วันที่ 8 พฤษภาคม 2024

รู้ยัง? สปสช. สานต่อดูแลผู้ป่วยโควิด สิทธิบัตรทอง (กลุ่มสีเขียว) ผ่านทาง 2 แอป

People Unity News : 19 กรกฎาคม 2565 สปสช. สานต่อการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง (กลุ่มสีเขียว) ผ่านบริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ที่อยู่ในพื้นที่ กทม. – ปริมณฑล คือ นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร

โดยสามารถเลือกลงทะเบียนตามแบบฟอร์มลงทะเบียนโครงการ Self-Isolation สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 สนับสนุนโครงการโดย สปสช. และ สวทช. ผ่านการให้บริการ ดังนี้

1.แอปฯ Good Doctor Technology ให้บริการโดย บริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) : https://forms.gle/YKVMKy1p8FRDDBje7 สอบถามเพิ่มเติม LINE ID: @GDTT

2.แอปฯ MorDee (หมอดี) ให้บริการโดย บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด : https://form.typeform.com/to/cNKqNz3p สอบถามเพิ่มเติม LINE ID : @mordeeapp

Advertisement

อากาศร้อน คนแห่กันไป! รัฐบาลสั่ง สคบ. กวดขัน “สวนน้ำ-สวนสนุก” ให้ปลอดภัย

People unity news online : วันนี้ (26 เมษายน 2560) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 109 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งที่ 4/2560 ซึ่งผลการประชุมที่สำคัญมีดังนี้

1.ที่ประชุมได้รับทราบรายงานผลการจัดกิจกรรม “สวนน้ำปลอดภัย สวนสนุกน่าเล่น” ที่สวนสยาม กรุงเทพฯ โดยได้เน้นให้ผู้ประกอบการบริหารจัดการเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภคตั้งแต่ขั้นตอนการปฏิบัติงานสวนน้ำ โดยมีการตรวจสอบรายการและอุปกรณ์เครื่องเล่นสวนน้ำให้มีความสะอาดและปลอดภัยได้มาตรฐาน หากมีปัญหาในเครื่องเล่นหรืออุปกรณ์ต้องดำเนินการแก้ไขโดยทันที พร้อมติดตามการซ่อมจากทีมช่างอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันมีการกำกับดูแลขั้นตอนการปฏิบัติงานขณะเปิดบริการให้ผู้บริโภคหรือประชาชน โดยมีการเฝ้าระวังความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดและมีคู่มือการปฏิบัติงานในแต่ละจุดบริการอย่างเป็นระบบ หากมีอุบัติเหตุหรือปัญหาใดๆเกิดขึ้นต้องให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนด้วยความรวดเร็ว ตลอดจนมีขั้นตอนปฏิบัติชัดเจนให้ผู้บริโภคหรือประชาชนทราบกำหนดเวลาปิดให้บริการเพื่อจะได้จัดสรรเวลาในการเล่นเครื่องเล่นต่างๆได้เป็นอย่างดี จากนั้นควรมีการประชุมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานหลังเสร็จสิ้น การให้บริการในแต่ละวัน เพื่อสรุปผลการให้บริการประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรให้เจ้าหน้าที่ทุกจุดเครื่องเล่นตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องเล่นให้มีความปลอดภัย พร้อมที่จะให้บริการในวันถัดไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.ที่ประชุมได้รับทราบรายงานผลการจัดกิจกรรม “งานรณรงค์ร่วมใจ เลิกใช้โฟมบรรจุอาหาร” เพื่อเป็นการส่งเสริมและให้ความรู้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการให้มีการเลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่ปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และย่อยสลายง่าย โดยควรเป็นภาชนะบรรจุอาหารที่ทำจากชานอ้อย ข้าวโพด หรือมันสำปะหลัง เพราะว่าภาชนะบรรจุอาหารที่ทำจากโฟมที่ใช้กันแพร่หลายมีส่วนผสมของสารก่อมะเร็ง ทั้งนี้ ผู้ประกอบการในศูนย์อาหารดังกล่าวมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้นและยินดีให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยนายออมสินได้กำชับให้ สคบ. ดำเนินการรณรงค์เรื่องนี้อย่างต่อเนื่องโดยเน้นไปที่ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ซึ่งมีศูนย์อาหารและร้านอาหารจำนวนมากในห้างสรรพสินค้า ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

3.ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจที่ส่งผลกระทบกับผู้บริโภคโดยได้ดำเนินการธุรกิจที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่จัดทำเอกสารหรือข้อตกลงกับผู้บริโภค ดังนี้

– ด้านสังหาริมทรัพย์ให้ดำเนินคดีเเพ่งกับบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) และบริษัท เสฎฐวุฒิบ้านและคอนโด จำกัด รวมทั้งสิ้น 2 คดี

– ด้านสินค้าและบริการให้ดำเนินคดีแพ่งกับบริษัท สยามนิสสัน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท บีแอนด์บีคลิ่งนิ่งโฮม จำกัด พล.ต.ต.นายแพทย์ พิชิต อดิโรจนานนท์ ผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาล เมโทรคลินิก เวชกรรมเฉพาะทาง บริษัท อินเตอร์โฟลต์ จำกัด นายโอภาส เจริญวิทย์ ผู้ประกอบธุรกิจบอนค้าคลินิกเวชกรรม บริษัท เฟซแอนด์บอดี้ (เชียงใหม่) จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอทีแอร์ทิคเก็ต รวมทั้งนางสาว รักชนก บุญธิติกุล และนางสาวเยาวลักษณ์ ราชชมพู ตามลำดับรวมทั้งสิ้น 8 คดี

People unity news online : post 26 เมษายน 2560 เวลา 16.00 น.

23 เม.ย. กรมบัญชีกลางจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุเข้าบัตรสวัสดิการฯ นัดแรก!

People Unity News : 21 เม.ย. 65 กรมบัญชีกลาง เผย 23 เม.ย. 65 จะเริ่มจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย (อัตราเดิม) เข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการฯ ใช้จ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น ตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่อนุมัติแนวทางการจ่ายเงินฯ สำหรับปีงบประมาณ 2565

โดยจะจ่ายเงินเป็นจำนวน 10 เดือน เข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ในบัตรสวัสดิการฯ ของผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ก่อนเดือนที่ได้รับสิทธิ (รายได้ไม่เกิน 30,000 บ./ปี รับเงินสงเคราะห์ฯ 100 บ./เดือน หากรายได้มากกว่า 30,000 – 100,000 บ./ปี รับเงินสงเคราะห์ฯ 50 บ./เดือน) งวดแรกสำหรับเดือน ต.ค. 64 – ก.พ. 65 จะจ่ายในเดือน เม.ย. 65 และงวดถัดไปจะจ่ายเป็นรายเดือนตั้งแต่เดือน พ.ค. – ก.ย. 65

ผู้สูงอายุสามารถใช้วงเงินดังกล่าวชำระค่าสินค้า – บริการได้ที่ร้านธงฟ้าฯ ร้านค้าประชารัฐ หรือถอนเป็นเงินสดได้ที่ตู้ ATM ธ.กรุงไทย…สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 0 2109 2345 และ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 ในวันและเวลาราชการ

Advertisement

ลดมลพิษ “เตาเผาศพ” ทส.ให้แนวทางปฏิบัติสำหรับฌาปนสถาน แยกวัสดุ – คุมความร้อน

People Unity News : 28 มิถุนายน 65 การเผาศพ มักเผาไหม้ไม่สมบูรณ์จึงสร้างมลพิษ เช่น ฝุ่นละออง เขม่าควัน ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ประกอบกับ การเผาวัสดุตกแต่งโลง ก่อให้เกิดโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท สารไดออกซินและฟิวแรน เป็นพิษต่อร่างกาย และเป็นสารก่อมะเร็ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จึงจำเป็นต้องออกประกาศ เรื่อง กำหนดให้เตาเผาศพเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่ต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม พ.ศ.2565 โดยมีผลใช้บังคับกับ กทม. พัทยา เขตเทศบาลนคร และเทศบาลเมือง ตั้งแต่ 24 มิ.ย. 65 เป็นต้นมา ส่วนพื้นที่อื่นๆ ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 3 ปีนับจากวันที่ 23 มิ.ย. 65

แนวทางปฏิบัติสำหรับฌาปนสถาน มีดังนี้

1.แยกวัสดุที่ไม่ควรเผาออก เช่น โฟม พลาสติก กระดาษเงิน/ทอง วัสดุตกแต่งโลง

2.อุ่นห้องเผาควัน ก่อนห้องเผาศพ และคุมอุณหภูมิ ไม่ให้ต่ำกว่า 850 องศาเซลเซียสตลอดการเผา

3.ติดไฟห้องเผาศพ และควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ต่ำกว่า 800 องศาเซลเซียสตลอดการเผา เพื่อให้เกิดการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ตลอดกระบวนการ ไม่สร้างเขม่าและมลพิษ เป็นมิตรสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน

ทั้งนี้ ทส. จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานการควบคุมมลพิษ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน

Advertisement

การเคหะแห่งชาติไม่ใช่ผู้ประกอบการขายบ้านในโบชัวร์

People unity : ผมอยากจะพูดไปยังการเคหะแห่งชาติ และผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ นายธัชพล กาญจนกูล ให้กลับไปดูโครงการที่อยู่อาศัยโครงการใหม่ต่างๆของการเคหะฯที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในยุคนี้ และกำลังเสนอขายให้แก่พี่น้องประชาชน โดยให้คำนึงถึงความเสียหายและความรู้สึกของประชาชนให้มากๆ รวมทั้งเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของการเคหะฯไม่ให้เกิดความเสียหายด้วย

ในฐานะที่ผมเคยเข้าไปช่วยให้คำปรึกษาแก่ผู้ว่าการในฐานะที่ปรึกษาส่วนตัว และในฐานะคณะทำงานคณะหนึ่งที่ผู้ว่าการการเคหะฯแต่งตั้งขึ้น ซึ่งผมคิดว่าได้ให้คำปรึกษาและช่วยประสานงานที่เป็นประโยชน์แก่การเคหะฯและเป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนไปไม่น้อย ผมจึงไม่อยากเห็นการเคหะฯเกิดความเสียหายขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่การเคหะฯเคยเกิดความเสียหายอย่างหนักมาแล้วจากโครงการบ้านเอื้ออาทร

ผมจะไม่พูดเป็นการส่วนตัวไปยังผู้ว่าการ ทั้งที่สามารถทำได้ แต่ขอพูดเสนอความเห็นผ่านสาธารณะ เพราะเห็นว่าสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ อาจมีบางคนในการเคหะฯทัดทานหรือไม่เห็นด้วย หรืออาจไปขัดผลประโยชน์ของใคร ซึ่งอาจทำให้ผู้ว่าการต้องเจอกับแรงกดดัน ผมเห็นว่ามีแต่การพูดผ่านสาธารณะเท่านั้นที่จะทำให้เกิดการรับฟังเหตุผลของผมได้

สิ่งที่ผมจะพูด คือ โครงการที่อยู่อาศัยโครงการใหม่ๆที่การเคหะฯเปิดการขายเปิดให้จองแก่พี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง ซึ่งขณะนี้มีมากมายหลายโครงการทั่วประเทศ จะต้องไม่นำโครงการที่ยังติดปัญหาอุปสรรคในการก่อสร้างโครงการ ออกมาขายหรือออกมาให้ประชาชนจอง โดยทุกโครงการที่เปิดให้ประชาชนจองต้องสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ทันที และต้องสามารถทำได้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดหรือใกล้เคียงกำหนด กล่าวคือ ต้องมีความพร้อมแล้วทุกด้านที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการก่อนที่จะเปิดขายเปิดจองให้แก่ประชาชน ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการด้านที่อยู่อาศัยของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง ซึ่งมีความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย และหวังพึ่งพิงและมีความไว้วางใจการเคหะฯในฐานะหน่วยงานของรัฐที่จะจัดสร้างที่อยู่อาศัยราคาเหมาะสมให้

เหตุผลที่ผมต้องพูดอย่างนี้ก็เพราะปรากฏว่า มีโครงการบางโครงการของการเคหะฯในขณะนี้ที่เปิดให้ประชาชนจอง ทำสัญญารับจองกับประชาชนไปแล้ว มีการเก็บเงินจองจากประชาชนไปทุกเดือนแล้วเป็นปีๆ แต่ยังไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการได้แม้แต่น้อย หรือกว่าจะดำเนินการก่อสร้างโครงการได้ก็จะเลยเวลาตามกำหนดไปนานมาก หรืออาจจะมีบางโครงการล้มเลิกโครงการไปแบบเงียบๆก็เป็นได้ในอนาคต เพราะการเคหะฯติดขัดปัญหาอุปสรรคในการก่อสร้างโครงการ

บางโครงการมีปัญหาอุปสรรคในการก่อสร้างโครงการตั้งแต่เริ่มเปิดโครงการและเปิดให้ประชาชนจอง การเคหะฯก็รู้ปัญหา แต่ยังเปิดให้ประชาชนจอง โดยคาดว่าจะสามารถไปแก้ปัญหาเอาในภายหลังได้ ประชาชนไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าการเคหะฯมีปัญหา อุปสรรค จึงพากันเข้ามาจองจำนวนมากด้วยความเชื่อถือการเคหะฯ แต่การก่อสร้างโครงการก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามกำหนด เลื่อนมาตลอด

ธัชพล กาญจนกูล

ประชาชนที่จองไว้ได้แต่รอ โดยไม่มีความแน่ชัดว่าโครงการจะเริ่มก่อสร้างได้เมื่อใด บ้านหรือที่อยู่อาศัยที่หวังว่าจะได้อยู่ตามกำหนดก็ไม่ได้อยู่ ประสบความเดือดร้อน ขณะที่รอก็ต้องจ่ายเงินค่างวดตามสัญญาให้การเคหะฯ หากผิดสัญญาเดือนไหนไม่จ่ายหรือจ่ายช้า เพราะเห็นว่าโครงการไม่คืบหน้า ก็จะถูกการเคหะฯคิดค่าปรับ ทั้งที่การเคหะฯควรเป็นผู้จ่ายค่าปรับความล่าช้าของโครงการให้แก่ประชาชน หรือไม่ก็ควรสั่งหยุดรับเงินจองรายเดือนไว้ก่อน หรือประกาศคืนเงินจองให้ประชาชน เพื่อความเป็นธรรมแก่ประชาชน และเพื่อให้ประชาชนนำเงินไปจัดหาซื้อที่อยู่อาศัยโครงการอื่น

เหตุการณ์แบบนี้ คล้ายกับในอดีตที่เคยเกิดขึ้นกับโครงการที่อยู่อาศัยของเอกชนยุคหนึ่ง ที่เปิดขายโครงการกระดาษหรือโครงการในโบชัวร์ แล้วเปิดให้ประชาชนจอง เสร็จแล้วก็เก็บเงินทำสัญญาและเงินจองรายเดือนจากประชาชนไป ในที่สุดโครงการก็ล้ม สร้างไม่ได้ ผู้ประกอบหนีหายไป ประชาชนสูญเงิน ฟ้องกันไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งเดี๋ยวนี้โครงการของเอกชนแทบไม่มีลักษณะนี้แล้ว เพราะส่วนใหญ่มักจะสร้างแล้วเสร็จ พร้อมกับขายไปด้วย หรือหากเป็นโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ ก็ต้องเป็นโครงการของบริษัทใหญ่ที่ประชาชนเชื่อถือเท่านั้น จึงจะมีคนจอง

การเคหะฯเป็นหน่วยงานของรัฐ ไม่ล้ม ไม่หนีหายไปไหนเหมือนเอกชนพวกนั้น ประชาชนเชื่อถือไว้วางใจ มีงบประมาณทำโครงการ มีความพร้อมทุกด้านในการทำโครงการเพื่อพี่น้องประชาชน อย่างเดียวที่เหลือคือ การเคหะฯจะต้องทำโครงการด้วยความรับผิดชอบต่อประชาชน ตอบสนองความต้องการของประชาชน สำคัญกว่าสิ่งใด โดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพราะหวังจะอยู่อาศัย และเงินทุกบาททุกสตางค์ของประชาชนในการซื้อที่อยู่อาศัยมีค่ามาก การทำให้โครงการที่การเคหะฯเปิดขาย ก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามกำหนด หรือยิ่งเสร็จเร็วกว่ากำหนด จะเป็นประโยชน์และผลดีสูงสุดแก่ประชาชนที่ต้องการที่อยู่อาศัย รวมทั้งจะต้องทำให้โครงการมีความเพรียบพร้อมสะดวกสบายมากที่สุดมอบให้แก่ประชาชนด้วย นั่นคือภารกิจและความรับผิดชอบสูงสุดของการเคหะฯ

การเคหะฯจะไปทำการตลาดเยี่ยงอย่างผู้ประกอบการเอกชนประเภทขายโครงการในโบชัวร์แบบในอดีตไม่ได้เด็ดขาด เพราะการเคหะฯเป็นหน่วยงานของรัฐ และมีต้นทุนสูงในด้านความเชื่อถือไว้วางใจจากประชาชน โครงการของการเคหะฯที่เปิดขาย จึงต้องผ่านการพิจารณาแล้วว่าทำได้จริง และไม่มีปัญหาใดๆ

หรือการเคหะฯจะรีบผุดโครงการจำนวนมากขึ้นมา แล้วเปิดการขายโครงการ (แม้ว่าบางโครงการจะยังมีปัญหาอุปสรรคในการก่อสร้าง) ซึ่งก่อให้เกิดยอดจองและตัวเลขเงินจองไปสร้างผลประกอบการในเชิงรายได้ที่ดีขึ้นให้แก่การเคหะฯ ก็ถือว่าการเคหะฯกำลังให้ความสำคัญกับผลประกอบการทางธุรกิจมากกว่าความรับผิดชอบต่อประชาชน

หรือหากการเคหะฯเร่งผุดโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมากมายหลายโครงการขึ้นทั่วประเทศในขณะนี้ เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในด้านการจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชน การเคหะฯก็มีหน้าที่จะต้องเร่งรัดการจัดสร้างที่อยู่อาศัยในทุกโครงการของการเคหะฯให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และที่สำคัญจะต้องผ่านการพิจารณาเป็นอย่างดีแล้วว่า โครงการที่ผุดขึ้นอยู่ในพื้นที่และทำเลรวมทั้งมีรูปแบบบ้านและราคาที่เหมาะสมตรงกับความต้องการของประชาชนมากที่สุด เพื่อให้โครงการขายได้ หาไม่แล้วโครงการก็อาจเหลือจำนวนมาก เพราะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนดังเช่นโครงการเอื้ออาทรในอดีต

โดย : พูลเดช กรรณิการ์ อดีตที่ปรึกษาและวิทยากรในคณะทำงานด้านเสริมสร้างพันธมิตร การเคหะแห่งชาติ 21 มกราคม 2562

สังคม : การเคหะแห่งชาติไม่ใช่ผู้ประกอบการขายบ้านในโบชัวร์

People unity : post 21 มกราคม 2562 เวลา 03.10 น.

พ.ร.บ.สถาบันพระบรมราชชนกคลอด สธ.พร้อมผลิตพยาบาล-บุคลากรด้านสุขภาพเอง

People Unity : สถาบันพระบรมราชชนก พร้อมเป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านการพยาบาล สาธารณสุข และสหเวชศาสตร์ให้มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของประเทศ

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสภาสถาบันพระบรมราชชนก ว่า  ขณะนี้ พระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ.2562 ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2562 โดยได้กำหนดให้จัดตั้งสถาบันพระบรมราชชนก เป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีสถานะเป็นสถานศึกษาของรัฐ เป็นนิติบุคคล จัดการการศึกษาระดับปริญญา สามารถประสาทปริญญาบัตรได้เอง พัฒนาระบบบริหารและการจัดการ และวิชาการที่มีความคล่องตัว โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสภาสถานศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภารกิจหลักเพื่อผลิตกำลังคนด้านสาธารณสุขให้มีความสอดคล้องกับแผนของกระทรวงฯ และภาพรวมของประเทศ ดำเนินการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ รวมถึงมาตรฐานการศึกษาและวิชาการ การจัดการ และฝึกอบรมบุคลากรด้านสุขภาพ การพยาบาล สาธารณสุข และสหเวชศาสตร์ให้มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของประเทศ

ทั้งนี้ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ให้กระทบต่อการเรียนการสอนและบุคคลกรในระยะสั้น ได้มีการวางแผนให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นสำนักงานอธิการบดีก่อน ส่วนระยะกลางคือหาพื้นที่เพื่อจัดสร้างสำนักงานอธิการบดีและศูนย์การศึกษาครบวงจร และระยะยาวพัฒนาระบบการเรียนการสอนให้ครบทุกมิติตามรูปแบบมหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันการดำเนินงานอยู่ระหว่างจัดตั้งคณะกรรมการด้านต่างๆ เช่น คณะกรรมการบริหารงานบุคคล คณะกรรมการสภาวิชาการ คณะกรรมการถ่ายโอนกิจการและทรัพย์สิน คณะกรรมการบริหารการเงินและพัสดุ คณะกรรมการกลั่นกรองร่างกฎหมาย เป็นต้น

ทั้งนี้ สถาบันพระบรมราชชนกมีวิทยาลัยในสังกัดกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศจำนวน 39 แห่ง สามารถผลิตบุคลากรด้านสุขภาพแบ่งเป็น ด้านการพยาบาล 2 หลักสูตร คือ พยาบาลศาสตร์บัณฑิต จำนวน 4,000 คนต่อปี และผู้ช่วยพยาบาล จำนวน 1,800 คนต่อปี ด้านสหเวชศาสตร์ จำนวน 8 หลักสูตร เป็นระดับปริญญาตรี จำนวน 970 คนต่อปี และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง 730 คนต่อปี นอกจากนี้ ยังมีการจัดการพัฒนาบุคลากรด้านการบริการสุขภาพ จำนวน 45 หลักสูตร ผู้เข้ารับการพัฒนา 52,000 คนต่อปี ที่ผ่านมาสถาบันพระบรมราชชนกผลิตบัณฑิตไปแล้วกว่า 220,000 คน

สังคม : พ.ร.บ.สถาบันพระบรมราชชนกคลอด สธ.พร้อมผลิตพยาบาล-บุคลากรด้านสุขภาพเอง

People Unity : post 12 พฤษภาคม 2562 เวลา 08.30 น.

บขส. เตรียมความพร้อมรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 คุมเข้มความปลอดภัย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 ธันวาคม 2566 รมช.คมนาคม “สุรพงษ์” ย้ำ บขส. เตรียมความพร้อมรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 คุมเข้มความปลอดภัย สั่ง 3 หน่วยงาน ผนึกกำลังจัดการเดินทางเชื่อมต่อ รถราง รถทัวร์ รถเมือง อำนวยความสะดวกประชาชน พร้อมมอบของขวัญปีใหม่ จองตั๋วออนไลน์ บขส. ไปก่อน-กลับทีหลัง ลดค่าโดยสาร 20% จองตั๋วล่วงหน้า 1 ปี

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเดินทางเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อเตรียมความพร้อม ตนได้มอบหมายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ให้บริหารจัดการเดินรถโดยสารให้เพียงพอ ไม่ให้มีปัญหาผู้โดยสารตกค้าง รวมทั้งได้เน้นย้ำให้ บขส.กำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้น ทั้งในส่วนของพนักงานขับรถ และรถโดยสาร เช่น ตรวจสภาพความพร้อมของรถโดยสารและพนักงานขับรถก่อนออกให้บริการ, จัดพนักงานขับรถ 2 คน ในเส้นทางสายยาว, กำชับให้ผู้ประกอบการรถร่วมฯ ดูแลชั่วโมงการทำงานให้เหมาะสม, พนักงานขับรถต้องตรวจสุขภาพประจำปี ปีละ 1 ครั้ง และให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง เป็นต้น

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ บขส. จัดทำโครงการมอบของขวัญปีใหม่ 2567 ให้กับพี่น้องประชาชน ได้แก่ โครงการลดค่าโดยสาร (“HAPPY NEW YEAR 2024 ลด 20% ไปก่อน-กลับทีหลัง”) ให้ผู้โดยสาร บขส. ที่จองตั๋วล่วงหน้า ผ่านช่องทางออนไลน์ Application E-Ticket และ Website : http://transport.co.th/ เดินทางระหว่างวันที่ 18 – 22 ธันวาคม 2566 หรือระหว่างวันที่ 4 – 8 มกราคม 2567 ทุกเส้นทางภายในประเทศ จะได้รับส่วนลด 20% (เฉพาะค่าโดยสารไม่รวมค่าธรรมเนียม) โครงการตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย โดยเปิดให้บริการตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทางให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ บขส. (รังสิต) สถานีเดินรถรังสิต และประชาชนทั่วไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2566 – 10 มกราคม 2567 เป็นต้น รวมทั้งให้ บขส. ขยายระยะการจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า จากเดิม 90 วัน เป็น 1 ปี ซึ่งผู้โดยสารสามารถจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า 1 ปี ได้แล้ว ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Application E-Ticket Website บขส. https://tcl99web.transport.co.th หรือที่ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ณ สถานีเดินรถ บขส. ทั่วประเทศ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงคมนาคมมีนโยบายพัฒนาระบบ Feeder เชื่อมต่อการเดินทาง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะได้แบบไร้รอยต่อตามนโยบาย Quick Win “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” จึงได้มอบหมายให้ บขส. ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทดลองเพิ่มจุดจอดรถโดยสาร (เฉพาะรถ บขส. ขาเข้ากรุงเทพฯ) ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป โดยผู้โดยสารที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ สามารถเลือกเดินทางลงจุดจอดที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถเมล์ ขสมก. หรือจะเลือกเดินทางไปลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เพื่อต่อรถแท็กซี่ได้สะดวกเช่นกัน

ส่วนการให้บริการเดินรถเชื่อมต่อ ระหว่าง บขส. และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่บริเวณชานชาลาขาเข้า หมอชิต 2 การให้บริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดย ขสมก. ได้จัดรถโดยสารวิ่งให้บริการ 12 เส้นทาง รถโดยสารเพียงพอต่อจำนวนผู้ใช้บริการ ทั้งนี้การเพิ่มการเชื่อมต่อของระบบการขนส่งสาธารณะ เป็นการเพิ่มการอำนวยความสะดวก และเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่ประชาชนได้เข้าถึงบริการอย่างทั่วถึง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บขส. Call Center 1490, ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 หรือโทรสายด่วน ขสมก. 1348

Advertisement

“อธิบดี พช.”ลงพื้นที่ติดตามโครงการ”หมู่บ้านคนรักษ์ช้าง”

People Unity News : “อธิบดี พช.”ลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ติดตามโครงการ”หมู่บ้านคนรักษ์ช้าง” หวังลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2562 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เพื่อติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนในพี้นที่ โอกาสนี้ได้ร่วมพบปะผู้นำชุมชน และชาวบ้านเพื่อสอบถามข้อมูลและรับทราบผลกระทบจากช้างกับชาวบ้าน ณ พื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาว จังหวัดจันทบุรี ทั้งนี้ปัญหาระหว่างคนกับช้างในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีมีมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจังหวัดจันทบุรี เป็นพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของประเทศไทย เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง ข้าวโพด และพืชอื่นๆ ที่เป็นอาหารช้าง โดยช้างจะออกจากป่ามากินพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านเกิดความเสียหายมูลค่าหลายล้านบาท

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ตามคำสั่งคณะกรรมการดำเนินงานการจัดการปัญหาเพื่อการร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างคนและช้าง โดยมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นประธานคณะกรรมการฯ กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานที่มีบุคลากรทำงานใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน ตำบล ได้ร่วมเป็นคณะทำงานในการจัดการปัญหาคนกับช้างเพื่อให้เกิดความสมดุล และอยู่ร่วมกันอย่างไม่มีปัญหา เช่น ปลูกพืชที่ช้างไม่กิน การปลูกต้นไม้เป็นแนวกันช้าง เพื่อป้องกันช้างเข้ามาทำลายพืชผักสวนครัวของชาวบ้าน โดยมอบหมายให้พัฒนาการจังหวัด และทีมงาน พช. ร่วมดำเนินการในพื้นที่ ด้วยการจัดกิจกรรมรณรงค์ และแนะนำชาวบ้านทำอาชีพเสริมนอกจากการปลูกพืช ผัก ผลไม้ เพื่อเป็นรายได้เสริมอีกช่องทางหนึ่ง เช่น การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผลไม้ การจักสาน และอาชีพอื่นๆ ที่สามารใช้วัสดุในพื้นที่ โดยเน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป

อธิบดี พช.กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ “หมู่บ้านคนรักษ์ช้าง” มุ่งหวังที่จะป้องกัน แก้ไขปัญหาช้างป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 183 หมู่บ้าน ในพื้นที่ 5 จังหวัดป่ารอยต่อภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดระยอง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี และจังหวัดสระแก้ว เพื่อตอบสนองการขับเคลื่อนภารกิจตามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือโครงการฟื้นฟูแหล่งอาหารช้างป่าพื้นที่ป่าตะวันออก โดยการสร้างองค์ความรู้เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างคนและช้างในระดับหมู่บ้าน ท่านจะได้เข้าใจพฤติกรรมของช้าง การปฏิบัติต่อช้าง การลดปัญหาความขัดแย้งกับช้าง ซึ่งผู้นำหมู่บ้านที่ประสบปัญหาจากช้างป่า จะได้นำองค์ความรู้นั้นไปขยายผลต่อในระดับหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาตามที่คณะทำงานพัฒนาชุมชนมุ่งหวังให้ชาวบ้านในพื้นที่รู้จักช้าง เข้าใจช้าง รักษ์ช้าง และสามารถอยู่ร่วมกันกับช้างได้อย่างสมดุลโดยแท้จริง

จบรถไฟฟ้า-แบน 3 สารพิษ! “อนุทิน”ลุยยันปลูกกัญชา 6 ต้น

People Unity : จบรถไฟฟ้า-แบน 3 สารพิษ! “อนุทิน”ลุยยันปลูกกัญชา 6 ต้น รุดตรวจองค์การเภสัชกรรมพัฒนาสายพันธุ์แปรรูปเป็นผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ พร้อมรับปากกทวงหนี้ 5 พันล้านคืนให้

วันที่ 25 ต.ค.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีแและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หลังจากตรวจเยี่ยมองค์การเภสัชกรรม คลอง 10 จ.ปทุมธานี ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพที่เกี่ยวกับกัญชาผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน ตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าของการพัฒนาสายพันธุ์กัญชาเพื่อให้ได้สารสกัดน้ำมันกัญชาในระดับ MEDICAL GRADE ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาโรคต่างๆด้วยความปลอดภัยและมีมาตรฐานในทุกช่วงของกระบวนการผลิต หลังจากนี้ก็จะได้มีการรวบรวมสถิติข้อมูลจากการใช้รักษาโรคเพื่อนำไปสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติกัญชาที่พรรคภูมิใจไทยได้เสนอต่อรัฐสภาไปเรียบร้อยแล้ว

ที่ถามมาว่าปลูกที่บ้านหกต้นอยู่ที่ไหน โกหกหรือเปล่า นี่คือคำตอบ ถ้าประชาชนที่เห็นคุณค่าและประโยชน์ของการใช้กัญชาในทางการแพทย์ออกมาช่วยกันผลักดัน ก็จะเห็นผลเร็วขึ้น ทุกอย่างผมต้องเน้นความปลอดภัยและทำให้มีสายพันธุ์ที่ให้สารสกัดที่ปลอดภัย ไม่ใช่มั่วเอาอะไรก็ได้”

ทั้งนี้ตามที่นายอนุทินได้ตรวจเยี่ยมองค์การเภสัชกรรม คลอง 10 จ.ปทุมธานีนั้น ได้กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรมเป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพ สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกมาได้มากมาย ซึ่งล้วนแต่มีคุณภาพ ที่ประทับใจมากคือการพัฒนาสายพันธุ์กัญชา มีแปลงปลูกระดับเมดิคัลเกรด และปลูกมาก่อนปี 62 เท่ากับองค์การเภสัชกรรม เห็นประโยชน์จากกัญชา เป็นไปตามนโยบายปัจจุบัน ขอขอบคุณที่มาลงเรือลำเดียวกัน

ทั้งนี้ พูดอยู่เสมอว่าเรื่องนี้ หากไม่พบประโยชน์ มีแต่โทษ ก็ไม่ต้องเดินหน้าต่อ แต่องค์การเภสัชกรรม ยังเดินหน้าอยู่ แสดงว่ากัญชาต้องมีดี และองค์การเภสัชกรรม นับว่ามีองค์ความรู้เรื่องกัญชาที่มีประโยชน์ ข้อมูลดังกล่าวจะสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องแก่สังคมให้เปิดใจยอมรับมากขึ้น เวลาโพสต์อะไร มักจะมีคนถามเรื่อง 6 ต้น ขอทำความเข้าใจว่า เมื่อก่อนน้ำมันกัญชา อยู่ใต้ดิน ต้องแอบทำ แอบใช้ ตอนนี้ อนุญาตให้ใช้ตามสถานพยาบาลแล้ว นี่คือความคืบหน้าที่จับต้องได้ ตนมาเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ เพราะมองเห็นประโยชน์ภาพรวมต่อคนไทย สำหรับเรื่อง 6 ต้น กำลังผลักดันผ่านช่องทางสภา ยืนยัน ทำเต็มความสามารถ ส่วนญาติพี่น้อง ไม่มีใครยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจกัญชาทั้งสิ้น

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า องค์การเภสัชกรรมมีศักยภาพในการแข่งขัน และทำกำไรได้อย่างน่าชื่นชม กระทั่งเป็นเจ้าหนี้ถึง 5 พันล้านบาท มีลูกหนี้คือกระทรวงสาธารณสุข 3 พันล้านบาท และ สปสช. 2 พันล้านบาท ซึ่งในฐานะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะรับทวงหนี้ให้ โดยงบกระทรวงมีหลักแสนล้านบาท มันต้องมีวิธีจัดการ ตอนนี้ ปัญหา ยังพอมีทางออก แต่ถ้าปล่อยให้หนี้สูงถึงระดับหมื่นล้านบาท รับรองว่าแก้ยากแน่นอน แนวทางแก้ไข อาจจะให้ทยอยจ่ายให้จบใน 3 ปี

“ขอให้องค์การเภสัชกรรมรักษามาตรฐานการทำงานต่อไป เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว สมัยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ เกิดวิกฤติไข้หวัดนก แล้วหายายากมาก ทำให้ตระหนักถึงคุณค่าขององค์การเภสัชกรรมทันที ทั้งนี้ การให้คือบุญที่ยิ่งใหญ่ หากเกิดภาวะโรคระบาด แล้วไทยมีสำรองยาสำหรับนานาชาติ มันจะเป็นเรื่องดีแค่ไหน”นายอนุทิน กล่าว

พบ คนพิการยังเผชิญความยากลำบากในการใช้ชีวิต

People Unity News : 10 พฤศจิกายน 2566 กสม. – กสม. ส่งสาร วันคนพิการแห่งชาติ พบ คนพิการยังเผชิญความยากลำบากในการใช้ชีวิต  ระบบขนส่งไม่เอื้ออำนวย การจ้างงานน้อย เบี้ยคนพิการไม่เพียงพอ

เนื่องในโอกาสที่ทุกวันเสาร์ที่สองของเดือนพฤศจิกายน  เป็นวัน “คนพิการแห่งชาติ”  ซึ่งในปี 2566 นี้ ตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน  กรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ขอรณรงค์ให้ทุกภาคส่วน ร่วมกันตระหนักถึงการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของคนพิการ โดยสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐและสถานประกอบการ ซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป จ้างงานคนพิการ  ตามที่กฎหมายกำหนด และปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางกายภาพ การขนส่งสาธารณะ และระบบอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงบริการธุรกรรมทางการเงินสำหรับคนพิการให้มีความก้าวหน้าขึ้น   ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ อาทิ พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนและมีรายละเอียดที่ครอบคลุมความหลากหลายของคนพิการทุกกลุ่มทั้งสตรีและเด็กพิการ ทั้งนี้ เพื่อให้คนพิการทุกประเภทดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างสมบูรณ์    และมีประสิทธิภาพในทุกด้านของการดำเนินชีวิต  มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อันถือเป็นการเคารพในศักดิ์ศรีที่มีมาแต่กำเนิดและเป็นการไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งความพิการ

ทั้งนี้รัฐธรรมนูญ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ และพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ  บัญญัติรับรองความเท่าเทียมและการไม่เลือกปฏิบัติ   ด้วยเหตุแห่งความพิการ  การเคารพศักดิ์ศรีที่มีมาแต่กำเนิด รวมทั้งการมีส่วนร่วมของคนพิการอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพในสังคม โดยคนพิการจะต้องได้รับการปฏิบัติจากบุคคล องค์กรเอกชน และหน่วยงานของรัฐอย่างเป็นธรรม การออกกฎหมาย ระเบียบ นโยบาย มาตรการ หรือคำสั่งใดๆ ในทางที่จะเป็นการเลือกปฏิบัติทางตรงหรือทางอ้อมต่อคนพิการจะกระทำไม่ได้

ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติต่อคนพิการ   และได้ติดตามสถานการณ์ด้านสิทธิของคนพิการในช่วงปีที่ผ่านมา  พบว่า คนพิการยังต้องเผชิญความยากลำบากในการใช้ชีวิตหลายประการ เช่น มีอุปสรรคในการเดินทาง เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางกายภาพและการขนส่งสาธารณะไม่เอื้ออำนวย คนพิการทางการเห็น ประสบปัญหาการเข้าถึงและใช้งานแอปพลิเคชั่นธนาคาร (mobile banking)

หน่วยงานของรัฐยังจ้างงานคนพิการในสัดส่วนที่น้อยมาก เนื่องจากปัญหากรอบอัตรากำลังไม่เพียงพอ และอาคารของส่วนราชการ โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาคไม่สามารถปรับปรุงให้เอื้ออำนวยต่อการจัดสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อการปฏิบัติงานของผู้พิการได้ เช่น ทางลาด ห้องน้ำ และลิฟต์  นอกจากนี้ เบี้ยคนพิการจำนวน 800 บาท ต่อเดือน ยังไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตและการดูแลสุขอนามัยของคนพิการด้วย

Advertisement

Verified by ExactMetrics