People Unity News : ฝ่ายรัฐบาลแพ้สภาฯป่วนจนล่ม! โหวตตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบม.44 “ชวน”ขอให้สมาชิกรักษามารยาทไม่ใช่โรงเหล้าเถื่อน

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยได้ดำเนินการขอมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีผู้เข้าประชุม 467 คน ลงคะแนนเห็นด้วย 234 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดลงคะแนน 2 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง

ทั้งนี้ ส่งผลให้เกิดการประท้วงจาก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และเสนอให้มีการนับคะแนนใหม่ด้วยการขานชื่อ ส่งผลให้ฝ่ายค้านลุกขึ้นประท้วง และกล่าวหาว่าประธานฯ ไม่เป็นกลาง ซึ่งนายชวน ยืนยันว่าตนมีความเป็นกลางในการทำหน้าที่ แต่การที่มีสมาชิกเสนอนับคะแนนใหม่เป็นสิทธิของสมาชิกตามข้อบังคับ โดยตนจะยึดถือข้อบังคับ ข้อ 85 ไม่มีทางเลี่ยงเป็นอย่างอื่น ไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้

“ผมมาจากพรรคเสียงข้างน้อย ถ้าไม่เป็นกลางก็อยู่ไม่ได้ ผมจำเป็นต้องยึดถือข้อบังคับ ไม่มีทางเลี่ยงเป็นอย่างอื่น” นายชวน กล่าว พร้อมระบุว่า ขอรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยได้ตั้งตัวแทนจากพรรคการเมืองเป็นกรรมการนับคะแนน เพื่อลงคะแนนใหม่ แต่ปรากฎว่าฝ่ายค้านไม่ส่งตัวแทนเป็นกรรมการนับคะแนน พร้อมมีเสียงโห่ร้องแสดงความไม่พอใจการทำหน้าที่ของนายชวน

“ขอให้สมาชิกรักษามารยาทด้วย ที่ประชุมสภาฯ ไม่ใช่โรงเหล้าเถื่อน” นายชวน กล่าว

ขณะที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่านค้าน ได้เสนอให้พักการประชุม นายชวน จึงได้สั่งพักการประชุม 15 นาที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเริ่มประชุมนายชวนได้สั่งให้มีการนับคะแนนใหม่ สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายค้านแล้วพากันเดินออกจากห้องประชุม จนทำให้องค์ประชุมไม่ครบ ทั้งนี้สมาชิก ส.ส.มีทั้งหมด 499 คน ซึ่งเมื่อนับองค์ประชุมต้องให้กึ่งหนึ่งคือ 250 คน ถึงจะดำเนินการประชุมต่อได้ แต่ปรากฎว่าเมื่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภานับองค์ประชุมปรากฎว่ามีเพียงแค่ 92 คน จึงสั่งปิดการประชุม และให้มาประชุมเพื่อลงมติใหม่อีกรอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเสียงข้างมาก 236 เสียง เห็นด้วยกับการตั้งกมธ.ฯ เป็นเสียงของพรรคฝ่ายค้าน และมีส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ และนายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ลงมติเห็นด้วย เนื่องจากเป็นผู้เสนอญัตติ

ขณะที่เสียงข้างน้อยที่ไม่ให้ตั้งมี 231 เสียง โดยเป็นเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล และมีผู้งดออกเสียง จำนวน 2 เสียง คือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ และนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง

“ช่อ”จวกรบ.ขอนับคะแนนใหม่

น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายรัฐบาลขอให้มีการนับคะแนนใหม่การโหวตตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ว่า เป็นที่แน่ชัดและมีการถ่ายทอดสดการประชุมไปยังประชาชนทั่วประเทศในการลงมติฝ่ายที่เห็นด้วยในการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจาก ม.44 ด้วยคะแนน 234 ต่อ 230 คะแนน แต่กลับมีการขอโดยทางประธานวิปรัฐบาลให้มีการนับคะแนนใหม่ ซึ่งตามข้อบังคับการประชุมสภาสามารถนับคะแนนใหม่ได้จริง ถ้าหากคะแนนห่างกันไม่เกิน 25 คะแนน แต่ว่าการนับคะแนนใหม่ กับการรวมคะแนนใหม่นั้นไม่เหมือนกัน

“ไม่ต้องทราบเรื่องระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาใดๆ เลยก็ได้แต่ขอให้ประชาชนใช้สามัญสำนึกพิจารณาดูว่าถ้าหากการโหวตของสภา ฝ่ายที่แพ้โหวตมาขอให้นับคะแนนใหม่แบบนี้ เราจะมีสภาไว้ทำไม เสียงข้างมากเมื่อชนะแล้วจำเป็นต้องดำเนินต่อไป ที่สำคัญการตั้ง กมธ.ชุดนี้ไม่ได้เป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายอย่างการอภิปรายไม่วางไว้วางใจ การตั้ง กมธ.เราคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน จะอยู่ฝักฝ่ายการเมืองใดก็ย่อมสมควรที่จะเห็นด้วยและนำเสนอความเห็นของตัวเองในชั้น กมธ. ตนจึงไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่ทางประธานวิปรัฐบาลต้องมาขอให้มีการนับคะแนนใหม่ และทำให้เกิดความวุ่นวาย” น.ส.ปารีณา กล่าว

น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ทั้งนี้ทางเรายืนยันว่าหากมีการให้นับคะแนนใหม่จริงๆ จากนี้สภาจะมีสภาพเป็นอย่างไรถ้าฝ่ายหนึ่งแพ้หรือฝ่ายหนึ่งขอให้นับใหม่ไปเรื่อยๆ แบบนี้ สภาอันเป็นตัวแทนของประชาชนเป็นตัวแทนของระบอบประชาธิปไตยจริงหรือไม่ และหากผลโหวตออกมาไม่เหมือนเดิม ประชาชนก็คงต้องเป็นผู้ตัดสินว่าเมื่อฝ่ายที่เห็นด้วยกับฝ่ายที่ต้องการตั้ง กมธ.ชนะไปแล้ว กลับมีการประท้วงจากฝ่ายรัฐบาลขอให้ลงคะแนนใหม่อีกครั้ง และกลับกลายเป็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ตั้งหมายความว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ต้องการให้เกิดการเยียวยาชดเชยกับผู้ได้รับผลกระทบจาก คสช.หรือไม่ ไม่ต้องการให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้ถูกพรากสิทธิเสรีภาพจากประชาชนในยุค คสช.หรือไม่