วันที่ 9 พฤษภาคม 2024

“หมอชลน่าน” แจงหลักการ ‘เปลี่ยนผู้เสพ เป็นผู้ป่วย’

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 11 กุมภาพันธ์ 2567 “หมอชลน่าน” ยัน “คนค้ายา” เม็ดเดียวก็ติดคุก ส่วนคนเสพไม่เกิน 5 เม็ด ต้องรักษา ยันหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพ เป็นผู้ป่วย”

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี

เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน จึงขอชี้แจงดังนี้

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ปี 2566 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ประชุมกัน เพื่อวางหลักเกณฑ์ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประเภทยาบ้า หลังจากนำเสนอข้อมูลของแต่ละฝ่ายอย่างรอบคอบและรอบด้าน มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า ผู้ที่มียาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด เมื่อถูกตำรวจจับได้ ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ และให้เป็นผู้ป่วยจิตเวชที่ควรนำไปบำบัดรักษาให้หายเป็นปกติ ซึ่งปกติจะต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับความสมัครใจของผู้นั้นว่าจะยอมไปบำบัดรักษาไหม ถ้าไม่ยอมรับการบำบัดก็จะถูกดำเนินคดีข้อหาครอบครองยาเสพติดเพื่อเสพ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หากพิสูจน์ได้ว่ามีพฤติการณ์ขายต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย

ส่วนผู้ที่มียาบ้าเกินกว่า 5 เม็ด เช่น มี 6 เม็ดหรือมากกว่านี้ ถูกตำรวจจับ ให้ถือเป็นผู้มียาบ้าไว้ในครอบครองยาเสพติดให้โทษ ซึ่งมีโทษเท่ากับ การจำหน่าย ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายยาเสพติดให้โทษ นั่นคือ จำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี

ข้อสรุปนี้เป็นผลจากการประชุมร่วมกันของเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม สำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัยการ ศาลยุติธรรม เป็นต้น

กระทรวงสาธารณสุข ได้มีนโยบายและแนวทางที่ชัดเจนซึ่งได้กล่าวย้ำกับบุคลากรของกระทรวงมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ก็คือ เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า เป็นยาเสพติดให้โทษที่ห้ามเสพ ห้ามมีไว้ในครอบครอง ห้ามผลิต ห้ามนำเข้า หรือส่งออกหรือห้ามจำหน่ายไม่ว่าจะกี่เม็ดก็ตาม ถือว่าเป็นความผิด ต้องได้รับโทษ แต่มีเงื่อนไขเรื่องจำนวนเม็ดที่กำลังพิจารณาดำเนินการอยู่เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เช่น มีไว้เสพก็ต้องรีบนำไปบำบัดรักษาให้หาย ก่อนที่จะเกิดอันตรายต่อตัวผู้เสพเอง หรือเมื่อเกิดอาการจิตหลอนก็ใช้อาวุธไปทำร้ายคนรอบข้าง ได้แก่ ลูก เมีย พ่อแม่ ญาติพี่น้องและคนทั่วไปจนถึงแก่ชีวิตดังที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชน ถ้าพบพฤติการณ์มียาไว้จำหน่ายก็จะต้องได้รับโทษหนัก

ยาบ้า 5 เม็ด ยืนยันว่าไม่ได้นั่งคิดขึ้นมาเองตามใจชอบ แต่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์ และแพทย์ทางด้านสุขภาพจิตของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้นำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการที่พิจารณาเรื่องนี้

ตามขั้นตอน ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะส่งเรื่องนี้ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมตรี เพื่อจัดให้มีกระบวนการรับฟังความเห็นต่อการกำหนดจำนวนเม็ดยาบ้าดังกล่าว หลังได้แนวทางซึ่งเป็นไปตามที่กระทรวงเสนอ และได้ผ่านการเห็นชอบคณะรัฐมนตรี นำมาประกาศเป็นกฎกระทรวง

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวย้ำว่า ทั้งหมดผ่านการลงความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่า ผู้ค้าผู้เสพ ทุกฝ่ายในสังคมต้องร่วมมือกัน ใครมีหน้าที่ปราบปรามจับกุมก็ทำอย่างเข้มแข็ง กระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่บำบัดรักษา ส่งคืนสู่สังคมพยายามให้ไม่ย้อนกลับไปเสพใหม่ การดำเนินการผ่านกระบวนการคิดจากหลายๆ ฝ่ายมาร่วมมือกัน ใครถือเป็นผู้ป่วยต้องเข้ารับการบำบัด

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเป็นผู้เสพแต่ถ้ามีพฤติกรรม และพยานแวดล้อมว่าเป็นผู้ค้า ไม่ว่าจะกี่เม็ดก็ต้องติดคุก รัฐบาลจะดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึดหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเข้ารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ผู้เสพต้องเข้ารับการบำบัด เมื่อบำบัดครบได้รับการรับรองจึงถือว่าไม่ต้องรับโทษ และเมื่อผ่านการบำบัดทางการแพทย์แล้ว จะเข้าสู่กระบวนการบำบัดทางสังคม โดยหลักการชุมชนบำบัด จนสามารถเชื่อได้ว่า ไม่กลับไปเสพซ้ำ มีพฤติกรรมที่ดี สามารถที่จะกลับสู่สังคมได้

“ผมมีความมุ่งมั่นที่จะคืนลูกหลานสู่อ้อมกอดของชุมชน ขณะเดียวกัน ก็เร่งบำบัดช่วยเหลือโรคสมองติดยาของผู้เสพให้ดีขึ้น ลดปัญหาการกลับไปเสพใหม่ไม่กลับไปเสพซ้ำ ให้เป็นพลเมืองดี เพื่อสังคมที่เป็นสุขและประเทศชาติปลอดภัยจากยาเสพติด ย้ำ ผู้ค้าเม็ดเดียวก็ติดคุก” นายแพทย์ชลน่านกล่าว

Advertisement

เชิญชวนบริจาคโลหิตสภาชาดไทย ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

People Unity News : 25 ธันวาคม 2565 รัฐบาลเชิญชวนประชาชนบริจาคโลหิตสภาชาดไทย ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พร้อมรับของที่ระลึก

วันที่ 25 ธันวาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในวาระขึ้นปีใหม่ รัฐบาลเชิญชวนประชาชนผู้มีสุขภาพดีส่งต่อโลหิตเป็นของขวัญให้กับผู้ป่วย ผ่านสภากาชาดไทย ซึ่งหากบริจาคระหว่างวันที่ 26 – 31 ธันวาคม 2565 ผู้บริจาคจะได้รับของขวัญที่ระลึก ปีใหม่ 2566 เป็นปฏิทินหนูแดง ปี 2566 ชุด คำถามยอดฮิตบริจาคโลหิต และเสื้อยืดลาย “Make a Wish New Year New Life”

ผู้สนใจสามารถ บริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตห่งชาติ สภากาชาดไทย ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่ง หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ (Fixed Station) 7 แห่ง สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม (บางแค) เดอะมอลล์ (บางแค) ชั้น P เดอะมอลล์ (บางกะปิ) ชั้น 3 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ (งามวงศ์วาน) ชั้น 5 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ สาขาท่าพระ ชั้น 1 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม สุขุมวิท ชั้น M บ้านทรงไทย (ย่านวงศ์สว่าง)

ทั้งนี้ สามารถเช็กสถานที่บริจาคโลหิตที่ร่วมโครงการได้ที่ https://shorturl.asia/heHyn

Advertisement

“อนุทิน” ระบุ ขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4 ขยายเวลาได้ก็ยกเลิกได้ หากทำผิด กม.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 ธันวาคม 2566 รมว.หาดไทย ย้ำ การขยายเวลาเปิดสถานบริการถึง 4:00 น. ผู้ประกอบการและผู้เข้าใช้บริการสถานบริการต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หากพบการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขยายเวลาได้ก็ยกเลิกได้เช่นกัน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า สำหรับการประกาศขยายเวลาเปิดสถานบริการอย่างเป็นทางการนั้น กระทรวงมหาดไทยได้ลงนามในกฎกระทรวงฯ โดยได้ระบุวันที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 และได้ส่งต่อให้นายกรัฐมนตรีลงนามตามขั้นตอนแล้ว ซึ่งเหลือเพียงการรอการประกาศอย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ ต้องเน้นย้ำว่าการขยายเวลาเปิดของสถานบริการไปจนถึง 4:00 น. ตามนโยบายของรัฐบาลนั้น จะสามารถขยายได้เฉพาะสถานบริการที่อยู่ในโซนนิ่ง 4 จังหวัด 1 อำเภอนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต และอำเภอเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี โดยต้องเป็นสถานบริการที่มีการจดทะเบียน มีใบอนุญาตสถานบริการอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น หากไม่มีก็ไม่สามารถเปิดในช่วงที่มีการขยายเวลาได้ พร้อมเน้นย้ำว่า ทั้งผู้ประกอบการสถานบริการ และนักท่องเที่ยวผู้เข้าใช้บริการต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่พกพาอาวุธติดตัว ดื่มไม่ขับ และปัญหายาเสพติด ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างตำรวจกับฝ่ายปกครองอยู่แล้ว หากพบการกระทำที่ผิดก็หมาย ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ก็สามารถยกเลิกการขยายเวลาได้เช่นกัน

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีสถานบริการทั้งหมด 207 แห่ง ซึ่งจากการตรวจสอบสถานะแต่ละร้าน พบว่ามีเพียงประมาณ 140 กว่าแห่งเท่านั้นที่สามารถเปิดในช่วงขยายเวลาได้ ทั้งนี้ นายอนุทิน เชื่อมั่นว่า ความเดือดร้อนจากการขยายเวลาเปิดสถานบริการออกไปจะไม่เกิดขึ้นถ้าทุกคนทำตามกฎหมาย

Advertisement

รัฐบาล เพิ่มช่องทางแจ้งเหตุฉุกเฉิน ผ่านไลน์ “ESS Help Me”

People Unity News : 29 กรกฎาคม 2566 รัฐบาล เพิ่มช่องทางแจ้งเหตุฉุกเฉินทางสังคม ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ “ESS Help Me”

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงหยุดยาวนี้ เชื่อว่าจะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวกับสมาชิกในครอบครัว โดยสภาหอการค้าไทยประเมินว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มเติมในช่วงวันหยุดดังกล่าวประมาณ 5-7 พันล้านบาท ซึ่งนอกจากผลทางเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นโอกาสให้ครอบครัวได้อยู่ใกล้ชิดและมีเวลาคุณภาพร่วมกัน

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมดูแลประชาชนเรื่องความปลอดภัย ทั้งการเดินทาง การท่องเที่ยว และความปลอดภัยในทรัพย์สิน หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ประชาชนสามารถใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันไลน์ “ESS Help Me” ซึ่งจะเข้าไปดูแลประชาชนที่ประสบปัญหาได้อย่างทันถ่วงที ลดการบาดเจ็บและการสูญเสียชีวิต ที่ผ่านมากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รายงานว่า มีผู้เข้าใช้บริการกว่า 2 แสน 6 หมื่นครั้งต่อเดือน

นอกจากนี้ ยังย้ำเตือนประชาชนให้ใช้ระบบแจ้งเหตุตามความเป็นจริง อย่าเข้าใช้ระบบเพื่อก่อกวนเจ้าหน้าที่เพื่อความสนุกสนานหรือคึกคะนอง เพราะนอกจากจะกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จนส่งผลต่อการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีความเดือดร้อนจริงแล้ว การแจ้งเหตุอันเป็นเท็จโดยเจตนา จะถูกตั้งข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 384 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

Advertisement

เตือนภัยผู้ใช้แอปฯ หาคู่ เสี่ยงตกเป็นเหยื่อหลายรูปแบบ

People Unity News : 14 ตุลาคม 2565 เตือนภัยผู้ใช้แอปฯ หาคู่ ระมัดระวังการคบหาบุคคลบนโลกออนไลน์ เสี่ยงตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ อาชญากรรมหลายรูปแบบ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันได้ปรากฏกรณีการใช้แอปพลิเคชันหาคู่เป็นช่องทางในการก่ออาชญากรรมโดยต่อเนื่อง เช่นล่าสุดได้ปรากฏว่ามีผู้ต้องหาตามหมายจับคดีทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ได้ใช้แอปพลิเคชันหาคู่หลอกลวงเหยื่ออีกรายและมีการกักขัง ทำร้ายร่างกาย แต่เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือออกมาได้และจับกุมผู้กระทำผิดได้

ดังนี้ จึงขอเตือนให้ประชาชนที่มีการใช้แอปพลิเคชัน หรือโซเชียลมีเดียทุกช่องทางในการหาคู่ ให้ใช้ความระมัดระวังในการคบหาผู้ที่พบกันในช่องทางดังกล่าวอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีมิจฉาชีพ และอาชญากรรูปหลากหลายรูปแบบแอบแฝงอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงไปทำร้ายร่างกาย หลอกลวงเพื่อมีเพศสัมพันธ์แล้วถ่ายคลิปเพื่อนำไปแบลคเมลเรียกเงินจากเหยื่อ

อย่างไรก็ตาม กรณีที่พบมากคือกลุ่มโรแมนซ์สแกม ทั้งที่เป็นคนไทยและต่างชาติ ที่จะเข้ามาหาเหยื่อในลักษณะตีสนิท พูดคุยคบหาเป็นคนรัก จากนั้นจะสร้างเรื่องราวต่างๆ เพื่อหลอกลวงให้มีการโอนเงินให้กลุ่มคนร้าย หรือบางกรณีหลอกลวงใช้เหยื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมาย

“ปัจจุบันแอปพลิเคชันหรือโซเชียลมีเดียเพื่อการหาคู่ได้รับความนิยมมากของคนทุกวัย เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อหาคู่ได้ทั้งคนไทยและต่างชาติ แต่ความนิยมดังกล่าวก็เป็นช่องโหว่ให้มิจฉาชีพ อาชญากรไซเบอร์เข้ามาใช้เป็นช่องทางในการหลอกลวงเหยื่อด้วยรูปแบบต่างๆ จึงขอเตือนให้ผู้ใช้บริการใช้ความระมัดวัง อย่าหลงเชื่อผู้ที่พบกันในโซเชียลมีเดียโดยง่าย ขอให้ตรวจสอบประวัติบุคคลที่จะคบหาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะที่เข้ามายืมเงินและให้โอนเงินไม่ว่าจะด้วยเหตุใดอย่าโอนเด็ดขาดให้สันนิษฐานก่อนว่าเป็นคนร้ายที่เข้ามาหลอกลวง” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับแจ้งเหตุอาชญากรรมผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียและมีการออกข่าวสารเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับแนะนำแนวทางป้องกันการถูกหลอกลวงจากใช้แอปพลิเคชันหาคู่ ดังนี้ 1)ระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ไม่บอกข้อมูลทั้งหมดกับคนที่เพิ่งรู้จัก 2) ไม่หลงเชื่อ หรือไว้ใจบุคคลใดโดยง่าย หากมีความจำเป็นต้องนัดเจอควรมีเพื่อนหรือผู้ปกครองไปด้วย 3) ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หรือโทรศัพท์มือถือเพียงลำพัง ควรพูดคุยทำความเข้าใจถึงขอบเขตการใช้งานว่าแอปพลิเคชันไหนใช้ได้บ้างหรือแอปพลิเคชันใดควรหลีกเลี่ยง 4) อะไรที่ดีเกินไป เร็วเกินไปให้ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่าอาจจะดีเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นโดยง่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์

ทั้งนี้ หากผู้ใช้แอปพลิเคชันหาคู่หรือโซเชียลมีเดียช่องทางต่างๆ พบเบาะแสการกระทำผิดไม่ว่าจะรูปแบบใด ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ความช่วยเหลือ และดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามขั้นตอนกฎหมาย โดยสามารถแจ้งได้ทั้งสายด่วน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 191 หรือ สายด่วน ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement

“อนุทิน” เดินหน้า นโยบายน้ำประปาดื่มได้ มุ่งลดภาระค่าใช้จ่าย ปชช.

People Unity News : 15 พฤศจิกายน 2566 การประปาส่วนภูมิภาค – “อนุทิน” เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายน้ำประปาดื่มได้ มุ่งลดภาระค่าใช้จ่าย ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร พร้อมมอบหมายภารกิจและนโยบายการดำเนินงานให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค โดยให้พัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้านน้ำประปา ให้น้ำประปาในทุกพื้นที่มีความสะอาด มีมาตรฐานที่สามารถใช้สำหรับการอุปโภคและบริโภค (ดื่ม) ตามนโยบายน้ำประปาดื่มได้ ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักที่กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน  โดยให้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดหาแหล่งน้ำดิบ และให้เร่งทำการศึกษาวิธีการใช้น้ำจากเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) โดยให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการเดินท่อเพื่อนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคใต้ ทั้งทางฝั่งอันดามัน และฝั่งอ่าวไทย ให้มีแหล่งน้ำที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางสาธารณูปโภค ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่มีความมั่นใจและมีความสะดวกสบายในทุกมิติ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเพิ่มรายได้สู่ชุมชนได้จากหลายภาคส่วนด้วย

นอกจากนี้ กปภ. ได้ตอบรับนโยบายตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการขยายเวลาชำระค่าน้ำประปา เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่มีค่าน้ำประปาคงค้างไม่เกิน 150 บาท/เดือน ให้สามารถค้างชำระค่าน้ำประปาได้ 3 เดือน รวมเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 450 บาท จากเงื่อนไขเดิมที่สามารถค้างชำระค่าน้ำประปาได้เพียง 2 เดือน โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนพฤศจิกายนนี้ – มกราคม ปี 2567

Advertisement

กต.-มูลนิธิไทย มอบรางวัลทูตสาธารณะครั้งแรกของไทย 

People Unity News : 20 ตุลาคม 2565 กต. จับมือมูลนิธิไทย มอบรางวัลการทูตสาธารณะเชิดชูเกียรติบุคคลทำงานสาธารณประโยชน์ ด้าน “นพ.สุนทร อันตรเสน” ผู้รับมอบรางวัลคนแรก ชี้เป็นกำลังใจให้เดินหน้าทำงานต่อ และหวังสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยคนอื่นด้วย

กระทรวงการต่างประเทศ โดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับมูลนิธิไทย โดยนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานกรรมการมูลนิธิไทย และนายธฤต จรุงวัฒน์ เลขาธิการมูลนิธิไทย จัดทำโครงการรางวัลการทูตสาธารณะเพื่อเชิดชูเกียรติบุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กรที่ดำเนินงานสาธารณประโยชน์ มนุษยธรรม วัฒนธรรม กีฬา นวัตกรรม จนสามารถสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศไทยและได้รับการยอมรับในต่างประเทศ

นายธฤต กล่าวว่า ปีนี้เป็นครั้งแรกที่มีการมอบรางวัลนี้ เพื่อจารึกเป็นเกียรติสำหรับผู้ที่ทำคุณประโยชน์ โดยนายแพทย์สุนทร อันตรเสน เป็นผู้ได้รับมอบรางวัล จากที่มีการเสนอรายชื่อมา 8 คน โดยถือว่ามีผลงานโดดเด่นในการนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่โรคหูมากว่า 30 ปี ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และในฐานะที่เป็นคนไทยช่วยให้คนหายป่วยได้ ทำให้ได้รับความประทับใจ และทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักนิยม ได้รับการยอมรับ จึงถือเป็นการส่งเสริมให้ผู้รับรางวัลสามารถดำเนินงานตามเจตนารมณ์ต่อไป และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่บุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กรอื่น อีกทั้งสร้างความตระหนักรู้ว่าประชาชนทั่วไปก็สามารถมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงานการทูตสาธารณะได้

ด้านนายแพทย์สุนทร อันตรเสน กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ และเป็นกำลังใจให้ตนและทีมงานได้เดินหน้าทำงานต่อไป ซึ่งได้ทำงานหน่วยแพทย์เคลื่อนที่โรคหูมาตั้งแต่ปี 2518 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงบริเวณชายแดน เมื่อเห็นคนไข้มาหาก็อยากจะช่วย การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ดีกว่าตั้งรับอยู่เฉยๆ ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีคนไข้หลากหลาย รวมถึงรัฐมนตรีของเมียนมาด้วย และหลายเคสหากไม่ช่วยอาจจะเสียชีวิตจากฝีในสมองอักเสบได้ พร้อมทั้งหวังว่าการที่มีการมอบรางวัลเช่นนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนทำงาน เพื่อสาธารณะมากขึ้น ซึ่งในส่วนของตนก็อยากได้คนมาสานต่อ เพราะตอนนี้อายุ 82 ปีแล้ว

สำหรับผู้ได้รับรางวัลในปีนี้คือ นายแพทย์สุนทร อันตรเสน ซึ่งมีผลงานเด่นในการนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่โรคหู (Ear Surgery Mobile Unit) ไปให้บริการตรวจรักษาและผ่าตัดโรคหูให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นพื้นที่ห่างไกลในประเทศต่างๆ เช่น จีน อินเดีย บังกลาเทศ เคนยา เมียนมา สปป ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

Advertisement

ค่า PM 2.5 พุ่งจากเพื่อนบ้าน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 21 มีนาคม 2567 “พล.ต.อ.พัชรวาท” เผยค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งคืนวานนี้ เหตุจากประเทศเพื่อนบ้าน กางแผนที่ให้สื่อดูจุดความร้อนจำนวนมาก

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานประชุมคณะอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ​พระ​บาท​สมเด็จ​พระเจ้าอยู่หัว​ เรื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนม์พรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยให้สัมภาษณ์กรณีปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่หนาแน่น คืนวานนี้ (20 มี.ค.) จนหลายพื้นที่รู้สึกได้ถึงกลิ่นเหม็นไหม้ ว่า มันเกิดขึ้นนอกประเทศเรา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมงานของรัฐมนตรีได้เปิดแผนที่ให้สื่อดูจุดความร้อน ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมากและพัดเข้ามาปกคลุมในประเทศ

Advertisement

กทม.พร้อมขานรับนโยบายรัฐบาลเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4

People Unity News : 16 ตุลาคม 2566 กทม.พร้อมขานรับนโยบายรัฐบาล ขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบันเทิง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ถึงเวลา 04.00 น. เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความพร้อมในการขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบันเทิง ถึงเวลา 04.00 น. ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตามนโยบายของรัฐบาล ว่า กทม.ไม่ขัดข้องในนโยบายดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ได้หารือกับทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟพาวเวอร์แห่งชาติ เรื่อง Soft Power ที่เสนอความคิดร่วมกันที่จะทำให้เรื่องดังกล่าวชัดเจนและก็มีมาตรการรองรับในการป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งในปัจจุบันยังเห็นผับที่เปิดเกินเวลาอยู่บ้างถ้าทุกคนออกมาร่วมกันทำให้ถูกกฎหมายและทำให้มีระเบียบในการเข้า-ออกให้ชัดเจน ทางส่วนของกทม. ก็ไม่น่าจะมีข้อขัดข้องอันใดและคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า ในการปฏิบัติอาจจะต้องปรับปรุงการแบ่งโซน ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน เนื่องจากไม่ค่อยทันสมัยตามการขับเคลื่อนของเมืองที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยต้องหารือกับทางตำรวจอีกทางหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังสร้างความรำคาญให้ผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง โดยต้องมีกรอบในการปฏิบัติให้ชัดเจน รวมถึงในแง่ของการกำกับดูแลไม่ให้เยาวชนเข้าสถานบันเทิงและการทำผิดกฎหมายในเรื่องยาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งเชื่อว่าหากทำให้โปร่งใสและมีระเบียบปฏิบัติชัดเจนย่อมดีกว่าการลักลอบเปิดแบบผิดกฎหมายแน่นอน นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องในแง่เศรษฐกิจตรงนี้มากมาย เช่น พ่อค้า แม่ค้าในตลาดที่ขายของและทำอาหาร คนขับรถสาธารณะ เป็นต้น ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางด้วย จึงเป็นสิ่งที่ต้องวิเคราะห์ให้รอบด้านหลายมิติ โดยคาดว่าเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทดลองเปิดสถานบันเทิงจนถึง 04.00 น. คือช่วงเทศกาลปีใหม่ประมาณเดือนธันวาคมนี้

Advertisement

รัฐบาลเตือนเที่ยวคืนฮาโลวีนอย่างระมัดระวัง

People Unity News : 30 ตุลาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล – โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ห่วงใย ปชช.ทั้งใน ปท.และ ตปท. เที่ยวคืนฮาโลวีนอย่างระมัดระวัง มีสติ เลี่ยงสถานที่แออัด พลุกพล่าน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นห่วงคนไทยทุกพื้นที่ ในช่วงการเฉลิมฉลองเทศกาลฮาโลวีน และขอให้หลีกเลี่ยงการเฉลิมฉลองในสถานที่แออัด ซึ่งคืนพรุ่งนี้ (31 ต.ค.) เป็นวันฮาโลวีน สถานบันเทิงจะจัดงานเฉลิมฉลอง หน่วยงานต่าง ๆ จึงมีมาตรการคำแนะนำป้องกัน ดูแลความปลอดภัยคนไทย  เช่น ตำรวจท่องเที่ยว ได้ออกคำแนะนำทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ให้กับนักท่องเที่ยว ดังนี้ 1. วางแผนการเดินทางล่วงหน้า เพื่อให้รู้ว่าจะเดินทางไปอยู่ตรงไหน จะได้รู้จักเส้นทางก่อน และควรดูพยากรณ์อากาศด้วย 2. หากเป็นสถานที่ปิด ควรดูทางออกฉุกเฉิน และควรมีเพื่อนไปด้วยอย่างน้อย 1 คน 3. หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด เพื่อป้องกันเรื่องการถูกล้วงกระเป๋าจากมิจฉาชีพ และการไปเบียดเสียดกับคนอื่น 4. ดื่มอย่างมีสติ อย่าทิ้งตัว และดื่มไม่ขับ 5. อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ หรือมาตรการรักษาความปลอดภัยของสถานที่นั้น ๆ หากมีเหตุฉุกเฉิน สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน หมายเลข 1155 ตำรวจท่องเที่ยว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า สถานที่หลัก ๆ ที่มีคนจำนวนมากและมีความเป็นห่วงมากก็คือ ถนนข้าวสาร เพราะมีลักษณะของพื้นที่คล้ายกับอิแทวอน สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุโศกนาฎกรรมเมื่อปีที่แล้ว  ขณะที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้ออกประกาศ เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับคนไทยในสาธารณรัฐเกาหลี โดยขอให้คนไทยในสาธารณรัฐเกาหลีระมัดระวังการเข้าไปในสถานที่ที่คนพลุกพล่าน พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาล ฮาโลวีน ที่อาจจัดขึ้นในสถานที่ต่าง ๆของสาธารณรัฐเกาหลีในปีนี้

นายชัย กล่าวว่า หากจะเข้าร่วมงาน ก็ขอให้ระมัดระวังในการไปรวมตัวยังสถานที่ที่มีผู้คนแออัด หรือมีฝูงชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากที่อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ เช่น การล้มทับกันของฝูงชนที่เบียดเสียดกัน ทั้งนี้ หากรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ก็ขอให้รีบหาทางหลบออกมาจากสถานที่ดังกล่าวโดยเร็ว หากคนไทยต้องการความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล เบอร์โทรศัพท์ +82 10-6747-0095 หรือ +82 10-3099-2955

“นายกรัฐมนตรี ห่วงใยคนไทยที่ต้องการเข้าร่วมช่วงการเฉลิมฉลอง ขอให้เที่ยวอย่างมีสติ เตรียมการเดินทาง เข้าร่วมกิจกรรม อย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงบริเวณแออัด พื้นที่คนพลุกพล่าน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุไม่คาดฝัน” นายชัย กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics