People Unity News : “อนุสรณ์”โฆษกพรรคเพื่อไทย สอน “ประยุทธ์” ถ้าภารกิจเป็นภาระประชาชนต้องหยุดลงพื้นที่ รบ. แจงไม่ได้สั่งปิดร.ร.เบญจมราชูทิศราชบุรี วันที่ 11 พย. เผย ผอ.สั่งเปิดเรียนตามปกติแล้ว ขณะที่ “สุทิน” มองคนนั่งประธาน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ต้องเป็นคนที่สังคมยอมรับ

วันที่ 9 พ.ย.2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เปลี่ยนจุดลงจอดเฮลิคอปเตอร์หนีม็อบสมัชชาคนจนในการลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ว่า ตั้งแต่ยุคคสช. ถึงยุคหลังคสช. ภารกิจในการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ แต่ละครั้งสร้างภาระให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก ไปไหนมาไหนแทบจะสั่งปิดเมือง หยุดทุกภารกิจชีวิตของประชาชนมาดำเนินการต้อนรับ ยกระดับคุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ทั้งตัวพล.อ.ประยุทธ์ ครม. ข้าราชการส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง เกณฑ์ประชาชนมาต้อนรับ วุ่นวายไปหมดทั้งเมือง เดือดร้อนไปถึงโรงเรียนที่ต้องสั่งปิดเพื่อเกณฑ์เด็กนักเรียนมารับพล.อ.ประยุทธ์ จะมีกุนซือบอก หรือคิดเองว่า ต้องมีการสร้างภาพให้ใกล้ชิดประชาชน แต่การลงพื้นที่แต่ละครั้ง ถ้ามันเพิ่มภาระให้กับประชาชน ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือสร้างภาพ ไม่จริงใจต่อการรับฟังและแก้ไขปัญหา กลัวประชาชนจะร้องเรียนหรือสร้างปัญหาให้ ต้องหยุดลงพื้นที่

“พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไม่ติดยึดกับรูปแบบ แต่ต้องเน้นที่สาระและผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก จะลงพื้นที่รับฟังปัญหา ก็ต้องลงรับฟังด้วยความจริงใจ เข้าถึงสภาพปัญหาที่แท้จริง ไม่มองประชาชนผู้เดือดร้อนเป็นภาระหรือสร้างความยุ่งยากวุ่นวายให้กับตัวพล.อ.ประยุทธ์ เอง” นายอนุสรณ์ กล่าว

รบ. แจงไม่ได้สั่งปิดร.ร.เบญจมราชูทิศราชบุรี วันที่ 11 พย. เผย ผอ.สั่งเปิดเรียนตามปกติแล้ว

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงรัฐบาลไม่ได้สั่งการให้มีการปิดการเรียนการสอนโรงเรียนเบญจมราชูทิศราชบุรี ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะลงพื้นที่ราชการในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ก็ไม่ได้สั่งการเช่นกัน แต่ทางโรงเรียนได้ประกาศปิดเอง ซึ่งทางจังหวัดได้เชิญผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมราชูทิศฯ มาหารือร่วมกันแล้ว ทางผู้อำนวยการโรงเรียนฯ จะยกเลิกการปิดเรียน แต่ผ่อนผันให้นักเรียนที่จะมาเรียนช้ากว่าเวลาเข้าเรียน โดยไม่ถือว่ามาสายหรือขาดเรียนเพราะคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการจราจรที่น่าจะตัดขัดมากในช่วงเช้า

“สุทิน”มองคนนั่งประธาน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ต้องเป็นคนที่สังคมยอมรับ

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการเสนอชื่อประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่พรรคประชาธิปัตย์ เสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ว่า บุคคลที่มีการเสนอชื่อออกมาถือว่าเหมาะสมทั้งคู่ แต่ นายสุชาติ จะมีความแปลกและสับสนในหลักการที่รองประธานสภาฯ จะมาเป็นประธานกรรมาธิการ ไม่ค่อยเห็นใครทำกัน และส่วนตัวคิดว่าถึงวันที่จะเลือกประธานคณะกรรมาธิการจริงๆ น่าจะมีทางเลือกได้มากกว่า 2 คนที่มีชื่อออกมา จะเป็นคนนอกก็ได้คนในก็ดี

เมื่อถามว่าประธานคณะกรรมาธิการชุดนี้ควรเป็นคนจากพรรคแกนนำหลักรัฐบาลหรือไม่ นายสุทิน ตอบว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นคนของพรรคแกนนำรัฐบาล แต่ต้องเป็นบุคคลที่สังคมยอมรับ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญต้องอาศัยความร่วมมืออย่างกว้างขวาง ขณะที่กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย ขณะนี้ยังไม่ได้หารือกันอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีการพูดคุยในสัปดาห์หน้าก่อนญัตติดังกล่าวเข้าที่ประชุมสภาฯ รวมถึงประเด็นว่าเราจะเสนอบุคคลไปชิงตำแหน่งประธานด้วยหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ถ้าพรรคประพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ส่งบุคคลชิงประธานพรรคฝ่ายค้านจะสนับสนุนใครนั้นนายสุทิน ระบุว่า เรื่องดังกล่าวยังไปไม่ถึง ดังนั้นในสัปดาห์หน้าก็คงหยิบยกมุมมองต่างๆ ขึ้นมาหารือในหลักการ

ทางด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตั้งกรรมาธิการวิสามัญในสภาฯ ว่า กรณีตั้งกรรมาธิการวิสามัญตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 92 เขียนไว้ว่า ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งกรรมาธิการได้ 1 ใน 4 ของกรรมาธิการทั้งหมด ที่เหลือให้เป็นไปตามสัดส่วนของพรรคการเมืองตามจำนวนสมาชิก ถ้าตั้งกรรมาธิการ 49 มาหาร 4 ครม. จะได้ 12 คน ที่เหลือ 37 คน เป็นไปตามสัดส่วนพรรคการเมือง เมื่อคำนวณแล้วพรรคฝ่ายค้านจะได้ 19 เสียง รัฐบาลได้ 18 เสียง ใน 19 เสียง พรรคเพื่อไทยจะได้ประมาณ 10-11 เสียง ซึ่งตอนนี้กำลังพิจารณากันอยู่ จะเป็นทั้ง ส.ส. และสมาชิกพรรคที่ไม่ได้เป็น ส.ส.

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า สำหรับกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นมือกฎหมายที่มีความรู้ความสามารถและทำงานร่วมกับพรรคมานาน รวมถึง ส.ส. ที่คอยประสานงานกับพรรคร่วมในสภาฯ อาทิ นายโภคิน พลกุล อดีตประธานสภาฯ นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม