วันที่ 6 พฤษภาคม 2024

บารมีหลวงปู่ทวด! สาธุชนล้นหลามร่วมทำบุญทอดกฐินวัดวังไทร

People Unity News : พุทธศาสนิกชน เป็นจำนวนมาก แห่ร่วมงานทำบุญทอดกฐินสามัคคี วัดมหาชัยวนาราม (วัดวังไทร) ส่งผลให้การก่อสร้างมณฑปและรูปปั้นหลวงปู่ทวด แล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นสาสนวัตถุที่กราบไว้ และสักการบูชา สืบต่อไป

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการจัดงานทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2562 ณ วัดมหาชัยวนาราม (วัดวังไทร) ตำบลวังไทร อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ในวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา เพื่อนำรายได้สมทบทุนสร้างมณฑปหลวงปู่ทวด และองค์รูปปั้นหลวงปู่ทวด ซึ่งดำเนินการโดย ร.ต.อ.นิยม เปลื้องกลาง รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปคบ. และนายธัชชัย โชติจันทึก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอฟ พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด และคณะกรรมการวัด ข้าราชการท้องถิ่น และอุบาสก อุบาสิกา

ในการทอดกฐินสามัคคีครั้งนี้ มี พระราชวิสุทธิประชานาถ (อลงกต ติกฺขปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ ดร.ชัยรัตน์ จำนงค์การ ประธานที่ปรึกษา บริษัท รักษาความปลอดภัย ที.เอส.จี. อินเตอร์การ์ด จำกัด เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

สำหรับการดำเนินการก่อสร้างมณฑปหลวงปู่ทวด และองค์รูปปั้นหลวงปู่ทวด ได้เสร็จสมบูรณ์ทันต้อนรับพิธีทอดกฐิน ให้พุทธสาสนิกชนผู้มีจิตรศรัทธาที่มาร่วมงานได้กราบไหว้ สักการะ บูชา และด้วยบารมีของหลวง ส่งผลให้บรรยากาศการทอดกฐินเป็นไปด้วยความคักคัก มีประชาชนล้นหลาม มาร่วมทำบุญเต็มความจุของศาลาการเปรียญ และบริเวณวัดที่จัดงาน ส่งผลให้ยอดบริจาคทำบุญรวมทั้งสิ้น 3,044,570.50 บาท นอกจาก นี้ ดร.ชัยรัตน์ จำนงค์การ ยังได้บริจาคเครื่องตรวจคลื่นหัวใจ(EKG) มูลค่า 70,000 บาท ให้กับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังไทร (รพ.สต.วังไทร) ด้วย

ดร.ชัยรัตน์ จำนงค์การ ประธานทอดกฐิน กล่าวว่า ยินดีที่ได้มาร่วมงานทอดกฐินในครั้งนี้ เคยไปร่วมงานและเป็นประธาน หลายครั้ง แต่ก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นพุทธศาสนิกชน คนวังไทร ซึ่งเป็นหมู่บ้านในชนบท มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ถ้ามีโอกาสจะมาร่วมงานอีก และเชื่อว่า องค์รูปปั้นหลวงปู่ทวด จะเป็นที่กราบไหว้ ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านต่อไป

ทั้งนี้ วัดวังไทร มีพระครูสุภรชัยคุณ เป็นเจ้าอาวาส เป็นศูนย์รวมศรัทธา และบำเพ็ญบุญกุศล ของพุทธศาสนิกชน ในบ้านวังไทร และหมู่บ้านใกล้เคียง โดยผู้ที่มีจิตศรัทธา สามารถเดินทางไปร่วมทำบุญ และกราบนมัสการหลวงปู่ทวด ได้ที่วัดวังไทร ตำบลวังไทร อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา หรือ ร่วมบริจาคทำบุญได้ที่บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี “วัดมหาชัยวนาราม” เลขที่ 3030529614 เพื่อบำรุง วัด และสาสนวัตถุ จรรโลงพระพุทธศาสนา สืบต่อไป สอบถามเพิ่มเติม ที่ ร.ต.อ.นิยม เปลื้องกลาง เบอร์โทร 081-389-4275 หรือ นายธัชชัย โชติจันทึก เบอร์โทร 086-377-9815 ไลน์”eed0604”

“พวงเพ็ชร” ชวน “สวดมนต์ข้ามปี” พุทธมณฑลจัดใหญ่

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ ื: 30 ธันวาคม 2566 ทำเนียบ – “พวงเพ็ชร” ชวนรับน้ำมนต์ประทานจากสังฆราช และ “สวดมนต์ข้ามปี” พุทธมณฑลจัดใหญ่

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2567 รัฐบาลมีกำหนดจัดกิจกรรมยิ่งใหญ่ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขให้กับประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ รวมถึงกิจกรรมเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัวสำหรับผู้นับถือศาสนาพุทธ โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ในชื่อ “สวดมนต์ข้ามปี วิถีไทย วิถีพุทธ วิถีพอเพียง” ณ บริเวณลานหน้าองค์พระประธานพุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยมีกิจกรรมตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ไปจนถึงช่วงเข้าวันใหม่ วันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งประชาชนจะได้ร่วมพิธี ดังนี้

1.พิธีเจริญจิตตภาวนา รับฟังการบรรยายธรรม โดยพระรันตสุธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดไร่ขิง จ.นครปฐม พระสุธีวชิรปฏิภาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และพระมหาอดิศักดิ์ อธิปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดบรมสถล (วัดดอน) กรุงเทพมหานคร

2.พิธีเจริญพระพุทธมนต์บูชาพระพุทธรูปประจำวันเกิด

3.พิธีสวดมนต์ข้ามปี วิถีพุทธ วิถีพอเพียง รับศีล รับพร เข้าสู่ปีใหม่ด้วยใจเบิกบาน

4.การปฏิบัติธรรมข้ามปี ณ สำนักปฏิบัติธรรมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2566 ถึง 1 มกราคม 2567

นอกจากนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังได้รับพระเมตตาจาก สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานการ์ดพระคติธรรมอำนวยพรปีใหม่ 2567 จำนวน 5000 แผ่น มอบให้กับประชาชนทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด และยังทรงประทานน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ร่วมพิธีในกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี นอกจากนี้ยังประทานไฟพระกฤษ์เพื่อนำจุดเทียนชัยในการประกอบพิธีอีกด้วย

“กิจกรรมการสวดมนต์ข้ามปี เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้น้อมนำหลักธรรมคำสอน มายึดถือ ปฏิบัติ ต้อนรับปีใหม่ด้วยความสุขใจ ซึ่งมีวัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักร และวัดไทยในต่างประเทศ ได้ร่วมจัดกิจกรรมนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดกิจกรรมทางศาสนาอื่น เช่น “อารามอร่าม 10 วัด” ของกระทรวงวัฒนธรรม โดยจะเปิดไฟส่องสว่าง ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนได้เข้าเยี่ยมชมความสวยงามและศิลปกรรมอันทรงคุณค่าในยามค่ำคืน ที่วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร, วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร, วัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร, วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร, วัดราชนัดดาราม วรวิหาร, วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร, วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร และวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร จึงอยากขอเชิญชวนให้ประชาชนได้ร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่นี้ค่ะ“ นางพวงเพ็ชร กล่าว

Advertisement

เตือนผู้ที่มีภาวะไขมันส่วนเกินสะสมมากกว่าปกติเสี่ยงเป็นโรคหอบหืด

People Unity : กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก เตือนผู้ที่มีภาวะไขมันส่วนเกินสะสมมากกว่าปกติ หรือโรคอ้วนลงพุง ทำให้ระบบหายใจทำงานติดขัด ก่อให้เกิดโรคหอบหืดตามมา

วันที่ 25 ต.ค.2562 นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า การรับประทานอาหารเกินความต้องการของร่างกาย ทำให้เกิดภาวะที่มีไขมันสะสมมากผิดปกติหรือมากเกินกว่าที่ร่างกาย จะเผาผลาญออกไป ส่งผลให้พุงยื่นออกมาอย่างชัดเจน เรียกว่า โรคอ้วนลงพุง ซึ่งผลแทรกซ้อนของ โรคดังกล่าว อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมา คือ เสี่ยงกับภาวะไขมันอุดตันหลอดเลือดและหัวใจ อาทิ โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง ไตวาย มะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะหัวใจล้มเหลว อีกทั้งไขมันส่วนเกินนั้นยังสามารถเข้าไปสะสมในปอดจนเบียดทางเดินหายใจ ทำให้หลอดลมตีบลง เกิดอาการเหนื่อยง่าย หายใจลำบากซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหอบหืดได้ ทั้งนี้ผู้ที่เข้าเกณฑ์เสี่ยงโรคอ้วนลงพุงจะมีลักษณะต่างๆ อย่างน้อย 3 ข้อ ดังนี้ คือ 1. ภาวะอ้วนลงพุง 2. ความดันโลหิตสูง 130/85 มม.ปรอทขึ้นไป 3. น้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารสูงกว่า 100 มิลลิกรัม ต่อเดซิลิตรขึ้นไป 4. ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงกว่า 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร 5. มีไขมันดี ชนิด HDL ต่ำ โดยเพศชายน้อยกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และเพศหญิงน้อยกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หากพบว่าร่างกายมีลักษณะดังกล่าว ต้องรีบหาแนวทางการรักษาและป้องกันโรคอ้วนลงพุง เพื่อห่างไกลโรคร้ายแทรกซ้อนที่จะตามมาอย่างทันท่วงที

นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคอ้วนลงพุง เป็นกระบวนการหนึ่งที่ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดลม ทำให้มีอาการโรคหอบหืดตามมา อาการในผู้ป่วยโรคหอบหืดมักจะเหนื่อยหอบเวลาออกแรง ไอ เสมหะเหนียวข้น หายใจลำบาก แน่นหน้าอก และมีเสียงดังวี๊ดๆ หรือมีอาการในช่วงกลางคืน และมีค่าความเร็วของลมหายใจออกสูงสุดอยู่ระหว่าง 50 – 80 % ของค่าที่ดีที่สุด ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรค ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตนด้วยการคุมอาหารและลดน้ำหนักในรายที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วัน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารไม่ให้มีปริมาณมากเกินไป หลีกเลี่ยงอาหารประเภททอด มัน กะทิ ดื่มน้ำเปล่าหลีกเลี่ยงน้ำหวานและน้ำอัดลม หากสามารถปฏิบัติตนตามคำแนะนำต่างๆเหล่านี้ ได้อย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ จะทำให้หลีกหนีโรคอ้วนลงพุง ส่งผลให้มีสุขภาพแข็งแรงห่างไกลโรคร้ายที่แทรกซ้อนตามมาอีกด้วย

“อนุทิน”ชื่นชม “อสม.-อสต.” ตากดูแลสุขภาพประชาชนแนวชายแดน

People Unity News : “อนุทิน”รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พบปะ อสม.และอสต. จังหวัดตาก มอบนโยบายให้ อสม.กว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ รวมพลังสร้างให้คนในประเทศแข็งแรง ส่งเสริมให้รักษ์สุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารถูกสุขลักษณะ

เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2562 ที่ จ.ตาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะ เยี่ยมติดตามการดำเนินงานสาธารณสุขพื้นที่ชายแดนและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินี ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด และให้สัมภาษณ์ว่า อสม.เป็นกำลังสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข ในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นแก่ประชาชน สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพเพื่อป้องกันโรค ลดการเจ็บป่วย ด้วยเป้าหมายเดียวกัน คือช่วยให้ประชาชนสุขภาพดี โดย อสม.ทุกคนจะได้รับการพัฒนาศักยภาพให้เป็นหมอประจำบ้าน ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข สหวิชาชีพ และทีมหมอครอบครัว

“ขอแรง อสม. 1 ล้านกว่าคนทั่วประเทศ รวมพลังสร้างให้คนในประเทศแข็งแรง ส่งเสริมให้รักษ์สุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารถูกสุขลักษณะ จะช่วยลดการเจ็บป่วย ลดภาระงานเจ้าหน้าที่ ปัญหาสาธารณสุขของประเทศจะคลี่คลายลงได้” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวต่อว่า จ.ตาก เป็นพื้นที่ชายแดน ได้จัดการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) เพิ่มเติมขึ้น เพื่อเป็นเครือข่ายดำเนินการร่วมกันในพื้นที่ จับคู่ทำงานกับ อสม. แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารสุขภาพและป้องกันโรคติดต่อตามแนวชายแดน ปัจจุบันมี อสต. 661 คน และมี อสม. 12,790 คน ทั้งหมดได้รับการอบรมเป็นผู้บริบาลผู้ป่วยในหมู่บ้าน (Care Giver) การอบรมช่วยพื้นคืนชีพ การอบรมการปฐมพยาบาล การอบรม อสม.นักจัดการ 4.0 และ อสม.หมอประจำบ้าน

สำหรับสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินีแห่งนี้ เป็นสถานบริการสาธารณสุขที่ให้บริการประชาชนด้วยความสง่างามและสมพระเกียรติ ทั้งด้านสถานที่และการให้บริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานตามหลักวิชาการตามบริบทของพื้นที่ สนองงานในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 เผยแพร่พระเกียรติคุณและกิจกรรมเพื่อเทิดพระเกียรติ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งราชการ ท้องถิ่น เอกชน ประชาชนที่ได้ช่วยกันดูแลประชาชนในพื้นที่ 7,396 คน

มีลุ้น!!! คนไทยได้เชียร์บอลโลก

People Unity News : 2 พฤศจิกายน 2565 “พล.อ.ประวิตร” บอกกำลังเจรจา กสทช.ถ่ายทอดบอลโลก ด้าน “สมศักดิ์” ระบุ ดีลช้าราคาจะถูกลง แต่อาจโดนวิจารณ์

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ระหว่างวันที่ 20 พ.ย.-18 ธ.ค. 65 ที่ประเทศกาตาร์ ว่า เป็นหน้าที่ของตนที่จะทำให้ได้ อยากให้ดูกันทุกคน

เมื่อถามย้ำว่าคนไทยจะได้ชมแน่ๆใช่หรือไม่และถ่ายทอดทางช่องใด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รู้ เดี๋ยวให้ได้ก่อน โดยใช้งบประมาณของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพราะงบประมาณนี้ ทำให้ประชาชน

ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีไม่มีภาคเอกชนเข้ามาร่วมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเหมือนปีที่แล้ว ว่า ตนไม่ได้เป็นคนเริ่ม หลายท่านเป็นคนเริ่ม ตนเลยตอบไม่ถูก เอาเป็นว่ามีให้ดูก็โอเคแล้ว และงบที่ใช้น่าจะไม่ถึงหลักพันล้านบาท เพราะตนบอกในคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ถ้ายิ่งช้ามันยิ่งคุ้ม ครั้งที่แล้วเหลือ 300 ล้านบาท เคยดีลมาหลายครั้งแล้ว แต่ถ้าทำช้าไปก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ จะทำให้เสียหน้า ตอนนี้ยังไม่ถือว่าช้าและราคาเริ่มลง

เมื่อถามว่าประเทศไทยถูกมองว่าใช้งบประมาณถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกมากที่สุดในภูมิภาค นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเราทำสัญญามันก็ถูก เพราะเขากลัวเราไม่เอา และว่า “แม้ผมจะชอบเล่นฟุตบอล แต่ไม่ชอบดูฟุตบอลโลก เพราะมีหลายทีมไม่รู้จะเชียร์ใคร เยอะไปหมด”

Advertisement

นายกฯขอบคุณประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแสโรงงานแอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์

People unity news online : นายกรัฐมนตรียืนยันตรวจสอบโรงงานแอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง พร้อมขอบคุณประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแส

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561 เวลา 14.40 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงปัญหาการลักลอบนำเข้าเศษซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว ปัจจุบันจากการตรวจสอบพบว่ามีโรงงานที่นำเข้าเศษซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 7 โรงงาน แต่มีโรงงานเล็กๆที่ไม่ได้รับการอนุญาต ลักลอบนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาในประเทศไทย ทำให้เกิดปัญหาสร้างมลภาวะทีเป็นพิษ ซึ่งได้ระงับไปแล้วจำนวน 5 โรงงาน

ส่วนการนำเข้าขยะพลาสติกนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยมีโรงงานนำเข้าที่ถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 26 โรงงาน และได้มีการตรวจสอบไปแล้วจำนวน 17 โรงงาน ส่วนที่เหลืออีก 9 โรงงาน คาดว่าภายในวันศุกร์นี้จะสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้อย่างครบถ้วน จากการตรวจสอบพบว่าโรงงานเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้นำเข้าขยะพลาสติก สามารรถรวบรวมขยะพลาสติกได้ทั้งในและนอกประเทศ แต่มีการแอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลจะได้ตรวจสอบต่อไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันข้างหน้าประเทศไทยจะพัฒนาสู่ประเทศที่มีเทคโนโลยี จะต้องประสบปัญหาขยะในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น จำเป็นจะต้องกำจัดขยะไปด้วย ทั้งนี้ ต้องขอบคุณประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแสขึ้นมา พร้อมกล่าวยืนยันว่า อะไรก็ตามที่ประชาชนร้องเรียน และได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ทำถูกต้องตามกฎหมาย

People unity news online : post 6 มิถุนายน 2561 เวลา 13.20 น.

“ม.สงฆ์ มจร” มุ่งพัฒนา “MCU TV” ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกสื่อสารในยุคปัจจุบัน

People Unity : “ม.สงฆ์ มจร” มุ่งพัฒนา “MCU TV” ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกสื่อสารในยุคปัจจุบัน กำหนดประชุมคณะกรรมการบิหาร 2 เดือนต่อครั้ง เพื่อประเมินผลของการพัฒนาสถานี

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562 ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อ. วังน้อย จ. พระนครศรีอยุธยา พระครูโสภณพุทธิศาสตร์ ,ผศ.ดร.รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ ในฐานะประธานคณะกรรมการบิหารสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษาและเผยแผ่ธรรมะ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษาฯ (MCU TV) เพื่อรับฟังความคิดเห็นในการขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงรุก และจัดทำแผนพัฒนาสถานีโทรทัศน์ MCU TV 5 ปี

โดยมีคณะกรรมการเข้าร่วมกระชุม อาทิ พระสุวรรณเมธาภรณ์, ผศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ พระเมธีธรรมาจารย์,รศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา พร้อมผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตรายการโทรทัศน์มาร่วมให้คำแนะนำใน เช่น พระเทพสุวรรณเมธี นายมานพ จีรกาญจน์ไพศาล นางขวัญเรือน แก้วพิจิตร โดยที่ปีะชุมได้ให้ข้อคิดเห็นและเสนอแนะใน การผลิตโทรทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตเนื้อหาออกอากาศให้ทันเหตุการณ์และเผยแพร่ควบคู่ไปกับสื่อออนไลน์ ปรับปรุงอุปกรณ์ให้มีความทันสมัย

จัดการบริหารเป็นสัดส่วน เน้นบุคลากรภายใน และสร้างเครือข่ายจากวิทยาเขตวิทยาลัยสงฆ์ ในเครือของมหาวิทยาลัย และประสานความร่วมมือจากบุคลากรภายนอก ในการผลิตรายการ รวมถึงงบประมาณจัดสรรในการผลิตรายการ นอกจากนี้ ต้องเน้นกลยุทธ์ ปรับผังรายการให้เข้ากับยุคสมัยและหารายได้จากภายนอกเข้ามาสนับสนุนการผลิตรายการในสถานีโทรทัศน์ MCU TV และได้กำชับในการใช้ลิขสิทธิ์ในถูกต้อง พร้อมทั้งเน้นเนื้อหาด้านข่าวให้มีความรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ นำออกเผยแพร่ทั้งทางดาวเทียมและสื่อออนไลน์ เพื่อกระจายให้สังคมรับรู้ข้อมูลข่าวสารของมหาวิทยาลัยและของคณะสงฆ์ โดยให้ผู้บริหารนำไปพิจารณา ปรับปรุงแล้วนำเสนอในการประชุมต่อไป

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังกำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหาร ระยะเวลา 2 เดือนต่อครั้ง เพื่อประเมินผลของการพัฒนาสถานีต่อไป

“ประยุทธ์” ปลื้ม คลองโอ่งอ่าง ได้รางวัลระดับโลก

People Unity News : นายกฯ ปลื้ม คลองโอ่งอ่าง ได้รางวัลระดับโลก ตอกย้ำความสำเร็จการปรับปรุงภูมิทัศน์เมือง ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 64 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แสดงความยินดีที่โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองโอ่งอ่าง ได้รับรางวัล 2020 Asian Townscape Awards จากโครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Settlements Programme: UN-HABITAT) ถือเป็นความภาคภูมิใจในความสำเร็จของโครงการพัฒนาคูคลองของกรุงเทพมหานคร อันเป็นที่ยอมรับในระดับโลก

ขณะเดียวกัน โครงการนี้จะเป็นต้นแบบของการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่อื่นๆทั่วประเทศ รวมถึงเป็นต้นแบบการพัฒนาให้กับหลายๆประเทศทั่วโลก ในการปรับปรุงพื้นที่ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ส่งผลในแง่บวกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

“นายกรัฐมนตรีติดตามการพัฒนาและบริหารจัดการคลองโอ่งอ่างมาโดยตลอด ได้พบว่าประสบความสำเร็จทั้งด้านเศรษฐกิจและการยอมรับ มีหลากหลายกิจกรรมสามารถดึงดูดความสนใจ กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานครได้ในเวลาอันรวดเร็ว ที่สำคัญยังเป็นต้นแบบของการพัฒนาบริเวณโดยรอบคูคลองให้กับพื้นที่อื่นๆ ให้กลับมามีชีวิตชีวา”

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบบริเวณคูคลอง เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เฉพาะในกรุงเทพมหานคร มีการปรับปรุงและอยู่ในระหว่างการปรับปรุงคลองแล้วหลายสาย เช่น คลองหลอด คลองผดุงกรุงเกษม คลองลาดพร้าว คลองช่องนนทรี โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การปรับภูมิทัศน์พื้นที่เมือง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น มีการวางแนวทางการปรับปรุงที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวชุมชน รักษาเอกลักษณ์ของพื้นที่ พร้อมเพิ่มกิจกรรมใหม่ๆให้มีความหลากหลาย ทั้งการเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยรอบคูคลองให้กลายเป็นที่พักผ่อนของประชาชน รวมถึงการเชื่อมโยงการเดินทาง ซึ่งผลที่ได้มาคือ มูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะถูกพัฒนาต่อยอดจากไปมรดกทางวัฒนธรรม ทั้งยังเป็นการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับวิถีชุมชนเข้าไว้ด้วยกัน จึงเป็นแนวการพัฒนาอย่างยั่งยืน

Advertising

กรมสุขภาพจิตยกหลักธรรม “สติ-อภัยทาน” ผู้ขับขี่บนท้องถนน

People Unity : กรมสุขภาพจิต แนะวิธีการป้องกันความรุนแรงที่เหมาะสมที่ควรทำในการขับขี่ยานพาหนะ คือ 1. เผื่อเวลาก่อนออกเดินทาง 2. ตั้งสติก่อนสตาร์ท เตรียมกาย-ใจให้พร้อม 3. สร้างบรรยากาศดีๆ 4. อย่าคาดหวังในการปรับพฤติกรรมผู้อื่น และ 5. เป็นคนใจดีบนท้องถนน

วันที่ 24 ต.ค.2562 นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในปัจจุบันการเดินทางบนท้องถนนเป็นเรื่องที่เครียดสำหรับใครหลายๆ คน เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลานานอยู่บนท้องถนนที่มีการจราจรติดขัด เกิดมลภาวะ และมีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ค่อยเคารพกฏจราจรและขับขี่อันตราย ความเครียดต่างๆ เหล่านี้ อาจก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งบนท้องถนนได้บ่อยครั้ง ซึ่งการบันดาลโทสะบนท้องถนน หรือ road rage มักพบได้ตั้งแต่การแสดงภาษากาย การแสดงความรุนแรงทางวาจา การทะเลาะวิวาททางกายภาพ หรือแม้แต่การใช้อาวุธทำร้ายร่างกายกัน โดยส่วนมากมักจะเริ่มจากความรุนแรงเล็กๆ และขยายตัวเป็นความรุนแรงที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ การทะเลาะกับคนแปลกหน้าบนท้องถนนเล็กน้อยอาจนำไปสู่ปัญหาที่เป็นคดีความทางอาญาได้หากไม่มีวิธีการป้องกันที่ดี

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า การป้องกันความรุนแรงที่เหมาะสมที่ควรทำในการขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนน มีดังนี้ 1. เผื่อเวลาก่อนออกเดินทาง เพราะเส้นทางอาจมีการจราจรติดขัดหรือมีอุบัติเหตุ การเผื่อเวลาจะทำให้เราไม่ร้อนรนในการขับขี่ 2. ตั้งสติก่อนสตาร์ท ให้มีสติรู้ตัวเสมอว่าตนเองกำลังจะไปไหน มีใครรออยู่ และเตรียมสภาพกายและจิตใจให้พร้อมก่อนการขับขี่ยานพาหนะ โดยดูว่ามีความพร้อมหรือไม่ 3. สร้างบรรยากาศ โดยการเปิดเพลงที่ชอบและร้องตาม หรือพูดคุยเรื่องดีๆ กับคนที่โดยสารมาด้วย 4. อย่าคาดหวัง เพราะเราอาจต้องพบเจอผู้คนที่มีมารยาทบนท้องถนนแตกต่างกัน จึงไม่ควรคาดหวังว่า เราจะปรับพฤติกรรมของคนอื่นได้ ควรมองการขับขี่ถูกต้องและปลอดภัยของตนเองเป็นหลัก และ 5. เป็นคนใจดีบนท้องถนน โดยขับขี่เคารพกฏจราจร แบ่งปันน้ำใจต่อผู้ร่วมเส้นทาง ให้อภัย ไม่เก็บเอาความรุนแรงจากคนอื่นมาใส่ใจ ไม่มองถนนเป็นสนามแข่งที่ต้องมาเอาชนะกัน เน้นการเดินทางถึงเป้าหมายอย่างปลอดภัยพร้อมรอยยิ้ม

ทั้งนี้ จากการที่มีการกล่าวอ้างถึงปัญหาความรุนแรงบนท้องถนนกับอาการป่วยทางด้านสุขภาพจิตของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในหลายๆ เหตุการณ์ สังคมไทยควรทำความเข้าใจว่า แม้การมีปัญหาด้านสุขภาพจิตควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และปัญหาด้านสุขภาพจิตบางกลุ่มโรค เช่น โรคทางอารมณ์ โรควิตกกังวล ที่อาจทำให้มีอารมณ์แปรปรวนง่าย เศร้าเสียใจ หรือหงุดหงิดได้ง่ายกว่าปกติ อาจจะทำให้ผู้ป่วยควบคุมอารมณ์ได้ยากก็ตาม แต่พฤติกรรมหรือการกระทำที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นล้วนเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล ทุกคนมีสิทธิเลือกวิธีตอบสนองอารมณ์ของตัวเองภายใต้ความรับผิดชอบของตัวเอง ดังนั้นปัญหาสุขภาพจิตจึงไม่ควรถูกยกมาเป็นคำอธิบายในการกระทำไม่ดีต่อผู้อื่นหรือกระทำไม่ดีกับสังคม เพราะจะทำให้สังคมมองภาพลักษณ์ผู้ป่วยจิตเวชในแง่ลบ โดยขอฝากทิ้งท้ายว่า “สังคมไทยควรเรียนรู้ที่จะยืนหยัดในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้ที่จะให้อภัย” อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว

“อนุทิน” เดินหน้า นโยบายน้ำประปาดื่มได้ มุ่งลดภาระค่าใช้จ่าย ปชช.

People Unity News : 15 พฤศจิกายน 2566 การประปาส่วนภูมิภาค – “อนุทิน” เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายน้ำประปาดื่มได้ มุ่งลดภาระค่าใช้จ่าย ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร พร้อมมอบหมายภารกิจและนโยบายการดำเนินงานให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค โดยให้พัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้านน้ำประปา ให้น้ำประปาในทุกพื้นที่มีความสะอาด มีมาตรฐานที่สามารถใช้สำหรับการอุปโภคและบริโภค (ดื่ม) ตามนโยบายน้ำประปาดื่มได้ ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักที่กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน  โดยให้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดหาแหล่งน้ำดิบ และให้เร่งทำการศึกษาวิธีการใช้น้ำจากเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) โดยให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการเดินท่อเพื่อนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคใต้ ทั้งทางฝั่งอันดามัน และฝั่งอ่าวไทย ให้มีแหล่งน้ำที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางสาธารณูปโภค ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่มีความมั่นใจและมีความสะดวกสบายในทุกมิติ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเพิ่มรายได้สู่ชุมชนได้จากหลายภาคส่วนด้วย

นอกจากนี้ กปภ. ได้ตอบรับนโยบายตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการขยายเวลาชำระค่าน้ำประปา เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่มีค่าน้ำประปาคงค้างไม่เกิน 150 บาท/เดือน ให้สามารถค้างชำระค่าน้ำประปาได้ 3 เดือน รวมเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 450 บาท จากเงื่อนไขเดิมที่สามารถค้างชำระค่าน้ำประปาได้เพียง 2 เดือน โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนพฤศจิกายนนี้ – มกราคม ปี 2567

Advertisement

Verified by ExactMetrics