วันที่ 19 พฤษภาคม 2024

นายกฯ ขอ ผบ.ตร.เร่งกวาดบ้านตัวเอง

People Unity News : 27 กุมภาพันธ์ 2566 นายกฯ นำถก ก.ตร. ย้ำข้าราชการเลวมีทุกที่ ขอ ผบ.ตร.เร่งกวาดบ้านตัวเอง สร้างความเชื่อมั่นประชาชน ยันให้ความเป็นธรรม หากผิดว่าไปตามหลักฐาน บ่นอารมณ์ดีก็ถูกว่า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2566 ว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงผลการประชุม เพราะทุกเรื่องมีระเบียบและขั้นตอนอยู่ ทั้งเรื่องของ พ.ร.บ.ตำรวจ กฎกระทรวง ก.ตร. มีหมดทุกอย่าง ซึ่งวันนี้ได้คุยกันแล้ว ได้กำชับให้ ผบ.ตร.กวาดบ้านตัวเอง เพื่อให้ได้รับความเชื่อมั่นเชื่อถือ ซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับตำรวจด้วย ขณะนี้ข้อกล่าวหาต่างๆ ต้องใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนขยายผล ตนได้ย้ำไปว่า ขอให้เกิดความเป็นธรรมก็แล้วกัน หากผิดก็ว่ากันไปตามหลักฐาน หลายๆ อย่างมีช่องทาง ก็ขอให้ดูด้วยว่า บางอย่างก็ทำเร็วไม่ได้ เนื่องจากต้องเป็นไปตามกฎหมาย หลายอย่างไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจอย่างเดียว เพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกหลายหน่วยงานที่ร่วมกันสอบสวน ไม่ว่าจะคดีอะไรก็ตามที่เขาร้องเรียนเข้ามา ก็ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะข้าราชการที่ดีก็มีมากกว่า 99% คนชั่วก็มีทุกที่แหละ แต่จะทำอย่างไรให้เขาดีขึ้นหรือไม่ ก็ต้องขจัดออกไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณสื่อมวลชน พร้อมกล่าวว่า อารมณ์ดีก็ว่ากันอีก แล้วนายกรัฐมนตรีก็หันมายิ้มกับสื่ออย่างอารมณ์ดี

Advertisement

นายกฯเหน็บแบงก์ชาติ มีหน่วยงานอื่นมีจิตสำนึกลดดอกเบี้ยช่วยประชาชน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 มีนาคม 2567 ทำเนียบรัฐบาล – นายกฯ บอกถึงแบงก์ชาติไม่ลดดอกเบี้ย แต่มีหน่วยงานอื่นมีจิตสำนึกลดดอกเบี้ยช่วยประชาชน ย้ำ หนี้สินคือสารตั้งต้นความหายนะของประเทศ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการแก้ปัญหาหนี้สินของบุคลากรภาครัฐ ที่ทุกหน่วยงานอยากให้ลดดอกเบี้ย ว่า ทุกคนพูดเรื่องการลดดอกเบี้ย ที่ถือเป็นการลดรายจ่ายส่วนหนึ่ง อย่างน้อยหากธนาคารแห่งประเทศไทยยืนยันจะไม่ลดดอกเบี้ย แต่ก็มีหน่วยงานอื่นที่มีจิตสำนึกลดอัตราดอกเบี้ย ขอขอบคุณหน่วยงานเหล่านั้น เพราะการทำงานทำด้วยใจจริง ๆ เชื่อว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บริหารระดับสูงเห็นความลำบากของประชาชนจริง ๆ โดยเฉพาะภาระหนี้สิน อย่างที่เคยกล่าวไว้ ภาระหนี้สินของประชาชน คือสารตั้งต้นของความหายนะของประเทศ ตอนนี้ต้องช่วยกันก่อน
ส่วนหนี้กยศ.ที่อยากให้ลดเหลือ 0.5 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะไปช่วยดู เพราะตระหนักดีว่าเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ยืนยันว่าเรายังช่วยดูแลกันอย่างเต็มที่ โดยบอกไปในที่ประชุมว่า หากช่วยกันได้ ก็จะทำ รวมถึงการขยายวงเงิน และบอกอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ไปว่าควรเร่งเอาสหกรณ์เข้ามาอยู่ในโครงการโดยเร็ว ซึ่งเราเพิ่งเริ่มทำกันมาได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น และได้ผลส่วนหนึ่งแล้ว

“นายกิติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีก็มีแรงใจทำเรื่องนี้มาก ลงไปพูดคุยหลายหน่วยงาน พยายามทำให้ทุกคนมีความทะเยอทยานในการช่วยเหลือ ซึ่งประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว ดูจากแววตาของผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหลายในวันนี้ ซาบซึ้งถึงความลำบากของประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

“ปารีณา-สิระ”บุกทำเนียบฯหลบสื่อ อ้างมาร้องเรียนเรื่องที่ดิน

People Unity News : “ปารีณา-สิระ”บุกทำเนียบฯหลบสื่อ อ้างมาร้องเรียนเรื่องที่ดิน ปฏิเสธพบ “บิ๊กป้อม” ปมกมธ.ป.ป.ช.ประชุม 20 พ.ย. สะพัด!”สมชาย-สมเจตน์-จรุงวิทย์”ถอนตัวไม่นั่งกมธ.แก้รธน.

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ผู้ืสื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพปชร. ได้เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่ช่วงเช้า โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ลงลิฟท์มาที่ชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 แต่เมื่อพบผู้สื่อข่าวที่กำลังยืนรอสัมภาษณ์อยู่ น.ส.ปารีณาได้หลบเข้าไปในลิฟท์กลับขึ้นไปบนอาคารอีกครั้ง แล้วเปลี่ยนมาลงทางบันไดของตึกบัญชาการ 2

ผู้สื่อข่าวจึงตรงเข้าไปสัมภาษณ์ว่า มาทำเนียบรัฐบาลทำไม น.ส.ปารีณาพยายามปฏิเสธโดยกล่าวต่อเพียงว่า มายื่นร้องเรียนความเดือดร้อนประชาชน พร้อมกับขึ้นรถ ออกจากทำเนียบรัฐบาลไปในทันที

ส่วนนายสิระ เปิดเผยว่า ที่ตนเดินทางมาเพราะต้องการมายื่นเรื่องร้องเรียนที่ดินเกาะช้างจ.ตราด เพราะเห็นว่ามีรัฐมนตรีหลายคนเข้ามามาประชุมครม. ไม่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะกรรมมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบที่จะมีการประชุมในวันที่ 20 พ.ย.แต่อย่างใด และยืนยันว่าไม่ได้พบกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ส่วนที่น.ส.ปารีณา เดินทางมาที่ทำเนียบฯ น่าจะเป็นเรื่องของชาวบ้านในพื้นที่แต่ไม่ได้ยื่นเรื่องพร้อมกับตน

“บิ๊กป้อม”ปัดเจอ”ปารีณา-สิระ”คุยปมครองที่ดิน

ทางด้านพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนเพิ่งประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสร็จ ไม่ได้พบใคร ส่วนทั้ง 2 คน จะมาทำเนียบฯ ด้วยเรื่องอะไรนั้น ตนไม่มราบ เมื่อถามว่า ทั้ง 2 คน มารอพบที่หน้าห้องใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ ส่วนที่มองว่ามาพบเพราะเรื่องคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร นั้น ตนไม่รู้ เขาอาจจะมาคุยกับคนอื่นหรือเปล่า ยืนยันว่าตนไม่ได้พบ ไม่ได้เจอ น.ส.ปารีณา แต่อย่างใด นอกจากนี้ ปัญหาการครอบครองที่ดิน ภบท.5 ของ น.ส.ปารีณา เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบ และต้องทำทั่วประเทศอยู่แล้ว

“ธรรมนัส” ให้ กรมป่าไม้-ส.ป.ก.หาข้อสรุปที่ดิน “ปารีณา”

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เข้าไปติดป้ายห้ามบุคคลภายนอกเข้า – ออก บริเวณฟาร์มไก่ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ตนสั่งการให้เลขาธิการ ส.ป.ก.พร้อมด้วยอธิบดีกรมป่าไม้หาข้อสรุปด้วยอิงกฎหมายเป็นหลัก ซึ่งหากพิสูจน์ว่า เป็นพื้นที่ ส.ป.ก.ก็ให้ปิดประกาศในพื้นที่และดำเนินการตามกฎหมาย เพราะปัญหาตอนนี้คือ เมื่อตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศมันเป็นที่ทับซ้อนระหว่างกรมป่าไม้ กับ ส.ป.ก. ดังนั้น ทั้งสองหน่วยงานจะต้องประสานกันและหาทางออก ซึ่งเมื่อพิจารณาตามหลักความเป็นจริง ภาพถ่ายทางอากาศที่ถูกใช้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินมันมีข้อสังเกตว่า พื้นที่กลางภูเขาเราจะมาประกาศเป็นเขต ส.ป.ก.ไม่ได้ ซึ่งยืนยันว่า มันต้องมีการบังคับใช้และมีการประกาศใช้แผนที่วันแม็ปให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาอย่างนี้อีก ส่วนที่ น.ส.ปารีณาเดินทางทำเนียบฯในช่วงเช้าวันนี้ (19 พ.ย.) นั้น ไม่ได้มาคุยกับตน ทราบว่า มาพบกับรัฐมนตรีคนอื่น

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ได้สั่งการให้เลขาธิการ ส.ป.ก.ประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับ ส.ป.ก.จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรายงานความคืบหน้าการจัดสรรที่ดินให้กับเกษตรกร รวมถึงที่ดินที่ยังไม่ได้จัดสรร รวม 40 ล้านไร่ ว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยย้ำไปว่า ทุกเรื่องต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส.ป.ก.เป็นหลัก ส่วนพื้นที่อื่นที่อยู่ในเขตของกรมป่าไม้ จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องดำเนินการต่อไป โดยเรื่องนี้จะต้องมีการจัดระบบใหม่ทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสามารถเอาผิดกับ น.ส.ปารีณาได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ในส่วนของ ส.ป.ก.ถือว่า เขาเข้าอยู่ก่อนที่จะมีการปฏิรูปที่ดินแปลงนี้ ดังนั้น เรื่องอาญาเราเอาผิดเขาไม่ได้ ส่วนเรื่องของการยึดคืนให้หลวง เป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการตามหลักกฎหมาย ส่วนเรื่องกรอบเวลาการตรวจสอบนั้น ส่วนตัวเข้าใจว่าการตกลงกันเรื่องแนวเขตของกรมป่าไม้กับ ส.ป.ก.น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะน่าจะมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อน

เมื่อถามว่า การอ้างอิงว่าเช่าที่ดินมาจากเกษตรกร สามารถทำได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตามหลักกฎหมายของ ส.ป.ก.ทำไม่ได้ เช่นเดียวกับการซื้อ – ขายที่ดิน ส.ป.ก.ก็ทำไม่ได้ ยกเว้นอย่างเดียวคือ เป็นมรดกตกทอดให้กับทายาท

เมื่อถามว่า ดูตามคุณสมบัติของ น.ส.ปารีณาแล้ว สามารถครอบครองที่ดินในลักษณะนี้ได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าเขาทำการเกษตรหรือไม่ และการถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ต้องไม่เกิน 50 ไร่ เมื่อถามอีกว่า น.ส.ปารีณาเคยชี้แจงหรือไม่ว่า ทำไมถึงถือครองที่ดิน ส.ป.ก.เป็นพันๆ ไร่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เดี๋ยวทาง ส.ป.ก.จะรายงานตนมา เพราะเป็นเรื่องกระบวนการตรวจสอบทางกฎหมาย

เมื่อถามย้ำว่า การตรวจสอบ น.ส.ปารีณา จะสามารถจบได้เร็วหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรายึดหลักกฎหมายเป็นหลัก อะไรก็ตามขอให้ยึดและเดินตามกฎหมาย เมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วจะให้เลขาธิการ ส.ป.ก.แถลงข่าว ส่วนที่มีการมองว่าจะมีอะลุ่มอล่วยเพราะอยู่พรรคเดียวกันนั้น กฎหมายไม่ได้เขียนยกเว้นให้ใคร

เมื่อถามถึงที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ที่ดินของนางสมพรไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของ ส.ป.ก.

สะพัด!”สมชาย-สมเจตน์-จรุงวิทย์”ถอนตัวไม่นั่งกมธ.แก้รธน.

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลถึงความคืบหน้าการคัดสรรบุคคลไปดำรงตำแหน่งคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 6 คน ประกอบด้วย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมาเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสมชาย แสวงการและพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และยังขาดอีก 2 รายชื่อ ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะหารือเพื่อพิจารณาอีก 2 รายชื่อร่วมกัน ก่อนนำรายงานต่อที่ประชุม ครม.นั้น

ปรากฏว่า นายวิษณุ และนายเทวัญ ไม่ได้รายงานผลสรุปการคัดสรรรายชื่อทั้ง 6 คนในสัดส่วน ครม. เนื่องจากผู้ที่มีทาบทามที่มีรายชื่อ 4 ใน 6 คนในสัดส่วน ครม .ได้ขอถอนตัวทั้งหมด เหลือเพียงนายไพบูลย์ ที่ยังยืนยันชัดเจนว่า ไม่ถอนตัวคนเดียว

“ปารีณา”ยกมือไหว้ขอความเห็นใจสื่ออย่าซักฟาร์มไก่รุกที่ สปก.

People Unity News : สมาชิก พปชร. ร้อง “สิระ – ปารีณา” สอบ “เสรีพิศุทธ์” 6 ข้อหา “สิระ”คาดเสียงโหวตปลดปธ.กมธ.สัปดาห์หน้าไปทางเดียวกัน ท้า”เสรีพิศุทธ์” ถ้าแมนจริงต้องมาร่วมประชุม วอนเลิกยึดติด “ปารีณา” เลี่ยงตอบสื่อปมฟาร์มไก่รุกที่ สปก. ขอความเห็นใจอย่าซัก ปล่อยจนท.สอบพร้อมยินดีให้ความร่วมมือและอย่าเสนอข่าวปลอม เตรียมขนสื่อล่องเรือหาข้อมูลพื้นที่ล้ำเจ้าพระยา

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา เกียกกาย นายสนธยา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นหนังสือต่อนายสิระ เจนจาคะ และน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ กรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ขอให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 6 ข้อหา คือ กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด โครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อไทเกอร์ 19,147 คัน งบประมาณ 1,144 ล้านบาท ในสมัยพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการ ดำรงตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระหว่างปี 2550 ถึง 2551 ขอให้ตรวจสอบบันทึก กรณีใช้คำพูดที่มิบังควรในที่ประชุมตำรวจสัญญาบัตร กองบัญชาการสอบสวนกลาง วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 , ขอให้ติดตามผลของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 34/2551 ที่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีกับพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 , ขอให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ชี้แจงเหตุผล กรณีให้สัมภาษณ์ผ่านทางช่องเนชั่นทีวีว่า “ประเทศนี้เป็นของใคร เป็นของสถาบัน” เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง , ขอให้ชี้แจงกรณีพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ มีคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ โดยอ้างมติที่ประชุม , และ ขอให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ไปจนกว่าการสอบข้อเท็จจริงกรณีต่างๆ เหล่านี้จะเสร็จเรียบร้อยโดยสมบูรณ์

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า จะรับเรื่องต่างๆ เหล่านี้ไปหารือในคณะกรรมาธิการ ส่วนกรณีมีคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ โดยนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เผยแพร่เอกสารแต่งตั้งก่อนมีมติที่ประชุม โดยพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ยอมรับว่ามีการออกหนังสือจริง เหมือนกับประธานเอาเชือกมัดคอตัวเอง ว่าออกหนังสือราชการโดยไม่มีมติจริง โดยจะยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. สัปดาห์หน้า ว่าใช้เอกสารเท็จ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

นายสิระ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าอาทิตย์หน้าที่จะมีการประชุมกรรมาธิการฯ ขอท้าให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มาร่วมประชุมด้วย โดยตนจะนำหลักฐานที่มีมาแสดงให้ กมธ. รับทราบ ซึ่งคาดว่า เสียงโหวตของ กมธ. จะอยู่ในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทุกอย่างจะอยู่บนเหตุ และผล

“ผมข้อท้าถ้าท่านแน่จริง เป็นลูกผู้ชายจริง ท่านต้องมาร่วมประชุมวันพุธหน้า ท่านเสรีพิศุทธ์อย่ายึดติดเลย ลองคิดว่าไม่ใช่ตัวกูของกู ผมเป็นห่วงท่านว่าหากยึดติด หากตายไปไม่ว่าจะอยู่สวรรค์หรือนรก ก็อย่าไปอ้างอีก ว่าตัวเองเป็นประธานกมธ. เป็นอดีตผบ.ตร. ผมสงสารท่านเหลือเกิน อย่ายึดติดเลย”นายสิระกล่าว

ส่วนกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เข้ามาเป็นกรรมาธิการในสัดส่วนรัฐบาล จะทำให้ได้เปรียบในการลงมติปลดพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากตำแหน่งประธานกรรมาธิการสัปดาห์หน้าหรือไม่นั้น นายสิระ ยืนยันว่า การที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการ จากมติของกรรมาธิการทั้ง 15 คน ส่วนการปลดออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ ก็ขึ้นอยู่กับสมาชิกกรรมาธิการที่จะพิจารณาเหตุผลที่ตนเองนำเสนอ

“ยืนยันว่า เรื่องต่างๆเหล่านี้ไม่ได้มีใบสั่ง สมาชิกกรรมาธิการทุกคณะทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวแทนพรรคการเมือง พร้อมเปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าจะลงไปตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ยื่นล้ำลำน้ำ ทำผิดกฎหมายหรือไม่ ขอเชิญสื่อมวลชนร่วมไปทำข่าวด้วย”

ด้านน.ส.ปารีณา ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีเจ้าหน้าที่ที่ดินจะลงพื้นที่รางวัดที่ดิน 1,700 ไร่ รุกที่ สปก. ที่จังหวัดราชบุรี โดยได้ยกมือไหว้ขอความเห็นใจ เพราะตนได้ทำความเข้าใจกับสื่อไว้ก่อนแล้ว ว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการแถลงข่าวน.ส.ปารีณาได้นำเอกสารคำชี้แจงกรณีการให้สัมภาษณ์เรื่องปัญหาที่ดินสปก.มาแจกสื่อมวลชนโดยระบุว่าตนขออนุญาตไม่ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นเกี่ยวกับปัญหาที่ดินเนื่องจากที่ดินดังกล่าวอยู่ในกระบวนการการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และการตรวจสอบดังกล่าวสปก.ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ตนทราบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามาในที่ดิน และตนยินดีให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทุกอย่างในการตรวจสอบ จึงขอแสดงความเห็นใจด้วย และขอแจ้งด้วยว่าขณะนี้่ตนไม่มีเฟสบุ๊กไม่มีเพจมาประมาณ 1 เดือนเศษแล้วเนื่องจาก เฟสปลิว จึงขอให้สื่อมวลชนไม่นำเฟสปลอมมานำเสนอข่าวต่างๆ

“อนุทิน”ย้ำนโยบายกัญชาต้องเป็นรูปธรรมดันกม.ปลูกได้ 6 ต้น

People Unity News : “อนุทิน”ย้ำนโยบายกัญชามีความสำคัญกับพรรคภูมิใจไทยมาก ต้องเป็นรูปธรรม จ่อส่งข้อมูล สธ.หนุนกฎหมาย 6 ต้น

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ความคืบหน้าของนโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทย หลังจากมีการยื่นร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และ ร่าง พ.ร.บ.สถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทย เข้าสู่การพิจารณาของสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นโยบายกัญชามีความสำคัญกับพรรคภูมิใจไทยมาก ต้องทำให้เห็นความเป็นรูปธรรมมากที่สุด เรียนว่าเป็นคนหนึ่งที่ใช้งานเฟซบุ๊ก ทุกครั้งที่นำเสนอเรื่องอะไรออกไป มักจะมีคนมาถามเรื่องของนโยบายดังกล่าว ตรงนั้นสะท้อนว่า ประชาชนให้ความสนใจกับเรื่องนี้ขนาดไหน และตนไม่เคยลืม เป้าหมายคือให้ประชาชนปลูก เพื่อรักษาตัวเองเป็นหลัก กระนั้น การใช้ต้องเป็นไปอย่างถูกวิธี

ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข ต้องเข้ามาดูแลจัดการก่อน วันนี้องค์การเภสัชกรรมสามารถปลูก และผลิตสารสกัดจากกัญชาได้แล้ว กระจายไปตามโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมกับเปิดอบรมแพทย์ ให้สามารถจ่ายน้ำมันกัญชาอย่างถูกต้อง สำหรับการแพทย์แผนไทย หมอพื้นบ้านจำนวนมากได้มาขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง เช่นเดียวกับสูตรยา ซึ่งมีกัญชาเป็นส่วนผสม อาทิ สูตรของ อ.เดชา ก็ได้มาขึ้นทะเบียนแล้วเช่นกัน เพราะกระทรวงสาธารณสุขต้องการให้ทั้งหมอแผนปัจจุบัน และแพทย์แผนไทย ได้ใช้กัญชาในการรักษาโรค และเราพยายามนำกัญชาขึ้นมาบนดิน

บางคนอาจจะมองว่านโยบายกัญชา ยังไม่รวดเร็วทันใจ แต่ขอให้เข้าใจว่าการนำกัญชาขึ้นมาบนดินเป็นเรื่องที่ใหม่มาก ถ้าทำอย่างเร่งร้อน เกรงจะเกิดผลเสียอย่างใหญ่หลวง ยกตัวอย่างว่า หากมีการจำหน่ายสารสกัดจากกัญชา แล้วประชาชนไปซื้อ นำไปใช้ต่างประเทศ ปรากฎว่าถูกจับ เพราะทางนั้นมองว่าเป็นสารเสพติด อาจจะโดนโทษถึงขั้นประหารชีวิต ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างต้องทำอย่างรอบคอบ ต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามในการเดินหน้านโยบายนี้
อันที่จริง ไม่อยากให้เรียกกัญชาว่ากัญชา แต่อยากให้เรียกเป็นสาร THC, CBD ซึ่งเป็นสารสำคัญในพืชชนิดนี้ เพื่อลบภาพยาเสพติดออกไป โดยสรุป กระทรวงสาธารณสุข ผลักดันการใช้กัญชาทางการแพทย์ และเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม ในอนาคต หากสารสกัด CBD, THC ได้รับการยอมรับ เรื่องของกัญชาจะเปิดกว้างยิ่งขึ้น

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เหตุที่ต้องใช้หมอเดินหน้านโยบายเกี่ยวกับกัญชา เพราะหมอมีความน่าเชื่อถืออย่างยิ่งในสังคม แต่ตนไม่ได้บังคับให้ใครมาเดินหน้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ถ้าคิดว่าไม่ใช่ ก็ไม่ต้องทำ แต่เพราะทางกระทรวงสาธารณสุข เห็นความสำคัญของกัญชา ในฐานะทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรค นโยบายจึงเดินต่อ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าบางส่วนของนโยบายกัญชา อาทิเรื่อง กัญชา 6 ต้น มีความยาก เกี่ยวพันกับความเชื่อ และหลายหน่วยงาน การจะทำให้สำเร็จต้องอาศัยช่องทางรัฐสภา เพื่อแก้กฎหมาย ซึ่งภูมิใจไทยได้ยื่นกฎหมายเข้าสู่สภาแล้ว ทั้งนี้ การยื่นกฎหมายมีใช่มีเพียงเอกสาร แต่กำลังรอข้อมูลสนับสนุนเรื่องคุณประโยชน์ของกัญชา ที่เก็บรวบรวมจากการใช้กัญชาทางการแพทย์กับผู้ป่วยในความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเท่าที่ศึกษารายงานผล พบผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้ การใช้กัญชาทางการแพทย์ ที่ดำเนินการโดยกระทรวงสาธารณสุข เป็นเรื่องที่ทำได้โดยอำนาจของรัฐมนตรีว่าการฯ ดังนั้น จึงเห็นความคืบหน้าชัดเจนกว่าเรื่องอื่นที่ต้องอาศัยการแก้กฎหมายในสภา

“เรื่องกัญชา มันเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานมาก แต่ในฐานะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คิดอยู่เสมอว่า มันต้องทำนโยบายนี้ให้เกิดความเป็นรูปธรรมสูงสุด และถ้าพูดเรื่องแก้กฎหมายในสภา ย่อมต้องใช้เวลา แต่บางเรื่องถ้าต้องผ่านทางนั้นก็ต้องทำ อาทิ เรื่อง 6 ต้น แต่เรื่องไหน มันไปทางอื่นได้ ก็ไปทางนั้น อย่างเช่นเรื่องกัญชาทางการแพทย์ ผมเอาเอกสารของกระทรวงฯมากาง แล้วดูว่าผมจะทำอะไรได้บ้าง ผมมีอำนาจอะไรบ้าง และผมทำตามอำนาจที่มี อาศัยว่ากล้าเซ็น กล้ารับ ก็เห็นความคืบหน้า นโยบายกัญชามีความสำคัญมาก เราต้องใช้ทุกช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อขับเคลื่อนนโยบายนี้”

ตั้งชุดปฏิบัติการแก้ปัญหา “สลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา” เสกสกล เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ

People Unity News : ตั้งชุดปฏิบัติการแก้ปัญหา “สลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา” ปรับเงื่อนไขการทำสัญญาผู้ค้าสลาก – บทลงโทษ

1 ก.พ. 65 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล ครั้งที่ 1/2565 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาถึงระบบการจำหน่ายสลาก ปัญหาและสาเหตุที่ทำให้เกิดการขายสลากเกินราคา รวมถึงการคัดเลือกผู้ค้ารายย่อยใหม่ จำนวน 2 แสนราย ขั้นตอนต่อไป สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะนำรายชื่อมาเสนอต่อคณะกรรมการฯ เพื่อคัดกรองความเหมาะสม

ที่ประชุมยังได้เสนอให้ปรับปรุงกฎหมายควบคุมการค้าสลากเกินราคา เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันที่บังคับใช้นั้น มีความล้าสมัย แต่ด้วยระยะเวลาในการปรับปรุงกฎหมายอาจใช้เวลานาน จึงเห็นชอบให้มีการกำหนดเงื่อนไขการทำสัญญาผู้ค้าสลาก และกำหนดบทลงโทษ เช่น การปรับ หรือตัดสิทธิ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการแต่งตั้ง นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจในการตรวจสอบและติดตามผู้ค้าสลากเกินราคา พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 3 คณะ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานเชิงรุก ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากเกินราคา คณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและมาตรการทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหา และคณะอนุกรรมการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์

Advertising

 

“อนุทิน”ชี้มติแบน 3 สารพิษได้เห็นขรก.-นักวิชาการมีคุณธรรม

People Unity : “อนุทิน”ชี้มติแบน 3 สารพิษเป็นผลงานทุกคน ได้เห็นข้าราชการ นักวิชาการที่มีคุณธรรมทำเพื่อสุภาพ-ชีวิต ของปชช.

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 22 ตุลาคม 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติแบนสารพิษ 3 ตัวว่า สิ่งที่ดีใจคือ เรายังเห็นว่า ประเทศไทยเรายังมีข้าราชการ นักวิชาการที่มีคุณธรรม มีสำนึกต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้างราชที่ลงมติแบนสารพิษทั้ง 3 ชนิด จากทุกกรม ทุกกระทรวง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง

แต่เป็นภารกิจของรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุขซึ่งต้องมีความรับผิดชอบต่อสุขภาพ และคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งเรื่องแบนสารพิษนี้ไม่ได้อยู่ในนโยบายตอนหาเสียงด้วยซ้ำ แต่เป็นภารกิจที่ต้องทำ และภาคภูมิใจที่อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเลขาธิการอย. พร้อใจกันโหวตอย่างเปิดเผย นำนโยบายของกระทรวงไปทำให้บรรลุความสำเร็จ ทั้งนี้ เป็นไปตามขั้นตอน ใครทำอะไรได้ก็ทำ เรามีหน้าที่แบน เราก็แบนอย่างสุดหัวใจ ใครจะค้านก็ไปค้าน ผลจะเป็นอย่างไรเราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่แล้ว เรื่องนี้เป็นความเป็นความตายของพี่น้องประชาชน เป็นเรื่องสุขภาพ ชีวิต ใครไม่เคยโดนก็ไม่รู้หรอก อย่างไรก็ตาม ครม.ไม่ได้มีการพูดคุยกัน เพราะตนเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่ละกระทรวงจะต้องไปหามาตรการเยียวยา

เมื่อถามถึงแนวทางในการคุ้มครอง เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแบนสารพิษครั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า จขะอนุญาตให้ใช้สารพิษที่มีมติแบนไปนี้ถึงวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ส่วนเรื่องเยียวยา เช่น การหาสารทดแทน เป็นเรื่องของกระทรวงไหนมีหน้าที่อย่างไร ทั้งนี้ วันนี้ถือเป็นผลงานร่วมกันของทุกคน แต่สำหรับตนไม่ได้ถือเป็นผลงาน แต่ถือเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่อยู่ในคณะกรรมการ วันนี้ดี เปิดเผยกันมแล้ว ก็ขอให้ทุกคนเคารพกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่เฟซบุ๊ค “Anutin Charnvirakul” ของนายอนุทิน ขึ้นภาพขณะนำผู้บริหารในกระทรวงสาธรณสุขออกกำลังกาย พร้อมข้อความว่า
เชียร์ลีดเดอร์ของกระทรวงสาธารณสุข

มติที่ประชุม มีผู้เข้าประชุม 26 ท่าน
1. พาราควอท
-แบน 21 จำกัดการใช้ 5
2. ครอร์ไพริฟอส
-แบน 22 จำกัดการใช้ 4
3.ไกลโฟเซต
-แบน 19 จำกัดการใช้ 7

ขอกราบขอบพระคุณและน้อมคารวะต่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายเฉพาะผู้ที่ลงมติแบนการใช้สารพิษด้วยจิตสำนึกที่รักและห่วงใยในคุณภาพชีวิตและสุขภาพของพี่น้องประชาชน ประวัติศาสตร์จะจารึกวีรกรรมที่ท่านทำเพื่อแผ่นดินเกิดในวันนี้เยี่ยงวีรบุรุษของชาติ ขอแสดงความยินดีกับคนไทยทุกคนที่ประเทศของเรายังมีข้าราชการและนักวิชาการที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมและจริยธรรมหลงเหลืออยู่ในบ้านของเรา
โดยมีคอมเม้นท์ให้กำลังใจเป้นจำนวนมาก อาทิ

“ความเห็นต่างไม่เปนไร ไม่ว่ากันครับ…แต่ก็ถือว่าที่ประชุมเสียงข้างมากลงมติแบน…ก็ต้องขอบคุณท่านอนุทิน ชาญวีรกูล และชาวคณะทุกท่าน และท่านมนัญญา ไทยเศรษฐ์ และท่านเฉลิมชัย ศรีอ่อน ด้วยครับ”

“ข้่าราชการทุกคน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาลชุดนี้ และเป็นการทำงานร่วมกันของทุกพรรคร่วมรัฐบาลจริงๆครับ”

“สมเจตนาประสงค์เป็นคุณูประการกับประชาชนชาวไทยและประเทศชาติ ขอขอบคุณอย่างสูงต่อทุกท่านทื่ได้ผลักดันเรื่องนื้ให้เกิดเป็นความสำเร็จตามเป็าหมายชัดเจนถึงโทษภัยร้ายแรงของสารเคมีดังกล่าวครับ”

นายกฯให้เร่งพัฒนา Data Center และ Cloud ที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย คำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคล

People Unity News : นายกรัฐมนตรี ย้ำเร่งพัฒนา Data Center และ Cloud ที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย ก้าวสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล คำนึงสิทธิส่วนบุคคลและยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง

13 ก.ค.63 เวลา 09.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติครั้งที่ 3/2563 โดยมี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีย้ำความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศ โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้วาง Platform ต่างๆ เพื่อมุ่งสู่อนาคต ทั้งการพัฒนา Data Center และ Cloud ที่มีมาตรฐานและปลอดภัย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการให้บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการใช้ข้อมูลในการบริหารราชการให้สอดคล้องกับงบประมาณของประเทศที่มีอยู่เพื่อความโปร่งใส คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยทุกหน่วยราชการต้องมีข้อมูลที่ทันสมัย เป็นปัจจุบันและสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย

โอกาสนี้ ที่ประชุมเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ในระดับรัฐเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศเชิงพาณิชย์พ.ศ. …. เพื่อกระตุ้นการลงทุนจากผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติ ตอบสนองความต้องการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติในการให้บริการ เกิดการแข่งขันทางธุรกิจอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ คณะกรรมการดีอี ยังสนับสนุนตามที่ บริษัท ทีโอที  จำกัด (มหาชน) เสนอเส้นทางการนำสายสื่อสารลงใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในเส้นทางที่การไฟฟ้านครหลวงไม่มีการรื้อถอนเสาไฟฟ้าและไม่มีสภาพบังคับ จำนวน 12 เส้นทางรวมระยะทาง 48.7 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ที่ประชุมรับทราบผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ IMD ของสถาบัน IMD World Competitiveness Center ในภาพรวมประจำปี 2563 โดยไทยถูกจัดอยู่ที่ 29 จาก 63 ประเทศ เป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ผลการจัดอันดับกลุ่มปัจจัยย่อยด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีของไทย ปรับตัวดีขึ้น 4 อันดับ ในลำดับที่ 34 จาก 63 ประเทศ โดยตัวชี้วัดที่มีอันดับโดดเด่นอาทิ ตัวชี้วัดผู้ลงทะเบียนใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ การพัฒนาและเปิดตัวเว็บไซต์ www.bigdata.go.th เพื่อให้ความรู้แก่บุคลากรภาครัฐ และประชาชนทั่วไปเรื่องการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่  ซึ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กระทรวงดิจิทัลฯยังสนับสนุนภารกิจโดยจัดทำแอปพลิเคชัน “หมอชนะ”  “ไทยชนะ”  “AOT Airport Card2U” “อาสาสมัครดิจิทัล” และกองทุนพัฒนาดิจิทัลฯ เปิดให้ยื่นข้อเสนอโครงการสนับสนุน เยียวยาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 วงเงิน 1 พันล้านบาท ซึ่งได้อนุมัติจำนวน 42 โครงการ

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียังย้ำถึงแผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจัลของประเทศ ต้องส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและข้อมูลได้อย่างเหมาะสมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farmer) การค้าออนไลน์ สุขภาพ การศึกษา การท่องเที่ยว คมนาคม โดยนายกรัฐมนตรีกำชับให้คำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคล ยึดความต้องการของประชาชนเป็นเป้าหมายในการทำงานด้วย

Advertising

ผบ.ทบ.ยันลบคำว่า “ปฏิวัติ” จากพจนานุกรมกองทัพ

People Unity News : 11 พฤษภาคม 2566 ผบ.ทบ.ยันลบคำว่า “ปฏิวัติ” ออกจากพจนานุกรมกองทัพ ย้ำหลังเลือกตั้งเป็นศูนย์ ไม่หวั่นก้าวไกลเป็นรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องการเมืองจับขั้ว พร้อมดึงสติประชาชน บ้านเมืองต้องการความสงบ หากวุ่นวายจะเดือดร้อน

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์เชิญชวนให้กำลังพลไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ เพราะเป็นหน้าที่ในการสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กองทัพบกโดยผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นได้เน้นย้ำมาตลอด นอกจากนี้ยังใช้สื่อของกองทัพบกในทุกช่องทาง เพื่อสื่อสารกับกำลังพลและครอบครัวให้ออกไปใช้สิทธิ เพราะหน้าที่ของพลเมืองที่ดีคือการไปเลือกตั้ง ไปใช้สิทธิของตัวเองให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า อยากเตือนกำลังพลถึงแนวทางปฏิบัติในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เรื่องแนวทางการปฏิบัติ ให้ระมัดระวังอย่าทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะในด้านใด ซึ่งในวันที่ 12 พ.ค. ถือเป็นวันราชการวันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ก็จะเน้นย้ำกันอีกครั้ง โดยเฉพาะข้อกฎหมาย เช่น การสวมเสื้อมีชื่อพรรคการเมือง เข้าไปในพื้นที่หน่วยเลือกตั้ง รวมถึงหลังเวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พ.ค. งดการหาเสียง

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ทหารตกเป็นเป้าการยกเลิกเกณฑ์ทหาร และมองว่าทหารไม่จำเป็น มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ใครจะเข้ามา เขาก็มีสิทธิที่จะทำตามนโยบายของเขา ในส่วนของเราที่เป็นทหาร ก็มีสิทธิทำข้อมูลชี้แจงถึงความจำเป็นในการมีทหาร หรือความจำเป็นในการเกณฑ์ทหาร

“เป็นเรื่องที่นายทหารจะต้องพูดคุยกัน มีทั้งเรื่องที่คนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คือเป็นเรื่องปกติและเป็นสิทธิที่ทุกคนจะมีแนวคิดหรือมุมมองด้านใดได้ ถามว่ามีความเป็นห่วงสถานการณ์หลังเลือกตั้ง เพราะมองว่าจะมีความวุ่นวาย จะเดือดร้อนทหารอีกหรือไม่ ผมไม่ห่วง เพราะเชื่อว่าเรามีบทเรียนมามากแล้วในอดีต เพราะฉะนั้นทุกคนมาถึงจุดนี้ การเมืองในระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องเดินไป แต่ทุกคนก็ต้องมีสติ ว่าอะไรควร ไม่ควร สำหรับบ้านเมืองเรา และบ้านเมืองต้องการอะไร ซึ่งต้องการความสงบเรียบร้อย บ้านเมืองจะได้เจริญ เศรษฐกิจจะได้ดี แต่ถ้าเราคิดจะขัดแย้ง ก่อความวุ่นวาย บ้านเมืองและคนส่วนใหญ่ก็จะได้รับความเดือดร้อน จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะต้องกังวล แต่ทุกคนควรมีสติ” พล.อ.รณงค์พันธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงและการคงไว้ของเดิม อันไหนดีกว่ากัน พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เรื่องคงเดิมหรือเปลี่ยนใหม่ เป็นเรื่องของวันเวลา ที่เปลี่ยนใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลง ต้องดูว่าเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ดี ซึ่งมี 2 ทาง เพราะฉะนั้นทุกคน ถ้ามีสติ และมีข้อมูลอย่างรอบด้าน จะพิจารณาได้ว่า ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ตามกาลเวลาและสถานการณ์โลกใบนี้ เช่นเดียวกับชีวิตพวกเราก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงมีอยู่แล้ว เพียงแต่ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี

เมื่อถามว่า 5 เดือนที่เหลือในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ยืนยันได้หรือไม่ว่า สถานการณ์จะเรียบร้อย ไม่มีทหารออกไปทำอะไรให้ประชาชนหวาดวิตก พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า “ผมยืนยันไม่ได้ หมายถึงว่า ในส่วนของบ้านเมืองจะเรียบร้อยหรือไม่ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน แต่สิ่งที่ผมยืนยันได้ในเรื่องของสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ผมบอกแล้วว่ามันติดลบ ติดศูนย์ ผมยืนยันเรื่องนั้นแน่นอน”

เมื่อถามว่า ไม่มีการปฏิวัติหลังการเลือกตั้งใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า คำพวกนี้บอกนักข่าวไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ควรพูด ไม่ควรถาม และไม่ควรเขียน เพราะจะเป็นการปลุกความคิดที่ขัดแย้งต่อเนื่อง ซึ่งมันควรจะไม่มีแล้ว เพราะคำพวกนี้ที่คิดว่าไม่ดี ไม่เหมาะสม กลับประเทศ จึงขอร้องผู้สื่อข่าว ควรลบออกไปจากพจนานุกรมของผู้สื่อข่าว

เมื่อถามย้ำอีกว่า ต้องลบออกจากพจนานุกรมของกองทัพด้วยหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ พยักหน้า พร้อมกล่าวว่า ลบแน่นอนสำหรับผม

เมื่อถามว่า ไม่ควรจะมี แต่ใช่ว่าจะไม่มีใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ยังคงถามอยู่ คือ สิ่งที่เราสื่อสารกันเข้าใจ นักข่าวต้องถามเรื่องพวกนี้ จึงบอกว่าให้เห็นแก่ชาติบ้านเมือง ไม่ควรมีคำพวกนี้

เมื่อถามว่า มีคนไปปลุกกระแส หากมีคนไปเลือกพรรคโน้นแล้วทหารจะออกมา พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของสถานการณ์ในอนาคต ไม่มีใครตอบได้ จนกว่าจะถึงวันที่ 14 พฤษภาคม หรืออะไรก็ว่ากันไป ซึ่งถือเป็นเรื่องของนักการเมืองที่จะไปจับขั้วกันเองว่าจะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ทหารเป็นเพียงข้าราชการประจำ ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง

Advertisement

 

ด่วน!! นายกฯ เตือนคนไทยในอิสราเอล ขอให้กลับประเทศโดยเร็วที่สุด

People Unity News : 28 ตุลาคม 2566 ทำเนียบ – ด่วน! โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ สั่งการให้ประชาสัมพันธ์เตือนให้พี่น้องคนไทยในอิสราเอลเดินทางกลับประเทศโดยเร็วที่สุด และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลและหาช่องทางทำงานให้แรงงานที่เดินทางกลับมาโดยเร็ว

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรงการคลัง ห่วงใยต่อสถานการณ์ที่กองทัพอิสราเอลได้ขยายปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นที่เข้าไปในฉนวนกาซา สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งประชาสัมพันธ์เตือนให้พี่น้องคนไทยในอิสราเอล เดินทางกลับประเทศโดยเร็วที่สุด โดยนายกรัฐมนตรีได้โพสข้อความผ่านทวิตเตอร์ หรือเอ็กซ์ ว่า ตามที่ทางการอิสราเอลได้เพิ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินในบริเวณฉนวนกาซาอย่างเข้มข้นขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลให้สถานการณ์สู้รบรุนแรงยิ่งขึ้น และเป็นอันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัยของชาวไทยในอิสราเอล รวมถึงเป็นไปได้ว่า การสู้รบจะขยายพื้นที่ซึ่งอาจส่งผลต่อการเดินทางภายในประเทศ และกระทบต่อการอพยพ

รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องคนไทยในอิสราเอลเป็นอย่างยิ่ง และขอเรียกร้องให้ท่านเดินทางกลับไทยโดยเร็วที่สุด และขอให้ญาติพี่น้องที่อยู่ในไทย ช่วยแจ้งให้พี่น้องแรงงานที่ยังอยู่ในอิสราเอล เปลี่ยนใจกลับมาโดยเร็วที่สุด

ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้โพสต์ข้อความเช่นเดียวกันว่า ขณะนี้ กองทัพอิสราเอลได้เพิ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินในบริเวณฉนวนกาซาอย่างเข้มข้นขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลให้สถานการณ์สู้รบที่รุนแรงยิ่งขึ้น และเป็นอันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัยของชาวไทยในอิสราเอล รวมถึงมีความเป็นไปได้ว่า การสู้รบจะขยายพื้นที่ซึ่งอาจส่งผลต่อการเดินทางภายในประเทศ และกระทบต่อกระบวนการอพยพอย่างมีนัยสำคัญ

รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องคนไทยในอิสราเอลเป็นอย่างยิ่ง และขอเรียกร้องให้คนไทยในอิสราเอล เดินทางกลับประเทศไทยโดยเร็วที่สุด และขอเชิญชวนให้ญาติพี่น้องที่อยู่ในประเทศไทย ช่วยแจ้งให้พี่น้องแรงงานที่ยังตัดสินใจอยู่ในอิสราเอล พิจารณาเปลี่ยนใจกลับประเทศโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ ท่านที่ประสงค์จะเดินทางกลับ สามารถแจ้งสถานทูตฯ หรือเดินทางมายังศูนย์พักพิงได้ทันที ที่ โรงแรม David InterContinental, Kaufmann Street 12, Tel Aviv- Yafo, 61501 โทรศัพท์ศูนย์พักพิง : 050-443 8094 และโทรศัพท์สถานทูตฯ : 055-271 2201, 053-245 2826, 054-636 8150

“นายกรัฐมนตรีห่วงใย เน้นย้ำอย่างต่อเนื่องถึงความปลอดภัยของคนไทย ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด ได้ประสานการทำงานไปยังทุกหน่วยงานเพื่อให้ดูแลความปลอดภัยแรงงานไทย ให้ความยุติธรรมกับแรงงานไทยในต่างแดน พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องให้ดูแลแรงงานไทยที่ตัดสินใจเดินทางกลับให้มีรายได้ มีงานทำ” นายชัย กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics