วันที่ 27 เมษายน 2024

ธ.ก.ส.จัดรถขนส่งสิ่งของ-เครื่องอุปโภคบริโภคไปให้ผู้ป่วยโควิด-บุคลากรทางการแพทย์ ฟรี

People Unity News : ธ.ก.ส.ร่วมส่งต่อน้ำใจสู่สังคม ด้วยการจัดรถให้บริการขนส่งสิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภคของผู้บริจาคไปยังบุคลากรทางการแพทย์ หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ยังคงเกิดขึ้นในขณะนี้ ส่งผลให้มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้การเข้าไปดูแลช่วยเหลือไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างทันท่วงทีและไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ธ.ก.ส. ได้ดำเนินโครงการช่วยขนส่งสิ่งของอุปโภคบริโภคของผู้ปันน้ำใจไปให้บุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ด้วยการจัดรถให้บริการขนส่งสิ่งของในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  ฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนหน่วยงานหรือบุคคลที่มีความประสงค์บริจาคอาหารหรือสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตหรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยไปให้บุคลากรทางการแพทย์หรือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยผู้ที่มีความประสงค์ใช้บริการดังกล่าว สามารถติดต่อ  ได้ที่ Call Center 02 555 0555

ธ.ก.ส.ในฐานะหน่วยงานของรัฐภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง  พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและให้บริการกับประชาชน  ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างเต็มที่ เพื่อให้คนไทยทุกคนก้าวข้ามวิกฤติต่างๆไปด้วยกัน  โดยที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้มีนโยบายให้สาขาทั่วประเทศ เข้าไปสนับสนุน น้ำดื่ม อาหารกล่อง  รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หน่วยให้บริการฉีดวัคซีนในพื้นที่ อีกทั้งได้สมทบทุนเงินบริจาคให้กับหน่วยงานต่างๆในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อาทิ มูลนิธิโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช มูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ในการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID-19 มูลนิธิไทยพีบีเอส เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไปผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อสนับสนุนโครงการตรวจคัดกรองโควิดทันใจ (Rapid Antigen Test) นำไปใช้สำหรับรองรับตรวจสอบการได้รับเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นต้น

Advertising

“หมอชลน่าน” เตรียมยกระดับหลักประกันสุขภาพ ใช้บัตรประชาชนใบเดียว รักษาได้ทุกที่

People Unity News : 6 กันยายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล – “หมอชลน่าน” เตรียมยกระดับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ เริ่มเมื่อไหร่ ขอเวลาศึกษาก่อน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงนโยบายสิ่งแรกที่จะดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุข ว่า รอฟังนโยบายที่จะแถลงก่อน ส่วนจะรื้อฟื้นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคกลับมาใช้หรือไม่ เป็นการยกระดับนโยบายเดิมและปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น

ส่วนที่เดิมเป็นโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าโดยไม่ต้องจ่ายเงิน 30 บาท นโยบายใหม่นี้จะต้องกลับมาจ่ายเงิน 30 บาทหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เป็นโครงการเดิมสมัยรัฐบาลไทยรักไทย เดิมผู้เข้ารับบริการจะเสียเงิน 30 บาท แต่เมื่อปรับปรุงมาเรื่อย ๆ ก็ไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีรายได้

“นโยบายใหม่จะไม่พูดถึงเรื่องการเงิน และเป็นการยกระดับให้ประชาชนเข้าถึงการให้บริการมากขึ้นโดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว สามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งในเรื่องสุขภาพและประสิทธิภาพ เมื่อระบบมีความสมบูรณ์สามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนจะใช้ระยะเวลานานเท่าใด ขอไปดูรายละเอียดก่อน” นพ.ชลน่าน กล่าว

Advertisement

คลอดแล้ว!งบกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัย-สร้างสรรค์ปี 61 เปิดรับขอทุนรอบแรก ม.ค.61

People unity news online : พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ครั้งที่ 7/2560 ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนงบประมาณประจำปี 2561 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

แผนงบประมาณประจำปี 2561 จำนวน 1,048,738,000 บาท ได้กำหนดกรอบการจัดสรรเพื่อการขับเคลื่อนการทำงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 การสนับสนุนและการให้ทุนจากกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกองทุน จำนวน 917,440,000 บาท ส่วนที่ 2 การดำเนินโครงการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ โดยสำนักงานกองทุน (ภายใต้แผนงาน/โครงการ ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสทช. ในปี พ.ศ.2560 จำนวน 3 แผนงาน 7 โครงการ) จำนวน 26,500,000 บาท และส่วนที่ 3 การดำเนินงานตามภารกิจปกติ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของกองทุน สร้างระบบและความเข้มแข็งขององค์กร (การสื่อสารเพื่อขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์สู่สังคม และการสนับสนุนดำเนินตามภารกิจปกติของกองทุน) จำนวน 104,798,000 บาท

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า การสนับสนุนและการให้ทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 จะดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนกองทุนฯทั้งสามด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การส่งเสริมและสนับสนุนภาคีเครือข่ายในการผลิต พัฒนาและเผยแพร่สื่อปลอดภัยและและสร้างสรรค์ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างองค์ความรู้ให้ประชาชนใช้สื่ออย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ และยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาและส่งเสริมกลไกให้เกิดการรู้เท่าทัน และเฝ้าระวังสื่อไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์ รวมจำนวน 885,000,000 บาท

ในปีงบประมาณ พ.ศ.2561 จำแนกการให้ทุนเป็น 2 ประเภทคือ แบบเปิดทั่วไป (Open Grant) และแบบให้ทุนสนับสนุนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Grant) โดยจะมีการเปิดให้ทุนจำนวน 2 รอบ รอบที่ 1 จะเปิดให้ทุนประมาณเดือนมกราคม 2561 ส่วนรอบที่ 2 จะเปิดให้ทุนประมาณเดือนมิถุนายน 2561

People unity news online : post 22 พฤศจิกายน 2560 เวลา 17.15 น.

ครม.ไฟเขียวงบ “กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา” ปี 66 วงเงิน 6.5 พันล้านบาท

People Unity News : ครม. ไฟเขียว งบ “กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา” ปี 66 เดินหน้า 9 แผนงาน วงเงิน 6.5 พันล้านบาท

16 ม.ค. 65 ที่ประชุม ครม. (11 ม.ค. 65) เห็นชอบแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ปี 2566 กรอบวงเงิน 6,556 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมโอกาสและพัฒนาคุณภาพนักเรียน โดยมี 9 แผนงานที่สำคัญ ดังนี้

นวัตกรรมและการวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา, พัฒนาระบบหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษาตั้งแต่ปฐมวัย – ภาคบังคับ, พัฒนาคุณภาพโรงเรียนทั้งระบบ, จัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

พัฒนาระบบการผลิตและพัฒนาครูสำหรับโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล, ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับสูงกกว่าภาคบังคับ, ส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ, สื่อสารขับเคลื่อนนโยบายและระดมความร่วมมือ และบริหารและพัฒนาระบบงาน เช่น พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ

ส่งผลให้เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาสจะได้รับการอุดหนุนเงินเพื่อเข้าถึงการศึกษา และป้องกันการหลุดออกจากระบบการศึกษาทุกระดับชั้น ครูและหน่วยจัดการเรียนรู้ได้รับการพัฒนาคุณภาพทั่วถึง มีนวัตกรรม และต้นแบบ สำหรับภาครัฐและสังคมใช้เป็นแนวทางในการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา

Advertising

“แพนเค้ก​ เขมนิจ​”พร้อมครอบครัวทำบุญทอดกฐินที่วัดไทยเมืองลียง​ฝรั่งเศส

People Unity News : “แพนเค้ก​ เขมนิจ​”พร้อมครอบครัวทำบุญทอดกฐินที่วัดไทยเมืองลียง​ฝรั่งเศส สมเด็จพระมหาธีราจารย์เป็นประธาน

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณกรรมการฝ่ายสาธารณะสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปเป็นประธานในการทอดกฐินสามัคคี​ ณ​ วัดนวมินทรราชูทิศ​ เมืองลียง​ ประเทศฝรั่งเศส ในโอกาสนี้มี”แพนเค้ก​ เขมนิจ​ เขมนิจ​ จามิกรณ์” นางนวลอนงค์​ จามิกรณ์​ พร้อมครอบครัวและคณะ​ ได้เดินทางไปร่วมทำบุญด้วย

Cr.เพจ Watnawamin Lyon

ปตท. ร่วมแก้วิกฤตฝุ่น PM 2.5 ให้พนักงาน Work from Home ลดการสัญจร

People Unity News : 3 กุมภาพันธ์ 2566 ปตท. ให้พนักงานที่ปฏิบัติงานในกรุงเทพฯ และอีก 6 จังหวัดปฏิบัติงานในที่พักระหว่างวันที่ 3 – 5 กุมภาพันธ์เพื่อร่วมลดฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการสัญจร

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)  กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด ทำให้ฝุ่นละอองสะสมตัวมากขึ้น และส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานของคนไทย เราตระหนักถึงปัญหาจึงมีนโยบายให้พนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา ระยอง ราชบุรี และขอนแก่น ปฏิบัติงานในที่พัก (Work from Home) ระหว่างวันที่ 3 – 5 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อร่วมลดผลกระทบที่เกิดจากการสัญจร

ทั้งนี้ ปตท. ยึดมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชม และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) ซึ่งเร็วกว่าที่ประเทศกำหนด ด้วยกลยุทธ์เชิงรุก “ปรับ เปลี่ยน ปลูก” ปรับกระบวนการผลิต ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการให้ได้สูงสุด เปลี่ยนสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มสัดส่วนการลงทุนโดยมุ่งธุรกิจพลังงานสะอาด อาทิ พลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ปลูกป่าเพิ่ม 2 ล้านไร่ โดย ปตท. เป็นแกนหลักในการปลูก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศด้วยวิธีทางธรรมชาติ

ปตท. พร้อมดำเนินการในทุกมิติเพื่อเป็นส่วนหนี่งในการช่วยลดปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และจะอยู่เคียงข้างคนไทยเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างมั่นคงและยั่งยืน

Advertisement

“กนกวรรณ”หนุนจัดงบฯอนุรักษ์คุรุสัมมนาคารเลยอายุกว่า 102 ปี ลุยดัน กศน.สู่ 6G

People Unity News : “กนกวรรณ”รมช.ศธ. หนุนจัดงบฯอนุรักษ์คุรุสัมมนาคาร กศน.เมียงเลย อายุกว่า 102 ปี เก่ามีสภาพทรุดโทรม ลุยต่อไม่รอแล้ว ยึดหลักการทำงาน “ทุกข์ก็เห็นหน้า สุขก็เห็นหน้า” ขับเคลื่อน กศน. สู่ กศน.6G

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ดร.พะโยม ชิณวงศ์ ประธานคณะทำงาน รมช.ศธ. และคณะลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ อาคารครุสัมนาคาร ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองเลย (กศน.อำเภอเมืองเลย) สังกัด สำนักงาน กศน. จังหวัดเลย โดยอาคารคุรุสัมมนาคารแห่งนี้ เป็นอาคารเก่าสภาพทรุดโทรม มีอายุการใช้งานมากว่า 102 ปี (พ.ศ.2460) และปัจจุบันใช้เป็นที่ทำการของ กศน.อำเภอเมืองเลย เพื่อให้บริการจัดการศึกษาสำหรับนักศึกษาและประชาชนในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดเลย มาตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2536

ดร.กนกวรรณ เปิดเผยว่า “วันนี้ตนลงพื้นที่เพื่อตรวจราชการและติดตามงานตามนโยบายการศึกษาของหน่วยงานในการกำกับดูแล ในเขตจังหวัดเลย ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ได้มาตรวจเยี่ยมและได้เห็นสภาพปัญหาในการดำเนินงานของพื้นที่อย่างแท้จริง โดยอาคารคุรุสัมนาคารแห่งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงาน กศน.จังหวัดเลย เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ยาว 44 เมตร กว้าง 8เมตร มีประวัติอายุการใช้งานที่ยาวนาน กว่า 102 ปี เป็นอาคารไม้เก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของท้องถิ่นที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้คงไว้เป็นสมบัติของชุมชน ซึ่งสำนักงาน กศน.จังหวัดได้เคยจัดสรรงบประมาณของจังหวัดในการปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ.2554 โดยการทาสีอาคาร แต่เนื่องจากอายุการใช้งานที่ยาวนานจึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงหลายด้าน เพราะจากการรับฟังรายงานและตรวจเยี่ยม พบว่าสภาพอาคารโดยรอบมีความทรุดโทรมควรต้องได้รับการบูรณะซ่อมแซม พัฒนา ปรับปรุงให้เกิดความปลอดภัย พร้อมใช้งานโดยเร็ว โดยเฉพาะระบบสายไฟฟ้าภายในที่ไม่ได้รับการเปลี่ยนปรับปรุงมานานหลายปี เพื่อป้องกันอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ รวมทั้งการปรับปรุงโครงสร้างอาคาร ฝ้าเพดาน รางน้ำและการทาสีอาคารโดยรอบ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ สำนักงาน กศน.จังหวัดเลยจัดทำข้อมูลรายละเอียดการซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารสถานที่และระบบสาธารณูปโภคเสนอมายังต้นสังกัด เพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณในการซ่อมบำรุงต่อไป”

“อาคารคุรุสัมมนาคารเลย” ปัจจุบันเป็นอาคารที่ตั้งของ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองเลย สถานภาพเป็นสถานศึกษา ในราชการบริหารส่วนกลาง สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดเลย สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง ศึกษาธิการ ประกาศจัดตั้ง โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2531 ข้อ 6 ประกาศ ณ วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2536 ตามประกาศกระทรวง ศึกษาธิการ

เรื่อง จัดตั้งศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอ/กิ่งอำเภอ นายปราโมท สุขุม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนาม โดยได้ใช้อาคารไม้ 2 ชั้น ยาว 44 เมตร กว้าง 8 เมตร ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันตก มีอายุกว่า 102 ปี ซึ่งเดิมเป็นโรงเรียนสตรีเลยและเป็นที่ทำการหน่วยศึกษานิเทศก์และจัดประชุมสัมมนา เรียกชื่ออาคารนี้ว่า “คุรุสัมมนาคารเลย” และเป็นที่ทำการของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเลย ตามลำดับ และปัจจุบันศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอเมืองเลย ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองเลย ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องบัญชีรายชื่อสถานศึกษาในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนสำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจของสถานศึกษาตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยพ.ศ. 2551 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2551

ลุยต่อไม่รอแล้วจร้า ยึดหลักการทำงาน “ทุกข์ก็เห็นหน้า สุขก็เห็นหน้า”

พร้อมกันนี้ ดร.กนกวรรณ และ ดร.พะโยม และคณะลงพื้นที่ตรวจราชการและมอบนโยบายด้านการศึกษาแก่ผู้บริหาร ข้าราชการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาในจังหวัดเลย พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานและผลิตภัณฑ์ชุมชนของ กศน. ณ สำนักงาน กศน. จังหวัดเลย โดยมี นายชนาส ชัชวาลวงศ์ รองผู้ว่าราชการเลย ดร.ใยอนงค์ ทิมสุวรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายธนยศ ทิมสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเลย เขต 3 ผู้บริหาร คณะครู นักเรียน นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่จังหวัดเลย ร่วมให้การต้อนรับ

ดร.กนกวรรณ กล่าวตอนหนึ่งว่า “ตนได้รับมอบหมายจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้กำกับดูแล กศน. การศึกษาเอกชน และสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ซึ่งนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งก็เดินหน้าทำงานเพื่อพัฒนาการศึกษาให้เดินหน้าในทุกมิติ การลงพื้นที่ตรวจราชการทุกแห่งก็พร้อมรับฟังปัญหาและยินดีเป็นผู้นำสารจากทุกหน่วยงานแม้มิได้กำกับดูแล ก็ส่งต่อถึงท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและต้นสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการด้วยความเต็มใจ โดยยึดหลักการทำงาน “ทุกข์ก็เห็นหน้า สุขก็เห็นหน้า” ในการดูแลประชาชนคนไทยทุกคน เพื่อทลายทุกข้อจำกัดที่เป็นข้อขัดข้องในการทำงาน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หรือจะลงชื่อ สะท้อนปัญหาผ่านจดหมาย ส่งมาที่ ตนเองที่กระทรวงศึกษาธิการก็ยินดี เพราะถือว่าคำแนะนำ ข้อเสนอแนะของทุกท่านล้วนมีความสำคัญ และเป็นประโยชน์ในการเติมเต็มการทำงานเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทยให้มีคุณภาพต่อไป

สำหรับการดำเนินงานตามนโยบายของ กศน. ในปีงบประมาณ 2563 นี้ กศน.จะเดินหน้าขับเคลื่อน กศน. สู่ กศน. WOW (6G) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ที่ดีแก่คนทุกช่วงวัยในทุกพื้นที่ ในการพลิกโฉมการเรียนรู้ให้มีความทันสมัยสู่ยุคดิจิทัลในทุกมิติ ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่วางไว้ และอีกเรื่องที่สำคัญ คือ เรื่อง ขวัญกำลังใจของการพัฒนาบุคลากร ซึ่งเมื่อลงพื้นที่ทุกๆแห่ง ก็ได้รับทราบถึงปัญหาบุคลากรอัตราจ้างและพนักงานราชการที่ไม่สามารถบรรจุเป็นข้าราชการครูได้ รวมทั้งเรื่องขาดแคลนข้าราชการในพื้นที่ ซึ่งเราได้มีการประชุมหารือและสามารถเกลี่ยอัตราสำหรับการสอบบรรจุข้าราชการครู กศน.ได้จำนวน 891 อัตราตามที่เคยมอบนโยบายไปแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์ เพราะยังมีข้อจำกัดบางเรื่องเกี่ยวกับใบประกอบวิชาชีพครู วุฒิครู แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะตั้งใจมาแก้ปัญหาด้วยความจริงใจ

ในส่วนของการศึกษาเอกชน ได้ดำเนินการผลักดันเรื่องของสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการทำงานและสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครูเอกชน โดยได้ดำเนินการปรับค่ารักษาพยาบาลจาก 100,000 บาท เป็น 150,000 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2563 นี้ ในเรื่องค่ารักษาพยาบาลของครูเอกชน ที่ต้องการให้สวัสดิการรักษาพยาบาลครอบคลุมถึงบุคคลในครอบครัวของครูเอกชนด้วยนั้น เรื่องนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ การจัดสวัสดิการเนื่องจากต้องใช้ดอกผลจากกองทุนฯ หากกองทุนฯ สามารถบริหารจัดการ สร้างรายได้ ได้เพียงพอ ก็จะเร่งดำเนินการให้ทันที เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ครูเอกชน พร้อมทั้งจะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถเบิกจ่ายตรงตรงได้ต่อไป สำหรับเงินอุดหนุนรายหัวซึ่งปัจจุบันได้รับ 70% ขอปรับเพิ่มเป็น 75% สช.ได้บรรจุเรื่องนี้ไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปี 2564 แล้ว

จากนั้น รมช.ศธ.และคณะได้เดินทางไปมอบนโยบายและพบปะข้าราชการ เจ้าหน้าที่และนักศึกษา กศน. ณ หอประชุมอำเภอภูเรือ และเยี่ยมชมห้องสมุดประชาชนอำเภอภูเรือ ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้ กศน.จังหวัดเลยเร่งจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาและส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการวางแผน บริหารจัดการ พัฒนา และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัยและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค เพื่อยกระดับแรงงานให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ขจัดปัญหาการจ้างแรงงานที่ไม่ถูกกฏหมายและลดการอพยพถิ่นฐานไปทำงานนอกพื้นที่อย่างยั่งยืน

นายกฯ ชม “ผู้ว่า กทม.” ทำงานดีแต่ต้องพีอาร์มากขึ้น

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 23 กุมภาพันธ์ 2567 ศาลาว่าการ กทม. – นายกฯ เยือนศาลาว่าการ กทม. นั่งหัวโต๊ะประชุมพัฒนา กทม. ชม “ชัชชาติ” ทำงานดี แต่ต้องประชาสัมพันธ์เพิ่ม นอกจากสร้างความเข้าใจ ปชช.แล้ว ยังจูงใจ นทท.ด้วย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าในการเร่งรัดการพัฒนากรุงเทพมหานคร ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ร่วมกับนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. โดยนายกรัฐมนตรีรับฟังการบรรยายสรุปการประชุมติดตามการเร่งพัฒนากรุงเทพมหานคร จาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ขณะนี้ได้เร่งให้เป็นไปตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น การขับเคลื่อนพัฒนากรุงเทพฯ การจัดการสาธารณูปโภคพื้นฐานและการจัดการด้านสังคม กับเรื่องเศรษฐกิจ ได้แก่  การแก้ปัญหาการจราจร โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย  การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่ยังไม่ครอบคลุม ซึ่งด้านจราจร ถือว่าเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน เบื้องต้นจะกวดขันวินัยจราจร ติดตั้งกล้อง CCTV การปรับปรุงจุดที่เป็นคอขวดและงานก่อสร้าง ซึ่งมีหลายจุดในกรุงเทพฯ

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่นำเสนอข้อมูลอย่างชัดเจน กรุงเทพฯ ถือเป็นแหล่งความเจริญสำคัญ แต่ยอมรับว่าการดำเนินการทุกอย่างขณะนี้ ยังขาดการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน จึงอาจจะยังไม่รวดเร็วทันใจ แต่หลายคนมีฝีมือและทำงานได้ดีในการเร่งพัฒนาหลายด้าน ต่อจากนี้อยากเห็นในหลาย ๆ หน่วยงานมาร่วมกันผลักดัน ซึ่งหากมีอะไรติดขัดนั้นสามารถให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรับทราบและเร่งประสานกันสนับสนุนต่อไปได้

“สำหรับปัญหาการจราจร ยอมรับว่าประสบปัญหามานาน ที่ผ่านมาการทำงานของกรุงเทพฯ ถือว่าดี แต่ภาพรวมนั้นยังขาดการสื่อสาร หลายประเทศที่ผมเดินทางไป การจราจรอาจจะมีปัญหามากกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำ สิ่งที่กรุงเทพฯ ต้องเร่งประชาสัมพันธ์การทำงานอย่างต่อเนื่องให้ประชาชนรับทราบมากกว่าเดิม เพราะถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพฯ มากขึ้นด้วยหากประชาสัมพันธ์ที่ดี” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านการเดินทางท่องเที่ยวที่กำลังเป็นปัญหาคือขนส่งมวลชน แท็กซี่โกงมิเตอร์ ในส่วนนี้ตนเข้าใจดีกว่าหากแท็กซี่รับผู้โดยสาร กดมิเตอร์เลย แล้วไปเจอรถติดเขาก็ไม่ได้เงิน ตรงนี้ก็ต้องเห็นใจทุกฝ่าย พร้อมฝากไปยังกระทรวงคมนาคมในการใช้เทคโนโนยีที่ทันสมัย เข้ามาแก้ไขปัญหาและพัฒนาให้ระบบทัดเทียมต่างประเทศ ส่วนเรื่องของแท็กซี่ผี ตุ๊กตุ๊กผี ขอฝาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ดูแล เพราะอยากให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจมากที่สุด

“ด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 มั่นใจรัฐบาลบริหารจัดการฝุ่นได้ดี  แต่ปัญหาหลักตอนนี้คือด้านเศรษฐกิจ ที่การแก้ไขปัญหาของประชาชนต้องใช้เงิน  ทำให้ในด้านการเกษตรที่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มในการกำจัดวัชพืชโดยไม่เผา ซึ่งได้ขอบคุณทางกรุงเทพมหานครที่แจกเครื่องอัดฟางให้กับเกษตรกรในเขตหนองจอก ทำให้ลดปริมาณการเผาลงได้มาก รวมทั้งปัญหาของเพื่อนบ้าน ซึ่งข้อจำกัดการจัดการหลายอย่าง แต่รัฐบาลได้ต่อสายตรงหลายประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรับฟังและแก้ไขปัญหาไปพร้อมกัน ขณะนี้ปัญหาฝุ่นลดลงมาก หากผลักดันได้ให้ใช้ขนส่งมวลชน รถยนต์ส่วนบุคคลแบบไฟฟ้าคงจะดีมากขึ้น รัฐบาลจริงจังจริงใจแก้ปัญหา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวได้เปรียบเทียบการแก้ไขปัญหาจราจรสมัยนายทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีและนายชัชชาติ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมว่ามีประสิทธิภาพปัญหาลดลงมากกว่าตอนนี้  นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่ากลับไปเหมือนเดิมหรือไม่ แต่เชื่อว่าการแก้ไขปัญหาสามารถทำได้ดีกว่านี้ ตอนนี้ยังแก้ไขปัญหาและบริหารงานอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องการเดินทางขนส่งมวลชน การลดราคาค่าโดยสาร

ด้านนายชัชชาติ กล่าวเสริมว่า การแก้ไขปัญหา ไม่ใช่การสร้างถนน แต่เป็นการสร้างขนส่งมวลชนที่ดี ซึ่งขณะนี้กรุงเทพมหานครกำลังดำเนินการอยู่เช่นกัน

ส่วนแนวคิดที่กรุงเทพมหานครพิจารณาย้ายท่าเรือคลองเตย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องตรวจสอบให้รอบด้าน ต้องดูการสร้างท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เฟส 1-2 หากเสร็จสมบูรณ์ก็ต้องดำเนินการควบคู่กันไป แต่ต้องไม่กระทบการขนส่ง ซึ่งนายชัชชาติ กล่าวต่อว่า เรื่องท่าเรือคลองเตยอยู่ในวาระฝุ่นแห่งชาติ ปี 2562 แล้ว จะบอกว่าต้องกลับมาทบทวนว่าแนวทางดังกล่าวจะเหมาะสมหรือไม่ แต่ตัวอย่างจากหลายประเทศก็ไม่มีท่าเรือขนาดใหญ่ในเมืองหลวง

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การทำงานระหว่างรัฐบาลกับกรุงเทพมหานครไม่มีปัญหา ที่ผ่านมาเห็นชัดกันอยู่แล้วว่าสามารถโทรติดต่อเพื่อขอประสานงาน ยกหูสายตรงได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ หลังการประชุม นายกรัฐมนตรีได้ร่วมกับส่วนราชการกรุงเทพมหานคร ปล่อยขบวนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพัฒนากรุงเทพมหานคร ที่บริเวณลานคนเมือง

Advertisement

รองโฆษกรัฐบาลเผยเตรียมใช้ระบบ M Flow เก็บเงินบนทางด่วนแก้ปัญหาแออัดช่องจ่ายเงิน

People Unity News : เตรียมพร้อมใช้ระบบ M Flow บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 แก้ปัญหาจราจรแออัดด้วยระบบ AI

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยกระทรวงคมนาคมเตรียมนำร่องใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัจฉริยะรูปแบบใหม่ (M Flow) ช่วยแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดบนทางด่วนและมอเตอร์เวย์ ลดความแออัดของรถบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทาง เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางสำหรับผู้ใช้บริการ โดยกรมทางหลวงจะนำร่องบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 ในช่วงต้นปี 2564 โดยปรับปรุงด่านนำร่องจำนวน 4 ด่าน ได้แก่ ด่านทับช้าง 1 ด่านทับช้าง 2 ด่านธัญบุรี 1 และด่านธัญบุรี 2 ในขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยจะนำร่องบนทางพิเศษฉลองรัช บริเวณด่านจตุโชติ ด่านสุขาภิบาล 5-1 และด่านรามอินทรา ทั้งนี้ ระบบ M Flow เป็นการใช้เทคโนโลยี AI มาพัฒนาระบบจัดเก็บค่าผ่านด้วยกล้องตรวจบันทึกภาพป้ายทะเบียนรถ แทนการเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบระบบไม้กั้น ทำให้ผู้ใช้รถยนต์สามารถขับขี่ผ่านบริเวณด่านฯ โดยไม่ต้องหยุดหรือชะลอรถ ด้วยความเร็วได้ถึง 160 กม./ชม. ช่วยระบายรถได้ 2,000 -2,500 คัน/ชม./ช่องทาง เร็วขึ้นกว่าระบบเดิมที่ใช้อยู่ถึง 5 เท่า รองรับการใช้งานกับรถยนต์ทุกประเภทที่ได้รับอนุญาตให้วิ่งบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือทางพิเศษ ทั้งรถยนต์ 4 ล้อ รถยนต์ 6 ล้อ และรถยนต์มากกว่า 6 ล้อขึ้นไป ชำระค่าธรรมเนียมผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หลังการใช้บริการ หรือระบบ Post Paid ทั้งแบบชำระเป็นรายครั้งหรือชำระตามรอบบิล รวมไปถึงการชำระผ่านเว็บไซต์หรือโมบายแอปพลิเคชั่นของระบบ M-Flow ตลอดจนการชำระด้วยระบบ QR Code และการชำระผ่านระบบตัดเงินอัตโนมัติ

นางสาวไตรศุลี ย้ำว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการให้ทุกส่วนราชการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ ตามนโยบาย Thailand 4.0 โดยเฉพาะการพัฒนางานบริการประชาชนให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ในปีหน้าผู้ใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 และทางพิเศษฉลองรัช จะได้สัมผัสมิติใหม่ของการให้บริการ ซึ่งกรมทางหลวง และการทางพิเศษแห่งประเทศยังจะเตรียมขยายผลนำระบบ M Flow ไปใช้กับทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและทางพิเศษในเส้นทางอื่นๆต่อไป

Advertising

“พม.”จับมือ”ม.นเรศวร”ร่วมสร้างทักษะพัฒนาอาชีพ ให้กลุ่มเปราะบาง

People Unity News : “พม.”จับมือ”ม.นเรศวร”ร่วมสร้างทักษะพัฒนาอาชีพ ให้กลุ่มเปราะบางในสังคม พร้อมต่อยอดไปจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.15 น. ที่ห้องประชุมวิทยาลัยพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธี ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กับ วิทยาลัยเทคโนโลยีธุรกิจอาหารไทยและนานาชาติ มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) โดยมี นางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดีกรมกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ นายธนสุนทร สว่างสาลี รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กาญจนา เงารังสี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร และนางสาวมารีน่า จงเลิศเจษฎาวงศ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีธุรกิจอาหารไทยและนานาชาติ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการนำองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงาน รวมถึงความร่วมมือระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตคนพิการ การพัฒนาอาชีพและศักยภาพสตรี อีกทั้งเพื่อการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันครอบครัว

นายจุติ กล่าวว่า เป็นการบูรณาการของหน่วยงานภาควิชาการ ท้องถิ่น ราชการ และประชาสังคม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคม โครงการนี้จะเป็นการสร้างอาชีพ สร้างทักษะ สร้างโอกาสให้ผู้ด้อยโอกาส เป็นการเน้นจุดแข็งของประเทศ วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม รวมถึงพัฒนาทุนมนุษย์ ต้องขอขอบคุณมหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ที่ร่วมมือกันทำโครงการนี้ ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง ทาง กระทรวง พม.จะนำไปต่อยอดและขยายไปในทั่วทุกภูมิภาค

นายจุติ กล่าวอีกว่า เป้าหมายในการทำโครงการ คือต้องการสร้างทักษะ สร้างอาชีพ ให้กับกลุ่มเปราะบางในสังคมทั่วประเทศที่มีมากถึง 500,000 ครัวเรือน ทำให้ปัญหาสังคมมีมากมาย เช่น สถิติการหย่าร้าง คุณพ่อและคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เป็นต้น ดังนั้นทางกระทรวง พม.ต้องแก้ไขปัญหาของสังคม พร้อมกับการสร้างอาชีพ เพื่อเศรษฐกิจและประโยชน์ที่จับต้องได้ให้กับประชาชน โดยจะมีกระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่จะช่วยกันสร้างโมเดลนี้ให้เติบโตยิ่งขึ้นไป

Verified by ExactMetrics