วันที่ 19 พฤษภาคม 2024

พปชร.ซัดพท.ถล่มชิมช้อปใช้เฟส2แจกเงินย้ำกระตุ้นศก.

People Unity : รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐโต้ฝ่ายค้านหยุดปั่นกระแสดิสเครดิต “ชิม ช้อป ใช้”เฟส 2 บัตรสวัสดิการฯ ยันลงพื้นที่ชาวบ้านนิยมและต้องการให้เดินหน้าต่อ ซัดนั่งวิจารณ์แต่ในห้องแอร์

วันที่ 26 ต.ค.2562 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ หรือ “อ้น” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาวิจารณ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” เฟส 2 ของรัฐบาลว่าเป็นการแจกเงินแล้วหมดไป ไม่ได้สร้างการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนว่า รู้สึกท้อใจกับการทำงานของฝ่ายค้าน ที่ไม่เข้าใจหรือไม่ยอมเข้าใจหลักการ ว่ามาตรการดังกล่าวไม่ใช่การแจกเงินไปเที่ยวเท่านั้น หากแต่เป็นการอาศัยกลไกให้ประชาชนช่วยกันกระจายเม็ดเงินออกไปเพื่อหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจในชุมชนต่างๆ ผ่านการท่องเที่ยว เพราะการเดินทางไปท่องเที่ยวจะไม่ใช่การเที่ยวอย่างเดียว แต่ต้องกิน ต้องใช้ ซึ่งเงินเหล่านั้นก็จะหมุนไปในชุมชน เข้าสู่กระเป๋าของผู้ค้า ผู้ประกอบการต่างๆ และลงไปยังลูกจ้าง พนักงาน ทำให้ฟันเฟืองต่างๆทางเศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนไปได้ โดยชิมช้อปใช้ รอบนี้ไม่จำกัดจังหวัดที่จะใช้จ่ายแต่จะยกเว้นจังหวัดตามบัตรประชาชนเท่านั้น ซึ่งจะช่วยกระจายเม็ดเงินไปได้ทั่วถึงมากขึ้น

ส่วนการเติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ก็เป็นการช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย รวมทั้งยังมีมาตรการอื่นๆ เช่น การขยายเวลาช่วยจ่ายค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อไปอีก 1 ปีพร้อมทั้งคืนภาษี VAT ให้กับผู้มีรายได้น้อยที่ใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 5 เปอร์เซ็นต์โดยรัฐจะเก็บภาษี VATจากผู้มีรายได้น้อยเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ถึงกันยายน 2563 เป็นระยะเวลา 10 เดือน มาตรการต่างๆ มีส่วนช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพในครัวเรือนให้กับประชาชน ช่วยแก้ปัญหาปากท้องได้อีกทางหนึ่ง

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนจากจังหวัดต่างๆสะท้อนความต้องการอยากให้ช่วยแก้ไขปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะการจัดเวทีประชาธิปไตยไทยอิ่ม ไม่ต้องแก้ก็กินได้เลย ซึ่งไปมาแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา จ.กำแพงเพชร และจ.ราชบุรี พบว่าประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจกับมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น เรื่องราวของนางหนูพิน มุ่งลา ชาวบ้านวัดบ้านตะบอง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หนึ่งในผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่อยากให้รัฐบาลดำเนินนโยบายนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ เนื่องจากไม่มีงานทำ ขณะที่สามีรับจ้างได้วันละ 300 บาท พอมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็นำเงินไปซื้อข้าวสาร กะปิ น้ำปลา และสิ่งของต่างๆ ที่จำเป็นได้ กินและใช้ได้ทั้งเดือน

“พรรคพลังประชารัฐ มีเป้าหมายให้ประชาชนยืนได้ด้วยตนเอง แต่ก่อนอื่นต้องช่วยเหลือคนที่ไม่มีกำลังและประคองให้เขาลุกขึ้นได้ก่อน เราลงพื้นที่ไปสัมผัสกับประชาชนในพื้นที่ รับรู้ปัญหาและนำมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อสะท้อนไปยังรัฐบาลให้ออกมาตรการและนโยบายออกมาแก้ไขปัญหา ไม่ได้มัวแต่นั่งวิจารณ์อยู่แต่ในห้องแอร์” น.ส.ทิพานัน กล่าว

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา ตนได้ลงพื้นที่ชุมชนวัดมงคลวราราม และชุมชนใกล้เคียง แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม. โดยจากการลงพื้นที่พบปะประชาชนพบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ทราบรายละเอียดในการลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและโครงการ ‘ชิม ช้อป ใช้’ เฟส 2 ขณะที่บางส่วนคิดว่าโครงการ ‘ชิม ช้อป ใช้’ และโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคือโครงการเดียวกัน หากจะใช้บัตรสวัสดิการต้องเดินทางไปใช้ที่ต่างจังหวัด ซึ่งตนได้ชี้แจงทำความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนแล้วว่าเป็นคนละโครงการกัน พร้อมกันนี้ชาวบ้านแจ้งว่าอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปอำนวยความสะดวกในเรื่องของการทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นอกจากนี้ยังอยากให้หน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือในเรื่องของที่อยู่อาศัยเนื่องจากที่อยู่อาศัยมีลักษณะทรุดโทรม ซึ่งตนยิ่งลงพื้นที่ยิ่งเห็นความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งน่าเห็นใจอย่างมาก ที่น่าเสียดาย คือ ส.ส. ฝ่ายค้าน อาจจะหลงลืมไปว่า ปัญหาเร่งด่วนคือความกินดีอยู่ดีของประชาชน ควรช่วยกันลงมือทำเพื่อประโยชน์ประชาชนมากกว่า

“พรรคพลังประชารัฐ เราพร้อมรับฟังปัญหา ให้การใส่ใจดูและความเป็นอยู่ ปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งตนจะได้นำข้อมูลต่างๆที่ได้รับลงพื้นที่สำรวจอยู่เป็นประจำ ไปรายงานพร้อมหารือต่อพรรคและประสานงานไปยังรัฐบาลเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนต่อไป” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว

“ทิพานัน” แจงรัฐบาลเพิ่มสิทธิบัตรทองให้เพียบ ประชาชนรู้ยัง?

People Unity News : 15 กันยายน 2565 “ทิพานัน” ระบุรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” ยกระดับ “บัตรทองพรีเมียม” อันดับ 1 อาเซียน ลดเหลื่อมล้ำ สะดวก มีคุณภาพ เพิ่มสิทธิรักษาโรคร้ายฟรี ครอบคลุมทุกกลุ่ม

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพประชาชน และการเข้าถึงบริการภาครัฐของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ จึงมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ทำการพัฒนาบัตรทอง หรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้เป็น “บัตรทองพรีเมียม” เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพิ่มคุณภาพและบริการ โดยผู้ถือบัตรทองสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ในโรงพยาบาลรัฐที่เป็นโรงพยาบาลปฐมภูมิทั่วประเทศ นอนโรงพยาบาลโดยไม่ต้องมีใบส่งตัว นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่ ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติได้รับการคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงบริการอย่างปลอดภัย ไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล ภายใน 72 ชั่วโมง หรือพ้นภาวะวิกฤติ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการรักษาพยาบาล สามารถเปลี่ยนสิทธิรักษามีผลทันทีไม่ต้องรอ 15 วัน ผ่านแอปพลิเคชันของ สปสช. หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด สะดวกสบาย ประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและเวลาการเดินทางไปรักษา

“ผู้มีสิทธิบัตรทองในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หลายท่านยังไม่ทราบว่ามีการเพิ่มสิทธิการรักษาและการดูแลด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้นมาก เช่น ได้รับสิทธิในการรักษาโรคร้าย โดยผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทาง และรักษามะเร็งได้ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกที่ ได้รับสิทธิฟอกไตฟรี รักษาโควิดฟรี เพิ่มบริการสำหรับแม่และเด็ก เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การเพิ่มวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก คัดกรองภาวะ Down Syndrome ในหญิงตั้งครรภ์ (อายุไม่เกิน 35 ปี) ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมสำหรับเด็กหูหนวก และการให้บริการแว่นตาเด็ก” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบาง ให้การดูแลและรักษาระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ การรักษาผู้ป่วยติดบ้านหรือผู้ป่วยติดเตียงในชุมชนทุกสิทธิและทุกกลุ่มอายุ แจกผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับการขับถ่าย เพื่อดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยที่มีปัญหากลั้นขับถ่าย จำนวน 3 ชิ้น/คน/วัน ในการลดภาระค่าใช้จ่าย ดำเนินการผ่านกองทุนสุขภาพตำบล เพิ่มการเข้าถึงบัญชียา โรคมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลือง โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี การป้องกันและรักษาโรคเอดส์ด้วยยาต้านไวรัส HIV รวมถึงการเพิ่มสิทธิด้านวัคซีน 5 ชนิด (คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ไวรัสตับอักเสบบี และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ) เป็นต้น

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผู้ถือบัตรทองสามารถรับการบริการสาธารณสุขระบบทางไกล (Telehealth/Telemedicine) และการตรวจทางห้องปฏิบัติการนอกโรงพยาบาล สามารถรับยาที่ร้านขายยาแผนปัจจุบันใกล้บ้าน สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หืด จิตเวช และโรคเรื้อรังอื่นๆ บริการส่งยาเวชภัณฑ์ถึงบ้านทางไปรษณีย์ การใช้กัญชาทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง พาร์กินสัน ไมเกรน จะเห็นได้ว่ารัฐบาลดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะสิทธิต่างๆให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อย เพื่อสร้างความเท่าเทียมทางสุขภาพ

“รัฐบาลมุ่งมั่นยกระดับระบบสาธารณสุขไทยให้ครอบคลุม มีคุณภาพ ทันใจ ทันเวลา ให้พี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้นต่อไป สมกับที่ได้รับการจัดอันดับคุณภาพระบบสุขภาพ ปี 2564 โดย CEOWORLD ให้ได้อันดับ 13 ของโลก เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และเป็นอันดับ 4 ของทวีปเอเชีย โดยได้คะแนนอันดับ 1 ของโลก ด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบสุขภาพ และด้านความพร้อมด้านยาที่มีคุณภาพ ได้คะแนนอันดับ 2 ของโลก ด้านค่าใช้จ่ายต่อคน และได้อันดับ 10 ของโลก ด้านบุคลากรทางการแพทย์และด้านความพร้อมของรัฐ” น.ส.ทิพานัน กล่าว

Advertisement

นายกฯสนับสนุนดัดแปลงรถยนต์ราชการใช้พลังงานไฟฟ้า

People Unity News : 12 มิถุนายน 2566 โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ สนับสนุนหน่วยงานภาครัฐนำร่องพัฒนารถยนต์ราชการมาดัดแปลงเป็นรถพลังงานไฟฟ้า ส่งเสริมแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สนับสนุนการนำร่องพัฒนารถยนต์ราชการดัดแปลงเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้า ส่งเสริมแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สอดคล้องนโยบายรัฐบาลในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ทั้งนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมเปิดตัวรถยนต์ราชการไฟฟ้าดัดแปลงในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ โดยได้พัฒนาต้นแบบยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมยานยนต์แบบเดิมสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมนำรถยนต์ราชการสองคัน คือ รถมินิบัส และรถตู้ ที่สภาพเก่า และใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำให้มีค่าบำรุงรักษาซ่อมแซม รวมถึงยังปล่อยก๊าซเรือนกระจก PM2.5 และไอเสีย มาดัดแปลงเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าที่อยู่ในแบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงาน เปลี่ยนต้นกำลังจากการใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า ทั้งนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมุ่งหวังที่จะนำรถยนต์ราชการไฟฟ้าดัดแปลงมาใช้ในการปฏิบัติราชการ และใช้เป็นรถสวัสดิการรับ-ส่งเจ้าหน้าที่ พนักงาน และบุคลากรในกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังวางแผนถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ และบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง ทำให้เกิดการสร้างอาชีพในการดัดแปลงและการซ่อมบำรุงรักษายานยนต์ไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลงเพิ่มขึ้น

“นายกรัฐมนตรีสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐที่มองเห็นความพยายามในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า สอดคล้องกับแนวทางรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์สามารถเติบโตได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน นอกจากนี้ รัฐบาลมุ่งผลักดันพัฒนาผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือกับเทคโนโลยียานยนต์รูปแบบใหม่ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล และทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต EV ที่สำคัญของโลก” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

พล.อ.ประวิตรเรียกถกบริหารจัดการน้ำและถนน

People Unity News : พล.อ.ประวิตรเรียกประชุมคณะทำงาน มอบนโยบาย การปฏิบัติราชการในภูมิภาค มุ่งเน้นประสิทธิภาพ การจัดการน้ำและถนน เพื่อยกระดับ วิถีชีวิตชาวบ้านที่อยู่ห่างไกล

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม.เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม.ได้เป็นประธานการประชุม คณะทำงานเพื่อมอบนโยบายในการกำกับ และติดตาม การปฏิบัติราชการในภูมิภาค ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร ได้รับทราบความคืบหน้าการปฎิบัติราชการในเขตตรวจราชการ จำนวน 4 เขต (เขต1,7,13,16) รวม 17 จังหวัด พร้อมทั้งได้กล่าวขอบคุณในการปฏิบัติงานที่ผ่านมาเป็นอย่างดี และได้มอบนโยบายให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการดังนี้ ประการแรกให้เร่งรัดติดตามความก้าวหน้าผลการปฎิบัติงาน ตามนโยบายรัฐบาล โดยมุ่งเน้นยุทธศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค ประการที่สองให้จังหวัดดำเนินการช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ประการที่สามให้จังหวัด รายงานผลความก้าวหน้า การเบิกจ่ายงบประมาณในระบบฐานข้อมูลสาระสนเทศ ประการที่สี่ให้พิจารณาโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามบริบทของพื้นที่ และประการที่ห้าให้รักษา วินัย การเงิน การคลัง อย่างเคร่งครัด โดยต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่รัฐและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ

พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำขอให้คณะทำงาน และผู้ตรวจราชการ ทุกคนที่ได้รับการแต่งตั้งจะต้องทุ่มเทในการปฎิบัติหน้าที่ อย่างจริงจัง ด้วยความรับผิดชอบ คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่สำคัญเร่งด่วนได้แก่ปัญหาน้ำแล้งและถนนหนทาง ต้องให้ความสำคัญ โดยมีการประสานงาน กำกับและติดตาม การปฏิบัติราชการในภูมิภาคให้ครอบคลุมทุกมิติ สำหรับจังหวัดต่างๆถึงระดับอำเภอ ขอให้จัดทำถนนคนเดิน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้ใช้เป็นแหล่งค้าขายเพื่อ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งรัดการปฏิบัติงานตามแผนงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลให้เป็นรูปธรรมต่อไป ทั้งนี้จังหวัดจะต้องสร้างการรับรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชนเพื่อการมีส่วนร่วมและเห็นประโยชน์ร่วมกันควบคู่กันไปด้วย

“ปิยบุตร”วอน ส.ส.ทั้งสภาฯตั้ง กมธ.ศึกษาคำสั่ง ม.44 หวั่นเกิดวัฒนธรรมรัฐประหารแล้วไม่มีความรับผิดชอบ

People Unity News : “ปิยบุตร” เตรียมอภิปรายสรุปญัตติตั้ง กมธ.ศึกษาคำสั่ง ม.44 – ชี้ไม่ใช่เรื่องฝ่ายค้านหรือ รบ. แต่เป็นสิ่งที่ ส.ส.ต้องช่วยกัน – ลั่นอย่าปล่อยให้เกิดวัฒนธรรมความไม่รับผิดชอบ – ลุยต่อ ญัตติแก้ รธน. ควรให้เวลาถกเต็มที่

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงสัปดาห์นี้ โดยระบุว่า น่าจะมีการลงมติตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบ เกี่ยวกับการใช้อำนาจของ คสช. การออกคำสั่งของและการใช้มาตรา 44 ของ คสช. โดยตนจะเป็นผู้อภิปรายสรุปอีกครั้ง ในฐานะผู้เสนอญัตติ ทั้งนี้ เพิ่งทราบข่าวว่าวิปรัฐบาลยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยให้มีการตั้ง กมธ. ซึ่งตนเห็นว่า เรื่องการศึกษาผลกระทบจากบรรดาคำสั่ง คสช. นี้ อยากให้มองข้ามเรื่องพรรครัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน ให้มองว่าเป็นภารกิจร่วมกันของ ส.ส. เพราะในห้วงยามที่คณะรัฐประหารปกครองประเทศ ออกคำสั่งเป็นกฎหมายได้หมด ตอนนี้มีการเลือกตั้ง มี ส.ส.แล้ว จำเป็นต้องเอาบรรดาการใช้อำนาจเหล่านั้นมาทบทวน

“จริงอยู่ว่าเรามี กมธ.สามัญที่สามารถศึกษาเรื่องนี้ได้ คือ ชุดที่ตนเป็นประธาน นั่นคือ กมธ.กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน แต่ถ้าจะให้ กมธ.ชุดนี้ศึกษา เห็นว่าจะจำกัดวงเฉพาะเแค่ กมธ. 15 คนเท่านั้น แต่ถ้าตั้ง กมธ.วิสามัญ มีความสำคัญคือ 1.นอกจากจะได้คนนอกมาร่วมศึกษาแล้ว ยังได้จัดสรรปันส่วนเปิดโอกาสให้เพื่อน ส.ส. ที่ติดตามประเด็นนี้ได้เข้ามานั่งร่วมกัน 2. แม้ที่ผ่านมามีการยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. แล้วหลายฉบับ แต่มีอีกหลายฉบับที่ยังไม่ยกเลิก และบางฉบับแม้เลิกแล้วแต่เกิดผลกระทบพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ควรศึกษา ควรเยียวยาความเสียหาย ผลกระทบที่ประชาชนได้รับจากการใช้อำนาจนั้นหรือไม่ อย่างไร ไม่ใช่ว่ายกเลิกแล้วเลิกกันเลย จะทำให้เกิดวัฒนธรรมความไม่รับผิดชอบเกิดขึ้นได้” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า อยากเชิญชวน ส.ส. ซีกรัฐบาลช่วยกันลงมติเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็ร่วมกันยื่นญัตติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หลายท่าน และที่ผ่าน ส.ส. หลายท่านก็ได้รับผลกระทบจากการใช้อำนาจตามประกาศคำสั่ง การลงมติเรื่องนี้ไม่ใช่ การไปนั่งทวงถาม เช็คบิล ตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เป็นการศึกษาเพื่อเป็นบทเรียนว่า การออกประกาศตามคำสั่งนั้น สร้างความเสียหาย สร้างผลกระทบอย่างไรบ้าง ศึกษาเพื่อเป็นข้อเสนอแนะต่อไป

“แนวนโยบายหนึ่งของพรรคอนาคตใหม่ ที่ประกาศชัดเจนมากคือ การเข้าไปจัดการประกาศคำสั่งต่างๆ ของ คสช. ทั้งที่หลงเหลือและยกเลิกไปแล้ว ดังนั้น ส.ส. ที่ลงเลือกตั้งในนามของพรรคอนาคตใหม่ย่อมรู้อยู่แล้วว่ามีเรื่องนี้ ถ้าไม่คิดถึงเรื่องความเป็นพรรค แล้วอ้างประชาชนในพื้นที่อย่างเดียวเลย ถามว่าสุดท้ายแล้วจะมีพรรคการเมืองไว้ทำไม มีพรรคเพียงเพื่อสังกัดลง ส.ส. เท่านั้นเองโดย ไม่ได้ยึดโยงอุดมการณ์ของพรรคอะไรเลยเหรอ” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ยังมีญัตติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คาดว่าจะเข้ามาในสัปดาห์นี้ด้วย สมาชิกที่เสนอญัตตินี้มาจากหลายพรรค การเมือง ไม่ว่าจะเป็น เพื่อไทย อนาคตใหม่ ประชาธิปปัตย์ ชาติไทย พลังประชารัฐ ซึ่งจะมีผู้เสนอญัตติได้อภิปรายหลายท่านโดยไม่จำกัดเวลา รวมถึง เพื่อนสมาชิกที่สนใจประเด็นนี้ ดังนั้น อยากขอเวลาสภา ไม่อยากให้เร่งว่าต้องรีบอภิปรายให้จบ แล้วมาเร่งตั้ง กมธ. ตนอยากขอว่า อภิปรายไม่จบก็สามารถอภิปรายต่อ สัปดาห์หน้ายังมี เพื่อให้สมาชิกได้อภิปรายเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่

” ในส่วนของ กมธ. ถ้าเป็นตามสัดส่วนแบบเดิม อนาคตใหม่จะได้โควต้า 6 คน จะมีทั้ง ส.ส. และบุคคลภายนอก หลักการอนาคตใหม่ยืนยัน เราจะไม่ให้ใครที่เคยมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหารเข้ามาอยู่ใน กมธ. ชุดนี้ในสัดส่วนของพรรค เราจะมีทั้งภาคประชาชน นักวิชาการมาร่วม ซึ่ง กมธ. ชุดนี้ ต่อไปจะเป็นส่วนหนึ่งผลักดันประเด็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ในระดับสภา ดังนั้น ต้องเอาคนภายนอกที่สนใจประเด็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญมาร่วมกันให้มากที่สุด” นายปิยบุตร กล่าว

รมว.ดีอีเอสคนใหม่ เผยนโยบายเร่งด่วน ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ Fake News เร่งขับเคลื่อน “รัฐบาลดิจิทัล”

People Unity News : 7 กันยายน 2566 รมว.ดีอีเอส เข้า​กระทรวง​วันแรก​ ย้ำเดินหน้า​ปราบปราม​การหลอก​ลวง​ทางเทคโนโลยี​ และขับเคลื่อน​รัฐบาล​ดิจิทัล

นาย​ประเสริฐ​ จันทร​รวง​ทอง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ดิจิทัลเพื่อ​เศรษฐกิจ​และ​สังคม​ (ดีอีเอส) เข้า​กระทรวง​วันแรก​ ถือฤกษ์​ 09.29​ น.​ สักการะ​พระพรหม​บริเวณ​อาคาร​รัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ จากนั้น​ให้​สัมภาษณ์​ผู้สื่อข่าว​​ว่า​ นโยบาย​เร่งด่วน​คือ​ การปราบปราม​การ​หลอกลวงทางเทคโนโลยี​ แก๊ง​คอลเซ็นเตอร์​ และข่าว​ปลอม​ (Fake​ News) ซึ่ง​สร้าง​ความ​เสียหาย​ต่อ​ประชาชน​ โดยจะวางมาตรการ​การ​ตรวจสอบ​อย่างเข้มข้น

นอกจาก​นี้​จะเร่งขับเคลื่อน​ “รัฐบาล​ดิจิทัล” โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ภายในหน่วยงานต่างๆ​ ของ​รัฐ​ เพื่อ​เพิ่มศักยภาพการทำงานขององค์กรรัฐให้รวดเร็ว ก้าวทันตามเทคโนโลยี รวมถึงยังมีระบบการเชื่อมโยงการเข้าถึงข้อมูล ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับผู้ที่ต้องการติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐง่ายยิ่งขึ้นและเพื่อ​ให้การบริการ​ของ​ภาค​รัฐ​เป็น​ไป​อย่าง​มีประสิทธิภาพ

Advertisement

“หม่อมเต่า”แจงยัน! ไทยคุ้มครองสิทธิแรงงาน ตามหลักมาตรฐานสากล

People Unity : “หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล”รมว.แรงงาน เผยกรณีสหรัฐฯตัดจีเอสพีไทย ยืนยันกระทรวงแรงงานและหน่วยงานเกี่ยวข้องบูรณาการคุ้มครองแรงงานยึดหลักสากลมาตลอด ทั้งการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดระดับความสำเร็จมากเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานโดยปรับสถานะเป็นเทียร์ 2 การคุ้มครองแรงงานในกิจการประมงและได้ปลดใบเหลืองไอยูยู

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2562 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับ นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงานถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาจะตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (จีเอสพี) ของไทยในอีก 6 เดือน โดยอ้างว่าประเทศไทยไม่สามารถแก้ปัญหาแรงงานให้เป็นไปตามหลักสากลได้นั้น ณ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดย รมว.แรงงาน ได้กล่าวถึงผลการดำเนินการคุ้มครองแรงงานของกระทรวงแรงงานเพื่อให้เป็นไปและสอดคล้องตามหลักมาตรฐานสากลว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการดูแลคุ้มครองแรงงานทุกคน เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์และความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคเท่าเทียมกัน โดยทุกภาคส่วนได้บูรณาการการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากผลการดำเนินงาน ทำให้ประเทศไทยอยู่ในระดับความสำเร็จมาก (Significant Advancement) ของสถานการณ์การขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด ในปี 2560 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ยังได้ปรับสถานการณ์ปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทยจาก Tier 2 Watch List มาเป็นระดับ Tier 2 และสหภาพยุโรป หรืออียู ประกาศปลดใบเหลืองไอยูยู ในส่วนของการรับรองอนุสัญญาฯต่อไอแอลโอ กระทรวงแรงงานได้ให้สัตยาบันพิธีสารส่วนเสริมปี ค.ศ.2014 ส่วนเสริมอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 29 ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ.1930 และแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อบังคับใช้กฎหมาย การช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากแรงงานบังคับ และกำหนดบทลงโทษเกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานหรือบริการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งการยื่นจดทะเบียนให้สัตยาบันอนุสัญญาไอแอลโอ ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานภาคประมง ค.ศ.2007 ต่อไอแอลโอ เพื่อคุ้มครองแรงงานประมงให้ได้รับสิทธิด้านสุขภาพ ประกันสังคม และความปลอดภัยในการทำงาน โดยจะมีผลบังคับใช่ในวันที่ 18 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ขณะเดียวกันยังได้พิจารณาให้สัตยาบันอนุสัญญาฯ ฉบับที่ 87 และ 98 เกี่ยวกับการรวมตัวตั้งเป็นสหภาพแรงงานและเจรจาต่อรอง ซึ่งขณะนี้กำลังปรับปรุงกฎหมายเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและกฤษฎีกา รวมทั้งรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เพื่อให้การดูแลคุ้มครองแรงงานทุกคนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องตามหลักมาตรฐานสากลต่อไป

โฆษณา

“ธนาธร”ส่อวืดนั่งกมธ.งบฯปี63 “ทศพล”กาง รธน.เบรกแนะต้องลาออกจาก ส.ส.

People Unity : “ทศพล เพ็งส้ม” กาง รธน.เบรก “ธนาธร” นั่ง กมธ.งบประมาณฯ เหตุศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ส่วนจะใช้ฐานะ “คนนอก” ก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะยังคงสถานะ ส.ส.อยู่ ถาม “อนาคตใหม่” หวังให้ พ.ร.บ.งบประมาณฯโมฆะหรือไม่ แนะ “ธนาธร” ต้องเลือกลาออก ส.ส.หรือไขก๊อก กมธ.

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 22 ต.ค.2562 สถานีโทรทัศน์รัฐสภา ได้ออกอากาศรายการ “มองรัฐสภา” ดำเนินรายการโดย พ.ท.หญิง ชลรัศมี งาทวีสุข ในหัวข้อ “จับตาบทบาท กมธ.งบฯ 63 หลากหลายขั้วการเมือง” โดยได้เชิญ นายทศพล เพ็งส้ม ที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 มาให้ความเห็นเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินงานของสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังที่ประชุมสภาฯได้ลงมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 (ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63) ในวาระที่ 1 และตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 จำนวน 64 คน กำหนดกรอบการพิจารณา 105 วันไปแล้ว เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา

นายทศพล ได้กล่าวตอนหนึ่งถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่เสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเป็นหนึ่งใน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่ว่า อำนาจการตั้ง กมธ.วิสามัญของสภาฯ บัญญัติไว้ในมาตรา 129 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ระบุว่า สภาฯ มีอํานาจเลือกบุคคลผู้เป็น ส.ส.หรือมิได้เป็น ส.ส.ตั้งเป็น กมธ.วิสามัญเพื่อกระทํากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ และรายงานให้สภาฯทราบตามระยะเวลาที่กําหนด ฉะนั้นจึงมี 2 ทางเลือกสำหรับ กมธ.วิสามัญ ว่าจะเป็น ส.ส. หรือบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ก็ได้ จึงต้องมาพิจารณาดูว่า การเสนอชื่อ นายธนาธร ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เป็นการชั่วคราว ในระหว่างรอคำวินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็นส.ส.ของ นายธนาธร ในกรณีเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน เข้ามาเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 นั้นมาในสถานะใด

“เมื่อดูหลักกฎหมายแล้ว ก็พบว่าคนที่จะเป็น กมธ.วิสามัญ ได้ต้องเป็น ส.ส.หรือมิได้เป็น ส.ส. จึงต้องถามว่าคุณธนาธรเข้ามาในเงื่อนไขไหน ถ้าเข้ามาในฐานะ ส.ส.ถือว่าไม่ได้เลย เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงทำหน้าที่ ส.ส.ไม่ได้ ส่วนจะใช้สิทธิ์คนนอกก็มีปัญหาอีกว่า คุณธนาธรเป็นคนนอกหรือไม่ เพราะยังมีสมาชิกภาพ ส.ส.อยู่ ไม่สามารถถอดสถานะ ส.ส.และเดินเข้ามาในฐานะคนนอกได้เอง” นายทศพล กล่าว

นายทศพล กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ หากว่า นายธนาธร ขาดคุณสมบัติในการที่จะเข้ามาเป็น กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ที่กำลังจะมีการประชุมครั้งแรกในวันที่ 24 ต.ค.นี้แล้ว หากมีการเสนอความเห็น หรือสงวนความเห็น ตลอดจนร่วมลงมติใดๆ ก็อาจส่งผลให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 เป็นโมฆะได้ ดังนั้นเจตนารมณ์ของเขา เพื่อให้กฎหมายใช้ไม่ได้หรือไม่ เพราะเอาคนที่ขาดคุณสมบัติการเป็น กมธ.วิสามัญ มาพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 จึงควรที่จะมีการยื่นคำร้องเพื่อให้ ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความเพื่อให้เกิดความชัดเจน มิเช่นนั้นหากสภาฯพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 แล้วเสร็จในวาระที่ 2 และ 3 เกิดมีผู้ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า มีผู้ขาดคุณสมบัติร่วมเป็น กมธ.วิสามัญ พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว

“ในกระบวนการมี 2 ทางเลือก หนึ่ง คุณธนาธร ต้องไปลงออกจาก ส.ส. เพื่อใช้สถานะคนนอก เข้ามาเป็น กมธ.วิสามัญ หรือสอง หากอยากเป็น ส.ส.ต้องลาออกจาก กมธ.วิสามัญ ต้องเลือกเอาว่าอยากเป็นอะไร ซึ่งไม่ใช่เรื่อกีดกันการทำหน้าที่ของคุณธนาธร เพียงแต่เป็นการทำเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น มิเช่นนั้นก็จะมีคนมองว่า พรรคอนาคตใหม่ตั้งคนที่ขาดคุณสมบัติ พรรคคุณต้องรับผิดชอบ หากกฎหมายมีปัญหา” นายทศพล ระบุ

นายทศพล กล่าวต่อว่า ในกรณีที่นายธนาธรขาดคุณสมบัติ ซึ่งส่งผลต่อการทำหน้าที่ของ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ประธานสภาฯอาจต้องเรียกประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง กมธ.แทนนายธนาธร เพื่อให้ครบ 64 คนตามมติที่ประชุมสภาฯ อย่างไรก็ดีมองว่า ช่วงที่พรรคอนาคตใหม่เสนอชื่อนายธนาธรเมื่อวันที่ 19 ต.ค.นั้น ที่ประชุมสภาฯอาจจะยังไม่ทราบว่าประเด็นคุณสมบัติดังกล่าว จึงไม่มีผู้คัดค้านหรือทักท้วง แต่เมื่อมีประเด็นขึ้นมา ก็ต้องมาตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อความถูกต้อง ผู้ที่เป็นประธานในการดำเนินการประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 นัดแรกในวันที่ 24 ต.ค.นี้ จำเป็นต้องหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา เพราะไม่สามารถเริ่มประชุมได้ ก่อนทำหนังสือแจ้งประธานสภาฯต่อไป

นอกจากนี้ นายทศพล ยังได้อธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า ในส่วนของ กมธ.สามัญต่างๆของสภาฯนั้นได้สงวนไว้เฉพาะผู้ที่เป็น ส.ส.เท่านั้น ขณะที่ กมธ.วิสามัญ ซึ่งตั้งตามวาระต่างๆที่ภารกิจไม่เข้ากับ กมธ.สามัญ ที่มีอยู่แล้ว สำหรับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ให้คนนอกเข้ามาเป็น กมธ.วิสามัญได้นั้น ก็เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำหน้าที่พิจารณาหรือศึกษาเรื่องใดๆที่ ส.ส.บางคนอาจจะไม่ถนัด อาทิ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ก็เปิดโอกาสให้รัฐบาลหรือพรรคการเมืองเสนอชื่อผู้เชี่ยวชาญด้านงบประมาณแผ่นดินมาร่วมร่วมทำงานกับ ส.ส. เป็นต้น

 

โฆษกรัฐบาลแจง รัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกข้อกล่าวหา หลังฝ่ายค้านโวข้อมูลแน่น

People Unity News : โฆษกรัฐบาลแจง รัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกข้อกล่าวหา หลังฝ่ายค้านโวข้อมูลแน่น พร้อมล้มรัฐบาล ดักคอถ้าหลักฐานฟังไม่ขึ้น ทุกข้อกล่าวหาต้องแสดงความรับผิดชอบ ย้ำนายกฯไม่ปล่อยให้เกิดทุจริตในรัฐบาลชุดนี้แน่นอน

31 สิงหาคม 64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ระบุว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลครั้งนี้ พรรคฝ่ายค้านได้รับข้อมูลจากหลายฝ่าย อาจส่งผลให้รัฐมนตรีหลายคนหลุดจากตำแหน่งได้ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล หากมีข้อมูล ข้อเท็จจริงใดๆ ก็สามารถนำมาแสดงต่อที่ประชุมสภาฯได้ รัฐบาลพร้อมที่จะชี้แจงอยู่แล้ว เพราะไม่มีการทุจริตใดๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสาธารณสุข แต่หากข้อมูลที่นำมาอภิปรายไร้น้ำหนัก ข้อเท็จจริงฟังไม่ขึ้น เป็นเพียงแค่ข้อกล่าวหาลอยๆนั้น ฝ่ายค้านก็ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วย ยืนยันว่า รัฐบาลไม่เคยใช้กลไกของรัฐในการปกปิดความผิดหรือลอยตัวเหนือปัญหา

นายธนกร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่อ้างว่า มีภาคเอกชนเอ่ยปากว่า ทุกโครงการของรัฐนั้นต้องหักร้อยละ 35 เก็บไปให้ใคร ผู้มีอำนาจคนไหนรับผลประโยชน์จากโครงการรัฐนั้น ขอให้ฝ่ายค้านนำหลักฐานมาแสดงได้เลย อย่าพูดลอยๆ จนสร้างความสับสนให้กับประชาชน และผู้ที่ถูกกล่าวหาจะได้ชี้แจงและทำความเข้าใจ โดยรัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ในการชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบด้วย

Advertising

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กาง รธน. ยัน”ธนาธร”นั่งกมธ.งบฯปี63ได้

People Unity : โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กาง รธน. ยัน”ธนาธร”นั่งกมธ.งบฯปี63ได้ ขอบพระคุณทุกคะแนนเสียงลุยงานแรกเสนอสภา-รมต.แก้ปัญหาจราจรถนนเพชรเกษมให้ชาวสามพราน

วันที่ 24 ตุลาคม 2562 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวถึงกรณีที่มีสภาผู้แทนราษฎรได้เสนอต่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรบ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า หลักการที่สำคัญต้องดูว่ากรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ คือบทบาทที่ระบุให้ทำเฉพาะบุคคลที่เป็น ส.ส. หรือไม่ ก็จะปรากฎชัดว่า คณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฏรมี 2 ประเภท 1 คือคณะกรรมาธิการสามัญคือบุคคลที่รัฐธรรมนูญมาตรา 129 ระบุไว้ชัดว่า ต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับ 2 คือคณะกรรมาธิการวิสามัญรัฐธรรมนูญมาตรา 129 ก็ระบุไว้ชัดเช่นกันว่าสภาผู้แทนราษฏรมีอำนาจเลือกบุคคลที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่เป็นเพื่อเป็นกรรมาธิการวิสามัญก็ได้

เมื่อได้หลักการเช่นนี้เราก็จะวินิจฉัยถูกคือเมื่อนายธนาธรมาดำรงแหน่งในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่ตำแหน่งกรรมาธิการวิสามัญที่หลักการรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ชัดว่าบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็สามารถดำรงตำแหน่งได้ นายธนาธรก็สามารถดำรงตำแหน่งได้ เจตนารมณ์ของการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายแต่ละฉบับที่กฎหมายอนุญาตให้หลายฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาอย่างรอบคอบนั้นหมายความว่าหน้าที่ในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญก็ไม่ได้ระบุว่าต้องเป็น ส.ส. ขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้มีการยุติการปฏิบัติหน้าที่ไว้ชั่วคราว แต่กรณีเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมาธิการวิสามัญที่รัฐธรรมนูญให้บุคคลภายนอกเป็นได้ก็สามารถดำเนินการได้ ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่ต้องไปถามนายธนาธรเอง

ลุยงานแรกเสนอสภา-รมต.แก้ปัญหาจราจรถนนเพชรเกษมให้ชาวสามพรานต่อ

นายราเมศ กล่าวถึงกรณีผลการเลือกตั้งในเขต 5 อำเภอสามพรานจังหวัดนครปฐมว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 5 อำเภอสามพรานจังหวัดนครปฐมและขอขอบพระคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชนที่ได้เลือกนายสุรชัย อนุตธโต เพราะทุกคะแนนที่ได้รับคือกำลังใจ คือความผูกพันที่มีให้พรรคฯ มาโดยตลอด ถึงแม้ว่าพรรคฯ จะไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องอำเภอสามพรานรวมถึงอำเภออื่นๆ ในจังหวัดนครปฐม พรรคฯ จะดำเนินการต่อไป ซึ่งนายสุรชัยจะเริ่มงานแรกในทันทีโดยใช้กลไกขับเคลื่อนในส่วนของพรรคฯ เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาผ่านกลไกระบบรัฐสภาและกลไกฝ่ายบริหารคือเรื่องปัญหาการจราจรถนนสายเพชรเกษมที่พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

โดยการเปิดสมัยประชุมสภาฯ ที่จะถึงนี้ นายสุรชัยจะเสนอเรื่องมายังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคฯ นำเสนอกระทู้และญัตติเพื่อให้มีการพิจารณาหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาจราจรบนถนนเพชรเกษม และทำหนังสือถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายถาวร เสนเนียม เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาการจราจรให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

ทั้งนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ย้ำว่า พรรคฯ และนายสุรชัยจะเดินหน้าทำงานให้กับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม แม้จะไม่มี ส.ส. ในเขต 5 จังหวัดนครปฐมก็ตาม เพราะเมื่อประชาชนประสบปัญหา พรรคประชาธิปัตย์และอดีตผู้สมัครก็ต้องร่วมต่อสู้ ดูแล แก้ปัญหาอย่างใกล้ชิดตามนโยบายที่พรรคฯ ได้ประกาศไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

Verified by ExactMetrics