วันที่ 14 พฤษภาคม 2024

นายกฯ ปราศรัยวันขึ้นปีใหม่ ส่งความรัก ความปรารถนาดีถึงคนไทย

People Unity News : 31 ธันวาคม 2565 นายกรัฐมนตรี กล่าวคำปราศรัย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2566 ส่งความรัก ความปรารถนาดีถึงประชาชนชาวไทยทุกคน เชื่อมั่นพลังแห่งความรัก ความสามัคคีของทุกคน จะหนุนนำให้ชาติบ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และความท้าทายต่างๆ ไปได้ด้วยดี มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 31 ธันวาคม 2565 เวลาประมาณ 20.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวคำปราศรัยผ่านบันทึกเสียง เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 เผยแพร่ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย คลื่น FM.92.50 MHz และ AM 819,891 และเผยแพร่ผ่านบันทึกวีดิทัศน์ ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันที่ 1 มกราคม 2566 เวลา 00.01 น. ส่งความรัก ระลึกถึง และความปรารถนาดีถึงประชาชนชาวไทยทุกคน ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เนื่องในศุภวาระขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังประชาชนชาวไทยทุกคน และขอเชิญชวนปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ร่วมใจกันตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดดลบันดาลประทานพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญด้วยพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ มีพระราชประสงค์จำนงค์หมายสิ่งใด ขอจงสัมฤทธิ์ดังพระราชหฤทัยปรารถนา ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้าแก่เหล่าพสกนิกรชาวไทย ตราบนิจนิรันดร์

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาว่า ถือเป็น “ปีแห่งชัยชนะ” ของประเทศไทยที่สามารถก้าวผ่านวิกฤตซ้อนวิกฤต ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนทั้งโลก โดยชัยชนะแรก คือ ชัยชนะเหนือสงครามโควิด ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนทั้งชาติ เอาชนะอุปสรรคนานัปการ เสียสละ อดทน และร่วมมือกันทำตามคำแนะนำ และมาตรการด้านสาธารณสุข จนสามารถกลับมาประกอบอาชีพ ใช้ชีวิต และไปมาหาสู่กันได้ แบบ New normal ซึ่งทั่วโลกให้การยอมรับ และถือเป็นโมเดลแห่งความสำเร็จหนึ่งของโลก รวมทั้งสามารถเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มากกว่าเป้าหมาย 10 ล้านคน ยิ่งกว่านั้นยังสามารถสร้างความเชื่อมั่น และประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ตลอดจนการประชุมที่เกี่ยวเนื่อง อีกนับร้อยเวทีการประชุม และการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของชาวไทยทั้งประเทศ ที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่ดี ต่อการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ อีกทั้งยกระดับบทบาทของไทยในเวทีโลกให้โดดเด่นขึ้น

ชัยชนะต่อมา คือ ไม่เพียงประเทศไทยจะสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และลดผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในภาพรวม จากความขัดแย้งทางการเมือง และภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศในช่วงปีที่ผ่านมาแล้ว ไทยยังสามารถพลิกสถานการณ์ภาคเศรษฐกิจที่ทั่วโลกกำลังซบเซา โดยการส่งออกของไทยยังเข้มแข็งต่อเนื่อง การค้าขายก็เริ่มมีสัญญาณที่ดี การลงทุนยิ่งกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง และการท่องเที่ยวก็กำลังฟื้นตัวแรง ซึ่งเชื่อมั่นว่ากิจกรรมเหล่านี้จะเป็นเครื่องยนต์สำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปในปีหน้า และปีถัด ๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพลิกบทบาทของประเทศ ไปสู่ฐานการผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV รวมทั้งชิ้นส่วนอะไหล่ ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นผลมาจากความชัดเจนในระดับนโยบาย การมียุทธศาสตร์ชาติระยะยาว และการเร่งรัดลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ๆ ของประเทศ ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนความจริงใจของรัฐบาล และสร้างความเชื่อมั่นประเทศไทยในสายตาชาวโลก

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปีหน้า และต่อจากนี้ไปว่า ยังมีความท้าทายด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ต้องเผชิญอีกหลายประการ รวมทั้งวิกฤตซ้อนวิกฤตข้างต้น ก็ยังไม่รู้ว่าจะยุติลงเมื่อใด แต่เชื่อว่าพลังแห่งความรัก ความสามัคคี ของทุกคน จะหนุนนำให้ชาติบ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และความท้าทายเหล่านั้นไปได้ด้วยดี มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน บรรลุตามเป้าหมายร่วมกัน ที่ได้กำหนดเอาไว้ โดยขอเชิญชวนให้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติอีกครั้ง คือ ประการแรก ยังคง “ไม่ประมาท การ์ดไม่ตก” เพื่อลดความเสี่ยง และเน้นการป้องกัน ไม่ให้โควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดใหญ่ซ้ำอีก ประการที่ 2 เป็น “เจ้าบ้านที่ดี” ต้อนรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ นักลงทุน จากทั่วโลก เพื่อให้ชาวต่างชาติรู้สึกประทับใจ อบอุ่น และปลอดภัย เมื่ออยู่เมืองไทย…เหมือนอยู่บ้านตนเอง และประการที่ 3 เป็น “พลเมืองที่ดี” โดยทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มศักยภาพ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศและสังคม ให้เจริญก้าวหน้าอย่างแข็งแกร่งต่อไป

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าช่วงบรรยากาศแห่งความสุขในการต้อนรับปีใหม่นี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะได้ใช้เวลาอันมีค่าร่วมกับครอบครัว พี่น้อง และญาติมิตรอย่างมีความสุข มอบความรักและความปรารถนาดีให้เป็นของขวัญอันประเสริฐแก่กันและกัน เฉลิมฉลองอย่างมีสติและไม่ประมาท มีน้ำใจและเอื้ออาทรต่อผู้ร่วมทางในการเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ เพื่อให้เทศกาลแห่งความอบอุ่นนี้ มีแต่ความทรงจำที่ดี ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ด้วยความสดชื่นแจ่มใส เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบวก พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครทุกคน ที่ปฏิบัติงานอยู่ตามแนวชายแดน หรือพื้นที่ธุรกันดารห่างไกล และพื้นที่ประสบภัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ ในการช่วยเหลือ ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ให้อยู่ในความปลอดภัยเป็นอย่างดี ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา และขอเป็นกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง ที่คอยอำนวยความสะดวก และดูแลช่วยเหลือประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยความราบรื่น เพื่อร่วมกันเติมความสุขให้คนไทยจากใจจริง

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวอวยพรเนื่องในวาระอันเป็นศุภมิ่งมงคลขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกคนเคารพนับถือ อีกทั้ง เดชะพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โปรดดลบันดาลประทานพร ให้ประชาชนชาวไทยที่เคารพรักทุกคน ประสบแต่สิ่งอันเป็นมงคล มีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากภยันอันตรายทั้งปวง มีกำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา ที่เข้มแข็ง และขอจงสัมฤทธิผลดั่งใจ ในสิ่งพึงปรารถนาทุกประการโดยทั่วกัน

Advertisement

“พล.อ.ประวิตร” ทำบุญวันมาฆบูชา วัดชนะสงคราม

People Unity News : 6 มีนาคม 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปทำบุญที่วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร เนื่องในวันมาฆบูชา โดยนำพวงมาลัยไปไหว้ศาลสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท และเข้ากราบสักการะพระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ พระประธานประจำพระอุโบสถ วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร จากนั้นได้ถวายสังฆทานแด่ท่านเจ้าคุณ พระพิศาลกิจจาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร โดยในระหว่างทำบุญได้มีชาวบ้านที่มาร่วมทำบุญมาขอถ่ายรูป และพ่อค้าแม่ค้าได้อวยพรให้ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 และเชียร์ให้สู้ๆ

ภายหลังทำบุญ พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางไปที่ร้านปาท่องโก๋คาเฟ่ ย่านบางลำพู ซึ่งเป็นร้านดัง โดย พล.อ.ประวิตร สั่งข้าวหมูแดงหมูกรอบ พร้อมกับเกี๊ยวน้ำ มารับประทาน ซึ่งระหว่างนั้นมีประชาชนมาขอถ่ายรูป พร้อมกับให้กำลังใจ และเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณ และร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง

Advertisement

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะถกวงเงินงบฯ ปี 2567

People Unity News : 4 มกราคม 66 นายกฯ นั่งหัวโต๊ะถกกำหนดวงเงินงบฯ ปี 2567 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต ให้สัญญาจะทำให้สถานะการเงินการคลังมีความมั่นคงในทุกด้าน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ ผอ.สำนักงบประมาณ เข้าร่วม

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นการประชุมเรื่องแผนการเงินระยะปานกลาง รายรับรายจ่ายปีงบประมาณ 2567 และประเมินไปถึงปี 2570 ซึ่งจำเป็นต้องประเมิน เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการวางพื้นฐานการใช้จ่ายงบประมาณ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตอย่างระมัดระวังที่สุด พร้อมขอขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้อง และในโอกาสนี้ขออวยพรปีใหม่ให้กับทุกๆ คนเพราะถือเป็นการประชุมครั้งแรกของปี 2566 ที่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้สถานะการเงินการคลังของเรามีความมั่นคงในทุกๆด้าน และขอให้ทุกคนมีความสุขประสบความสำเร็จทุกประการทั้งชีวิตราชการและเรื่องส่วนตัว

Advertisement

นายกฯเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ ปี 2565 รมว.แรงงาน เผยดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 8 ข้อ

People Unity News : วันนี้ 1 พฤษภาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ ปี 2565 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ไทยล้วน ประธานคณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติประจำปี 2565 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงข้าราชการกระทรวงแรงงาน ผู้นำแรงงาน และพี่น้องผู้ใช้แรงงานให้การต้อนรับ

นายสุชาติ เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลและกำกับกระทรวงแรงงาน ตระหนักถึงความสำคัญของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ถึงแม้ว่าประเทศไทยและประเทศทั่วโลกยังคงประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระทรวงแรงงานยังมุ่งมั่นส่งเสริมให้แรงงานมีงานทำ ได้รับการพัฒนาแรงงานให้มีศักยภาพสูงในทุกมิติสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ ส่งเสริมให้ผู้ใช้แรงงานได้รับความคุ้มครองอย่างทั่วถึงให้มีความปลอดภัยในทำงาน รวมถึงการสร้างหลักประกันทางสังคมแก่แรงงานนอกระบบ กลุ่มเปราะบาง ยกระดับการประกันสังคมเพื่อให้แรงงานได้รับประโยชน์สูงสุด เร่งรัดปรับปรุง แก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับบริบทสถานการณ์ปัจจุบันและรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต นำไปสู่ความมั่นคง ความมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

นายสุชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามข้อเรียกร้องวันแรงงานในปีนี้ทั้ง 8 ข้อ ได้แก่

1) ให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคม และการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว และฉบับที่ 98 ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง

2) ให้เร่งดำเนินการนำร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. …. ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่ผ่านประชาพิจารณ์มาแล้ว เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในรัฐสภาฯ โดยเร่งด่วน

3) ให้ขยายวงเงินเพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ที่ลูกจ้างได้รับก้อนสุดท้าย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

4) ปรับปรุงพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

5)ให้รัฐบาลปฏิรูป แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันสังคม

6) เร่งรัดออกกฎหมายคุ้มครอง ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพแรงงานนอกระบบ และมีสิทธิจัดตั้งองค์กรได้

7) ให้จัดระบบกองทุนสวัสดิการเพื่อการเลี้ยงชีพให้กับลูกจ้างภาครัฐวิสาหกิจ

และ 8) แต่งตั้งคณะทำงานติดตามข้อเรียกร้องวันแรงงานแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2565

“กระทรวงแรงงานได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะจากพี่น้องแรงงานโดยจะนำข้อเรียกร้องมาดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน มีการหารือกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อพัฒนาการให้บริการพี่น้องแรงงาน และได้ประสานแจ้งให้คณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติทราบถึงความคืบหน้าแล้ว เพราะตระหนักว่าทุกข้อเสนอแนะจะนำมาซึ่งการปรับปรุงการดำเนินการของกระทรวงแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลไปสู่การแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องแรงงาน และสร้างความยั่งยืนในการพัฒนาประเทศสืบไป ซึ่งการดำเนินการของกระทรวงแรงงาน มีดังนี้ การปฏิรูปการประกันสังคมในส่วนของการขยายอายุผู้ประกันตน มาตรา 40 เพื่อให้สอดรับกับสังคมผู้สูงอายุนั้น จากเดิมไม่เกิน 60 ปีเป็นไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมไว้ใน ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่..) พ.ศ…. ปัจจุบันร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้อยู่ระหว่างเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการ การเร่งรัดออกกฎหมายคุ้มครองแรงงานนอกระบบนั้น ได้เสนอ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ พ.ศ. …. เพื่อให้แรงงานนอกระบบสามารถเข้าถึงสิทธิพื้นฐานในการประกอบอาชีพมีความปลอดภัยในการทำงาน มีหลักประกันทางสังคม มีการรวมกลุ่มจัดตั้งองค์กร ได้รับความคุ้มครองและส่งเสริมพัฒนาเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64 และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป การรับรองอนุสัญญาไอแอลโอ ฉบับที่ 87 และฉบับที่ 98 ได้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2 ฉบับแล้ว ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. …. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการ เมื่อวันที่ 5 ก.พ.62 และร่างพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. …. คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการ เมื่อวันที่ 29 ก.ย.63 เมื่อมีผลบังคับใช้แล้วจะนำเสนอให้รัฐบาลให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาดังกล่าวได้ การให้สถานประกอบกิจการ ที่มีลูกจ้างรับเหมาค่าแรง ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้จัดทำแนวปฏิบัติของพนักงานตรวจแรงงาน กำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติตามมาตรา 11/1 อย่างเคร่งครัด และชี้แจงนายจ้างให้ปฏิบัติต่อลูกจ้างรับเหมาค่าแรงให้ถูกต้องตามกฎหมาย ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลขยายวงเงินเพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ที่ลูกจ้างได้รับก้อนสุดท้ายนั้นกระทรวงแรงงานได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาการจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยง พิจารณาแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชยและงดจ่ายภาษีกรณีเงินออกจากงาน และขยายวงเงินเพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ หากมีการแก้ไขจะมีผลบังคับใช้ทั้งลูกจ้างภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจโดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งได้ดำเนินการจัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่งตั้งคณะทำงานซึ่งเป็นคณะกรรมการไตรภาคีขึ้นมาศึกษา ปัญหาและอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องของแต่ละหน่วยงาน” รมว.แรงงาน กล่าว

Advertisement

ศาลยกฟ้อง “ช่อ พรรณิการ์” พาดพิงสถาบัน

People Unity News : 19 พฤษภาคม 2566 ศาลอาญายกฟ้อง “ช่อ พรรณิการ์” โพสต์ข้อความปมพาดพิงสถาบันฯ พร้อมเผยร่างคำพิพากษาอธิบายเหตุหลุดคดี

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทนายความ พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า วันนี้ (19 พ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาในคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.พรรณิการ์ ในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(2) โดยคดีนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้เเจ้งความร้องทุกข์ไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตั้งเเต่ช่วงปี 2564 กรณีที่น.ส.พรรณิการ์โพสต์ข้อความสมัยเรียนหนังสือที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในช่วง ปี 2556-2557 โดยระบุว่าข้อความดังกล่าวโดยการนำเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบทกวีมีลักษณะพาดพิงสถาบันฯ

สำหรับข้อความที่ 1 ระบุว่าประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปัตย์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นอาวุธ ส่วนข้อความที่สอง เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา ศาลพิเคราะห์ว่า แม้ข้อความที่ 1 จะมีคำว่าพระมหากษัตริย์ แต่เป็นเพียงการเปรียบเทียบโดยเล่นคำ วิญญูชนพึงทราบว่าประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ถือเป็นความเท็จ ส่วนการมีคำว่าพระมหากษัตริย์ อาจทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกไปได้หลายทางตามอัตวิสัยของแต่ละบุคคล แต่การตัดสินคดีความพึงใช้ตัวบทกฎหมาย พิจารณาองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย ไม่สามารถขึ้นอยู่กับทัศนคติหรือความรู้สึกของคนใดคนหนึ่งได้ จึงเห็นว่าข้อความดังกล่าวไม่เข้าข่ายความผิดพ.ร.บ .คอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14 (2)

ทั้งนี้ ร่างคำพิพากษาอธิบายด้วยว่า สำหรับข้อความแรกนั้นเป็นการเปรียบเปรยถึงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้น และข้อความที่สอง เป็นคำทำนายเพลงยาวพยากรณ์ซึ่งสาธารณชนทั่วไปรับรู้อยู่แล้ว มีการเผยแพร่และตีพิมพ์ทั่วไป เมื่อศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามความผิดพ.ร.บ.คอมฯ ที่โจทก์ฟ้อง เนื่องจากข้อความทั้งสองข้อความที่โจทก์ฟ้องมานั้น เมื่อพิจารณาแล้วพบว่า ไม่เป็นความผิดตามพ.ร.บ.คอมฯ ตามที่โจทก์ฟ้อง เพราะทั้งสองข้อความไม่ได้เป็นกรณีที่จำเลยเจตนาจะนำความเท็จมาเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจผิด หรือก่อความเสียหายหรือสร้างตื่นตระหนกต่อสังคม

Advertisement

“วิษณุ” เผย “พล.อ.ประยุทธ์” กำชับทุกกระทรวงสรุปภารกิจรายงานรัฐมนตรีใหม่

People Unity News : 28 มิถุนายน 2566 “วิษณุ” แจง นายกฯ กำชับทุกกระทรวงเตรียมสรุปภารกิจรายงานรัฐมนตรีใหม่

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงเตรียมส่งมอบงานให้รัฐบาลชุดใหม่ ว่า ไม่ใช่การส่งมอบงาน แต่เป็นการกำชับให้แต่ละกระทรวงสรุปรายงานการดำเนินการของตัวเองเพื่อเตรียมนำเสนอต่อรัฐมนตรีใหม่ที่เข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีมาทุกสมัย เพราะคนที่มาเป็นรัฐมนตรีใหม่ ก็อยากรู้งานของกระทรวงนั้นๆ ทั้งนี้ การส่งมอบงานระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลแบบเป็นทางการนั้น ยังไม่เคยทำกัน แต่เคยมีดำริในรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งขณะนั้น นายบรรหารต้องการจะส่งมอบงานให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ที่จะมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แต่พรรคความหวังใหม่ปฏิเสธการรับมอบงาน เพราะเห็นว่าการส่งมอบงานหมายความว่า คนหนึ่งเป็นคนตั้งแล้วมอบงานไป เมื่อคนนี้เกษียณออกไปแล้วมีอีกคนเข้ามาแทน แต่พรรคความหวังใหม่ ถือว่าเขามาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน จึงไม่ต้องทำพิธีส่งมอบงานส่งแฟ้มอะไรกันให้เป็นสัญลักษณ์

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า แต่ความอยากรู้ความเห็นของรัฐมนตรีในแต่ละเรื่องนั้น เป็นสิ่งที่รัฐมนตรีแต่ละคนไปทำกันเองในกระทรวง สำหรับตนเห็นว่าถ้าทุกกระทรวงทำได้ ก็จะเป็นเรื่องดี เพราะอย่างน้อยทำให้เห็นว่าในช่วงที่ผ่านมา แต่ละกระทรวงได้ทำอะไรไปแล้ว และมีอะไรที่จะต้องทำ เพราะบางครั้งรัฐมนตรีที่เข้ามาใหม่ไปเสียเวลาทำอย่างอื่นก่อน โดยไม่รู้ว่ามีอะไรเป็นเรื่องเร่งด่วน จึงถือเป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงต้องรายงานรัฐมนตรีคนใหม่ว่ามีงานอะไรที่ค้างอยู่ และมีเรื่องใดบ้างที่ต้องทำในเวลาจำกัด นี่คือสิ่งที่นายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกกระทรวงต้องทำ

Advertisement

ครม. อนุมัติ 1.45 หมื่นล้าน จ่ายค่าตอบแทน – ค่าเสี่ยงภัยโควิดให้บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข

People Unity News : 4 สิงหาคม 2565 ที่ประชุม ครม. (2 ส.ค. 65) เห็นชอบในหลักการ 6 โครงการด้านการจ่ายค่าตอบแทนให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตามภารกิจที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์โรคโควิด-19 กรอบวงเงินรวม 14,510.3059 ล้านบาท พร้อมมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขปรับกรอบวงเงินโครงการฯ ให้เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงจนถึงเดือน มิ.ย. 65 (ตามหลักเกณฑ์และระเบียบที่เกี่ยวข้อง) รวมถึงปรับแผนการดำเนินงาน – การเบิกจ่ายให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงาน ดังนี้

1.โครงการแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่กรณีโรคโควิด-19 ของกองสาธารณสุขฉุกเฉิน

2.โครงการค่าตอบแทนบุคลากรนอกเหนือภารกิจปกติ ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

3.โครงการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ของกรมการแพทย์

4.โครงการจ่ายค่าตอบแทนการเสี่ยงภัยในการปฏิบัติงานบริการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

5.โครงการจ่ายค่าตอบแทนการเสี่ยงภัยในการปฏิบัติงานบริการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ของกรมสุขภาพจิต

6.โครงการสนับสนุนการจัดบริหารทางการแพทย์และสาธารณสุข รองรับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของกรมอนามัย

Advertisement

นายกฯ ชื่นชม “ไม้กลายเป็นหิน” จ.ตาก ยาวที่สุดในโลก

People Unity News : 13 กรกฎาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รับทราบและชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันผลักดันให้ไม้กลายเป็นหิน ณ อุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย จ.ตาก ถูกบันทึกสถิติโลก “ไม้กลายเป็นหินที่ยาวที่สุดในโลก” ต่อ Guinness World Records (GWR) ได้สำเร็จ

ไม้กลายเป็นหินดังกล่าว มีความยาว 69.70 เมตร นอกจากนี้ ยังค้นพบไม้กลายเป็นหินที่เป็นต้นไม้ใหญ่อีก 6 ต้น ความยาวราว 30 – 45 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 – 2.0 เมตร คาดน่าจะมีไม้กลายเป็นหินอีกจำนวนมากในบริเวณนั้น

สิ่งที่จะตามมาหลังจากถูกบันทึกไว้ใน GWR คือการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชน ผ่านการท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาและวัฒนธรรม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่มุ่งผลักดันให้มีการแสวงหาและเปิดแหล่งท่องท่องเที่ยวชุมชนใหม่ๆ ก่อให้เกิดเม็ดเงินกระจายสู่ท้องถิ่นได้อย่างทั่วถึง

Advertisement

นายกฯ ยังติดตามงานแม้จะเป็นรัฐบาลรักษาการ

People Unity News : 20 มีนาคม 2566 นายกฯ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม-หน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามกรณี “ซีเซียม-137” ย้ำยังทำงานติดตามปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะรักษาการหรือไม่รักษาการ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  กล่าวถึงกรณีกัมมันตรังสี “ซีเซียม-137” ที่ จ.ปราจีนบุรี ว่า ให้กระทรวงอุตสาหกรรมติดตามและดูว่าหายไปตั้งแต่เมื่อใด และอยู่ตรงไหนแล้ว เพราะหายไปนานแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องรับผิดชอบ และติดตามอย่างใกล้ชิด

“จะให้นายกรัฐมนตรีไปตามเองคงไม่ใช่  เช่นเดียวกับกรณีเรือรั่ว น้ำมันรั่ว และสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ก็ติดตามทุกวันเช่นกัน และแก้ไขปัญหาทุกอย่างเช่นเดิม ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม จะเป็นรักษาการหรือไม่รักษาการก็ทำงานไป เพราะยังมีปัญหาอีกจำนวนมาก” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

 

ด่วน!! ศาล รธน.ชี้ขาด กม.ลูกพรรคการเมืองพรุ่งนี้

People Unity News : 22 พฤศจิกายน 2565 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดลงมติร่างกฎหมายลูกพรรคการเมืองขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่พรุ่งนี้ ชี้เป็นปัญหาทางข้อกฎหมาย มีพยานหลักฐานเพียงพอวินิจฉัยได้ ยุติไต่สวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันพรุ่งนี้ (23 พ.ย.) เวลา 09.30 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติกรณีที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 77 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 132 ว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่.. ) พ.ศ. … มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 9  และมาตรา 10 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 มาตรา 83 มาตรา 86 มาตรา 90 มาตรา 91 และมาตรา 258 ก.ด้านการเมือง (2) หรือไม่ หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่

ทั้งนี้ คำร้องดังกล่าว ประธานรัฐสภาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อวันที่  29 สิงหาคมที่ผ่านมา และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมมีคำสั่งแจ้งผู้ร้อง และให้ผู้เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือ พร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่า คดีเป็นปัญหาทางข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติพรุ่งนี้

Advertisement

Verified by ExactMetrics