วันที่ 26 เมษายน 2024

“สุชาติ”ชี้รัฐบาลไม่ควรแตะต้อง”กองทุนประกันสังคม”

People Unity News : “สุชาติ ธาดาธำรงเวช” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​รัฐบาลทักษิณ ชี้รัฐบาลไม่ควรแตะต้อง”กองทุนประกันสังคม”

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ศ.ดร.สุชาติ​ ธาดาธำรงเวช​ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ เปิดเผยว่า รัฐบาลที่ไม่เข้าใจเรื่อง​เศรษฐกิจ​และไม่ควรแตะ​ต้อง กองทุนประกันสังคม​ กองทุนบำเหน็จบำนาญ​ รวมถึง กองทุนอื่นๆและการที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีส่งหนังสือข้อสั่งการ​ของนายกรัฐมนตรี ถึงสำนักประกันสังคม​ เพื่อให้บริหารจัดการ​กองทุนประกันสังคมให้เกิดประโยชน์​ ตอบสนองแก่ความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น​ เช่น​ การกู้ยืมเพื่อการลงทุน​ หรือการกู้ยืมเพื่อรายจ่ายจำเป็นอื่นๆ
แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ​ เงินประกันสังคมเป็นเงินออมของลูกจ้าง​ ของกรรมกร​ ทั้งประเทศ เพื่อใช้ดูแลชีวิตลูกจ้างและกรรมกร​ ให้ดีขึ้น​ รัฐบาลทั่วโลกมีกฎหมายให้หักเงินรายได้ของลูกจ้างและกรรมกร​ เพื่อไว้ใช้จ่าย เมื่อต้องหยุดงาน​ อันเนื่องมาจาก ว่างงาน​ เจ็บไข้ได้ป่วย​ ทุพพลภาพ​ คลอดบุตร​ สงเคราะห์บุตร ชรา​ภาพ และเสียชีวิต​

“เงินประกันสังคมเหล่านี้​ ไม่ใช่เงินของรัฐบาล​ที่จะสั่งการได้ และเงินเหล่านี้ก็มีการใช้ให้เกิดประโยชน์เต็มที่อยู่แล้ว​​ โดยมีการลงทุนในรูปเงินฝาก​ ซื้อพันธบัตรฯ ซื้อกองทุน​ ซื้อหลักทรัพย์​ ฯลฯ​ สถาบันที่กองทุนประกันสังคม​ นำเงินไปลงทุน​ ก็ได้ไปใช้จ่ายไปลงทุนแล้ว​ ไม่มีเม็ดเงินประกันสังคมเหลืออยู่เลย​ นอกจากเงินที่เตรียมไว้จ่ายให้ลูกจ้างและกรรมกรแต่ละท่าน​ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์”

นอกจากนี้ ศ.ดร.สุชาติ ยังย้ำว่า เป็นความเข้าใจผิด​ของรัฐบาลที่คิดว่า​ มีเงินประกันสังคมกว่า​ 2.1 ล้านล้าน​บาท​ เก็บไว้ทำไม​ ทำไมไม่ไปให้กู้เพื่อเป็นประโยชน์​ต่อประเทศและที่สำคัญการบริหารระบบเศรษฐกิจ​ เป็นเรื่องที่ต้องใช้สติปัญญา บวกกับความรู้ในระดับปรัชญา​ รวมถึง ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลที่ไม่รู้เศรษฐกิจที่จะคิดๆ​เอา​แบบง่าย ๆ เพราะการคิดง่ายๆ​ ได้ทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยเจริญเติบโตต่ำ​มาก ผลผลิตขายไม่ได้​ คนตกงานมาก​มายและ กำลังเหี่ยวแห้งตาย…ในทุกวันนี้..

“อนุสรณ์”ชี้อีก! สถานการณ์สุกงอมฝ่ายค้านจัดหนักซักฟอก

People Unity News : “อนุสรณ์”โฆษกพรรคเพื่อไทชี้อีก! สถานการณ์สุกงอม ฝ่ายค้านจัดหนักอภิปรายไม่ไว้วางใจ

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี การเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้าน ว่า ก่อนหน้านี้โพลหลายสำนักก็สะท้อนความเห็นของประชาชนว่า สถานการณ์สุกงอมที่จะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ไม่ใช่การดำเนินการที่เร็วเกินไป ในอดีตรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช 4 เดือนก็ถูกกอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว เบื้องต้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้น่าจะแบ่งกลุ่มผู้ที่ถูกอภิปรายเป็น 3 กลุ่ม คือ

1.กลุ่ม 3 ป. ที่เป็นแกนหลักตั้งแต่รัฐบาลรัฐประหาร จนถึงรัฐบาลหลังเลือกตั้ง 2.กลุ่มใกล้ชิด หรือ ตัวแทนของ 3 ป. ที่อยู่ในอำนาจต่อเนื่องนานๆ 3.กลุ่มที่เข้ามาใหม่ แล้วพบพิรุธในโครงการต่างๆเพื่อเอื้อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง ซึ่งจะต้องหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างใกล้ชิดต่อไป

ฝ่ายค้านยุคนี้ ไม่มีเครื่องมือพิเศษ หรือตัวช่วยอะไร ที่พออภิปรายล้มรัฐบาลไม่ได้ แล้วสามารถใช้ดาบ 2 ดาบ 3 เครื่องมือพิเศษอื่นๆในการจัดการรัฐบาลให้พ้นไป นอกจากการดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ตามกลไกรัฐสภา จากสภาพของพรรคร่วมรัฐบาลที่ขาดเอกภาพ ต่างคนต่างยึดกุมหม้อข้าวตัวเอง มีรอยร้าวระหว่างพรรคหลายกรณี เชื่อว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจะโดนลอยแพสูง เพราะขนาดนัดกันกินข้าวลดความบาดหมางระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ยังไม่สามารถนัดกันได้เลย

“การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ ฝ่ายค้านจะทุ่มเทสรรพกำลังอย่างเต็มที่ ให้สมกับที่ประชาชนฝากความหวังในการตรวจสอบรัฐบาล เพื่อไม่ให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสในการแข่งขันและการพัฒนาประเทศ” นายอนุสรณ์ กล่าว

“สุวัจน์”มองอีอีซีโอกาสประเทศไทยและเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจ

People Unity News : “สุวัจน์”มองอีอีซีโอกาสประเทศไทยและเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจ พร้อมฝากอารยะสถาปัตย์กับเหตุสามารถสร้างความเท่าเทียมในการดำรงชีวิตของคนทุกกลุ่ม แนะพรรคร่วมรัฐบาลเร่งเคลียร์ให้จบใครนั่ง ปธ.กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถา ในงาน ASA Real Estate Forum 2019 ณ พารากอน ฮอลล์ 3 ศูนย์การค้า สยามพารากอน กรุงเทพมหานคร โดยมีนายอัชชพล ดุสิตนานนท์ นายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ นายวีรพล จงเจริญใจ ประธานการจัดงานฯ และนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคม อสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมเปิดงาน

ภายหลังจากการเปิดงาน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ประเทศไทย : เมืองแห่งโอกาส และความเท่าเทียม โดยนายสุวัจน์ได้กล่าวถึง วิกฤติทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่มีผลมาจากการถดถอยของเศรษฐกิจโลก และสงครามการค้าของประเทศมหาอำนาจ ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย และ Disruptive Technology ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 มีเทคโนโลยีใหม่ๆเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนทางไลฟ์สไตล์ เกิดการผันผวนในการทำธุรกิจ

และนายสุวัจน์ได้แสดงวิสัยทัศน์ เรื่องเมืองแห่งโอกาส ที่จะสร้างความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชนทั้งประเทศ โดยกล่าวถึง เมกะโปรเจคใหญ่ๆ อย่าง EEC (Eastern Economic Corridor) ที่เป็นการต่อยอดมาจาก โครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก(Eastern Seaboad)​ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนทางอุตสาหกรรม ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก  โดยเป้าหมายของ EEC ​ คือ 1.การทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง 2.บรรยากาศการลงทุนของประเทศไทยต้องเติบโตไม่น้อยกว่า 10 % 3. GDP ประเทศไทยต้องโต 5 % 4.จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 100,000 คน 5.ภาคโลจิสติกส์​ ซึ่งเป็นตัวดึงนักลงทุน จะมีราคาถูกลง 6.จะมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น และสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ

นอกจากโครงการ EEC แล้ว โครการใหญ่ๆที่เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ก็ถือเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น โครงการรถไฟความเร็วสูง ที่จะสามารถดึงดูดนักลงทุน รองรับนักท่องเที่ยวๆได้ 150 ล้านคนต่อปี จะมีการจ้างงาน และก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล การสร้างรถไฟฟ้าในกรุงเทพ ก่อให้เกิดโอกาสทางเศรษฐกิจในเรื่องของ อสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า ทำให้ที่ดินมีมูลค่าเพิ่ม รถไฟรางคู่ที่ออกไปสู่ต่างจังหวัด จะเป็นการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปให้เกษตรกร และ ท้องถิ่น ลดความเหลื่อมล้ำ รวมถึง มอเตอร์เวย์สายต่างๆที่จะกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ

การใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ Technology 5g มีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านธุรกิจ ด้านการแพทย์ ด้านการศึกษา องค์ความรู้ต่างๆจะหลั่งไหลสู่ชุมชนที่ห่างไกล และนอกเหนือจากเรื่องของเทคโนโลยี นายสุวัจน์ได้กล่าวถึงการสร้างพันธมิตร เช่น การเป็นประธานจัดงานประชุมอาเซียน ที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ การรวมกลุ่มทางการค้า เพื่อสร้างความเข้มแข็งและข้อต่อรองทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้เกิดโอกาสทางการลงทุนทีามากขึ้น และสุดท้าย นายสุวัจน์ได้กล่าวถึงจุดแข็งของประเทศไทย 2 ประการ นั่นก็คือ 1.การเกษตร ต้องใช้เทคโนโลยี และ อุตสาหกรรมมาใช้ในการเกษตรเพื่อแปรรูป และเพิ่มมูลค่า วัตุดิบคุณภาพของประเทศ 2.การท่องเที่ยว เพราะประเทศไทยมีความสวยงาม และมีความหลายหลายในแต่ละท้องถิ่น การส่งเสริมการท่องเที่ยว จะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวจะกระจายไปในทุกๆที่ โดยมีโครงสร้างพื้นฐานมารองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยว

และก่อนที่จะปิดการปาฐกถา นายสุวัจน์ได้ฝากถึงสถาปนิก ว่าต้องให้ความสำคัญกับ Universal Design (อารยะสถาปัตย์)​เพราะสามารถสร้างความเท่าเทียมในการดำรงชีวิตของคนทุกกลุ่มผ่านการออกแบบที่คำนึงถึงทุกๆคน เพื่อสร้างความเสมอภาคในสังคม และการใช้งานของคนทุกกลุ่ม

แนะพรรคร่วมรัฐบาลเร่งเคลียร์ให้จบใครนั่ง ปธ.กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ

นายสุวัจน์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ส่วนตัวขอเสนอให้พรรคร่วมรัฐบาลโดยหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการประสานงานของแต่ละพรรคควรพูดคุยทำความเข้าใจ และหาข้อยุติเรื่องประธานคณะกรรมาธิการ จะได้ไม่กระทบกับเสถียรภาพของรัฐบาล

ทั้งนี้ นายสุวัจน์ เห็นว่าเป็นเรื่องดีที่พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะไปพูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลก่อน แต่ส่วนตนเองในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ได้รับการติดต่อหรือประสานงานมา อย่างไรก็ตาม ขอไม่แสดงความเห็นในเรื่องตัวบุคคลว่าใครเหมาะสม ระหว่าง นายอภิสิทธิ์ กับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่มองว่าบุคคลที่จะมาเป็นประธานกรรมาธิการชุดนี้จะต้องมีบารมี เป็นที่ยอมรับ และสามารถควบคุมการประชุมเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ดี

“เรื่องนี้ต้องพูดคุยกันเพื่อให้ได้ข้อยุติในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะความเห็นที่แตกต่างกันทำให้เกิดกระทบกับเสถียรภาพ และเกิดความไม่เข้าใจในสังคม”

“ปารีณา”ติง”วัฒนา”อย่านำนักโทษมาเปรียบเทียบกับทหารที่มีเกียรติ

People Unity News : “ปารีณา”ติง”วัฒนา”อย่านำนักโทษมาเปรียบเทียบกับทหารที่มีเกียรติ มั่นใจทั่วโลกรู้ดีถึงพฤติกรรม”ทักษิณ”

เมื่อวันที่ 5 พ.ย.เวลา 09.00 น.น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อความระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความสำคัญในการบริหารประเทศ มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีว่า ตนเห็นเรื่องนี้จากการอ่านข่าว ก็ไม่มั่นใจว่านายวัฒนาเป็นผู้เขียนเองหรือไม่ หรือมีใครสั่งให้เขียนหรือเปล่า ตนเชื่อว่าทุกประเทศต่างก็มีทูตอยู่ในประเทศไทย ซึ่งจะรู้ดีว่า เกิดอะไรขึ้นกับการเมืองไทย และพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้กระทำความผิดข้อหาอะไรบ้างในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

“การที่จะเอาผู้ต้องหาหนีคดีอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ มาเปรียบเทียบกับ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น่าจะสมควรเพราะเหมือนกับการนำนักโทษไปเปรียบเทียบกับทหารที่มีเกียรติที่ทำประโยชน์เพื่อนประเทศชาติ เห็นได้จากเวลาที่พล.อ.ประยุทธ์ไปต่างประเทศ ทุกคนก็อยากจะจับมือ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่มีใครอยากจับมือด้วย”น.ส.ปารีณา กล่าว

น.ส.ปารีณา กล่าวต่อว่า พฤติกรรมคอร์รัปชั่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า 4,000 ล้านบาท เพื่อให้ไปทำเครือข่ายโทรศัพท์ แล้วอุปกรณ์ที่ซื้อก็ซื้อจากบริษัทของตนเอง นำไปสู่การทุจริตเชิงนโยบาย แต่ก็คงจะอดชื่นชมนายสุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ไม่ได้ ที่ท่านได้ไปให้ข้อมูลต่อกรรมการ คตส.และต่อศาลที่เป็นประโยชน์ต่อคดีมาก ท่านเป็นรัฐมนตรีน้ำดี ทำเพื่อความถูกต้อง รักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศ ต่างกับรัฐมนตรีหลายๆคนในยุคนายกทักษิณที่มีคดีทุจริตติดตัวเต็มไปหมด

รองโฆษก พปชร.สอน กม.”ช่อ” ปมโอนหุ้นของ บจก.กับ บมจ.

People Unity News : รองโฆษก พปชร.สอน กม.”ช่อ” ปมโอนหุ้นของ บจก.กับ บมจ. หลังยกเคส “มาดามเดียร์” เทียบเคียง “ธนาธร”

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ความแตกต่างกรณีการโอนหุ้นของบริษัทจำกัด (บจก.) กับ บริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บมจ.) จากประสบการณ์ #อดีตนักกฎหมายตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย #อดีตผู้ร่างข้อบังคับตลท. #อาจารย์สอนกฎหมายหลักทรัพย์ ดังนี้ค่ะ การโอนหุ้นของบริษัทจำกัด อยู่ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 1129 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่กรณีการโอนหุ้นของบริษัทมหาชนจำกัดนั้น อยู่ภายใต้บทบัญญัติของ มาตรา 58 ของ พรบ. บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535

ใจความสำคัญว่า “…การโอนหุ้นนั้นจะใช้ยันบริษัทได้เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอให้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว แต่จะใช้ยันบุคคลภายนอกได้เมื่อบริษัทได้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว…”

ซึ่งหมายความว่าการโอนหุ้นของบริษัทมหาชนจะสมบูรณ์เมื่อนายทะเบียนของบริษัทได้จดแจ้งการโอน ซึ่งหากบริษัทมหาชนจำกัดเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือที่เรียกว่า Listed Co. แล้ว ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีปฏิบัติของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนของ Listed Co. คือ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD ประกอบกับการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้นเป็นการซื้อขายผ่านระบบอิเลคทรอนิคส์ แบบไร้ใบหุ้น (Scriptless)

ดังนั้น การบันทึกการซื้อขายจึงเป็นการบันทึกในระบบของ TSD ทันที ภายหลังที่มีการซื้อขายผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการซื้อขายเปลี่ยนมือของหุ้นนั้นจึงมีผลสมบูรณ์ สามารถใช้ยันต่อบุคคลภายนอกได้ทันที

น.ส.ทิพานันท์ ระบุอีกว่า ในประเด็นของการส่งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์นั้น บริษัทมีหน้าที่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นหรือที่เรียกว่า บมจ. 006 อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

เมื่อมีการประชุมสามัญประจำปี หรือที่เรียกว่าการประชุมผู้ถือหุ้น หมายความว่า บริษัทไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น

#ซึ่งสาเหตุที่กฎหมายกำหนดเช่นนี้เพราะเนื่องจาก จำนวนผู้ถือหุ้นของบริษัท Listed Co. นั้นมีจำนวนมากหลายหมื่นหลายแสนคน และมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันในทุกวัน วันละหลายครั้งในตลาดหลักทรัพย์ และเพื่อให้เกิดสภาพคล่องในการซื้อขายนั่นเอง

ซึ่งหากกฎหมายจะกำหนดให้บริษัทต้องยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นให้กระทรวงพาณิชย์ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนมือแล้ว ตลาดหลักทรัพย์คงจะไม่เกิดสภาพคล่อง และไม่เป็นผลดีต่อนักลงทุนเป็นแน่แท้

ดังนั้นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ถูกยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์นั้นจึงเป็นการสรุปรายชื่อผู้ถือหุ้น “ในวันที่บริษัทกำหนด” ว่าจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นนั่นเอง ซึ่งนักลงทุนโดยทั่วไปย่อมทราบดีว่า “มิใช่รายชื่อผู้ถือหุ้นที่อัพเดท” ดังนั้นหากต้องการตรวจสอบความเป็นเจ้าของหุ้นแล้วนั้น “จึงไม่สามารถตรวจสอบจากบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เพียงอย่างเดียวได้”

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของความแตกต่างระหว่างบริษัทจำกัดกับบริษัทมหาชนจำกัดนี้ เป็นเรื่องที่นักลงทุนควรรู้ค่ะ หากเป็นเรื่องเดียวกันก็ใช้มาตรฐานเดียวกันในการพิจารณา แต่หากเป็นคนละเรื่องแล้ว ก็ไม่สามารถนำบทบัญญัติของกฎหมายที่แตกต่างกันมาใช้เทียบเคียงหรือนำมาบังคับใช้กันได้

#ไม่รู้ให้ถาม

โฆษกปชป.ไม่กังวลผลซูเปอร์โพลยันรมต.ของพรรคมีผลงาน

People Unity News : โฆษกปชป.ไม่กังวลผลซูเปอร์โพลยันรมต.ของพรรคมีผลงาน ย้ำประโยชน์ที่ประชาชนได้รับคือประจักษ์พยานที่ดีที่สุด

วันที่ 4 พ.ย.2562 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีผลสำรวจของ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความกังวลใด ๆ ต่อเรื่องดังกล่าวเพราะการทำงานทุกอย่างของรัฐมนตรีของพรรคฯ มีความชัดเจนด้วยผลสำเร็จของงาน และประโยชน์ที่ประชาชนได้รับก็เป็นประจักษ์พยานให้กับพี่น้องประชาชนดีที่สุด โดยตลอดระยะเวลาที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯ เข้ารับตำแหน่งก็มุ่งหน้าทำงานตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงวินาทีนี้ก็มีสิ่งที่ปรากฏชัดอยู่มากมาย

อีกทั้งนโยบายประกันรายได้ให้พี่น้องเกษตรกรได้มีการขับเคลื่อนจนเกิดผลสำเร็จ และทำให้ความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรก็ดีขึ้น รวมไปถึงการเปิดตลาดในต่างประเทศเพื่อเพิ่มความสามารถในการส่งออกสินค้าเกษตรของประชาชนให้มีพื้นที่ทางการตลาด เพิ่มช่องทางการขายมากขึ้น อันจะส่งผลดีต่อราคาพืชผลในอนาคต การมุ่งแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างเป็นระบบและยั่งยืนโดยการมุ่งเน้นแก้ที่เศรษฐกิจฐานราก และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยผลงานดังกล่าวที่ผ่านมา จึงอยากชี้ให้เห็นว่าทั้งหมดเป็นผลสำเร็จของงาน และเป็นประจักษ์พยานที่จะนำไปสู่ความอยู่ดีกินดีของพี่น้องประชาชนต่อไป โดยข้อมูลของโพลแต่ละโพลนั้นก็เป็นเพียงข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ซึ่งทางพรรคฯ ก็มีข้อมูลที่ได้จากเสียงสะท้อนจากประชาชนเช่นกัน โดยทีมโฆษกฯ ได้ริเริ่มดำเนินการโครงการ “โฆษกสัญจร” ลงพื้นที่ไปจังหวัดต่าง ๆ และจากการสอบถามและเก็บข้อมูลทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าประชาธิปัตย์ทำงานจริงมีผลงานออกมาให้เห็นเด่นชัด โดยนโยบายที่ประชาชนพูดถึงมากที่สุดก็คือ นโยบายประกันรายได้พี่น้องเกษตรกร

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นพรรค จึงไม่จำเป็นต้องมีความกังวลใดๆ เกี่ยวกับกับผลโพลดังกล่าว และเมื่อติดตามจากข่าวสารการทำงานของรัฐมนตรีของพรรคฯ ทุกคนจะเห็นได้ว่ามีผลงานปรากฏออกมาให้เห็นต่อเนื่องตลอดเวลา โดยล่าสุดประชาชนชาวสวนยางทั้งประเทศได้ขอบคุณ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงการจ่ายเงินส่วนต่างครั้งประวัติศาสตร์ในการประกันรายได้ยางพาราให้พี่น้องชาวสวนยางอีกด้วย ดังนั้นรัฐมนตรีของพรรคฯ รวมถึง ส.ส. ของพรรคจึงไม่มีความกังวลแต่อย่างใด และยังคงตั้งใจ มุ่งหน้าทำงานต่อไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มที่

รองโฆษกพรรคเพื่อชาติชี้ 3 เหตุผล ทำประเทศวิกฤตรอบใหม่

People Unity News : ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ชี้ไม่มีใครปลุกคนลงถนนได้ นอกจากตัวรัฐบาลเอง แนะพลเอกประยุทธ์ และเครือข่ายอำนาจทั้งหลาย ศึกษาประวัติศาสตร์ เรียนรู้อดีตอย่าปลุกม็อบนำความขัดแย้งกลับมา ชี้ 3 เหตุผล ทำประเทศวิกฤตรอบใหม่

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ แสดงความเห็นต่อสถานการณ์และบรรยากาศทางการเมืองว่า ณ ห้วงเวลานี้ ถือเป็นความท้าทายและยากลำบากสำหรับรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะต้องรับศึกหนักรอบด้าน ทั้งปัญหาความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้สภาวะข้าวยากหมากแพงเศรษฐกิจปากท้องของคนในประเทศที่กำลังได้รับผลกระทบมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ประชาชนไม่รู้จะฝากความหวังไว้กับใคร ไม่รวมถึงวิกฤตศรัทธาความไว้เนื้อเชื่อใจและข้อสงสัยของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลและองค์กรอิสระที่เป็นผู้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญในหลายกรรมหลายวาระด้วยกัน ดังนั้น ตนจึงอยากฝากไปถึงพลเอกประยุทธ์ และเครือข่ายวงศ์วานว่านเครือ รวมไปถึงผู้ถืออำนาจทั้งหลายว่า ขอให้เรียนรู้และศึกษาจากอดีตให้มาก อย่าให้ประวัติศาสตร์ต้องเดินซ้ำรอย อย่าต้องให้เกิดความสูญเสียและความขัดแย้งขึ้นอีก เพราะตนเชื่อว่า ณ วันนี้คงไม่มีใครอยากเห็นและอยากให้เกิดขึ้นอีก และก็คงไม่มีใครมีพลังอำนาจเพียงพอที่จะสามารถปลุกคนลุกขึ้นมาเดินบนท้องถนนได้ นอกจากการกระทำและพฤติกรรมของผู้ถืออำนาจและรัฐบาลเอง ที่สำคัญวันนี้ทุกฝ่ายต่างก็เห็นตรงกันแล้วว่าท้ายสุดความขัดแย้งทางการเมืองที่นำมาสู่ความขัดแย้งของประเทศในอดีตนั้นไม่ใช่ทางออกของประเทศ ไม่มีใครชนะ แต่ที่แพ้มากที่สุดคือประชาชนและคนไทยทั้งประเทศ

ดร.รยุศด์ กล่าวต่อว่า การเกิดขึ้นทั้งของกลุ่มพันธมิตรฯ กปปส . นปช. หรือ กลุ่มเสื้อสีต่างๆ ในอดีต ตนมองว่าไม่ได้ผิด แต่หากต้องเป็นการต่อสู้กันทางการเมือง ต่อสู้กันในเชิงหลักการและต่อสู้กันในเชิงความคิด ที่จะต้องไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้นอีกแล้ว ณ จุดนี้ ตนคิดว่ารัฐบาลและผู้มีอำนาจต้องเข้าใจ และต้องเรียนรู้ศึกษาประวัติศาสตร์ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีกครั้ง และในฐานะที่ตนเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ก็อยากเห็นการเมืองในแบบใหม่ที่สร้างสรรค์ เป็นการเมืองที่เราสามารถแข่งขันกันที่ผลงานได้อย่างเสรี และเป็นธรรม เพื่อเป็นความหวัง และเป็นประโยชน์ของประเทศและประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้น ตนจึงอยากฝากไปถึงพลเอกประยุทธ์ และวงศ์วานว่านเครือผู้ถืออำนาจทั้งหลาย ว่า ประเทศอาจจะเดินไปสู่วิกฤตรอบใหม่และประชาชนอาจลุกขึ้นมาบนท้องถนนได้อีกครั้ง หาก 1)รัฐบาล ผู้มีอำนาจหรือผู้ปกครองประเทศไร้ซึ่งความธรรม ใช้กลไกทางกฎหมายเป็นเครื่องมือกำจัดอีกฝ่าย ภายใต้กติกาที่ตนเองได้เปรียบ ฝ่ายผู้มีอำนาจจะทำอะไรก็ไม่ผิด เกิดบรรทัดฐานและตรรกะทางคุณธรรมจริยธรรมที่ผิดเพี้ยนในสังคม 2)มองความเห็นต่างของคนรุ่นใหม่ และพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามที่พยายามเสนอสิ่งใหม่ๆเป็นศัตรู และต้องการกำจัดกลุ่มคนเหล่านี้ 3)ระบบนิติธรรม และนิติรัฐของประเทศขาดสมดุล กระบวนการยุติธรรมของประเทศถูกแทรกแซง สร้างความเคลือบแคลงสงสัยถึงความไม่เป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับสังคมส่วนใหญ่

“ศักดิ์สยาม”ฉุนรายการทีวี พาดพิงก่อนศึกซักฟอก ส่งแจ้งความเอาผิด

People Unity News : “ศักดิ์สยาม”ฉุนรายการโทรทัศน์พูดพาดพิงก่อนศึกซักฟอก ชี้ให้ข้อมูลไม่ตรงความจริง มอบ ส.ส.พรรค แจ้งความเอาผิดผู้ดำเนินรายการ – ต้นสังกัด

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่พรรคภูมิใจไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมส.ส.ของพรรคที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ เป็นประธานการประชุม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงกรณีที่มีรายการของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ที่ผู้ดำเนินรายการมีการพูดพาดพิงนายศักดิ์สยาม และพรรคภูมิใจไทย ในประเด็นที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า รายการดังกล่าวมีการพูดพาดพิง โดยให้ข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งตนได้ถอดข้อความจากรายการดังกล่าวทั้งหมดแล้ว พบว่าข้อมูลที่ผู้ดำเนินรายการพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง สร้างความเสียหายให้แก่ตน และพรรคภูมิใจไทย ถือว่ามีความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และการหมิ่นประมาท อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.) ตนจะแถลงรายละเอียดที่กระทรวงคมนาคมอีกครั้ง

ด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แถลงภายหลังการประชุมว่า จากการพิจารณากรณีดังกล่าว ทางพรรคจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 คน และบริษัทต้นสังกัด ในฐานะหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยนายศักดิ์สยาม จะไปแจ้งความที่ จ.บุรีรัมย์ พร้อมกันนี้หัวหน้าพรรคฯ จะทำหนังสือมอบอำนาจให้ ส.ส.เขตของพรรคทั้ง 39 คน ไปดำเนินการแจ้งความในพื้นที่ของตัวเอง รวมทั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทั้ง 12 คน ซึ่งรวมถึงตัวนายอนุทิน ก็จะไปแจ้งความด้วยเช่นกัน

เมื่อถามว่า หากฝ่ายค้านหยิบยกประเด็นนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายศุภชัย กล่าวว่า เป็นสิทธิที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ขณะนี้มีเพียงกระแสข่าวว่าใครจะถูกอภิปรายเท่านั้น ซึ่งการที่ผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 คน เอาเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูด คนที่ไม่รู้ก็อาจจะเชื่อ และคล้อยตามได้ ทำให้นายศักดิ์สยาม และพรรค เกิดความเสียหาย

ภท. จ่อ นำทัพรมต. – ส.ส. สัญจรศรีสะเกษ – นครสวรรค์ เจาะปัญหาปชช.

นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งในที่ประชุมว่า พรรคจะจัดการประชุมสัญจรพรรคภายในปี 2562 จำนวน 2 ครั้ง คือ ที่ จ.ศรีสะเกษ และจ.นครสวรรค์ โดยใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง และการเลือกตั้ง ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จัดสรรมาให้ โดยกกต.ได้ให้ความเห็นชอบ และสนับสนุน ให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองดังกล่าว สำหรับในปี 2563 พรรคตั้งเป้าหมายจะประชุมพรรคสัญจร จำนวน 6 ครั้ง เฉลี่ย 2 เดือน ต่อ 1 ครั้ง โดยจะไปตามจังหวัดต่างๆที่มีการวางแผนงานไว้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การใช้งบประมาณครั้งนี้จะต้องเป่นไปตามระเบียบของกกต. และขอให้ทุกคนระมัดระวังเรื่องการใช้เงิน ซึ่งการจัดกิจกรรมต้องได้ประโยชน์มากที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงพื้นที่สัญจรของพรรคภูมิใจไทย เป็นแนวคิดของนายอนุทิน เพื่อติดตามการทำงานของส.ส.ในพื้นที่ และรับทราบปัญหาของประชาชน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และตรงจุด

รัฐบาลยืนยันบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ มีความเหมาะสมและมีความพร้อมผลิตวัคซีนโควิด-19

People Unity News : โฆษกรัฐบาลยืนยันรัฐบาลจัดหาวัคซีนโควิด-19 ด้วยความรอบคอบ มั่นใจประชาชนไทยต้องได้รับวัคซีนที่ปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐานสากล

20 ม.ค. 64 เวลา 14.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในขณะนี้ โดยยืนยันว่า รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างรอบคอบ ไม่นำการเมืองมาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจด้านสาธารณสุข  การดำเนินการตั้งแต่ปลายปี 2563 มีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติประกอบไปด้วย บุคลากรทางแพทย์ สาธารณสุข ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวข้องกับวัคซีน ร่วมกันประเมินสถานการณ์ ทั้งการสั่งจองซื้อวัคซีนโควิด-19 จากบริษัทที่มีความสามารถในการวิจัยพัฒนาที่เป็นไปด้วยความถูกต้องตามหลักเกณฑ์สากลเป็นที่น่าเชื่อถือ ทำสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต  ทั้งนี้ ประชากรในประเทศไทยทั้งหมด 66 ล้านคน จะได้รับการฉีดวัคซีนคนละ 2 โดส จะมีวัคซีนประมาณ 130 กว่าล้านโดส ซึ่งบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ได้ถูกเลือกจาก AstraZeneca ให้เป็นผู้ผลิตวัคซีน เนื่องจากมีความเหมาะสมและมีความพร้อมจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตสามารถผลิตวัคซีนได้ถึง 200 ล้านโดสต่อปี เพียงพอแน่นอน เบื้องต้นได้จัดหาวัคซีนโควิด-19 ได้ 70 ล้านโดส สำหรับประชากรประมาณ 35 ล้านคน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการให้คนไทยร้อยละ 50 ของประเทศ ได้รับวัคซีน มั่นใจว่าวัคซีนโควิด-19 ที่นำมาฉีดให้แก่ประชาชนนั้นต้องเป็นวัคซีนที่มีคุณภาพ ไม่เกิดผลข้างเคียงอันตราย

Advertising

“ธนกร”ถามฝ่ายค้านจะรีบซักฟอกไปไหนรบ.ทำงานแค่ 4 เดือน

People Unity News : “ธนกร”มั่นใจรัฐบาลชี้แจงศึกซักฟอกฉลุย ชี้บริหารโปร่งใสตรวจสอบได้ อัดทำงานแค่ 4 เดือน งบฯ 63ก็ยังไม่ได้ใช้จะรีบไปไหน ขณะที่ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจัดกิจกรรมพบนักศึกษา จำนวน 30 สถาบัน

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่ในความรู้สึกของตนมันอาจจะเร็วไปหน่อย เพราะรัฐบาลเพิ่งบริหารงานมายังประมาณ 4 เดือน ถือว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เร็วที่สุดก็ว่าได้ ที่สำคัญ รัฐบาลยังไม่ได้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี2563 เลย ทั้งนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความพร้อมที่จะชี้แจงการอภิปรายในครั้งนี้ เพราะมั่นใจว่ารัฐบาลบริหารงานมา4เดือนด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีการทุจริตคอรัปชั่นเหมือนรัฐบาลในอดีต

“ที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปพรรคร่วมฝ่ายค้านบอกว่า สังคมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการอภิปรายนั้น คงเป็นสังคมของฝ่ายค้าน ซึ่งรัฐบาลก็มีความยินดีให้ตรวจสอบ ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ฝ่ายค้านใช้กลไกรัฐสภาในการตรวจสอบรัฐบาล ดีกว่านำมวลชนลงถนนซึ่งไม่ถูกต้องประชาชนเดือดร้อน ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านแบ่งกลุ่มไม่ไว้วางใจจำแนกเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มทุจริต กลุ่มไร้ความสามารถ ก็ว่ากันไป ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ทางที่ดีฝ่ายค้านยุคใหม่นอกจากค้านแล้ว อะไรที่รัฐบาลดำเนินการแล้วพี่น้องประชาขนได้ประโยชน์ก็น่าจะสนับสนุนด้วย ไม่ว่าจะเป็นโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตราการชิมช้อปใช้ มาตรการประกันรายได้เกษตรกร”นายธนกรกล่าว

ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรค กำหนดจัดกิจกรรมพบนักศึกษา จำนวน 30 สถาบัน ที่ ศูนย์ฝึกอบรมวีเทรน ดอนเมือง เลขที่ 501/1 ถนนเดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร (หลัง Foersta และ ใกล้พรรคประชาชาติ)ในวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 และระหว่างเวลา 14.30-17.00 น
โดย ผู้แทนพรรคการเมืองฝ่ายค้าน 7 พรรค จะร่วมเสวนา เรื่อง “รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดของประชาชนเรายังไม่ร่าง รัฐบาลที่ดีที่สุดจึงยังไม่เกิด”

รายนามผู้ร่วมเสวนา -รศ. ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย -นาย รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ -ดร. ปิติพงศ์ เต็มเจริญ โฆษกพรรคเสรีรวมไทย -รศ.ดร. ลติตา ฤกษ์สำราญ รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ -นาย วันนอร์มูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ -นาย ภาสกร เงินเจริญกุล เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจใหม่ -นาย นิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย

Verified by ExactMetrics