วันที่ 26 เมษายน 2024

“ประวิตร” ควง “อดุลย์” ส่งมอบบ้านให้ประชาชนโครงการ “ปทุมธานีโมเดล”

People unity news online : พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พร้อมด้วย รมว.พม. ลงพื้นที่ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี ส่งมอบบ้านให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ “ปทุมธานีโมเดล” จำนวน 98 ครัวเรือน เพื่อแก้ปัญหาชุมชนบุกรุกคลองและป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืน

วันนี้ (28 กันยายน 2560) เวลา 10.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. ลงพื้นที่ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อทำพิธีส่งมอบบ้านให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ “ปทุมธานีโมเดล” จำนวน 98 ครัวเรือน เพื่อแก้ปัญหาชุมชนบุกรุกคลองและป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืน โดยมี นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายสมชาติ ภาระสุวรรณ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ โดยมีผู้ร่วมงานประมาณ 300 คน ณ ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาประชาชนปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำลำน้ำสาธารณะในจังหวัดปทุมธานี โดยเฉพาะที่บริเวณคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีชาวบ้านปลูกบ้านเรือนรุกล้ำลำคลองและกีดขวางทางเดินน้ำมานานหลายสิบปี เป็นจำนวน 16 ชุมชน รวม 1,084 ครัวเรือน ทั้งนี้ กระทรวง พม. จึงมอบหมายให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) จัดทำแผนงานรองรับที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากพื้นที่ริมคลอง โดยการจัดหาที่ดินและสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ชุมชนแก้วนิมิต (ชื่อเดิม) หรือชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี เป็นชุมชนแรกที่ชาวชุมชนได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์ ด้วยการออมเงินร่วมกันเป็นรายเดือน เพื่อซื้อที่ดินจำนวน 5 ไร่ โดยชาวชุมชนได้ร่วมกับสถาปนิกชุมชน ร่วมกันออกแบบบ้าน และบริหารโครงการเอง จนขณะนี้ การก่อสร้างบ้านใหม่จำนวน 98 หลังคาเรือน เสร็จสมบูรณ์ ทำให้ชาวชุมชนมีบ้านใหม่ที่มั่นคง สวยงาม และมีสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งที่ดินใหม่แห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากที่เดิมเพียง 5 กิโลเมตร นอกจากนี้ กระทรวง พม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้การสนับสนุนชาวชุมชนพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นในระยะยาวต่อไป

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวง พม. โดย พอช. ได้ดำเนินการสนับสนุนให้ชาวชุมชนรวมกลุ่มกัน เพื่อบริหารจัดการซื้อที่ดินและที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่ง พอช. ได้สนับสนุนงบประมาณการสร้างบ้านใหม่ แบ่งออกเป็น 1) งบพัฒนาระบบสาธารณูปโภค 5 ล้านบาท 2) งบอุดหนุนที่อยู่อาศัย 2.5 ล้านบาท 3) งบบริหารจัดการ 125,000 บาท และ 4) สินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัยรวม 32.4 ล้านบาทเศษ กำหนดระยะผ่อนชำระคืน 15 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อปี เมื่อผ่อนส่งหมด จะเป็นกรรมสิทธิ์ให้ลูกหลานได้อยู่อาศัยต่อไป สำหรับแบบบ้าน มีทั้งสิ้น 3 แบบ คือ 1) บ้านแฝดสองชั้น ขนาด 56 ตารางเมตร 2) บ้านแฝดสองชั้น ขนาด 63 ตารางเมตร และ 3) บ้านแฝดสองชั้น ขนาด 77 ตารางเมตร โดยมีราคาก่อสร้างพร้อมที่ดิน ต่อหลังประมาณ 272,000 – 295,000 บาท กำหนดระยะเวลาผ่อนส่ง 15 ปี ด้วนอัตราผ่อนส่งเดือนละ 2,500-3,000 บาท

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ชาวชุมชนเข้าอยู่อาศัยในชุมชนใหม่แล้ว ทางจังหวัดปทุมธานี จะมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อถอนบ้านเรือนที่ปลูกสร้างอยู่ริมคลอง เพื่อไม่ให้กีดขวางทางระบายน้ำ รวมทั้งขุดลอกคลอง พร้อมกำจัดขยะและผักตบชวา เพื่อให้น้ำสามารถไหลได้สะดวก เป็นการป้องกันน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม ที่ผ่านมา จังหวัดปทุมธานี ได้จัดทำโครงการ “บ้านประชารัฐร่วมใจ เดินหน้าคืนคลองน้ำใสให้แผ่นดิน” โดยได้รื้อบ้านออกจากริมคลองหนึ่งไปแล้วกว่า 100 หลังคาเรือน จากทั้งหมด 13 ชุมชน รวม 922 ครัวเรือน ส่วนที่เหลือจะทยอยดำเนินการต่อไป สำหรับประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนบุกรุกพื้นที่ริมคลองและยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ ทางจังหวัดจะชี้แจงและเชิญชวนให้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้ชาวบ้านได้มีที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคงและถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการสร้างบ้านใหม่ที่ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคีแล้ว กระทรวง พม. โดย พอช. ยังไห้การสนับสนุนการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่บนที่ดินราชพัสดุเนื้อที่ 30 ไร่ บริเวณคลองเชียงรากใหญ่ (ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต) ซึ่งเดิมที่ดินแปลงนี้เป็นพื้นที่สาธารณะที่พลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน หากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 ให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินราชพัสดุ (กรมธนารักษ์ เป็นผู้ดูแล) เพื่อใช้สร้างที่อยู่อาศัยรองรับชาวบ้านที่ต้องรื้อย้ายออกจากพื้นที่ริมคลองหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างก่อสร้างเฟสแรก 1 อาคาร จำนวน 23 ครัวเรือน ในรูปแบบเป็นอาคารสูง 3 ชั้น รวมทั้งหมด 12 อาคาร สามารถรองรับชาวบ้านได้รวม 463 ครัวเรือน

People unity news online : post 28 กันยายน 2560 เวลา 20.30 น.

“ดร.วันดี กุญชรยงคง จุลเจริญ” รับโล่รางวัลศิษย์เก่าเกียรติยศประจำปี 2562

People Unity News : สมาคมศิษย์เก่าสวนสุนันทาฯ มอบโล่รางวัลให้ “ดร.วันดี กุญชรยงคง จุลเจริญ” ศิษย์เก่าเกียรติยศประจำปี 2562 จากสารพัดผลงานที่เป็นที่ประจักษ์แก่สังคม

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2562 สมาคมศิษย์เก่าสวนสุนันทา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดย ดร.ชยภรณ์ ธนาบริบูรณ์ นายกสมาคมฯ ได้จัดพิธิมอบโล่รางวัลให้ศิษย์เก่าเกียรติยศ และศิษย์เก่าดีเด่น ประจำปี 2562 จำนวน 11 คน โดยมี ดร.วันดี กุญชรยงคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ และประธานชมรมแม่บ้านกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยได้เข้ารับรางวัลในฐานะศิษย์เก่าเกียรติยศ ประจำปี 2562 เพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ ส่วนอีก 10 คนได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ประจำปี 2562 ณ สมาคมศิษย์เก่าสวนสุนันทา

ดร.ชยภรณ์ ธนาบริบูรณ์ นายกสมาคมฯ เปิดเผยว่า ในรอบปีที่ผ่านมาทางสมาคมฯได้ทำกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมจำนวนมากโดยได้รับความร่วมมือร่วมใจจากศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันเป็นอย่างดี สำหรับ การจัดพิธิมอบโล่รางวัลให้ศิษย์เก่าเกียรติยศ และศิษย์เก่าดีเด่น ประจำปี 2562 ในครั้งนี้ก็เพื่อเชิดชูศิษย์เก่าที่ทำประโยชน์ให้แก่สังคมจนเป็นที่ประจักษ์ และต้องการให้มีกำลังใจในการทำงานเพื่อสังคมและเพื่อชื่อเสียงของสมาคมฯ ต่อไป

สำหรับ ดร.วันดี กุญชรยงคง จุลเจริญ ถือเป็นบุคคลที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ทางสังคมและสาธารณะประโยชน์ โดยเฉพาะบทบาทในฐานะประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมรมราชินูปถัมภ์ ได้มีผลการดำเนินกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและสนองพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ การส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรสตรีทั่วประเทศ การเชิดชู ส่งเสริม สนับสนุน วันสตรีไทยในทุกปี มีการคัดเลือกสตรีไทยดีเด่น และเยาวสตรีไทยดีเด่น

นอกจากนั้น ยังร่วมมือและประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการดำเนินงานที่เป็นประโยชน์ต่อสตรีและสังคม โดยเฉพาะร่วมมือกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการขับเคลื่อนงานสตรี การจัดกิจกรรมยกระดับความเป็นอยู่ สถานภาพและสมรรถภาพของสตรีไทย เช่น โครงการตามรอยผ้าไทยลมหายใจแม่ของแผ่นดินสัญจร 4 ภาค

สำหรับ บทบาทที่สำคัญอีกประการคือ เป็นประธานคณะกรรมการฝ่ายรณรงค์หาทุนการศึกษามูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดหารายได้พัฒนาเยาวชนโดยให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนผู้ด้อยโอกาสทุกอำเภอ ทุกสังกัดทุกระดับการศึกษาทั่วประเทศปละละประมาณ 3,000 ทุน เป็นเงินปีละประมาณ 10 ล้านบาท ด้วยคุณสมบัติที่แสดงถึงความรู้ ความสามารถและคุณธรรม ตลอดจนประสบความสำเร็จในการประกอบสัมมาอาชีพ และปฎิบัติตนเป็นแบบอย่างแก่เยาวชนของชาติและบุคคลทั่วไป จึงถือเป็นศิษย์เก่าเกียรติยศที่ทำประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติเป็นที่ประจักษ์

“อนุทิน”เดือดลั่น”หยาบช้าป่าเถื่อน” สั่งฟ้องแก็งค์อันธพาลตีกันใน ร.พ.

People Unity News : “อนุทิน”วอนสังคมจัดหนัก “แก็งค์อันธพาลตีกันใน ร.พ.” ชี้ เป็นการกระทำ “หยาบช้าป่าเถื่อน” พร้อมสั่ง สธ.ลุยดำเนินคดี

วันที่ 11 พ.ย.2562 จากกรณีที่ กลุ่มวัยรุ่นยกพวกตีกันถึงหน้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลอ่างทอง เมื่อกลางดึกวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์เฟซบุ๊ค “อนุทิน ชาญวีรกูล” ขอให้ทุกภาคส่วน ช่วยกันป้องกันปัญหาการทะเลาะวิวาทภายในโรงพยายาลอย่างเด็ดขาด พร้อมเปิดเผยว่าจะให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้งหมด นายอนุทิน ระบุว่า

“ช่วยกันจัดให้หนัก
……….
เราควรจะทำอย่างไร ?
กับอันธพาลกระจอก ที่ชอบยกพวกมาก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล

กี่ครั้งแล้ว ที่ห้องฉุกเฉิน และโรงพยาบาล ต้องเสียหาย
แพทย์ เจ้าหน้าที่ ต้องเสี่ยงบาดเจ็บ ทำงานไม่ได้ ทรัพย์สินโรงพยาบาล เครื่องมือแพทย์ เสียหาย ผู้ป่วยคนอื่นๆ เดือดร้อน

ขอแบบเอาให้เข็ดหลาบ ไม่แสดงสันดานหยาบช้าป่าเถื่อนแบบนี้อีก

ในสงคราม ยังเว้นพื้นที่ปลอดภัยให้โรงพยาบาล แพทย์ และ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์

แต่ในหัวใจอันธพาลกระจอกพวกนี้ ไม่มีอะไรเลย รวมทั้งคำสอนของพ่อแม่ แย่จริงๆ

กระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเลวร้าย อีกต่อไป

https://tna.mcot.net/view/5dc8070be3f8e40b313b27b7

#saveโรงพยาบาล
#saveผู้ป่วย”

“อนุทิน” ประกาศปี 66 เป็นปีสุขภาพสูงวัยไทย

People Unity News : 30 ธันวาคม 2565 “อนุทิน” ประกาศปี 66 เป็นปีสุขภาพสูงวัย คิกออฟนโยบายผ่านของขวัญปีใหม่เชิญชวนผู้สูงอายุติดต่อรับ ผ่าน อสม. หรือหน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน คัดกรองสุขภาพ เข้ารับบริการคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาล มอบแว่นสายตา 1 ล้านชิ้น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ 5 ล้านชิ้น ฟันเทียมและรากฟันเทียม 36,000 ราย

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องจากในปี 2566 ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ด้วยจำนวนประชากรผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) จำนวน 12 ล้านคน รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขจึงดำเนินนโยบายเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้ประกาศให้ปี 2566 เป็นปีแห่ง “สุขภาพสูงวัยไทย” และเริ่มขับเคลื่อนโยบายจากการมอบของขวัญปีใหม่ตลอดปีหลายรายการ

รัฐบาลจึงขอเชิญชวนผู้สูงอายุทั่วประเทศเข้ารับของขวัญ โดยติดต่อผ่านอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หรือหน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน อาทิ การคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ การจัดบริการคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาลทุกระดับ มอบวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ได้แก่ แว่นสายตาจำนวน 1 ล้านชิ้น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ จำนวน 5 ล้านชิ้น ฟันเทียมและรากฟันเทียม จำนวน 36,000 ราย

ทั้งนี้ การดำเนินการเพื่อส่งมอบของขวัญปีใหม่แก่ผู้สูงอายุนี้ จะเป็นการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ผ่านการมอบหมายให้ อสม. และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ดำเนินการคัดกรองผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งโดยเจ้าหน้าที่และแอปพลิเคชั่น Blue Book Application จากนั้นจะส่งต่อผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเข้ารับบริการในคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่จะประเมินความจำเป็นในการใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จากนั้นจะจัดหาอุปกรณ์ซึ่งสนับสนุนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่สนับสนุนแว่นสายตา ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ แผ่นรองซับ แผ่นเสริมซึมซับการขับถ่าย ฟันเทียมและรากฟันเทียม ด้วยงบประมาณกองทุนต่างๆ มอบแก่ผู้สูงอายุต่อไป

Advertisement

เชิญชวนลูกหนี้ กยศ.แจ้งขอรับเงินชำระเกินคืน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 มีนาคม 2567 ทำเนียบ – “คารม“ เชิญชวนลูกหนี้ กยศ.ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เพื่อขอรับเงินคืนในส่วนที่ชำระเกิน ทาง www.studentloan.or.th

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) คำนวณยอดหนี้คงเหลือใหม่ตาม พ.ร.บ. กยศ. (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ให้แก่ผู้กู้ยืมกลุ่มเร่งด่วนที่ถูกบังคับคดีหรือถูกอายัดเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว จำนวน 50,614 ราย ทำให้ผู้กู้ยืมบางรายมีสถานะปิดบัญชีได้ทันทีและมีผู้กู้ยืมที่จะได้รับเงินคืนในส่วนที่ชำระเกินจำนวน 3,494 รายนั้น กองทุนฯ ได้มีการออกหนังสือแจ้งผู้กู้ยืมแต่ละรายให้ลงทะเบียนรับเงินคืน และเริ่มดำเนินการจ่ายเงินคืนแล้วผ่านระบบโอนเงินแบบพร้อมเพย์ที่ผูกบัญชีธนาคารด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้ยืมเท่านั้น  ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป

“ขอเชิญชวนลูกหนี้ กยศ.ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เพื่อขอรับเงินคืนทางเว็บไซด์ “กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา” โดย กศย.จะเร่งคืนเงินให้ตามลำดับต่อไป” นายคารม กล่าว

Advertisement

 

กองสลากเผยสลากดิจิทัลงวดวันที่ 16 ก.ค. จำนวน 5.146 ล้านฉบับ จำหน่ายหมดแล้ว

People Unity News : 3 กรกฎาคม 2565 สำนักงานสลาก เผยการจำหน่ายสลากดิจิทัล งวดวันที่ 16 ก.ค.65 จำนวน 5.146 ล้านฉบับ จำหน่ายหมดแล้ว มีผู้ซื้อ 8.8 แสนราย

วันนี้ (3 กรกฎาคม 2565) เวลา 11.00 น. นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า การจำหน่ายสลากผ่านแอปเป๋าตัง หรือ สลากดิจิทัลงวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2565 ซึ่งเป็นการจำหน่ายงวดที่สาม จำนวน 5,146,000 ฉบับ ขณะนี้ได้จำหน่ายหมดแล้ว มีผู้ซื้อจำนวน 888,637 ราย การจำหน่ายสลากหมดลงอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ ผลตอบรับเป็นไปด้วยดี เนื่องจากสามารถซื้อสลากตัวเลขที่ต้องการในราคา 80 บาทได้จริง และสลากที่ซื้อก็มีการบันทึกข้อมูลไว้แสดงสิทธิในตัวสลาก ทำให้ไม่ต้องกังวลหากสลากหาย หรือการเรียกร้องสิทธิในตัวสลาก และเมื่อถูกรางวัลจะมีการแจ้งเตือนผ่านแอปเป๋าตัง ประกอบกับขั้นตอนการรับรางวัลที่สะดวก ง่าย ไม่ยุ่งยาก และงวดที่ผ่านมา มีรางวัลที่ 1 ถึง 6 รางวัล เงินรางวัลรวม 36 ล้านบาท ที่สำคัญมีคนถูกรางวัลที่ 1 คนเดียวถึง  3 ใบ ได้รางวัล 18 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมีการกระจายถูกรางวัลคนละ 1 ใบ รางวัลละ 6 ล้านบาท

ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับงวดวันที่ 1 สิงหาคม 2565 สำนักงานสลากฯ จะเพิ่มสลากจำหน่ายผ่านระบบดิจิทัลอีก 2 ล้านฉบับ รวมแล้วไม่น้อยกว่า 7 ล้านฉบับ เพื่อให้ผู้ซื้อมีเวลาในการเลือกซื้อสลากหมายเลขที่ต้องการในราคา 80 บาทได้นานขึ้น สำหรับการพิจารณาเพิ่มปริมาณสลากในระบบแต่ละครั้ง จะต้องเป็นไปตามความต้องการของตลาด และรักษาสมดุลระหว่างผู้ค้าในระบบเก่าและระบบดิจิทัลด้วย ส่วนสลากที่จะนำมาเพิ่มในระบบดิจิทัลนั้น จะมาจากสลากในระบบซื้อจอง  ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสลากของตัวแทนจำหน่ายที่ถูกยกเลิกสัญญาเนื่องจากนำสลากไปขายต่อ

นอกจากสลากที่จำหน่ายผ่านแอปเป๋าตังในระบบแพลตฟอร์มได้แล้ว ยังมีจุดจำหน่ายสลาก 80 ที่สำนักงานสลากฯ เริ่มดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว เป็นการจำหน่ายผ่านแอปเป๋าตังเช่นกัน ขณะนี้ มีจุดจำหน่ายกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งหมด 754 จุด ทั่วประเทศ และตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป จะมีจุดจำหน่ายสลาก 80 ทั่วประเทศ 1077 จุด และภายในปีนี้ สำนักงานฯจะนำร่องขยายจุดจำหน่ายสลาก 80 ไปที่สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ อีกไม่น้อยกว่า  2,000 จุด

Advertisement

นายกฯ สั่ง สตช.เร่งจับเครือข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทา

People Unity News : 27 ธันวาคม 2565 โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายกฯ สั่ง สตช.เร่งจับเครือข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทา พร้อมรายงานความคืบหน้าทุก 15 วัน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการในกรณีการตรวจและจับกุมเครือข่ายกลุ่มทุนต่างชาติที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายที่เรียกว่า คดีเครือข่ายธุรกิจกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งตรวจสอบและดำเนินคดีกับกลุ่มทุนจีนตู้ห่าวและคณะ ซึ่งมีพฤติกรรมความผิดอาชญากรรมข้ามชาติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งนี้ ได้ให้หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายรายงานผลความคืบหน้าและอุปสรรคให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก 15 วันด้วย

Advertisement

ครม. อนุมัติงบกลาง 1,334 ล้านบาทให้ สธ.แก้ปัญหาโรคโควิด  และจัดซื้อยา “โมลนูพิราเวียร์”

People Unity News : ครม. อนุมัติงบกลาง 1,334 ล้านบาท แก้ปัญหาโรคโควิด  จัดซื้อยา “โมลนูพิราเวียร์” สร้างความปลอดภัยให้ประชาชน

ที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 9 พ.ย.64 อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 1,334.945 ล้านบาท ประกอบด้วย 4 หน่วยงาน

1.สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 528,400,000 บาท

2.กรมการแพทย์ จำนวน 500,000,000 บาท สำหรับจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์

3.กรมควบคุมโรค จำนวน 58,165,000 บาท

4.กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จำนวน 248,380,000 บาท

พร้อมรับทราบโครงการแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระยะการระบาดระลอก เม.ย. 64 โดยมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นคงด้านสุขภาพ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเสริมสร้างสังคมวัฒนธรรม ให้ประชากรในประเทศ – บุคลากรด่านหน้า ได้รับการดูแล ป้องกัน และรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็ว

Advertising

เด็กไทย 1 ใน 4 พัฒนาการช้า กระทบสมอง เสี่ยงซึมเศร้า

People Unity News : 25 สิงหาคม 2566 เด็กไทย 1 ใน 4 พัฒนาการล่าช้า กระทบสมอง เสี่ยงซึมเศร้า ซ้ำ น้ำหนัก/ส่วนสูงไม่ถึงเกณฑ์ สสส. สานพลังภาคี ผุดนวัตกรรมคู่มือ “สามเหลี่ยมสมดุล : วิ่งเล่น กินดี นอนพอ” สร้างสุขภาพที่ดีแก่เยาวชน ขยายผลใช้ 43 โรงเรียนในสังกัด กทม. สช. กระทรวงมหาดไทย

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2566 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม กรุงเทพฯ นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้ช่วยผู้จัดการอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากข้อมูลพัฒนาการเด็กปฐมวัยของไทย ปี 2565 โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า เด็กไทย 25% หรือ 1 ใน 4 มีพัฒนาการไม่สมวัย มีผลกระทบต่อสมอง ร่างกายผอม-อ้วนเกิน และจิตใจ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังส่งผลให้เด็กมีกิจกรรมทางกายเพียงพอลดลง จากเดิม 24.4% ในปี 2562 เหลือ 17.7% ในปี 2565 หรือเทียบเท่าเด็กไทย 3 ใน 4 คนมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ สสส. สานพลังภาคีเครือข่าย เร่งขับเคลื่อนกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพเด็กและเยาวชน พัฒนานวัตกรรม “สามเหลี่ยมสมดุล” คู่มือสำหรับดูแลเด็ก 6-12 ปี ทั้งในบ้านและโรงเรียน มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้าน 1.การนอนหลับ 2.การกิน 3.การเล่นหรือการขยับร่างกายที่เหมาะสม 3 สิ่งนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการ และสุขภาพกายใจของเด็ก

“แคมเปญ “สามเหลี่ยมสมดุล” ได้นำไปใช้ขยายผล ผ่านการจัดกิจกรรมห้องเรียนสร้างเด็กสมดุลใน 4 ภูมิภาค พร้อมขยายผลใน 43 โรงเรียนทั่วประเทศ มีผู้ปกครอง คุณครูเข้าร่วมกิจกรรม 282 คน สำหรับในปี 2567 มุ่งส่งต่อแคมเปญสามเหลี่ยมสมดุลผ่านการจัดค่ายปิดเทอมเด็ก ห้องเรียนพ่อแม่ คาราวานสัญจรร่วมกับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) รวมถึงโปรแกรมช่วยบันทึกพัฒนาการคุณหนู ผ่านแอปพลิเคชัน Persona Health ทั้งนี้ ติดตามสื่อการเรียนรู้และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่https://resourcecenter.thaihealth.or.th เฟซบุ๊กแฟนเพจ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ (สสส.) Line@เครือข่ายพันธมิตร และ www.childimpact.co” นางเบญจมาภรณ์ กล่าว

ดร.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. กล่าวว่า เด็กไทยอายุ 6-14 ปี มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนสูงถึง 15.5% ในขณะที่ผอม 5.5% และเตี้ย 3.2% สาเหตุหลักเกิดจากพฤติกรรมด้านอาหารและโภชนาการที่ไม่พึงประสงค์ อาทิ กินผัก ผลไม้ไม่เพียงพอถึง 72% กินขนมกรุบกรอบมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ กว่า 50% และดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวาน 71.3% ซึ่งเกิดจากผู้ใหญ่ขาดเครื่องมือในการสร้างเด็กให้มีความฉลาดรอบรู้ด้านโภชนาการ และไม่ได้สร้างสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเข้าถึงอาหารที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ นวัตกรรม “สามเหลี่ยมสมดุล” เป็นการสร้างระบบและกลไกให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างโรงเรียน สู่บ้าน และชุมชน ช่วยให้เด็กเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

รศ.ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สนับสนุนโดย สสส. กล่าวว่า มิติด้านการเล่น จากการติดตามเฝ้าระวังพฤติกรรมพบว่า เด็กและเยาวชนไทยกำลังเผชิญกับภาวะการขาดการเคลื่อนไหวร่างกายที่เพียงพอ แต่กลับมีพฤติกรรมการใช้หน้าจอและพฤติกรรมเนือยนิ่งที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาจนถึงปัจจุบัน โดยร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีกิจกรรมทางกาย วิ่งเล่น ออกแรงเคลื่อนไหวที่เพียงพอ ปี 2565 ลดเหลือเพียง 16% น้อยกว่าในปี 2564 ที่อยู่ที่ 24% และใกล้เคียงกับในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 ที่อยู่ที่ร้อยละ 17% ขณะที่ร้อยละของเด็กและเยาวชนที่ใช้หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ในวัตถุประสงค์เพื่อความบันเทิงไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน ก็ลดลงจาก 26% มาอยู่ที่ 15% เท่านั้น สะท้อนว่าวิถีชีวิตเด็กและเยาวชนมีความไม่สมดุล และต้องการการสนับสนุนจากครอบครัว โรงเรียน และชุมชนอย่างใกล้ชิด

ดร.เจษฎา อานิล ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เด็กที่นอนน้อยกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน สมองจะมีพัฒนาการที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำ สติปัญญา และสุขภาพจิต เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกันที่นอน 9 ชั่วโมงหรือมากกว่าต่อวัน นอกจากนี้ภาวะนอนน้อยในเด็กยังสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น พัฒนาการของเด็กนอกจากต้องกินดี มีประโยชน์ วิ่งเล่นอย่างเหมาะสมอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน การนอนให้พอ เป็นกุญแจสู่พัฒนาการที่ดี สร้างเด็กสมดุล

Advertisement

รู้ไว้!! ประกันสังคม แจ้งสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน “เกษียณ” และเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่แก่ทายาท

People Unity News : 26 มี.ค. 65 สำนักงานประกันสังคม แจงสิทธิประโยชน์ หลังผู้ประกันตนเกษียณ หลักประกันดูแลคุณภาพชีวิตในวัยชราภาพ รวมถึงการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่แก่ทายาท

กองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพ (เริ่มจัดเก็บ 31 ธ.ค. 2541) คิดร้อยละ 3 ของฐานเงินเดือน (หากจ่ายเงินสมทบในอัตราสูงสุดที่ 750 บาท/เดือน จะถูกหักเงินเป็นเงินออมชราภาพ 450 บาท) เงินออมชราภาพที่ได้รับแบ่งออกเป็น 2 แบบ (ขึ้นอยู่กับระยะเวลาส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม)

💵 เงินบำเหน็จ (เงินที่จ่ายเป็นก้อนใหญ่ครั้งเดียว)

🔘 หากจ่ายเงินสมทบไม่ถึง 180 เดือน หรือ 15 ปี จะได้รับเป็นเงินบำเหน็จชราภาพ แบ่งเป็น 2

กรณีคือจ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 12 เดือน หรือ 1 ปี จะได้รับเงินก้อนเท่ากับเงินที่ผู้ประกันตนจ่ายสมทบมาทั้งหมดคืนกลับไป

🔘 กรณีจ่ายสมทบมากกว่า 12 เดือน แต่ไม่ถึง 180 เดือน หรือ 15 ปี จะได้รับเงินเป็นเงินก้อนเท่ากับเงินที่ผู้ประกันจ่ายสมทบ บวกกับเงินที่นายจ้างสมทบให้อีก และบวกกับผลประโยชน์ตอบแทนที่ประกันสังคมกำหนด

💵 เงินบำนาญ (ทยอยจ่ายเป็นรายเดือนไปตลอดชีวิต)

🔘 กรณีผู้ประกันตนจ่ายสมทบมากกว่า 180 เดือน มากกว่าหรือ 15 ปี จะติดต่อกันหรือไม่ก็ได้ ผู้ประกันตนจะได้รับเป็นเงินบำนาญชราภาพ หรือเงินรายเดือน ได้รับไปตลอดชีวิต คำนวนจากค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (ฐานเงินเดือนสูงสุดที่คิดคือ 15,000 บาท) คูณกับร้อยละ 20 แต่หากผู้ประกันอายุ 55 ปี แต่ยังทำงานในระบบต่อเนื่อง จะได้รับเงินบำนาญเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ในทุกปี

*มีการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีผู้ประกันตนรับเงินบำนาญชราภาพไม่ถึง 60 เดือนแต่เสียชีวิตลง

-เดิมทายาทจะได้รับเพียง 10 เท่าของเงินบำนาญชราภาพรายเดือน

-ปรับใหม่เพื่อเป็นการประกันเงินชราภาพให้สิทธิผู้ประกันตนได้รับเงินเพิ่มขึ้น เช่น หากรับเงินบำนาญชราภาพเพียง 1 เดือน และได้เสียชีวิตลง เงินบำนาญอีก 59 เดือนทายาทได้รับไปทันที

🛑 เงื่อนไขการรับเงินบำเหน็จ หรือบำนาญชราภาพ จะได้รับต่อเมื่อมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน

Advertising

Verified by ExactMetrics