วันที่ 5 พฤษภาคม 2024

“ปชป.” เตรียมคัดชื่อ กมธ. แก้รัฐธรรมนูญ

People Unity News : “องอาจ คล้ามไพบูลย์” ประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เผย “ปชป.” เตรียมคัดชื่อ กมธ. แก้รัฐธรรมนูญ

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ตนได้เชิญ ส.ส. ของพรรคฯ มาประชุมเพื่อพิจารณาหาผู้ที่เหมาะสมไปเป็นคณะกรรมาธิการฯ ในส่วนของพรรคฯ จำนวน 4 ท่าน ในวันอังคารที่ 26 พ.ย. เวลา 13.30 น.

พรรคประชาธิปัตย์ มีบุคคลที่เหมาะสมหลายท่าน ขึ้นอยู่กับ ส.ส. ของพรรคฯ จะดูว่าใครเหมาะสมโดยจะใช้วิธีเสนอชื่อแล้วให้ ส.ส. เลือกในที่ประชุม โดยผู้ที่ถูกเสนอชื่อและที่ประชุม ส.ส. เลือกก็ต้องสมัครใจที่จะไปทำงานเป็นคณะกรรมาธิการฯ ด้วย

ส่วนที่ประชุม ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เคยมีมติเสนอชื่อคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคฯ ไปเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ นั้น ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม เพราะคุณอภิสิทธ์มีความเหมาะสมที่จะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการฯ แต่ก็ขึ้นอยู่กับวิปรัฐบาลด้วยว่าจะมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร ขณะนี้พรรคฯ ก็รอฟังจากวิปรัฐบาลอย่างเป็นทางการว่าจะมีมติออกมาอย่างไร

กรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองนั้น คิดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรกับการเมืองในภาพรวม เพราะเป็นเพียงเริ่มต้นศึกษาหลักเกณฑ์วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังต้องมีกระบวนการที่จะต้องดำเนินการอีกพอสมควร

ทุกฝ่ายควรตระหนักร่วมกันว่าการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งนี้ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่งและองค์กรหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งจึงจะทำให้เกิดผลสำเร็จได้

“อนุสรณ์”ชี้เครื่องจักรเศรษฐกิจวิกฤตหมดทั้ง 5 ด้าน

People Unity News : “อนุสรณ์” โฆษกพรรคเพื่อไทย ชี้เครื่องจักรเศรษฐกิจวิกฤตหมดทั้ง 5 ด้าน ส่งออกติดลบ บริโภค ชะลอตัว ลงทุนภาครัฐหด ลงทุนภาคเอกชนลด นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี เครื่องจักรเศรษฐกิจวิกฤตหมดทั้ง 5 ด้าน ว่า สิ่งที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ ชะลอตัวลงทุกรายการเครื่องจักรที่เคยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 5 ด้าน ได้แก่ การส่งออก, การบริโภคภายในประเทศ,การใช้จ่ายภาครัฐ, การลงทุนภาคเอกชน, การท่องเที่ยว พร้อมใจกันมีปัญหา ทั้งหมด

1.การส่งออกติดลบ จากภาคอุตสาหกรรมหดตัว ยอดคำสั่งซื้อลดลง โรงงานลดจำนวนเวลาทำงาน ลดโอที ปลดพนักงาน เลิกกิจการ เหตุจากเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศ ชะลอตัว เงินบาทแข็งค่า รวมถึงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ที่กระทบเกษตรกร ทำให้ผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ

2.การบริโภคภายในประเทศชะลอตัว คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง เงินเฟ้อหดตัว เงินเดือนไม่ปรับขึ้น เงินออมไม่กล้านำออกมาใช้

3.การลงทุนภาครัฐหดตัว การลงทุนเมกะโปรเจคหลายโครงการเลื่อนออกไป หรือตัวโครงการดำเนินการล่าช้า ไม่มีการลงทุนใหม่ๆ มีแต่โครงการต่อเนื่องจากปีงบฯปีก่อน รายได้รัฐจากการจัดเก็บรายได้กรมเก็บภาษีบางกรม เก็บได้น้อยลง

4.การลงทุนภาคเอกชนลด อันเกิดจากความไม่ชัดเจนของรัฐบาลในการเจรจาการลงทุนจากต่างประเทศ และความล่าช้าของงบประมาณ ทำให้ภาคเอกชนไม่กล้าลงทุน ดูได้จากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ของสภาอุตสาหกรรม เทียบปีต่อปี หรือไตรมาสต่อไตรมาส รวมถึงตัวเลขคาดการณ์ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า

5.การท่องเที่ยว เมื่อดูรายประเทศ รายภูมิภาค นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง เหตุจากภาครัฐไม่มีมาตการระยะยาวในการทำโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวรองรับ ปัญหาเงินบาทแข็งค่า จนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

“ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ จะไปหาความมั่นใจหรือความเชื่อมั่นจากที่ไหน เพราะขนาดในทีมเศรษฐกิจทีมเดียวกันเอง ยังโบ้ยความรับผิดชอบ ส่งสัญญาณคายฟันยาง ตัวใครตัวมัน สุดท้ายปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชนก็ถูกทิ้งไว้ โดยไม่สามารถแก้ไขอะไรได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

 

“หญิงหน่อย”นำคณะลงแขก เกี่ยวข้าวปลอดสารพิษโชว์ ที่ขอนแก่น

People Unity News : “คุณหญิงสุดารัตน์” ลุยขอนแก่น พบชาวนา ถูกเอาเปรียบ ไร้การเหลียวแล จากภาครัฐ ชวนชาวนาชะลอการขายข้าวเพื่อเพิ่มราคา เรียกร้องรัฐดูแลทันที ก่อนข้าวจะอยู่ในมือพ่อค้า  

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น สอบถามปัญหาราคาข้าวจากเกษตรกร โดยพบว่าฤดูกาลผลิตนี้ ข้าวสารและข้าวเหนียวขาดตลาด เกษตรกร ควรได้ราคาดี เพราะต้องประสบปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ทำให้ผลผลิตมีน้อย แต่ปรากฏว่าปัจจุบันชาวนากลับถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยไม่มีมาตรการของภาครัฐออกมาช่วยเหลือ ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิคุณภาพดีที่สุดของโลก ซึ่งปลูกในพื้นที่ภาคอีสาน ขายได้เพียงกิโลกรัมละ ประมาณ 12 บาทเท่านั้น

ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ในห้วงของการเก็บเกี่ยวรัฐบาลต้องเข้ามาดูแล ตั้งแต่ต้นเดือนนี้ ไม่ใช่ไปดูแลในช่วงปลายเดือนหรือต้นเดือน ธันวาคม ซึ่งข้าวจะอยู่ในมือพ่อค้าคนกลางแล้ว โดยเฉพาะข้าวเปลือกจะถูกขาย และเปลี่ยนมือจากชาวนาไปอยู่ในมือพ่อค้าคนกลาง อยู่กับโรงสี ราคาจึงปรับตัวสูงขึ้นไปที่ประมาณกิโลกรัมละ20-25บาท ซึ่งพี่น้องชาวนาไม่ได้รับประโยชน์ ดังนั้นรัฐต้องมีมาตรการออกมาช่วย ชะลอการขายข้าวทันที และในขณะที่ชาวนาถูก กดราคา ขายข้าวได้ราคาไม่เป็นธรรม กลับยังไม่เห็นมาตรการ รวมถึงความช่วยเหลือใดๆจากรัฐบาล อย่างเป็นรูปธรรม

คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยพยายามช่วยเหลือเท่าที่ทำได้โดยเฉพาะการหาช่องทางจัดจำหน่าย พร้อมสื่อสารไปถึงพี่น้องเกษตรกรว่า อย่าเพิ่งรีบขายข้าว ให้เก็บไว้รอราคาที่เหมาะสม จึงทยอยขาย ดังนั้นหากรัฐจริงใจจะช่วยเหลือเกษตรกรต้องช่วยในช่วงเวลานี้ ก่อนที่ข้าวจะไปอยู่ในมือพ่อค้าคนกลาง

ทั้งนี้ในการลงพื้นที่ ตำบลบ้านโต้น อำเภอ พระยืน จังหวัดขอนแก่น คุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมคณะส.ส. อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายบัลลังก์ อรรณนพพร นางมุกดา พงษ์สมบัติ นายพงศกร อรรณนพพร นายอดิศร เพียงเกษ นายธนิก มาสีพิทักษ์ นายสุรชัย เบ้าจรรยา ร่วมลงพื้นที่

คุณหญิงสุดารัตน์ ได้พบปะกลุ่มเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรอินทรีย์ ให้กำลังใจในการประกอบอาชีพ เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ข้าวปลอดสารพิษ รวมถึงแนะนำวิธีการปลูกและขายข้าวอย่างไรให้มีประสิทธิภาพและได้ราคาอย่างเหมาะสม จากนั้นได้ร่วมกิจกรรมลงแขกเกี่ยวข้าวกับเกษตรกร ด้วยรอยยิ้ม สร้างความอบอุ่นให้กับพี่น้องเกษตรกร ถือเป็นการรักษาวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทย โดยเฉพาะเป็นการสืบสาน สิ่งที่พี่น้องชาวนาได้ถือปฏิบัติมาช้านาน กิจกรรมดังกล่าว ถือเป็นการเปิดศักราช ฤดูกาลเก็บเกี่ยว และเป็นหนึ่งใน ความต่อเนื่อง จากโครงการ”ข้าวสานธรรม” ที่ดำเนินการมาทุกปีด้วย

สีหน้าไม่สู้ดี!”บิ๊กตู่”เผยกำลังตรวจสอบ ยิ่งถล่มยะลาดับ 15 ราย

People Unity News :  สีหน้าไม่สู้ดี!”บิ๊กตู่”เผยกำลังตรวจสอบ ยิ่งถล่มยะลาดับ 15 ราย บาดเจ็บ 5 ราย โฆษกกห.ประณามเหตุรุนแรงใต้ เผยนรม.และรมว.กห.แสดงความเสียใจ สั่งติดตามผู้ก่อเหตุมาลงโทษโดยเร็ว

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 6 พ.ย.2562 กรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนบุกยิงป้อมจุดตรวจ ชรบ.หมู่ที่ 4 ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา ขณะที่มีชาวบ้านซึ่งเป็น ชรบ. อยู่เวรยามประจำจุดตรวจ ถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 15 ราย และได้รับบาดเจ็บ 5 รายนั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักว่า ได้รับรายงานเรียบร้อยแล้วตรวจสอบอยู่ระหว่างการดำเนินการ

สั่งติดตามผู้ก่อเหตุมาลงโทษโดยเร็ว

ขณะที่พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวประณามการกระทำที่รุนแรงว่า ป่าเถื่อนและไร้ซึ่งมนุษยธรรมของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จชต. ที่ใช้ระเบิดขว้างและอาวุธปืน ยิงถล่มใส่ชาวบ้านในพื้นที่ บ้านทางลุม ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เป็นเหตุให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่เสียชีวิต รวม 15 คน และได้รับบาดเจ็บ 4 คน โดยเหตุเกิด เมื่อ 5 พ.ย.62 เวลา 2320 ที่ผ่านมา

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม. และรมว.กห. ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และได้กำชับ กอ.รมน.ภาค 4 เร่งให้การช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียอย่างเต็มกำลัง พร้อมสั่งการให้ระดมกำลังติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง มาลงโทษตามกฎหมายให้ถึงที่สุดโดยเร็ว เนื่องจากเป็นการกระทำที่สะเทือนขวัญ มีประชาชนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก” โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวและว่า

พร้อมกันนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังได้แสดงความห่วงใยถึงความปลอดภัยของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จำเป็นต้องเข้าไปดูแลใกล้ชิดมากขึ้นและตั้งอยู่บนความไม่ประมาท เพื่อสร้างความสันติสุขในพื้นที่ ในขณะที่รัฐบาล โดย ศอ.บต.กำลังเร่งเดินหน้าพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เชื่อมกับภูมิภาค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้มีความเท่าเทียมกัน

ส่อทางไม่สวย!”อภิสิทธิ์”นั่งปธ.กมธ.แก้รธน”พปชร.”ค้าน

People Unity News : “จุรินทร์” โยนวิปรัฐบาลเคาะ “อภิสิทธิ์” นั่งประธานกมธ.แก้รธน. งดออกความเห็นเหมาะสมหรือไม่ ขณะที่ “วีระกร” ดักคอต้องเป็นพรรคแกนนำรบ.

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่จะมีการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคปชป. เป็นประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เรื่องนี้ขอไม่พูดถึงตัวบุคคล แต่ขอพูดในหลักการคือ ขณะนี้ญัตติการตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้บรรจุอยู่ในวาระของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เมื่อมีการหยิบยกขึ้นมาก็จะมีการพิจารณาว่าจะให้มีการตั้งกรรมการวิสามัญหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าแนวโน้มคงตั้ง เพราะทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีความเห็นร่วมกันให้มีการตั้งอยู่แล้ว ตอนเสนอญัตติเข้าไป ดังนั้นเมื่อมีการตั้งก็จะมีการพิจารณาตัวกรรมาธิการที่จะเข้าไปสู่การพิจารณา ซึ่งในส่วนของพรรคปชป.นั้น ขึ้นอยู่กับที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยส.ส.จะเป็นผู้พิจารณาว่าใครจะไปเป็นกรรมาธิการ

“ผมคงไม่สามารถเรียนให้ทราบล่วงหน้าได้ว่าจะมีใครสนใจบ้าง และควรจะเป็นใคร แต่หลังจากได้ตัวกรรมาธิการครบ จะพิจารณาว่าใครจะเป็นประธาน รองประธาน ตำแหน่งไหนในกรรมาวิสามัญ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมกรรมาธิการ ซึ่งในส่วนรัฐบาลก็มีวิปรัฐบาลที่จะเป็นผู้พิจารณา โดยวิปในพรรคปชป. จะเป็นหนึ่งในวิปรัฐบาล ที่จะเข้าไปร่วมพิจารณา ซึ่งต้องรอวิปรัฐบาลเป็นผู้รอพิจารณาอีกขั้นหนึ่ง ว่าควรจะเป็นใครอย่างไร”นายจุรินทร์ กล่าว

เมื่อถามว่า หากวิปรัฐบาลไฟเขียว ในขณะที่ฝ่ายค้านก็เห็นถึงความเหมาะสมของตัวนายอภิสิทธิ์ นายจุรินทร์ กล่าวย้ำว่า ขอให้เป็นเรื่องของวิปฯ ที่จะไปคุยกัน ในส่วนของพรรคปชป.ก็จะคุยกันในส่วนของวิปรัฐบาล เพราะเป็นกลไกที่เราทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ต้นในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และจำเป็นจะต้องหารือกันในวิปรัฐบาล เพราะซีกรัฐบาลมีความสำคัญต่อความสำเร็จเหมือนกัน และจะเป็นความสำเร็จของทุกฝ่าย เพราะการแก้รัฐธรรมจะสำเร็จได้ ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล แต่ต้องรวมไปถึงวุฒิสมาชิกด้วย นั้นแปลว่าจะต้องมีความเห็นพ้องต้องกัน ยืนยันว่าในส่วนของปชป. จะต้องไปนับหนึ่งที่วิปรัฐบาล ในฐานะพรรคร่วม ซึ่งเราจะเจรจากันตรงนั้น ตอนนี้ขอไม่พูดในรายละเอียด ขอให้เป็นหน้าที่วิปที่จะคุยกัน

เมื่อถามว่าโดยส่วนตัวเห็นว่านายอภิสิทธิ์ มีความเหมาะสมหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นส่วนตัว เป็นเรื่องของพรรคที่จะพิจารณาตัวบุคคล

“วีระกร” ดักคอต้องเป็นพรรคแกนนำรบ.

นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอชื่อประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนพรรคพปชร.ที่จะเสนอชื่อคนใน หรือคนนอกพรรคนั้น ว่า จะต้องเป็นคนในพรรค ซึ่งกมธ.ชุดดังกล่าวเป็นแค่การศึกษาหาแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญ ยังไม่ได้เป็นเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง โดยจะไปสามารถแก้ไขอย่างรวดเร็วคงไม่ใช่ ก็ต้องศึกษาก่อน เพราะฉะนั้นคนในพรรคพปชร.ก็สามารถนั่งเป็นประธานกมธ.ได้ทั้งนั้น เบื้องต้น อาจเป็นนายวิรัช รัตนเศรฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานวิปรัฐบาล นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรคพปชร. หรือแม้แต่ตน ก็สามารถนั่งเป็นประธานกมธ. ได้ โดยมองว่าจะต้องผู้ที่มีความอาวุโส ซึ่งภายในพรรคก็มีผู้ที่มีความอาวุโสอยู่หลายคน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเห็นอย่างไร ต่อกระแสข่าวการผลักดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นประธานกมธ.ชุดดังกล่าว นายวีระกร กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของกรรมาธิการคณะใหญ่ๆ ที่จะต้องเป็นแกนนำพรรครัฐบาล แต่เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นแกนนำพรรครัฐบาล ซึ่งการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ฯ นั้นมีสิทธิที่จะเสนอได้ แต่ตามหลักและมารยาท จะต้องเป็นพรรคใหญ่ที่สุดของรัฐบาล นั่งเป็นประธานกมธ.

เมื่อถามว่าสามารถกล่าวได้หรือไม่ว่า ทางพรรคพปชร.ไม่ขัดข้อง หากนายอภิสิทธ์ฯ นั่งประธานกมธ. นายวีระกร กล่าวย้ำว่า จะบอกว่าขัดข้อง หรือไม่ขัดข้องนั้นไม่ได้ แต่ย้ำว่าไม่ได้รังเกียจนายอภิสิทธิ์ แต่เขาเสียงน้อยมานั่งตรงนี้ คงจะไม่ได้ แต่ทั้งนี้ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่านายอภิสิทธิ์ฯ มีความเหมาะสมในสายตาของตน แต่เป็นตัวแทนพรรคปชป.มองว่ายังเล็กไป ควรจะต้องเป็นพรรครัฐบาล หรือพรรคพปชร.

เมื่อถามอีกว่าผู้ที่เหมาะสมจะมานั่งประธานกมธ.ชุดนี้ จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้างนั้น นายวีระกร กล่าวว่า จะต้องรู้เรื่องกฎหมาย และมีประสบการณ์ทางการเมืองมากพอสมควร รวมถึงจะต้องรู้ว่ารัฐธรรมนูญเก่าๆ ที่ผ่านมาให้สิทธิเสรีภาพอย่างไร หรือมีอะไรที่แตกต่างจากฉบับปัจจุบัน เพื่อเปรียบเทียบ ซึ่งหลายคนก็บอกว่าฉบับปัจจุบันก็ไม่ค่อยเต็มใบสักเท่าไหร่ ดังนั้น คนที่จะมานั่งเป็นประธานจะต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ในหลายรัฐธรรมนูญมาแล้ว เป็นผู้ที่มีความรู้ทางกฎหมายและมีความอาวุโส อย่างน้อยจะต้องมีจิตวิญญาณ และความรู้สึกว่ารัฐธรรมนูญฉบับเก่าให้สิทธิและเสรีภาพเช่นไรบ้าง

“จุรินทร์”เปิดถกสุดยอดนักธุรกิจ-ลงทุนอาเซียน แนะร่วมมือรับมือ”AI-4IR”

People Unity News : “จุรินทร์”เปิดงานประชุมสุดยอดด้านธุรกิจและการลงทุนของอาเซียน มุ่งนำเศรษฐกิจอาเซียนรับมือยุคดิจิทัลและการปฎิวัตอุตสาหกรรม

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 เวลา 8.40 น. ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี (Hall 6) ก่อนการเปิดการประชุม Asean Summit อย่างเป็นทางการวันนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน ASEAN Businesses and Investment Summit 2019 ของภาคเอกชนที่เข้าร่วมงานด้วย

นายจุรินทร์ กล่าวถึงภายใต้แนวคิด “Empowering ASEAN 4.0” ซึ่งภาคเอกชนโดยสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนได้จัดขึ้นในวันนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศสมาชิก เพื่อรับมือกับโอกาสและความท้าทายในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือที่เรียกว่า 4IR (The Fourth Industrial Revolution) ที่มีเศรษฐกิจดิจิตอลเป็นแรงผลักดันสำคัญ ตนขอแสดงความชื่นชมต่อภาคเอกชนที่ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาประชาคมอาเซียนไปสู่ยุค 4.0 หรือยุคดิจิทัล ซึ่งนับว่าเป็นวาระที่สำคัญและเหมาะสมกับช่วงเวลานี้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากในปัจจุบันคงไม่สามารถรปฏิเสธได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างรวดเร็วที่ส่งผลให้การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสามารถทำได้ในทุกที่และทุกเวลาและทำให้การติดต่อสื่อสารสามารถทำได้อย่างไร้ขีดจำกัดตลอดจน AI และหุ่นยนต์ก้าวเข้ามาทดแทนแรงงานมนุษย์

การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ได้กล่าวถึงข้างต้นยังส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้า การบริการ การบริโภค และการผลิต ซึ่งก่อให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านระบบออนไลน์ แต่ในทางกลับกันเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ก็ส่งผลให้ธุรกิจแบบดั้งเดิมที่ปรับตัวไม่ทันต้องทยอยปิดตัวลงในทุกภูมิภาคของโลก

“หากมองย้อนมาในภูมิภาคเออาเซียนเศรษฐกิจดิจิทัลมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2018 มีมูลค่าสูงถึง 7.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นจากปี 2017 ที่มีมูลค่าราว 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต คือ การขยายตัวของชนชั้นกลาง การเพิ่มขึ้นของประชากรที่ใช้อินเตอร์เน็ต รวมทั้งการปรับตัวของ SME ในภูมิภาคที่หันมาใช้ดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆเช่นสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และจีน มีสัดส่วนถึงร้อยละ 35 27 และ 16 ของ GDP ตามลำดับแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจดิจิทัล ในอาเซียนยังมีโอกาสเจริญเติบโตอีกมาก โดยการศึกษาจากสามบริษัทชั้นนำของโลกอย่าง Google , Temasek Holding และ Ben & Co พบว่าในอีก 6 ปีข้างหน้า หรือในปี 2025 เศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน จะถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัวโดยมีมูลค่าสูงถึง 2.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าว่า อาเซียนตระหนักถึงบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นของเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะนำมาซึ่งโอกาสทางเศรษฐกิจต่อประเทศสมาชิก จึงได้มีการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่ไปสู่เศรษฐกิจที่เช่าของอาเซียน เช่น 1. การจัดทำข้อตกลงด้าน E-Commerce เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน 2.การจัดทำกรอบบูรณาการด้านดิจิตอลของอาเซี่ยน เพื่อเน้นการอำนวยความสะดวกทางการค้า การคุ้มครองข้อมูลการพัฒนาระบบชำระเงินการพนาทักษะของบุคลากรและการปรับปรุงกระบวนการพัฒนาธุรกิจ 3.การจัดทำแนวทางพัฒนาแรงงานมีทักษะและผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อการรับมือกับ 4IR ซึ่งภาคเอกชนโดยสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนได้มีบทบาทในการผลักดันการทำแนวทางดังกล่าวเพื่อเตรียมความพร้อมแรงงานรองรับอาชีพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผ่าน Reskilling และ Upskilling

นายจุรินทร์ กล่าวย้ำว่า ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ไปสู่การบรรลุเป้าหมายได้ A-BIS จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่ออนาคตของอาเซียนผมเชื่อมั่นว่าภายใต้ความร่วมมือนี้จะทำให้เกิดความเข้มแข็งระหว่างรัฐกับเอกชนจะทำให้ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์และพร้อมรองรับความท้าทายจากการเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิตอลอย่างเข้มแข็งและยังยืนต่อไป

จากนั้นรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เข้าร่วมพิธีเปิดสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่35 ต่อไปโดยเป็นภารกิจร่วมกับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี

สื่อจีนปลื้ม 2 ผู้นำ “มาครง-จุรินทร์” ซีนฮอต กอดเด็กกับป้อนปู

People Unity News : สื่อจีนปลื้ม 2 ผู้นำ “มาครง-จุรินทร์” ได้ใจคนจีนสุดๆ ซีนฮอต กอดเด็กกับป้อนปู หลังร่วมงาน China Expo

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 รายงานข่าวกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า หลังการเข้าร่วมงานที่นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2562 ในพิธีเปิดงาน CIIE 2019 หรือ China International Import Expo 2019 ตามคำเชิญของรัฐบาลจีน โดยมีประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง เป็นประธานในพิธี และมีตัวแทนทั้งจากภาครัฐและเอกชนจาก 64 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม ทำให้จีนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีวีไอพีระดับประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี จาก 23 ประเทศเข้าร่วมในพิธี ไม่นับระดับรัฐมนตรี โดยในจำนวนนั้นมีนายแอมมานูแอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสและ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากประเทศไทย ร่วมด้วย

ก่อนพิธีเปิดงาน CIIE 2019 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางไปถ่ายภาพร่วมกับผู้นำวีไอพีกลุ่มดังกล่าวและหลังพิธีเปิดก็มีรายงานข่าวเผยแพร่เรื่องผู้นำจากบางประเทศได้มีกิจกรรมทั้งในงานและในเมืองเซียงไฮ้ โดยสื่อจีนหลายสำนัก เช่น CCTVช่อง4 CCTVช่อง13 และโชเชียลมีเดียของจีนอย่างเว็บ เว่ยป๋อ ได้รายงานกิจกรรมและการสัมภาษณ์ของรองนายกจุรินทร์ ต่อผู้สื่อข่าวของจีน

โดยล่าสุดมีรายงานว่า Shanghai Daily ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษชื่อดังของจีน ได้ลงข่าวเกี่ยวกับงาน CIIE 2019 โดยไฮไลท์ของข่าวระบุว่า มีเพียงผู้นำจาก 2 ประเทศที่เข้าร่วมงานและได้ฝากความประทับใจไว้กับคนจีน ได้แก่ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสซึ่งได้กอดและหอมแก้มเด็กจีนที่เดอะบันด์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวริมแม่น้ำหวงผู่ กับอีกคนคือรองนายกรัฐมนตรี”จุรินทร์” จากประเทศไทย ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคจีน ขณะเยี่ยมชมซุปเปอร์มาร์เก็ต”เฟรซ ฮิปโป”(เหอหม่า) พร้อมกับได้ live สดให้แฟนเพจผู้ติดตามในประเทศไทยรับทราบ โดยขณะเยี่ยมชมโซนอาหาร นายจุรินทร์ได้ใช้ตะเกียบคีบปู ป้อนให้กับสาวจีนคนหนึ่งที่กำลังทานอาหารอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ตดังกล่าวซึ่งได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ติดตามข่าวชาวจีนอย่างมาก จน หนังสือพิมพ์ Shanghai Daily ได้รายงานประเด็นยอดฮิตดังกล่าวและพาดหัวข่าว คนจีนปลื้มผู้นำต่างประเทศที่มาเยือนโดดเด่น 2 คน คือ นายมาครง กับ นายจุรินทร์

“ธนกร”สวน”จาตุรนต์” เริ่มเป็นกรียนคีย์บอร์ด ย้อนเที่ยวอัด”สมคิด”

People Unity News : “ธนกร”สวน”จาตุรนต์” เริ่มเป็นกรียนคีย์บอร์ด ย้อนเที่ยวอัด”สมคิด” ทั้งที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจเศรษฐกิจเลย ลั่นรัฐบาลมาถูกทาง “ชิมช้อปใช้”ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้ดี

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในทำนองว่า ไม่สามารถชี้แจงได้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างไร สนุกอยู่กับมาตรการชิมช้อปใช้เฟส3ว่า นายจาตุรนต์เป็นนักการเมืองอาวุโสที่มีหลักการ แต่พักหลังดูเปลี่ยนไปจนน่าผิดหวังมาก เพราะทำตัวเหมือนนักเลงคีย์บอร์ด โพสต์โจมตีรัฐบาลไปวันๆ ทั้งๆ ที่ในใจลึกๆ แล้วคงแอบชื่มชมนายสมคิดอยู่ เพราะรู้มือกันดีว่าในอดีตหลายโครงการที่สำคัญของพรรคไทยรักไทยซึ่งประสบความสำเร็จมากๆ มาจากมันสมองของนายสมคิด ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้ นอกจากนี้ รัฐบาลมีแผนงานชัดเจนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ ไม่เคยละเลยการพัฒนาเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ มีการเร่งการลงทุนของภาครัฐ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจให้มั่นคง นายจาตุรนต์หลุดจากเวทีการเมืองไปนาน จึงอาจจะไม่ทราบ หรือว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ เพราะกลัวว่าชาวบ้านจะหันมารักรัฐบาลเพิ่มขึ้น

นายธนกร กล่าวอีกว่า มาตรการชิมช้อปใช้ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้ภาครัฐต้องเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเลือกการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน เพราะเป็นสัดส่วนใหญ่ของเศรษฐกิจไทยคือมากกว่าร้อยละ 50 เพื่อพยุงเศรษฐกิจในระยะสั้นไม่ให้ชะลอลงมากตามการชะลอลงของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าหลักของไทย ทั้งนี้ ในช่วง 1 เดือนกว่าที่ผ่านมา มาตรการชิมช้อปใช้ดำเนินไปตามเป้าหมายอย่างดี มีผู้มาลงทะเบียนครบตามเป้า และมีการใช้จ่ายหมุนเวียนของเม็ดเงิน ช่วยผู้ประกอบการรายย่อยและการจ้างงานกระจายตามภาคต่างๆ และทั่วทุกจังหวัด ประกอบกับการใช้จ่ายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ระดับหมื่นล้านบาทแล้ว รัฐบาลจึงเชื่อมั่นว่า มาตรการชิมช้อปใช้จะเป็นเครื่องยนต์เสริมที่สำคัญในการพยุงเศรษฐกิจระยะสั้นของไทย

“อนุสรณ์”สอน”ประยุทธ์”หยุดลงพื้นที่ถ้าเป็นภาระประชาชน

People Unity News : “อนุสรณ์”โฆษกพรรคเพื่อไทย สอน “ประยุทธ์” ถ้าภารกิจเป็นภาระประชาชนต้องหยุดลงพื้นที่ รบ. แจงไม่ได้สั่งปิดร.ร.เบญจมราชูทิศราชบุรี วันที่ 11 พย. เผย ผอ.สั่งเปิดเรียนตามปกติแล้ว ขณะที่ “สุทิน” มองคนนั่งประธาน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ต้องเป็นคนที่สังคมยอมรับ

วันที่ 9 พ.ย.2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เปลี่ยนจุดลงจอดเฮลิคอปเตอร์หนีม็อบสมัชชาคนจนในการลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ว่า ตั้งแต่ยุคคสช. ถึงยุคหลังคสช. ภารกิจในการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ แต่ละครั้งสร้างภาระให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก ไปไหนมาไหนแทบจะสั่งปิดเมือง หยุดทุกภารกิจชีวิตของประชาชนมาดำเนินการต้อนรับ ยกระดับคุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ทั้งตัวพล.อ.ประยุทธ์ ครม. ข้าราชการส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง เกณฑ์ประชาชนมาต้อนรับ วุ่นวายไปหมดทั้งเมือง เดือดร้อนไปถึงโรงเรียนที่ต้องสั่งปิดเพื่อเกณฑ์เด็กนักเรียนมารับพล.อ.ประยุทธ์ จะมีกุนซือบอก หรือคิดเองว่า ต้องมีการสร้างภาพให้ใกล้ชิดประชาชน แต่การลงพื้นที่แต่ละครั้ง ถ้ามันเพิ่มภาระให้กับประชาชน ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือสร้างภาพ ไม่จริงใจต่อการรับฟังและแก้ไขปัญหา กลัวประชาชนจะร้องเรียนหรือสร้างปัญหาให้ ต้องหยุดลงพื้นที่

“พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไม่ติดยึดกับรูปแบบ แต่ต้องเน้นที่สาระและผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก จะลงพื้นที่รับฟังปัญหา ก็ต้องลงรับฟังด้วยความจริงใจ เข้าถึงสภาพปัญหาที่แท้จริง ไม่มองประชาชนผู้เดือดร้อนเป็นภาระหรือสร้างความยุ่งยากวุ่นวายให้กับตัวพล.อ.ประยุทธ์ เอง” นายอนุสรณ์ กล่าว

รบ. แจงไม่ได้สั่งปิดร.ร.เบญจมราชูทิศราชบุรี วันที่ 11 พย. เผย ผอ.สั่งเปิดเรียนตามปกติแล้ว

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงรัฐบาลไม่ได้สั่งการให้มีการปิดการเรียนการสอนโรงเรียนเบญจมราชูทิศราชบุรี ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะลงพื้นที่ราชการในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ก็ไม่ได้สั่งการเช่นกัน แต่ทางโรงเรียนได้ประกาศปิดเอง ซึ่งทางจังหวัดได้เชิญผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมราชูทิศฯ มาหารือร่วมกันแล้ว ทางผู้อำนวยการโรงเรียนฯ จะยกเลิกการปิดเรียน แต่ผ่อนผันให้นักเรียนที่จะมาเรียนช้ากว่าเวลาเข้าเรียน โดยไม่ถือว่ามาสายหรือขาดเรียนเพราะคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการจราจรที่น่าจะตัดขัดมากในช่วงเช้า

“สุทิน”มองคนนั่งประธาน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ต้องเป็นคนที่สังคมยอมรับ

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการเสนอชื่อประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่พรรคประชาธิปัตย์ เสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ว่า บุคคลที่มีการเสนอชื่อออกมาถือว่าเหมาะสมทั้งคู่ แต่ นายสุชาติ จะมีความแปลกและสับสนในหลักการที่รองประธานสภาฯ จะมาเป็นประธานกรรมาธิการ ไม่ค่อยเห็นใครทำกัน และส่วนตัวคิดว่าถึงวันที่จะเลือกประธานคณะกรรมาธิการจริงๆ น่าจะมีทางเลือกได้มากกว่า 2 คนที่มีชื่อออกมา จะเป็นคนนอกก็ได้คนในก็ดี

เมื่อถามว่าประธานคณะกรรมาธิการชุดนี้ควรเป็นคนจากพรรคแกนนำหลักรัฐบาลหรือไม่ นายสุทิน ตอบว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นคนของพรรคแกนนำรัฐบาล แต่ต้องเป็นบุคคลที่สังคมยอมรับ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญต้องอาศัยความร่วมมืออย่างกว้างขวาง ขณะที่กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย ขณะนี้ยังไม่ได้หารือกันอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีการพูดคุยในสัปดาห์หน้าก่อนญัตติดังกล่าวเข้าที่ประชุมสภาฯ รวมถึงประเด็นว่าเราจะเสนอบุคคลไปชิงตำแหน่งประธานด้วยหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ถ้าพรรคประพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ส่งบุคคลชิงประธานพรรคฝ่ายค้านจะสนับสนุนใครนั้นนายสุทิน ระบุว่า เรื่องดังกล่าวยังไปไม่ถึง ดังนั้นในสัปดาห์หน้าก็คงหยิบยกมุมมองต่างๆ ขึ้นมาหารือในหลักการ

ทางด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตั้งกรรมาธิการวิสามัญในสภาฯ ว่า กรณีตั้งกรรมาธิการวิสามัญตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 92 เขียนไว้ว่า ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งกรรมาธิการได้ 1 ใน 4 ของกรรมาธิการทั้งหมด ที่เหลือให้เป็นไปตามสัดส่วนของพรรคการเมืองตามจำนวนสมาชิก ถ้าตั้งกรรมาธิการ 49 มาหาร 4 ครม. จะได้ 12 คน ที่เหลือ 37 คน เป็นไปตามสัดส่วนพรรคการเมือง เมื่อคำนวณแล้วพรรคฝ่ายค้านจะได้ 19 เสียง รัฐบาลได้ 18 เสียง ใน 19 เสียง พรรคเพื่อไทยจะได้ประมาณ 10-11 เสียง ซึ่งตอนนี้กำลังพิจารณากันอยู่ จะเป็นทั้ง ส.ส. และสมาชิกพรรคที่ไม่ได้เป็น ส.ส.

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า สำหรับกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นมือกฎหมายที่มีความรู้ความสามารถและทำงานร่วมกับพรรคมานาน รวมถึง ส.ส. ที่คอยประสานงานกับพรรคร่วมในสภาฯ อาทิ นายโภคิน พลกุล อดีตประธานสภาฯ นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม

“นิพนธ์”เผย 3 กระทรวงหลัก จับมือใช้ แผนที่ One map แก้ปัญหาที่อยู่อาศัย

People Unity News : “นิพนธ์”เผย 3 กระทรวงหลัก จับมือใช้ แผนที่ One map แก้ปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกิน เขตเมือง-ชนบท ภาคเหนือใช้กลไก คทช.

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานเปิดงานวันที่อยู่อาศัยโลก ภาคเหนือ ปี 2562 ภายใต้หัวข้อ “การขับเคลื่อนแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินระดับจังหวัดให้เกิดรูปธรรม” วิถีชุมชนท้องถิ่นสู่การแก้ไขปัญหาอยู่อาศัย และที่ดินทำกิน ทั้งเมืองและชนบท โดยมีผู้แทนองค์กรชุนชนจาก 17 จังหวัด และหน่วยงานภาคีเครือข่ายเข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงราย. โดยนายนิพนธ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อกระบวนการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชน

โดยกระทรวงมหาดไทยมีแนวทางที่จะบูรณาการความร่วมมือกับ 3 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานหลักที่ดำเนินการเรื่องการแก้ไขปัญหาที่ดินและที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว โดยจะดำเนินการสำรวจข้อมูลที่ดินที่ทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชนโดยใช้กลไกโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล(คทช.)ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลในการจัดสรรที่ดินให้กับประชาชนโดยทดลองใช้ แผนที่ One map มาใช้เป็นเครื่องมือในการกันพื้นที่ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินงานโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทยในการจัดแนวเขตที่ดินให้ชัดเจนว่า พื้นที่ส่วนใหญ่จะสามารถนำมาจัดสรรให้กับพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางเครือข่ายการพัฒนาที่อยู่อาศัย และการจัดการที่ดินภาคเหนือ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีในระดับจังหวัดดำเนินงานแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ทำกินของประชาชนผู้มีรายได้น้อยในปี 2562 โดยมีผู้ได้รับผลประโยชน์รวม 3,636 ครัวเรือน แบ่งเป็นบ้านมั่นคงเมืองและชนบท 1,182 ครัวเรือน และบ้านพอเพียงชนบท 2,455 ครัวเรือน

Verified by ExactMetrics