วันที่ 19 พฤษภาคม 2024

“ธนกร”เตือน”เสรีพิศุทธ์”อย่าลุแก่อำนาจเรียก”บิ๊กตู่”แจงกมธ.

People Unity : “ธนกร”ออกโรงเตือน”เสรีพิศุทธ์”อย่าลุแก่อำนาจมุ่งทำลาย”บิ๊กตู่” แนะกมธ.ยึดกรอบกม. ไม่ใช่พุ่งเป้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว ชม”จิรายุ-ไชยา”

วันที่ 26 ตุลาคม 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนฯ เตรียมใช้อำนาจเรียกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงกรณียื่นร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี2563 ไม่ถูกต้องเนื่องจากรัฐบาลถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบว่า ทางกรรมาธิการฯไม่น่าจะมีอำนาจที่จะเรียกตรวจสอบเรื่องนี้เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยจบแล้ว ด้วยความเคารพผู้อาวุโสอย่างพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อยากจะให้ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ อย่าใช้ตำแหน่งประธานกรรมาธิการฯมุ่งทำลายล้างทางการเมืองเพียงอย่างเดียว อย่าลุแก่อำนาจ ท่านเป็นนายตำรวจเก่าน่าจะทราบกฏหมายดีว่า การเป็นกรรมาธิการฯมีหน้าที่ในการตรวจสอบการทุจริต ประพฤติมิชอบต่างๆ ไม่ใช่มาตรวจสอบปมถวายสัตย์ฯของท่านนายกรัฐมนตรีซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต

นายธนกร กล่าวว่า ทางที่ดีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ต้องทำหน้าที่แทนประชาชนในการตรวจสอบการทุจริตไม่ใช่มาตะบี้ตะบันมุ่งโจมตีพล.อ.ประยุทธ์เพียงอย่างเดียว เสียชื่อวีรบุรุษนาแกหมด ขอให้ประชาชนจดจำความดีในอดีตดีกว่า ในวัยเด็กตนเคยชื่มชมพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่มาตอนหลังรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนฯมีบทบาทหน้าที่ตามกฏหมายชัดเจน อย่าใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ดูการทำงานของคณะกรรมาธิการฯส่วนใหญ่ทำงานได้ดีเข้าใจบทบาทหน้าที่ ตรวจสอบตรงไปตรงมา ไม่ได้มุ่งเน้นทำลายฝ่ายการเมืองตรงข้าม เช่น นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน สภาผู้แทนฯ หรือนายไชยา พรหมมา ประธานคณะกรรมาธิการศึกษา การจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนฯต่างทำหน้าที่ได้ดี

“เสรีพิศุทธ์” ขู่ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” หากไม่แจงกมธ.อาจเจอคุก

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไลฟ์สดผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า กรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.)ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่ตนเองเป็นประธาน ทำหนังสือให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงกรณีถวายสัตย์ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 61 นั้น เป็นไปตามมติของที่ประชุมเพื่อต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร มาแถลงข้อเท็จจริง และแสดงความคิดเห็นเรื่องการนำร่างพ.ร.บ.งบฯปี 63 มาเสนอต่อที่ประชุมสภาฯได้อย่างไร ซึ่งไม่เกี่ยวกับปัญหาการถวายสัตย์ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวอ้างแต่อย่างใด โดยตนได้เซ็นหนังสือเพื่อเชิญให้มาชี้แจงในวันที่ 30 ต.ค.นี้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ดังนั้น นายวิษณุ ออกมาระบุว่าทั้งสองคนมีสิทธิที่จะมาหรือไม่มา หรือ ส่งตัวแทนมาชี้แจงก็ได้นั้น ตนอยากจะบอกว่า กมธ.ไม่ได้เชิญผู้แทน ระบุชื่อตัวตนชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร จะส่งนายหมูนายหมามาตอบแทนได้อย่างไร แต่หากพล.อ.ประยุทธ์ติดราชการเพราะมีภารกิจมาก สามารถแจ้งมาเพื่อขอเลื่อนได้ แต่ถ้าไม่ตอบเลย ตนก็จะมีหนังสือเชิญครั้งที่สอง โดยจะให้โอกาสแค่สองครั้งเท่านั้น ถ้าไม่มีอีก ครั้งต่อไปตนจะทำเป็นหนังสือคำสั่งของประธานกมธ. เพื่อเรียกบุคคลนั้น หรือ เรียกเอกสาร ให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมาธิการ ตามมาตรา 8 ของพ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราฏษรและวุฒิสภา ถ้าฝ่าฝืนไม่มาตามคำสั่งเรียกดังกล่าวถือว่ามีความผิดตามมาตรา 13ต้องระวางโทษไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ หรือพล.อ.ประวิตร ไม่มาเอง ถือว่าเข้าทางตน จะได้สรุปข้างเดียวไปเลย ว่าการเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ต่อสภาฯ ไม่ชอบด้วยกฏหมาย และขัดรัฐธรรมนูญ และส่งฟ้องไปเลย ดังนั้นก็ไปตัดสินใจเอาเองว่าจะมาหรือไม่มา

นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช  6-8 เม.ย.นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 4 เมษายน 2567 นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช  6-8 เม.ย.นี้ ดูการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญ แก้ปัญหาขยะ ยางพารา และการท่องเที่ยวสายมู

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการ ที่ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 6 – 8 เมษายน 2567 เพื่อติดตามงานสำคัญตามนโยบายรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมคณะด้วย อาทิ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสมคิด เชื้อคง และนายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง

โดยในวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 20.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 2 (บน.2) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศนานาชาติสมุย ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจะเดินทางถึงท่าอากาศนานาชาติสมุย ในเวลาประมาณ 21.25 น.

ส่วนวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน  เวลาประมาณ 10.30 น. นายกรัฐมนตรีจะติดตามโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ณ แหลมนิคม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยกระดับการท่องเที่ยวเรือสำราญในประเทศไทย ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปที่เตาเผาขยะสมุย ตรวจติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาขยะ จากนั้นในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะไปเยี่ยมชมแปลงทุเรียนสาธิต ณ สวนทุเรียนนายชัยณรงค์ ทองสุข ซึ่งเป็นการรวมตัวของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในตำบลหน้าเมือง เพื่อเข้ากระบวนการพัฒนาตามระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีจะเดินทางต่อไปยังสำนักงานเทศบาลนครเกาะสมุย เพื่อพบปะประชาชน และเยี่ยมชมนิทรรศการสินค้า OTOP พร้อมประชุมบูรณาการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในประเด็นสำคัญ เช่น น้ำประปา การบริหารจัดการขยะ การส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติสมุย เป็นต้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วันจันทร์ที่ 8 เมษายน  เวลาประมาณ 09.30 น. นายกรัฐมนตรี จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสมุย ไปยังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช  อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช  เวลา 10.30 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อสักการะพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ของเมืองนครศรีธรรมราช ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ ก่อนเดินทางต่อไปสักการะศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ณ ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อความเป็นสิริมงคล

จากนั้นในช่วงบ่าย ณ สหกรณ์กองทุนสวนยางฉลอง น้ำขาวพัฒนา อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช  นายกรัฐมนตรีจะหารือประเด็นยางพาราและผลผลิตทางเกษตร ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญในการดูแลเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตรให้มีราคาที่สูงขึ้น เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปที่วัดเจดีย์ (ไอ้ไข่)  เพื่อสักการะไอ้ไข่  และหารือประเด็นส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู ตามนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยการนำศักยภาพและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแต่ละพื้นที่มาพัฒนาต่อยอด สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 17.10 น.

“การเดินทางลงพื้นที่ เป็นการติดตามการดำเนินงานต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งในมิติการติดตามการแก้ไขปัญหา อุปสรรค ข้อติดขัดต่าง ๆ ให้การดำเนินงานเดินหน้าต่อไปได้ตามแผนและเป้าหมายที่กำหนดไว้ เช่น เรื่องยางพารา การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร การลดต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น การบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภคให้เพียงพอสำหรับประชาชน เช่น น้ำประปา การบริหารจัดการขยะ การส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติสมุย และการขยายถนนรอบเกาะสมุย เป็นต้น รวมถึงการนำเอกลักษณ์และศักยภาพของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช  มาพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น และให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เช่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาล” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

Advertisement

นายกฯเผยต้องการให้เปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลจริงๆ

People unity news online : 28 มิถุนายน 2560 เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานเนื่องในโอกาสวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ครบรอบปีที่ 85 ว่า วันนี้นอกจากเป็นวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรีปีที่ 85 แล้ว และยังเป็น 85 ปีของประชาธิปไตยไทย ถึงแม้จะมีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศบ้าง แต่ก็ยังเป็นประชาธิปไตย เพราะใช้ระบบการบริหารราชการแผ่นดินที่เป็นหลักประชาธิปไตยเป็นส่วนใหญ่ในช่วงพิเศษนี้ ยังมีกระทรวง ทบวง กรมเหมือนเดิม และถือว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆที่ลุ่มๆดอนๆมาตลอด

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า “ผมอยากให้วันที่ 24 มิถุนายน วันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบอบประชาธิปไตย เป็นการเริ่มต้นประชาธิปไตยที่เป็นธรรมาภิบาลได้หรือไม่ เพราะเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยแล้ว ก็ควรที่จะเป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล ที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้ถ้าไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ก็ต้องสร้างกันตั้งแต่วันนี้ ให้เป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลจากการเลือกตั้งครั้งต่อไป นี้คือการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศ ไทยที่จะนำไปสู่การมีธรรมาภิบาลจริงๆ สื่อต้องช่วยด้วย”

People unity news online : post 29 มิถุนายน 2560 เวลา 09.19 น.

ตั้ง “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” เป็น ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ

People Unity News : 18 กุมภาพันธ์ 2566 รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เผย ก.ทรัพยากรธรรมชาติฯ มีคำสั่งแต่งตั้งให้ “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” เป็น ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ ย้ำให้จัดระเบียบการเก็บเงินรายได้ของอุทยานแห่งชาติโปร่งใส พร้อมขยายผลการใช้ E-Ticket ตลอดจนพัฒนาอุทยานแห่งชาติ รองรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีคำสั่งแต่งตั้งนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) เป็น ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ โดยมีผลทันที

นายอรรถพลกล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้นายชัยวัฒน์เร่งจัดระเบียบการจัดเก็บเงินรายได้ของอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศอย่างโปร่งใส พร้อมทั้งให้เร่งขยายระบบการจัดเก็บเงินค่าบริการและระบบการจองล่วงหน้าด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบออนไลน์ (E-Ticket) ซึ่งระบบนี้ จะให้ชำระเงินผ่านบัตรเครติตและเดบิตหรือชำระเงินผ่าน Thai OR Payment โดยเงินเข้าบัญชีของกรมเท่านั้น ลดการจัดเก็บและรักษาเงินของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและลดปัญหาการทุจริตจากการเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการของอุทยานแห่งชาติต่างๆ

นอกจากนี้ยังเน้นย้ำให้พัฒนาอุทยานแห่งชาติรองรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เนื่องจากที่ผ่านมาอุทยานแห่งชาติหลายแห่งมีปัญหาการบุกรุกพื้นที่เพื่อสร้างรีสอร์ต แล้วส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้นการพัฒนาอุทยานแห่งชาติเพื่อรองรับการท่องเที่ยวจะคำนึงเฉพาะด้านเศรษฐกิจไม่ได้ ต้องให้ความสำคัญต่อการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย

สำหรับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นผู้เข้าร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ถึงพฤติกรรมเรียกรับสินบนของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อแลกกับการแต่งตั้งโยกย้าย จนนำมาสู่การจับกุมในห้องทำงาน พบหลักฐานเป็นเงินสดเกือบ 5 ล้านบาท ขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งคณะกรรมการไต่สวนความผิดแล้ว ต่อมาปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง เบื้องต้นพบมูลความผิด จึงให้ออกจากราชการไว้ก่อน ระหว่างกระบวนการกล่าวโทษ

Advertisement

นายกฯสั่งเร่งแก้โรงแรม-ร้านอาหารฉวยโอกาสขึ้นราคาเท่าตัว หลังท่องเที่ยวฟื้น

People Unity News : 29 มีนาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล – รองโฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ มอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลปัญหาราคาโรงแรม ร้านอาหาร พุ่งเท่าตัวหลังท่องเที่ยวฟื้น ขอผู้ประกอบการคิดค่าบริการเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบถึงข้อมูลภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น ฟื้นตัวรวดเร็ว โดยตั้งแต่ต้นปี ถึง 27 มี.ค.66 มีชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 6.15 ล้านคน แต่พร้อมกับการฟื้นตัวก็ได้มีประเด็นปัญหาที่ตามมา คือ ราคาโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ได้ปรับขึ้นเป็นเท่าตัว

“นายกรัฐมนตรีมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ ให้ดูแลกำกับตรวจสอบว่า ระดับราคาบริการต่างๆในภาคท่องเที่ยวที่ปรับตัวขึ้นขณะนี้อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลหรือไม่ เพื่อไม่ให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ถูกเอารัดเอาเปรียบ และกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความเข้าใจสถานการณ์ทางธุรกิจของผู้ประกอบการท่องเที่ยว ที่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลก็ได้ออกมาตรการต่าง ๆ มาช่วยเหลือ ทั้งมาตรการด้านการเงิน มาตรการฟื้นฟู เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่ขณะนี้ดำเนินมาถึงเฟส 5 แล้ว ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ร่วมกันดูแลบรรยากาศให้การฟื้นตัวเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยขอให้กำหนดอัตราค่าบริการให้สมเหตุสมผล ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคามากจนเกินไป เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของภาคการท่องเที่ยวไทยในระยะยาว

“นายกรัฐมนตรีเข้าใจว่าอัตราค่าบริการ ทั้งโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร มีการปรับเปลี่ยนไปตามกลไกตลาด แต่เพื่อภาพลักษณ์ที่ดี สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวที่เลือกเดินทางมาประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ หลังโควิด ตลอดจนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ตอนนี้ก็เลือกเที่ยวในประเทศกันมากขึ้น ขอให้ผู้ประกอบการช่วยกันดูแลเรื่องของราคาค่าบริการต่างๆ ที่เป็นธรรม และขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

“แบน 3 สารพิษ”แล้ว! มติคณะกรรมการวัตถุอันตรายไม่เอกฉันท์

People Unity : “แบน 3 สารพิษ”แล้ว! มติคณะกรรมการวัตถุอันตรายไม่เอกฉันท์ “อนุทิน”ปลื้มโฟสต์แจ้งด่วน

เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น.วันที่ 22ต.ค.2562 ที่กระทรวงอุึตสาหกรรม นายภาณุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รักษาการรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณา คือ การแบนหรือไม่แบนวัตถุอันตราย 3 สาร ไพริฟอส พาราควอต และไกลโฟเซต กำหนดเวลาประชุม 09.30-14.00น. โดยบริเวณหน้าห้องประชุมมีตำรวจรักษาความปลอดภัยเฝ้าดูแล 2 นาย

ขณะที่บรรยากาศภาพรวมพบว่ามีผู้ชุมนุมเกษตรกรกลุ่มไม่ต้องการให้แบน 3 สารเคมีจากหลายจังหวัด มาเฝ้าติดตามผลการประชุมประมาณ 500 คน โดยกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชน นำโดยนายวรัญชัย โชคชนะ ประธานกลุ่มฯ ได้ยื่นหนังสือถึงกรรมการวัตถุอันตรายที่มีจำนวน 29 คน ขอให้ผลการประชุมไม่ว่าจะแบนหรือไม่แบน 3 สารเคมี ก็ขอให้ลงมติอย่างเปิดเผย เพื่อความโปร่งใส ตรงไปตรงมา ไม่เป็นความลับ เพื่อเป็นผลดีต่อประชาชน และคณะกรรมการ และอย่าได้อ้างสิทธิหรืออื่นๆ เพื่อประชาชนจะได้หายข้อข้องใจ กังขา และถ้าเป็นไปได้ให้ประชาชนเข้าร่วมรับฟังสังเกตการณ์ หรือทีวีวงจรปิดก็ได้ ขณะที่ผู้ชุมนุมกลุ่มสนับสนุนให้แบนมาสังเกตการณ์ช่วงเช้าจำนวนหนึ่งแยกย้ายออกไป

ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุขและรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก ระบุว่า เชียร์ลีดเดอร์ของกระทรวงสาธารณสุข

มติที่ประชุม มีผู้เข้าประชุม 26 ท่าน
1. พาราควอท
-แบน 21 จำกัดการใช้ 5
2. ครอร์ไพริฟอส
-แบน 22 จำกัดการใช้ 4
3.ไกลโฟเซต
-แบน 19 จำกัดการใช้ 7

ขอกราบขอบพระคุณและน้อมคารวะต่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายเฉพาะผู้ที่ลงมติแบนการใช้สารพิษด้วยจิตสำนึกที่รักและห่วงใยในคุณภาพชีวิตและสุขภาพของพี่น้องประชาชน ประวัติศาสตร์จะจารึกวีรกรรมที่ท่านทำเพื่อแผ่นดินเกิดในวันนี้เยี่ยงวีรบุรุษของชาติ ขอแสดงความยินดีกับคนไทยทุกคนที่ประเทศของเรายังมีข้าราชการและนักวิชาการที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมและจริยธรรมหลงเหลืออยู่ในบ้านของเรา

กลุ่มต้านจ่อฟ้องศาลฯเอาผิดทุกคนที่เกี่ยวข้อง

ทางด้านนางสาวอัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ตัวแทนภาคเกษตรกร ได้แจ้งต่อเครือข่ายภาคเกษตรกรที่มารอผลการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่าได้มีมติอย่างไม่เป็นทางการแบน 3 สารพิษทั้งพาราควอต, ไกลโฟเซต และคลอร์ไฟริฟอส แล้ว หลังจากรับทราบแล้วทางกลุ่มฯ จะยังคงยืนยันที่จะมีการยื่นศาลปกครองในวันที่ 28 ต.ค.นี้เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว และ อีกทั้งจะไปยื่นถอดถอนมติกระทรวงสาธารณสุข/2560 ที่เป็นต้นเหตุของการแบน 3 สารดังกล่าวเพราะมีการใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จ รวมถึงจะดำเนินการยื่นฟ้องเอาผิดตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดโดยจะแยกฟ้องทั้งรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง กลุ่มเอ็นจีโอ รวมถึงบอร์ดคณะกรรมการวัตถุอันตรายในการนำเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จ

“ผลตรวจการตกค้างของสารดังกล่าวในผักผลไม้นั้นไม่พบการตกค้างของสารพาราควอต และไกลโฟเซดแต่อย่างใดแต่การมาแบน 3 สารเพื่อเหตุผลใดแน่”น.ส.อัญชุลีกล่าว”

นอกจากนี้ทางเครือข่ายภาคเกษตรกรที่คัดค้านการแบน 3 สารพิษจะรอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการเยือนญี่ปุ่นกลับมาก่อนเพื่อรอฟังนโยบายเพราะเบื้องต้นนายกฯเคยระบุไว้ว่าจะเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจาก 4 ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อประเด็นดังกล่าวใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ที่ผ่านมายังไม่มีการดำเนินการใดๆ ตามคำสั่งนายกฯ

กกต.ไฟเขียวให้ ครม.ใช้งบกลางแก้ไฟแพงได้

People Unity News : 15 พฤษภาคม 2566 กกต. เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงาน ขอใช้งบกลางแก้ค่าไฟแพง เดือน พ.ค.-ส.ค. วงเงินกว่าหมื่นล้านบาท ลดภาระประชาชนเดือดร้อน

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งกรณีสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีหนังสือขอความเห็นชอบจาก กกต. กรณีการใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมาตรา 169(3) ของรัฐธรรมนูญ ของกระทรวงพลังงาน เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปตามมาตรา 169(3) นั้น

วันนี้ (15 พ.ค.) ที่ประชุม กกต. มีมติเห็นชอบให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน จากสถานการณ์ราคาพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากราคาไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ในลักษณะการให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที เดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2566 ภายในกรอบวงเงินทั้งสิ้น 10,464,000,000 บาท ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ

Advertisement

“นิพนธ์”เผย 3 กระทรวงหลัก จับมือใช้ แผนที่ One map แก้ปัญหาที่อยู่อาศัย

People Unity News : “นิพนธ์”เผย 3 กระทรวงหลัก จับมือใช้ แผนที่ One map แก้ปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกิน เขตเมือง-ชนบท ภาคเหนือใช้กลไก คทช.

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานเปิดงานวันที่อยู่อาศัยโลก ภาคเหนือ ปี 2562 ภายใต้หัวข้อ “การขับเคลื่อนแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินระดับจังหวัดให้เกิดรูปธรรม” วิถีชุมชนท้องถิ่นสู่การแก้ไขปัญหาอยู่อาศัย และที่ดินทำกิน ทั้งเมืองและชนบท โดยมีผู้แทนองค์กรชุนชนจาก 17 จังหวัด และหน่วยงานภาคีเครือข่ายเข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงราย. โดยนายนิพนธ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อกระบวนการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชน

โดยกระทรวงมหาดไทยมีแนวทางที่จะบูรณาการความร่วมมือกับ 3 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานหลักที่ดำเนินการเรื่องการแก้ไขปัญหาที่ดินและที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว โดยจะดำเนินการสำรวจข้อมูลที่ดินที่ทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชนโดยใช้กลไกโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล(คทช.)ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลในการจัดสรรที่ดินให้กับประชาชนโดยทดลองใช้ แผนที่ One map มาใช้เป็นเครื่องมือในการกันพื้นที่ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินงานโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทยในการจัดแนวเขตที่ดินให้ชัดเจนว่า พื้นที่ส่วนใหญ่จะสามารถนำมาจัดสรรให้กับพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางเครือข่ายการพัฒนาที่อยู่อาศัย และการจัดการที่ดินภาคเหนือ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีในระดับจังหวัดดำเนินงานแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ทำกินของประชาชนผู้มีรายได้น้อยในปี 2562 โดยมีผู้ได้รับผลประโยชน์รวม 3,636 ครัวเรือน แบ่งเป็นบ้านมั่นคงเมืองและชนบท 1,182 ครัวเรือน และบ้านพอเพียงชนบท 2,455 ครัวเรือน

รมต.อนุชา ยืนยัน ขายสลากฯ ราคา 80 บาท  ผ่านแอป เป๋าตัง เริ่มงวดแรก 16 มิย.นี้แน่นอน

People Unity News : 10 เม.ย. 65 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาที่กำหนดฯ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการฯ และชุดทำงานเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาฯ มีการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการเบิกจ่ายสลาก การจำหน่ายสลากของผู้ขาย รวมถึงการตรวจค้นจนพบสลากกินแบ่งจำนวนมาก นำไปสู่การยกเลิกสัญญาตัวแทนจำหน่ายและยกเลิกการลงทะเบียนซื้อ-จองล่วงหน้า เกือบ 9,000 ราย ตั้งแต่งวด 16 พ.ค.65 เป็นต้นไป โดยเพื่อแก้ไขปัญหาการซื้อสลากฯ เกินราคา 80 บาท คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลได้เตรียมจุดจำหน่ายสลากในราคา 80 บาท ไว้แต่ละอำเภอทั่วประเทศแล้ว เพื่อแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมกำหนดแนวทางการจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยใช้แอปเป๋าตัง  ซึ่งระบบการสั่งซื้อจะถูกบันทึกและจัดเก็บข้อมูลไว้ สามารถตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายได้  แก้ไขปัญหาสลากเปลี่ยนมือ และทำให้ราคาที่ซื้อขายเป็นไปตามที่กำหนด เมื่อถูกรางวัล ระบบจะแจ้งเตือนให้ติดต่อขอรับเงินรางวัล ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่สลากงวด 16 มิ.ย.65 เป็นต้นไป 

Advertisement

นายกฯ สั่งเข้มงวดคลังแสง ย้ำโทษ จนท.ดูแลทางวินัย-อาญา

People Unity News : 21 กรกฎาคม 2566 “พล.อ.ประยุทธ์” สั่งเข้มงวดคลังแสง ไม่ให้เล็ดลอด-สูญหาย ย้ำโทษเจ้าหน้าที่ดูแลทางวินัยและอาญา

พันเอก จิตนาถ ปุณโณทก รองโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหมว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ เข้มงวดกวดขันการรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่อยู่ในคลังต่างๆ ของหน่วย โดยเน้นย้ำและกําชับให้ผู้บังคับหน่วย รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หมั่นตรวจสอบคลังที่อยู่ในความรับผิดชอบเป็นประจํา เพื่อป้องกันมิให้มีการลักลอบนําอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ตลอดจนเครื่องกระสุน และวัตถุระเบิดของหน่วย ออกไปแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่มิชอบ หรือนําออกไปใช้งาน โดยไม่ได้รับอนุญาต หากมีข้อบกพร่องหรือมีการสูญหาย เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต้องถูกลงโทษทั้งทางวินัยและทางอาญา

ทั้งนี้ การกำชับดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้เกิดเหตุกระสุนในคลังอาวุธ นาวิกโยธิน สัตหีบ สูญหาย นับแสนนัด

Advertisement

Verified by ExactMetrics