วันที่ 29 เมษายน 2024

“ลุงป้อม” ยิ้ม “น้องกันยา” รอพบ

People Unity News : 11 มกราคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล – “พล.อ.ประวิตร” ยิ้มหลัง “น้องกันยา” ที่มาร่วมงานคณะเยาวชนเข้าพบนายกฯแล้ว แต่ยังอยู่ต่อรอขอถ่ายรูป พร้อมบอกเป็นกำลังใจให้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับทูตต่างประเทศ  ก่อนเดินทางกลับได้เปิดโอกาสให้ ด.ญ.กันยกร พลบวรเดชสกุล หรือ น้องกันยา อายุ 8 ขวบ เด็กคณิตศาสตร์โอลิมปิคของสถาบัน WIMO ซึ่งได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของฮ่องกง ได้รับรางวัลคณิตศาสตร์โอลิมปิกสองปีซ้อน ซึ่งมาร่วมกิจกรรมเด็กและเยาวชนดีเด่นและเด็กที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ และได้รับโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล แต่ยังอยู่ต่อรอขอถ่ายรูปกับ พล.อ.ประวิตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ พล.อ.ประวิตรพบน้องกันยา ก็มีท่าทียิ้มแย้มเป็นกันเองและเปิดโอกาสให้น้องกันยา พร้อมกับครอบครัวได้ถ่ายรูปร่วมกัน ขณะที่น้องกันยา กล่าวให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตรว่า “หนูขอเป็นกำลังใจให้นะคะ” ซึ่ง พล.อ.ประวิตรยิ้มและจับศีรษะน้องกันยาอย่างเอ็นดู และมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา จนผู้สื่อข่าวกระเซ้า พล.อ.ประวิตรว่าขอถ่ายรูปได้ไหม เพราะเป็นเด็กเหมือนกัน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวติดตลกกับผู้สื่อข่าวว่า “เด็กอะไรกันแก่จะตายห่าอยู่แล้ว” พร้อมกับอมยิ้ม แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์และออกจากทำเนียบรัฐบาล

Advertisement

ฝ่ายค้านประกาศพร้อมคว่ำ พ.ร.บ.กัญชา หากไม่ปรับแก้ตามที่ฝ่ายค้านเสนอ

People Unity News : 10 พฤศจิกายน 2565 ฝ่ายค้านประกาศถ้าไม่ปรับแก้จะคว่ำร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง  ลั่นต้องควบคุมใช้ทางการแพทย์จริงจัง หลัง รมว.สธ.โพสต์รูปคู่ไอติม ชี้เป็นสันทนาการ

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน  กล่าวว่า หากกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ไม่ปรับแก้ตามที่ฝ่ายค้านเสนอในการพิจารณาวาระสอง จะลงมติไม่เห็นด้วยเป็นรายมาตรา และจะลงมติคว่ำในวาระสาม และเรื่องนี้ฝ่ายค้านมีความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน  จึงนำเรื่องไปยื่นต่อศาลปกครองฟ้องนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลมีคําสั่งเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข  ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์  2565 เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ออกประกาศ และให้กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข  ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2563  เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 พ.ศ. 2563 เช่นเดิม พร้อมทั้งขอให้ศาลมีคําสั่งคุ้มครองชั่วคราว  ด้วยการทุเลาการบังคับตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดีด้วย

ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ กรรมการแพทยสภาและนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่ร่วมยื่นเรื่องและไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชา  เพราะเห็นว่าการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแสดงให้เห็นถึงการนำกัญชาไปผลิตเป็นอาหาร หรือไอติม เป็นความชัดเจนว่าไม่ได้ใช้กัญชาทางการแพทย์ แต่เป็นการใช้กัญชาในเชิงสันทนาการ นอกจากนี้ยังเป็นประกาศที่ทำให้การใช้กัญชาเสรีจนเกินไป

“ไม่มีการใคร่ครวญอย่างละเอียด ไม่มีกฎหมายควบคุมจนเด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย  หรือแม้ว่าจะมีพระราชบัญญัติกัญชา กัญชงออกมาใช้ก็ไม่ทัน  รวมทั้งยังเสียเวลา เพราะกฎหมายนี้ไม่มีความพร้อม และไม่สมบูรณ์   จึงเห็นว่าควรจะทุเลาประกาศนี้ออกไปก่อน   ซึ่งจะไม่มีผลต่อการใช้ทางการแพทย์  เพราะมีประกาศเดิม 2563 รองรับการใช้งานทางการแพทย์อยู่แล้ว” ผศ.นพ.สมิทธิ์ กล่าว

Advertisement

“ประวิตร” พอใจผลสำเร็จ ไร้พื้นที่ภัยแล้งฤดูแล้งปี 64/65 พร้อมเดินหน้า 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปีนี้

People Unity News : 11 มิ.ย. 65 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) และผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) แถลงถึงความสำเร็จในการบูรณาการแก้ไขปัญหาน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 64/65 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลงานเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ส่งผลให้ประเทศไทยไม่มีการประกาศพื้นที่ภัยแล้ง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติการตามมาตรการและแผนเชิงรุกเพื่อรับมือภัยแล้งที่วางไว้ สามารถลดและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากสถานการณ์ภัยแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับการเตรียมรับมือฤดูฝนที่กำลังมาถึงในปี 65 นี้ รัฐบาลได้กำหนด 13 มาตรการรับมือฤดูฝน โดยเพิ่มเติม 3 มาตรการ จากเดิมปี 64 ที่มี 10 มาตรการ เช่น การคาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำ การปรับปรุงระบบการระบายน้ำ และสิ่งกีดขวางทางน้ำตลอดจนตรวจความมั่นคงปลอดภัยของคัน ทำนบและพนังกั้นน้ำ

พร้อมมอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุได้อย่างทันท่วงที วางแผนเก็บกักน้ำสำรองทุกแหล่ง ทั้งน้ำผิวดินและน้ำใต้ดินไว้รองรับฤดูแล้งหน้าด้วย รวมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชนและทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึง เพื่อให้การแก้ปัญหาด้านน้ำเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืนต่อไป

Advertisement

ก.ศึกษา ยืนยัน จ้าง “ครู – บุคลากร” ต่อเนื่อง กำชับ สพฐ. จ่ายเงินเดือนตรงเวลา

People Unity News : 21 พฤษภาคม 65 กระทรวงศึกษาธิการ ยืนยัน มีงบประมาณเพียงพอดูแลครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้แก่ ครูผู้สอน กลุ่มครูขาดแคลน กลุ่มครูคลังสมอง ครูวิทย์-คณิต กลุ่มครูที่ดูแลนักเรียนเด็กพิเศษ บุคลากรด้านธุรการ และนักการภารโรง หลังพบความไม่มั่นใจของครูธุรการว่าจะได้รับการจ้างถึงสิ้นปีงบประมาณและที่ผ่านมายังได้รับเงินเดือนไม่ตรงเวลา โดยงบในปีนี้ สามารถจ้างต่อเนื่องได้ถึงวันที่ 30 ก.ย. 65 อย่างแน่นอน ขอบคุณที่มุ่งมั่นให้การศึกษาที่มีคุณภาพแก่เยาวชน พร้อมกำชับให้ สพฐ. จ่ายเงินเดือนครูให้ตรงเวลา

สำหรับปีงบประมาณ 2566 ศธ. ได้ของบประมาณไปแล้วเพื่อจ้างทุกคนต่อเนื่อง ประกอบด้วย โครงการครูผู้ทรงคุณค่าของแผ่นดิน 610 คน โครงการครูคลังสมอง 1,757 คน และโครงการจ้างเหมาครูและบุคลากรต่างๆ สำหรับโรงเรียนปกติ 44,291 คน วงเงินรวม 6,108 ล้านบาท โดย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ได้ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ

Advertisement

นายกฯ สั่งใช้มาตรการทางการบริหารแก่ข้าราชการผิดวินัยร้ายแรงอย่างเด็ดขาด

People Unity News : 12 กุมภาพันธ์ 2566 โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ เอาจริง กำชับผู้บริหารกระทรวง กรม จังหวัดทั่วประเทศ ถือปฏิบัติตามแนวทางการใช้มาตรการทางการบริหาร แก่ข้าราชการที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยเคร่งครัด ย้ำหากพบกระทำผิดวินัยและจริยธรรมร้ายแรง ให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า สืบเนื่องจากข้อสั่งการของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องวินัยและจริยธรรมของข้าราชการ หากพบข้าราชการกระทำผิดวินัยและจริยธรรมร้ายแรง ให้ใช้มาตรการทางการบริหารแก่ข้าราชการที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง พร้อมกำชับสร้างความเป็นธรรมในการสอบสวนและให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุดนั้น ล่าสุด เลขาธิการ ก.พ. ได้ลงนามหนังสือเวียนที่ นร 1011/ ว 4 เรื่อง การกำชับแนวทางการใช้มาตรการทางการบริหารแก่ข้าราชการ ที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ถึงกระทรวง กรม จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมทั้งแนบแนวทางการใช้มาตรการทางการบริหารแก่ข้าราชการที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงระบุ 3 แนวทางดำเนินการ ให้ผู้บังคับบัญชากำกับดูแลให้ข้าราชการประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของคุณธรรม จริยธรรม และวินัย และให้ผู้บังคับบัญชานำมาตรการทางการบริหารมาใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินการแก่ข้าราชการที่มีพฤติการณ์ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

นายอนุชากล่าวว่า สาระสำคัญของหนังสือเวียนฯ ระบุว่า ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/ว 2169 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2564 แจ้งเวียนให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 ที่ได้เห็นชอบตามมติ ก.พ. ในการประชุมครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2564 ที่เห็นว่า กรณีที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมของข้าราชการในเรื่องชู้สาว การล่วงละเมิดทางเพศ หรือการคุกคามทางเพศ รวมถึงการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการกระทำดังกล่าว ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดวินัยและจริยธรรมอย่างร้ายแรง ถือเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาที่ต้องเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาดำเนินการทางวินัยโดยเร็วด้วยการนำมาตรการทางการบริหารมาใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินการโดยกำชับให้ผู้บังคับบัญชาเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หากผู้บังคับบัญชาละเลยไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริต ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัย

บัดนี้ได้ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนหลายกรณีว่ามีข้าราชการที่มีพฤติการณ์ในเรื่องอื่น ๆ ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง เช่น การเรียกรับเงินในการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่ง การอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตนเรียกรับผลประโยชน์ที่มิควรได้ ดังนั้น เพื่อให้ธำรงไว้ซึ่งเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการ ตลอดจนเพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการดำเนินการของส่วนราชการ จึงเห็นควรกำชับให้ผู้บังคับบัญชากำกับดูแลให้ข้าราชการประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของคุณธรรม จริยธรรม และวินัย รวมทั้งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากปรากฏว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายความผิดทางกฎหมายบ้านเมืองด้วย ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินคดีทางอาญาโดยเร็วต่อไป

นายอนุชากล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางการใช้มาตรการทางการบริหารแก่ข้าราชการที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1011/ว 4 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 มีสาระสำคัญกำชับให้ผู้บังคับบัญชากำกับดูแลให้ข้าราชการประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของคุณธรรม จริยธรรม และวินัย และให้ผู้บังคับบัญชานำมาตรการทางการบริหารมาใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินการแก่ข้าราชการที่มีพฤติการณ์ ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง เช่น การเรียกรับเงินในการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่ง การอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตนเรียกรับผลประโยชน์ที่มิควรได้ อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการดำเนินการในเรื่องที่อยู่ในความสนใจของทางสาธารณชน หรือเรื่องที่มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของทางราชการ ทั้งนี้ สามารถใช้มาตรการทางการบริหารมาดำเนินการแก่ข้าราชการที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ดังต่อไปนี้

กรณีที่ข้าราชการผู้นั้นถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวนหรือถูกฟ้องคดีอาญา หรือต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เว้นแต่เป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลทุโทษ ให้รีบดำเนินการ ดังนี้

(1) กรณีมีเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดตามข้อ 78 ของกฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 พิจารณาสั่งให้ผู้นั้นพักราชการโดยเร็ว

(2) กรณีที่มีเหตุที่อาจถูกสั่งพักราชการตาม (1) และผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 พิจารณาเห็นว่าการสอบสวนหรือพิจารณา หรือการดำเนินคดีนั้น จะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว ให้พิจารณาสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการไว้ก่อนตามข้อ 83 ของกฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 โดยเร็ว

กรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นตามข้อ 2 ของกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ประจำส่วนราชการเป็นการชั่วคราว พ.ศ. 2554 ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 พิจารณาสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้นั้นประจำกระทรวง ประจำกรม หรือประจำจังหวัด แล้วแต่กรณีเป็นการชั่วคราว โดยให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่เดิมโดยเร็ว

กรณีที่ไม่มีเหตุที่จะสั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 หรือสั่งให้ประจำส่วนราชการตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ประจำส่วนราชการเป็นการชั่วคราว พ.ศ. 2554 ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินโดยเร็ว เช่น การสับเปลี่ยนหมุนเวียนงาน การย้ายไปปฏิบัติหน้าที่อื่น

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องวินัยและจริยธรรมของข้าราชการ กำชับให้ใช้มาตรการทางการบริหารแก่ข้าราชการที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุดหากพบข้าราชการกระทำผิดวินัยและจริยธรรมร้ายแรง ตลอดจนเพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการดำเนินการของส่วนราชการ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำให้ผู้บริหารทุกกระทรวง กรม และจังหวัดทั่วประเทศ ถือปฏิบัติตามแนวทางการใช้มาตรการทางการบริหารแก่ข้าราชการที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยเคร่งครัด เพื่อให้ธำรงไว้ซึ่งเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการ” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

เลขาฯ กกต. มั่นใจระบบนับคะแนน ECT Report โปร่งใสแม่นยำ

People Unity News : 24 กุมภาพันธ์ 2566 เลขาฯ กกต. ยืนยันระบบนับคะแนนเลือกตั้ง ECT Report โปร่งใสแม่นยำ ตรวจสอบได้ คาดรู้ผลไม่เป็นทางการคืนวันเลือกตั้ง รอศาล รธน.วินิจฉัยราษฎรแบ่งเขต เชื่อไม่กระทบไทม์ไลน์

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการรายงานผลการเลือกตั้ง ส.ส. แบบเรียลไทม์ หรือ ECT Report ว่า ยังทำเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนคนกรอกข้อมูล เพราะงานของ กกต. ความถูกต้องต้องมาก่อน เพราะเป็นหน่วยงานราชการ ผิดไปคะแนนเดียวก็ไม่ได้ นี่คือเป้าหมาย ถ้าให้กรรมการประจำหน่วย (กปน.) ซึ่งเป็นชาวบ้านกรอกก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะไม่ถูกต้อง เมื่อตรวจสอบเอกสารรายงานผลคะแนนหน้าหน่วย (แบบ ส.ส. 5/18) ถูกต้องแล้วติดหน้าหน่วย จากนั้นคะแนนจะไหลเข้าไปในระบบ จะทยอยเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วให้สื่อมาเชื่อมต่อกับเรา

“เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่ง ก็จะมาตกลงกับสื่อมวลชนว่าจะนำเสนอข้อมูลอย่างไร จะไม่นำเสนอกับประชาชนเอง ส่วนรูปแบบการนำเสนอก็อยู่ที่สื่อจะนำเสนอ ข้อมูลที่สื่อจะได้รับก็ตั้งแต่คะแนนแรกที่ กกต.กลางได้รับข้อมูล ผมไม่สามารถระบุเวลาได้ เมื่อแต่ละหน่วยตรวจสอบความถูกต้องแล้ว แล้วกรอกข้อมูลในเอกสาร 5/18 แล้วนำไปติดหน้าหน่วย แล้วนำสำเนาของ 5/18 ในระบบ เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบว่าตรงกันหรือไม่ คนที่บวกคะแนนไม่สำคัญเท่ากับเอกสาร 5/18 ที่ติดหน้าหน่วยกับเอกสาร 5/18 ในระบบที่ตรงกัน ซึ่งในเอกสาร 5/18 มี กปน.ลงชื่อทั้งหมด 9 คน ยืนยันไม่มีใครแก้คะแนน” เลขาธิการ กกต. กล่าว

เมื่อถามว่า จะรายงานผลเลือกตั้งเป็นระยะหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสื่อที่จะนำข้อมูลไปเผยแพร่ แต่การคำนวณสัดส่วนประชากรต่อการแบ่งเขตเลือกตั้ง อาจเกิดการผิดพลาดทางเทคนิคแล้วระบบล่มได้ จึงเป็นเรื่องทางเทคนิค

ส่วนกรณีการนับคะแนนเลือกตั้งที่มาจากต่างประเทศครั้งที่ผ่านมาเกิดข้อผิดพลาดที่นับคะแนนไม่ทัน ครั้งนี้วางแนวทางแก้ไขเพื่อไม่ให้คะแนนตกน้ำหรือไม่ เลขาธิการ กกต. กล่าว กกต.เตรียมการแก้ไขไว้แล้ว เพราะมีบทเรียนและจะไม่เกิดขึ้นอีก โดยจะติดตามถุงส่งบัตรลงคะแนนไม่ให้คลาดสายตา เพื่อจะให้มาถึงก่อนวันเลือกตั้งแล้วนำส่งไปยังหน่วยเลือกตั้งของผู้ใช้สิทธิ ยืนยันว่ามีแนวทางป้องกันคะแนนสูญเปล่าไว้แล้ว ประชาชนสามารถเข้าถึงการรายงานผลตามระบบ ECT Report ได้ โดยติดตามได้ที่หน่วยเลือกตั้ง และเข้าเว็บไซต์ของ กกต.แต่ละจังหวัด

“ขณะนี้ ECT report กำลังพัฒนาใกล้จะเรียบร้อยแล้ว ไม่เหมือนกับระบบเดิม เพราะ กกต.เป็นผู้ดำเนินการเอง การรายงานผลคะแนนครั้งนี้น่าจะได้รับความสนใจและเร็วที่สุด ภายในคืนวันเลือกตั้งน่าจะรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ทั้งนี้ หากซักซ้อมให้ดี อำนวยความสะดวกทั้งเรื่องการนับคะแนน และการให้ประชาชนลงคะแนน ภายในคืนนั้นก็น่าจะทราบผลทั้ง 77 จังหวัด กกต.ตั้งเป้าหมายการรายงานผลถูกต้องทั้งคะแนน และทุกอย่างถูกต้อง 100% โดยนำบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วพิจารณาว่าทำอย่างไรให้มีเงื่อนไขให้น้อยที่สุด ในส่วนของ กกต. ยังไม่มีเงื่อนไขอะไร และอยากทำให้การเลือกตั้งเรียบร้อยและถูกต้องที่สุด” นายแสวง กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการคำนวณสัดส่วนราษฎรต่อการแบ่งเขตเลือกตั้ง เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ได้เตรียมการไว้ทั้งหมดแล้ว ขอให้สบายใจได้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนด ส่วนไทม์ไลน์การแบ่งเขตอาจจะขยับบ้าง แต่ไม่เกินตามที่วางไว้ ซึ่งพยายามเร่งเวลาการทำงาน เพราะ กกต.ต้องให้เวลากับพรรคการเมืองในการทำไพรมารี ซึ่งการดำเนินการยึดตามอายุครบของสภาฯ คือเวลาที่นานที่สุดแล้ว แต่ต้องทำให้เสร็จก่อนที่พรรคการเมืองจะทำไพรมารี ซึ่ง กกต.ให้เวลาพรรคการเมืองทำไพรมารี 10 วัน

นายแสวง กล่าวว่า ช่วงเลือกตั้งยังสามารถทำโพลสำรวจได้ แต่อย่าชี้นำหรือจูงใจ และอย่าเปิดเผยก่อน 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง แต่ให้ไปเปิดเผยหลังวันเลือกตั้ง

เมื่อถามกรณีนายแสวง ระบุว่า ในช่วงการเลือกตั้ง 18 ชั่วโมง หากไม่ทำให้เรียบร้อยจะอยู่ไม่ได้ หมายความว่าอย่างไร เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า การบริหารจัดการของสำนักงาน กกต. ต้องมีประสิทธิภาพ ซึ่งตนพูดกับพนักงานของตนเสมอว่า เราทำงานเหนื่อยขนาดนี้ ยังมีคนไม่เข้าใจ อย่างเรื่องบัตรหรือเรื่องอื่น ๆ ที่พนักงาน กกต.ไม่ได้ทำ แต่ กปน.ทำ โดย กกต.เป็นคนออกแบบให้ กปน.ทำงาน ซึ่งต้องไม่มีความผิดพลาดในหน่วยเลือกตั้ง อย่าให้ประชาขนเคลือบแคลงใจในการทำงาน

เมื่อถามว่า จะมั่นใจได้อย่างไรว่าโปร่งใส นายแสวง กล่าวว่า คำว่าโปร่งใส บางอย่างเห็นได้ หากผลในเอกสาร 5/18 ผิด ระบบก็จะแจ้งขึ้นมาทันที เราออกแบบเพื่อให้โปร่งใสที่สามารถดูได้ทุกครั้ง ดูได้ทุกอย่าง แต่บางอย่างถ้าเกิดความสงสัย ก็สามารถตรวจสอบได้ จึงออกระบบมาเช่นนี้ การนับคะแนนเหมือนเดิม เพียงแค่เปลี่ยนคนกรอก ระบบก็จะเปลี่ยน เพราะคนกรอกแสนแผ่นก็กรอกไม่ไหว จึงต้องเปลี่ยนระบบให้โปร่งใสและดีขึ้น

Advertisement

นายกฯชวนประชาชนร่วมงานวันมาฆบูชา

People Unity News : 28 กุมภาพันธ์ 2566 นายกฯ เชิญชวนร่วมงานวันมาฆบูชา พ.ศ. 2566 “ประทีปแห่งพระธรรม นำศรัทธา บูชาเพ็ญเดือน 3” ตั้งใจทำดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์

ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา “ประทีปแห่งพระธรรม นำศรัทธา บูชาเพ็ญเดือน 3” เนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา พุทธศักราช 2566

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการองค์ความรู้วันมาฆบูชา โดยตัวแทนนักเรียนโรงเรียนวัดอินทาราม กรุงเทพฯ จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายพวงมาลัยสักการะพระบรมสารีริกธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคล และชมการสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ บทสรรเสริญพระพุทธคุณ โดยคณะนักเรียนระดับประถมศึกษา โรงเรียนวัดกระทุ่มเสือปลา ทีมรางวัลชนะเลิศ ประเภททีมหญิงล้วน ระดับส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) ประจำปีพุทธศักราช 2566

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมและแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวด และกล่าวว่าเป็นบทสวดที่จำได้เคยสวดตอนเด็กและท่องจำมาโดยตลอด ซึ่งศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งความร่มเย็น เป็นศาสนาแห่งความสมานฉันท์ การสวดมนต์ในช่วงเวลาว่างช่วยให้จิตใจร่มเย็นและควรเข้าใจถึงความหมายของบทสวดต่างๆ ซึ่งคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นความจริง

“ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมกิจกรรมวันมาฆบูชา ทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรมเทศนาที่วัดใกล้บ้าน หรือนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมที่บ้านตามความสะดวก หากไม่สะดวกสามารถร่วมกิจกรรมทางศาสนาผ่านระบบออนไลน์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ร่วมกันตั้งใจทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ น้อมนำหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนามาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระพุทธคุณขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและขอให้ความสุขสวัสดีเกิดขึ้นแก่ตัวเอง ทุกคน และทุกครอบครัว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ งานส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา พุทธศักราช 2566 กำหนดจัดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ โดยในส่วนกลางจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 4 – 6 มีนาคม 2566 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และในวันที่ 6 มีนาคม 2566 จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เวียนเทียน และกิจกรรม Walk Rally 9 มงคล สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ณ วัดสุทัศนเทพวราราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ และในส่วนภูมิภาคกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 1 – 6 มีนาคม 2566 ตามบริบทของแต่ละจังหวัด นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจัดทำบัตรอวยพรวันมาฆบูชาออนไลน์ (E-Card) และเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมตอบปัญหาธรรมะออนไลน์ ผ่านทาง www.dra.go.th อีกด้วย

Advertisement

“พล.อ.ประวิตร” ทำบุญวันมาฆบูชา วัดชนะสงคราม

People Unity News : 6 มีนาคม 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปทำบุญที่วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร เนื่องในวันมาฆบูชา โดยนำพวงมาลัยไปไหว้ศาลสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท และเข้ากราบสักการะพระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ พระประธานประจำพระอุโบสถ วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร จากนั้นได้ถวายสังฆทานแด่ท่านเจ้าคุณ พระพิศาลกิจจาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร โดยในระหว่างทำบุญได้มีชาวบ้านที่มาร่วมทำบุญมาขอถ่ายรูป และพ่อค้าแม่ค้าได้อวยพรให้ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 และเชียร์ให้สู้ๆ

ภายหลังทำบุญ พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางไปที่ร้านปาท่องโก๋คาเฟ่ ย่านบางลำพู ซึ่งเป็นร้านดัง โดย พล.อ.ประวิตร สั่งข้าวหมูแดงหมูกรอบ พร้อมกับเกี๊ยวน้ำ มารับประทาน ซึ่งระหว่างนั้นมีประชาชนมาขอถ่ายรูป พร้อมกับให้กำลังใจ และเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณ และร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง

Advertisement

ครม.อนุมัติ 3,995 ล้านบาทจัดหายาโควิด-19

People Unity News : 18 กรกฎาคม 2565 ครม.อนุมัติ 3,995 ล้านบาท จัดหายาโควิด-19 เพื่อหน่วยบริการสุขภาพทุกระดับ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมเห็นชอบโครงการจัดหายารักษาผู้ป่วยโควิด-19 กรอบวงเงิน 3,995.2708 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินงาน 3 เดือน (ก.ค. -ก.ย. 65) แบ่งเป็นสำหรับซื้อยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ (ของใหม่) ได้แก่ฟาวิพิราเวียร์และโมนูลพิราเวียร์เฉลี่ย 27 ล้านเม็ดต่อเดือน จำนวน 1,296.00 ล้านบาท และเรมเดซิเวียร์ จำนวน 57,000 ขวดต่อเดือน จำนวน 21.96 ล้านบาท วงเงินรวม 1,317.96 ล้านบาท รวมทั้งเป็นการแบ่งค้างชำระ สำหรับฟาวิพิราเวียร์และโมนูลพิราเวียร์ 165 ล้านเม็ด จำนวน 2,653.81 ล้านบาท และค่าชุดตรวจ ATK จำนวน 1 ล้านชุด จำนวน 23.50 ล้านบาท ของเดือน มี.ค.- มิ.ย. 65 รวมวงเงิน 2,677.31 ล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการจัดหายารักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับ เตรียมความพร้อมในการรับมือและป้องกันโรคโควิด-19 และดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 สนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ ในการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัยในหน่วยบริการสุขภาพทุกระดับ

Advertisement

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะถกวงเงินงบฯ ปี 2567

People Unity News : 4 มกราคม 66 นายกฯ นั่งหัวโต๊ะถกกำหนดวงเงินงบฯ ปี 2567 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต ให้สัญญาจะทำให้สถานะการเงินการคลังมีความมั่นคงในทุกด้าน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ ผอ.สำนักงบประมาณ เข้าร่วม

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นการประชุมเรื่องแผนการเงินระยะปานกลาง รายรับรายจ่ายปีงบประมาณ 2567 และประเมินไปถึงปี 2570 ซึ่งจำเป็นต้องประเมิน เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการวางพื้นฐานการใช้จ่ายงบประมาณ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตอย่างระมัดระวังที่สุด พร้อมขอขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้อง และในโอกาสนี้ขออวยพรปีใหม่ให้กับทุกๆ คนเพราะถือเป็นการประชุมครั้งแรกของปี 2566 ที่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้สถานะการเงินการคลังของเรามีความมั่นคงในทุกๆด้าน และขอให้ทุกคนมีความสุขประสบความสำเร็จทุกประการทั้งชีวิตราชการและเรื่องส่วนตัว

Advertisement

Verified by ExactMetrics