วันที่ 3 พฤษภาคม 2024

รมว.ศึกษาสั่งทุกโรงเรียนใช้เกณฑ์เดียวกันรับนักเรียนชั้นอนุบาล 1 ตั้งแต่ปีการศึกษา 2562 นี้

People unity : นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้นโยบายใหม่การรับนักเรียนชั้นอนุบาล 1 (3 ขวบ) ปีการศึกษา 2562

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานการจัดการศึกษาเอกชน โดยมี นายอํานาจ วิชยานุวัติ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, นายชลำ อรรถธรรม เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน, นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา, ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตลอดจนศึกษาธิการจังหวัด ประธานคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชนจังหวัด และผู้บริหารโรงเรียนเอกชน เข้าร่วมกว่า 250 คน เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มีนาคม 2562 ณ โรงแรมรอยัลริเวอร์ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการแก้ปัญหาการรับนักเรียนชั้นอนุบาล 1 (อายุ 3 ขวบ) ปีการศึกษา 2562 ที่แต่ละหน่วยงานยังเข้าใจคลาดเคลื่อน ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีประเด็นเปิดรับนักเรียนซ้ำซ้อนกัน ทั้งการรับนักเรียนของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

ภาพรวมของเด็กอนุบาลในช่วงวัย 3 ขวบทั่วประเทศ พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ 3 ใน 4 เรียนกับ อปท. ที่เหลือเรียนในโรงเรียนเอกชน ส่วนที่เข้าเรียนในโรงเรียน สพฐ. มีจำนวนน้อยมาก จึงได้มอบให้ สพฐ. ปรับเปลี่ยนการรับนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 ใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น (Set Zero) โดยมอบหมายให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทำรายงานการประชุมคณะกรรมการรับนักเรียนใหม่ทุกครั้ง โดยในการประชุมจะต้องมีคณะกรรมการผู้แทนของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้ปกครอง พร้อมกับจัดเตรียมข้อมูลจำนวนเด็กปฐมวัยอย่างชัดเจน เพื่อรายงานต่อ สพฐ. และสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) เพื่อดำเนินการต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ สพฐ. แก้ไขการเรียกช่วงชั้นระดับอนุบาลใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน โดยปรับเกณฑ์การรับนักเรียนอนุบาลจากเดิมที่รับนักเรียนอนุบาล 1 (อายุ 4 ขวบ) ให้เปลี่ยนเป็น อนุบาล 2 (อายุ 4 ขวบ) เพื่อให้สอดคล้องกับโรงเรียนเอกชน และ อปท. และเน้นตัวเด็กเป็นหลัก

สังคม : รมว.ศึกษาสั่งทุกโรงเรียนใช้เกณฑ์เดียวกันรับนักเรียนชั้นอนุบาล 1 ตั้งแต่ปีการศึกษา 2562 นี้

People unity : post 4 มีนาคม 2562 เวลา 18.40 น.

อผศ.เดินหน้าโครงการ “ความห่วงใย ไร้พรมแดน”

People Unity News : 18 มิถุนายน 2565 ผอ.อผศ. เดินหน้าจัดทําโครงการ “ความห่วงใย ไร้พรมแดน” ออกให้บริการทางการแพทย์ในเชิงรุก ดูแลรักษาทหารผ่านศึกและครอบครัวในต่างจังหวัดให้ได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาจาก รพ.ทหารผ่านศึก มากขึ้น

พล.อ.สัณทัศน์ นันทิภาคย์หิรัญ ผู้อํานวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) เปิดเผยว่า องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2491 มีหน้าที่ให้การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก และทหารนอกประจําการ รวมทั้งผู้ที่กําลังปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันประเทศ ให้สามารถดํารงชีวิตได้อย่างมีเกียรติและมีศักดิ์ศรี รวมทั้งเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึกให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนทั่วไป

ซึ่งจากการเดินทางไปเยี่ยมเยียนทหารผ่านศึกและครอบครัวตามภูมิลําเนาในส่วนภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ พบว่ายังมีทหารผ่านศึกบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงระบบการบริการสุขภาพได้ หรือมีความลําบากในการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพ เนื่องจากสภาพความพิการเป็นผู้ป่วยติดเตียง หรือขาดทุนทรัพย์ ทําให้ไม่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างถูกต้องและได้คุณภาพมาตรฐาน ตนจึงมอบนโยบายให้สมาคมแม่บ้านองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ร่วมกับโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ใช้ศักยภาพของหน่วยออกให้การบริการทางการแพทย์ในเชิงรุก เพื่อจัดทีมเข้าให้บริการรักษาพยาบาลและบริการด้านสุขภาพให้ทั่วถึง และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ด้วยเหตุนี้ นางพัณณ์ชิตา นันทิภาคย์หิรัญ นายกสมาคมแม่บ้านองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ร่วมกับโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ได้ริเริ่มจัดทําโครงการ “ความห่วงใย ไร้พรมแดน” ขึ้น เพื่อให้การดูแลรักษาทหารผ่านศึกและครอบครัวที่พักอาศัยในจังหวัดต่างๆ ให้ได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก โดยแพทย์เฉพาะทางและสหสาขาวิชาชีพ และเพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพของทหารผ่านศึกและครอบครัว ให้มีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติตัว การดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันบรรเทาภาวะสุขภาพที่เป็นอยู่ หรือโรคที่อาจจะเกิดในอนาคต รวมทั้งเพื่อให้การดูแลทหารผ่านศึกและครอบครัวแบบองค์รวม ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ

พล.อ.สัณทัศน์ ระบุต่อว่า ทั้งนี้ ในการดําเนินงานตามโครงการดังกล่าว ได้มีการนําทีมแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไปให้การดูแลเชิงรุก และจัดทําการประเมินสุขภาพให้แก่ทหารผ่านศึกและครอบครัว เพื่อนําไปสู่การปรับปรุงแก้ไข และรับทราบปัญหาข้อขัดข้อง นอกจากนี้ ยังให้บริการซ่อมแซม จัดทําและจัดหากายอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่ทหารผ่านศึกพิการหรือพิการทุพพลภาพ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีขวัญและกําลังใจในการดําเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรีด้วย

Advertisement

120 องค์กรชั้นนำจัดเต็ม! มหกรรมอารยสถาปัตย์ฯปีที่ 4 รวมสุดยอดเทคโนโลยี นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ

People Unity News : 120 องค์กรชั้นนำจัดเต็ม! มหกรรมอารยสถาปัตย์ฯปีที่ 4 รวมสุดยอดเทคโนโลยี นวัตกรรม เพื่อสุขภาพผู้สูงอายุ ผู้ป่วย มนุษย์ล้อ ขับเคลื่อนพัฒนาไทยมุ่งสู่ความเป็น “เมืองอายรยสถาปัตย์-เมืองท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” เน้นสะดวก ทันสมัย ปลอดภัย เป็นธรรม ทั่วถึง เท่าเทียม สสส.หนุนปรับสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน อบรมเครือข่ายแท็กซี่ที่ให้บริการคนพิการ ผู้สูงอายุอย่างเหมาะสม

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีการแถลงข่าวการจัดงาน “งานมหกรรมอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ปีที่ 4 : Thailand Friendly Design Expo 2019”โดยนายกฤษนะ ละไล ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล กล่าวว่า มูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ร่วมกับ สสส. และหน่วยงานภาครัฐ เอกชน กว่า 120 องค์กร จาก 20 ประเทศทั่วโลก ร่วมกันจัดนี้ดังกล่าว เพื่อจัดแสดงสินค้า นวัตกรรม เทคโนโลยีและบริการเพื่อสุขภาพที่ดีกว่าสำหรับคนทุกกลุ่ม ทุกวัย ทุกเพศสภาพ และทุกขสุขภาพร่างกาย (Home Care and Rehabilitation) ในระหว่างวันที่ 28 พ.ย.-1 ธ.ค. นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ในปีนี้ได้ยกระดับขึ้นสู่เวทีสากล เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็น “เมืองอายรยสถาปัตย์” ที่คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้าถึงได้ ใช้ประโยชน์ได้ สะดวก ทันสมัย ปลอดภัย เป็นธรรม ทั่วถึง เท่าเทียม และเป็น “เมืองท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” ที่โดดเด่นชัดเจนในเวทีโลก หากทำได้สำเร็จ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น ผู้พิการ มนุษย์ล้อ และครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยรับความสะดวก ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งในการดำเนินชีวิต การทำงานและการเดินทางพักผ่อนท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม การบริการ และหลักคิดการออกแบบที่เป็นมาตรฐานสากล ทุกคนใช้ได้ คนทุกวัยใช้ดี มีความเป็นมิตรกับคนทั้งมวล

ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การปรับสภาพแวดล้อมแวดล้อมและการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุตามแนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคนนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการดำเนินการ ปัจจุบันประเทศไทยมีคนพิการทั่วประเทศไทยกว่า 1.8 ล้านคน และผู้สูงอายุกว่า 12 คน ที่ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสะดวกปลอดภัย และเอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี

“สสส. เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสนับสนุนการดำเนินงานทั้งการพัฒนาด้านวิชาการและกลไกการทำงานเป็นเครือข่าย ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การสร้างเครือข่ายวิชาการเพื่อสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน โดยสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ออกแบบเพื่อทุกคน : Universal Design Center หรือ UDC ร่วมกับมหาวิทยาลัย 5 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์” ดร.สุปรีดา กล่าวและว่า

เพื่อให้บริการให้คำปรึกษาในการออกแบบและปรับสภาพแวดล้อมที่พักอาศัย และพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาและขับเคลื่อนให้เกิดระบบขนส่งและบริการสาธารณะเพื่อทุกคน ส่งเสริมให้เกิดเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลต้นแบบ และเกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ ต่างๆ การให้ความรู้แก่เครือข่ายแท็กซี่ที่ให้บริการคนพิการ ผู้สูงอายุอย่างเหมาะสม เพื่อให้คนพิการ ผู้สูงอายุ สามารถเดินทาง และใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ซึ่งจะส่งผลต่อการมีสุขภาวะที่ดีได้อีกด้วย

“นิสิตป.เอก มจร” จัดทอดผ้าป่าต้นไม้ที่มหาจุฬาอาศรมโคราช

People Unity :  “นิสิตป.เอก มจร” จัดทอดผ้าป่าต้นไม้ที่มหาจุฬาอาศรม มจร ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

วันที่ 20 ต.ค.2562 ดร.กาญจนา ดำจุติ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 17-21 ต.ค.2562 คณะครุศาสตร์ มจร ได้จัดกิจกรรมการปฏิบัติโครงการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน(การบริหารจิตและเจริญปัญญา) นิสิตหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู รุ่นที่ 5 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปีการศึกษา 2562 ที่มหาจุฬาอาศรม มจร ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

พร้อมกันนี้คณาจารย์และนิสิตปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตร์ และรัฐศาสตร์ มจร พิธีมอบป้าย ปลูกต้นไม้ ในการทอดผ้าป่า ที่ศาลาปฏิบัติธรรม มหาจุฬาอาศรม

มท. สั่งกวดขันปืนเถื่อน เร่งจับกุมเด็ดขาด

People Unity News : 4 มีนาคม 2566 มท. สั่งการทุกจังหวัด กวดขันอาวุธปืนเถื่อน พร้อมกำชับนายอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างเด็ดขาด เพื่อธำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยในสังคม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ในปัจจุบันปรากฏข่าวสารตามสื่อสาธารณะต่าง ๆ เกี่ยวกับเหตุอาชญากรรมที่เกิดขึ้นโดยมีหรือใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุและมีการจับกุมบุคคลที่มีพฤติกรรมครอบครอง หรือพกพาอาวุธปืนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (อาวุธปืนเถื่อน) และเพื่อให้การสอดส่องดูแล ควบคุมตรวจตรา และกวดขันการบังคับใช้กฏหมาย กรณีเกี่ยวกับการทำ มี ใช้ หรือจำหน่ายอาวุธปืนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อาวุธปืนเป็นไปอย่างมีรูปธรรมในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม กระทรวงมหาดไทยจึงได้มีหนังสือสั่งการให้ทุกจังหวัดดำเนินการสั่งการให้นายอำเภอบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ กวดขันการบังคับใช้กฏหมายกลุ่มบุคคลผู้มีอิทธิพลโดยเฉพาะแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่นที่มีความสุ่มเสี่ยงอาจก่ออาชญากรรมให้ดำเนินการบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งกำชับให้ทุกอำเภอรายงานข้อมูลผลการปฏิบัติมายังกรมการปกครองเป็นประจำทุกเดือน

โดยกรมการปกครองแจ้งให้ทุกจังหวัดประชาสัมพันธ์การรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่…) พ.ศ. …. ซึ่งมีสาระสำคัญคือ ให้บุคคลที่มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน โดยมิชอบด้วยกฎหมาย (อาวุธปืนเถื่อน) นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน มาขอรับอนุญาตต่อนายทะเบียนท้องที่ เพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย และกรณีเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ให้ส่งมอบอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน แก่ทางราชการโดยไม่ต้องรับโทษ รวมทั้งการจัดเก็บรายละเอียดของอาวุธปืนทั้งกรณีอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตใหม่และอาวุธปืนที่นายทะเบียนได้ออกใบอนุญาตไปแล้ว ซึ่งเป็นมาตรการควบคุมอาวุธปืนผิดกฎหมายเพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรมจากอาวุธปืน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีประกอบกับได้มีหนังสือแจ้งให้จังหวัดแจ้งแนวทางปฏิบัติของนายทะเบียนอาวุธปืนท้องที่ กรณีเกิดเหตุอาชญากรรมโดยมีหรือใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ โดยให้รายงานผลการตรวจสอบให้กระทรวงมหาดไทยทราบโดยเร็ว และให้เร่งพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตหรือเรียกประกันหรือทัณฑ์บน แล้วแต่กรณี รวมทั้งให้ติดตามผลคดีจนกว่าจะเสร็จสิ้น และให้รายงานข้อมูลคดีและผลการดำเนินการทางทะเบียนเกี่ยวกับอาวุธปืนที่เกี่ยวข้องกับเหตุอาชญากรรม ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ให้กรมการปกครองทราบเป็นประจำทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า เหตุอาชญากรรมที่เกิดขึ้นโดยมีหรือใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุและมีการจับกุมบุคคลที่มีพฤติกรรมครอบครอง หรือพกพาอาวุธปืนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (อาวุธปืนเถื่อน) ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนท้องที่จะออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ตามกฎหมายให้ไม่ได้ไปในที่สาธารณะ สร้างความหวาดกลัว ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐได้มีการตรวจค้นจับกุมบุคคลที่ลักลอบทำ มี ใช้ หรือจำหน่ายอาวุธปืนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (อาวุธปืนเถื่อน) และยึดอาวุธปืนของกลางได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีผลกระทบต่อความหวาดกลัวในความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน จึงได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำชับนายอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสอดส่องดูแล ควบคุมตรวจตรา และกวดขันการบังคับใช้กฎหมาย กรณีเกี่ยวกับการทำ มี ใช้ หรือจำหน่ายอาวุธปืนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (อาวุธปืนเถื่อน) เป็นไปอย่างมีรูปธรรมในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยให้นายอำเภอดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าวในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยระดมสรรพกำลังทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน รวมทั้งอาสาสมัครอื่น ๆ ในพื้นที่ ในการสอดส่องดูแล ควบคุมตรวจตรา และกวดขันการบังคับใช้กฎหมาย กรณีกลุ่มบุคคลผู้มีอิทธิพล กลุ่มบุคคลผู้มีข้อมูลเกี่ยวพันกับสิ่งผิดกฎหมาย โดยเฉพาะแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่นที่มีความสุ่มเสี่ยง ที่อาจก่ออาชญากรรม หรือบุคคลผู้ลักลอบทำ มี ใช้ หรือจำหน่ายอาวุธปืนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (อาวุธปืนเถื่อน) หากพบการกระทำความผิด ให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดในการจับกุม ผู้กระทำความผิดและยึดของกลางในการกระทำความผิด เพื่อส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ตามกฎหมายต่อไป

“นอกจากนี้ให้รายงานข้อมูลสถิติผลการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสอดส่องดูแล ควบคุมตรวจตรา และกวดขันการบังคับใช้กฎหมาย กรณีเกี่ยวกับการทำ มี ใช้ หรือจำหน่ายอาวุธปืนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (อาวุธปืนเถื่อน) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ให้กรมการปกครองทราบเป็นประจำทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ติดตามผลการดำเนินคดีจนกว่าจะเสร็จสิ้น กระทรวงมหาดไทยคาดว่าจะสามารถลดการก่อเหตุอาชญากรรมที่เกี่ยวกับอาวุธปืน รวมถึงการกระทำผิดที่เกี่ยวเนื่องกัน ตลอดจนสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ทุกชุมชนหมู่บ้านมีความเข้มแข็ง ทั้งนี้ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ช่วยกันสอดส่องดูแลและเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่รัฐในการป้องกันการกระทำความผิดทางสังคมทุกรูปแบบโดยสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมอำเภอทั่วประเทศ หรือที่สายด่วน 1567 เพื่อร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่ไปด้วยกัน” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics