วันที่ 29 มีนาคม 2024

ครม. เห็นชอบจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น เริ่มที่ อบต.ก่อน

People Unity News : ครม. เห็นชอบจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น เริ่มที่ อบต.ก่อน

7 กันยายน 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รับทราบการเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 ประเภท ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล , กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.พิจารณากรอบเวลาที่เหมาะสมต่อไป และหากมีความพร้อมคณะรัฐมนตรีก็ให้พิจารณาเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล ภายในปีนี้ จำนวน 5,300 แห่ง ส่วนกรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา จะให้จัดการเลือกตั้งในลำดับถัดไป

ทั้งนี้ให้กระทรวงมหาดไทย เตรียมพร้อมด้านงบประมาณ ด้วยการจัดทำข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ขององค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา โดยกำหนดรายการค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ไว้ในข้อบัญญัติรวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มเติมสำหรับกรณีการจัดการเลือกตั้งภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่คณะกรรมการเลือกตั้งได้ดำเนินการออกระเบียบและประกาศ กกต. เพื่อดำเนินการสรรหา กกต. ประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครบทุกแห่งแล้ว พร้อมทั้งกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไว้ด้วยแล้ว

Advertising

รมว.ดีอีเอสคนใหม่ เผยนโยบายเร่งด่วน ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ Fake News เร่งขับเคลื่อน “รัฐบาลดิจิทัล”

People Unity News : 7 กันยายน 2566 รมว.ดีอีเอส เข้า​กระทรวง​วันแรก​ ย้ำเดินหน้า​ปราบปราม​การหลอก​ลวง​ทางเทคโนโลยี​ และขับเคลื่อน​รัฐบาล​ดิจิทัล

นาย​ประเสริฐ​ จันทร​รวง​ทอง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ดิจิทัลเพื่อ​เศรษฐกิจ​และ​สังคม​ (ดีอีเอส) เข้า​กระทรวง​วันแรก​ ถือฤกษ์​ 09.29​ น.​ สักการะ​พระพรหม​บริเวณ​อาคาร​รัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ จากนั้น​ให้​สัมภาษณ์​ผู้สื่อข่าว​​ว่า​ นโยบาย​เร่งด่วน​คือ​ การปราบปราม​การ​หลอกลวงทางเทคโนโลยี​ แก๊ง​คอลเซ็นเตอร์​ และข่าว​ปลอม​ (Fake​ News) ซึ่ง​สร้าง​ความ​เสียหาย​ต่อ​ประชาชน​ โดยจะวางมาตรการ​การ​ตรวจสอบ​อย่างเข้มข้น

นอกจาก​นี้​จะเร่งขับเคลื่อน​ “รัฐบาล​ดิจิทัล” โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ภายในหน่วยงานต่างๆ​ ของ​รัฐ​ เพื่อ​เพิ่มศักยภาพการทำงานขององค์กรรัฐให้รวดเร็ว ก้าวทันตามเทคโนโลยี รวมถึงยังมีระบบการเชื่อมโยงการเข้าถึงข้อมูล ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับผู้ที่ต้องการติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐง่ายยิ่งขึ้นและเพื่อ​ให้การบริการ​ของ​ภาค​รัฐ​เป็น​ไป​อย่าง​มีประสิทธิภาพ

Advertisement

เฮ! ครม. ปรับเพิ่มเงินอุดหนุน อนุบาล – ปวช. ลดภาระรายจ่าย นร. กว่า 11.5 ล้านคน หลังไม่ได้ปรับมานาน 10 ปี

People Unity News : 26 กรกฎาคม 2565 ที่ประชุม ครม. วันนี้ (26 ก.ค. 65) เห็นชอบการปรับอัตราเงินอุดหนุนรายหัวตามความจำเป็นพื้นฐาน เพื่อลดภาระผู้เรียนและเพิ่มศักยภาพสถานศึกษาในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี ตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และ ปวช. ทั้งสถานศึกษาของรัฐและเอกชน ครอบคลุมการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาทางเลือก เริ่มปีงบประมาณ 2566 – 2569 ประกอบด้วย

ค่าใช้จ่ายด้านผู้เรียน : 1.ค่าอุปกรณ์การเรียน ปรับเพิ่มตามผลการศึกษาค่าใช้จ่ายจริงสำหรับอุปกรณ์การเรียนพื้นฐาน เริ่มปี 2566 และคงอัตราเดิมในปีต่อไป 2.ค่าเครื่องแบบ ปรับตามผลการศึกษาค่าใช้จ่ายจริงสำหรับเครื่องแบบนักเรียนครบ 1 ชุด และเพิ่มเติมอีก 1 ชุด เฉพาะผู้เรียนที่ผู้ปกครองถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ค่าใช้จ่ายด้านสถานศึกษา : 1.ค่าจัดการเรียนการสอน 2.ค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ทั้งในระบบและนอกระบบ โดยปีงบประมาณ 2566 จะเพิ่มขึ้น 2,259 ล้านบาท จากนั้นจะทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันไดถึงปีงบประมาณ 2569 ซึ่งจะเพิ่มจากปัจจุบันราว 8,066 ล้านบาท

นับเป็นการปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนฯ ในรอบกว่า 10 ปี โดยการปรับครั้งล่าสุด คือ ปี 2553 ขณะที่ปัจจุบันราคาสินค้าเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระรายจ่ายของนักเรียนกว่า 11.5 ล้านคน รวมถึงพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย

Advertisement

ปชป. เสนอนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเช่นเดิม ให้อำนาจ ตร.ควบคุมจนกว่ามี กม.มารองรับ

People Unity News : 15 กันยายน 2565 “สาทิตย์” ยัน ปชป.ไม่คิดเล่นเกมการเมือง ทำร่าง พ.ร.บ.กัญชาสะดุด มั่นใจไม่กระทบพรรคร่วม ชี้หลายฝ่ายห่วงเยาวชนเข้าถึงง่าย กระทบสุขภาพ ยอมรับ กมธ.ปชป.เสนอสูบกัญชาในที่ท่องเที่ยว แต่ทุกอย่างต้องยึดมติที่ประชุม

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.ภูมิใจไทย และประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ระบุว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์หยุดเล่นการเมืองสกัดร่างกฎหมายกัญชา โดยยืนยันว่า ร่างฎหมายดังกล่าวมีปัญหา และแพทย์ ครอบครัว ยังมีความวิตกกังวล ยืนยันว่าแม้จะตีกลับกฎหมาย แต่ไม่ได้ทำให้ตกไป กรรมาธิการนำไปปรับปรุงแก้ไข ป้องกันเยาวชนเข้าถึงกัญชาโดยง่าย ก่อนเสนอกลับเข้าสู่ที่ประชุมใหม่ได้อีกครั้ง

ส่วนข้อครหาว่าเป็นเกมการเมือง นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเกมการเมือง เพราะก่อนหน้าที่พรรคประชาธิปัตย์จะมีมติ ไม่ได้ประสานกับพรรคใดเลย และเห็นว่ามติที่ให้ถอนร่างก็มีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ยืนยันว่าไม่ใช่การเอาคืนกับเรื่องกฎหมาย กยศ.

“เรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล แต่เกี่ยวพันกับอนาคตของเยาวชน เชื่อว่าจะไม่บานปลาย หรือกลายเป็นการขัดแข้งขัดขา เพื่อหวังคะแนนนิยม แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ลงมติให้ถอนร่าง เพราะหวังตัดคะแนนเสียงของพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่ภาคใต้ เพราะเรื่องนี้เป็นข้อกังวลของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่ภาคใต้” นายสาทิตย์ กล่าว

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดที่นายศุภชัยขู่จะแฉว่าในชั้นกรรมาธิการมีการเสนอให้สูบในพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ใครจะเสนอแบบสุดโต่ง แต่ไม่ใช่มติพรรค และทั้งหมดต้องยึดมติของกรรมาธิการและมติสภา ทั้งนี้ ระหว่างเกิดสุญญากาศ ไม่มีกฎหมายควบคุม อยากให้กระทรวงสาธารณสุขทบทวนแก้ไขนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเช่นเดิม ส่วนผลกระทบกับประชาชนที่ปลูกกัญชาไปแล้ว จะต้องมีมาตรการที่ชัดเจนให้อำนาจตำรวจควบคุมจนกว่าจะมีกฎหมายมารองรับ

Advertisement

8 พรรคมีมติส่ง “พิธา” โหวตนายกฯรอบ 2 เจ้าตัวลั่นคะแนนไม่ถึง 344 ถึงยอมถอยให้ “เพื่อไทย”

People Unity News : 17 กรกฎาคม 2566 ที่อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ 8 พรรคการเมืองร่วมจัดตั้งรัฐบาล นัดหารือกันภายใน โดยไม่ได้แจ้งต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ เพื่อหารือทิศทางในการลงมติเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ โดยมีการนัดหมายแกนนำทั้ง 8 พรรค มาพบกันในเวลา 17.00 น. ทำให้ผู้สื่อข่าวทุกแขนงมาดักรอทำข่าว เกาะติดทั้งที่ลานจอดรถและบริเวณด้านหน้าทางเข้าอาคาร จึงพบว่ามีแกนนำ 8 พรรค ทยอยเดินทางมา ทั้งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคเพื่อไทย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการ​พรรค​ก้าวไกล​ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล​ นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.พรรคเป็นธรรม นายสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทยรวมพลัง ทำให้สื่อมวลชนแน่ใจว่ามีการประชุมเกิดขึ้นที่นี่

จนกระทั่งเวลา 18.30 น. แกนนำของทั้ง 8 พรรค ได้ลงมาร่วมแถลงข่าว นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการ​พรรค​ก้าวไกล​ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย นายทวี สอดส่อง ตัวแทนจากพรรคประชาชาติ นายสุพันธ์ มงคลสุธี ตัวแทนจากพรรคไทยสร้างไทย และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้า​พรรคเสรีรวมไทย​ ลงมาแถลงข่าวอย่างพร้อมเพรียง​

นายพิธา กล่าวถึงผลการหารือว่า ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ยังคงเสนอชื่อของตนเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่กังวลเรื่องข้อกฎหมายที่เกรงว่าจะเป็นการเสนอญัตติซ้ำ แต่หากมีการตีความกฎหมายที่ต่างกัน เสนอชื่อนายพิธาไม่ได้ ก็ต้องมีการหารือกัน ส่วนตัวเชื่อว่าญัตติคือญัตติ การเสนอชื่อนายกฯ เป็นคนละเรื่องกัน โดยพรุ่งนี้จะมีการประชุมวิปสองฝ่าย รอฟังเหตุและผลของวิป รวมถึงฝ่ายตรงข้ามก่อน

เมื่อถามว่าจะตั้งหลักอย่างไรหากเสียงไม่พอในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ นายพิธา กล่าวว่า จะได้เป็นไปตามที่แถลงผ่านวิดีโอ โดยในสมรภูมิแรกหากคะแนนไม่ได้เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ หรือเพิ่มร้อยละ 10 คือ 344 เสียง ก็พร้อมถอย ถอยให้กับประเทศชาติและพรรคการเมืองอันดับ 2 ที่อยู่ใน MOU เดิม ส่วนจะเพิ่มเท่าไร ขอให้รอดู ยังทำงานและยังสู้อยู่

ขณะเดียวกันยังมีเรื่องของการแก้ไขมาตรา 272 ที่ยื่นเข้าไปแล้วและต้องบรรจุภายใน 15 วัน ขอย้ำว่าเป็นการดำเนินการของพรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียว ไม่ได้ผูกมัดกับพรรคอื่น

นายพิธา ยังย้ำว่า ความสัมพันธ์ของ 8 พรรคร่วมยังเป็นไปได้ด้วยดี ยืนยันจะตั้งรัฐบาลของประชาชนให้ได้ใน 8 พรรค จึงมีมติออกมาในวันนี้ ส่วนการพูดคุยกับพรรคชาติไทยพัฒนา ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นมติของ 8 พรรค รวมถึงยังไม่ได้มีการเตรียมชื่อสำรองเอาไว้ ยังเป็นชื่อตนเพียงคนเดียวอยู่

ขณะที่การหารือกับ ส.ว. นายพิธา กล่าวว่า หลังจากวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีการพูดคุยกับ ส.ว.อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่พรรคก้าวไกล แต่เป็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล หวังจะได้เสียงเพิ่มจากคนที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมในวันนั้น พร้อมยอมรับว่ามีการต่อสายหาแกนนำพรรครัฐบาลเดิม เป็นเพียงการหารือถึงสถานการณ์การเมือง ไม่ได้เชิญเข้าร่วม

ส่วนที่มีกระแสงูเห่าที่จะไปเพิ่มคะแนนให้กับพรรคเสียงข้างน้อย นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ติดตามแต่ละพรรคบอกแล้วว่าจะไม่มีการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และในส่วนของพรรคก้าวไกลก็ติดตามตลอด จึงเชื่อว่าไม่มี ส.ส.คนใดไปเพิ่มเสียงให้ และที่ผ่านมาคนเป็นงูเห่าก็ได้รับบทเรียนแล้ว และพรรคเพื่อไทยยืนยันเช่นกัน

เมื่อถามว่าหากถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ในวันที่ 19 กรกฎาคม​นี้ นายพิธา กล่าวว่า แม้จะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ความเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของตนไม่ได้หายไป จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล

เมื่อถามว่าการแก้ไขมาตรา 112 เป็นส่วนที่ ส.ว. และพรรคการเมืองไม่โหวตให้ นายพิธา กล่าวว่า เรื่อง 112 เป็นเพียงข้ออ้างที่อยู่ข้างหน้า แต่ข้างหลังมีอีกหลายเรื่อง ซึ่งเป็นไปตามที่สื่อได้มีการวิเคราะห์กัน ที่อาจจะไปกระทบต่อผลประโยชน์ รวมถึงเรื่องที่พรรคจะไปปฏิรูปงบ กอ.รมน. จึงเชื่อว่าหากเรื่อง 112 หายไปจะมีเรื่องอื่นเข้ามาเป็นข้ออ้างอีก ขณะเดียวกันตนต้องรักษาคำพูด หาเสียงพูดไว้อย่างไรเราก็ต้องทำตามนั้น ไม่ใช่ว่าทำเพื่อต้องการเข้าสู่อำนาจในทุกวิถีทาง

นายพิธา ให้สัมภาษณ์หลังการแถลงมีกระแสโซเชียลมีเดียเปรียบสามีเพื่อไทยและเจ้าสาวก้าวไกล ถามว่ารักกันดีไหม นายพิธา บอกว่ารักกันดี ส่วนประเด็นที่มีการโยงเรื่องมือเปรียบเปรยกันว่าความรักครั้งนี้ เหมือนจะต้องเจอเมียน้อย หรือ “อีหนู ล” นายพิธาบอกว่า พรรคเราไม่มีพูดเรื่องเพศ หรือเปรียบแบบนี้อยู่แล้ว

ส่วนที่ ส.ว.เสรี บอกว่าหากพรรคก้าวไกลยังอยู่ใน 8 พรรคร่วมรัฐบาล ส.ว. จะไม่โหวตให้ นายพิธา บอกว่า เป็นเรื่องของคุณเสรี แต่คณะทำงาน 8 พรรคร่วมรัฐบาล มีวิธีดำเนินการพูดคุยอยู่แล้ว และขอบคุณ 13 สมาชิกวุฒิสภาที่โหวตให้ ได้แสดงเจตนารมณ์อยู่ข้างพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง รวมไปถึงมั่นใจว่าวันที่ 19 กรกฎาคมนี้จะได้รับคะแนนเสียงมากขึ้น ตนมองว่าเป็นช่วงเวลาประจวบเหมาะทุกอย่าง 4 ประตู ในการถาโถมเข้ามาพอดิบพอดีกับการโหวตนายกรัฐมนตรี

Advertisement

รัฐบาลตั้งเป้า “ลดการเสียชีวิต-บาดเจ็บบนท้องถนน” เหลือ 12 คน/ประชากร 1 แสน ภายในปี 70

People Unity News : วันนี้ (25 พฤษภาคม 2565) เวลา 09.00 น. ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 15 พร้อมกล่าวปาฐกถา หัวข้อ “ทศวรรษใหม่ วิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัยต้องมาก่อน” และมอบโล่รางวัล Prime Minister Road Safety Awards ให้กับบุคคลและองค์กรที่มีผลงานดีเด่นด้านความปลอดภัยทางถนน จำนวน 49 รางวัล เพื่อเป็นการเสริมสร้างกำลังใจให้แก่บุคคลและองค์กรที่ดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมงาน

นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีกับหน่วยงาน องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลที่ได้รับรางวัล Prime Minister Road Safety Awards ทั้ง 49 รางวัล ที่ได้มีการนำเสนอนวัตกรรม แนวความคิด ความมุ่งมั่นตั้งใจในการช่วยแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนของประเทศ ทำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนมีความปลอดภัยในการใช้ชีวิตใช้ถนน ลดความสูญเสียด้านจิตใจ ครอบครัว เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งมีความคาดหวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลงานและแนวคิดต่างๆเหล่านี้ไปพัฒนา ปรับปรุง และปรับใช้ตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในห้วงปี 2565 นี้ ถือเป็นการเข้าสู่ทศวรรษที่ 2 ของความปลอดภัยทางถนน (พ.ศ. 2564 – 2573) รัฐบาลได้ขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนน ผ่านกลไกระดับต่างๆ โดยกำหนดเป้าหมายภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อมทั้งกวดขันการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการการแก้ไขปัญหาต่างๆแบบองค์รวม เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกัน ลดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้ลดลงมากที่สุด โดยมีเป้าหมายในการลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บบนท้องถนนให้เหลือ 12 คน ต่อประชากรแสนคนภายในปี พ.ศ. 2570 เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ Vision Zero ภายในปี 2593 เป็นสิ่งที่ยาก แต่เป็นเป้าหมายสำคัญ ที่เราต้องร่วมเดินหน้าไปถึงให้ได้ ซึ่งศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ทั้งในส่วนกลางและระดับท้องถิ่น นับว่าเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆในการเกิดอุบัติเหตุ โดยการเสริมสร้างศักยภาพการบังคับใช้กฎหมาย การคมนาคม และยานพาหนะที่ปลอดภัย การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานถนน และระบบขนส่งที่มีความปลอดภัย การดูแลหลังเกิดอุบัติเหตุ การเก็บข้อมูล การจัดการเรื่องความเร็ว รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านความปลอดภัยทางถนนมาปรับใช้ในการป้องกันและลดอุบัติเหตุ

นายกรัฐมนตรีกำชับให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและทุกภาคส่วน ร่วมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และความร่วมมือให้แก่ผู้ที่ใช้รถใช้ถนน ให้มีความปลอดภัย ทั้งสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสภาพแวดล้อมทางสังคม รวมทั้งกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมช่วยแก้ไขปัญหา โดยมุ่งเน้นการนำแนวคิด “วิถีแห่งระบบที่ปลอดภัย” มาดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งทางด้านกายภาพ เช่น การปรับปรุงถนนหนทาง ไฟฟ้าส่องสว่าง ป้ายจราจร เป็นต้น ด้านสังคม เช่น การสร้างค่านิยม “เมาไม่ขับ” ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานด้านความปลอดภัยทางถนน และมีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม เพื่อเป็นการเริ่มต้นทษวรรษใหม่แห่งการขับขี่ปลอดภัย พร้อมขอให้การจัดสัมมนาวิชาการระดับชาติในวันนี้ เป็นโอกาสในการใช้เวทีเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และร่วมกันเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ และสร้างหนทางสู่ “ทศวรรษใหม่ วิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัยต้องมาก่อน” และสามารถนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางานต่อไปในอนาคต

สำหรับการจัดงานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 15 นับเป็นเวทีสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีให้ผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงานจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบการดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนน และมีส่วนร่วมเสนอนโยบายสาธารณะ รวมทั้งแนวทางการบูรณาการในการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถนำความรู้ แนวทาง และรูปแบบการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ไปเผยแพร่และปฏิบัติให้เหมาะสมกับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง

Advertisement

ครม.ไฟเขียว! โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ “รามา-ธนารักษ์” ให้ผู้สูงอายุมีที่พักอาศัยเหมาะสม

People Unity News : 29 พฤษภาคม 2565 ครม. ไฟเขียว! โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ “รามา – ธนารักษ์” วงเงิน 1,345 ล้านบาท ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีที่พักอาศัยเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต

ที่ประชุม ครม. เมื่อ 24 พ.ค. 65 ได้อนุมัติให้กรมธนารักษ์และบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ดำเนินโครงการที่พักผู้สูงอายุ รามา – ธนารักษ์ บนที่ดินราชพัสดุ จ.สมุทรปราการ วงเงิน 1,345.934 ล้านบาท

โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีที่พักอาศัย พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เหมาะสมสำหรับการดำรงชีวิต รวมทั้งยังเป็นการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากที่ดินราชพัสดุที่ว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ปัจจุบัน มีผู้สูงอายุสนใจจองสิทธิเช่าห้องพักอาศัยแล้ว 1,310 ราย โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น สิทธิที่พักอาศัย 30 ปี, เจ็บป่วยฉุกเฉินในระดับไม่รุนแรงใช้ห้องพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง, หากไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และต้องการดูแลในระยะยาว จะได้รับสิทธิการอยู่ในสถานบริบาลผู้สูงอายุรามาธิบดี (เมื่อห้องว่าง), สินเชื่อและเงื่อนไขผ่อนเป็นพิเศษ ตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ เป็นต้น

Advertisement

ป.ป.ช. ยันเร่งสอบคดีเสาไฟกินรี อบต.ราชาเทวะ

People Unity News : 31 ตุลาคม 2565 ป.ป.ช. ยันเร่งสอบสำนวนเสาไฟกินรี อบต.ราชาเทวะ เสร็จแล้ว 2 ใน 5 สำนวน ย้ำทำสุดความสามารถ ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่อาจไม่ทันใจประชาชนและสื่อมวลชน 

น.ส.ชภารัตน์ อนรรฆอร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 1 แถลงความคืบหน้าคดีจัดซื้อจัดจ้างโคมไฟกินรี อบต.ราชาเทวะ สมุทรปราการ ว่า หลัง ป.ป.ช.ชุดใหญ่มีมติให้ไต่สวนทาง ป.ป.ช. ภาค 1 ได้แยกดำเนินการออกเป็น 5 คดีตามปีงบประมาณ ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกกล่าวหา 2 คดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา คาดว่าหากผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแล้วจะสรุปสำนวนเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช ให้พิจารณาโดยเร็ว เพราะอยู่ในความสนใจประชาชน

“ส่วนอีก 3 คดีอยู่ระหว่างแจ้งข้อกล่าวหาซึ่งคาดว่าที่สุดแล้วทั้ง 5 สำนวน คดีจะแล้วเสร็จในเวลาใกล้เคียงกัน ย้ำว่า ป.ป.ช.ไม่ได้นิ่งเฉย แม้การดำเนินการอาจไม่ทันใจประชาชนหรือสื่อมวลชน แต่ยืนยันได้เร่งติดตามดำเนินคดีเรื่องนี้สุดความสามารถ แต่ทั้งนี้มีข้อจำกัดในบางส่วน เช่น เจ้าหน้าที่ อบต.ราชาเทวะ ก็ติดโควิด ทำให้การส่งเอกสารล่าช้า ย้ำว่าการดำเนินคดีในเรื่องนี้ได้ให้ความพิถีพิถันเป็นพิเศษ เพื่อให้ปราศจากข้อสงสัย” น.ส.ชภารัตน์ กล่าว

ส่วนการทุจริตติดตั้งเสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์นวัตกรรมไทยในพื้นที่จังหวัดสระบุรีนั้น ได้ลงพื้นที่ติดตามใน 3 พื้นที่ พบว่าผลการตรวจสอบพบความเสี่ยงในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี ซึ่งมีการจัดซื้อเสาไฟ 6,493 ชุด มูลค่ารวมกว่า 453 ล้านบาท โดยพบประเด็นการจัดซื้อเสาไฟที่มีราคาสูงและซื้อจำนวนมาก แต่ไม่สามารถต่อรองราคาให้ถูกลงได้ ส่วนประเด็นคุณภาพของแสงสว่างบางประเด็นไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ อีกทั้งพบว่ามีการติดตั้งซ้ำซ้อน หรือติดในพื้นที่ที่มีการสัญจรน้อย และพื้นที่ไม่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังพบว่าประเด็นการจัดทำประชาพิจารณ์ก่อนการดำเนินการและยังมีการติดตั้งเสาไฟโซลาร์เซลล์รุ่นเก่าปะปนกับเสารุ่นใหม่

Advertisement

“ประวิตร” พอใจผลสำเร็จ ไร้พื้นที่ภัยแล้งฤดูแล้งปี 64/65 พร้อมเดินหน้า 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปีนี้

People Unity News : 11 มิ.ย. 65 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) และผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) แถลงถึงความสำเร็จในการบูรณาการแก้ไขปัญหาน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 64/65 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลงานเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ส่งผลให้ประเทศไทยไม่มีการประกาศพื้นที่ภัยแล้ง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติการตามมาตรการและแผนเชิงรุกเพื่อรับมือภัยแล้งที่วางไว้ สามารถลดและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากสถานการณ์ภัยแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับการเตรียมรับมือฤดูฝนที่กำลังมาถึงในปี 65 นี้ รัฐบาลได้กำหนด 13 มาตรการรับมือฤดูฝน โดยเพิ่มเติม 3 มาตรการ จากเดิมปี 64 ที่มี 10 มาตรการ เช่น การคาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำ การปรับปรุงระบบการระบายน้ำ และสิ่งกีดขวางทางน้ำตลอดจนตรวจความมั่นคงปลอดภัยของคัน ทำนบและพนังกั้นน้ำ

พร้อมมอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุได้อย่างทันท่วงที วางแผนเก็บกักน้ำสำรองทุกแหล่ง ทั้งน้ำผิวดินและน้ำใต้ดินไว้รองรับฤดูแล้งหน้าด้วย รวมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชนและทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึง เพื่อให้การแก้ปัญหาด้านน้ำเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืนต่อไป

Advertisement

ก.ศึกษา ยืนยัน จ้าง “ครู – บุคลากร” ต่อเนื่อง กำชับ สพฐ. จ่ายเงินเดือนตรงเวลา

People Unity News : 21 พฤษภาคม 65 กระทรวงศึกษาธิการ ยืนยัน มีงบประมาณเพียงพอดูแลครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้แก่ ครูผู้สอน กลุ่มครูขาดแคลน กลุ่มครูคลังสมอง ครูวิทย์-คณิต กลุ่มครูที่ดูแลนักเรียนเด็กพิเศษ บุคลากรด้านธุรการ และนักการภารโรง หลังพบความไม่มั่นใจของครูธุรการว่าจะได้รับการจ้างถึงสิ้นปีงบประมาณและที่ผ่านมายังได้รับเงินเดือนไม่ตรงเวลา โดยงบในปีนี้ สามารถจ้างต่อเนื่องได้ถึงวันที่ 30 ก.ย. 65 อย่างแน่นอน ขอบคุณที่มุ่งมั่นให้การศึกษาที่มีคุณภาพแก่เยาวชน พร้อมกำชับให้ สพฐ. จ่ายเงินเดือนครูให้ตรงเวลา

สำหรับปีงบประมาณ 2566 ศธ. ได้ของบประมาณไปแล้วเพื่อจ้างทุกคนต่อเนื่อง ประกอบด้วย โครงการครูผู้ทรงคุณค่าของแผ่นดิน 610 คน โครงการครูคลังสมอง 1,757 คน และโครงการจ้างเหมาครูและบุคลากรต่างๆ สำหรับโรงเรียนปกติ 44,291 คน วงเงินรวม 6,108 ล้านบาท โดย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ได้ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ

Advertisement

Verified by ExactMetrics