วันที่ 3 พฤษภาคม 2024

“ปารีณา”สุดปลื้ม! “บิ๊กตู่”เตรียมขนครม.สัญจร”ราชบุรี-กาญจนบุรี”

People Unity News : “บิ๊กตู่” เตรียมขนคณะรัฐมนตรี เยือน”ราชบุรี-กาญจนบุรี” ประชุมครม.สัญจร ครั้งแรก ขณะที่ 3 สาว ส.ส.ราชบุรี พลังประชารัฐ ยินดีนายกฯลงพื้นที่ หวังพัฒนาภาคตะวันตก

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 11 พ.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม จะนำคณะรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการ ที่จังหวัดราชบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมจะประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ เป็นครั้งแรก หลังมีรัฐบาลใหม่ โดยบรรยากาศ การเตรียมความพร้อมตามสถานที่ต่างๆ ที่พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่ เจ้าหน้าที่ ได้เตรียมพร้อมทั้งหมดแล้ว รวมถึงได้มีการกระจายกำลังดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรด้วย หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องให้โรงเรียนหยุด เพื่อลดปัญหาการจราจร

ขณะที่กำหนดการ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางมาถึงจังหวัดราชบุรี ตั้งแต่เวลา 08.30 น. โดยจะเริ่มด้วยการ นั่งเฮลิคอปเตอร์ ตรวจระบบโลจิสติกส์ โครงการทางหลวงแนวใหม่เชื่อมต่อ ที่สามแยกวังมะนาว ก่อนมาถึงโรงยิมเนเซี่ยม องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี เพื่อเป็นประธานสักขีพยาน มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรือ อยู่อาศัย ในพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน พร้อมพบปะประชาชน

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางต่อไปยังอำเภอดำเนินสะดวก เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาคูคลอง โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวทางน้ำ ซึ่งจุดนี้ จะมีการลงเรือด้วยส่วนช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จะตรวจเยี่ยมโครงการจัดระเบียบแพ ที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี ก่อนพบปะประชาชน ที่โรงงานกระดาษไทย และช่วงค่ำ พล.อ.ประยุทธ์ จะร่วมลอยกระทงกับชาวกาญจนบุรีด้วย

โดยนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ บอกว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี มาประชุมแถบภาคตะวันตก ซึ่งในแถบภาคตะวันตก ที่ผ่านมา ยังมีการพัฒนาที่ไม่มากพอ ทำให้ประชาชนบางส่วน ต้องไปทำงานในภาคตะวันออก โดยการประชุมคณะรัฐมนตรี ภาคตะวันตก ก็หวังว่า ภาคตะวันตก จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดี เพราะพญามาเหยียบเมืองภาคตะวันตก ทุกอย่างต้องดีขึ้น นอกจากนี้ เชื่อว่า ความเจริญที่ครม.ลงมา ถ้าสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทุกอย่างจะเปลี่ยนและดีขึ้น

ขณะที่ น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ บอกว่า ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี และคณะที่เดินทางมา โดยถือว่า เป็นโอกาสที่ดีที่นายกฯมารับรู้ และรับฟังปัญหา ในสิ่งที่ชาวราชบุรี อยากให้เกิดขึ้น อาทิ ถนน แหล่งน้ำ ความเป็นอยู่ การพัฒนาภาคตะวันตก รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะศึกษาโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันตก จึงขอฝากนายกฯมาร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาภาคตะวันตก

ส่วน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ก็บอกว่า พวกเราส.ส.ราชบุรี รู้สึกดีใจ ที่นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี เดินทางมาเยืิอนจังหวัดราชบุรี ซึ่งการเดินทางมาเยือนครั้งนี้ ก็มีประชาชน รอต้อนรับ และเตรียมที่จะพบปะพูดคุย

“ธนาธร”ร่วมจัดกิจกรรม “ฟิวเจอร์ แคมป์” รณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติก

People Unity News : “ธนาธร”ร่วมเปิดศูนย์”อนาคตใหม่ฝั่งธนบุรี” จัดกิจกรรม “ฟิวเจอร์ แคมป์” เชื่อมโยงพรรค-สมาชิก ชี้ “พรรคการเมือง” เป็นเพียงยานพาหนะที่ทำให้ฝันเป็นจริง ด้าน “ไพบูลย์” ว่าที่ผู้สมัคร อบจ.นนท์ เปิดเวทีระดมความคิดผลิตนโยบาย สู้ศึกเลือกตั้งท้องถิ่น

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน 2562 ที่ศูนย์​ประสานงานพรรคอนาคต​ใหม่ ฝั่ง​ธนบุรี​ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อม ส.ส.ของพรรคคับคั่ง อาทิ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์, นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ร่วมเปิดศูนย์ประสานงาน​พรรคอนาคตใหม่ฝั่งธนบุรี​ เพื่อกระจายอำนาจการบริหารและขยายงานจากสำนักงานใหญ่​ อีกทั้งเป็นศูนย์รับเรื่องร้องเรียน และพบปะกับ ส.ส.​ของพรรค โดย บรรยากาศในงานมีประชาชนมาร่วมอย่างคับคั่ง​ มีร้านอาหารของดีจากฝั่งธนบุรีเปิดบูธขายภายในงาน อาทิ ผัดไทย​โบราณ ข้าวคลุกกะปิ​เจ้าดัง เป็นต้น  โดยนายธนาธรได้แจกถุงผ้าให้กับสื่อมวลชนและสาธิตการใช้จานจากใบสักและกาบต้นตาล เพื่อช่วยรณรงค์ลดการใช้พลาสติก

นายธนาธร กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการตั้งศูนย์ฯ เนื่องจากต้องการให้ประชาชนเข้าถึงพรรค และเชื่อมโยงกับพรรคได้โดยง่าย เพราะกรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่ใช้ระยะเวลาการเดินทางนาน ชาวฝั่งธนบุรีจะเดินทางไปสำนักงานใหญ่ของพรรค ถนนเพชรบุรีตัดใหม่อาจใช้เวลาหลายชั่วโมง ดังนั้น การเปิดศูนย์ฯครั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนฝั่งธนบุรี ได้มีพื้นที่ในการเชื่อมโยงกับพรรคและพบปะกับ ส.ส.ของพรรคได้โดยง่าย

เป็นพื้นที่สำหรับทุกคน – เดินหน้าสร้างพรรคมวลชน

นายธนาธร กล่าวว่า การที่เราตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา สิ่งที่อยากเห็นคือ เป็นพรรคการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชน เข้มแข็งจากรากฐาน จากสมาชิกพรรค แต่เนื่องด้วยมรสุมต่างๆ ที่ตนเองและพรรคเจอ ทำให้เราลงทุนในเวลาเรื่องนี้ไม่เพียงพอที่จะสร้างพรรคแบบที่เราอยากเห็น ดังนั้น ในปีหน้า เราจะกลับมาทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคของมวลชนอย่างแท้จริง ให้เป็นพรรคที่เสียงของสมาชิกสามารถกำหนดทิศทาง ส่วนพรรคการเมืองเป็นเพียงยานพาหนะ เป็นเพียงกลไล ที่จะทำให้ความฝันของสมาชิกเป็นจริงได้ จึงหวังว่าที่ศูนย์ฯ ฝั่งธนบุรี จะเป็นชุมชนของผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้น่าอยู่และอยู่ร่วมกันได้โดยสันติ

“ศูนย์ฯ ฝั่งธนบุรี เกิดขึ้นจาก ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ฝั่งธนบุรี ผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะต้องการให้ประชาชนเข้ามาใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ สามารถจัดกิจกรรมต่างๆ เสนอแนะ ผลักดันเรื่องต่างๆทางการเมือง เหมือนที่จะได้มีการจัดกิจกรรมฟิวเจอร์แคมป์ ในงานวันนี้ด้วย ผมยืนยันว่าศูนย์ฯ ฝั่งธนบุรี รวมถึงศูนย์หรือสาขาพรรคทั่วประเทศ เป็นพื้นที่เปิดรับสำหรับประชาชนทุกคน” นายธนาธร กล่าว

ถกเข้มเรื่องท้องถิ่น – 6 ส.ส.ฝั่งธนบุรีโชว์วิสัยทัศน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันในการจัดกิจกรรมเปิดศูนย์ฯ ฝั่งธนบุรี มีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมงานโดยตลอดทั้งวัน ร่วมสมัครสมาชิกพรรค และเลือกซื้อสินค้าที่ระลึก ทั้งนี้กิจกรรมหลักของพรรคที่ 3 เรื่องที่จัดขึ้นในวันเดียวกันนี้คือ 1.ฟิวเจอร์แคมป์ การร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนนโยบายสำหรับการพัฒนาฝั่งธนบุรี 2.ฟิวเจอร์ริสต้า การรับสมัครอาสาสมัครช่วยงาน และ 3.ฟู้ดธน หรือการรวบรวมอาหารดี ของดี ฝั่งธนบุรีมาเปิดร้านจำหน่ายระดมทุน

ทั้งนี้ ในช่วงเย็นยังมีเวทีเสวนาเกี่ยวกับการเมืองท้องถิ่น โดย นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค รวมถึงกิจกรรมส่งท้ายนั่นคือการพูดคุยถึงวิสัยทัศน์ฝั่งธนบุรี โดย ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ฝั่งธนบุรีทั้ง 6 คน ได้แก่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ , นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร, นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์, นายทศพร ทองศิริ, นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ และนายโชติพัฒน์ เตชะโสภณมณี

“ไพบูลย์” ว่าที่ผู้สมัคร อบจ.นนท์ เปิดเวทีระดมสมอง

เวลา 13.00 น. ที่ลานเอนกประสงค์ ตลาดน้ำวัดบัวขวัญ จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงาน นายไพบูลย์ กิจวรวุฒิ ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.นนทบุรี และศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ จ.นนทบุรี จัดกิจกรรม “เวิร์คช็อปนโยบายนนทบุรี” โดยเป็นการะดมความคิดเห็นในด้านต่างๆ จากประชาชนในในจังหวัด เพื่อเตรียมนำไปกำหนดเป็นนโยบายสำหรับการหาเสียงเลือกตั้งต่อไป โดยมีประชาชนเข้าร่วมแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, นายไกลก้อง ไวทยการ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ร่วมรับฟังการนำเสนอของประชาชนชาว จ.นนทบุรีด้วย

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนเองและทีมงานเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆ เพื่อรับฟังปัญหาครบทุก 6 อำเภอ แต่อาจยังไม่ครบทุกตำบลและหมู่บ้าน อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นได้สรุปปัญหาที่ประชาชนสะท้อนให้ฟังได้ 8 หัวข้อ ได้แก่ 1.การท่องเที่ยว 2.แม่น้ำลำคลอง 3.แอพลิเคชั่นสำหรับนนทบุรี 4.สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม 5.รถติด 6.อากาศเสีย 7.เศรษฐกิจ และ 8.การศึกษา ทั้งหมดนี้ถูกนำมาพูดคุยในกิจกรรมเวิร์คช็อปครั้งนี้

“ธนาธร” ลั่นไม่ใช่หวังตำแหน่ง แต่คือสร้างความเปลี่ยนแปลง

นายไพบูลย์ กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้ เราได้ประกาศเชิญชวนชาวนนทบุรีที่สนใจ มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนในหัวข้อที่ตนเองสนใจทั้ง 8 กลุ่มหัวข้อ เปิดอกพูดคุยกันว่าปัญหาแต่ละเรื่องนั้นเป็นอย่างไร เกิดขึ้นเพราะอะไร แนวทางการแก้ไขควรเป็นอย่างไร โดยทั้งหมดได้ถูกนำมาสรุปและเตรียมนำไปวิเคราะห์ และพัฒนาเป็นนโยบายสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.ในนามพรรคอนาคตใหม่ ต่อไป ทั้งนี้ ตนมองว่าการที่จะมีนโยบายที่ดีที่ตอบสนองกับประชาชน สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับพี่น้องประชาชน ให้กับ จ.นนทบุรีได้ นโยบายต่างๆ ต้องออกมาจากประชาชน พวกเขารู้ว่าตนเองประสบปัญหาอะไร รู้วิธีการแก้ปัญหา เราในฐานะผู้ที่จะนำนโยบายเหล่านั้นไปปฏิบัติ ไปผลักดันต้องมารับฟัง

ด้าน นายธนาธร กล่าวว่า นี่คือการเดินทางเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง คุณไพบูลย์ไม่ได้มีความฝันเพียงเพื่อแค่ได้ตำแหน่งนายก อบจ.นนทบุรี แต่คุณไพบูลย์มีความฝันที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น นั่นคือเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง จ.นนทบุรี ทำให้ประเทศไทยดีขึ้น ทำให้คนไทยทุกคนเสมอภาคเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเท่าทันกับโลก ทำให้คนมีงานทำในจังหวัด ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างเปี่ยมความหมายได้ที่บ้านเกิดของตนเอง ไม่ต้องไปทำงานในต่างประเทศ นี่คือสิ่งที่ผมอยากเห็น และอยากขอให้ทุกท่านในที่นี้ร่วมเดินไปข้างหน้าพร้อมกับคุณไพบูลย์ พร้อมกับพรรคอนาคตใหม่

“นรินท์พงศ์”ยื่นขอยุติคดี “พิชัย” ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. เหตุมีการประกาศยกเลิกตัวคำสั่งเเล้ว

People Unity News : “นรินท์พงศ์”ยื่นขอยุติคดี “พิชัย” ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. เหตุมีการประกาศยกเลิกตัวคำสั่งเเล้ว ด้าน อดีต รมว.พลังงาน จวก “ประยุทธ์-สมคิด” อย่าหลอกว่าเศรษฐกิจดีทั้งที่จริงสวนทาง

เมื่อวันที่ 10 พ.ย.นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความของนายพิชัยได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดี ฝ่าฝืนเงื่อนไข ท้ายคำสั่ง คสช.ที่ 39/2557 ที่ คสช. โดย พ.อ.วิจารณ์ จดแตง เป็นผู้รับมอบอำนาจ เเจ้งความดำเนินคดี กับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน กรณี เคลื่อนไหวทางการเมือง โดยให้สัมภาษณ์สื่อและแสดงความเห็นทาง facebook ในช่วงปี 2558 ว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมาตนพร้อมคณะทำงาน นายยอดชาย ศีลนำสุข ทนายความ ได้เดินทางไป สน.ดุสิต เข้าพบ ร.ต.อ.ชวะฤทธิ์ จันทร์เกิ้น พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนเพื่อ หารือชี้แจงข้อกฎหมายกับพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับข้อกล่าวหาของนายพิชัยว่า เนื่องจากภายหลัง คสช.ได้มีคำสั่ง ที่ 22/2561 (ปลดล็อคทางการเมือง) ให้ประชาชนและการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ซึ่งยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่39/2557 ตามข้อกล่าวหาในคดีนี้แล้ว จึงเป็นกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ให้การกระทำตามข้อกล่าวหาไม่เป็นความผิดอีกต่อไปขอให้พนักงานสอบสวนยุติการดำเนินคดี ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนรับทราบและจะสรุปสำนวนเพื่อมีคำสั่งทางคดีต่อไป

ด้าน นายพิชัย กล่าวว่า การการปิดกั้นความเห็น และพยายามใช้คดีความเพื่อปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลด้วยข้อมูลความจริง โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ทางเศรษฐกิจ จะต้องหมดไปและจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่หวังจะพัฒนาจะต้องเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็น การที่สภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อย่างมากในปัจจุบัน แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจกลับพยายามบอกประชาชนว่าเศรษฐกิจยังดีสวนทางกับความเป็นจริง จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง เพราะดูเหมือนรัฐบาลจะหลงทางและไม่ยอมรับความจริง ภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังจะถดถอยจะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย

แต่นายสมคิด กลับบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้น ซึ่งสวนกับตรรกะของความเป็นจริงที่เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งเศรษฐกิจโลก แต่ 5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกดีแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์และนายสมคิดกลับไม่สามารถบริหารเศรษฐกิจให้ดีได้ เศรษฐกิจไทยโตต่ำเตี้ยเฉลี่ยเพียงปีละ 3% เท่านั้น พอเศรษฐกิจแย่หนักก็คิดได้แค่แจกเงินเพื่อปิดปากคนยากจน แต่ประเทศไม่ได้พัฒนาขึ้น ขนาดไอเอ็มเอฟยังเตือนไทยเรื่องการแจกเงินสะเปะสะปะแต่ไม่ได้พัฒนาความสามารถในการแข่งขันนี้ พล.อ.ประยุทธ์และนายสมคิดต้องหันกลับมาพิจารณาว่าสาเหตุใดที่การบริหารเศรษฐกิจที่ผ่านมาถึงได้ล้มเหลวอย่างมาก ต่างกับการบริหารเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดของประเทศเวียดนามอย่างสิ้นเชิง

หลายปัจจัยน่าจะมาจากวิสัยทัศน์ของผู้นำ และการยอมรับของประชาคมโลกต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ที่สื่อหลักของโลกยังคงวิจารณ์รัฐบาลในด้านลบมาโดยตลอด ซึ่งหากแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ รัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ทั้งนี้ประชาชนจำนวนมากที่เชื่อคำพูดของพลเอกประยุทธ์และนายสมคิดที่บอกว่าเศรษฐกิจไทยยังดีมาตลอดหลายปี และไม่ได้เตรียมรับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ต่างพากันประสพปัญหาทางเศรษฐกิจกันอย่างมาก ในขณะที่มีหลายคนได้มาขอบคุณตนที่ได้เตือนให้ระวังภาวะเศรษฐกิจที่จะย่ำแย่เลยทำให้สามารถประคองตัวอยู่ได้ในปัจจุบัน

“สุเทพ”มาแล้ว! ชูรธน.60ไร้มลทิน คนนั่งปธ.กมธ.ศึกษาต้องเป็นกลาง

People Unity News : “สุเทพ”มาแล้ว! ชูรธน.60ไร้มลทิน คนนั่งปธ.กมธ.ศึกษาต้องเป็นกลาง เลี่ยงตอบ”อภิสิทธิ์”เหมาะ

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2562 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นั่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยได้เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

แต่สิ่งสำคัญคือเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญที่จะพยายามแก้ไขซึ่งก่อนที่จะไปถึงประเด็นนั้นส่วนตัวมีจุดยืนที่สนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ตั้งแต่ตอนที่มีการรณรงค์เพื่อเชิญชวนประชาชนไปลงประชามติรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนเป็นหนึ่งในประชาชน 16 ล้านคนที่เห็นชอบให้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยมองว่าเป็นหนทางในการที่จะสามารถปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงประเทศได้

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ตนยังไม่เห็นข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่เห็นข้อบกพร่องของตัวบุคคลมากกว่าซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องสามารถบอกได้ว่ามาตราไหนที่เป็นปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาประเทศหรือการดูแลประชาชน แต่บางประเด็นที่ไปพูดกันในภาคใต้ก็ไม่เห็นด้วย เช่น ประเทศไทยสามารถแบ่งแยกเป็นมลรัฐได้ ด้านคุณสมบัติของการเป็นประธานกรรมาธิการฯ ตนเห็นว่าควรจะเป็นบุคคลที่เป็นกลาง ไม่ใช่คนที่ต่อต้านรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ต้นหรือสนับสนุนมาตั้งแต่แรก

ส่วนประเด็นที่มองว่าจะเป็นชนวนความขัดแย้งหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่าไม่น่าเป็นประเด็นความขัดแย้ง ประเทศไทยเดินหน้าและก้าวข้ามผ่านความขัดแย้งมาแล้ว และยังทิ้งท้ายด้วยว่า ส่วนตัวเป็นคนมองโลกในแง่ดี และเชื่อว่าประเทศไทยจะร่วมกันผนึกกำลังทำให้ประเทศพัฒนาก้าวต่อไปได้

ชวนสัมผัส”หนาวสุดกลางสยาม” ความสวยงามใกล้กรุง ณ บ้านไร่ อุทัยธานี

People Unity News : กรมการพัฒนาชุมชน จัดเตรียมพื้นที่ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ไว้รองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ หวังสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้แก่ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีอย่างต่อเนื่อง สนองรับนโยบายของรัฐบาลในการลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้สู่ชุมชน

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2562 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่อากาศหนาวอย่างเป็นทางการ ซึ่งในหลายพื้นที่ได้จัดเตรียมกิจกรรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไปเยี่ยมชม โดยเฉพาะการได้สูดกลิ่นไอของธรรมชาติที่มาพร้อมกับสายลมช่วงฤดูหนาว เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวรอคอย ซึ่งหากมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่ใช้เวลาเดินทางไม่มากนัก ขอแนะนำชุมชนลาวครั่ง บ้านสะนำ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี สัมผัสเสน่ห์ศรัทธาแห่งแบบแผนวิถีชีวิตชุมชนชนชาติพันธุ์ลาวครั่ง 200 ปี ซึ่งคนในชุมชนแห่งนี้ เป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันด้วยความจริงใจ ตลอดจนการมีกิจกรรมร่วมกันระหว่างคนในชุมชน ทั้งผู้สูงอายุ วัยทำงาน วัยเด็ก แม้จะต่างวัยในความหลากหลายแต่ก็ลงตัว

ชุมชนบ้านสะนำ ถือเป็นพื้นที่ที่ยังคงความสมบูรณ์ของธรรมชาติ เนื่องจากที่นี่มีต้นไม้ยักษ์ อายุ 300 กว่าปี ความอัศจรรย์อย่างงดงาม เป็นไม้ที่มีขนาดใหญ่ มีระบบรากที่แผ่กว้างค้ำยันต้นและรายล้อมไปด้วยต้นหมากจำนวนมาก ซึ่งต้นหมากเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่ทำให้คนในชุมชนมีรายได้เสริม นอกเหนือจากรายได้ที่มาจากการทำไร่ทำนา ทำสวน อีกทั้ง การได้ชื่นชมศิลปะการแสดงพื้นบ้าน การทอผ้าพื้นเมืองลายโบราณทุนทางวัฒนธรรมการแต่งกาย ภาษา ภูมิปัญญาการจักสาน การละเล่น ที่สืบทอดและอนุรักษ์วัฒนธรรม มาสู่รุ่นลูกหลานจนถึงทุกวันนี้ เชิญมาร่วมค้นหาความภูมิใจของชาติพันธุ์ลาวครั่งบนแผ่นดินสยามแล้วท่านจะประทับใจไม่รู้ลืม ซึ่งที่นี่มีเมนูอาหารพื้นถิ่น อาทิ ข้าวต้มเล่ แจ่วร้อยสำรับ ที่เสิร์ฟร้อน รสชาติอร่อยโดดเด่นไม่เหมือนใคร อีกทั้งการบริการที่พักในรูปแบบโฮมสเตย์ รองรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในความเป็นวิถีชีวิตชุมชนอย่างแท้จริง

และอีกหนึ่งชุมชนสวรรค์บ้านไร่ของจังหวัดอุทัยธานี ที่จะขอแนะนำ นั่นคือ บ้านอีมาด อีทราย ตั้งอยู่ที่ตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ชุมชนเผ่ากระเหรี่ยง บรรยากาศของชุมชนที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ทำให้ผู้คนที่นี่มีวิถีชีวิตที่เงียบสงบเรียบง่าย มีความร่วมมือร่วมใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างวินัยรักษ์ต้นไม้ รักษาความสะอาดในชุมชน เพื่อการอาศัยอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับธรรมชาติอย่างสมดุล รวมถึงความเชื่อและความศรัทธาในต้นพระเจ้าห้าพระองค์ ที่เชื่อกันว่า มีพระ 5 รูปจำศีลอยู่ใต้ต้นไม้นี้และผลของต้นไม้ได้ร่วงลงมา จึงคิดว่า เทวดาประทานพรให้ ซึ่งผลของต้นไม้ จะมีลักษณะเป็นวงกลมมีร่องขรุขระ ผิวเปลือกนูน ลักษณะคล้ายองค์พระพุทธรูป เป็นผลไม้ที่มีดีทางธรรมชาติ มีเทวดาคุ้มครอง จึงเรียกว่า “พระเจ้าห้าพระองค์”ตามความเชื่อถือศรัทธาของชาวบ้านในชุมชน

นอกจากนี้ การแสดงออกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพชน อาทิ การรำต่ง เป็นการรำให้พรต้อนรับแก่ผู้มาเยือน รำอวยพรให้ผู้มาเยือนมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง การสืบทอดภูมิปัญญาการทอผ้าที่มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน หาชมได้ยาก ที่นี่จึงมีถ่ายทอดภูมิปัญญาการทอผ้าให้ลูกหลานทำหน้าที่ในการอนุรักษ์ผ้าทอให้คงอยู่กับชุมชนต่อไป และการต้อนรับผู้มาเยือนด้วยอาหารที่มีรสชาติอร่อยขึ้นชื่อของชุมชน ข้าวเหนียวหัวหงอก ซึ่งใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีอยู่ในชุมชน หากท่านใดสนใจสามารถแวะชิม แวะชม แวะพักกันได้ใกล้กรุงเทพฯ มีบริการที่พักในรูปแบบโฮมสเตย์ อิงแอบแนบชิดธรรมชาติอย่างที่สุด

เมื่อเดินทางเที่ยวชมทั้ง 2 ชุมชนแล้ว ก็ยังสามารถมุ่งหน้าต่อไปได้ที่ “แก่นมะกรูด” สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมช่วงฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แวะมาเที่ยวชมดอกไม้เมืองหนาวบานสะพรั่ง สูดกลิ่นไอลมหนาวกันอย่างคับคั่ง จนถูกขานนามว่า “หนาวสุดกลางสยาม” ห้ามพลาดนะครับ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ให้นักท่องเที่ยวทุกท่าน กรมการพัฒนาชุมชน จึงได้มอบหมายให้ข้าราชการของกรมฯ อำนวยความสะดวกในด้านข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวที่สนใจจะไปสัมผัสบรรยากาศหนาวสุดกลางสยาม จ.อุทัยธานี คือ คุณกิตติพงษ์ สิงห์คำ 08 2758 9307 หรือที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุทัยธานี 0 5651 1337 หรือสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอบ้านไร่ 0 5653 9126

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวด้วยว่า มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการค้นหามนต์เสน่ห์ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ใกล้กรุงฯ เพื่อการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในเชิงสร้างสรรค์ ช่วยให้คนในชุมชนมีงานทำ มีอาชีพ สร้างรายได้ ให้แก่เกิดขึ้นได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

ส.ส.ราชบุรี”พปชร.”พาผู้ถูกจับลิขสิทธิ์ 9 รายแจ้งความขอความชัดเจน

People Unity News : ส.ส.ราชบุรี”พปชร.”พาผู้ถูกจับลิขสิทธิ์ 9 ราย แจ้งความขอความชัดเจน ที่ สภ.เมืองราชบุรี

วันที่ 9 พ.ย.2562 เวลา 15.00 น. ( 9 พ.ย. 62 ) ที่ สภ.เมืองราชบุรี นางสาวกุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 และ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ได้นำผู้ถูกจับลิขสิทธิ์ 9 ราย เดินทางมาแจ้งความ กับ ร.ต.อ. หญิง ศิริวรรณ ธรรมมา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี หลังถูกเจ้าหน้าที่ลิขสิทธิ์จับกุมจนเสียเงินไปจำนวนมาก โดยนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.เขต 3 นำมา 1 ราย และ นางสาวกุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรีเขต 1 นำมา 8 ราย

นางสาวปารีณา และนางสาวกุลวลี เปิดเผยว่า มีชาวบ้านมาร้องเรียนขอความช่วยเหลือเรื่องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ที่กำลังเป็นข่าว วันนี้ทางส.ส.กุลวลีก็ได้พาลูกบ้านมาด้วย วันนี้ ประมาณ 10 ราย เป็นคนในพื้นที่ของ ส.ส.กุลวลี 9 ราย และคนในพื้นที่ ส.ส.ปารีณา 1 ราย เลยพากันมาแจ้งความวันนี้เพื่อมาดูความชัดเจนว่ามีกระบวนการล่อให้กระทำความผิดแล้วใช้ช่องโหว่กฎหมายที่จะล่อซื้อ หรือมีพฤติกรรมกับเด็กที่โดนเรื่องกระทงอายุ 15 ปี จึงมาขอความชัดเจนของตำรวจถึงการสืบสวนสวน เพราะตัวแทนของลิขสิทธิ์เป็นคนที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ส่วนใหญ่ที่มาวันนี้จะถูกนคนเดิมในข่าวมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน

พ.ต.อ.อภิชาต พุทธบุญ ผกก.สภ.เมือง กล่าวว่า ทาง ส.ส.ได้ประสานมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะนำตัวคนที่เคยถูกจับเรื่องลิขสิทธิ์ในห้วงที่ผ่านมา เพื่ออยากให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จริงหรือไม่ หรือได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์มาดำเนินการ เบื้องต้นทางส.ส.ได้แจ้งมา 9 ราย ที่สะดวกมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนวันนี้ ในส่วนของรองผู้กำกับ หัวหน้างานสอบสวนได้ตั้งทีมพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำและอำนวยความสะดวกและจะดำเนินการทำหนังสือสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริงและจะสอบถามถึงการได้มอบอำนาจให้แก่ผู้ใดดำเนินการเรื่องลิขสิทธิ์เป็นไปตามกระบวนการตามขั้นตอน

“รมช.พาณิชย์”รุดปลอบขวัญเด็กทำกระทงการ์ตูน เร่งเขี่ยตัวแทนลิขสิทธิ์​เถื่อนออกจากระบบ

People Unity News : รมช.พาณิชย์รุดปลอบขวัญเด็กทำกระทงการ์ตูนโคราช ประกาศ​ลั่นเตรียมจัดระเบียบตัวแทนลิขสิทธิ์​หวังเขี่ยตัวแทนเถื่อนออกจากระบบ ตัดตอนไม่ให้เรียกรับผลประโยชน์​ด้วยวิธีการข่มขู่คนทำมาหากินแบบไม่ถูกต้อง

วันที่ 9 พ.ย.2562 นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังได้รับทราบเหตุการณ์​เยาวชนในจังหวัดนครราชสีมา​ถูกดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์กรณี​ทำกระทงการ์ตูนก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก จึงได้เดินทางมาปลอบขวัญและให้กำลังใจ เนื่องจากตนเองก็เป็นคนโคราชเช่นกัน จึงมาให้กำลังใจในฐานะชาวโคราชคนหนึ่งที่ไม่อาจนิ่งดูดายหรือเพิกเผยเมื่อเห็นลูกหลานย่าโมเสียขวัญอย่างหนัก จากการถูกข่มขู่แสวงหาประโยชน์โดยอาศัยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็กและเยาวชน ในฐานะที่ตนกำกับดูแลกรมทรัพย์สินทางปัญญา​ จะนำเหตุการณ์​ครั้งนี้เป็นกรณีศึกษาเพื่อนำไปสู่การจัดระเบียบไม่ให้ตัวแทนลิขสิทธิ์เถื่อนอาศัยช่องว่างทางกฎหมาย​ไปข่มขู่คนทำมาหากินแบบไม่ถูกต้องอีกต่อไป โดยตนได้สั่งการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา​ดึงสิ่งที่อยู่​ในมุมมืดออกมาอยู่ในที่สว่าง เพราะประชาชนและเยาวชนทั่วไปที่ต้องการทำมาค้าขายควรจะได้รับรู้ว่าจะสามารถผลิตกระทงหรือสินค้าอื่นใด เป็นรูปการ์ตูน​ลายไหนได้หรือไม่ได้บ้าง ซึ่งกระทรวง​พาณิชย์​อยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินการและจะประกาศ​แนวทางจัดระเบียบตัวแทนลิขสิทธิ์ รวมถึงสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับลิขสิทธิ์การ์ตูน เพื่อป้องกันการล่อให้กระทำความผิด โดยจะจัดให้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562

ทั้งนี้ นายวีร​ศักดิ์​กล่าวว่า เบื้องต้นก็ได้กำชับกรมทรัพย์สินทางปัญญา​ว่าจะต้องขอความร่วมมือและกำหนดมาตรการให้ผู้เกี่ยวข้องยึดแนวทางปฏิบัติโดยผู้รับมอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจช่วงต้องดำเนินการตามกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายและคำนึงถึงความเป็นธรรม รวมทั้งขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะการตรวจสอบหนังสือมอบอำนาจของเจ้าของลิขสิทธิ์ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ โดยอาศัยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ผลิตหรือผู้ค้า โดยเฉพาะ​รายที่เป็นเด็กหรือเยาวชน

อย่างไรก็ตาม​ นายวีร​ศักดิ์​ย้ำว่า ไม่อยากให้เด็กและเยาวชนหลายรายในหลายจังหวัด​ที่ถูกดำเนินคดีในลักษณะ​เดียวกันนี้หมดกำลังใจที่จะช่วยเหลือครอบครัว​หารายได้พิเศษ อีกทั้งผู้ใหญ่​อย่างเราๆก็มีหน้าที่ที่จะต้องช่วยกันสนับสนุนให้เด็กๆคิดประดิษฐ์กระทงการ์ตูนหรือผลงานสินค้าอื่นๆ ให้สามารถสร้างสรรค์​รูปแบบหรือลวดลายการ์ตูน​ใหม่ๆได้อย่างเต็มที่

“วราวุธ”ยัน 1 ม.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป! ตักบาตรพระต้องไม่มีถุงพลาสติก

People Unity News : “วราวุธ”ทอล์คโชว์แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ยัน 1 ม.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป ตักบาตรพระสงฆ์ทุกๆเช้าต้องไม่มีถุงพลาสติก

วันที่ 9 พ.ย.2562 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงการจัดเสวนา TALK TO TOP GO GREEN TOGETHER Vo 1.1 กับท็อป ที่ Bitterman Restaurant ศาลาแดง ซอย 1 กทม. ว่า เวทีดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมจากประชาชนกลุ่มคนรุ่นใหม่ องค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ว่า ตนต้องการพูดคุยและรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มคนรักษ์สิ่งแวดล้อมในบรรยากาศแบบเป็นกันเอง เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดและตรงกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในประเด็นพื้นที่สีเขียวกับคุณภาพชีวิตคนเมือง ขยะพลาสติกกับชีวิตประจำวัน สถานการณ์ป่าไม้ไทยและแนวโน้มจัดการภาวะโลกร้อน ทั้งนี้หากรูปแบบการเสวนาได้รับผลตอบรับที่ดีจะขยายไปยังพื้นที่ชุมชนในจังหวัดต่างๆด้วย

นายวราวุธ กล่าวอีกว่า สำหรับการรณรงค์หยุดใช้หยุดแจกถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ได้รับความร่วมมือจากร้านสะดวกซื้อ 47 บริษัท อาทิ ซีพีออล. บิ๊กซี โลตัส แมคโคร หยุดแจกถุงพลาสติก ซึ่งขณะนี้เริ่มประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนก่อนเริ่มหยุดแจกถุงพลาสติกในเดือนม.ค.63 และก้าวไปสู่การห้ามใช้ถุงพลาสติกเด็ดขาดในเดือน ม.ค.64 ทั้งนี้ขอชี้แจงว่าประเทศไทยไม่ได้ต่อต้านหรือเลิกใช้พลาสติก แต่ยกเลิกใช้ถุงพลาสติกประเภทถุงก๊อบแก๊บในชีวิตประจำวันเพื่อลดปริมาณขยะพลาสติก ในส่วนของประชาชนต้องสร้างวัฒนธรรมในการพกถุงผ้า หรือถุงพลาสติกไนลอนออกจากบ้าน

“ทุกวันนี้ผมมีส่วนร่วมในการรณรงค์ดูแลสิ่งแวดล้อมและปฏิบัติตัวให้เป็นตัวอย่างในการลดภาวะก๊าซเรือนกระจก ในการเดินทางไปร่วมประชุมต่างๆในกรุงเทพฯจะใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งยอมรับว่าเป็นการสร้างภาพ เพราะคนระดับรัฐมนตรีต้องสร้างภาพและทำให้ประชาชนเห็นเป็นตัวอย่าง ปัจจุบันเราถูกถามถึงปัญหาฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 พูดกันมากเพราะก่อนหน้านี้ไม่มีเครื่องวัด เราค่อยๆหายใจเข้าไปนานแล้ว แต่เพิ่งมีเครื่องวัด ปัญหาเกิดจากเครื่องยนต์ กรมควบคุมมลพิษก็สั่งให้หยุดใช้รถยนต์ไม่ได้ ทำได้เพียงสร้างจิตสำนึกให้รับรู้ว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมหนักข้ออย่างไร นโยบายดีอย่างไรหากประชาชนไม่ให้ความร่วมมือก็ไปไม่ได้ ตบมือข้างเดียวไม่ดัง เปรียบเทียบกับการปลูกป่า 1 คนปลูก 100 คนตัด ไปไม่รอดแน่” นายวราวุธกล่าวและว่า

ส่วนของปัญหาขยะนั้นสาหัสขึ้นทุกวัน 80%ของขยะในทะเลมาจากบนบก โดยเฉพาะขยะพลาสติก ที่ผ่านมาตนจึงร่วมรณรงค์ว่า นับจากวันที่ 1 ม.ค.นี้ ทุกคนต้องพกถุงผ้า แม้กระทั่งการจับจ่ายซื้อของในตลาดสดก็ควรย้อนกลับไปใช้ใบตองและเชือกกล้วย แม้แต่การตักบาตรพระสงฆ์ทุกๆเช้า ซึ่งใช้ปริมาณขยะจำนวนมาก สำหรับประเพณีลอยกระทงขอขมาแม่น้ำลำคลองในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ตนรณรงค์ให้ลอยกระทงครอบครัวละ 1 กระทง รวมกันหลายๆคนลอยกระทงใบเดียวกัน แม้จะใช้กระทงที่ประดิษฐ์จากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแต่ถ้า 67 ล้านคนลอยกระทงทั้งหมด เช้าวันรุ่งขึ้นหลังลอยกระทงจะเป็นทุกข์ของคนเก็บขยะ

ในช่วงของการตอบข้อซักถามนายวราวุธชี้แจงถึงนโยบายป่าเศรษฐกิจว่า มาจากแนวคิดที่ว่าป่าไม้จะยั่งยืนต้องอนุญาตให้คนตัด เช่น ไม้พะยุงรัฐบาลปลดล็อกให้ตัดขายได้ เพื่อให้เกษตรกรร่วมกันปลูกและรักษาพืชเศรษฐกิจ ได้ประโยชน์ทั้งการขยายพื้นที่ป่าและสร้างรายได้ที่ดีกว่าเอาเงินไปฝากธนาคาร รวมถึงการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ว่างเปล่าใต้ทางด่วน ใต้รางรถไฟฟ้า เกาะกลางถนน หรือตอม่อสีเขียว เพื่อช่วยดูดซับฝุ่นควัน โดยจะเร่งหารือกับกรุงเทพมหานคร เพื่อริเริ่มโครงการ และเปิดให้ภาคเอกชนร่วมมือดูแลตอม่อสีเขียวเพื่อสานต่อพื้นที่สีเขียวให้ยั่งยืนไม่ต้องพึ่งพิงงบประมาณของรัฐ

สำหรับบรรยากาศในการพูดคุยจัดขึ้นในรูปแบบของการทอล์คโชว์อย่างเป็นกันเองภายในร้านกาแฟ หลังจบการเสวนายังได้แจกกล้าไม้ให้ผู้ร่วมงานนำกลับไปปลูกเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่า นอกจากนี้นายวราวุธยังเปิดกว้างให้ผู้ร่วมงานซักถามในประเด็นปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ข้อพิพาทเรื่องที่ดินทำกินทับเขตอุทยาน การจัดหาพื้นที่ป่าชุมชน ป่าเศรษฐกิจ การปลดล็อกอนุญาตให้ตัดไม้มีค่า และปัญหาภัยแล้งในปี 63 ซึ่งนายวราวุธยอมรับว่ากระทรวงทรัพย์ถูกตัดลดงบประมาณเจาะน้ำบาดาล ประเทศไทยไม่มีแผนที่น้ำบาดาล โดยกระทรวงเสนอของบประมาณสำรวจและจัดทำแผนที่น้ำบาดาลแล้ว

อดีตเลขาฯสมช.แนะออกประกาศความมั่นคงพื้นที่แดนใต้ต้องแคบที่สุด

People Unity News :  พล.ท.ภราดรระบุการออกประกาศความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนใต้ ต้องจำกัดให้แคบที่สุด สื่อสารกับประชาชน ที่รับผลกระทบล่วงหน้า ป้องกันเหตุเข้าใจผิด กระทบความเชื่อมั่น

วันที่ 9 พ.ย.2562 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวถึงกรณี การออกประกาศ ข้อกำหนดแห่งพระราชบัญญัติ การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งสาระสำคัญให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการระงับ ปราบปราม ยับยั้งการกระทำต่างๆรวมถึงการห้ามบุคคลออกนอกพื้นที่ อาคารสถานที่ ที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่า

คำสั่งดังกล่าว ถือเป็นเครื่องมือที่ให้เจ้าหน้าที่ ใช้ปฏิบัติการในพื้นที่ แต่ยังไม่ลงรายละเอียด ซึ่งในการปฏิบัติงานจะต้องมีประกาศออกมาอีกครั้ง ซึ่งประกาศดังกล่าวจะเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์

พลโทภราดร เห็นว่าการใช้อำนาจดังกล่าวเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องตระหนัก ว่าพี่น้องประชาชนจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในแง่ของสิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ไม่เช่นนั้นในภาพรวม อาจกลายเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศนี้ กำลังเกิดปัญหาเรื่องความมั่นคงหรือไม่ และจะมีผลต่อความเชื่อมั่น ทั้งด้านสังคม ต่างประเทศ หรือการท่องเที่ยว อาจทำให้พี่น้องประชาชนตื่นตระหนก และจะต้อง ตระหนักว่าการออกประกาศ จะต้องทำให้พื้นที่แคบที่สุด พร้อมทำความเข้าใจล่วงหน้า กับพี่น้องประชาชน ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมทั้งประเทศ และออกไปยังต่างประเทศ

พลโทภราดรย้ำว่า รัฐจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่งและจะต้องสื่อสารล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในแง่ของความจำเป็น

ส่วนกรณีที่เกิดเหตุความไม่สงบจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากนั้น พลโทภราดรเห็นว่า แนวทางที่จะระงับยับยั้งความรุนแรงในพื้นที่ จะต้องใช้วิธีการ เชิงสันติวิธี และกลไกที่ดีที่สุดคือการพูดคุยสันติภาพ ซึ่งจะต้องเร่งดำเนินการโดยเร็วเพื่อให้ ความไม่สงบในพื้นที่เบาบางลง

“หญิงหน่อย”แนะแนว! “การนำหลักพุทธธรรม มาใช้กับอาชีพนักการเมือง”

People Unity News : “หญิงหน่อย”เข้าวัดบรรยายนิสิตป.เอก “มจร” แนะแนว”การนำหลักพุทธธรรม มาใช้กับอาชีพนักการเมือง” ขอทุกพรรคการเมืองจริงใจ ทำกติกาให้เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ หวังเห็นการแก้ รธน.เป็นวาระแห่งชาติ ส่วนประธาน กมธ.ควรแสดงวิสัยทัศน์ ให้สัญญาประชาคม จะแก้รธน.โดยไม่มีวาระแอบแฝง

วันที่ 9 พ.ย.2562 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรพิเศษ บรรยายแก่นิสิตดุษฎีบัณฑิต คณะบัญฑิตวิทยาลัย สาขาพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ในหัวข้อ “การนำหลักพุทธธรรม มาใช้กับอาชีพนักการเมือง” ทั้งนี้ดร.คุณหญิงสุดารัตน์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาพระพุทธศาสนา มจร ด้วยดุษฎีนิพนธ์ภายใต้หัวข้อ “พุทธวิธีเชิงบูรณาการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งการเมืองไทยในปัจจุบัน”

หลังการบรรยาย ดรคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะประเด็นที่ สังคมให้ความสนใจในเวลานี้ว่าบุคคลใด จะมาทำหน้าที่เป็นประธานกรรมาธิการฯ โดยระบุไว้รวม 6 ประเด็น

1.รัฐธรรมนูญฉบับนี้ สร้างปัญหาและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศอย่างยิ่ง แม้แต่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้สั่งให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นมา เพื่อสืบทอดอำนาจ ก็ไม่สามารถปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญของตนเองได้ และนับแต่เป็นรัฐบาลคสช.ต้องออก ม.44 ยกเว้นการใช้บังคับรัฐธรรมนูญหลายครั้ง จนถึงเป็นรัฐบาลปัจจุบัน ก็ยังทำตามรัฐธรรมนูญของตัวเองไม่ได้

2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ทำโดยวิธีง่ายๆ คือการแก้ ม.256 เพียงมาตราเดียว เพื่อปลดล็อกให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ โดยจัดให้มีการเลือกตั้ง สสร. ที่มาจากสาขาอาชีพ จากทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นตัวแทนของประชาชน ในการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้

3. ถ้าทุกพรรคการเมืองจริงใจ ต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศ ตั้งใจทำกฎกติกาของประเทศ ให้เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อประชาชนส่วนใหญ่ มิใช่ทำเพื่อคนบางกลุ่มอย่างในปัจจุบัน ก็สามารถใช้วาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น “วาระแห่งชาติ” ที่ทุกคน ทุกพรรค รวมทั้งภาคประชาชน ภาคเอกชน คณาจารย์ผู้รอบรู้ทั้งหลาย มาร่วมมือกันหาทางออกจากปัญหาความขัดแย้งของประเทศ สร้างความสมานฉันท์ ให้เกิดขึ้นกับประเทศไทยได้ “รัฐธรรมนูญเพื่อความก้าวหน้าของประเทศ” สร้างกลไกการแก้ไขปัญหาประเทศที่มีประสิทธิภาพ ในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ และพัฒนาประเทศให้ทันโลกได้

4.รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่สร้างความมั่นคงและอนาคตให้คนไทย กระจายโอกาสกระจายรายได้ ให้ประชาชนอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ลดการใช้อำนาจและทุนผูกขาดประเทศ จนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำที่สูงมากอย่างในปัจจุบัน

5. สำหรับตำแหน่งประธานกรรมาธิการ ทุกคนมีสิทธิ์เสนอตัวมามาทำหน้าที่ แต่ผู้เสนอตัวมาทำหน้าที่ประธาน ควรแสดงวิสัยทัศน์ และให้ “สัญญาประชาคม” กับประชาชน ว่าจะมาทำหน้าที่ แก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง จริงใจ ด้วยวิธีการและขั้นตอนอย่างไร ให้ได้มาซึ่งการแก้ มาตรา 256 จนถึงการจัดเลือกตั้งสสร. จากประชาชนได้

6. การทำหน้าที่ประธาน จะต้องไม่มีวาระแอบแฝง ไม่เป็นประธานเพื่อมาป่วนและขัดขวางการแก้ไข “รัฐธรรมนูญ เพื่อ ความก้าวหน้าของประเทศ” ในครั้งนี้

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนช่วยกันจับตาดูพฤติกรรมของแต่ละพรรคการเมือง ในการตั้งกรรมาธิการฯเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ดีเพื่อส่งเสียงเรียกร้องความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ให้สำเร็จ

นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยังย้ำถึง ท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะสื่อสารถึงวัตถุประสงค์ที่ต้องมีการแก้ไข โดยมีเจตนารมณ์ ให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ในสองเรื่องใหญ่ ประกอบด้วยปัญหาความไม่ปรองดอง จากโครงสร้างที่เขียนในรัฐธรรมนูญ และไม่ยึดโยงกับประชาชนแต่ไปยึดโยงกับกลุ่มอำนาจ ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และเป็นไปเพื่อให้คนกลุ่มเล็ก สามารถใช้อำนาจได้อย่างเต็มที่ ขณะที่คนกลุ่มใหญ่ของประเทศกับไม่มีสิทธิ์มีเสียง ซึ่งนำไปสู่ปัญหา เศรษฐกิจ เพราะเมื่อมีการผูกขาดอำนาจ นโยบายต่างๆจึงเอื้อแค่กลุ่มทุนใหญ่ สิทธิของประชาชน คนตัวเล็ก ที่จะเกิดโอกาสในการทำมาหากิน จึงถูกปิดกั้น การกระจายอำนาจลดน้อยลง ซึ่งการรวมศูนย์อำนาจในลักษณะเช่นนี้เป็นเสมือนการรวมศูนย์ทุน จึงทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำอย่างที่เห็น

Verified by ExactMetrics