุมสัญจรพรรคภายในปี 2562 จำนวน 2 ครั้ง คือ ที่ จ.ศรีสะเกษ และจ.นครสวรรค์ โดยใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง และการเลือกตั้ง ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จัดสรรมาให้ โดยกกต.ได้ให้ความเห็นชอบ และสนับสนุน ให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองดังกล่าว สำหรับในปี 2563 พรรคตั้งเป้าหมายจะประชุมพรรคสัญจร จำนวน 6 ครั้ง เฉลี่ย 2 เดือน ต่อ 1 ครั้ง โดยจะไปตามจังหวัดต่างๆที่มีการวางแผนงานไว้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การใช้งบประมาณครั้งนี้จะต้องเป่นไปตามระเบียบของกกต. และขอให้ทุกคนระมัดระวังเรื่องการใช้เงิน ซึ่งการจัดกิจกรรมต้องได้ประโยชน์มากที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงพื้นที่สัญจรของพรรคภูมิใจไทย เป็นแนวคิดของนายอนุทิน เพื่อติดตามการทำงานของส.ส.ในพื้นที่ และรับทราบปัญหาของประชาชน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และตรงจุด

“หมวดเจี๊ยบ”เย้ย”บิ๊กตู่”สร้างประวัติศาสตร์ ทำสัมพันธ์อาเซียนกับสหรัฐตกต่ำที่สุด

People Unity News :  “หมวดเจี๊ยบ”เย้ย”บิ๊กตู่”สร้างประวัติศาสตร์ ทำสัมพันธ์อาเซียนกับสหรัฐ ตกต่ำที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี

วันที่ 5 พ.ย.2562 ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่าคิดไปเองว่าตัวเองประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เพราะเบื้องหลังของการประชุมเต็มไปด้วยความโกลาหลและทิ้งร่องรอยความบาดหมางระหว่างหลายประเทศไว้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดูต่างหน้า โดยเฉพาะสหรัฐซึ่งไม่พอใจอย่างมาก ที่ถูกผู้นำ 7 ประเทศอาเซียนประท้วง โดยการส่งแค่รัฐมนตรีต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ ครั้งที่ 7 ซึ่งสหรัฐระบุว่า นี่คือการไม่ให้เกียรติต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างชัดเจน

เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ชาติต่าง ๆ ในอาเซียนไม่ได้เห็นหัว พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นประธานอาเซียนเลย จึงไม่ไว้หน้า พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการปล่อยให้ผู้แทนของสหรัฐประชุมอย่างเหงาหงอย ร่วมกับ ผู้นำ 3 ชาติ คือ ไทย ลาว และเวียดนาม พร้อมด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศ 7 ชาติ แทนที่จะเป็นการประชุมระหว่างสหรัฐกับผู้นำทั้ง 10 ประเทศ ซึ่งเหตุที่ ลาว และเวียดนาม ส่งผู้นำร่วมประชุมก็เพราะมีความจำเป็นบังคับ เนื่องจากลาว อยู่ในฐานะประเทศผู้ประสานงาน ส่วนเวียดนามกำลังจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งต่อไป ซึ่งสื่อต่างประเทศได้ตีข่าวความไม่พอใจของสหรัฐในเรื่องนี้ไปทั่วโลก ย่อมส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกมองว่าไร้น้ำยาจึงไม่สามารถควบคุมการประชุมให้ราบรื่นได้ โดยประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง อาเซียน กับ สหรัฐ ตกต่ำมากที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเก้าอี้ประธานอาเซียน

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานอาเซียน ก็ยังล้มเหลวในการผลักดันให้ 16 ชาติ คือ 10 ขาติอาเซียน และ 6 ประเทศคู่เจรจา บรรลุความตกลงในการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) ทั้ง ๆ ที่ การเจรจาเกี่ยวกับการออกแถลงการณ์ร่วม 16 ชาติ เรื่องความตกลง RCEP คือ เป้าหมายสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการประชุมสุดยอดอาเซียนซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทยในครั้งนี้ แต่การที่อินเดียไม่เข้าร่วมการออกแถลงการณ์ร่วม เพียง 1 ชาติ อาจจะทำให้การก่อตั้งเขตการค้าเสรี RCEP ต้องล่าช้าออกไปอีก โดยอาจทำให้ความตกลง RCEP ไม่สามารถมีผลบังคับใช้ได้ทันกรอบเวลาในปีหน้า ทั้งยัง เป็นการทำลายจุดแข็งของ เขตการค้าเสรี RCEP ที่มีการโฆษณากันว่า จะเป็นตลาดการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะจะมีประชากรรวมกัน 3,500 ล้านคน หรือราวครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดในโลก เพราะตราบใดที่อินเดียยังไม่บรรลุข้อตกลง ก็เท่ากับ เขตการค้าเสรี RVEP ยังขาดอินเดียไปอีก 1 ชาติ ซึ่งจะทำให้ประชากรในเขตการค้าเสรี RCEP หายไปทันทีถึง 1,300 ล้านคน หรือเกือบครึ่งของประชากรทั้งหมดในเขตการค้าเสรี RCEP ดังนั้น ตราบใดที่อินเดียยังไม่ตกลงเข้าร่วมอย่างเป็นทางการ ก็ไม่สามารถกล่าวได้ว่า RCEP เป็นเขตการค้าเสรีที่มีกำลังซื้อของประชากรครึ่งโลกได้อย่างแท้จริง ดังนั้น การที่อินเดียไม่ร่วมออกแถลงการณ์ร่วมความตกลง RCEP กับอีก 15 ชาติ จึงมีนัยสำคัญอย่างมาก ดังนั้น รัฐบาลประยุทธ์ ไม่ควรตีกินว่าปิดการเจรจาได้สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่ อินเดียยังไม่ยอมรับข้อตกลงหลายประเด็น ซึ่งสะท้อนความล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานอาเซียน สมควรต้องให้สอบตก ติด F ลบลบ เพราะแค่ 1 ลบ ก็ยังไม่พอ

ที่สำคัญ ในการประชุมร่วมกับผู้แทนสหรัฐ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวสุนทรพจน์อวยสหรัฐเกินจริง โดยยกยอปอปั้นว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอาเซียนมีความก้าวหน้าและแนบแน่นยิ่งขึ้น ทั้ง ๆ ที่ ใคร ๆ ก็เห็นว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ลดความสำคัญของนโยบายสหรัฐต่ออาเซียนลง จึงไม่มาร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนในไทย และไม่ส่งผู้นำระดับสูงมาเป็นตัวแทนด้วยซ้ำ ซึ่งแตกต่างจากนโยบายสมัยรัฐบาลโอบาม่า ในชณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่สามารถแสดงบทบาทนำในการสร้างอำนาจต่อรองให้กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนได้ และไม่สามารถเป็นแกนกลางในการผลักดันให้ชาติสมาชิกอาเซียนมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่าควรต้องมีท่าทีร่วมกันอย่างไรต่อมหาอำนาจชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะชาติที่เป็นคู่ขัดแย้งกัน ทำให้อาเซียนในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประชาคมที่ไร้ทิศทางในด้านต่าง ๆ โดยสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทิ้งไว้ให้อาเซียน เป็นเพียงการประดิษฐ์วาทกรรมที่สวยหรูเรื่องการพัฒนาและความมั่งคั่งเท่านั้น แต่ไม่มีแก่นสารอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะดีแต่พูดเท่านั้น ที่สำคัญ แม้แต่ผลประโยชน์ของไทยเอง ในเรื่องที่โดนสหรัฐตัด GSP พล.อ. ประยุทธ์ ก็ยังไม่สามารถใช้เวทีสุดยอดอาเซียน ในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐได้เลย ทำให้คนไทยไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการประชุมในสุดยอดอาเซียนในครั้งนี้ และนี่คือ เหตุผลว่าทำไมพรรคเพื่อไทยจึงให้ พล.อ.ประยุทธ์ สอบตกและติดเอฟลบลบ ในฐานะประธานอาเซียน และเชื่อว่าประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่าความสัมพันธ์ อาเซียนกับสหรัฐ ตกต่ำที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี ในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเป็นประธานอาเซียน.

“จุรินทร์”กระทบไหล่”สี จิ้น ผิง”ร่วมงาน Expo จีน โชว์สินค้านเอสเอ็มอีขึ้นห้างออนไลน์ใหญ่

People Unity News : “จุรินทร์”กระทบไหล่”สี จิ้น ผิง”ร่วมงาน Expo จีน นำผู้ประกอบการจัดแสดงสินค้า พร้อมนำสินค้าเอสเอ็มอีขึ้นห้างออนไลน์ใหญ่ คาดการณ์ยอดสั่งซื้อรวมกัน 4,200 ล้าน

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2562 เวลา 9.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และ คณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ เยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2562 เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดงาน CIIE 2019 หรือ China International Import Expo 2019 ตามคำเชิญของทางการประเทศจีน โดยกำหนดการนายจุรินทร์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนประเทศไทยในนามคณะผู้แทนนานาชาติร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด CIIE 2019 โดยมีประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง เป็นประธานในพิธี

นายจุรินทร์ เปิดเผยว่า งานนี้เพื่อส่งเสริมการนําเข้าสินค้าตาม นโยบายเปิดกว้างทางเศรษฐกิจของจีน ผลการจัดงานปีแรกงานนี้ของประเทศจีนนั้นมีการจัดแสดงสินค้า 3,617 ราย บนพื้นที่จัดงาน 2.7 แสนตารางเมตร ผู้เข้าชมงานกว่า 8 แสนคน ยอดขาย 5,783 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ1.73 แสนล้านบาท ในส่วนของผลการเข้าร่วมงานนี้ในปีที่ผ่านมาของไทยเรามีการออกบูธ Exhibitor 63 ราย ยอดการซื้อขาย 64 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1,921 ล้านบาท และปีนี้ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประสานงานร่วมจัดแสดงสินค้าเช่นกัน

กำหนดการจากนั้นจะเข้าเยี่ยมชมซูเปอร์มาเก็ตเหอหม่า Hema Fresh ที่เป็นซูเปอร์มาเก็ตซึ่งได้รับเงินลงทุนจากอาลีบาบาเพื่อทดลองการเข้าสู่ตลาดค้าปลีก จุดเด่นของเหอหม่าคือ การให้บริการทั้งรูปแบบ Offline และ Online เน้นจําหน่ายสินค้าอาหารสด ซึ่งสินค้าสดคิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของสินค้าทั้งหมด การจัดส่งสินค้าภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ระบบบริหารจัดการทั้งหมดเป็นระบบดิจิทัล สินค้ากว่า 20,000 ชนิด จากกว่า 2,000 แบรนด์ มีระบบ Traceability สืบค้นหาสินค้าได้ละเอียด

ประเด็นการเข้าเยี่ยมชมก็เพื่อการผลักดันให้สินค้าไทยเข้าไปวางจําหน่ายในห้างฯให้มากขึ้นโดยเชิญฝ่ายจัดซื้อมาร่วมงานแสดงสินค้าในไทยของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (THAIFEX STYLE) หรืองานจับคู่เจรจาการค้า จัดกิจกรรมส่งเสริมการจําหน่ายสินค้าไทยทั้ง Offline และ Online ศึกษาแนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นตัวขับเคลื่อน ในการจัดวางกลยุทธ์ธุรกิจค้าปลีก อาทิ การเลือกสถานที่ในการจัดตั้ง ร้านค้าปลีก ออฟไลน์ของ Hema กับจํานวนผู้ซื้อสินค้าออนไลน์การ จัดการคลังสินค้าเพื่อลดต้นทุนและรักษาความสดใหม่ของคุณภาพ สินค้า เป็นต้น ซึ่งจะเป็นโอกาสอย่างมากของสินค้าไทย

รายงานข่าวกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า สำหรับวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2562 รองนายกฯ และคณะ เข้าร่วมหารือกับผู้บริหารระดับสูง Alibaba โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และอาลีบาบา Letter of Intend เพื่อพัฒนา SMEs ไทยให้เข้าสู่แพลตฟอร์ม การค้าออนไลน์ระดับนานาชาติ MOU ข้อตกลง เพื่อพัฒนาเอสเอ็มอีไทย และบุคลากรด้านดิจิทัล การตั้ง TOPTHAI Flagship Store บน Tmall Global จําหน่ายสินค้าแฟชั่น Personal Care อาหาร ซึ่งทราบว่าเป้าหมายผู้ประกอบการ ไทยที่เข้าร่วม 100 บริษัท คาดการณ์มูลค่าสั่งซื้อ 1,200 ล้านบาท ใน 3 ปี

ส่วนประเด็นหารือ คือ ร่วมมือการส่งเสริมการตลาดและส่งออกสินค้าเกษตร ได้แก่ ยางพารา มันสําปะหลัง ปาล์มน้ํามัน ข้าว ผลไม้ และสินค้าศักยภาพ อื่นๆ ของไทย ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ การจัดกิจกรรมมหกรรมออนไลน์วันประเทศไทย(Thailand Day) เพื่อส่งเสริมภาพ ลักษณ์ กิจกรรมทางการตลาด และการท่องเที่ยวของ ประเทศไปสู่ผู้บริโภคชาวจีน ถ่ายทอดเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่และความรู้ที่สามารถช่วย อํานวยความสะดวกในการทําธุรกิจและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร

จากนั้น รองนายกฯ และคณะจะเข้าเยี่ยมชมงาน CIIE 2019 โดยประเทศไทยเข้าร่วม 2 ส่วน คือ Thailand Pavilion ที่เป็น 1 ใน 15 ประเทศ Country of Honor พื้นที่ 256 ตารางเมตร จัดแสดงศักยภาพด้านการค้าการลงทุนการท่องเที่ยวนวัตกรรม และ Enterprise & Business Exhibition มี ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 46 รายโดยมีหน่วยงาน GIT การท่องเที่ยว และ การยาง ฯ เข้าร่วมด้วยโดยการคาดการณ์ยอดการซื้อขายของผู้ประกอบการ ไทยในงาน CIIE 2019 เท่ากับ 2,000 ล้านบาท ดังนั้นสรุปยอดรวมรวมประมาณการสั่งซื้อสินค้าในการเดินทางครั้งนี้ ร่วม 4,200 ล้านบาท

“เทวัญ”ดัน”หุบผาสวรรค์”แหล่งเที่ยวเชิงศาสนาแห่งใหม่

People Unity News :  “เทวัญ”นำคณะกราบเจ้าคณะปากท่อราชบุรี ดัน”หุบผาสวรรค์”แหล่งเที่ยวเชิงศาสนาแห่งใหม่

วันที่ 5 พ.ย.2562 เวลา 12.30 น. นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธงชัย ลืออดุลย์ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณรงค์ ทรงอารมณ์  รองผู้อำนวยการรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ สถาบันพระสังฆาธิการ  “หุบผาสวรรค์” ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เพื่อติดตามแผนการพัฒนาพื้นที่บริเวณเขาถ้ำพระให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดราชบุรี ตามแผนโครงการพัฒนาพื้นที่หุบผาสวรรค์

เมื่อเดินทางถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จากนั้นคณะเดินทางไปยังหอประชุมสถาบันสังฆาธิการ ถวายไทยธรรมแด่พระครูสุภัทรญาณวินิฐ เจ้าคณะอำเภอปากท่อ และร่วมประชุมกับส่วนราชการในพื้นที่

นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัด ราชบุรี กล่าวว่า ที่ตั้งของสถาบันสังฆาธิการแห่งนี้มีที่ตั้งเชื่อมต่อกับเขาถ้ำพระ เขาเสือหมอบ และหุบผาสวรรค์ ซึ่งในอดีตเป็นพื้นที่สำคัญทางศาสนา โดยได้ชื่อว่าเป็นดินแดนศาสนิกสัมพันธ์สามศาสนา ประกอบด้วย ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ซึ่งจังหวัดราชบุรีมีแผนพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัด ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้แก่คนในพื้นที่ สร้างความมั่นคงของเศรษฐกิจในพื้นที่ต่อไป

ทั้งนี้ การลงพื้นที่ตรวจราชการของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ จะนำผลสรุปจากที่ประชุมไปนำเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ณ จังหวัดกาญจนบุรี ต่อไป

“ชวน”เผยกำชับ”บิ๊กตู่”มาสภาแจงกมธ.-หนุนแก้รธน.

People Unity News : งานวันธรรมศาสตร์สามัคคี ครั้งที่ 20 “ชวน”เผยกำชับ”บิ๊กตู่”มาสภาแจงกมธ.-หนุนแก้รธน.

วันที่ 5 พ.ย.2562 นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ความหวังสภาผู้แทนฯ ภาคใต้รัฐธรรมนูญ 2560” ในงานวันธรรมศาสตร์สามัคคี ครั้งที่ 20 โดยได้กล่าวถึงโครงสร้างรัฐธรรมนูญว่า เป็นตัวกำหนดโครงสร้างการบริหารประเทศ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจนรัฐธรรมนูญในอดีตถูกยกเลิก ไม่ใช่เพราะรัฐธรรมนูญมีปัญหา แต่ตัวบุคคลกลับละเมิดรัฐธรรมนูญ ไม่ยึดหลักนิติธรรม ดังนั้น กระบวนการยุติธรรมการบังคับใช้กฎหมาย ต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียม เคร่งครัด ทั้งคนรวย และคนจน

ทั้งนี้ นายชวน กล่าวต่อว่า สภาผู้แทนราษฎร เป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตย ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และต้องเป็นตัวอย่างของการเคารพกฎหมาย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ เป็นแบบอย่างให้ภาคส่วนอื่น ๆ และขอร้องสมาชิกอย่าสร้างภาพลบต่อสังคม พร้อมเคยกำชับไปยังนายกรัฐมนตรี ให้มาสภาฯ มาตอบกระทู้ ถ้ากรรมาธิการเรียก ก็ต้องมาชี้แจง และเตือนไปยังกรรมาธิการว่า ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะผู้ชี้แจงไม่ใช่จำเลย

ขณะเดียวกัน นายชวน กล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญ ไม่สามารถแก้คอร์รับชั่นได้ แม้จะมีข้อปฏิบัติ และมีบทลงโทษอย่างเข้มงวด ก็ไม่สามารถแก้ได ถ้าผู้ใช้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญนี้ อย่างที่เราทราบกันว่า มีรูปแบบการเลือกตั้งมาจากเยอรมัน ซึ่งจากการเคยพบกับผู้แทนจากประเทศเยอรมันนั้น ทำให้ทราบว่า ระบบการเลือกตั้งดังกล่าว เยอรมัน ได้ยกเลิกการใช้ไปแล้ว เพราะทำให้มีพรรคการเมืองในสภาจำนวนมากเกิดปัญหา และย้ำว่า ตนก็ไม่ได้เห็นชอบต่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และมีหลายเรื่องที่สมควรจะต้องแก้ไข แต่การแก้ไขนั้น ไม่ควรยกเลิกทั้งฉบับ แต่จะต้องมาพูดคุยกันทุกฝ่ายว่าประเด็นใดเป็นปัญหาที่ควรแก้ไข เช่น ส.ว. ควรมีไว้ต่อไปหรือไม่ ถ้ามีจะให้มาจากการแต่งตั้ง หรือการเลือกตั้ง เป็นต้น

Verified by ExactMetrics