วันที่ 7 พฤษภาคม 2024

ครม.ทุ่มงบฯ จ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด

People Unity News : 29 สิงหาคม 2566 ครม.อนุมัติงบกลาง 998.44 ล้านบาท จ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดต่อเนื่องเดือน ก.ย.66 ดูแลเด็กแรก-6 ปี กว่า 2.25 ล้านคน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 ว่า ครม.อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการจ่ายเงินงบอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 998.442 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้การจ่ายเงินอุดหนุนสำหรับการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด จำนวน 2,254,534 คน ในเดือนกันยายน 2566 เป็นไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับความจำเป็นที่ขออนุมัติงบกลางฯ ในครั้งนี้ เนื่องจากผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565-สิงหาคม 2566 มีจำนวนเกินกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ ทำให้งบประมาณปี 2566 ที่ได้รับจัดสรรไม่เพียงพอต่อการเบิกจ่ายให้กับกลุ่มเป้าหมายที่มีสิทธิ์ในเดือนกันยายน 2566 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงจำเป็นต้องขออนุมัติงบกลางดังกล่าว ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะส่งให้สำนักงาน กกต. พิจารณาต่อไป

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เป็นนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งจัดสวัสดิการพื้นฐานแก่เด็กแรกเกิดให้ได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย โดยรัฐบาลมอบเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กต่อเนื่องตั้งแต่แรกเกิด – 6 ปี ที่อยู่ในครัวเรือนยากจนซึ่งมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ในอัตราเดือนละ 600 บาทต่อคน

Advertisement

“ธนาธร” 1 ใน 100 ดาวรุ่งแห่งปี ของนิตยสาร”TIME”

People Unity News : “ธนาธร” 1 ใน 100 ดาวรุ่งแห่งปี ของนิตยสาร”TIME” ผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก ประสบความสำเร็จในการ “ปลุกไฟ” ในใจของเยาวชนคนรุ่นใหม่

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิตยสาร TIME แคมเปญใหม่ภายใต้ชื่อ “TIME 100 Next” คือ “100 บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกสำหรับ TIME” ในจำนวน 100 คนนึ้มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมอยู่ด้วย โดยโดย TIME เขียนอธิบายว่า “…ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทราบดีว่าการคว้าอำนาจคืนมาจากคณะรัฐประหารที่ครองอำนาจในประเทศไทยอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ แต่ท้ายที่สุดแล้ว พรรคอนาคตใหม่ที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นมาก็ได้รับคะแนนเสียงมากถึง 17% ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาในปีนี้ ไม่แย่เลยสำหรับพรรคการเมืองที่เพิ่งจะมีอายุครบ 1 ปีไปหมาดๆ อย่างไรก็ตาม ธนาธร จึงรุ่งเรือง กิจ ผู้เป็นเศรษฐีพันล้าน ทายาทยักษ์ใหญ่กิจการชิ้นส่วนรถยนต์ ก็ประสบความสำเร็จในการ “ปลุกไฟ” ในใจของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่แห่กันมาร่วมภารกิจหยุดยั้งวงจรอุบาทว์การรัฐประหารและการการสูญเสียเลือดเนื้อจากการประท้วงบนท้องถนน ซึ่งเป็นชนักติดหลังประเทศไทยมากว่า 80 ปีแล้ว ในความท้าทายอันแสนเข็ญนี้ เหล่านายพลในกองทัพก็ตอบโต้ธนาธรด้วยการฟ้องร้องดำเนินคดีจำนวนมากเพื่อหวังผลทางการเมืองทั้งสิ้น เขายืนยันว่าตนเองยังตั้งมั่นอยู่กับการก่อร่างสร้างความเข้มแข็งแก่การเคลื่อนไหวของเขาในสภา แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้าคดีความมากมายก็ตาม…”

“ตราบใดที่เหล่านายพลยังอยู่ในอำนาจ การต่อสู้ของพวกเราก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป” ดท้ายนายธนาธรกล่าวว่า “Democratization, demilitarization and decentralization is our call.” ; ” กระบวนการนำมาซึ่งประชาธิปไตย การแยกกองทัพออกจากการเอง และการกระจายอำนาจ นี่คือหัวใจของพวกเรา”

TIME 100 Next เป็นแคมเปญใหม่ของนิตยสาร TIME ที่อาจจะดูคล้ายคลึงกับแบบเก่าที่เรียกกันว่า “TIME 100 list of the world’s most influential people” หรือ “100 บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกสำหรับ TIME” นั่นเอง สิ่งที่แตกต่างกันไปในคราวนี้ คือการโน้มเอียงไปในทางของกระแสความเปลี่ยนแปลงที่กำลังมาแรงและพลิกโฉมหน้าโลกแบบเดิมที่เราเคยรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของสื่อสังคมออนไลน์ ความเชื่อมั่นในสถาบันดั้งเดิมที่ถดถอยลงเรื่อยๆ หรือแม้แต่ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ใหม่ เหล่านี้ล้วนส่งผลให้ TIME เน้นการคัดเลือกบุคคลที่ฉายแววว่าจะเป็นผู้กุมทิศทางอนาคตของโลกในทางธุรกิจ การบันเทิง กีฬา การเมือง วิทยาศาสตร์ สุขภาพ และอื่นๆ อีกมากมาย บุคคลทุกคนที่อยู่ใน TIME 100 Next ล้วนมีความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่และพวกเขาทุกคนก็รู้ดีว่าเขาจะต้องเจออุปสรรคที่ใหญ่ยิ่งอีกมากมาย แต่สิ่งที่เป็นแรงขับให้พวกเขาเดินหน้าต่อไปคือ “ความหวัง” นั่นเอง แต่ละคนพร้อมที่จะเอาชนะความท้าทายและต่อสู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้

อย่างไรก็ตาม นายธนาธรไม่ใช่คนไทยเพียงคนเดียวที่ปรากฏในการจัดอันดับของนิตยสาร TIME 100 Next แต่ยังมี”กชกร วรอาคม” ภูมิสถาปัตย์ไทยคนแรกผู้คิดค้นที่กักน้ำได้กว่าล้านแกลลอนและออกแบบสวนกลางเมืองเช่น สวนจุฬา 100 ปี และ “ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า” ศิลปินวง BLACKPINK ซึ่งเป็นวงไอดอลวงแรกที่มียอดวิวบน Youtube กว่า 1000 ล้าน และผู้ติดตามอีก 30 กว่าล้าน ทั้งยังเป็นวงแรกที่ได้แสดงบนเวทีของ Coachella ด้วย

ที่มา : https://time.com/collection/time-100-next-2019/5718836/thanathorn-juangroongruangkit/

นายกรัฐมนตรีเผยข่าวดีแอสตร้าฯ ยืนยันเร่งส่งวัคชีนให้ครบ 61 ล้านโดสในสิ้นปีนี้

People Unity News : นายกรัฐมนตรีเผยข่าวดีแอสตร้าฯ ยืนยันเร่งส่งวัคชีนให้ครบ 61 ล้านโดสในสิ้นปีนี้ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ฟื้นเศรษฐกิจเร็วขึ้น พร้อมเตรียมสั่งซื้อวัคชีนสูตรใหม่ปีหน้า รับมือไวรัสกลายพันธุ์

15 สิงหาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประชุมทางไกลร่วมกับนายปาสคาล โซริออต (Mr.Pascal Claude Roland Soriot) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำกัด หารือกรอบความร่วมมือด้านสาธารณสุขในการป้องกันโควิด-19  ในภาวะที่มีแพร่ระบาดจากไวรัสกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว  โดย บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข  ยืนยันจะเร่งส่งมอบวัคซีน ที่เหลือให้ครบ 61 ล้านโดส ภายในเดือนธันวาคม 2564 นี้อย่างแน่นอน และ จะช่วยให้จำนวนยอดการจัดหาวัคซีนทุกประเภทในสิ้นปีนี้รวมกันเกินกว่า 120 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรกว่า 60 ล้านคน ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่ตั้งเป้าจะจัดหาวัคซีน 100 ล้านโดส สำหรับประชากร 50 ล้านคน ถือเป็นข่าวดีต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่เร็วขึ้น ลดภาระระบบสาธารณสุขไทย ช่วยให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้เร็วขึ้นอีกด้วย

Advertising

“อนุสรณ์”ถาม”บิ๊กตู่”รู้เรื่องหรือไม่ IMF แนะใช้ศก.พอเพียงเป็นฐานปฏิรูปประเทศ

People Unity News : “อนุสรณ์”ถาม”บิ๊กตู่”รู้เรื่องหรือไม่ IMF แนะใช้ศก.พอเพียงเป็นฐานปฏิรูปประเทศ จี้ตอบ”ชิมช้อปใช้”กระุตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร

วันที่ 6 พ.ย.2562 ตามที่เมื่อเวลา 8.00 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน 2562ที่ผ่านมา ที่ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นางคริสตาลินา กอร์เกียวา (Mrs. Kristalina Georgieva) กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (Managing Director, International Monetary Fund: IMF) เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้

โดยนางคริสตาลินา ระบุว่า “ก่อนเดินทางมาประเทศไทย เพิ่งได้อ่านหนังสือและได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และคิดว่าเป็นหลักปรัชญาที่ทางไอเอ็มเอฟจะนำไปเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รับรู้ เพราะสอดคล้องกับหลักการของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ต้องการให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน” พร้อมแนะขอให้ประเทศไทยใช้เป็นฐานในการปฏิรูปประเทศนั้น

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ฟังไอเอ็มเอฟรู้เรื่อง ทำความเข้าใจได้ถูกต้องหรือไม่ อย่ามโนหลอกตัวเอง ติดเพียงแค่เปลือกว่า บรรยากาศการพบปะชื่นมื่น คำเตือนสำคัญของไอเอ็มเอฟ ระบุ ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ทั้งจากภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน หนี้ภาคครัวเรือนในระดับสูง การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ความเหลื่อมล้ำและความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่นโยบายการแจกเงินนั้นต้องใช้อย่างระมัดระวัง และต้องช่วยเพิ่มผลิตภาพของประเทศ ไม่ใช่การหว่านเงินอย่างเดียว ต้องมีกลไกรองรับและให้เงินเข้ากระเป๋าประชาชนด้วย พล.อ.ประยุทธ์ มีคำตอบหรือยังว่า มาตรการแจกเงิน ชิมช้อปใช้เฟส 1 และชิมช้อปใช้เฟส 2 กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงใด จะเดินหน้าต่อหรือพอแค่นี้ เป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ว่าจะมีเงินหมุนไปกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 หมื่นล้านบาท ยังห่างไกลความเป็นจริงอยู่มาก นอกจากไม่กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลต้องการ ยังส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น ซึ่งย้อนแย้งกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ ประชาชนออมเงินเพื่อความมั่นคงในระยะยาว เลิกได้แล้ว การโหนโพลที่ตัวเองได้ประโยชน์ แต่โพลที่เข้าเนื้อตัวเองเสียหาย เงียบกริบกันทั้งรัฐบาล

“พอจะถูกตัด GSP บอกว่าเศรษฐกิจไทยโตเร็วเกินไป แต่อีก 2 วัน กลับมาพูดใหม่ว่า เศรษฐกิจไทยโตช้า จึงตั้งคำถามว่า พลเอกประยุทธ์ รู้และเข้าใจภาวะที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทยในระดับใด เลยอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า พลเอกประยุทธ์ ฟังคำเตือน ไอเอ็มเอฟ รู้เรื่องหรือไม่ และจะปฏิรูปเศรษฐกิจไทยอย่างไร” นายอนุสรณ์ กล่าว

“สุดารัตน์” วางมาตรการเชิงรุก “แก้หนี้ประเทศ ด้วยการสร้างรายได้”

People Unity News : 1 มีนาคม 2566 “สุดารัตน์” ชี้ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายโลก 5 เรื่องใหญ่ที่ผู้นำประเทศต้องเข้าใจ และวางมาตรการเชิงรุก ”พลิกวิกฤติโลกให้เป็นโอกาสหาเงินเข้าประเทศ” ระบุไทยสร้างไทยจะมุ่ง “แก้หนี้ประเทศ ด้วยการสร้างรายได้” ให้คนไทย

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ประเทศไทยต้องเผชิญและรับมือกับ 5 ความท้าทายของโลก หากรับมือได้ทันก็รอด แต่หากรับมือไม่ทันก็ร่วง ถ้าผู้นำมีวิสัยทัศน์ วางยุทธศาสตร์ประเทศให้ดี ก็จะสามารถพลิกวิกฤติโลกให้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทยได้ และสำหรับ 5 วิกฤติและความท้าทายที่กล่าวถึงคือ

1.ความท้าทายของโรคระบาด ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ (Emerging Diseases) อย่างโควิด-19 ที่เป็นปัญหากระทบทั่วโลก ทั้งด้านชีวิต สุขภาพ และเศรษฐกิจ ต่อเนื่องเข้าปีที่ 3 มีการล็อกดาวน์ ปิดประเทศ กระทบซัพพลายเชน และรายได้การท่องเที่ยวทั้งโลก ดังนั้น ในวิกฤติโรคระบาด ไทยเราสามารถพลิกวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาสได้ เพราะเรามีระบบสาธารณสุขที่ดีมาก เราต้องทำให้ไทยเป็นหลุมหลบภัยจากโรคระบาดให้คนทั้งโลก มา Work from Thailand เราต้องเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาล และการส่งเสริมสุขภาพครบวงจรของโลก โดยเฉพาะการชูสมุนไพรไทย ที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ

2.ความท้าทายการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ (Climate Change) ที่จะส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ทุกประเทศจึงให้ความสำคัญกับการรับมือกับสภาวะโลกร้อน ไทยต้องปรับตัวให้เกิดการผลิตพลังงานทดแทนอย่างเร่งด่วน สามารถทำได้ไม่ยากเพียงแต่รัฐต้องเลิกเอื้อประโยชน์ให้โรงงานไฟฟ้ารายใหญ่ แล้วหันมาสนับสนุนให้ภาคครัวเรือน, เอกชน และท้องถิ่น สามารถผลิตไฟฟ้าของตนเองได้อย่างแท้จริง รวมทั้งการนำของเหลือจากภาคเกษตรมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน และ Bio Plastic ได้อย่างมากมาย ลดการเผาที่ทำให้โลกร้อนและเกิด PM 2.5 ทั้งหมดนี้ต้องทำอย่างเร่งด่วนเพราะทั้งสหรัฐและยุโรป ได้ผ่านกฎหมายที่จะเก็บภาษีเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากโรงงานที่ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบในการส่งออกของธุรกิจ SMEs อย่างมหาศาล

3.ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนประชากรโลก (Population Ageing) ซึ่งไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกของโลก ที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงวัยมากที่สุด อีกทั้งคนไทย “แก่ก่อนรวย” และสุขภาพไม่ดี ดังนั้น นอกจากคนวัยทำงานจะน้อยลง ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย ปีละเป็นแสนล้าน เราจึงต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ อย่างโครงการ ”บำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท” ที่ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพ ซึ่งต้องเข้าโปรแกรมการสร้างสุขภาพให้แข็งแรง พร้อมทั้งการให้ความรู้ด้านอาชีพและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรงกลับไปทำงานได้ และเงินของผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้ฟื้นตัว ซึ่งจะยกระดับให้เศรษฐกิจทั้งประเทศดีขึ้นอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ไทยจะสามารถเป็นศูนย์กลางธุรกิจสุขภาพผู้สูงอายุ “Thai Hospitality” และทำเป็นที่พำนักระยะยาว สำหรับผู้สูงอายุจากทั่วโลกได้อีกด้วย

4.ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่มีความรวดเร็ว (Technology Destruction) ซึ่งเป็นทั้งวิกฤติและโอกาสของโลกยุคใหม่ เพราะปัจจุบันโลกเรากำลังอยู่ในยุคปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI Big Data, Internet of Things, Robots และ Quantum Computing ได้เข้ามามีบทบาทต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งไทยต้องเร่งส่งเสริมปรับหลักสูตรการศึกษา ให้เด็กไทยได้เข้าถึงโอกาสเหล่านี้ พร้อมทั้งต้องแก้กฎหมายให้ทันสมัย ให้รองรับการสร้างธุรกิจจากเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ Startup ได้ระเบิดศักยภาพของตนเองได้เต็มที่

5.ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงของภูมิศาสตร์โลก (Geopolitics) ที่ส่งผลกระทบทั่วโลกในหลายๆ ด้าน ทั้งในด้านดุลอำนาจของ 2 ขั้วอำนาจระหว่างชาติตะวันตก กับตะวันออก, สงครามรัสเซีย-ยูเครน, สงครามการค้า ซึ่งเราต้องใช้โอกาสนี้ที่เราเป็นประเทศที่เป็นมิตรที่แน่นแฟ้นกับทั้งจีนและสหรัฐอเมริกา รวมถึงรัสเซีย วางตำแหน่ง ภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศให้ถูก และควรจะยืนอยู่กลางความถูกต้อง ค้าขายกับประเทศใดก็ได้ ใครอยากจะมาลงทุนก็ยินดีรับหมด เพื่อดึงดูดการย้ายฐานการผลิต และใช้ทำเลที่ตั้งที่เราอยู่ใจกลางภูมิภาค มาเป็นโอกาสในการทำให้ไทยศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมใหม่ที่ต้องย้ายฐานการผลิต อย่างรถ EV และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

Advertisement

“ประยุทธ์” ให้กำลังใจ “ประวิตร” ทำหน้าที่รักษาการนายกฯ

People Unity News : 26 สิงหาคม 65 โฆษกรัฐบาล เผย “พล.อ.ประยุทธ์” ให้กำลังใจ “พล.อ.ประวิตร” ทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ขอเชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาล ยืนยันมีเสถียรภาพ มุ่งมั่นทำงานเข้มแข็ง เพื่อประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ยืนยันว่าในช่วงเวลานี้ รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐทุกภาคส่วนยังคงปฏิบัติหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนตามปกติ โดยในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้าทำงานที่กระทรวงกลาโหม ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวให้กำลังใจการทำงานกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อประชาชนและประเทศไทยต่อไป

“ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐในขณะนี้ ยืนยันว่ารัฐมนตรีทุกคนและพรรคร่วมรัฐบาลจะร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่และมีเสถียรภาพ มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน ดูแลประชาชนทุกด้านให้ดีที่สุด โดยเฉพาะเรื่องสำคัญเร่งด่วนด้านเศรษฐกิจที่ต้องรีบดำเนินการขณะนี้ ทั้งการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน การควบคุมราคาพลังงาน ควบคู่กับการดูแลประชาชนด้านสาธารณสุข รัฐบาลจะยืนหยัดทำงานอย่างเข้มแข็งต่อไป เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

 

อยู่ไม่เป็น!ประชาชนแห่ร่วม “อนาคตใหม่” จัดยิ่งใหญ่

People Unity News : “อนาคตใหม่”จัดยิ่งใหญ่ “อยู่ไม่เป็น” ประชาชนแห่ร่วมเนืองแน่น “ธนาธร – ปิยบุตร” ชี้ผู้สนับสนุนพรรคท่วมท้นทำผู้มีอำนาจไม่สบายใจ จนเป็นที่มาคดีความเพียบ – ปลุกเดินทางต่อ ร่วมปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศให้ทุกคน “อยู่ได้”

เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2562 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ห้องกำแพงเพชร ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ จตุจักร พรรคอนาคตใหม่จัดงาน “อยู่ไม่เป็น” โดยมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมงาน สมัครสมาชิก ซื้อสินค้าระดมทุนของพรรค เยี่ยมชมบูธนิทรรศการต่างๆ เช่น บูธไอทีและแอพลิเคชั่นของอนาคตใหม่ บูธปีกแรงงาน บูธเกี่ยวกับ พ.ร.บ.รับราชการทหาร เป็นต้น ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงของการปราศรัยโดย ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ในหัวข้อต่างๆ ได้แก่ อยู่เป็น โลกไม่เปลี่ยน โดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์, ประชาชนใต้อำนาจทุน โดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล, ประชาชนใต้อำนาจปืน โดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร

รวมถึงการปราศรัยในหัวข้อ ความอยู่ไม่เป็นของพรรคอนาคตใหม่ โดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล และปิดท้ายด้วยการปราศรัยในหัวข้อ อนาคตใหม่คือผู้คนและการเดินทาง โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทั้งนี้ในงานยังมีมินิคอนเสิร์ตโดย ศิลปินแร็พกลุ่ม RAD เจ้าของเพลงดัง ประเทศกูมี, ถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นต้น

“ธนาธร” เผยตั้งพรรคเพื่อเป็นเครื่องมือทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้น

นายธนาธร กล่าวว่า การเดินทางของพรรคอนาคตใหม่จากวันแรก พ.ค. 61 ถึงวันนี้เป็นเวลา 540 วัน จากวันที่เริ่มต้นเพราะคนอยู่ไม่เป็น 3 คน กลายเป็นผู้ร่วมจดจัดตั้งพรรค 26 คน จากนั้นจึงมีสมาชิกเริ่มแรก 670 คน ร่วมจดจัดตั้ง ต่อมาขยับเป็นทีมจังหวัด 77 จังหวัด กลายเป็นผู้สมัคร ส.ส.ที่มีทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อชุดแรก 474 คน กระทั่งกลายมาเป็นคะแนนเสียงมากกว่า 6,300,000 คน และมีสมาชิกพรรคมากกว่า 60,000 คน ในปัจจุบัน ขอขอบคุณทุกการสนับสนุนและทุกหัวใจที่ผลักดันให้มาจนถึงจุดนี้ ทั้งนี้ เหตุผลที่ตนร่วมตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่า พรรคการเมืองจะสามารถเป็นเครื่องมือที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นได้ และสาเหตุที่ทุกคนมารวมกันก็เพราะมีปลายทาง มีความฝันเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ เป็นคนเท่ากัน ไม่ว่าคนนั้นคนจะรวย จน สูงศักดิ์ เป็นชาวนาดำกร้าน นับถือศาสนาหรือไม่นับถือ เป็น LGBTQ หรือเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใดก็ตาม

“ปลายทางของเราคือ ทุกคนในสังคมไทยมีสิทธิและเสรีภาพ ได้รับสวัสดิการที่ดี เราต้องการเห็นเทคโนยีก้าวหน้าที่ไม่ต้องพึ่งต่างชาติ มีอุตสาหกรรรมสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นเทคโนโลยีที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างเปี่ยมไปด้วยความหมาย เป็นประเทศที่กระจายอำนาจอย่างเท่าเทียม ไม่มีเศรษฐกิจผูกขาด มีความเข้มแข็งในระดับนานาชาติที่ไม่ใช่การมีเรือดำน้ำ แต่เข้มแข็งเพราะมีมนุษยธรรม ได้รับความเคารพนับถือจากนานาชาติ พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนบ้านยามลำบาก พร้อมที่จะต่อสู้กับความยากจนและเดินไปด้วยกัน เราต้องการประเทศไทยที่คนทุกคนเท่าเทียม เท่าทัน และทัดเทียมกับโลก” นายธนาธร กล่าว

ไม่ใช่หัวรุนแรง-ก้าวร้าวแต่เกิดจากรักในเพื่อนมนุษย์

นายธนาธร กล่าวต่ออีกว่า เพื่อไปสู่จุดหมายนั้น พรรคอนาคตใหม่กลับถูกกล่าวหาว่าหัวรุนแรง ก้าวร้าว ชังชาติ และอยู่ไม่เป็น แต่ความจริงแล้วจุดเริ่มต้นและการดำรงอยู่ของพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เริ่มจากความเกลียดชัง แต่เริ่มเพราะความรัก เห็นคนตกงาน เห็นความลำบาก เห็นชีวิตที่อัตคัดขัดสนข้างนอก คำถามคือเราได้เห็นชีวิตพวกเขาแล้วร้องไห้ไหม ได้ยินแล้ว ยังปล่อยให้เขาดิ้นรนต่อสู้กับระบบที่ไม่เป็นธรรมอย่างเดียวดายหรือไม่ หรือเป็นเพราะสังคมถูกโบยตีด้วยแส้หมดแล้วจึงด้านชาไม่รู้สึกอะไร หัวใจของพวกเรายังอุ่นอยู่ มีเลือดมีเนื้อ สามารถแบ่งทุกข์เฉลี่ยสุขกันได้ นั่นคือสิ่งที่เราเชื่อ การเกิดขึ้นและดำรงอยู่ของพรรคอนาคตใหม่จึงไม่ได้เริ่มจากความเกลียดชัง แต่เริ่มจากความรักในความเป็นมนุษย์ รักในความเป็นคนในสังคมเดียวกัน จึงก่อเกิดเป็นทางสายนี้ขึ้น

“บางคนบอกว่า พรรคอนาคตใหม่หัวรุนแรง จะทำให้สังคมพังเพราะเปลี่ยนแปลงเร็วไป แต่อยากให้หันไปดูว่า ได้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยีในเวลานี้หรือไม่ เห็นความยากจน อัตคัด ที่ดำรงอยู่หรือไม่ ดังนั้น สิ่งที่ต้องกลัวไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เร็วไป แต่ต้องกลัวว่า ถ้าอยู่เป็นและกลัวเปลี่ยนแปลงแล้วมันจะสายเกินการณ์” นายธนาธร กล่าว

“อนาคตใหม่” คือผู้คนและการเดินทางต่อ

นายธนาธร กล่าวทิ้งท้ายว่า การอยู่ไม่เป็น หมายถึง เรามองเห็นความเป็นไปได้ที่ตั้งอยู่บนศักยภาพที่หนักแน่น มั่นคง เราเชื่อในศักยภาพของคนไทยว่าจะสามารถพาประเทศไทยไปไกลกว่านี้ได้ รวมทั้งมองเห็นศักยภาพของชาวอนาคตใหม่ที่มีความแน่วแน่ จึงมองไม่เห็นเลยว่า ถ้าเราเริ่มเดินทางตั้งแต่วันนี้ทำไมเราจะทำไม่ได้ อนาคตใหม่ไม่ใช่สำนักงาน ไม่ใช่ตึกรามบ้านช่องหรือออฟฟิศ แต่อนาคตใหม่คือเจตจำนงค์ที่แน่วแน่ อนาคตใหม่ไม่ใช่เพียงแค่พรรคการเมืองแต่คือการเดินทาง อนาคตไม่ใช่ยศถาบรรดาศักดิ์ หรือเรื่องของกลุ่มผลประโยชน์ส่วนบุคล แต่คือผู้คนที่มีปลายทางการเดินทางไปที่เดียวกัน อนาคตใหม่ไม่ใช่ผม แต่คือพวกเรา ที่พร้อมเดินทางไปด้วยกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกล่าวจบ นายธนาธรได้เชิญชวนทุกคนที่มาร่วมงานลุกขึ้นยืนและเดินไปด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง

“ปิยบุตร” ลั่นต้องกล้าตั้งคำถามกับ “อำนาจ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายปิยบุตร กล่าวปราศรัยโดยระบุว่า คำว่าอยู่เป็นและอยู่ไม่เป็น กลับมาเป็นคำที่อยู่ในกระแสสังคมทั้งในโลกออนไลน์และในโลกออฟไลน์ช่วงนี้ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา คำนี้ปรากฏขึ้นบ่อยๆ หลังรัฐประหาร 2557 มีการเลาะกัน แซวกันเล่นๆว่า พวกนักกิจกรรมนิสิตนักศึกษา พี่น้องประชาชน นักวิชาการ ที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจของคณะ คสช. แล้วออกไปต่อต้านนั้น เป็นพวกอยู่ไม่เป็น พวกนี้ถ้าอยู่เป็นบ้านเมืองก็จะสงบเรียบร้อยดี คสช.จะบริหารประเทศได้ต่อไป ซึ่งก็มีคนที่ทนสภาพสังคมแบบนี้ไม่ได้ แต่พวกเขามีศักยภาพ เบื่อประเทศนี้ก็ไปทำธุรกิจในต่างประเทศ ทั้งนี้ ประเทศไทยในตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เหลือทางเลือกของคนไทยเพียง 2 ทางคือ 1.คืออยู่ให้เป็น เอาตัวรอดให้ได้ในสังคมต่อไป หรือ 2.ถ้าทนไม่ไหว มีศักยภาพเพียงพอ ก็เดินทางไปทำงานต่างประเทศ

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า อำนาจเป็นปรากฏการณ์ในทางสังคมที่เกิดขึ้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีคนมากกว่าหนึ่งคน เมื่อคนกลุ่มหนึ่งสั่งให้คนอีกกลุ่มปฏิบัติตามแล้วเขาก็ยอมเชื่อฟัง อำนาจได้เกิดขึ้นแล้ว อำนาจทำงานได้ต่อเมื่อมีความยินยอมและการเชื่อฟัง อำนาจทำงานได้ด้วยความกลัวและความเชื่อ นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสกล่าวไว้ว่า บนโลกนี้มีปีศาจมากมายเต็มไปหมด แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ คนที่พร้อมเชื่อฟังคำสั่งโดยที่ไม่กล้าเถียงไม่กล้าปฏิเสธ เวลาที่มีคนถามเราว่าอดทนอยู่เฉยๆ ให้เป็นไม่ได้หรือไง เดี๋ยวทุกอย่างก็เรียบร้อยดี นั่นไม่ใช่คำถามที่ถูกต้อง คำถามที่ควรถามมากกว่าคือ สภาพสังคมที่เป็นอยู่แบบนี้ เราทนอยู่กับมันได้อย่างไร เราต้องลุกขึ้นมาตั้งคำถาม เปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ไม่ยุติธรรม

ชี้ผู้สนับสนุนพรรคท่วมท้นทำผู้มีอำนาจไม่สบายใจ

นายปิยบุตร กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่เป็นที่มาของพรรคอนาคตใหม่ คือเหตุผลที่เรารวมตัวกันเป็นพรรคเข้าสู่อำนาจรัฐเพื่อจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงสังคมนี้ให้ดีขึ้น สภาพสังคมที่มีรัฐราชการส่วนกลางกำหนดทุกความเป็นไปในประเทศ สังคมที่มีความเหลื่อมล้ำรวยกระจุกจนกระจาย มีรัฐประหารทุกๆ 4-6 ปี ทหารเข้ามาครองอำนาจเหนือรัฐบาลพลเรือน ตบเท้าสั่งรัฐบาลพลเรือนได้ สังคมที่เกณฑ์เอาคนหนุ่มสาวไปเสียโอกาสอยู่ในกองทัพทำงานให้กับนายพล ปล่อยให้คนทั่วไปไม่มีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถขยับชนชั้นสถานะ เราพรรคอนาคตใหม่จึงตัดสินใจออกมาเพื่อบอกว่าเราจะอยู่ไม่เป็น

“เราออกแบบพรรคอนาคตใหม่ ออกแบบนโยบายเพื่อให้ทะลุทะลวงไปจนถึงโครงสร้างของปัญหา ทั้งหลายทั้งปวงจึงนำมาซึ่งเภทภัยทั้งหลายที่พรรคอนาคตใหม่กำลังเผชิญอยู่ บรรดาผู้ครองอำนาจไม่สบายใจ แต่ก็คงคิดว่าเราจะไปทำอะไรได้ หากแต่ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา มีเสียงผู้สนับสนุนเราถึง 6 ล้านเสียง พร้อมกับ ส.ส.81 ที่นั่ง นี่จึงเป็นเหตุให้เรามีคดีถึง 25 คดีแล้วตอนนี้ สังเกตได้อย่างชัดเจนว่า คดีส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาตั้งแต่หลังเลือกตั้ง ไม่นับรวมว่ามีเพจโซเชียลมีเดียต่างๆ เกิดขึ้นมาโจมตีใส่ร้ายพรรคอนาคตใหม่เพิ่มมากขึ้น พวกเขาชี้นิ้วมาและหาว่าพวกเรามาล้างสมองเด็ก ผมกลับเห็นว่า คนเหล่านั้นควรต้องชี้นิ้วกลับไปที่ตัวเองต่างหากว่า สร้างบ้านเมือง ปล่อยบ้านเมืองให้เป็นแบบนี้ได้อย่างไร สร้างปัญหาแล้วมีแต่เรื้อรังบานปลายขึ้นมา” นายปิยบุตร กล่าว

ปลุกร่วมกัน “ปฏิรูป” ให้ทุกคนอยู่ในประเทศได้

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า เหล่านี้คือสาเหตุที่เราต้องอยู่ไม่เป็น ถ้าทุกคนพร้อมใจกันอยู่แบบที่เป็นอยู่ บ้านเมืองก็จะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ การเปลี่ยนแปลงจะไม่มีวันเกิดขึ้น เราชาวอนาคตใหม่ต้องอยู่ไม่เป็นเพื่อให้ทุกคนอยู่ได้ เพื่อให้คนไทยทุกคนอยู่ร่วมกันในแผ่นดินนี้ได้ เปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ทุกๆคนอยู่ได้ ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปไปด้วยกัน ไม่มีสังคมไหนอนุญาตให้คนไม่กี่คนเอาทุกอย่างไปเป็นของตัวเอง ทั้งอำนาจและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้แบบนี้ ทุกการเปลี่ยนแปลงในสังคมเริ่มจากแบบนี้หมด คนกลุ่มเดียวครอบครองเอาไว้ทุกอย่างทั้งอำนาจและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ คนส่วนใหญ่ออกมาเรียกร้องให้มีการแบ่งปันอำนาจ ถ้าคนที่ครองอำนาจมองเห็นว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นจะอยู่กันไม่ได้ทั้งหมด ก็จะเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการปฏิรูป แต่ถ้าคนครอบอำนาจไม่ยอมมองเห็นความสำคัญ คิดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจัดการปราบปรามได้ มันก็จะกลายเป็นการปฏิวัติ

“อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า แนวทางที่สังคมไทยควรเป็นไปมากที่สุดคือวิถีการปฏิรูป นั่นจึงเป็นที่มาของการตั้งพรรคอนาคตใหม่เพื่อเข้าไปทำการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ถึงเวลาที่ผู้มีอำนาจต้องตระหนักให้ดีว่า เราจะปล่อยประเทศให้เป็นไปเช่นนี้ไม่ได้ ต้องหันกลับมามองความต้องการของพี่น้องคนไทยแล้วเดินหน้าปฏิรูปไปด้วยกัน ที่เราต้องอยู่ไม่เป็น ก็เพื่อให้ทุกคนอยู่ในประเทศนี้ได้อย่างมีความสุข” นายปิยบุตร กล่าว

เลขาฯยูเอ็นเยี่ยมชมวัดบวรฯ เปรียบโอเอซิสทำสมาธิกลางกรุง

People Unity News : เลขาฯยูเอ็นหลังเข้าร่วมประชุมผู้นำอาเซียน เยี่ยมชมวัดบวรฯ เปรียบโอเอซิสทำสมาธิกลางกรุง ทวิตความประทับใจทั้งด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของประเทศไทย

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายอันโตนิอู กุแตเรช เลขาธิการสหประชาชาติ ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย และเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 10 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานีเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2562

หลังจากนั้นเพจ United Nations in Thailand ได้รายงานว่าเลขาธิการสหประชาชาติได้เดินทางไปที่วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานครเพื่อ เยี่ยมชม โดยมีสมเด็จพระวันรัต กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะเจ้าอาวาสให้การต้อนรับ และมีพระศากยวงศ์วิสุทธิ์, ดร. เป็นผู้บรรยายถึงประวัติศาสตร์ของวัดที่มีความสำคัญต่อราชวงศ์จักรีและประเทศไทย และพาเยี่ยมชม

ทั้งนี้นายอันโตนิอูได้ทวีตหลังการชมวัดว่า ขอบคุณ ดร. พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ สำหรับการพาชมวัดบวรนิเวศวิหาร ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าประทับใจ วัดบวรฯเปรียบเสมือนโอเอซิสในการตั้งจิตทำสมาธิใจกลางกรุงเทพฯ และมีความสำคัญยิ่งต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของประเทศไทย

“อนุสรณ์”ถามพลังประชารัฐ เจตนาป่วนหรือแก้รธน.

People Unity News : “อนุสรณ์”ถามพลังประชารัฐ เจตนาป่วนหรือแก้รธน. ขณะที่ “เทพไท” ท้า “บิ๊กป้อม” รักษาคำพูดหนุนแก้ รธน. ชี้อำนาจอยู่ 3 ป.

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พรรคพลังประชารัฐ เตรียมเสนอชื่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน ชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แทน นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ว่า หลังจากที่มีกระแสข่าว พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ส่งชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เพราะกลัวขัดแย้งกับพรรคพลังประชารัฐ สังคมก็ตั้งคำถามว่า ตกลงการอยากอยู่ร่วมรัฐบาลให้นานที่สุด กับมติพรรคและสัญญาประชาคม พรรคประชาธิปัตย์เห็นอย่างใดสำคัญกว่ากัน ถ้ารัฐบาลทำงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้กับประชาชนได้ พรรคร่วมรัฐบาลอยากสนับสนุนก็พอเข้าใจได้ แต่ถ้ารัฐบาลทำงานไม่ได้ การอยู่นานของรัฐบาลน่าจะเป็นการทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส ไม่มีความจำเป็นในการพายเรือให้ใครนั่ง การจงใจส่งนายไพบูลย์ มาเป็นประธานกมธ.ของพรรคพลังประชารัฐเจตนาชัดว่า จะยื้อเวลาและปั่นป่วนไม่ให้การทำงานศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถขับเคลื่อนได้

“การส่งคนที่ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และจุดยืนชัดว่าไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ มาเป็นประธานกมธ. เป็นการส่งสัญาณชัดว่าอยากอยู่ยาว พอได้อยู่ยาว ก็อยากอยู่ต่อให้นานที่สุด โดยไม่สนใจว่าประชาชนจะเดือดร้อนอย่างไร” นายอนุสรณ์ กล่าว

“เทพไท” ท้า “บิ๊กป้อม” รักษาคำพูดหนุนแก้ รธน. ชี้อำนาจอยู่ 3 ป.

ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ตนออกมาเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคมีความจริงใจในการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้พาดพิงหรือเฉพาะเจาะจงไปถึงพรรคพลังประชารัฐพรรคเดียว แต่เป็นการเรียกร้องหาความจริงใจจากทุกพรรคและทุกภาคส่วน แต่เมื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมารับลูกแทนรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ และประกาศยืนยันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีการแก้ไขอย่างแน่นอน ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ก็ขอให้สังคมจดจำและบันทึกไว้ เพราะถือว่าเป็นการให้สัญญาประชาคมต่อพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศแล้ว ขอให้พลเอกประวิตร ได้รักษาคำพูดและผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นจริงตามที่ประกาศไว้

ผมขอขอบคุณในคำยืนยันของพลเอกประวิตรไว้ล่วงหน้า และหวังว่าท่านคงรักษาสัจจะของลูกผู้ชายชาติทหาร และถ้าเป็นความตั้งใจจริงของท่าน ผมเชื่อว่าพล.อ.ประวิตร สามารถผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จได้อย่างแน่นอน เพราะเพียงแค่ท่านส่งสัญญาณไปยังสมาชิกวุฒิสภา ที่ได้รับแต่งตั้งจาก คสช. เท่านั้น สมาชิกวุฒิสภาทุกคนก็รอฟังสัญญานจาก พล.อ.ประยุทธ หรือพล.อ.ประวิตร กันตลอดเวลา ต้องยอมรับความจริงว่า การเมืองในวันนี้อำนาจสูงสุดรวมศูนย์อยู่ที่พี่น้อง3ป. หากคณะ3ป.เปิดไฟเขียวเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะราบรื่นและง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก

ถ้าหากพลเอกประวิตรสามารถผลักดันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้ตามที่ประกาศไว้ ท่านจะได้รับเสียงชื่นชมแซ่ซ้องสรรเสริญ จากทุกภาคส่วนในสังคม และถ้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้จริงภายในหนึ่งปีด้วยฝีมือและการสนับสนุนของพล.อ.ประวิตรจริง ผมจะขออาสาเป็นตัวแทนของทุกคนที่รักประชาธิปไตย นำดอกไม้ธูปเทียน ไปกราบขอบพระคุณพลเอกประวิตรถึงห้องทำงาน ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาลทันที

ครม.เห็นชอบแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2

People Unity News : 25 กรกฎาคม 2566 ครม. พร้อมผลักดันแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) สอดคล้องหลักสิทธิมนุษยชนสากล

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี รับทราบแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2 (พ.ศ.2566 – 2570) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ แผนปฏิบัติการฉบับนี้ จัดทำขึ้นตามแนวทางตามคู่มือว่าด้วยแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วย 3 เสาหลัก คือ การคุ้มครอง การเคารพ และการเยียวยา รวมทั้งเป็นหนึ่งในข้อเสนอแนะสำคัญที่ประเทศไทยรับมาปฏิบัติตามกระบวนการ Universal Periodic Review (UPR) รอบที่ 3 เมื่อปี 2564 ซึ่งเป็นรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน

สำหรับสาระสำคัญของแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2 (พ.ศ.2566 – 2570) ประกอบด้วย 4 แผน ได้แก่ แผนปฏิบัติการด้านแรงงาน แผนปฏิบัติการด้านชุมชน ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม//แผนปฏิบัติการด้านนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และแผนปฏิบัติการด้านการลงทุนระหว่างประเทศและบรรษัทข้ามชาติ กลไกการกำกับดูแลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฉบับนี้ จะดำเนินการผ่านคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน //กระทรวงยุติธรรม จะเป็นผู้รวบรวมและจัดทำรายงานประเมินผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ 2 ระยะ คือ ระยะครึ่งรอบ (ระหว่าง พ.ศ.2566 – 2568) และระยะเต็มรอบ (ระหว่าง พ.ศ.2566 -2570) เสนอต่อคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและเผยแพร่ต่อไป

Advertisement

Verified by ExactMetrics