วันที่ 15 พฤษภาคม 2024

นายกฯ ห่วงภัยอันตรายจากสภาพอากาศร้อน กำชับหน่วยงานแนะนำประชาชน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 เมษายน 2567 ​โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ห่วงภัยอันตรายจากสภาพอากาศร้อน กำชับหน่วยงานภาครัฐพร้อมแนะนำประชาชนเตรียมความพร้อมรับมือป้องกัน และเฝ้าระวังความปลอดภัยเหตุอัคคีภัย

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ห่วงใยความเป็นอยู่และความปลอดภัยของประชาชนในช่วงสภาพอากาศที่ร้อนมากขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉพาะความเสี่ยงในการเผชิญกับเหตุอัคคีภัย ซึ่งเป็นสาธารณภัยที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในทุกสถานที่ และสามารถทำให้เกิดความสูญเสียต่อทรัพย์สินและชีวิต พร้อมกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ และแนะนำให้ประชาชนเตรียมความพร้อมรับมือป้องกัน และเฝ้าระวังการเกิดอัคคีภัย เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทยได้แนะนำแนวทางการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอัคคีภัยในสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยและบ่อขยะ โดยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเผากำจัดขยะและการเผาพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยและบ่อขยะ รวมถึงดูแลรักษาสถานที่เก็บรวบรวมวัสดุที่มีความเสียงต่อการเกิดอัคคีภัย ซึ่งรวมถึงโรงงาน พร้อมทั้งแนะนำให้กำหนดแนวทางการแจ้งเตือน การประสานงาน การอพยพ และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอัคคีภัย ตลอดจนเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติการเผชิญเหตุตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบทันทีหากพบควันไฟ กลิ่นเหม็นไหม้ หรืออัคคีภัยในบริเวณสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยและบ่อขยะ

“นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนถึงความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยในช่วงที่อากาศร้อนจัด แนะนำประชาชนเฝ้าระมัดระวังและป้องกันอัคคีภัยเชิงรุก ทั้งภัยที่อาจเกิดในบ้าน หรือ โรงงาน สถานประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่เก็บรวบรวมวัสดุที่เสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย พร้อมกำชับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องสร้างความตระหนักรู้ถึงการป้องกันเหตุอัคคีภัย ให้แก่ประชาชน เตรียมพร้อมรับมือเหตุอัคคีภัยตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที” นายชัย กล่าว

Advertisement

นายกฯ พร้อมรับข้อเสนอแนะ ปรับงบฯวาระ 2-3

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 4 มกราคม 2567 รัฐสภา – นายกฯ พอใจภาพรวมอภิปรายวันแรก เมินฉายา “งบเป็ดง่อย” ชี้เป็นวาทกรรม แต่พร้อมนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงในวาระ 2-3 เหน็บ “จุรินทร์” ทำงาน 4 ปีไม่เท่า “ภูมิธรรม” ทำ 1 ปี

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่รัฐสภา โดยกล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายวันแรก ว่า ดี ได้แลกเปลี่ยนข้อมูล ได้พูดจาอธิบายกัน ซึ่งไม่ทราบว่าแตกต่างจากการอภิปรายงบประมาณสมัยก่อน ๆ หรือไม่ เนื่องจากไม่เคยฟัง จึงพูดไม่ได้

ส่วนที่มีวาทกรรมจากฝ่ายค้าน ว่ารัฐบาลตั้งงบประมาณเป็น “เป็ดง่อย” นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนดูเป็น 2 มิติ มิติแรกคือเรื่องวาทกรรมกับเรื่องเจตนารมณ์ ซึ่งผู้อภิปรายอยากจะให้เราปรับปรุงแก้ไขในวาระ 2 และ 3 ซึ่งเป็นโอกาสที่จะนำข้อเสนอแนะ ข้อติชมไปปรับปรุง

“ส่วนเรื่อง “เป็ดง่อย” จะเป็นเรื่องของกลอนพาไปหรือไม่ แต่ผมมั่นใจที่ท่าน (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์) พูดถึงกระทรวงพาณิชย์ ที่เคยดูแลอยู่ ก็มั่นใจว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในระยะเวลา 1 ปี ทำมากกว่าท่านทำเป็นเวลา 4 ปี เรื่องสนธิสัญญา การค้าระหว่างประเทศ หรือเอฟทีเอ ที่ถือเป็นเรื่องใหญ่

“ผมว่าเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วที่ผ่านมาว่าง่อยหรือไม่ง่อย ที่เราทำตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ผมมั่นใจในตัวรัฐมนตรีของเรา นโยบายบางเรื่องใช้งบประมาณน้อยมาก แต่เป็นเรื่องของการใส่ใจ เช่น FTA การดูแลราคา ความปลอดภัย เชื่อว่ารัฐบาลมีความตั้งใจจริงและรัฐมนตรีทุกท่านมีความปรารถนาดี” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่า ส.ส. พรรคก้าวไกลพยายามกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้เดินตามรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ มากเกินไป เรื่องการจัดสรรงบประมาณ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องงบประมาณมีที่มาที่ไปชัดเจน ส่วนจะเดินตามหรือจะไม่เดินตาม ให้ดูที่ความเป็นจริง  อย่าพูดถึงคนว่าเป็นรัฐบาลไหนอย่างไร อะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ถ้ามาจากรัฐบาลแล้วเราก็ทำ มีอะไรที่ต้องปรับปรุง เราก็จะปรับปรุง เปลี่ยนแปลง

ส่วนกรณีตั้งคำถามเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ถูกบรรจุอยู่ในงบประมาณ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) และกำลังรอกฤษฎีกา ซึ่งวันนี้ (4 ธ.ค.) จะสอบถาม

เมื่อถามว่ากรณีที่นายจุรินทร์เปรียบรัฐบาลเศรษฐาเป็น “นักกู้ถุงเท้าสีชมพู” นายกรัฐมนตรีก้มลงและดึงขากางเกงขึ้น พร้อมพูดว่า “ก็ใส่ให้ท่านดูวันนี้” พร้อมหัวเราะและพูดว่า “เป็นสีสัน ไม่เป็นไรครับ เพราะทุกคนก็กู้หมด แต่สำคัญว่ากู้แล้วนำมาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติอย่างไรบ้าง ผมมั่นใจในรัฐบาลนี้และเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง” ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการให้สัมภาษณ์ได้ขอให้นายกรัฐมนตรี โชว์ถุงเท้าสีชมพูที่ใส่มาวันนี้ ซึ่งสื่อสอบถามว่าจะเอาสีไหนก็ทำงานได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  จะสีอะไรก็ทำงานได้ ไม่เกี่ยวกัน

วันแรก มีผู้สนใจขอรับใบสมัคร สว. 1,933 คน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 11 พฤษภาคม 2567 วันแรก มีผู้สนใจขอรับใบสมัคร สว. 1,933 คน

กกต. – วานนี้ 10 พ.ค.เป็นวันแรก ที่สำนักงาน กกต.เปิดให้ผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) สามารถขอรับใบสมัครได้ โดยต้องไปติดต่อขอรับใบสมัคร (สว. 2) พร้อมแบบข้อมูลแนะนำตัว (สว.3) และแบบหนังสือรับรองความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทำงานในกลุ่มที่สมัคร (สว.4) ด้วยตนเอง จากนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น สำหรับกรุงเทพมหานครหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขต โดยมีรายงานว่า มีผู้สนใจมารับใบสมัคร สว. วันแรก จำนวน 1,933 คน

สำหรับผู้ที่จะขอรับใบสมัคร ติดต่อขอรับเอกสารการสมัครจากนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่นสำหรับกรุงเทพมหานคร

Advertisement

ป.ป.ช.โอดหน่วยงานไม่ร่วมมือลงโทษวินัยหลังชี้ขาด

People Unity News : 31 สิงหาคม 2565 เลขาฯ ป.ป.ช. เผยชี้มูลวินัยไร้รูปธรรม หน่วยงานต้นสังกัดไม่ให้ความร่วมมือลงโทษ เตรียมแก้กฎหมาย

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงผลการชี้มูลความผิดทางวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่เริ่มปี 2565 ถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมารวม 260 เรื่อง แต่พบว่าเมื่อแจ้งกลับไปยังหน่วยงานต้นสังกัดให้ลงโทษ กลับพบว่าลงโทษน้อยมาก เช่น เดือนมกราคม แจ้งวินัยร้ายแรง 7 ราย ลงโทษเพียง 1 เรื่อง เดือนกุมภาพันธ์ ชี้วินัยร้ายแรง 21 เรื่อง ลงโทษ 4 เรื่อง   และเดือนมิถุนายน ชี้วินัยร้ายแรง 25 เรื่อง ลงโทษเพียง 1 เรื่อง

“ทำให้เห็นว่าการชี้มูลความผิดทางวินัยของ ป.ป.ช. และการลงโทษทางวินัยของหน่วยงานต้นสังกัดยังมีปัญหาเรื่องความเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งบางคดีมีโทษทางอาญา  อยากให้ต้นสังกัดพิจารณาเรื่องโทษทางอาญากับการลงโทษทางวินัยด้วย และ ป.ป.ช.จะขอพิจารณาเรื่องปรับปรุงกฎหมาย เพื่อให้การลงโทษทางวินัยเป็นรูปธรรม” เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าว

นายนิวัติไชย เปิดเผยถึงโครงการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแห่งชาติ หรือ CDC ว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา 371 เรื่อง ซึ่งในอนาคตทางสำนักงานจะร่วมมือกับนายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เรื่องการรับเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต รวมทั้งประสานหน่วยงานทุกแห่ง เพื่อจะดูว่าหน่วยงานไหนตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพื่อลดความซ้ำซ้อน และประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในการแก้ไขของหน่วยงานใด

Advertisement

ตื้นตัน ขรก.บอกรักพร้อมมอบกุหลาบแดง

People Unity News : 13 กรกฎาคม 2566 นายกฯ ตื้นตัน ข้าราชการสำนักงบประมาณมอบดอกกุหลาบแดง พร้อมสวมกอด บอกรักลุงตู่ที่สุด จะอยู่เคียงข้าง เผยยังไม่มีแผนไปพักผ่อนที่ไหน ไม่อยู่เบื้องหลังใคร วางมือแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเป็นประธานในพิธีทำบุญและเปิดอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงบประมาณ ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้เวลาร่วมรับประทานอาหารกลางวันและพูดคุยกับอดีตผู้บริหารและผู้บริหารสำนักงบประมาณ จนถึงเวลา 13.10 น. จากนั้นได้ลงมาบริเวณโถงชั้นล่าง สำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงบประมาณ ซึ่งมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่พร้อมใจยืนรอส่ง มอบดอกกุหลาบสีแดงให้กำลังใจ บอกรักลุงตู่ จะอยู่เคียงข้าง รักที่สุด พร้อมขอกอด ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกคน ตื้นตัน ๆ ที่ผ่านมาทำงานเต็มความสามารถให้กับพวกเราทุกคนอย่างเต็มที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังประกาศวางมือทางการเมืองได้วางแผนไว้อย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ประกาศไปแล้ว ไม่มีอะไร ตามนั้น ไม่มีแผน

เมื่อถามว่า พักผ่อนที่ไหน นายกรัฐมนตรี หัวเราะพร้อมย้อนถามว่า จะพักผ่อนที่ไหนอีก แล้วค่อยบอกอีกทีว่าจะไปพักผ่อนที่ไหน

เมื่อถามย้ำว่า ที่ประกาศวางมือทางการเมือง วางมือจริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตามนั้น เมื่อถามว่า นายกฯ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังต่อใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เคยอยู่เบื้องหลังใครทั้งสิ้น

เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงการชุมนุมหน้าสภาฯ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนสั่งการไปแล้ว เจ้าหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า มีรายงานสถานการณ์อะไรเข้ามาให้รับทราบแล้วหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรที่เป็นปัญหา เป็นเรื่องของทางสภาฯ อย่าเอาเราไปยุ่งเลย

ส่วนคิดว่าวันนี้จะเลือกนายกฯ ได้หรือไม่ หรือว่าต้องรอ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราไม่เกี่ยวแล้ว ลาออกแล้ว ส่วนจะเปิดแถลงอย่างเป็นทางการอีกหรือไม่เรื่องการประกาศวางมือทางการเมือง สื่อมวลชนอยากซักถามและพูดคุยในหลายประเด็น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มี ไม่ต้องคุยแล้ว

Advertisement

“คุณหญิงพจมาน” ออกงาน ร่วมกิจกรรมเดิน-วิ่งเฉลิมพระเกียรติ

People Unity News : 29 ตุลาคม 2566 สนามหลวง – “แพทองธาร” ควง “คุณหญิงพจมาน” ออกงานครั้งแรก หลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมกิจกรรมเดิน-วิ่ง

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ พร้อมรัฐมนตรี และ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย อาทิ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข , นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมกิจกรรม “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ” ณ ท้องสนามหลวง โดยมีรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลร่วมงานด้วย อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย , นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ , นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

สำหรับการเข้าร่วมกิจกรรมนี้ นับเป็นงานแรกที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เข้าร่วมงานหลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการเดินทางมาพร้อมกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และระหว่างอยู่ภายในงาน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนางสาวแพทองธาร ที่ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย ขณะที่บรรดารัฐมนตรี และ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก็เข้ามาทักทายเช่นกัน

ทั้งนี้ กิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ที่จัดขึ้นนี้ เป็นโครงการที่มูลนิธิไทยคม ร่วมกับ ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน โดยจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงอาการและการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ตลอดจนการรณรงค์ สนับสนุน เพื่อเป็นการสร้างเสริมวินัยการออกกำลังกาย

Advertisement

“เศรษฐา” บอกกับ 16 รมต.เพื่อไทย อย่าเรียกรัฐบาลเพื่อไทย ให้เรียกรัฐบาลของประชาชน

People Unity News : 4 กันยายน 2566 ที่เพื่อไทย – “นายกฯ เศรษฐา” ร่วมวงมื้อเที่ยง 16 รัฐมนตรีเพื่อไทย แสดงความยินดี-หารือแนวทางการทำงาน ลั่น เป็นรัฐบาลของประชาชน ขออย่าอ้างข้อจำกัดงบฯ-ระยะเวลาเข้ามาทำงานช้า ชี้ เทหมดหน้าตักเข็นนโยบายที่ทำได้ก่อน ต้องไม่มีคำว่าไม่ได้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นัดหมาย 16 รัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย หารือแนวทางการทำงานและรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่พรรคเพื่อไทยภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา

นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่พบกันอย่างเป็นทางการ เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่ในวันพรุ่งนี้ ( 5 ก.ย.) คณะรัฐมนตรีทุกคนจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ซึ่งหลายคนคงทราบแล้วว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเคยพูดไม่ถูกมาหนนึงว่า เราเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย จากนี้ต่อไปจะระวังคำพูด โดยจะใช้ว่าเป็นรัฐบาลของประชาชนที่มีพรรคร่วม 11 พรรค เพื่อให้เกียรติพรรคร่วม ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ อยากให้เน้นว่าเป็นรัฐบาลของประชาชน

นายเศรษฐา กล่าวว่า ช่วงที่จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้พูดเอาไว้ว่า เรามาด้วยต้นทุนที่สูง ตนจึงอยากจะขอเปลี่ยนว่า ที่จริงแล้วไม่ใช่ต้นทุนที่สูง พรรคเพื่อไทยเราเทหมดหน้าตัก การทำงานครั้งนี้เรามีผู้แทนที่ได้รับเกียรติจากประชาชนในการเข้ามาดูแลบ้านเมืองและหลายท่านอยากเข้ามาตรงนี้ แต่ก็ถูกคัดสรรมาอย่างดีแล้ว คำว่าหมดหน้าตัก คือ เรื่องที่เราต้องทุ่มเทการทำงานให้พี่น้องประชาชนเชื่อว่าทุกคนตระหนักดีว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในช่วงเวลานี้ เรื่องการทำงาน เรื่องของระยะเวลา เรื่องขีดจำกัดของงบประมาณก็เป็นเรื่องสำคัญ ตนไม่อยากให้เรื่องขีดจำกัดเรื่องงบประมาณ หรือการที่เราได้เข้ามาบริหารช้าไป ซึ่งเรื่องการใช้งบประมาณจะสามารถใช้ได้จริงคือช่วงต้นปีหน้า (2567) แต่ไม่ได้หมายความว่า งบประมาณเป็นขีดจำกัดไม่ให้เราทำงาน พร้อมเชื่อว่าเรามีควิกวิน (แผนปฏิบัติงานเร่งรัด) ที่เราสามารถทำได้เพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชน หรือยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนก็สามารถทำได้ เรื่องอะไรที่สามารถทำได้ก่อนก็ทำ ซึ่งเข้าใจว่าแต่ละกระทรวง ทบวง กรม มีแผนงานมากมาย บางอย่างขึ้นอยู่กับงบประมาณบางอย่างขึ้นอยู่กับขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย แต่ไม่ใช่ทุกอย่างต้องมีขีดจำกัด ระยะเวลา ถ้าอะไรที่ทำได้และทำให้ประชาชนเห็นว่าเราทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ขอให้เข็นออกมาให้ได้ก่อน

“เวลาที่เราไปพูดคุยกับประชาชนอย่าอธิบายว่าทำไมถึงทำไม่ได้ เราถูกเลือกเข้ามาเพื่อให้ทำให้ได้ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด รัฐบาลของประชาชนเราต้องลดช่องว่างของฝ่ายบริหารกับประชาชนให้ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญและอยากให้ประชาชนเข้าถึงผู้บริหารได้ จึงอยากให้เป็นมิติใหม่ในการทำงานของรัฐบาลนี้ ทั้งนี้หากตนมีโอกาสได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลก็จะเน้นย้ำในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเมนูอาหารกลางวันที่ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยรับประทานในวันนี้ (4 ก.ย.) เป็นอาหารจานเดียว คือเมนูข้าวไข่เจียวปู ปลาทอดราดพริก กะหล่ำผัดน้ำปลา ต้มข่าไก่ และสลัดไก่ทอด

Advertisement

รัฐบาลจัดสินเชื่อเงินด่วนคนดี ให้สมาชิก อสม. และ อสส. รายละ 20,000 บาท

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 17 เมษายน 2567 รัฐบาล จัดโครงการสินเชื่อเงินด่วนคนดี ให้สมาชิก อสม. และ อสส. รายละไม่เกิน 20,000 บาท ยื่นกู้ได้ ณ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม 68

วันนี้ (17 เมษายน 2567)  นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์จัดเตรียมงบประมาณ จำนวน 10,000 ล้านบาท ให้สมาชิกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน : อสม. และอาสาสมัครสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร : อสส ผ่านโครงการสินเชื่อเงินด่วนคนดี เพื่อสนับสนุน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการอุปโภคบริโภคแทนการกู้เงินนอกระบบ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.67 ต่อเดือน ลดต้น ลดดอก ผ่อนชำระไม่เกิน 4 ปี

นายคารม กล่าวว่า โครงการสินเชื่อเงินด่วนคนดี เพื่อสมาชิก อสม. และอสส. เป็นโครงการที่ธนาคารต้องการให้ความช่วยเหลือและให้กำลังใจกลุ่มสมาชิก อสม. และ อสส. ซึ่งเป็นกลุ่มที่เป็นผู้เสียสละทำหน้าที่ดูแลสุขภาพเกษตรกร ประชาชนและสังคมส่วนรวม โดยสนับสนุนให้กลุ่ม สมาชิก อสม. และ อสส. ได้เงินทุน เพื่อนำไปใช้ในการอุปโภคบริโภคในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม สามารถแบ่งเบาภาระของครอบครัวแทนการกู้เงินนอกระบบ รายละไม่เกิน 20,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.67 ต่อเดือน หรือ ร้อยละ 8 ต่อปี คิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก กำหนดผ่อนชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นรายเดือน เช่น วงเงิน กู้ 20,000 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 500 บาท สูงสุดไม่เกิน 48 เดือน นับตั้งแต่วันกู้

“สำหรับเงื่อนไขผู้กู้ต้องเป็นสมาชิก อสม. และ อสส. ที่ถือบัตร Smart card ของ ธ.ก.ส. รวมถึงเป็นบุคคลที่มี ความสามารถตามกฎหมาย มีสมาชิก อสม. และ อสส. เป็นผู้ค้ำประกัน (ค้ำได้คราวละ 1 คน) สมาชิกที่สนใจสามารถ แจ้งความประสงค์ได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม 2568“ นายคารม กล่าว

Advertisement

ไทยสร้างไทยชู “สุดารัตน์” แคนดิเดตนายกฯ ชี้ตั้งใจทำงานเพื่อคนไทยทุกคน

People Unity News : 9 กันยายน 65 “โภคิน-น.ต.ศิธา” หนุน “คุณหญิงสุดารัตน์” แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคไทยสร้างไทย ชี้ตั้งใจทำงานเพื่อคนไทยทุกคน ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง พร้อมเปิดรับคนอุดมการณ์เดียวกัน

นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยไทยสร้างไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในโอกาสที่ที่ประชุมพรรคไทยสร้างไทยให้ความไว้วางใจดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยมั่นใจว่าคุณหญิงสุดารัตน์จะเป็นผู้นำพรรคเพื่อร่วมกับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนเปลี่ยนประเทศให้สำเร็จ เพื่อปลดปล่อยและสร้างพลังให้กับพี่น้องประชาชนทุกด้าน ต้องร่วมกัน ทำให้ประเทศหลุดพ้นจากแนวคิดและวัฒนธรรมแบบอำนาจนิยมและรัฐราชการที่กดทับการดำรงชีวิต และการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนตัวเล็ก

นายโภคิน กล่าวว่า จากการร่วมทำงานกับคุณหญิงสุดารัตน์ ได้เห็นความตั้งใจ ความเสียสละ การใฝ่หาความรู้อยู่ตลอดเวลา การมีน้ำใจและมิตรไมตรีกับผู้คนทั้งหลาย การให้ความสำคัญกับผู้คนทุกรุ่นทุกวัย ตลอดจนความตั้งใจอย่างแรงกล้า ที่จะมาทำงานเพื่อบ้านเมืองไม่ใช่มาทำเพื่อตัวเอง เพราะประเทศกำลังอยู่ในสภาวะที่อันตรายอย่างยิ่งในทุกๆด้าน อันจะนำไปสู่ความตกต่ำอย่างถึงที่สุดจนยากจะแก้ไข

“ผมได้เห็นความตั้งใจของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่จะสร้างพรรคไทยสร้างไทยให้เป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชน เอาตัวเองเป็นเสาเข็มและสะพานเชื่อมให้กับคนทุกรุ่นทุกวัย มีความเป็นผู้นำ พร้อมเป็นกองหน้าของผู้คนที่รักชาติ รักประชาธิปไตย และต้องการทำเพื่อคนไทยทุกคน โดยเฉพาะคนตัวเล็ก ที่กำลังประสบกับความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสในเวลานี้ ผมจะเสนอคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อเสนอคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และของคนไทยทุกคนต่อไป” นายโภคิน กล่าว

ด้าน นต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ยืนยันสนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์เป็นแคดิเดตนายกรัฐมนตรี ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาเรื่องของการรวมกับพรรคสร้างอนาคตไทย ขอยืนยันว่าหากใครมี อุดมการณ์เดียวกับเรา ก็พร้อมที่จะเปิดรับมาร่วมเส้นทางเดียวกัน เพราะวันนี้พวกเรามีความเชื่อมั่นว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์จะเป็นทางออกเดียวในการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศไทย

Advertisement

ผบ.ทบ.ยันลบคำว่า “ปฏิวัติ” จากพจนานุกรมกองทัพ

People Unity News : 11 พฤษภาคม 2566 ผบ.ทบ.ยันลบคำว่า “ปฏิวัติ” ออกจากพจนานุกรมกองทัพ ย้ำหลังเลือกตั้งเป็นศูนย์ ไม่หวั่นก้าวไกลเป็นรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องการเมืองจับขั้ว พร้อมดึงสติประชาชน บ้านเมืองต้องการความสงบ หากวุ่นวายจะเดือดร้อน

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์เชิญชวนให้กำลังพลไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ เพราะเป็นหน้าที่ในการสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กองทัพบกโดยผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นได้เน้นย้ำมาตลอด นอกจากนี้ยังใช้สื่อของกองทัพบกในทุกช่องทาง เพื่อสื่อสารกับกำลังพลและครอบครัวให้ออกไปใช้สิทธิ เพราะหน้าที่ของพลเมืองที่ดีคือการไปเลือกตั้ง ไปใช้สิทธิของตัวเองให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า อยากเตือนกำลังพลถึงแนวทางปฏิบัติในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เรื่องแนวทางการปฏิบัติ ให้ระมัดระวังอย่าทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะในด้านใด ซึ่งในวันที่ 12 พ.ค. ถือเป็นวันราชการวันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ก็จะเน้นย้ำกันอีกครั้ง โดยเฉพาะข้อกฎหมาย เช่น การสวมเสื้อมีชื่อพรรคการเมือง เข้าไปในพื้นที่หน่วยเลือกตั้ง รวมถึงหลังเวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พ.ค. งดการหาเสียง

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ทหารตกเป็นเป้าการยกเลิกเกณฑ์ทหาร และมองว่าทหารไม่จำเป็น มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ใครจะเข้ามา เขาก็มีสิทธิที่จะทำตามนโยบายของเขา ในส่วนของเราที่เป็นทหาร ก็มีสิทธิทำข้อมูลชี้แจงถึงความจำเป็นในการมีทหาร หรือความจำเป็นในการเกณฑ์ทหาร

“เป็นเรื่องที่นายทหารจะต้องพูดคุยกัน มีทั้งเรื่องที่คนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คือเป็นเรื่องปกติและเป็นสิทธิที่ทุกคนจะมีแนวคิดหรือมุมมองด้านใดได้ ถามว่ามีความเป็นห่วงสถานการณ์หลังเลือกตั้ง เพราะมองว่าจะมีความวุ่นวาย จะเดือดร้อนทหารอีกหรือไม่ ผมไม่ห่วง เพราะเชื่อว่าเรามีบทเรียนมามากแล้วในอดีต เพราะฉะนั้นทุกคนมาถึงจุดนี้ การเมืองในระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องเดินไป แต่ทุกคนก็ต้องมีสติ ว่าอะไรควร ไม่ควร สำหรับบ้านเมืองเรา และบ้านเมืองต้องการอะไร ซึ่งต้องการความสงบเรียบร้อย บ้านเมืองจะได้เจริญ เศรษฐกิจจะได้ดี แต่ถ้าเราคิดจะขัดแย้ง ก่อความวุ่นวาย บ้านเมืองและคนส่วนใหญ่ก็จะได้รับความเดือดร้อน จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะต้องกังวล แต่ทุกคนควรมีสติ” พล.อ.รณงค์พันธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงและการคงไว้ของเดิม อันไหนดีกว่ากัน พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เรื่องคงเดิมหรือเปลี่ยนใหม่ เป็นเรื่องของวันเวลา ที่เปลี่ยนใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลง ต้องดูว่าเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ดี ซึ่งมี 2 ทาง เพราะฉะนั้นทุกคน ถ้ามีสติ และมีข้อมูลอย่างรอบด้าน จะพิจารณาได้ว่า ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ตามกาลเวลาและสถานการณ์โลกใบนี้ เช่นเดียวกับชีวิตพวกเราก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงมีอยู่แล้ว เพียงแต่ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี

เมื่อถามว่า 5 เดือนที่เหลือในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ยืนยันได้หรือไม่ว่า สถานการณ์จะเรียบร้อย ไม่มีทหารออกไปทำอะไรให้ประชาชนหวาดวิตก พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า “ผมยืนยันไม่ได้ หมายถึงว่า ในส่วนของบ้านเมืองจะเรียบร้อยหรือไม่ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน แต่สิ่งที่ผมยืนยันได้ในเรื่องของสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ผมบอกแล้วว่ามันติดลบ ติดศูนย์ ผมยืนยันเรื่องนั้นแน่นอน”

เมื่อถามว่า ไม่มีการปฏิวัติหลังการเลือกตั้งใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า คำพวกนี้บอกนักข่าวไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ควรพูด ไม่ควรถาม และไม่ควรเขียน เพราะจะเป็นการปลุกความคิดที่ขัดแย้งต่อเนื่อง ซึ่งมันควรจะไม่มีแล้ว เพราะคำพวกนี้ที่คิดว่าไม่ดี ไม่เหมาะสม กลับประเทศ จึงขอร้องผู้สื่อข่าว ควรลบออกไปจากพจนานุกรมของผู้สื่อข่าว

เมื่อถามย้ำอีกว่า ต้องลบออกจากพจนานุกรมของกองทัพด้วยหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ พยักหน้า พร้อมกล่าวว่า ลบแน่นอนสำหรับผม

เมื่อถามว่า ไม่ควรจะมี แต่ใช่ว่าจะไม่มีใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ยังคงถามอยู่ คือ สิ่งที่เราสื่อสารกันเข้าใจ นักข่าวต้องถามเรื่องพวกนี้ จึงบอกว่าให้เห็นแก่ชาติบ้านเมือง ไม่ควรมีคำพวกนี้

เมื่อถามว่า มีคนไปปลุกกระแส หากมีคนไปเลือกพรรคโน้นแล้วทหารจะออกมา พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของสถานการณ์ในอนาคต ไม่มีใครตอบได้ จนกว่าจะถึงวันที่ 14 พฤษภาคม หรืออะไรก็ว่ากันไป ซึ่งถือเป็นเรื่องของนักการเมืองที่จะไปจับขั้วกันเองว่าจะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ทหารเป็นเพียงข้าราชการประจำ ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง

Advertisement

 

Verified by ExactMetrics