People Unity News : “กนกวรรณ”รมช.ศธ. หนุนจัดงบฯอนุรักษ์คุรุสัมมนาคาร กศน.เมียงเลย อายุกว่า 102 ปี เก่ามีสภาพทรุดโทรม ลุยต่อไม่รอแล้ว ยึดหลักการทำงาน “ทุกข์ก็เห็นหน้า สุขก็เห็นหน้า” ขับเคลื่อน กศน. สู่ กศน.6G

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ดร.พะโยม ชิณวงศ์ ประธานคณะทำงาน รมช.ศธ. และคณะลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ อาคารครุสัมนาคาร ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองเลย (กศน.อำเภอเมืองเลย) สังกัด สำนักงาน กศน. จังหวัดเลย โดยอาคารคุรุสัมมนาคารแห่งนี้ เป็นอาคารเก่าสภาพทรุดโทรม มีอายุการใช้งานมากว่า 102 ปี (พ.ศ.2460) และปัจจุบันใช้เป็นที่ทำการของ กศน.อำเภอเมืองเลย เพื่อให้บริการจัดการศึกษาสำหรับนักศึกษาและประชาชนในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดเลย มาตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2536

ดร.กนกวรรณ เปิดเผยว่า “วันนี้ตนลงพื้นที่เพื่อตรวจราชการและติดตามงานตามนโยบายการศึกษาของหน่วยงานในการกำกับดูแล ในเขตจังหวัดเลย ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ได้มาตรวจเยี่ยมและได้เห็นสภาพปัญหาในการดำเนินงานของพื้นที่อย่างแท้จริง โดยอาคารคุรุสัมนาคารแห่งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงาน กศน.จังหวัดเลย เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ยาว 44 เมตร กว้าง 8เมตร มีประวัติอายุการใช้งานที่ยาวนาน กว่า 102 ปี เป็นอาคารไม้เก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของท้องถิ่นที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้คงไว้เป็นสมบัติของชุมชน ซึ่งสำนักงาน กศน.จังหวัดได้เคยจัดสรรงบประมาณของจังหวัดในการปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ.2554 โดยการทาสีอาคาร แต่เนื่องจากอายุการใช้งานที่ยาวนานจึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงหลายด้าน เพราะจากการรับฟังรายงานและตรวจเยี่ยม พบว่าสภาพอาคารโดยรอบมีความทรุดโทรมควรต้องได้รับการบูรณะซ่อมแซม พัฒนา ปรับปรุงให้เกิดความปลอดภัย พร้อมใช้งานโดยเร็ว โดยเฉพาะระบบสายไฟฟ้าภายในที่ไม่ได้รับการเปลี่ยนปรับปรุงมานานหลายปี เพื่อป้องกันอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ รวมทั้งการปรับปรุงโครงสร้างอาคาร ฝ้าเพดาน รางน้ำและการทาสีอาคารโดยรอบ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ สำนักงาน กศน.จังหวัดเลยจัดทำข้อมูลรายละเอียดการซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารสถานที่และระบบสาธารณูปโภคเสนอมายังต้นสังกัด เพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณในการซ่อมบำรุงต่อไป”

“อาคารคุรุสัมมนาคารเลย” ปัจจุบันเป็นอาคารที่ตั้งของ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองเลย สถานภาพเป็นสถานศึกษา ในราชการบริหารส่วนกลาง สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดเลย สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง ศึกษาธิการ ประกาศจัดตั้ง โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2531 ข้อ 6 ประกาศ ณ วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2536 ตามประกาศกระทรวง ศึกษาธิการ

เรื่อง จัดตั้งศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอ/กิ่งอำเภอ นายปราโมท สุขุม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนาม โดยได้ใช้อาคารไม้ 2 ชั้น ยาว 44 เมตร กว้าง 8 เมตร ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันตก มีอายุกว่า 102 ปี ซึ่งเดิมเป็นโรงเรียนสตรีเลยและเป็นที่ทำการหน่วยศึกษานิเทศก์และจัดประชุมสัมมนา เรียกชื่ออาคารนี้ว่า “คุรุสัมมนาคารเลย” และเป็นที่ทำการของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเลย ตามลำดับ และปัจจุบันศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอเมืองเลย ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองเลย ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องบัญชีรายชื่อสถานศึกษาในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนสำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจของสถานศึกษาตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยพ.ศ. 2551 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2551

ลุยต่อไม่รอแล้วจร้า ยึดหลักการทำงาน “ทุกข์ก็เห็นหน้า สุขก็เห็นหน้า”

พร้อมกันนี้ ดร.กนกวรรณ และ ดร.พะโยม และคณะลงพื้นที่ตรวจราชการและมอบนโยบายด้านการศึกษาแก่ผู้บริหาร ข้าราชการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาในจังหวัดเลย พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานและผลิตภัณฑ์ชุมชนของ กศน. ณ สำนักงาน กศน. จังหวัดเลย โดยมี นายชนาส ชัชวาลวงศ์ รองผู้ว่าราชการเลย ดร.ใยอนงค์ ทิมสุวรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายธนยศ ทิมสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเลย เขต 3 ผู้บริหาร คณะครู นักเรียน นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่จังหวัดเลย ร่วมให้การต้อนรับ

ดร.กนกวรรณ กล่าวตอนหนึ่งว่า “ตนได้รับมอบหมายจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้กำกับดูแล กศน. การศึกษาเอกชน และสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ซึ่งนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งก็เดินหน้าทำงานเพื่อพัฒนาการศึกษาให้เดินหน้าในทุกมิติ การลงพื้นที่ตรวจราชการทุกแห่งก็พร้อมรับฟังปัญหาและยินดีเป็นผู้นำสารจากทุกหน่วยงานแม้มิได้กำกับดูแล ก็ส่งต่อถึงท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและต้นสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการด้วยความเต็มใจ โดยยึดหลักการทำงาน “ทุกข์ก็เห็นหน้า สุขก็เห็นหน้า” ในการดูแลประชาชนคนไทยทุกคน เพื่อทลายทุกข้อจำกัดที่เป็นข้อขัดข้องในการทำงาน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หรือจะลงชื่อ สะท้อนปัญหาผ่านจดหมาย ส่งมาที่ ตนเองที่กระทรวงศึกษาธิการก็ยินดี เพราะถือว่าคำแนะนำ ข้อเสนอแนะของทุกท่านล้วนมีความสำคัญ และเป็นประโยชน์ในการเติมเต็มการทำงานเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทยให้มีคุณภาพต่อไป

สำหรับการดำเนินงานตามนโยบายของ กศน. ในปีงบประมาณ 2563 นี้ กศน.จะเดินหน้าขับเคลื่อน กศน. สู่ กศน. WOW (6G) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ที่ดีแก่คนทุกช่วงวัยในทุกพื้นที่ ในการพลิกโฉมการเรียนรู้ให้มีความทันสมัยสู่ยุคดิจิทัลในทุกมิติ ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่วางไว้ และอีกเรื่องที่สำคัญ คือ เรื่อง ขวัญกำลังใจของการพัฒนาบุคลากร ซึ่งเมื่อลงพื้นที่ทุกๆแห่ง ก็ได้รับทราบถึงปัญหาบุคลากรอัตราจ้างและพนักงานราชการที่ไม่สามารถบรรจุเป็นข้าราชการครูได้ รวมทั้งเรื่องขาดแคลนข้าราชการในพื้นที่ ซึ่งเราได้มีการประชุมหารือและสามารถเกลี่ยอัตราสำหรับการสอบบรรจุข้าราชการครู กศน.ได้จำนวน 891 อัตราตามที่เคยมอบนโยบายไปแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์ เพราะยังมีข้อจำกัดบางเรื่องเกี่ยวกับใบประกอบวิชาชีพครู วุฒิครู แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะตั้งใจมาแก้ปัญหาด้วยความจริงใจ

ในส่วนของการศึกษาเอกชน ได้ดำเนินการผลักดันเรื่องของสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการทำงานและสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครูเอกชน โดยได้ดำเนินการปรับค่ารักษาพยาบาลจาก 100,000 บาท เป็น 150,000 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2563 นี้ ในเรื่องค่ารักษาพยาบาลของครูเอกชน ที่ต้องการให้สวัสดิการรักษาพยาบาลครอบคลุมถึงบุคคลในครอบครัวของครูเอกชนด้วยนั้น เรื่องนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ การจัดสวัสดิการเนื่องจากต้องใช้ดอกผลจากกองทุนฯ หากกองทุนฯ สามารถบริหารจัดการ สร้างรายได้ ได้เพียงพอ ก็จะเร่งดำเนินการให้ทันที เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ครูเอกชน พร้อมทั้งจะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถเบิกจ่ายตรงตรงได้ต่อไป สำหรับเงินอุดหนุนรายหัวซึ่งปัจจุบันได้รับ 70% ขอปรับเพิ่มเป็น 75% สช.ได้บรรจุเรื่องนี้ไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปี 2564 แล้ว

จากนั้น รมช.ศธ.และคณะได้เดินทางไปมอบนโยบายและพบปะข้าราชการ เจ้าหน้าที่และนักศึกษา กศน. ณ หอประชุมอำเภอภูเรือ และเยี่ยมชมห้องสมุดประชาชนอำเภอภูเรือ ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้ กศน.จังหวัดเลยเร่งจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาและส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการวางแผน บริหารจัดการ พัฒนา และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัยและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค เพื่อยกระดับแรงงานให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ขจัดปัญหาการจ้างแรงงานที่ไม่ถูกกฏหมายและลดการอพยพถิ่นฐานไปทำงานนอกพื้นที่อย่างยั่งยืน