วันที่ 7 พฤษภาคม 2024

โฆษก ทบ. โต้ “วีระ” มั่วบ่อนกาสิโนอยู่ฝั่งไทย

People unity news online : พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. ชี้แจงกรณี นายวีระ สมความคิด ได้โพสต์เฟซบุ๊ก นำเสนอข้อมูลว่า การที่ตนถูกออกหมายจับ ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะเชื่อว่าถูกปิดปาก ไม่ให้มาเปิดโปงเรื่องการเปิดบ่อนกาสิโนบนพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา บริเวณ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ รวมถึงกล่าวถึงว่ารัฐบาลไทย โดย พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ยินยอมให้กัมพูชาเข้ามาก่อสร้างบ่อนกาสิโนบนพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนนี้  จึงอาจเข้าข่ายมีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157

ต่อประเด็นดังกล่าวขอเรียนชี้แจงว่า กรณีการออกหมายจับนายวีระ เป็นผลของพฤติกรรมส่วนบุคคลที่ไปเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามระบบของการรักษากฎหมายบ้านเมืองปกติทั่วไป คงไม่ใช่เพื่อต้องการจะปิดปากของนายวีระแต่อย่างใด เชื่อว่าความคิดดังกล่าวเป็นเพียงมุมความคิดเฉพาะตัวนายวีระ ที่มักจะทำให้สถานการณ์ต่างๆดูออกไปในแนวทางที่เป็นลบสำหรับที่มีอ้างถึงเกี่ยวกับบ่อนกาสิโนในประเทศกัมพูชานั้น จากหลักฐานก็พบว่าไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตฝั่งประเทศไทย เมื่ออ้างอิงจากแนวที่ทั้งสองประเทศยึดถือ เชื่อว่าอาจเป็นลักษณะที่คาดเดาไปเอง เพราะนายวีระไม่ได้เอกสารหรือหลักฐานที่เป็นของทางการ รวมถึงไม่เคยได้รับข้อมูลว่ามีนายทหารคนใดไปยุ่งเกี่ยวกับการลงทุนกาสิโนของประเทศกัมพูชา การให้ข้อมูลใดๆ อยากให้ใช้ความระมัดระวัง เพราะการมีข้อมูลไม่สมบูรณ์แล้วไปนำเสนอ อาจทำให้สังคมสับสนได้

ภาพ : มติชน

People unity news online : post 21 มีนาคม 2560 เวลา 22.03 น.

“บิ๊กตู่”ยิ้ม! โพลให้คะแนนรัฐบาลทำงานหนักมือสะอาด

People Unity News : “บิ๊กตู่”ยิ้ม! โพลให้คะแนนรัฐบาลทำงานหนักมือสะอาด ยันเดินหน้าทำงานเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนต่อไป “ซูเปอร์โพล”เปิดเสียงปชช.โลกดั้งเดิม-โซเชียลพบช่องทางก้าวข้าม”ทักษิณ”

เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 ที่อากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะออกเดินทางไปยังฐานทัพอากาศกิมแฮ (Gimhae Air Base) นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ (ASEAN – Republic of Korea Commemorative Summit) ครั้งที่ 3 และการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง – สาธารณรัฐเกาหลี (Mekong-Republic of Korea Summit) ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 24 – 27 พฤศจิกายน 2562

ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึง โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพียงแต่ยิ้มและพยักหน้า เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำรวจซูเปอร์โพลในหัวข้อเรื่อง “ภาพลักษณ์ ครม.ในใจประชาชน” ที่ระบุว่ารัฐบาลมีภาพลักษณ์ทำงานหนัก กล้าคิด กล้าทำ, คณะรัฐมนตรี (ครม.) มือสะอาด ไม่ด่างพร้อย และครม. มีบารมีคุมผู้มีอิทธิพลได้

อย่างไรก็ตาม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า “นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณ ถือเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยรัฐบาลจะทำงานเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมถึงประชาชนต่อไป”

“ซูเปอร์โพล”เปิดเสียงปชช.โลกดั้งเดิม-โซเชียลพบช่องทางก้าวข้าม”ทักษิณ”

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ทำอย่างไรเราจึงก้าวข้ามทักษิณได้” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 1,850 ตัวอย่าง และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” (Traditional Voice) จำนวน 1,189 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15-23 พฤศจิกายน 2562

เมื่อถามถึง นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อธุรกิจของครอบครัวตัวเอง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 46.0 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองลงมาคือ ร้อยละ 29.9 ระบุ อดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร , ร้อยละ 13.9 ระบุ นายชวน หลีกภัย , ร้อยละ 5.2 ระบุ นายบรรหาร ศิลปอาชา และร้อยละ 5.0 ระบุคนอื่น ๆ เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และ นายควง อภัยวงศ์ เป็นต้น

ที่น่าสนใจคือ ผลเปรียบเทียบภาพลักษณ์ที่ประชาชนจำได้ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ อดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร พบหลายประเด็นที่น่าพิจารณา คือ ด้านความเรียบง่าย เป็นกันเอง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 60.3 ในขณะที่ ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 52.8 , ด้านการเปิดงาน พิธีต่าง ๆ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 77.2 ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 50.8 , ด้านยิ้มเก่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 38.0 ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 47.4 , ด้านมีคนรัก ขอถ่ายรูปด้วย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 28.9 ดร.ทักษิณฯ ได้ร้อยละ 36.9 , ด้านลงพื้นที่ช่วยคนเดือดร้อน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 36.7 ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 55.2

นอกจากนี้ ด้านมีผลงานยั่งยืน ผลสำรวจพบว่า สูสีกันมาก โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 50.5 ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 48.1 , ด้านคดีความต่าง ๆ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 21.2 ในขณะที่ ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 40.9

ผศ.ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ผ่านระบบ Net Super Poll พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเข้าถึงคนทั้งหมดประมาณ 27,477,598 คน หรือยี่สิบเจ็ดล้านคนเศษ ซึ่งมากกว่าจำนวนคนที่ ดร.ทักษิณ กำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียลจำนวน 7,843,158 คน หรือ เจ็ดล้านกว่าคน

อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณาคือ คนในโลกโซเชียลจากหลากหลายประเทศกำลังให้ความสำคัญกับบุคคลทั้งสอง แต่ยังคงพบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีจำนวนคนจากประเทศต่างๆ ที่กำลังเกาะติด พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่า ดร.ทักษิณ แต่มีคำพูดที่แสดงถึงภาพลักษณ์ของบุคคลทั้งสองแตกต่างกัน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีคนพูดถึงตำแหน่ง อำนาจบริหาร เอาเรื่องเอาราว ลงโทษเอาผิดคนอื่น เปิดงาน ร่วมพิธีการต่างๆมากกว่า แต่ถ้าเป็นคำพูดที่พูดแล้วดูดี มีผลทางจิตใจให้เกิดความรัก ความศรัทธาของคนในโลกโซเชียลเพราะช่วยเหลือคน จะพบว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณฯ จะถูกพูดถึงมากกว่า

“ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นช่องทางอะไรบางอย่างว่ามีความเป็นไปได้ที่จะก้าวผ่านอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตรไปได้อย่างดีถ้าทุกฝ่ายช่วยกันบริหารจัดการอารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชน โดยข้อมูลชี้ให้เห็นชัดเจนแล้วว่าภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่กับเรื่องของตำแหน่ง อำนาจ การเปิดงานและพิธีการต่างๆ ที่เรื่องเหล่านี้ต้องทำให้เป็นช่องทางเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริงมากกว่าเป็นเพียงพิธีกรรมที่ “วันเปิดคือวันปิด” และประชาชนจะไม่ได้อะไร ควรเกาะติดการพูดคุยของคนในโลกโซเชียลให้เป็นระบบเพื่องานความมั่นคงเพราะอาจเป็นหัวเชื้อจุดไฟลามไปถึงคนนอกโลกโซเชียลคล้ายๆกับทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ กับ คนต่างจังหวัด แต่จะเป็นคนในโลกโซเชียลกับคนในโลกดั้งเดิม จึงต้องป้องกันปัญหาดีกว่าตามแก้ปัญหา จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกันทั้งประเทศ” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว

“อนุทิน” จัดให้ผู้ปกครอง-นักเรียน!! ปี 67 สมัครแอดมิชชั่น 1-10 อันดับฟรี

People Unity News : 13 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงอุดมศึกษาฯ – “อนุทิน” ประกาศสมัคร TCAS 67 รอบแอดมิชชั่น 1-10 อันดับฟรี หวังช่วยลดค่าใช้จ่ายให้นักศึกษา หนุน “ศุภมาศ” ดัน อว. สู่กระทรวงเศรษฐกิจ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยมี น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการฯ พร้อมผู้บริหารให้การต้อนรับ โดยนายอนุทิน ได้ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) จากนั้นขึ้นรถตุ๊กตุ๊ก ไฟฟ้า EV (MuvMi) ที่ผลิตโดยคนไทยเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และลดการใช้พลังงานน้ำมันที่กระทรวง อว.ให้การสนับสนุนภาคเอกชนเพื่อมาชมนิทรรศการการจัดแสดงผลงานเด่นของหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวง อว. ก่อนมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวง

นายอนุทิน กล่าวว่า เน้นย้ำให้กระทรวง อว. ให้ความสำคัญการตอบโจทย์ ความต้องการของประเทศ และของโลก ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน  ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โดยดําเนินการภายใต้หลักการ “เอกชนนํา รัฐสนับสนุน” ซึ่งวาระสำคัญเร่งด่วนที่กระทรวง อว. ต้องดำเนินการทันที คือ การลดความเหลื่อมล้ำ กระจายโอกาสการเข้าถึงการศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยให้กระทรวง อว.และที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ให้กับผู้ปกครองและนักเรียน ในการสมัครคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยผ่านระบบการรับสมัครสอบกลาง ประจําปี 2567 หรือ “TCAS 67” ในรอบแอดมิชชั่น ซึ่งเป็นรอบที่มีนักเรียนจํานวนมากที่สุดกว่า 125,000 คนต่อปี เข้ามาสมัคร

“ผมขอประกาศข่าวดีว่ากระทรวง อว. และ ทปอ. จะนํางบประมาณมาอุดหนุนการสมัครในรอบแอดมิชชั่น โดยจะเริ่มตั้งแต่ “TCAS 67” ในเดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย โดยให้นักเรียน แต่ละคน สามารถสมัครเลือกคณะ 1 – 10 อันดับได้ฟรี เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระได้สูงสุดคนละ 900 บาท ถือเป็นหนึ่งในความพยายามระยะสั้นในการลดค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงการศึกษา ขณะที่รัฐบาลกําลังพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอย่างแข็งแรง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับเยาวชนไทย ได้มีทางเลือกในการศึกษา ในระดับอุดมศึกษามากขึ้น” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวง อว. กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญการสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมวิทยาศาสตร์ สังคมแห่งการเรียนรู้ สังคมแห่งเหตุผล และสังคมแห่งปัญญา ซึ่งกระทรวง อว. มีองค์ความรู้มากมายที่พร้อมจะถ่ายทอดให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพ แต่การถ่ายทอดยังเป็นไปอย่างจำกัด องค์ความรู้เหล่านั้นจึงอยู่ในกระทรวง แต่ไม่ได้รับการนำเสนอ และถ่ายทอดไปถึงประชาชนกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง ดังนั้น กระทรวง อว. ต้องรับเป็นนโยบายให้ความสำคัญกับการเผยแพร่องค์ความรู้ ในรูปแบบ และช่องทางที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในภาพรวม

“เมื่อครั้งที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองในการทำงานของกระทรวงให้เป็นหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจเพราะความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชนคือรากฐานที่สำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวง อว. ก็เช่นกัน ภายใต้การนำของ รมว.ศุภมาส อิศรภักดี กระทรวง อว. จะก้าวสู่ความเป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่จะเป็นเสาหลักทางปัญญา และนำพาโอกาสทางเศรษฐกิจสู่ประชาชนต่อไป” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

ส่งคืนร่าง พ.ร.บ.กัญชา ให้ ปธ.สภา แล้ว ตามร่างเดิม เตรียมบรรจุวาระประชุม

People Unity News : 19 ตุลาคม 65 “ศุภชัย” ยืนยัน กมธ.ทบทวนร่าง พ.ร.บ.กัญชา ส่งประธานสภาฯ ตามร่างเดิม เตรียมบรรจุวาระประชุม  ย้ำทุกข้อกังวล-ข้อแนะนำ บัญญัติป้องกันไว้ในกฎหมายแล้ว

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา-กัญชง เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา-กัญชง หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติให้กรรมาธิการฯ นำกลับมาแก้ไขในประเด็นที่ยังเป็นปัญหาตามข้อเสนอของพรรคการเมืองว่า ขณะนี้กรรมาธิการฯ ทบทวนเสร็จสิ้นแล้ว และเสนอไปยังนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อเตรียมบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม หลังเปิดสมัยประชุมในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งกรรมาธิการฯ ยืนยันเนื้อหาตามร่างเดิม และยังคงมีกรรมาธิการเสียงข้างน้อยสงวนคำแปรญัตติในประเด็นที่เห็นต่างจากกรรมาธิการฯเสียงข้างมากไว้ เพื่อนำไปพิจารณาต่อในสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2 ต่อไป

“กรรมาธิการฯ ทบทวนเนื้อหาในร่างกฎหมาย โดยนำข้อเสนอ ข้อแนะนำของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยมาพิจารณา ซึ่งพบว่าข้อเสนอและข้อแนะนำจากทั้งสองพรรคมีอยู่ในกฎหมายแล้ว ซึ่งมีความครอบคลุมและบางประเด็นที่เสนอมานั้น กรรมาธิการฯ ได้ปรับและยกระดับมาตรการการป้องกันให้ครอบคลุม ตั้งแต่การพิจารณาครั้งแรกแล้ว โดยเฉพาะข้อกังวลที่เยาวชนจะเข้าถึงกัญชาได้โดยง่าย กรรมาธิการฯ ได้นำข้อบัญญัติในพระราชบัญญัติสุรา บุหรี่ และกระท่อมมาพิจารณาปรับใช้ เพื่อบัญญัติไว้ในกฎหมายกัญชาฉบับนี้ด้วย” นายศุภชัย กล่าว

ส่วนข้อกังวลร่างพระราชบัญญัติกัญชาจะขัดต่ออนุสัญญาที่ไทยลงสนามไว้กับต่างประเทศ นายศุภชัย กล่าวว่า เนื้อหาที่กรรมาธิการฯ บัญญัติไว้ในร่างกฎหมายไม่ขัดต่ออนุสัญญาที่ไทยได้ลงนามไว้ เพราะคณะกรรมาธิการควบคุมสารเสพติดนานาชาติหรือ INCB ได้แสดงความเห็นผ่านกระทรวงการต่างประเทศของไทยและกฤษฎีกาที่มาร่วมเป็นกรรมาธิการแล้ว จึงไม่มีปัญหา

Advertisement

“บิ๊กตู่”หวั่นส่งผลเจรจา! ขอสื่ออย่าขยายความถล่มยะลาดับ 15 ราย

People Unity News : “บิ๊กตู่”กำชับเจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวังจุดเสี่ยงชายแดนใต้ย้ำห่วงครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ขอสื่ออย่าขยายความหวั่นส่งผลเจรจา

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จ.ยะลา ว่า ได้รับข้อมูลเบื้องต้นและการรายงานมาตั้งแต่เมื่อคืนที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมาและวันเดียวกันนี้ได้กำชับในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยขอให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนระมัดระวังให้มากที่สุด เพราะบางจุดตรวจอยู่ห่างจากพื้นที่เมืองพอสมควร จึงอาจเป็นจุดอ่อนหรือจุดที่มีความเสี่ยง จึงขอให้เพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ตนเป็นห่วงครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งหมดรวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จึงได้สั่งการให้ทางศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ดูแลเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ย้ำว่าเรามีมาตรการอยู่แล้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่มีจุดอ่อนในการอยู่ร่วมกันหรือการตั้งฐานปฏิบัติการทุกคนก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในเรื่องการแสวงหาความร่วมมือในการแก้ปัญหาไฟใต้นั้น กก็ได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียไปเรียบร้อยแล้วในหลายเรื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียก็ยินดีที่จะร่วมมือกันในหลายๆด้าน ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก นอกจากนี้ที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเปลี่ยนเป้าโจมตีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารมาเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) และตำบลแทนนั้น มองว่าอะไรที่เป็นจุดอ่อนหรือจุดที่มีความเสียงสูง คิดว่าจุดเหล่านั้นก็มีความไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการเพิ่มมาตรการในการป้องกันตนเองได้อย่างไร โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งวันนี้ก็ได้มีการประชุมในส่วนของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)ซึ่งจะมีการประชุมในรายละเอียดว่าจะปรับมาตรการอะไรและอย่างไร รวมถึงการวางกำลังเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสม

“ต้องยอมรับว่าในบางจุด บางพื้นที่ เจ้าหน้าที่มีความเสี่ยงค่อนข้างมากเนื่องจากต้องดูแลประชาชนในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ห่างไกล จุดไหนเป็นจุดอ่อนก็พยายามจะใช้การกดดันในตรงนี้มาเพื่อให้เป็นผลต่อการเจรจาด้วย ซึ่งผมไม่ต้องการให้สื่อไปขยายความในเรื่องเหล่านี้เพราะจะเป็นผลเสียต่อการทำงานของเรา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาไฟใต้จะเริ่มโดยเร็วได้เมื่อไหร่ อีกทั้งเราได้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะในการเจรจาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว อีกทั้งหลังมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะผู้เจรจาก็ได้มีการพูดคุยโดยเดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ประเทศมาเลเซียแล้ว สำหรับรูปแบบในการเจรจาก็ต้องมีการปรับภายในของเรา โดยมีการพูดคุยกันโดยตรงกับผู้ที่มีบทบาทในเรื่องของการใช้ความรุนแรง ซึ่งคาดว่าจะมีการพูดคุยกันในต่างประเทศ

รองโฆษก พปชร.สอน กม.”ช่อ” ปมโอนหุ้นของ บจก.กับ บมจ.

People Unity News : รองโฆษก พปชร.สอน กม.”ช่อ” ปมโอนหุ้นของ บจก.กับ บมจ. หลังยกเคส “มาดามเดียร์” เทียบเคียง “ธนาธร”

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ความแตกต่างกรณีการโอนหุ้นของบริษัทจำกัด (บจก.) กับ บริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บมจ.) จากประสบการณ์ #อดีตนักกฎหมายตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย #อดีตผู้ร่างข้อบังคับตลท. #อาจารย์สอนกฎหมายหลักทรัพย์ ดังนี้ค่ะ การโอนหุ้นของบริษัทจำกัด อยู่ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 1129 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่กรณีการโอนหุ้นของบริษัทมหาชนจำกัดนั้น อยู่ภายใต้บทบัญญัติของ มาตรา 58 ของ พรบ. บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535

ใจความสำคัญว่า “…การโอนหุ้นนั้นจะใช้ยันบริษัทได้เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอให้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว แต่จะใช้ยันบุคคลภายนอกได้เมื่อบริษัทได้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว…”

ซึ่งหมายความว่าการโอนหุ้นของบริษัทมหาชนจะสมบูรณ์เมื่อนายทะเบียนของบริษัทได้จดแจ้งการโอน ซึ่งหากบริษัทมหาชนจำกัดเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือที่เรียกว่า Listed Co. แล้ว ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีปฏิบัติของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนของ Listed Co. คือ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD ประกอบกับการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้นเป็นการซื้อขายผ่านระบบอิเลคทรอนิคส์ แบบไร้ใบหุ้น (Scriptless)

ดังนั้น การบันทึกการซื้อขายจึงเป็นการบันทึกในระบบของ TSD ทันที ภายหลังที่มีการซื้อขายผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการซื้อขายเปลี่ยนมือของหุ้นนั้นจึงมีผลสมบูรณ์ สามารถใช้ยันต่อบุคคลภายนอกได้ทันที

น.ส.ทิพานันท์ ระบุอีกว่า ในประเด็นของการส่งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์นั้น บริษัทมีหน้าที่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นหรือที่เรียกว่า บมจ. 006 อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

เมื่อมีการประชุมสามัญประจำปี หรือที่เรียกว่าการประชุมผู้ถือหุ้น หมายความว่า บริษัทไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น

#ซึ่งสาเหตุที่กฎหมายกำหนดเช่นนี้เพราะเนื่องจาก จำนวนผู้ถือหุ้นของบริษัท Listed Co. นั้นมีจำนวนมากหลายหมื่นหลายแสนคน และมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันในทุกวัน วันละหลายครั้งในตลาดหลักทรัพย์ และเพื่อให้เกิดสภาพคล่องในการซื้อขายนั่นเอง

ซึ่งหากกฎหมายจะกำหนดให้บริษัทต้องยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นให้กระทรวงพาณิชย์ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนมือแล้ว ตลาดหลักทรัพย์คงจะไม่เกิดสภาพคล่อง และไม่เป็นผลดีต่อนักลงทุนเป็นแน่แท้

ดังนั้นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ถูกยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์นั้นจึงเป็นการสรุปรายชื่อผู้ถือหุ้น “ในวันที่บริษัทกำหนด” ว่าจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นนั่นเอง ซึ่งนักลงทุนโดยทั่วไปย่อมทราบดีว่า “มิใช่รายชื่อผู้ถือหุ้นที่อัพเดท” ดังนั้นหากต้องการตรวจสอบความเป็นเจ้าของหุ้นแล้วนั้น “จึงไม่สามารถตรวจสอบจากบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เพียงอย่างเดียวได้”

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของความแตกต่างระหว่างบริษัทจำกัดกับบริษัทมหาชนจำกัดนี้ เป็นเรื่องที่นักลงทุนควรรู้ค่ะ หากเป็นเรื่องเดียวกันก็ใช้มาตรฐานเดียวกันในการพิจารณา แต่หากเป็นคนละเรื่องแล้ว ก็ไม่สามารถนำบทบัญญัติของกฎหมายที่แตกต่างกันมาใช้เทียบเคียงหรือนำมาบังคับใช้กันได้

#ไม่รู้ให้ถาม

ช็อต”จุรินทร์”ไลฟ์สด”ป้อนปู” คนชม 3 แสนภายใน 2 ชั่วโมง

People Unity News ช็อต”จุรินทร์”ไลฟ์สด”ป้อนปู” กลาง “ซุปเปอร์มาเก็ตเหอหม่า”ของอาลีบาบาเมืองเซี่ยงไฮ้ สาวจีนปลื้มโพสต์เว็บเวยป๋อจีนติดทอป25 คนชม 3 แสนใน 2 ชั่วโมง

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เดินทางจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เพื่อต่อเครื่องไปยังสหรัฐอเมริกาในภารกิจต่อไปของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั้นมีรายงานจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซียงไฮ้ว่าภารกิจที่เซียงไฮ้ระหว่างวันที่ 5-6 พย.2562 ของนายจุรินทร์เป็นที่สนใจของประชาชนชาวจีนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบนโซเชียลมีเดียจีน นั่นคือเว็บไซต์ของจีนที่ชื่อว่า เว่ยป๋อ www.weibo.com

โดยได้โพสต์ ข้อความพร้อมภาพของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จากประเทศไทยขณะเข้าเยี่ยมชม “ซุปเปอร์มาเก็ตเหอหม่า” ของอาลีบาบา นำโดยผู้บริหารของร้านซึ่งนำเข้าสินค้าจากไทยปีละ 2,500 ล้านบาท ปรากฎว่ากลายเป็น Topic top 25 ของเว็บไซต์เว่ยป๋อ(weibo) ซึ่งเทียบแล้วเหมือนกับ facebook โดยมียอดคนกดเข้าไปดูภาพนี้ถึง 364,888 คน ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง และยังขยายไปอีก จนติดอันดับ Topic top 25 ของ Weibo ภายในเวลา 2 ชม. โดยข้อความภาษาจีนที่โพส แปลเป็นภาษาไทยคือ

ทั้งนี้เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 หลังจากเสร็จพิธีเปิดงาน China Internatiaonal Import Expo จบลงรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของประเทศไทยได้มาเยี่ยมชม Hema Fresh Mart เพื่อสำรวจการตลาดในประเทศจีน และระหว่างเดินเยี่ยมชม ก็ Live สดให้ประชาชนที่ประเทศไทยได้ดูว่า มีสินค้าไทยอะไรบ้างที่ขายในประเทศจีน และระหว่างที่เดินผ่านโซนอาหาร ได้ทักทายลูกค้าอย่างเป็นกันเอง และทันใดนั้น ก็คีบปูมาป้อนให้ฉัน ทุกคน ! …..จะมีผู้นำประเทศคนไหนที่ทำแบบนี้บ้าง” โดยข้อความนี้เองกลายเป็นไวรัล Topic top 25 ของ weibo โดยมียอดคนกดเข้าไปดู 364,888 คนภายใน 2 ชั่วโมง

“นิพนธ์”ส่ง 517 จนท.ที่ดิน ออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ 85,000 แปลง

People Unity News : “นิพนธ์”ส่ง 517 จนท.ที่ดิน ออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ 85,000 แปลง โวกรมที่ดินยุค 4.0 ยุติข้อขัดแย้งสู่สังคมอุดมสุข

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ที่อาคารรังวัดและทำแผนที่ กรมที่ดิน จังหวัดนนทบุรี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2)เป็นประธานในพิธีส่งตัวเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน จำนวน 517 คน เพื่อออกไปปฏิบัติงานตามโครงการเดินสำรวจสอบเขตที่ดินด้วยระบบโครงข่ายดาวเทียม RTK GNSS Network ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพื่อดำเนินการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินและสอบเขตที่ดิน ตามมาตรา 54 ทวิ และมาตรา 69 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินในพื้นที่ 28 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ , ลำพูน , เชียงราย , ลำปาง , แพร่ , น่าน พิษณุโลก , กำแพงเพชร , สุโขทัย ตาก อุดรธานี , หนองบัวลำภู , หนองคาย , บึงกาฬ ชัยภูมิ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา , นครพนม , มุกดาหาร , กระบี่ , พังงา , ตรัง , สงขลา , นครศรีธรรมราช ปัตตานี , ยะลา และนราธิวาส มีเป้าหมายจำนวน 85,000แปลง เพื่อยกมาตรฐานการรังวัดให้สูงขึ้น

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า กรมที่ดินมีโครงการพัฒนามาตรฐานรูปแปลงที่ดินโดยจัดให้มีโครงการเดินสำรวจสอบเขตที่ดินด้วยระบบโครงข่ายดาวเทียมRTK GNSS Network เพื่อยกมาตรฐานการรังวัดที่สูงขึ้น และได้นำเทคโนโลยีการรังวัดสมัยใหม่มาใช้ในการรังวัดทำแผนที่เพื่อให้รูปแปลงที่ดินมีค่าพิกัดภูมิศาสตร์ที่ถูกต้องแม่นยำสูง สามารถตรวจสอบตำแหน่งของหลักเขต หรือแนวเขตที่ดินในกรณีสูญหายถูกทำลายหรือถูกเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็วมีความละเอียดถูกต้องตามมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อแก้ปัญหาความทับซ้อนของที่ดิน และที่ดินที่ได้มีการรังวัดไว้นานแล้ว ทั้งนี้ การรังวัดด้วยระบบ RTK GNSS Network ถือเป็นการให้บริการสาธารณะในเชิงรุกของกรมที่ดิน และเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการสำรวจและทำแผนที่สามารถเขื่อมโยงกับเทคโนโลยีสาขาต่างๆ เช่น การคมนาคมขนส่ง การสำรวจเพื่อการก่อสร้างการเกษตรอัจฉริยะการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ การโยธาธิการและผังเมืองการตรวจวัดสภาพอากาศ เพื่อส่งผลให้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยที่ดินถือได้ว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานของการดำเนินงานประกอบการทุกๆอย่าง นอกจากนี้การรู้แนวเขตที่ดิน ที่เจ้าของที่ดินครอบครองชัดเจนจะเป็นการลดปัญหากรณีข้อพิพาทต่างๆ อันเกิดจากเรื่องที่ดิน ซึ่งจะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยในเรื่องการดูแลการจัดการกรรมสิทธิ์ในที่ดินและให้สิ่งที่มีคุณค่าแก่สังคมในการยกระดับมาตรฐานการรังวัดสู่สากลเพื่อยุติขัดแย้งเกี่ยวกับที่ดิน สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ที่ดินของประชาชนสู่สังคมอุดมสุข และมีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่ดิน

นายนิพนธ์ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ในการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินซึ่งเป็นตัวแทนของกรมที่ดินปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบและระมัดระวังพื้นที่ป่าไม้ ที่สาธารณประโยชน์ หรือที่ดินของรัฐประเภทอื่น ๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้องห้าม จะต้องตรวจสอบให้ดี อย่าให้มีการออกโฉนดที่ดินในพื้นที่นี้เป็นอันขาด การปฏิบัติงานขอให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ ทำงานด้วยความโปร่งใส อย่าให้มีการเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชน เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของกรมที่ดินเสียหาย ต้องช่วยกันทำให้กรมที่ดินไปสู่บริการดีไม่มีทุจริต ตามภารกิจหลักของกระทรวงมหาดไทยในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข”

“พล.อ.ประยุทธ์” โพสต์โชว์ผลงาน 9 ปี หวังได้รับการต่อยอด

People Unity News : 26 สิงหาคม 2566 นายกฯ “ประยุทธ์” ระบุ 9 ปีของการทำงาน ขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ หวังประเทศกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุตลอดระยะเวลา 9 ปี ของการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย เป็นช่วงเวลาที่มีความหมายมากที่สุดของชีวิต เป็น 9 ปีที่ได้ทำงานเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตนและของเราทุกคน เป็น 9 ปีที่ได้ใช้สติปัญญา ทุ่มเททุกศักยภาพและกำลังความสามารถ สานพลังจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งเชิดชูสถาบันอันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย และเป็น 9 ปีของประเทศไทยที่ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด มีความเจริญก้าวหน้าในหลายด้านทัดเทียมนานาอารยประเทศ และพร้อมยกระดับไปสู่ประเทศชั้นนำของโลก ในอนาคตอันใกล้นี้ ด้วยเหตุผลสำคัญได้แก่

1.เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมี “ยุทธศาสตร์ชาติ” ระยะยาว 20 ปี เพื่อเป็นเข็มทิศนำทางและกรอบแนวคิดในการพัฒนาประเทศในทุกมิติ ให้เกิดความต่อเนื่อง เป็นเป้าหมายให้ทุกภาคส่วนได้ทำงานร่วมกัน ขับเคลื่อนประเทศตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกระดับ

2.มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมครั้งยิ่งใหญ่ ในทุกระบบ ทั้งทางถนน ทางราง ทางทะเล และทางอากาศ รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในอนาคต ยกบทบาทของประเทศจากความโดดเด่นทางภูมิรัฐศาสตร์ ให้เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ ด้านการบิน ด้านการขนส่งสินค้า ด้านการท่องเที่ยว

3.มีความพร้อมเรื่อง “เศรษฐกิจดิจิทัล” และ “เศรษฐกิจแพลตฟอร์ม” โดยมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล และ 5G ที่โดดเด่นในภูมิภาค เป็นที่ดึงดูดการลงทุนบริษัทชั้นนำของโลกหลายราย ซึ่งจะส่งเสริมบทบาทให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้าน 5G – Data center – Cloud services ที่สำคัญในภูมิภาค มีการใช้ประโยชน์ของประชาชนในชีวิตประจำวัน การศึกษาหาความรู้ การประกอบอาชีพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของตนและสร้างรายได้ที่สูงขึ้นของคนทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพ

4.มีการกำหนด 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต รวมทั้งมีเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเขตส่งเสริมเศรษฐกิจเพื่อกิจการพิเศษ ทั้งด้านการแพทย์ ด้านนวัตกรรม ด้านดิจิทัล เป็นต้น ที่เป็นแหล่งบ่มเพาะแรงงานทักษะสูง-แรงงานแห่งอนาคต รวมถึงเกษตรอัจฉริยะ เพื่อตอบสนองตลาดแรงงานในอนาคต และการพัฒนาประเทศในศตวรรษที่ 21

5.สร้างกลไกในการบริการจัดการทรัพยากรที่สำคัญของชาติ (1) “น้ำ” ออกกฎหมายน้ำฉบับแรกของประเทศ มีสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) บูรณาการหน่วยงานน้ำในทุกระดับ (2) “ดิน” ตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และจัดทำแผนที่ One Map เพื่อแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนมาหลายสิบปี รวมทั้งจัดสรรที่ดินทำกินให้กับผู้ยากไร้-เกษตรกร (3) “ป่า” เช่น ออกกฎหมายป่าชุมชน ไม้มีค่า และตลาดคาร์บอนเครดิต เพื่อส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ

6.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น (1) ส่งเสริมสวัสดิการกลุ่มเปราะบางทั้งเด็ก-ผู้สูงอายุ-ผู้พิการ (2) ส่งเสริมบทบาทกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กองทุนยุติธรรม และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อสร้างสังคมที่เท่าเทียม ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (3) การยกระดับศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ด้วยการศึกษา รองรับความท้าทายใหม่ๆ ของโลกในอนาคต

7.ปฏิรูปกฎหมายไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน อำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ และดึงดูดการลงทุนเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ รวมทั้งแก้ไขและบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล สามารถแก้ไขวิกฤตชาติได้ในหลายเรื่อง เช่น ปลดธงแดง ICAO และแก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย IUU สร้างความเชื่อมั่นประเทศไทยในเวทีโลก

8.ประยุกต์เทคโนโลยีที่ทันสมัยในระบบราชการไทย เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนและเอกชน ที่เข้าถึงง่าย – สะดวก – โปร่งใส เช่น (1) บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ช่วยให้การจ่ายเงินช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตรงเป้าหมาย เต็มเม็ดเต็มหน่วย ตรวจสอบได้ (2) UCEP สายด่วน 1669 บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ฟรีทุกสิทธิ์ ทุกโรงพยาบาล

9.สร้างความสัมพันธ์ทั่วโลก ทั้งในรูปแบบทวิภาคี-พหุภาคี และเขตการค้าเสรี (FTA) รวมทั้งรื้อฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย เพื่อขยายความร่วมมือ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และตลาดการค้าระหว่างกัน

ทั้งนี้ การเดินทางของประเทศไทยในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ราบรื่นหรือง่ายดาย ยังคงมีวิกฤตโควิด วิกฤตความขัดแย้งในโลก ที่ส่งผลกระทบด้านราคาพลังงาน ค่าครองชีพ และเงินเฟ้อจนถึงในปัจจุบัน แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทย ช่วยให้เราฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ และฟื้นตัวมาได้ ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ยังคงผันผวน

“ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อนข้าราชการ และทุกภาคส่วน ที่ได้เสียสละและอดทนในทุกสถานการณ์ที่ผ่านมา เพื่อให้ส่วนรวม สังคม และประเทศชาติ กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง ซึ่งผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าประเทศไทยนับจากวันนี้เป็นต้นไป จะไม่ได้เริ่มนับที่ 1 อีกต่อไป หากทุกอย่างที่เราสร้างกันมานั้นได้รับการต่อยอด ก็จะทำให้เราเดินทางเข้าสู่เส้นชัยได้เร็ววันขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

Advertisement

 

“บิ๊กตู่” อวยพรขอให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง ประชาชนมีความสุข เนื่องในวาระปีใหม่ไทย

People Unity News : นายกรัฐมนตรีอวยพรขอให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง ประชาชนไทยมีความสุข เป็นคนดีของสังคม พร้อมเชิญชวนร่วมงาน “สงกรานต์ ริน รด พรม ใส่หน้ากาก ไม่สาดน้ำ Amazing ยิ่งกว่าเดิม” และกิจกรรม “สงกรานต์วิถีใหม่ สืบสานวัฒนธรรมไทย”

วันนี้ (30 มีนาคม 2564) เวลา 08.45 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมประเพณีสงกรานต์ พ.ศ. 2564 “สงกรานต์ ริน รด พรม ใส่หน้ากาก ไม่สาดน้ำ Amazing ยิ่งกว่าเดิม” โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ “สงกรานต์วิถีใหม่ สืบสานวัฒนธรรมไทย” โดยกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ผ้าไทย โดยกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมชมนิทรรศการในครั้งนี้ด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรม “สงกรานต์ ริน รด พรม ใส่หน้ากาก ไม่สาดน้ำ Amazing ยิ่งกว่าเดิม” แด่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ซึ่งเน้นการจัดกิจกรรมในรูปแบบ New Normal ดำเนินการตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข  รณรงค์การท่องเที่ยววิถีใหม่ในกิจกรรมสงกรานต์ประจำปี 2564 ภายใต้แนวคิดปลอดภัย ประเพณี ประหยัด และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางด้านการท่องเที่ยวต่อนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย (Expat) และสร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน 2564  ณ บริเวณพื้นที่ลานกิจกรรม รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิ้งค์ (สถานีมักกะสัน)

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้สรงน้ำพระพุทธมหานาค ปฏิมากร นาคปรก 9 เศียร ซึ่งมีความหมายสิริมงคลหมายถึงการปกป้องดูแลประเทศชาติ พร้อมกล่าวขอพรให้ประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรือง และอวยพรให้ประชาชนคนไทยมีความสุข เป็นคนดีของสังคม ขณะเดียวกันก็อวยพรให้แก่คณะรัฐมนตรีและตัวแทนเด็กเยาวชนที่ได้รดน้ำดำหัว ขอให้ทุกคนช่วยกันแก้ไขปัญหา นายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะดูแลทุกคนให้ดีที่สุด

จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำนายกรัฐมนตรีร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมสืบสานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2564 ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีใหม่ สืบสานวัฒนธรรมไทย” เพื่อรณรงค์การจัดกิจกรรมสงกรานต์ให้สอดคล้องกับแนวทางมาตรการสงกรานต์ 2564 โดย ศบค. ที่ยึดหลัก DMHT เน้นจัดงานสงกรานต์ในพื้นที่โล่งแจ้ง งดการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของคนหมู่มากและสัมผัสใกล้ชิดกัน อาทิ งดการรวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ งดประแป้ง งดการเล่นปาร์ตี้โฟม สนับสนุนการจัดพิธีรดน้ำดำหัวแบบเว้นระยะห่างและสวมหน้ากากอนามัยเสมอ

จากนั้น  นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ผ้าไทย โดยได้ร่วมพูดคุยกับ ผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตผ้าไทย ที่นำผ้าไทยมาจัดจำหน่ายก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แนะนำไว้ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนใช้และสวมใส่ผ้าไทย ให้หลากหลายยิ่งขึ้น  พร้อมเลือกซื้อสินค้าที่นำมาจัดจำหน่ายโดยคณะกรรมการสวัสดิการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อให้กำลังใจกิจกรรมของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีด้วย

Advertising

Verified by ExactMetrics