วันที่ 6 พฤษภาคม 2024

นายกฯ ลั่น ไม่ไว้หน้าใคร​ หากพบผู้พิทักษ์​สันติ​ราษฎร์​ เอี่ยวผิด กม.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 23 กุมภาพันธ์ 2567 นายกฯ ยืนยัน​ไม่ไว้หน้าใคร​ หากพบผู้พิทักษ์​สันติ​ราษฎร์​ เอี่ยวผิดกฎหมาย​ ชี้​ไม่เหมาะสม​ หลังตำรวจชั้นผู้ใหญ่ใช้พื้นที่สื่อตอบโต้​กัน บอกต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง​ 2 ฝ่าย​

นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์​ หักพาล​ รองผู้บัญชาการ​ตำรวจ​แห่งชาติ​ แถลงข่าวตอบโต้​ หลังถูกแจ้งข้อกล่าวหาในมาตรา​ 157 และ​มาตรา​ 149 ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ประเด็นการเมือง​ แต่เป็นประเด็นการกระทำผิดกฎหมายที่ต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด  รัฐบาลนี้ยึดตามหลักการทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมก่อนทั้งสองฝ่าย

ส่วนการที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เข้าไปมีส่วนพัวพันเรื่องที่ผิดกฎหมาย​ จะทำให้ความไว้วางใจของประชาชนลดน้อยลงหรือไม่​นั้น นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า​อยากให้ดำเนินการพิสูจน์โดยเร็ว หรือยึดกฎหมายเป็นหลัก​ โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกๆฝ่ายที่ถูกกล่าวโทษด้วย ส่วนจะส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์ของตำรวจหรือไม่​ นายเศรษฐา​ ระบุว่า ตนเชื่อว่า​ทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว คงทราบว่าอะไรควรทำหรือไม่

เมื่อถามย้ำว่าการที่ผู้รักษากฎหมายทำผิดกฎหมาย​เสียเอง นายกรัฐมนตรี​สวนกลับทันทีว่า อย่าเพิ่งพูดว่าเป็นผู้ทำผิดกฎหมาย ส่วนการออกมาใช้พื้นที่ในการตอบโต้ผ่านสื่อฯ เหมาะสมหรือไม่​ นายกรัฐมนตรี​ ระบุว่า ตนก็ไม่อยากให้ทำ ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากมีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น​ ตนก็ไม่ไว้หน้าอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

Advertisement

นายกฯ จ่อลงพื้นที่ถนนพระราม 2 ด้วยตัวเอง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 29 กุมภาพันธ์ 2567 นายกฯ จ่อลงพื้นที่ถนนพระราม 2 ด้วยตัวเอง หลังโซเชียลทำคลิปล้อเลียนสร้างไม่เสร็จสักที

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ก็เป็นตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แถลงไป แต่ส่วนตัวคิดว่า ขอให้ดูการกระทำดีกว่า เข้าใจว่ามีปัญหา แต่มันก็มีหลายสัญญาด้วย ก็ต้องลงพื้นที่ไปดูอย่างจริงจัง โดยจะลงพื้นที่ด้วยตัวเอง แต่ยังไม่ทราบว่าจะเป็นวันไหน โดยวันพรุ่งนี้ (1 มี.ค.) มีแถลงข่าว “IGNITE THAILAND, AVIATION HUB” วันเสาร์นี้ (2 มี.ค.) ก็ลงพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดร้อยเอ็ด วันอาทิตย์ มีประชุมคณะรัฐมนตรี จากนั้นวันจันทร์ตอนเช้าก็เดินทางไปออสเตรีย

Advertisement

“เทพไท”เย้ย”บิ๊กตู่”คุมตร.เอง โยกย้ายยัง 3 ส.”เส้น-สาย-ส่วย”

People Unity News : “เทพไท”อัด โยกย้ายตร.ไม่เป็นธรรม แม้ “บิ๊กตู่”มาคุมเอง หนีไม่พ้นค่าของคนอยู่ที่คนของใครถ้าไม่อยู่ในระบบ 3 ส.”เส้น-สาย-ส่วย” ก็ไม่ได้รับการดูแล

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ facebook live จากสภากาแฟ ร้านป้าเผี้ยน ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เรื่อง การโยกย้ายตำรวจประจำปีนี้ ว่า การโยกย้ายปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตำแหน่งประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(กตร.) จากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาเป็น พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรีเอง แต่ระบบการโยกย้ายของตำรวจก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม วงจรอุบาทว์ก็ยังไม่สูญหายไป ถ้าตราบใดยังไม่มีการปฎิรูปตำรวจอย่างจริงจัง คำว่า “ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร” ยังใช้ได้มาทุกยุคทุกสมัย

นายเทพไท กล่าวต่อว่า สำหรับการโยกย้ายประจำปีนี้ กระแสข่าวการซื้อขายตำแหน่งมีลดน้อยลง แต่ระบบเด็กเส้น เด็กนายยังคงมีอยู่ให้เห็นในหลายตำแหน่ง ตำรวจคนใดไม่อยู่ระบบ 3 ส. คือ เส้น-สาย-ส่วย ก็จะไม่ได้รับการดูแล โยกย้ายไปสู่ตำแหน่งที่ดีกว่า ตำรวจที่ไม่มีเส้นว่าเป็นเด็กของใคร ไม่มีสายงานที่ผู้บังคับบัญชาช่วยเหลือ ไม่มีการส่งส่วยให้กับนาย ก็ไม่มีโอกาสเจริญเติบโตในหน้าที่ราชการตำรวจ เป็นสัจธรรมในวงการตำรวจจริง แม้มีการเรียกร้องให้มีการปฎิรูปตำรวจโดยใช้มาตรา44 ตามคำสังของ คสช. แต่ก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง อย่าหวังว่ายุครัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะปฎิรูปตำรวจได้สำเร็จ

นายเทพไท กล่าวต่อว่าถ้าดูจากคำสั่งบัญชีโยกย้ายตำรวจระดับ รอง ผบก.-ผกก.ประจำปีนี้แล้ว ยังคงมีปัญหาอยู่ในหลายตำแหน่ง ที่โยกย้ายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอยกตัวอย่าง คำสั่ง ตร.ที่ 675/2562 ลำดับที่104 กรณี พ.ต.อ.คมสัน พฤศวานิช ผกก.สภ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ย้ายไปเป็น ผกก.สภ.กะเปอร์ จ.ระนอง ซึ่งเป็นการโยกย้ายลดระดับของนายตำรวจคนนี้ลงไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่เป็นตำรวจน้ำดี มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ได้รับโล่รางวัล และเกียรติบัตรในการทำงานมากมาย เคยเป็น ผกก.สภ.ทุ่งสง ได้พัฒนาโรงพักเป็นโรงพักดีเด่นระดับประเทศ เคยได้รับคำชมจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.คนปัจจุบัน และผู้บังคัญบัญชาทุกระดับที่ได้มาเยี่ยมชม หลังจากนั้นก็ถูกย้ายจาก สภ.ทุ่งสง ซึ่งเป็นโรงพักชั้นหนึ่ง ไปอยู่ สภ.บางขัน โรงพักชั้น3 มาปีนี้ถูกย้ายไปอยู่ สภ.กะเปอร์ จ.ระนอง ไกลจากพื้นที่เดิมมาก ทำให้เขามีปัญหาการเดินทางหรือดูแลครอบครัว และลูกยังเล็กต้องเรียนหนังสือที่ จ.นครศรีธรรมราช การโยกย้ายในครั้งนี้ถ้าไม่ได้รับการเยียวยา ครั้งหน้ามีโอกาสถูกย้ายไปถึงพม่าอย่างแน่นอน

“ผมจึงขอเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ตำรวจอีกหลายคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ในการโยกย้ายประจำปีนี้ ซึ่งเห็นได้จาก มีการออกคำสั่งถอน-แต่งตั้งนายตำรวจ18นาย ตามคำสั่ง ตร.ที่ 686/2562 ลงวันที่29พฤศจิกายน 2562 จึงเรียนมายัง พล.อประยุทธในฐานะประธาน กตร. และพล.ต.อ.จักรทิพย์ โปรดพิจารณาดำเนินการแก้ไขและทบทวนคำสั่งโดยด่วนหากไม่มีการพิจารณาดำเนินการใดๆผมจะนำไปตั้งกระทู้ถามสดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป” นายเทพไท กล่าว

“ธณิกานต์” ร่วมปักหมุดจุดเผือกสร้างเมืองปลอดภัยสำหรับผู้หญิงเขตบางซื่อ

People Unity News : “ธณิกานต์” ประธานคณะกรรมการนโยบายสตรี พรรคพลังประชารัฐ ร่วมปักหมุดจุดเผือกสร้างเมืองปลอดภัยสำหรับผู้หญิงเขตบางซื่อ

เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2562 น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า “ในฐานะตัวแทนผู้หญิง และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายสตรี พรรคพลังประชารัฐ มีความตั้งใจที่จะสนับสนุนและผลักดันนโยบายด้านความปลอดภัยสำหรับผู้หญิงอย่างจริงจัง วันนี้จึงรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน แคมเปญ #ปักหมุดจุดเผือก ‘Safe Cities for Women เมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง’ ในเขตบางซื่อ ซึ่งได้ลงพื้นที่สำรวจจุดเสี่ยงและปักหมุดแล้วบางส่วน ต่อจากนี้ก็อยากเชิญชวนให้ผู้หญิงเราร่วมด้วยช่วยกัน ส่งเสียง ส่งข้อมูล ปักหมุดพื้นที่ที่ต้องการได้รับการดูแลเพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง ผ่านช่องทาง Line: @traffyfondue๐”

ทั้งนี้จากสถิติ ผู้หญิงไทย 86% เคยถูกคุกคามทางเพศในที่สาธารณะ วันนี้หน่วยงานภาคประชาสังคม อาทิ ActionAid สสส. มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายสลัม 4 ภาค แผนงานสุขภาวะผู้หญิง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และภาครัฐ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กทม. ตำรวจนครบาล จับมือกันดูแลผู้หญิงอย่างเป็นรูปธรรม กับ โครงการ #ปักหมุดจุดเผือก ‘Safe Cities for Women เมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง’

โดยโครงการ ได้นำ concept เมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง มาบวกกับ technology และพัฒนา platform โดยทีม Nectec สร้าง ai เพื่อเก็บข้อมูลและประมวลผล มี machine learning ช่วยวิเคราะห์แยกแยะข้อมูลที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ โดยความสำเร็จของโครงการขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่จะเข้าถึง platform และร่วม #ปักหมุดจุดเผือก

โฆษณา

“ธนาธร”เปิดใจ! “สมชัย”แนะจับตา 60 ส.ส.ดาบต่อไป

People Unity News : “ธนาธร”เปิดใจหลังพ้นสภาพ ส.ส. ลั่น! ยังเป็นหัวหน้าอนค. การเดินทางยังไม่สิ้นสุด พร้อมก้าวเดินต่อไป “สมชัย”แนะจับตา 60 ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่อไป

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เปิดใจครั้งแรกหลังศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามทำให้ต้องพ้นจากสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) โดยกล่าวว่า ขอบคุณและซาบซึ้งทุกกำลังใจที่มีให้ ทั้งที่เดินทางมาและที่ให้กำลังใจอยู่ทางบ้านหรือที่อื่นๆ

พร้อมกันนี้ นายธนาธร ยังแสดงความคิดเห็นถึงผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นต่างๆ ด้วย ก่อนที่จะพูดทิ้งท้ายว่า พรรคอนาคตใหม่คือการเดินทาง และการเดินทางยังไม่สิ้นสุดลง ตนเองยังคงเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมที่จะก้าวเดินต่อไป ขอบคุณผู้มาให้กำลังใจพวกเราในวันนี้

“สมชัย”แนะจับตา 60 ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่อไป

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก“สมชัย ศรีสุทธิยากร”ถึงกรณีธนาธร โดยระบุว่า 1.การพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.2562 หมายความว่า ธนาธร มีสถานะเป็น ส.ส. เป็นเวลา 2 เดือน นับแต่วันเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. 2562 ดังนั้น เงินเดือนและสิทธิประโยชน์ในช่วง 2 เดือนนั้น ยังคงเป็นไปตามสิทธิ 2.หลังวันที่ 23 พ.ค. 2562 หากได้รับสิทธิประโยชน์ใด ต้องคืนให้แก่ราชการ 3.ศาลรัฐธรรมนูญ มิได้ตัดสิทธิการเมืองใด ดังนั้น การทำหน้าที่หัวหน้าพรรค และ กรรมาธิการวิสามัญ จึงยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ 4.คุณสมบัติที่ขัดต่อการสมัครเป็นผลต่อการสมัครครั้งที่ผ่านมา หากมีการสมัครครั้งใหม่ และได้แก้ไขเรื่องคุณสมบัติแล้ว สามารถกลับมาสมัครได้ 5.ความต่อเนื่องในเรื่องนี้ คือ คดีอาญาที่ กกต. ต้องดำเนินการต่อ ตามมาตรา 151 ของ พรป.ส.ส. สำหรับผู้ที่รู้ตัวว่าขาดคุณสมบัติแต่ยังสมัคร ซึ่งโทษอาญา มีทั้งจำคุก และตัดสิทธิในการเลือกตั้งถึง 20 ปี 6.ท่อนคำวินิจฉัยที่น่ากลัวที่สุด คือ ” หากยังมีสถานะเป็นบริษัทที่จดแจ้งว่าทำสื่อ แม้ปัจจุบันไม่ทำสื่อ ก็มีโอกาสทำได้ ก็ถือเป็นสื่อ” ดังนั้น อีกกว่า 60 ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่มีบริษัทที่แม้ไม่ได้ทำสื่อ แต่ในหนังสือจดบริคณห์สนธิระบุว่า สามารถทำสื่อได้ จะถูกบรรทัดฐานนี้ในการวินิจฉัยแบบเดียวกันหรือไม่ฤดูหนาวกำลังมาเยือน Winter is coming-

“โรม”ผิดหวังหดหู่จนมือไม้สั่น-ยากที่จะรับได้

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พ้นจากความเป็น ส.ส.โดยระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง และยากที่จะยอมรับ ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณธนาธรได้เคยพูดเอาไว้ “ถ้าถามผมว่าผมผิดอะไร คำตอบคือ มันไม่ใช่เรื่องหุ้นสื่อ แต่ความผิดของผม คือการต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช.”

ผมหดหู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นจนมือไม้สั่น และยิ่งเมื่อมองย้อนกลับไปถึงสิ่งที่คุณธนาธร ได้เสียสละและทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ในการเข้ามาทำงานการเมือง แต่กลับไม่สามารถเข้าไปทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ ยิ่งน่าเศร้าใจ หนทางนี้ไม่ง่าย ตั้งแต่เราเลือกเดิน ขวากหนามและอุปสรรคคือสิ่งที่สามารถคาดคะเนได้ในยุคสมัยที่ความหวังและอนาคตถูกสกัดกั้นทุกวิถีทาง อย่างไรก็ตามสำหรับคนชื่อธนาธร ไม่ว่าในนามของคนที่ผมเรียกว่าหัวหน้า หรือเรียกว่าพี่เอก เราจะร่วมเดินกันต่อไป ถึงไม่ได้เป็น ส.ส. ก็ยังเป็นนายกฯ ได้นะพี่เอก

“ช่อ”ทวีต”ธนาธร”พ้นส.ส.อนค.เดินหน้าต่อ

นางสาวพรรณิการ์ วานิช โพสต์ข้อความผ่านทวีตเตอร์ส่วนตัว “Pannika Wanich” โดยมีข้อความว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายธนาธร พ้นจากตำแหน่งส.ส.เนื่องจากมีคุณลักษณะต้องห้าม เป็นผู้ถือหุ้นสื่อ อนาคตใหม่ยังเดินหน้าต่อ ธนาธรยังเป็นหัวหน้าพรรคและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี

และต่อมาโพส์เพิ่มเติมว่า ….แม้สิ้นสภาพ ส.ส. แต่ #ธนาธร ยังคงเป็นหัวหอกทีม #อนาคตใหม่ เตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์ ใครมีเบาะแสการทุจริต ใช้อำนาจในทางมิชอบของรัฐบาล ส่งมาที่ whistle@futureforwardparty.org

“สิระ”กัน”ธนาธร”นั่ง กมธ.งบฯปี63 ยื่น”ชวน-กมธ.งบฯ-ศาลรธน.”ชี้ขาด

People Unity : “สิระ”ยื่นหนังสือ ปธ.ชวน-กมธ.งบฯชี้ขาดคุณสมบัติ “ธนาธร” นั่ง กมธ.งบประมาณปี2563 หวั่นกระทบการพิจารณากฎหมายเพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ ขณะช่วงบ่ายเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

วันที่ 24 ต.ค.2562 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายแทนคุณ จิตต์อิสระ คณะทำงานประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ตรวจสอบกรณีที่พรรคอนาคตใหม่เสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นกรรมาธิการ

นายสิระ กล่าวว่า ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ได้เสนอชื่อ นายธนาธร เป็นกรรมาธิการโดยอ้างว่า เป็นบุคคลภายนอกซึ่งคณะกรรมาธิการดังกล่าวมี 64 คน โดยมีรายชื่อนายธนาธร อยู่ในลำดับที่18 แต่ส่วนตัวเห็นว่า นายธนาธร มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม ตามข้อเท็จจริงของกฎหมาย ดังนั้นจึงขอยื่นหนังสือจำนวน 3 ฉบับ คือ หนังสือถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญฯทั้งคณะ ให้ประชุมและพิจารณามีมติห้ามนายธนาธร เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เนื่องจากจะทำให้เกิดความเสียหายตามมา

อีกทั้งยังจัดทำหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรให้มีคำสั่งให้เรียกประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงมติถอดถอนนายธนาธร ออกจากการเป็นกรรมการวิสามัญฯตามข้อบังคับการประชุม108(5) และมีหนังสือถึงประธานศาลรัฐธรรมนูญให้มีการไต่สวน โดยเรียกนายธนาธร เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขัดคำสั่งศาลที่ห้ามปฎิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวของนายธนาธร เป็นการละเมิดและขัดคำสั่งตามข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562ข้อ40(2)

นายสิระ กล่าวด้วยว่า ในช่วงบ่ายจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลตีความคุณสมบัติของนายธนาธร ว่าสามารถร่วมเป็นกรรมาธิการได้หรือไม่

พาดพิง 2 อดีตนายกฯ! พ่อ “ปารีณา” โอดลูกโดนเล่นแรงเรื่องที่ดิน

People Unity News : “ทวี”พ่อ”ปารีณา” ขอความเป็นธรรม ยันลูกสาวไม่บุกรุกป่าแต่ซื้อต่อจากเกษตรกร โอดลูกโดนเล่นแรงเหตุพูดถึง 2 อดีตนายกฯ

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา นายทวี ไกรคุปต์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และบิดาของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีน.ส.ปารีณาถูกร้องเรียนบุกรุกที่ดินป่าสงวน 1,700 ไร่ว่า ความจริงลูกสาวอยากให้อยู่เฉยๆ แต่เห็นว่าข่าวดังกล่าวสร้างความเสียหายให้ลูกสาวและวงศ์ตระกูล ในฐานะที่ตนเป็นพ่อและรู้เรื่องนี้ดี จึงขอความเป็นธรรม ขอเรียนว่าน.ส.ปรีณาไม่ได้บุกรุกป่าสงวนตามที่ปรากฏเป็นข่าว เขาถือครองที่ดินแปลงดังกล่าวและทำประโยชน์เป็นเวลานานมาก

“สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้เพราะเอ๋เล่นแรง พูดถึงสองนายกฯหนีคดี ติดคุก เสวยสุขต่างประเทศ ลูกน้องติดคุกหัวโต เขากล้าพูด จึงสะท้อนว่าที่โดนร้องเรียนเป็นเกมการเมือง ทำให้เอ๋เสียหาย เป็นการดิสเครดิตกัน จึงขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาวด้วย และ คนที่ร้องก็รู้กันอยู่ว่าเป็นแกนนำของพรรคการเมืองใด เขาไม่ได้บุกรุก เขาเป็นเกษตรกร และไม่ใช่เกษตรกรเถื่อน” นายทวี กล่าวและว่า

เขาได้มาจากการซื้อต่อเกษตรกรที่ทำประโยชน์อยู่แล้ว เป็นที่ดินปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลัง ปลูกสับปะรด จึงไม่ใช่ผู้บุกรุกใดๆทั้งสิ้น แต่ซื้อตามประมวลกฏหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 แต่มีการอ้างพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2482 ซึ่งเขาไม่ได้นำกฏหมายที่ดินดังกล่าวมาประกอบ จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นในขณะนี้ และที่บอกว่าน.ส.ปารีณาไม่ใช่เกษตรกร และไม่มีคุณสมบัติเป็นเกษตรกรถือว่าทำให้เสียหาย เพราะความจริงเขามีฟาร์มไก่ ฟาร์มวัวมานานแล้ว ถือว่าเป็นปศุสัตว์ ก็คือเกษตรกร จึงไม่เป็นธรรมที่กล่าวหากันแบบนี้

นายทวี กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าที่ดินครอบครองมานาน ได้มาโดยสุจริต ไม่ได้บุกรุก แต่ตอนออกประกาศเป็นที่ดินสปก.เมื่อปี 2537 พื้นที่ตรงนี้ไม่ใช่เขตสปก.เพราะเขาเห็นว่ามีการครอบครองและทำประโยชน์อยู่แล้ว จึงไม่ประกาศให้เป็นสปก. ต่อมาปี 2554 ซึ่งกรมป่าไม้ยกที่ดินบริเวณดังกล่าวให้เป็นสปก. และทางสปก.ก็ประกาศเป็นเขตปฏิรูปในปีเดียวกัน แต่เราได้ทักท้วงไปแล้ว เพราะในพื้นที่ดังกล่าวได้ทำประโยชน์ทางปศุสัตว์ก่อนปี 2554 อยู่แล้ว จึงถือว่าเราครอบครองตามสิทธิ์ เราไม่ได้หัวหมอ เพราะทำปศุสัตว์ตั้งนานแล้ววไม่ใช่สร้างรีสอร์ทเหมือนวังน้ำเขียวที่เป็นการขัดวัตถุประสงค์ในการถือครองที่ดิน หากเห็นว่าน.ส.ปารีณาทำผิด ทำไมไม่แจ้งจับตั้งแต่ตอนนั้น แต่กลับเพิ่งมาเป็นประเด็นตอนนี้ ถือเป็นเกมการเมืองเล่นงานน.ส.ปารีณา นี่คือฤทธิ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อีกทั้งที่ร้องเรียนเรื่องนี้รู้กันอยู่ว่าเป็นแกนนำพรรคการเมืองใด ไม่ใช่ชาวบ้านเป็นผู้ร้อง เพราะเขารู้มานานแล้วว่า น.ส.ปารีณาเป็นเกษตรกร

สหรัฐฯตัด”จีเอสพี”ไทย! เพื่อไทยเย้ย รบ. เจรจาสำเร็จแค่เพียงสั่งซื้ออาวุธ

People Unity : สหรัฐฯตัด”จีเอสพี”ไทย! เพื่อไทยเย้ยรบ. เจรจาสำเร็จแค่เพียงสั่งซื้ออาวุธ ติงรัฐไร้ประสิทธิภาพจัดการสิทธิแรงงาน ชี้เอกชนเคว้งกระทบส่งออกยาว

วันที่ 27 ต.ค.2562 นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส. จังหวัดร้อยเอ็ด เขต 5 ในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP กับสินค้าของไทยคิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 40,000 ล้านบาทว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ รับทราบถึงความเป็นไปได้ที่ไทยจะถูกระงับสิทธิ GSP นี้ ตั้งแต่เป็นรัฐบาล คสช. และได้รับการแจ้งเตือนมาเป็นระยะ แต่กลับไม่มีการแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบอย่างทั่วถึง ไม่มีการศึกษาผลกระทบและจัดเตรียมมาตรการที่จะช่วยบรรเทาปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ จนสหรัฐฯ ประกาศระงับสิทธิดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายยังคงงุนงงต่อกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่น่ากังวลว่าภาคเอกชนจะมีเวลาในการปรับตัวเพียงแค่ 6 เดือนก่อนที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ

การถูกระงับสิทธิ GSP ในครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพและไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากต่างชาติเหมือนที่เคยอวดอ้าง ที่ผ่านมามีกรอบการประชุมในหลายระดับซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ สามารถใช้ในการเจรจากับสหรัฐฯ ได้ แต่กลับล้มเหลวทั้งหมด ทำให้เข้าใจได้ว่า ผลงานเดียวที่รัฐบาลสามารถเจรจาสำเร็จคือ การสั่งซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ

การส่งออกของไทยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาติดลบอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกภายใต้สิทธิ GSP สูงเป็นอันดับ 1 การถูกระงับสิทธิ GSP จะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้แย่ลง เพราะสินค้าไทยหลายรายการอาจถูกประเทศที่ยังได้รับสิทธินี้ใช้ความได้เปรียบในแง่ของราคาเข้ามาแย่งตลาด หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้จะกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะยาว

นอกจากนี้ นางสาวจิราพรยังกล่าวว่า ตนอยากฝากให้รัฐบาลเลิกทำตัวอุ้ยอ้ายทำอะไรก็ไม่เคยทันการ โดยขอให้เร่งออกมาตรการเยียวยาและลดผลกระทบที่สามารถดำเนินการได้จริง ไม่ใช่เพียงมาตรการที่เคยตั้งไว้แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่สามารถทำได้สำเร็จเหมือนหลายกรณีที่ผ่านมา ที่สำคัญรัฐบาลต้องแสดงให้เห็นว่า มีความสามารถในการบริหารประเทศไม่ได้ถนัดแค่สั่งซื้ออาวุธเพียงอย่างเดียว

ตรวจแล้วมีพิรุธ! “พรรณิการ์” ชี้ “มาดามเดียร์” เคยถือหุ้นเนชั่นจริง

People Unity News : ตรวจแล้วมีพิรุธ! “พรรณิการ์” ชี้ “มาดามเดียร์” เคยถือหุ้นเนชั่นจริง – พบยื่นแบบ บมจ.6 เปลี่ยนรายชื่อผู้ถือหุ้นหลังสมัครรับเลือกตั้ง 10 เดือน – ส่งทนายร้อง กกต. ใช้มาตรฐานเดียวกันจัดการ

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา (เกียกกาย) น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กล่าวถึง กรณี น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือ “มาดามเดียร์” ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แจ้งความเอาผิดฐานใส่ร้าย บิดเบือนกับตนเอง กรณีที่เคยแถลงข่าวระบุเคยถือหุ้นสื่อเครือเนชั่น และมีสามีเป็นผู้บริหารรับดับสูงมาก ซึ่งตอนนี้ศาลรับไต่สวนมูลฟ้องแล้วนั้น โดยระบุว่า ทางทีมงานได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้พบว่าน.ส.วทันยาเคยถือหุ้นบริษัทในเครือเนชั่นจริง

ดังนั้น ที่บอกว่าตนเองใส่ร้าย จนให้ทนายไปฟ้องและศาลรับไต่สวนมูลฟ้องแล้วนั้น ถามกลับเมื่อข้อเท็จจริงว่าเคยถือหุ้นเครือเนชั่น และคู่สมรสเป็นผู้บริหารระดับสูงมากดังกล่าว การที่กล่าวหาว่าตนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จะเอามูลฟ้องจากไหน และนอกจากนี้ เราได้พบข้อมูลน่าสนใจด้วย เกี่ยวกับการโอนหุ้นสื่อของคุณวทันยา

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การโอนหุ้นเมื่อเสร็จแล้วต้อง แจ้งสำเนาเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นต่อกระทรวงพาณิชย์ ในบริษัททั่วไปอย่างวีลัค เรียก บอจ.5 ส่วนบริษัทมหาชนอย่างเครือเนชั่น เรียก บมจ.6 กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยล่าสุดว่า การแจ้ง บอจ.5 ต่อกระทรวงพาณิชย์ กรณีหุ้นสื่อบริษัทวีลัค ล่าช้า ถือว่ามีข้อพิรุธว่าจะไม่มีการโอนหุ้นก่อนมีการรับสมัครรับเลือกตั้งนั้น เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2562 หรือหลังการรับสมัครเลือกตั้ง 1 เดือน แต่กรณีการแจ้ง บมจ. 6 คือ สำเนาเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเครือเนชั่นนั้น แจ้งในเดือนกันยายน 2562 คือ 6 เดือน หลังการรับสมัครเลือกตั้ง ซึ่งถ้ากรณีคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีคำถามน่าสนสัยว่าทำไมล่าช้า กรณีคุณวทันยายิ่งน่าสงสัยว่า เหตุใดเครือเนชั่นแจ้งล่าช้าถึง 6 เดือน

“ด้วยเหตุนี้ ได้ให้ทนายความไปยื่นข้อร้องเรียนต่อ กกต. เรียบร้อย ให้ใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับคดีคุณธนาธร ในการตรวจสอบเรื่องนี้เพื่อเอาผิดต่อคุณวทันยา เพราะมีหลักฐานเป็นผู้ขาดคุณสมบัติการลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากถือครองหุ้นสื่อ โดยยึดตาม บมจ.6 และยังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญระงับการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. รวมถึง ขอให้ กกต.ดำเนินการทางอาญาตามมาตรา 151 ต่อคุณวทันยาด้วย ซึ่งโทษสูงสุดคือจำคุก 10 ปี หรือตัดสิทธิ์ทางการเมือง 20 ปี เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน และเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธาณะว่า คดีถือหุ้นสื่อ ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ระหว่างนักการเมืองฝ่ายค้านและรัฐบาล รวมถึงเจตนารมย์รัฐธรรมนูญได้รับการตอบสนอง โดยไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นนักการเมืองฝ่ายผู้มีอำนาจหรือท้าทายผู้มีอำนาจ” น.ส.วทันยา กล่าว

มท.1 ให้นโยบายผ่อนคลายระยะที่ 4 “ต้องช่วยกันทำเพื่อชาติ เศรษฐกิจต้องเดิน คนต้องมีรายได้”

People Unity News : มท.1 มอบนโยบายแนวทางปฏิบัติมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 4 เน้นย้ำ “ต้องช่วยกันทำเพื่อชาติ เศรษฐกิจต้องเดิน คนต้องมีรายได้”

16 มิ.ย.2563 เวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (VCS) เพื่อซักซ้อมแนวทางปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกรุงเทพมหานคร ผู้แทนศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ผู้แทนกรมควบคุมโรค ร่วมประชุม และเป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference ไปยังศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในจังหวัด นายอำเภอ และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ร่วมประชุม

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า วันนี้เป็นการหารือซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติตามข้อกำหนดผ่อนคลายการบังคับใช้บางมาตรการในการป้องกันโรคโควิด-19 ระยะที่ 4 ซึ่งในขณะนี้ สถานการณ์การควบคุมแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ของประเทศไทย ไม่มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นเวลา 22 วันแล้ว ด้วยความร่วมมือกันของทุกฝ่ายทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค รวมทั้งประชาชนคนไทยทุกคน ทำให้เราสามารถควบคุมได้สำเร็จในช่วงที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ ได้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในด้านเศรษฐกิจสูงมาก หลายคนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ยังไม่มีรายได้ ซึ่งระยะต่อจากนี้ถือเป็นช่วงที่สำคัญที่ต้องเตรียมการเพื่อช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชน คือ การท่องเที่ยว และเพื่อให้การเตรียมการรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคตต่อไปเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน จึงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดเตรียมการและเร่งสร้างการรับรู้ความเข้าใจและรณรงค์ให้ประชาชนดำเนินชีวิตด้านเศรษฐกิจและรักษาสุขอนามัยเป็นพื้นฐานสำคัญใน 3 เรื่อง คือ 1) ต้องรักษาสุขอนามัยสูงสุด “อย่าการ์ดตก” สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ รักษาระยะห่างทางสังคม ให้เป็นมาตรการพื้นฐานอย่างเข้มแข็ง 2) การกักกันโรค (Quarantine) ต้องเข้มแข็ง และ 3) รณรงค์ให้ประชาชนและผู้ประกอบการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” ทุกครั้งที่ใช้บริการ ให้เป็นชีวิตปกติแนวใหม่ เพื่อประโยชน์ในการตามสืบสวนโรคได้อย่างรวดเร็วทุกคนต้องช่วยกันทำเพื่อชาติ “เศรษฐกิจต้องเดิน คนต้องมีรายได้”

นายนิพนธ์ บุญญามณี กล่าวว่า ในขณะนี้เริ่มมีการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและชายหาดซึ่งพบว่าบางพื้นที่ยังมีการคัดกรองไม่เข้มงวด จึงขอให้ในแต่ละพื้นที่ได้พิจารณาการจัดตั้งจุดคัดกรองเพิ่มเติม โดยเฉพาะชายหาดที่มีประชาชนนิยมไปพักผ่อนจำนวนมาก และขอให้ทุกจังหวัดส่งเสริมให้ประชาชนได้ทำเศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมให้ประชาชนทำการเกษตรที่สามารถจะเพิ่มผลผลิต สร้างรายได้ในครัวเรือนอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างรายได้ให้ครอบครัวได้

จากนั้น ผู้แทน ศบค. ผู้แทนกระทรวง DES ผู้แทนกรมควบคุมโรค และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ได้นำเสนอแนวทางปฏิบัติและมาตรการการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรอบแนวคิดการผ่อนคลายการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร แนวทางปฏิบัติการผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายที่กำหนด มาตรการควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักรทั้งทางบก/น้ำ/อากาศ การเตรียมความพร้อมเปิดสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น และผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ภูเก็ต และเพชรบุรี ได้รายงานการดำเนินการจัดระเบียบสถานที่ท่องเที่ยวชายหาดและการสร้างการรับรู้กับประชาชน และผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วและจังหวัดตาก รายงานการดำเนินงานพื้นที่ชายแดนและการจัดการศึกษา

นอกจากนี้ ผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้แทนสำนักงบประมาณ ได้ชี้แจงแนวทางการจัดทำโครงการภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และกรอบระยะเวลาดำเนินการโดยทุกจังหวัดต้องส่งรายละเอียดโครงการตามแบบฟอร์มที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมายังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติภายในวันที่ 18 มิถุนายน 2563 เพื่อคณะอนุกรรมการพิจารณารายละเอียดโครงการ และคณะกรรมการพิจารณาผลการกลั่นกรองโครงการของคณะอนุกรรมการ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า ในเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นโอกาสอย่างยิ่งที่ต้องใช้ในการแก้สถานการณ์เศรษฐกิจซึ่งมีผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และผลกระทบด้านอื่นๆ จึงขอฝากให้คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.จ.) พิจารณาให้ดีว่าโครงการที่ขอรับการสนับสนุนเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ในเรื่องการบริหารโครงการต้องเกิดความโปร่งใส และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะใช้เงินงบประมาณนี้ทำให้ประชาชนมีหนทางใช้ชีวิตที่ดีขึ้นในการทำมาหากิน ประกอบอาชีพ สร้างสรรค์สิ่งที่ดี สร้างโอกาสที่ดีต่อไป

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ กล่าวว่า งบประมาณที่ได้รับตามโครงการฯ เป็นงบประมาณที่รัฐบาลได้จัดสรรผ่านช่องทางคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.จ.) โดยส่วนราชการในสังกัดทุกกระทรวงมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนทุกระดับ และองค์กรภาคประชาชนและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน โดยทุกโครงการที่เสนอขอรับงบประมาณต้องเป็นโครงการที่เป็นความต้องการของประชาชนในพื้นที่

Advertising

Verified by ExactMetrics