วันที่ 23 ตุลาคม 2025

“เศรษฐา” ไม่รับเงินเดือนนายกฯ– เบี้ยประชุม บริจาคทุกบาท ให้มูลนิธิต่างๆ

People Unity News : 28 กันยายน 2566 ทำเนียบ – “เศรษฐา” ประกาศ ไม่รับเงินเดือนนายกฯ – เบี้ยประชุม บริจาคทุกบาท ให้มูลนิธิต่างๆ ต่อยอดโอกาสเพื่อกลุ่มเปราะบางในประเทศ ประเดิม ‘มูลนิธิเด็ก’ ที่แรก ย้ำ รัฐบาลต้องมีส่วนช่วยเหลือระยะยาวด้วย

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอส่งต่อเงินเดือน และเบี้ยประชุมของทุกเดือนที่ได้รับจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตลอดการดำรงตำแหน่งให้มูลนิธิฯต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้เปราะบางที่ต้องการการช่วยเหลือ

นายชัย กล่าวว่า นายกฯ มีดำริว่า การให้เป็นเรื่องที่ดี ตามแต่กำลังศรัทธาของแต่ละคน นายกฯ จึงตั้งใจเริ่มที่ตัวเองก่อน ขณะที่รัฐบาลเองมีหลายนโยบายที่พยายามอย่างมากในการมุ่งสร้างประโยชน์สุข  และความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนไทย  โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทำให้เด็กที่มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบ ทั้งยังสามารถได้รับการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งทั้งหมดของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทั้งหมด  หลังจากได้รับมาแล้วรวมเป็นเงิน 125,590 บาทต่อเดือน โดยเป็นเงินเดือนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 75,590 บาท เงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท ขอส่งต่อให้กับกลุ่มที่เปราะบาง ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ทันที แต่สิ่งที่ทดแทนไม่ได้ คือหน้าที่ของรัฐที่ต้องดำเนินการสนับสนุนมูลนิธิต่างๆ เป็นการช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง  ซึ่งทำได้เร็วกว่าการพึ่งระบบของรัฐที่ต้องใช้เวลา เพราะต้องอาศัยการทำผ่าน พ.ร.บ. ต่างๆ ตามกลไกของรัฐสภาในการดำเนินการเพียงอย่างเดียว

นายชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการคัดเลือกองค์กรที่จะได้รับความช่วยเหลือนั้น จะมีทีมงานเป็นผู้กำหนดเกณฑ์ โดยครั้งแรกจะบริจาคให้กับ มูลนิธิเด็ก (FOUNDATION FOR CHILDREN) ช่วยเหลือเด็กด้านปัจจัยพื้นฐาน การดำเนินชีวิตและสวัสดิการต่างๆ ให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมทางร่างกาย สติปัญญา และจิตใจ รวมถึงทางด้านการศึกษา ที่สามารถช่วยให้เด็กเข้าระบบการศึกษาได้อย่างถูกต้องต่อไป อย่างที่แจ้งไว้ การส่งต่อเงินเดือนเป็นเพียงแค่ส่วนแรก ซึ่งนายกฯ พยายามที่จะหาโอกาสไปพบปะพูดคุยกับองค์กรกลุ่มต่าง ๆ เพื่อรับฟังเสียง รับทราบถึงปัญหา และความเดือดร้อนของมูลนิธิที่กำลังเผชิญอยู่ เพื่อที่จะได้หาแนวทางแก้ไขต่อไป

Advertisement

“ประยุทธ์” แจงสภา ชิม ช้อป ใช้ เป็นมาตรการระยะสั้น

People Unity News : นายกรัฐมนตรีแจงชิม ช้อป ใช้ เป็นมาตรการระยะสั้น ชูเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อเตรียมความพร้อมคนไทยสู่สังคมไร้เงินสด

เมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.2563)  เวลา 22.50 น. ณ อาคารรัฐสภา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงแนวทางการบริหารราชการของรัฐบาลด้านเศรษฐกิจที่มีภาวะกดดันจากปัจจัยหลายด้าน และปัญหาความเหลื่อมล้ำว่า ทุกข้อเสนอแนะรัฐบาลจากทุกภาคส่วนในด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีพร้อมนำไปพิจารณา แต่สิ่งสำคัญก็คือวิธีการ กฎหมาย และกลไกต่างๆ ยังมีปัญหาอยู่พอสมควร ขณะนี้กำลังดำเนินการในเรื่องของ East West  Corridor และ North–South Corridor เพื่อประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง แต่ถ้าหากเราแตกความสามัคคีและไม่พร้อม ประเทศต่างๆก็จะไปใช้เส้นทางอื่นๆแทน วันนี้ประเทศไทยก็มีการเชื่อมโยงเศรษฐกิจไปยังประเทศต่างๆ ทั้งจาก ACMECS และ CLMVT  เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าชายแดน รวมถึงการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวระหว่างกัน รวมทั้ง การใช้ Thailand-Plus- One เป็นศูนย์รวมกระจายสินค้า

สำหรับมาตรการชิม ช้อป ใช้ นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น จะได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชี้แจ้งรายละเอียดอีกครั้ง รวมไปถึงเรื่องของพลังงาน ไฟฟ้า น้ำมัน ภาษี ก็ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อไป

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการเตรียมความพร้อม ซึ่งการใช้  G-Wallet หรือกระเป๋าเงินออนไลน์ ในระยะเริ่มแรกอาจจะยากบ้าง แต่เมื่อใช้บ่อยก็จะทำให้ทำได้คล่องขึ้น ตรงนี้จะเป็นการสร้างแรงจูงใจเตรียมการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดหรือการใช้ดิจิทัลเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวก็เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

โฆษณา

“บิ๊กตู่”นำครม.สัญจรราชบุรี-กาญจนบุรี นมัสการเจ้าอาวาสวัดโชติทายการาม

People Unity News : “บิ๊กตู่” ครม.สัญจรราชบุรี-กาญจนบุรีครั้งแรก พร้อมเยี่ยมชมร้านค้าริมคลองดำเนินสะดวก และนมัสการเจ้าอาวาสวัดโชติทายการาม พบปะประชาชน

วันที่ 11 พ.ย.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยคณะ ออกเดินทางจากสนามบินเฮลิคอปเตอร์ พล.ม 2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ ไปยังค่ายบุรฉัตร ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง จ.ราชบุรี โดยนั่งเฮลิคอปเตอร์ตรวจภูมิประเทศ เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์โครงการทางหลวงแนวใหม่เชื่อมต่อสามแยกวังมะนาว – บรรจบทางหลวงหมายเลข 3510

หลังจากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะรัฐมนตรี ลงพื้นพบประชาชนกว่า 4,000 คน ที่ อาคารโรงยิมเนเซี่ยมองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี เพื่อมอบหนังสืออนุญาตที่ดินทำกินให้ชุมชน โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำงานมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเรื่องที่ดินทำกิน เรื่องป่าไม้ และการดูแลรับมือผู้สูงอายุในอนาคต ส่วนการลงทุนในอนาคตต้องดูเรื่องสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย และสิ่งสำคัญที่สุดคือการศึกษา ที่ไม่ใช่แค่ในห้องเรียนเท่านั้นแต่ต้องศึกษาตลอดชีวิต เพราะปัจจุบันโซเชียลมีเดียเข้ามาเป็นจำนวนมาก ที่ทุกคนมีสิทธิ์จะโพสต์หรือด่าใครก็ได้ เพราะนั่นคือประชาธิปไตย แต่อยากให้คิดไต่ตรองประกอบด้วยเพราะอาจผิดกฎหมาย ซึ่งส่วนตัวห้ามใครไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็อยากให้ทุกอย่างเกิดความสงบเรียบร้อย และทุกวันนี้มีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งตนเองก็มาจากการเลือกตั้ง ส่วนที่ผ่านมาก็คนละเรื่องกัน เมื่อมาเป็นหัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้า ครม. ต้องทำให้ทุกพรรค และต้องนำทุกเรื่องที่หาเสียงมาพูดคุยก่อนนำมาหารือใน ครม. ไม่ใช่ทำแต่พื้นที่ของรัฐบาล แต่ต้องทำให้พื้นที่อื่นด้วย เพราะเป็นคนไทยและทุกพื้นที่ต้องได้ประโยชน์จากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

พร้อมขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันแก้ไขปัญหาให้ประชาชน อย่าขัดแย้ง แต่นิสัยคนไทยก็ชอบเชียร์มวย ไม่ว่าใครแพ้หรือชนะก็ขอเชียร์ไปก่อน ส่วนชิมช้อปใช้ก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่อย่างน้อยก็มีการซื้อขายในพื้นที่ ที่รัฐบาลต้องการเงินกระจายในพื้นที่ไม่ได้อุดหนุนคนรวย หรือทำเพื่อใคร และหลายคนก็มีความสุข และ 5 ปีที่ผ่านมาก็ปฏิรูปหลายเรื่อง หากไม่เกิดความขัดแย้งก็ไม่เรียกว่าเป็นการปฏิรูป แต่ประเทศไทยจะต้องเป็นหนึ่งเสมอ ส่วนการลงพื้นที่ครั้งนี้ก็ต้องใจมาพูดคุยกับประชาชนเพราะนี่คือบ้านของตนเองเช่นกัน

ทั้งนี้ ภายหลังจากพูดคุยกับชาวบ้านแล้วนายกรัฐมนตรียังได้ไปทักทายกับนักเรียนโรงเรียนเบญจมราชูทิศราชบุรี ที่มาเกาะหน้าต่างห้องรอรับและส่งเสียงเชียร์นายกรัฐมนตรี ให้นักเรียนตั้งใจเรียนเพราะเวลาเรียนมีน้อยอยู่แล้ว และขอให้เลือกเรียนในสาขาที่มีงานทำ ขณะที่นักเรียนบอกว่าจะรับปากว่าจะตั้งใจเรียน และขอให้ลุงตู่มินิฮาร์ท เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาคูคลอง โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวทางน้ำ “วิถีคลอง วิถีไทย” การท่องเที่ยววิถีเกษตร สะท้อนประวัติศาสตร์ และแวะสักการะพระประธาน (หลวงพ่อลพบุรีราเมศร์) และนมัสการเจ้าอาวาส วัดโชติทายการาม ณ พระอุโบสถ

กระทั่งเวลา 11.45 น. กำหนดการนายกรัฐมนตรี เตรียมลงเรือจากท่าเรือวัดโชติทายการามไปยังตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก ตำบลดำเนินสะดวก อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เพื่อเยี่ยมชมร้านค้าเก่าแก่ริมคลองดำเนินสะดวก และพบปะประชาชน จากนั้นเตรียมเดินทางไปสนามกีฬาเทศบาลเมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี

อย่างไรก็ตาม ประชาชนไม่พลาดจับตาดูทะเบียนรถนายกรัฐมนตรี ที่นั่งลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี โดยเฉพาะบรรดาคอหวยไม่ลืมใช้มือถือถ่ายภาพทะเบียน คือ กน 1122 ราชบุรี ซึ่งหลายคนตั้งใจมาถ่ายภาพไว้ เพื่อนำไปเสี่ยงโชคประจำงวดวันที่ 16 พ.ย. ที่กำลังจะมาถึงนี้

นายจ้างอยูไหน! ส.ส.อนค.รุดให้กำลังใจแรงงานกว่า 350 ชีวิตถูกลอยแพ

People Unity News : ตามหานายจ้าง! กว่า 350 ชีวิตถูกลอยแพ ปมไม่โอนย้าย-เปลี่ยนไปบริษัทใหม่ ร้อง “หม่อมเต่า” ช่วย “อนาคตใหม่ ปีกแรงงาน” รุดให้กำลังใจ

เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2562 ที่กระทรวงแรงงาน กลุ่มลูกจ้างบริษัทเกี่ยวกับแฟชั่น สาขาบางพลี จ.สมุทรปราการ ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หลังจากนายจ้างไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน 2541 (ฉบับแก้ไขปรับปรุง 2562) ว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงนายจ้าง โดยจากการสอบถามทราบว่า บริษัทได้โอนย้ายพนักงานที่บางพลีไปยังบริษัทใหม่ รวมถึงให้บริษัทใหม่เช่าสถานที่

ทั้งนี้ มีลูกจ้างบางส่วนยินดีโอนย้ายไปทำงานกับบริษัทใหม่ แต่อีกกว่า 350 คน ไม่ประสงค์ที่จะย้าย และยืนยันที่จะทำงานกับบริษัทเดิม โดยทวงถามความชัดเจนตั้งแต่มีการเริ่มโอนย้าย แต่ไม่มีคำตอบว่าจะให้ปฏิบัติงานที่ไหนและสภาพการจ้างอย่างไร นัดไกล่เกลี่ยหลายครั้งแต่นายจ้างไม่มา กระทั่ง 28 ตุลาคม โรงงานที่บางพลีไม่ยอมให้เข้าโรงงาน เนื่องจากเป็นพื้นที่ของบริษัทใหม่ นายจ้างแจ้งผ่านเจ้าหน้าที่รัฐว่าจะติดต่อกลับมาในวันที่ 29 ตุลาคม แต่สุดท้ายก็ไร้วี่แวว ลูกจ้างทุกคนที่ไม่ได้โอนย้าย ไม่มีที่ทำงาน หาตัวนายจ้างไม่เจอ จึงเดินทางมาที่กระทรวงแรงงาน เพื่อยื่นหนังสือให้รัฐมนตรีรีบแก้โดยเร่งด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อเสนอที่ยื่นถึง ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คือ 1. หาตัวนายจ้างมาให้ได้ 2. ขอความชัดเจนว่าจะทำธุรกิจต่อหรือจะเลิกทำธุรกิจ โดยกลุ่มลูกจ้างกว่า 350 คน ที่ไม่ได้โอนย้ายไปบริษัทอื่น จะมีมาตรการอย่างไร ให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน เนื่องจากทุกคนกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่มีที่ทำงาน และนี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่ลูกจ้างโดนละเมิดสิทธิแรงงาน จนนำมาสู่การโดนยกเลิกสิทธิทางภาษี GSP ที่เป็นข่าวอยู่ปัจจุบัน

ทั้งนี้ นายสุนทร บุญยอด กรรมการบริหารปีกแรงงาน พรรคอนาคตใหม่ รวมถึง น.ส.วรรณิภา ไม้สน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนปีกแรงงาน และ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. เขตบางขุนเทียน และรองโฆษกพรรค ได้เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มลูกจ้างที่มายื่นหนังสือดังกล่าวด้วย

“ไพศาล”ชี้ไทยไม่ต้องกลัวสหรัฐตัดสิทธิGSPเข้ากลุ่มเซี่ยงไฮ้จบ

People Unity : “ไพศาล พืชมงคล” กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี ชี้ไทยไม่ต้องกลัวสหรัฐตัดสิทธิGSPเข้ากลุ่มเซี่ยงไฮ้จบ

วันที่ 26 ต.ค.2562 นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรอง นายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก“ Paisal Puechmongkol” ถึงกรณีสหรัฐฯ ตัดสิทธิจีเอสพีไทย ระบุว่า ถ้าไทยเข้ากลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ก็ไม่ต้องกลัวได้รับผลกระทบใดๆ จากเรื่องแบบนี้อีกต่อไปมิฉะนั้นระบบเศรษฐกิจไทย และการค้าต่างประเทศไม่มีวันที่จะมีเสถียรภาพและความมั่นคงได้เลย เว้นแต่จะยอมเป็นเมืองขึ้นแบบบางประเทศข้อกล่าวหาแบบนี้จะกล่าวหากันได้ทุกวัน

ปลดกระท่อมออกจากยาเสพติด มีผล 24 ส.ค.นี้ ปล่อยตัวผู้กระทำผิดพืชกระท่อมทันที 1,038 คน

People Unity News : โฆษกรัฐบาลเผย พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ ปลดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษมีผล 24 สิงหาคมนี้ ผู้กระทำผิดกรณีพืชกระท่อมได้ปล่อยตัวทันที 1,038 คน

22 สิงหาคม 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2564 ซึ่งจะมีผลวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เป็นการปลดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ ทำให้ประชาชนสามารถปลูกและขายได้ รวมทั้งมีการปล่อยผู้กระทำความผิดตามกฎหมายพืชกระท่อมในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 จำนวน 1,038  ราย โดยถือว่าไม่เคยกระทำความผิด สำหรับผู้ถูกจับกุมหรือจำเลยในชั้นต่างๆ จะได้ดำเนินการตามแนวทางการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปล่อยตัวผู้กระทำความผิดและผู้ต้องขังคดีความผิดเกี่ยวกับพืชกระท่อมต่อไป

เบื้องต้นภาครัฐจะได้รับประโยชน์เมื่อมีการปลดกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ สามารถลดค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของภาครัฐและผู้ต้องหาหรือจำเลย  1,691,287,000 บาท  โดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (ทีดีอาร์ไอ) ศึกษาพบว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลเท่ากับ 76,612 บาท ซึ่งคดีข้อหาพืชกระท่อมที่ขึ้นสู่ศาลตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 – 30 มิถุนายน 2564 มีอยู่ถึง  22,076 คดี

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยังกำชับให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เร่งสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนทราบถึงข้อกฎหมายว่า ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2564 ประชาชนสามารถปลูกและบริโภคกระท่อมตามวิถีชาวบ้าน รวมทั้งยังซื้อหรือขายใบกระท่อมโดยไม่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากมีการนำไปผสมยาเสพติดอื่นๆ  เช่น  4 × 100 เป็นความผิดตามกฎหมาย  สำหรับการนำเข้าหรือส่งออกไปต่างประเทศในเชิงอุตสาหกรรมนั้น ต้องขออนุญาตก่อน

“พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังย้ำถึงการปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระสำคัญเร่งด่วน  โดยเน้นจับกุม ยึดทรัพย์ ลงโทษทางอาญา เครือข่ายผู้ค้า ควบคู่ไปกับบำบัดโดยนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการรักษาที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน ต้องรณรงค์สร้างการรับรู้และภูมิคุ้มกันในกลุ่มเป้าหมายทุกช่วงวัย รวมถึงกลุ่มเสี่ยงที่เป็นแรงงานนอกระบบด้วย” นายอนุชากล่าว

Advertising

อุ่นเครื่องซักฟอก! “อคน.”ชงญัตติชำแหละ”คำสั่งคสช.- ม.44”

People Unity News :  “อนาคตใหม่” วาง 10 ส.ส. ชำแหละคำสั่ง คสช. – ม.44 “ปิยบุตร” ชี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจย้อนหลัง – ปชช.ได้รับผลกระทบวงกว้าง เล็งยื่น กกต. พิจารณาปมจำนวน ส.ส.พึงมี

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคประจำสัปดาห์ โดยระบุว่า ในการเปิดประชุมสภาสมัยที่ 2 มีญัตติสำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณา ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ มีญัตติด่วนขอให้สภาผู้แทนราษฏร ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบ เกี่ยวกับการใช้อำนาจของ คสช. การออกคำสั่งของและการใช้มาตรา 44 ของ คสช. ว่ายังส่งผลกระทบอะไรบ้าง ซึ่งญัตตินี้ ตนเป็นผู้เสนอและวางผู้อภิปรายเอาไว้ 10 คน โดยจะอภิปรายในประเด็นต่างๆอย่างครอบคลุม ตั้งแต่ภาพรวมของประกาศไปจนถึงผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน เสรีภาพของสื่อ ปัญหานโยบายทวงคืนผืนป่า ที่ดิน สิ่งแวดล้อม การศึกษา การแทรกแซงองค์กรอิสระ ซึ่งจะเน้นไปที่ประกาศคำสั่งของ คสช. มิได้เน้นที่ตัวบุคคล อาจเรียกได้ว่าเป็นการอุ่นเครื่องก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนธันวาคมนี้ ที่สำคัญประกาศคำสั่งเหล่านี้ ไม่สามารถโต้แย้งในศาลได้เลย เพราะรัฐธรรมนูญรับรองความชอบด้วยกฎหมายไว้ทั้งหมดแล้ว

“ผมคิดว่าญัตตินี้มีความสำคัญ เพราะในอดีต 5 ปีที่ผ่านมาของ คสช. เราไม่มีสภาผู้แทนราษฎรที่จะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ คสช. ได้อย่างเต็มที่ ครั้งนี้อาจจะเรียกได้ว่า เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คสช. ย้อนหลัง ถึงผลงานในอดีตที่ผ่านมาที่ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงปัจจุบัน และเหตุผลอีกประการหนึ่งคือ ศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฏรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ในวันนี้ บรรยากาศกำลังกลับคืนสู่ระบบปกติ ผู้แทนของราษฏรจึงมีอำนาจ มีความชอบธรรมอย่างเต็มที่ ที่จะกลับมาพิจารณาทบทวนว่า การออกประกาศของ คสช. ไปนั้น มีความถูกต้องชอบธรรมหรือไม่เพียงใด และควรที่จะต้องเสนอทางแก้ไข ยกเลิก หรือเยียวยา ผู้ที่เสียหายต่อไปอย่างไร” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า หากเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏรเห็นชอบให้ตั้ง กมธ.วิสามัญชุดนี้ขึ้นมา จะเป็นไปตามสัดส่วนเดิม พรรคอนาคตใหม่จะได้รับโควต้าประมาณ 6 คน ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่า ในที่ประชุมสภาฯ มีการเสนอว่าอย่างไร ซึ่งจากการที่ได้มีโอกาสปรึกษาเพื่อน ส.ส.จากหลายพรรค มีความเห็นตรงกันว่า เราควรต้องพูดเรื่องนี้ เพราะพวกเรามาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน อีกทั้งประกาศคำสั่งของ คสช. ไม่ได้กระทบกับกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างถึงพี่น้องประชาชน และยังกระทบถึงข้าราชการบางส่วนอีกด้วย ตนหวังว่าเพื่อน ส.ส.ในสภาฯ จะใช้โอกาสนี้ในการตั้งคณะ กมธ. เพื่อศึกษาในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม กมธ.กฎหมายฯ ที่ตนเป็นประธาน มีความคิดที่จะตั้งอนุกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้ แต่ต้องเรียนว่ามันจะเป็นการทำงานของคณะกรรมาธิการกฎหมายเท่านั้น จึงอยากตั้ง กมธ.ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ส.ส. จากทุกพรรคและเชิญบุคคลภายนอกเข้ามาศึกษาร่วมกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่กว่าที่ กมธ.สามัญ คณะใดคณะหนึ่งจะรับเอาไว้

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า จากการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 จ.นครปฐมในครั้งที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ และนำมาถอดบทเรียนกันภายในพรรค โดยตนได้โทรไปแสดงความยินดีกับหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาตั้งแต่วันเลือกตั้ง และเราไม่ได้ยุ่งกับผู้ที่ได้รับเลือกตั้งตรงนี้ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าขณะนี้พรรคอนาคตใหม่มี ส.ส. 80 ที่นั่ง จากที่ควรมีทั้งสิ้น 81 ที่นั่ง ตามจำนวน ส.ส. พึงมีที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนด ดังนั้น กกต. ต้องพิจารณาแก้ไข ซึ่งโดยหลักแล้วจะต้องนำผู้สมัคร ส.ส. จากบัญชีรายชื่ออีก 1 อันดับมาเป็น ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ที่ตอนนี้ยังขาด ส.ส. พึงมีอยู่ 1 ที่นั่ง

“ในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.) พรรคอนาคตใหม่จะไปยื่นหนังสือให้ กกต. พิจารณาทบทวนการคำนวณ ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ และขอเรียนให้ทราบว่า กกต. ต้องระมัดระวังในการใช้ดุลยพินิจ หากเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ป.อาญา ม.157 นั้น พรรคอนาคตใหม่ในฐานะผู้เสียหาย สามารถยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีไปที่ศาลอาญา แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้โดยตรงแล้ว ตามแนวทางของศาลอุทธรณ์ล่าสุด และหากพบว่าในอดีต กกต. มีการใช้อำนาจหน้าที่ในลักษณะนี้ พรรคอนาตใหม่ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีต่อไป” นายปิยบุตร กล่าว

“พุทธิพงษ์”แถลงจับกุม “Hack Group Line”

People Unity News : “พุทธิพงษ์”แถลงจับกุม “Hack Group Line” หลังจากเปิดศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center)

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แถลงว่า จากการดำเนินการของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) จากสรุปผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมมีจำนวนข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 7,962 ข้อความซึ่งมีข้อความที่ต้องดำเนินการ Verify ทั้งหมดจำนวน 45 ข้อความ โดยแบ่งเป็น ช่องทาง Social Listening Tool ช่องทาง Line Official ช่องทาง Website Manual Social Listening ซึ่งมาจากการแจ้งเรื่องเข้ามาด้วย โดยแบ่งได้ดังนี้ เรื่องยาเสพติด 7.6 % ภัยพิบัติ 13.6 % การเงิน หุ้น 13.6 % ข่าวอื่น ๆ 13.6 % ผลิตภัณฑ์สุขภาพ 21.2 % ความสงบเรียบร้อย และความมั่นคง 15.2 % นโยบายรัฐบาล 16.7 %

ส่วนใหญ่จะพบเรื่องที่เป็นกระแสของสังคม และมีความน่าเป็นห่วงพี่น้องประชาชน คือพบมากที่สุดจะเป็นเรื่องของกลุ่มข่าวผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพที่อ้างการรักษาต่างๆ โดยไม่เคยถูกขึ้นทะเบียนยา แอบอ้างสรรพคุณการรักษาต่างๆ ซึ่งควรให้ประชาชนรับรู้และทราบดังนี้ จากการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย.การขายยาที่ยังไม่ได้รับอนุญาติให้ขายและยังไม่ได้รับอนุญาติให้โฆษณามีความผิด และหากมีการโฆษณาขายยา จะต้องขออนุญาตก่อน พร้อมเตือนผู้บริโภคควรระวังการซื้อยาจากเว็บไซต์ อาจมีการโฆษณาสรรพคุณเกินจริงเพราะเสี่ยงอันตราย

ทั้งอาจได้รับยาปลอม ยาไม่มีคุณภาพ และผลข้างเคียงจากยาอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิติได้ การขายยาต้องได้รับการอนุญาติก่อน เนื่องจากยาไม่ใช่สินค้าทั่วไป ต้องขายในสถานที่อนุญาต การขายยาบนอินเตอร์เน็ตที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าข่ายกระทำความผิด อาจต้องระวังโทษจำคุก 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท และอาจเข้าข่ายผิดโฆษณายาอีก การโฆษณายาโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท ในส่วนนี้ มี พ.ร.บ.ที่ควบคุมอยู่คือ พ.ร.บ. อาหาร และ พ.ร.บ. ยา และการใช้ Social Media เป็นองค์ประกอบการกระทำความผิดตามกฎหมายไทย / กฎหมายนานาชาติ (เชื่อมโยงการใช้งาน/ปรากฏเนื้อหา ข้อความ ภาพเคลื่อนไหว หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านทาง Social Media) อาทิ

(1) การก่อการร้ายสากล / ปัญหาชายแดนภาคใต้ (2) ความรุนแรงสุดโต่ง (3) ยาเสพติด (4) การลามกอนาจาร / เด็กและเยาวชน (5) อาหาร ยา วัตถุอันตราย เครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายและอันตราย (6) การฉ้อโกง หลอกลวงทรัพย์ (7) การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และเครื่องหมายการค้า ภาพยนตร์ เพลง (8) สินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายอื่น (9) ความมั่นคงของประเทศ สถาบันหลักของชาติ (10) ความสงบเรียบร้อยของสังคม / ขัดศีลธรรม จารีต ประเพณีอันดีของไทย เป็นต้น

“โดยการดำเนินงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาข่าวปลอมที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างเน้นย้ำว่าข่าวปลอมที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชนโดยตรง เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติ เศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม ข่าวที่สร้างความแตกแยกในสังคม ข่าวที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสังคมตลอดจนข่าวที่ทำลายภาพลักษณ์ต่อประเทศ และสิ่งที่สำคัญเรายึด code-of-principles ดังนี้ 1. ความเที่ยงธรรมและความปราศจากอคติในการคัดเลือกข่าว 2. ความเป็นส่วนบุคคลกับสิทธิเสรีภาพของการนำเสนอข่าว 3. การขัดกันด้านผลประโยชน์ และผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง 4. ให้ความเป็นธรรมแก่ฝ่ายที่ถูกพาดพิงและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเท่าเทียมกัน 5. สามารถอธิบายกระบวนการการพิสูจน์ การตรวจสอบ แหล่งที่มาของบทความและข้อเท็จจริงต่างๆ ได้ 6.มีความรู้เกี่ยวกับข่าวนั้นๆ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงในด้านต่างๆ ได้อย่างเปิดเผย ซื่อสัตย์ และโปร่งใส และสุดท้าย5. เป็นหน่วยงานที่อิสระ ไม่ขึ้นต่ออิทธิพลของหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ” นายพุทธิพงษ์ฯ กล่าว

และวันนี้ (13 พ.ย. 2562) ในช่วงที่ผ่านมามีการแพร่ระบาดในกลุ่มสนทนาแอพลิเคชั่นไลน์ (LINE) โดยมีผู้ใช้งานนิรนาม เข้ามาในกลุ่มไลน์จำนวนหลายกลุ่มโดยไม่ได้รับเชิญ เมื่อเข้ามาแล้วจะส่งลิงค์เว็บไซต์ลามก แฝงโฆษณา ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหากผู้ใช้งานในกลุ่มไลน์หลงกลคำเชิญชวนกดลิงค์เว็บไซต์ดังกล่าว คนร้ายจะได้ ข้อมูลเข้าถึงกลุ่มไลน์ต่างๆ ของผู้ใช้งานนั้น และจะทำให้คนร้ายสามารถส่งผู้ใช้งานนิรนามเข้าไปยังกลุ่มไลน์ หลายๆ กลุ่มโดยไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งที่ผ่านมามีการแจ้งเตือนการให้ผู้ใช้งานไลน์ให้ระมัดระวังการกดลิงค์และ การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นในช่องทางเพจเฟซบุ๊ก “ชัวร์ก่อนแชร์” ของศูนย์ ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักงานข่าวไทย และเว็บไซต์ของบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ดำเนินการสืบสวนหาตัวคนร้ายกรณีดังกล่าว ซึ่ง บก.ปอท. เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ใช้แอพลิเคชั่นไลน์ (LINE) ในการติดต่อสื่อสารและปฏิบัติงานราชการต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบ มีผู้ใช้งานไลน์นิรนามเข้ามาในกลุ่มไลน์ที่เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ด้วยภายใต้การอำนวยการของ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อ เศรษฐกิจและสังคม , น.อ. สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ,พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. , พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ ผกก.1 บก.ปอท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม

ดำเนินการปฏิบัติการตามล่า “LINE Group Hacker” ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2562 ได้จับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1540/2562 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2562 ได้ที่ซอยบุปผาบุรี แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. พร้อมตรวจ ยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีและส่งของกลางตรวจพิสูจน์เพื่อทำการขยายผลไปยังผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป และต่อมาวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 มีผู้ต้องหามามอบตัวอีก 1 ราย รวมมีผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันทั้งหมด 2 ราย พฤติการณ์ในการคดี: ผู้ต้องหาในคดีนี้ได้นำโปรแกรมสร้างลิงค์ดูดข้อมูลกลุ่มไลน์ เมื่อสร้างลิงค์ ไลน์แล้วและมีผู้ใช้งานกดลิงค์ไลน์ดังกล่าว จะถูกดูดข้อมูลลิงค์เชิญเข้ากลุ่มไลน์ เมื่อผู้ต้องหาได้ข้อมูลลิงค์ เชิญเข้ากลุ่มไลน์แล้ว จะส่งผู้ใช้งานไลน์นิรนามเข้ากลุ่ม และแชร์เว็บไซต์ลักษณะลามก ซึ่งแฝงโฆษณา ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 5 มาตรา 7 มาตรา 12 “เข้าถึงโดย /มิชอบ … กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี Technology Crime Suppression Division มิชอบซึ่งระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ฯ ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศฯ”

มีอัตรา โทษสูงสุด จำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท , มาตรา 11 ความผิดเกี่ยวกับสแปม “ส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ฯ อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข” มีอัตราโทษสูงสุด 100,000 บาท และมาตรา 14(5) “เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามกฯ” มีอัตราโทษสูงสุด จำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนท่านใดเผลอกดลิงค์เว็บไซต์ดังกล่าว ให้ทำการตรวจสอบในแอพลิเคชั่นไลน์ ได้ที่ การตั้งค่า>บัญชีผู้ใช้งาน>อุปกรณ์ที่เข้าสู่ระบบ หากอุปกรณ์ใดที่ท่านไม่เคยใช้งานมาก่อน ให้ทำการออกจากระบบ (Log Out) และหากประชาชนท่านใดพบผู้ใช้งานไลน์นิรนามเข้ากลุ่มไลน์และเผยแพร่ส่งต่อ ข้อมูลลักษณะดังกล่าว ท่านสามารถแจ้งเบาะแสมายัง “ศูนย์ต่อต้านความปลอม” (Anti Fake News Center) ทางเว็บไซต์ antifakenewscenter.com หรือหมายเลขโทรศัพท์ 0 2288 8000 เพื่อจะได้ดำเนินการสืบสวนปราบปรามต่อไป

ครม.มีมติให้ อปท.ปรับปรุงระบบด้านการเงิน ให้ ปชช.ตรวจสอบได้

People Unity News : 15 พฤศจิกายน 2565 ครม.มีมติให้ อปท.ปรับปรุงระบบการกำกับดูแลด้านการเงิน พร้อมให้เปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนตรวจสอบได้

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐและ อปท. รูปแบบทั่วไป เป็นหน่วยรับงบประมาณตามกฎหมายงบประมาณและได้รับงบประมาณอุดหนุนจากรัฐสูง แต่ยังขาดเครื่องมือการตรวจสอบสถานะด้านการคลังและงบประมาณท้องถิ่น ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบและอนุมัติแนวทางเสริมสร้างศักยภาพการคลังท้องถิ่น (แบบประเมินสุขภาพการคลังท้องถิ่น) ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอ เพื่อสร้างเครื่องมือการตรวจสอบสถานะด้านการคลังและงบประมาณท้องถิ่นให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบทั่วไป 7,850 แห่ง นำไปใช้เพื่อปรับปรุงระบบการกำกับดูแลด้านการเงินให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“แบบประเมินนี้ จะตรวจสอบภายใน การควบคุมภายใน และการบริหารจัดการความเสี่ยงตามมาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และพัฒนาให้มีการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนตรวจสอบได้ เพื่อให้ อปท. มีความเข้มแข็งสามารถให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับแบบประเมินสุขภาพการคลังท้องถิ่นจะประเมินตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 โดยใช้ข้อมูลผลการปฏิบัติงานของปีงบประมาณ 2565 โดยจะชี้วัดในด้านต่างๆ 8 ด้าน ประกอบด้วย 1. ด้านรายได้ ประเมินประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ของ อปท. รวมทั้งการใช้นวัตกรรมในการจัดเก็บรายได้ 2. ด้านการเงิน ประเมินประสิทธิภาพในการชำระเงินที่ผ่านหลายช่องทาง สะดวก รวดเร็ว” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า 3. ด้านงบประมาณรายจ่าย ประเมินความสอดคล้องการจัดทำคำของบประมาณประจำปีกับแผนพัฒนาท้องถิ่น ความพร้อมในการดำเนินโครงการ และความสามารถในการก่อหนี้ผูกพัน 4. ด้านการจัดซื้อจัดจ้าง ประเมินความสามารถในการปฏิบัติงานตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐได้อย่างถูกต้องตามระยะเวลา ขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด มีความโปร่งใส และมีการดำเนินการตามข้อตกลงคุณธรรม 5. ด้านการบัญชีและสินทรัพย์ จัดทำรายงานบัญชีและสินทรัพย์ตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐและรายงานต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า 6. ด้านการกำกับดูแลตนเอง ประเมินการควบคุมภายใน การตรวจสอบภายใน จัดทำรายงานการตรวจสอบภายใน และการจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยง 7. ด้านการก่อหนี้ระยะยาว ประเมินความคุ้มค่าของโครงการที่ก่อหนี้ระยะยาวหรือโครงการที่ใช้เงินกู้ว่าสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาท้องถิ่น และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 8. ด้านเงินสะสม ประเมินประสิทธิผลของการใช้เงินสะสมตามวัตถุประสงค์ และรักษาระดับของเงินสะสมเพื่อเสถียรภาพทางการคลัง ทั้งนี้ การมีแบบประเมินนี้ เพื่อการบริการ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ต้องเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนตรวจสอบได้ พร้อมกับสามารถนำไปปรับปรุงระบบการกำกับดูแลตนเองได้

Advertisement

“ธนาธร”มาแล้ว! ฝ่ายค้านงดออกเสียง234! งบฯปี2563″บิ๊กตู่”ผ่านฉลุย 251เสียง

People Unity : ฝ่ายค้านงดออกเสียง 234! งบฯปี2563″บิ๊กตู่”ผ่านฉลุย 251 เสียง ตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาปรับปรุงแก้ไข “อนาคตใหม่” เผยเหตุงดออกเสียงหวังให้โอกาสชั้น กมธ.ลงรายละเอียด “ธนาธร”มาแล้ว! ร่วมทีม กมธ. โควต้าพรรค

วันที่ 19 ต.ค.2562 ที่รัฐสภา หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงก่อนลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านบาทว่า การจัดทำร่างดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่แสดงต่อสภาผู้แทนราษฎร และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างศักยภาพการแข่งขันและศักยภาพคน ให้ความสำคัญกับการบูรณาการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน และมีการกระจายผลประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม สร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรทุกภาคส่วน มุ่งหวังให้มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน

ส่วนข้อสังเกตที่สมาชิกอภิปรายไว้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอฝากให้คณะกรรมาธิการวิสามัญที่สภาแห่งนี้แต่งตั้งขึ้น นำมาประกอบการพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบยิ่งขึ้น ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ตามที่ทุกคนมุ่งหวังไว้ทุกประการ

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เห็นชอบ 251 งดออกเสียง 234

อนาคตใหม่”เผยเหตุ”งดออกเสียงหวังให้โอกาสชั้น กมธ.ลงรายละเอียด “ธนาธร” มาแล้ว! ร่วมทีม กมธ. โควต้าพรรค

ขณะที่น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึง กรณีพรรคอนาคตใหม่มีมติงดออกเสียง ในการรับหรือไม่รับร่าง พ.ร.บ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 โดยระบุว่าในเรื่องของวงเงิน 3.2 ล้านล้าน นั้นเป็นกรอบที่พรรครับได้ ไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่เรามีปัญหาคือเรื่องของรายละเอียดในการจัดสรรงบประมาณ ดังนั้น มติของพรรคจึงเป็นการงดออกเสียงในชั้นรับหลักการ เพื่อจะไปดูรายละเอียดในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) ซึ่งเราจะทำอย่างเต็มที่ ภายใต้ 4 หลักคิดได้เสนอไปแล้วในการอภิปราย คือ 1.ลดงบดำเนินการแล้วเพิ่มงบการลงทุน 2. เปลี่ยนจากงบประมาณและการตัดสินใจอยู่ที่ส่วนกลาง ไปเป็นงบประมาณและการตัดสินใจที่ท้องถิ่น 3. ปรับการลงทุนเมกะโปรเจคเป็นการลงทุนเพื่อคนทุกคน และ 4. ลงทุนกับทรัพยากรมนุษย์โดยสร้างสวัสดิการสำหรับทุกคน โดยในชั้น กมธ. จะนำทีมโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งจะทำงานเรื่องนี้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หากในรายละเอียดไม่มีการปรับปรุงตามที่เราพยายามผลักดันให้เหมาะสมการพัฒนาประเทศ ก็พร้อมที่จะโหวตคว่ำในวาระสุดท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับรายชื่อ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ประกอบด้วย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงษ์วุฒิ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ นายณธีภัทร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ และ นายวีรศักดิ์ เครือเทพ

Verified by ExactMetrics