วันที่ 8 ธันวาคม 2025

โฆษกรัฐบาล เผย “ข้อสั่งการนายกฯ” สั่งทบทวนมาตรการต่อกัมพูชา พร้อมวางแผนดูแลประชาชนชายแดนและเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ

กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการผันน้ำให้รับทราบล่วงหน้าอย่างชัดเจน

12 พ.ย. 68 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี  ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ทหารของไทยประสบอุบัติเหตุจากการเหยียบกับระเบิดเมื่อวานนี้ โดยได้สั่งการไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ยุติการดำเนินการตามปฏิญญาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไว้ก่อน โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ยื่นประท้วงประเทศกัมพูชาแล้ว หากไม่มีการชี้แจงหรือแสดงท่าทีใด ๆ ไทยจะพิจารณายกเลิกปฏิญญาต่อไป หากจำเป็นต้องมีมาตรการทางทหาร ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ตามสมควร แล้วรายงานให้ทราบต่อไป นอกจากนี้ ยังขอให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องทบทวนมาตรการต่าง ๆ ที่เป็นการดำเนินการเกี่ยวกับประเทศกัมพูชา เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จะเสนอ ครม. เกี่ยวกับการปรับปรุงมาตรการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวต่อไป

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ขอให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข เตรียมการซักซ้อมมาตรการอำนวยความสะดวก กรณีมีเหตุจำเป็นสำหรับประชาชน ทั้ง 7 จังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับกัมพูชา และเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ ดูแลโรงพยาบาลต่าง ๆ ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดโดยเฉพาะการปกป้องโรงพยาบาลและการอพยพผู้ป่วยหรือเตรียมแผนการรองรับสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น รวมถึงโรงเรียนและชุมชน หมู่บ้านที่มีความเสี่ยงสูงด้วย

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วม นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานจากนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ช่วง 2 – 3 วันนี้ เป็นช่วง ที่ต้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการระบายน้ำจากเขื่อนหลัก ๆ อย่างเขื่อนภูมิพล ซึ่งการระบายน้ำนี้ อาจจะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ไหลลงมายังภาคกลางและกรุงเทพฯ มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการบริหารจัดการน้ำอาจจำเป็นต้องผันน้ำออกทาง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรมและบ้านเรือนของพี่น้องประชาชนที่อาศัยบริเวณโดยรอบ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สทนช. กรมชลประทานและทางจังหวัด ประสานงานกัน ช่วยแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการผันน้ำให้รับทราบล่วงหน้าอย่างชัดเจน เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวและขนย้ายข้าวของ รวมทั้งเร่งรัดการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากการดำเนินการดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

พร้อมมอบหมายให้นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าทีม ร่วมกับร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแลเรื่องการช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็ว และให้แบ่งหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่กันให้ชัดเจน

นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว เกี่ยวกับข้อห้ามและสิ่งที่สามารถดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง พร้อมกำชับให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างเร่งด่วน

Advertisement

เสกสกล ประกาศงวด 16 มิ.ย.นี้เปิดจุดขายสลากทั่วไทย พร้อมแพลตฟอร์มกองสลาก ไม่เกิน 80 แน่นอน

People Unity News : คณะอนุฯ ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาสลากแพง ประกาศงวด 16 มิ.ย.นี้เปิดจุดขายสลากทั่วไทย พร้อมแพลตฟอร์มกองสลากฯ ไม่มีขายเกิน 80 ดูแลโควตาเข้มไม่มีการเมืองแอบแฝง

8 เมษายน 2565 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล และประธานคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ แถลงผลการประชุม โดยระบุว่า ที่ประชุมมีมติให้เปิดจุดบริการโครงการ สลาก 80 บาท ทั่วประเทศ  จำหน่ายผ่านแอป “เป๋าตัง” 1,000 จุด ไม่มีการขายเกินราคาแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสลากใบเดียวหรือสลากเลขชุด และจะทยอยเปิดครบทุกจุดทั่วประเทศ ในงวดวันที่ 16 มิถุนายนนี้

นอกจากนี้ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะเปิดแพลตฟอร์มซื้อขายสลากออนไลน์ของตัวเอง เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด ซึ่งศึกษามานานแล้ว ต่อไปถ้าประชาชนทั่วไป หรือผู้ลงทะเบียนในระบบซื้อ-จองล่วงหน้า สามารถฝากขายที่แพลตฟอร์มของสำนักงานสลากฯได้ โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายหรือค่าดำเนินการใดๆเพิ่มเติม และสามารถขายเองได้ด้วย ช่วยเพิ่มโอกาสให้ขายได้มากขึ้นเพราะลูกค้าจะมีทั่วประเทศ

ส่วนการตรวจสอบผู้ลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าในโควตา 200,000 รายนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะลงพื้นที่สำรวจและนำข้อมูลผู้จำหน่ายสลากจริงที่จำหน่ายสลากในพื้นที่ของจังหวัด เพื่อนำข้อมูลมาตรวจสอบเปรียบเทียบกับรายชื่อผู้ลงทะเบียนผู้ซื้อ–จองล่วงหน้า เพื่อให้คนที่ขายสลากจริง แต่ไม่ได้รับโควตาและไม่ได้รับสิทธิ เข้ามาสู่ระบบเป็นการดูแล และการคัดกรองจะต้องเป็นไปด้วยความชัดเจนไม่ให้ฝ่ายการเมืองใดเข้ามาแทรกแซง

ส่วนปัญหาการเปลี่ยนมือจนสลากราคาแพงขึ้น นายเสกสกล กล่าวว่า จะมีการแก้ไขเนื้อหาสาระในสัญญารับสลากไปจำหน่าย เพิ่มสภาพบังคับให้มีความเข้มข้นและเกิดความเกรงกลัวมากขึ้น เช่น การล่อซื้อ การตั้งรางวัลล่อจับสำหรับผู้ชี้เบาะแสการขายสลากเกินราคา เป็นต้น คนขายเกินราคาจะเหลือน้อยมาก และจูงใจให้มีการฝากขายผ่านแพลตฟอร์มมากขึ้นเพื่อไม่มีความเสี่ยง รวมถึงกำลังจัดทำกฎหมายเอาผิดนายหน้าซื้อสลากมาขายต่อให้รุนแรงมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว

Advertisement

“ครู กศน.”งง! บรรยายให้ฟัง”หญิงหน่อย”ฟัง โดนย้ายออกนอกพื้นที่เลย

People Unity News : คุณหญิงสุดารัตน์ ประกาศทวงความยุติธรรมให้ครูกศน.บ้านโต้น หลังถูกย้ายออกนอกพื้นที่ เพราะมาบรรยายให้ฟัง ทั้งที่ตั้งใจทำงานให้ประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของตนเอง โดยระบุว่า ทำกันแบบนี้ได้หรือ ข้าราชการที่ทำงานเพื่อประชาชน ต้องถูกกลั่นแกล้ง ทวงคืนความยุติธรรมให้ครูประยุทธ

คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เล่ารายละเอียดสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตนเองได้ลงพื้นที่ตำบลบ้านโต้น อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น เพื่อมาพบกับเกษตรกรกลุ่มเกษตรอินทรีย์ อีสานเขียวบ้านโต้น ที่ทำงานร่วมกันมาหลายปี ในการสนับสนุนพี่น้องที่ปลูกข้าวอินทรีย์ พร้อมทั้งให้กำลังใจ เพราะขณะนี้ ข้าวเปลือกราคาตกต่ำมาก ทั้งที่ปีนี้ ผลผลิตข้าวของชาวนามีปริมาณน้อย จากภัยแล้งและน้ำท่วมภาคอีสาน และยังถูกกดราคาขาย โดยที่รัฐไม่ได้ลงมาเหลียวแลเลย

เกษตรกรกลุ่มเกษตรอินทรีย์ อีสานเขียวบ้านโต้น มีครูประยุทธ ขันหนองโพธิ์ เป็นผู้นำกลุ่ม ซึ่งมีความเข้มแข็ง ปลูกข้าวอินทรีย์คุณภาพ ด้วยความตั้งใจ จนได้รับใบรับรองจากกรมการข้าว เป็นข้าวอินทรีย์ระยะปรับเปลี่ยนเข้าสู่ปีที่ 3

คุหญิงสุดารัตน์ระบุอีกว่า ครูประยุทธ ขันหนองโพธิ์ เป็นหัวหน้า กศน.บ้านโต้น ครูทุ่มเททำงานให้กับชาวบ้าน พัฒนาการขายข้าวด้วยการใช้ช่องทางออนไลน์ นำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างมูลค่าให้กับกลุ่มเกษตรอินทรีย์ของชุมชน ถึงขนาดเคยถูกเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลอีสานทองคำมาแล้ว หน่อยเชื่อว่า ครูมีแต่ความตั้งใจดี ที่จะพัฒนาชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านมีชีวิตที่ดีขึ้น

เกษตรกรกลุ่มเกษตรอินทรีย์ อีสานเขียวบ้านโต้น ได้เข้าร่วมโครงการข้าวสานธรรม ของมูลนิธิไทยพึ่งไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ได้รับซื้อข้าวคุณภาพจากเกษตรกร เพื่อมาจำหน่ายให้ผู้บริโภคในกรุงเทพฯ ได้รับประทานข้าวออแกนิกซ์ ที่ปลอดสารพิษ และยังมีคุณค่าทางอาหารมากมาย โดยปีนี้ ได้ซื้อข้าวจากเกษตรกรกลุ่มนี้ 6,000 กก. เพื่อช่วยให้เกษตรกรขายข้าวได้ในราคายุติธรรม

“แต่หลังจากตนเองกลับมาจากขอนแก่น ก็มีเรื่องให้เศร้าใจ และรู้สึกถึงความอยุติธรรม ที่ไร้เหตุผลอย่างยิ่ง เพราะมีการสั่งย้ายครูประยุทธ ข้าราชการน้ำดี ที่ตั้งใจทำงานพัฒนาชุมชนบ้านโต้นมาโดยตลอด ออกจากพื้นที่ เพียงเพราะมาทำงานกับหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ระบุ

พร้อมยังบอกอีกว่า หลังจากที่ครูประยุทธถูกย้ายออกจากพื้นที่ คุณแม่ของครูซึ่งอายุมากแล้ว ก็ล้มป่วย เพราะเป็นห่วงลูก มิหน้ำซ้ำ เมื่อ ส.ส.บัลลังก์ อรรณนพพร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้นำเรื่องนี้มาหารือในสภา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ครูประยุทธกลับถูกตั้งกรรมการสอบ ทั้ง ๆ ที่ ไม่มีผู้ร้องเรียน หรือหาเหตุผลใด ๆไม่ได้เลย จึงชัดเจนว่านี่คือการเล่นการเมืองสกปรกของนักการเมืองเลวบางคน ที่มุ่งแต่จะใช้อำนาจเพื่อตัวเอง ไม่มองผลประโยชน์ของประชาชน

ท้ายสุด คุณหญิงสุดารัตน์ประกาศว่า ตนเองและทีมเพื่อไทย จะไม่ปล่อยให้คนดีต้องโดนผู้มีอำนาจกลั่นแกล้ง อย่างไร้ความยุติธรรม และขอยืนเคียงข้างครูประยุทธ พร้อมยืนยันว่า ครูมีแต่ความตั้งใจดีเพื่อชาวบ้านเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

“ขอเรียกร้องความยุติธรรมของครูกลับคืนมา นี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นเรื่องการช่วยเกษตรกร ครูไม่ใช่คนของใคร แต่เป็นคนของชาวบ้านและชุมชนค่ะ แล้วทำไม ผู้มีอำนาจต้องย้ายครูประยุทธ นายกฯ ประยุทธ์ ช่วยตอบให้ชัด ๆ ด้วย” คุณฆยิงสุดารัตน์ระบุทิ้งทาย

“ศักดิ์สยาม”ลั่นไม่จ่ายค่าโง่โอปเวลล์ หลังพบพิรุธ 9 ข้อ ชงต่อ DSI เอาผิดแพ่งและอาญา

People Unity News : รมว.คมนาคม แจง กมธ.กฏหมายฯ ลั่นไม่จ่ายค่าโง่โอปเวลล์ 2.4 หมื่นล. หลังพบพิรุธใหม่ 9 ข้อ จ่อชงDSI จัดการเอาผิดแพ่งและอาญา

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงภายหลังเข้าชี้แจงกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาฯ ถึงกรณีการจ่ายค่าชดเชยแก่บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ว่า หลังจากตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม วันที่ 31 กรกฎาคม ได้ตั้งคณะกรรมการศึกษากรณีการจ่ายค่าชดเชยให้บริษัทโอปเวลล์ โดยได้รับข้อมูลจากผู้ที่หวังดีต่อประเทศชาติ เพราะเกรงว่าการจ่ายเงินให้โครงการดังกล่าวไม่น่าจะถูกต้อง และมีข้อพิรุจหลายประการที่หน่วยงานของรัฐไม่นำไปเป็นคู่ต่อสู้คดีที่ผ่านมา

คณะทำงานได้ศึกษารายละเอียดโครงการอย่างรอบคอบ พบข้อพิรุจทั้งหมด 9 ข้อ คือ 1.วันที่ 6 ตุลาคม 2532 รายละเอียดโครงการไม่ตรงตามมติ ครม. 2.วันที่ 16 ตุลาคม 2532 การดำเนินงานของคณะกรรมการฯ รวดเร็วผิดปกติ และให้สิทธิประโยชน์มากกว่าตามหลักการที่เป็นมติ ครม. 3.วันที่ 15 มกราคม 2533 มีการแทรกแซงรายละเอียดโครงการโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น และคณะกรรมการฯ มีการเอื้อประโยชน์ให้โฮปเวลล์-ฮ่องกง 4.วันที่ 31 พฤษภาคม 2533 โฮปเวลล์-ฮ่องกง เสนอเงื่อนไขไม่ตรงตามประกาศของคณะกรรมการฯ 5.วันที่ 6 กรกฎาคม 2533 มีความผิดปกติในการร่างสัญญาสัมปทานและการลงนามในสัญญาสัมปทาน 6.เดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2533 มีการเอื้อประโยชน์ในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และหลีกเลี่ยงการใช้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 28 (ปว.281) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 7.วันที่ 9 พฤศจิกายน 2533 การลงนามในสัญญาสัมปทานไม่เป็นไปตามมติ ครม. 8.วันที่ 4 ธันวาคม 2533 มีการรายงานเท็จต่อ ครม. และ 9.บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย)จำกัด ไม่มีสิทธิได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าทั้ง 9 ข้อ เป็นข้อมูลใหม่ที่จะฟ้องต่อศาลให้สัญญาเดิมเป็นโมฆะเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเงินแผ่นดิน หรือค่าโง่ จำนวน 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะต่อสู้เรื่องนี้จนถึงที่สุด โดยตนได้นำเรื่องดังกล่าวรายงานต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เพื่อให้รับทราบ โดยนายกฯกำชับให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้ศึกษาควบคู่ไปด้วย

ส่วนขั้นตอนในการดำเนินคดี การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ส่งเอกสารทั้งหมดให้กรมพัฒนาธุกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อให้เพิกถอนบริษัทโอปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นโมฆะในการเป็นคู่สัญญาของโครงการฯ ซึ่งมีเวลาพิจารณาภายใน 30 วัน หากเพิกเฉยก็จะร้องศาลปกครองให้มีคำสั่งต่อไป ซึ่งในระหว่างนี้จะไม่มีการบังคับคดีให้ชดเชยค่าเสียหาย ขณะเดียวกันก็เตรียมยื่นเอกสารทั้งหมดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการเอาผิดทั้งทางแพ่ง และอาญา รวมถึงยกเป็นคดีพิเศษ เพราะมีหน่วยงาน และบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะถกวงเงินงบฯ ปี 2567

People Unity News : 4 มกราคม 66 นายกฯ นั่งหัวโต๊ะถกกำหนดวงเงินงบฯ ปี 2567 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต ให้สัญญาจะทำให้สถานะการเงินการคลังมีความมั่นคงในทุกด้าน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ ผอ.สำนักงบประมาณ เข้าร่วม

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นการประชุมเรื่องแผนการเงินระยะปานกลาง รายรับรายจ่ายปีงบประมาณ 2567 และประเมินไปถึงปี 2570 ซึ่งจำเป็นต้องประเมิน เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการวางพื้นฐานการใช้จ่ายงบประมาณ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตอย่างระมัดระวังที่สุด พร้อมขอขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้อง และในโอกาสนี้ขออวยพรปีใหม่ให้กับทุกๆ คนเพราะถือเป็นการประชุมครั้งแรกของปี 2566 ที่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้สถานะการเงินการคลังของเรามีความมั่นคงในทุกๆด้าน และขอให้ทุกคนมีความสุขประสบความสำเร็จทุกประการทั้งชีวิตราชการและเรื่องส่วนตัว

Advertisement

ที่ปรึกษา”ชวน”ยันประชุมนัดพิเศษ 22 พ.ย.ไร้วาระรธน.

People Unity News : ที่ปรึกษา”ชวน”ยันประชุมนัดพิเศษ 22 พ.ย.ไร้วาระรธน. แจงกฎเหล็กไม่ล้วงลูก กมธ. แค่ลดความซ้ำซ้อน อัด จิรายุ อย่ากล่าวหาบิดเบือน “ชวลิต”หวังทุกฝ่ายถอยคนละหลายก้าว ส่งสัญญาณแก้ รธน.สร้างความเชื่อมั่นประเทศ ทางด้าน “อนุสรณ์” ชี้ควบคุมตัวนักการเมืองเรียกปรับทัศนคติ ไม่มีใครว่าพอ กมธ.เชิญมา ปัญหาเยอะ

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การประชุมสภาฯในวันที่ 20-21พ.ย. มีเรื่องรับทราบจำนวน 5 เรื่อง ดังนั้น การพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะทันภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการอภิปรายของส.ส.ในเรื่องการรับทราบที่เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาฯ 5 เรื่อง นอกจากนี้ ยังมีญัตติด่วน เรื่อง การคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบจากการใช้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 จากนั้นถึงจะถึงการพิจารณาญัตติการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นพ.สุกิจ กล่าวว่า การประชุมสภาฯนัดพิเศษวันที 22 พ.ย.เป็นเฉพาะการพิจารณาญัตติทั่วไปที่ค้างอยู่เท่านั้น โดยไม่มีการพิจารณาญัตติที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด

แจงกฎเหล็กไม่ล้วงลูกกมธ. แค่ลดความซ้ำซ้อน

นพ.สุกิจ พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกระเบียบสภาฯด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบสวนหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ พ.ศ.2562

นพ.สุกิจ กล่าวว่า สาเหตุที่มีการการออกระเบียบดังกล่าวเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาฯพ.ศ.2562 ข้อ 90 วรรคสี่และวรรคหกที่กำหนดให้ประธานสภาฯออกระเบียบดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามข้อบ้งคับการประชุมสภาฯที่ว่าด้วยการให้คณะกรรมาธิการสามัญต้องรายงานเรื่องใดๆให้ประธานสภาทราบ ซึ่งข้อบังคับการประชุมสภาฯมาจากความเห็นชอบของที่ประชุมสภาฯ ดังนั้น ระเบียบที่ออกมาจึงไม่ได้เป็นเรื่องการใช้อำนาจของประธานสภาฯโดยตรงแต่อย่างใด เพราะเป็นการดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ การที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระองค์กรอัยการรัฐวิสาหกิจองค์การ มหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ออกมาพูดกล่าวหาประธานสภาฯ จึงเป็นการอ่านข้อบังคับการประชุมสภาฯไม่ครบและไม่รู้ข้อเท็จจริง

“ระเบียบดังกล่าวประธานสภาฯไม่ได้เขียนขึ้นมาเอง แต่ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้ร่างระเบียบดังกล่าวออกมา และไม่ได้เป็นการใช้อำนาจประธานสภาฯในการแทรกแซงแต่อย่างใด อีกทั้งระเบียบลักษณะนี้มีการดำเนินการมาตั้งแต่ ปี 2552 สมัยท่านชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาฯ การรายงานเช่นนี้จะมีประโยชน์ คือ การทำให้ประธานสภาฯได้ทราบว่ามีคณะกรรมาธิการไหนทำงานซ้ำซ้อนกันหรือไม่” นพ.สุกิจ กล่าว

สำหรับกรณีที่นายจิรายุ คัดค้านการประชุมสภาฯในวันที่ 22 พ.ย. เพราะมองว่าเป็นการหลอกให้กรรมาธิการมารายงานเรื่องที่จะทำต่อสภาฯ นพ.สุกิจ กล่าวว่า การที่นายจิรายุกล่าวหาเช่นนั้นไม่ถูกต้อง เพราะการประชุมสภาฯวันที่ 22 พ.ย.เป็นการพิจารณาญัตติที่ค้างการพิจารณาเท่านั้น หากไม่มีการประชุมนัดพิเศษในวันที่ 22 พ.ย.จะทำให้ญัตติดังกล่าวไม่ได้รับการพิจารณาเลย

นายสมบูรณ์ กล่าวว่า การทำงานของสภาฯเวลานี้เริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้น ระเบียบที่ประธานสภาฯออกมานั้นเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาฯ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. โดยขณะนี้มีคณะกรรมาธิการบางคณะได้รายงานประเด็นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการเข้าไปให้ประธานสภาทราบบ้างแล้ว

“วันนี้สภาฯและสังคมต้องการคนที่ดีไปบริหารบ้านเมือง ประธานสภาฯตั้งใจทำงานให้กับประชาชน ขอร้องว่าอย่านำเรื่องนี้ไปบิดเบือนเป็นอย่างอื่น ขอให้คุณจิรายุแสดงความรู้ความสามารถออกมาให้เห็น” นายสมบูรณ์ กล่าว

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของคณะกรรมาธิการต่างๆ ว่า ตนเห็นด้วยและสนับสนุนการออกระเบียบดังกล่าว เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของประธานสภาฯโดยตรง ที่สามารถออกระเบียบเกี่ยวกับกิจการใดๆของสภาผู้แทนราษฎร ภายใต้ข้อบังคับการประชุมสภา นับว่าเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่ง ที่ประธานสภาได้จัดระเบียบการทำงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวของกับกิจการของรัฐสภา เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเป็นการสร้างบรรทัดฐานในการทำงานของระบอบรัฐสภาต่อไป

ผมเชื่อว่านายชวน เป็นนักกฎหมาย แม่นข้อบังคับ จะไม่มีการกระทำความผิดตามมาตรา157อย่างแน่นอน เพราะการออกระเบียบในครั้งนี้ เป็นการออกระเบียบตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อ90 ไม่ใช่การลุแก่อำนาจ หรือทำไปตามอำเภอใจ เพื่อกลั่นแกล้งใครคนใดคนหนึ่ง นับว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะใช้เป็นแบบอย่างหรือแนวทางการทำงานของคณะกรรมาธิการทุกคณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาชุดนี้ มีประธานคณะกรรมาธิการ ที่มาจาก ส.ส.สมัยแรกจำนวนมากถึง11คณะ ซึ่งยังขาดประสบการณ์ในการทำหน้าที่ เพราะไม่เคยนั่งอยู่ในคณะกรรมาธิการมาก่อน ถ้าไม่มีการวางกรอบหรือแนวทางในการทำงานให้เป็นอย่างที่ถูกต้อง ก็จะทำให้การทำงานของคณะกรรมาธิการไม่บรรลุเป้าหมายตามเจตนารมย์ของข้อบังคับการประชุมสภา และรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้

สำหรับสภาชุดนี้ ที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นประธานรัฐสภา ซึ่งเปรียบเสมือนประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ นายชวนได้วางตัวเป็นกลาง และปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมทุกประการ เป็นส.ส.ที่มีอาวุโสสูงสุดในสภา ได้เห็นการทำงานของสภามาเป็นเวลายาวนาน เป็นที่เคารพนับถือของสมาชิกรัฐสภาทุกคน ท่านเป็นเหมือนครูใหญ่ของ ส.ส.ทั้งสภา อยากให้เพื่อน ส.ส.ทุกคนได้ให้ความร่วมมือ และสนับสนุนภารกิจที่สำคัญในขณะนี้ คือการกอบกู้ศรัทธา และเรียกความเชื่อมั่นของรัฐสภากลับคืนมาให้เร็วที่สุด

“ชวลิต”หวังทุกฝ่ายถอยคนละหลายก้าว ส่งสัญญาณแก้ รธน.สร้างความเชื่อมั่นประเทศ

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายยอมรับความจริง เห็นสัจธรรมร่วมกันว่า การมีกติกาบ้านเมือง คือ รธน.ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และออกแบบมาเพื่อให้ระบบการเมืองไม่มีเสถียรภาพ นั้น ในมุมหนึ่งอาจเป็นประโยชน์ในทางการเมืองกับภาคการเมืองกลุ่มหนึ่ง แต่ในภาพรวมของประเทศกลับสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล คือ “ประเทศขาดความเชื่อมั่น” ส่งผลให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจถดถอย ๆ ลงอย่างน่าใจหาย ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และไม่มีทางแก้ไขได้ หากไม่ร่วมมือกันทุกภาคส่วนสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา อย่าไปสงสัยว่า กว่า 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลใช้งบประมาณมากมายมหาศาล แต่ทำไมเศรษฐกิจกลับฝืดเคือง ยิ่งใช้เงินมาก คนจนยิ่งเพิ่มขึ้น ๆ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะประเทศของเราไม่ได้รับความเชื่อมั่น มีแต่การลงทุนภาครัฐเป็นหลัก ประเทศจึงเหมือนกับคนพิการ เดินขาเดียว ไปไม่รอด ไม่มีทางทันเพื่อน และจะถูกทิ้งห่างไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่ได้แก้ที่หัวใจของปัญหา คือ การเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ ให้เป็นการเมืองที่มีเสถียรภาพ

ขณะนี้เป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ภาคส่วนต่าง ๆ เริ่มพูดคุยกันมากขึ้นเกี่ยวกับญัตติขอแก้ไข รธน.ซึ่งรอการพิจารณาอยู่ในสภา ฯ เห็นมีการชิมลางปล่อยชื่อ กมธ.ออกมาบ้างแล้ว มีการให้ความเห็นหลากหลายมุมออกมามากขึ้น ๆ สะท้อนว่าการแก้ รธน.อยู่ในกระแสของสังคมระดับหนึ่งแล้ว ในฐานะที่ผมเป็น ส.ส.เขต ได้ลงพื้นที่ทั้งในเขตตัวเอง และไปในต่างจังหวัดหลายจังหวัด พบว่าปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาที่จมลึกลงไปเรือย ๆ จนยากจะเยียวยา หากทุกภาคส่วนไม่ร่วมมือกันฟื้นสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา

หากรัฐบาล และ ส.ว.ซึ่งเป็นองค์กรตาม รธน.ที่มีส่วนสำคัญว่าจะแก้ไข รธน.สำเร็จหรือไม่ เห็นความเดือดร้อนของประชาชนในปัญหาเศรษฐกิจที่ยากจะเยียวยา แล้วร่วมมือกันกับภาคส่วนต่าง ๆ ส่งสัญญาณที่จะแก้ไข รธน.ให้เป็น รธน.ของประชาชน ผมมั่นใจว่า ความเชื่อมั่นจะฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว เพราะประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานทุกด้านที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้ามีการปรับพื้นฐานทางด้านการเมืองให้มีเสถียรภาพ ประเทศไทยก็ไม่เป็นสองรองใครในภูมิภาคนี้ ผมหวังว่า เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน ประชาชนเดือดร้อนในปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องอย่างยิ่งดังกลาวข้างต้น ความสามัคคีที่ทุกภาคส่วนจะร่วมมือกันสร้างความเชื่อมั่นประเทศจะเกิดขึ้นในการพิจารณาญัตติขอแก้ไข รธน.ในสภา ฯ โดยเร็วที่สุด

“อนุสรณ์”ชี้ควบคุมตัวนักการเมืองเรียกปรับทัศนคติ ไม่มีใครว่าพอ กมธ.เชิญมา ปัญหาเยอะ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกประกาศระเบียบสภาผู้แทนราษฎร ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ ว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ระเบียบดังกล่าว ออกมาภายหลังเกิดปัญหา กรณีกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) ออกหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ถึง 3 ครั้งแล้วไม่มา การออกคำสั่งเช่นนี้ของประธานสภาผู้แทนราษฎร สุ่มเสี่ยงต่อการถูกมองว่าเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงภารกิจตามกฎหมายของคณะกรรมาธิการ และอาจเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พรรคพลังประชารัฐเขาจะปั่นป่วนวุ่นวาย กวนน้ำให้ขุ่นอย่างไร เพื่อหวังจะอุ้มพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร ให้รอด ก็เป็นเรื่องของพรรคเขา แต่ท่านประธาน อย่าไปเกี่ยวแฝกมุงป่า กับเขาเลย ท่านเป็นประธานสภาฯ เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ การดำเนินการอะไร ที่อาจถูกมองว่าอาจตกเป็นเครื่องมือของพรรคพลังประชารัฐ ท่านต้องระมัดระวัง

“5 ปีที่ผ่านมา คณะรัฐประหาร คสช. เรียกนักการเมืองไปควบคุมตัว แล้วบอกกับสังคมว่า เป็นการปรับทัศนคติ ไม่มีใครว่า แต่พอกรรมาธิการซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน เชิญพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร มาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการบ้าง กลับไม่กล้ามา ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา” นายอนุสรณ์ กล่าว

“นิพนธ์”ขอให้ใช้น้ำประปาอย่างประหยัดเพราะทุนมีน้อย

People Unity News : “นิพนธ์”ขอให้ใช้น้ำประปาอย่างประหยัดเพราะทุนมีน้อย พร้อมให้นำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาการบริการกับประชาชน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 พ.ย. 2562 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานเปิดการสัมมนาวิชาการและประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 จัดโดย สมาคมการประปาแห่งประเทศไทย (สปปท.)เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์เพื่อปรับปรุงงานด้านการประปา โดยมีสมาชิก สปปท. ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมจำนวนมาก

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า โลกในยุคปัจจุบันมีความเจริญเติบโตเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ได้ส่งผลกระทบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่อง “น้ำ” มนุษย์ได้นำความก้าวหน้า ทางด้านเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่เข้ามาบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งด้านอุปโภคบริโภคเพื่อใช้ในด้านธุรกิจอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ขณะเดียวกัน ความสะดวกสบายทางนวัตกรรม ทำให้มนุษย์ใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือย โดยขาดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมส่งผลให้ปริมาณน้ำหายากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลนี้จึงได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งจะต้องอาศัยการบูรณาการและความร่วมมือจากหลายฝ่ายร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศขับเคลื่อนไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามแนวนโยบายของรัฐบาล

“สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2563 นั้น จากสถิติย้อนหลังพบว่าปริมาณน้ำในปีนี้มีน้อยกว่าปกติส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในเขื่อนหลัก จึงมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ภัยแล้งเพราะน้ำต้นทุนในการผลิตน้ำน้อยกว่าปกติ แต่ทั้งนี้การประปามีความมั่นใจและยืนยันว่าจะบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนร่วมกันใช้น้ำประปาอย่างประหยัด โดยใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่า และใช้เท่าที่จำเป็น หากทุกคนร่วมมือกันประหยัดการใช้ทรัพยากรน้ำ และเห็นคุณค่าของน้ำอย่างจริงจัง ก็จะสามารถประหยัดน้ำได้เป็นปริมาณมาก” นายนิพนธ์ กล่าว

“เพื่อไทย”คัดเหลือ”อดิศร-ธนิก”ลงเลือกตั้งซ่อมส.ส.ขอนแก่นเขต 7

People Unity News : “เพื่อไทย”แถลงเป็นทางการคัดเหลือ”อดิศร-ธนิก”ลงเลือกตั้งซ่อมส.ส.ขอนแก่น เขต 7

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ที่พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ร่วมแถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต7 ขอนแก่น โดยนายภูมิธรรมกล่าวว่า ตามที่พรรคได้ออกคำประกาศให้ผู้ที่สนใจลงสมัคร ปรากฏมีผู้เสนอตัวทั้งหมด 4 คน คือนายธนิก มาสีพิทักษ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ นายประสงค์ ศรีวัฒน์ นายกเทศมนตรี ต.หนองเรือ และนายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น โดยที่ประชุมได้พิจารณาตัดสินใจเลือกนายธนิกและนายอดิศร โดยจะเสนอชื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับ ประกาศขึ้นเว็บไซต์ ให้คณะกรรมการคัดสรรประจำจังหวัด พิจารณาคัดเลือกอีกครั้ง

จากนั้นจะนำข้อสรุปมาหารือกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้ได้ข้อยุติในวันที่ 21 พ.ย. อย่างไรก็ตาม หวังว่าตัวแทนผู้สมัครของเราจะลงไปช่วงชิงและได้รับชัยชนะ จ.ขอนแก่น เป็นฐานเดิมของพรรค ที่สำคัญนายธนิก นายอดิศร ต่างเคยเป็นผู้แทนและเป็น ส.ส.ขอนแก่นมาแล้ว ในที่ประชุมเสนอให้ทาบทามนายพงศกร อรรณนพพร อดีตรมช.ศึกษาธิการ เป็น ผู้อำนวยการเลือกตั้ง จ.ขอนแก่น ซึ่งส.ส.ทั้งหมดจะช่วยกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ ส.ส.ของพรรคเข้ามาต่อสู้ในสภาฯ อีกครั้ง

“ขอเรียกร้องฝ่ายรัฐวางตัวให้เที่ยงธรรม เป็นไปตามข้อกฎหมาย อย่าใช้อำนาจและกลไกของรัฐให้เป็นคุณเป็นโทษต่อผู้สมัคร ส่วนพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะสามารถได้กำลังใจจากพี่น้องประชาชน และจะได้เข้าไปทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”นายภูมิธรรมกล่าว

นายกฯ ขอบคุณกระแสตอบรับโครงการ Digital Wallet หลัง ปชช.แห่สมัครใช้งานแอป “ทางรัฐ” เพิ่มพรวด

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 29 กรกฎาคม 2567 นายกฯ ขอบคุณกระแสตอบรับโครงการ Digital Wallet หลังประชาชนสมัครใช้งานแอป “ทางรัฐ” เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก

วันนี้ (29 ก.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังการแถลงรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet หรือ โครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ที่กำหนดให้ประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ตโฟน ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567

ทำให้ยอดการสมัครเข้าใช้งานแอปฯ ทางรัฐ ของประชาชน เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากเดิม (ก่อนวันที่ 24 กรกฎาคม 2567) มีจำนวนการใช้งานเฉลี่ยวันละ  50,000-60,000 ครั้ง ขณะที่ปัจจุบัน (ภายหลังวันที่ 24 กรกฎาคม 2567) พบว่ามีจำนวนการสมัครเข้าใช้งานเฉลี่ยถึงวันละ 800,000 – 900,000 ครั้ง ซึ่งมากกว่ายอดการสมัครใช้เดิมกว่า 10 เท่า

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รับทราบยอดการใช้แอป “ทางรัฐ” เพิ่มจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นผลมาจากกระแสตอบรับ ความเชื่อมั่น ความหวังที่มีต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลพร้อมทำงานเพื่อประชาชน เพื่อบรรเทาหนี้สิน แบ่งเบารายจ่าย เพื่อวิถีชีวิตคนไทย ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเพื่อให้เกิดเป็นแรงกระเพื่อม พายุหมุนทางเศรษฐกิจ ที่กลับมาเพิ่มแรงกระตุ้นให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ต่อยอดสู่การวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้ไทยในอนาคตอันใกล้

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลข่าวสารโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต โทรสายด่วน Digital Wallet 1111 (24 ชม.) โดยรัฐบาล โดยกระทรวง DE เตรียมเจ้าหน้าที่รองรับการทำงานของระบบไว้กว่า 500 คน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก แก้ไขปัญหา ตอบข้อสงสัย เรื่องการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต ให้กับประชาชน

Advertisement

นายกฯกำชับข้าราชการ-เจ้าหน้าที่รัฐซื่อสัตย์สุจริต อย่าทำเพื่อพวกพ้องหรือผู้มีอำนาจ

People unity news online : วันที่ 11 มิถุนายน 2560 พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกหน่วยให้ยึดถือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งความพยายามของรัฐบาลทั้งการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้อันดับความโปร่งใสของไทยจากการประเมินขององค์กรต่างๆดีขึ้น เช่น World Justice Project (WJP) International Country Risk Guide (ICRG) รวมถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ IMD เพิ่งประกาศไปเมื่อเร็วๆนี้

“คะแนนการประเมินของแต่ละองค์กรมาจากทั้งสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการและมุมมองของคนทั่วไปโดยเฉพาะนักธุรกิจที่ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีหลายเรื่องที่ประสบความสำเร็จ เช่น การออกกฎหมายจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริต การลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริตอย่างเด็ดขาด การป้องกันไม่ให้มีการให้หรือรับสินบน การลงนามสัญญาคุณธรรมในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เป็นต้น

ท่านนายกฯได้เน้นย้ำว่า ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันเป็นหูเป็นตา ไม่ปล่อยให้เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม โดยยกตัวอย่างกรณีของ ผวจ.กาฬสินธุ์ และข้าราชการในจังหวัดที่ไม่เพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนการทุจริตเรียกเงินช่วยเหลือการสอบวินัยของผู้บริหารท้องถิ่น และได้วางแผนจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในขณะที่กำลังรับเงินจากผู้เสียหายบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อส่งตัวไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย”

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า สังคมมีความคาดหวังอย่างมากว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง ดังนั้น จึงอยากให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติงานเพื่อบ้านเมืองและประชาชนไม่ใช่เพื่อพวกพ้องหรือผู้มีอำนาจ และจะต้องแก้ปัญหาของประเทศที่ต้นเหตุ ด้วยข้อเท็จจริง อย่างมีคุณธรรม

“ท่านนายกฯอยากเห็นคนไทยปรับความคิดใหม่ว่า การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเริ่มที่ตัวเอง เช่น ต้องรู้จักแสวงหาความรู้ พัฒนาตนเอง ไม่นิ่งเฉยต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เมื่อประชาชนเข้มแข็ง ชุมชนแข็งแรง ประเทศชาติก็จะดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องรอความหวังจากนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียว”

People unity news online : post 12 มิถุนายน 2560 เวลา 03.16 น.

 

Verified by ExactMetrics