วันที่ 28 พฤศจิกายน 2025

ตรวจสอบสิทธิรักษาพยาบาลเท่าเทียม 7 ขั้นตอน

People Unity News : 19 เมษายน 2566 รัฐบาลมุ่งแก้ไขปัญหาระบบหลักประกันสุขภาพ ผลักดันเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาล แนะคนไทยที่ยังไร้สิทธิ ตรวจสอบสิทธิอย่างเท่าเทียม ด้วย 7 ขั้นตอน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัญหา “คนไทยไร้สิทธิ” เป็นความเลื่อมล้ำที่มีอยู่ในสังคมไทยมาช้านาน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก  เพราะการไม่มีสิทธิสถานะทางทะเบียนทำให้ไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิพลเมืองที่บุคคลคนหนึ่งๆ ควรจะได้รับ โดยเฉพาะระบบหลักประกันสุขภาพ เนื่องจากไม่มีชื่ออยู่ในระบบทะเบียนราษฎรอย่างถูกต้อง เวลาเจ็บป่วยก็ไม่สามารถเข้าสู่ระบบรักษาได้ รัฐบาลมุ่งแก้ไขให้ปัญหา ให้ความสำคัญต่อระบบหลักประกันสุขภาพ ผลักดันการเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลของคนไทยทุกคนจะต้องได้รับการรักษาพยาบาลตามสิทธิ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับคนไทยที่ยังไร้สิทธิ์สามารถตรวจสอบสิทธิ์ เพื่อให้ได้สิทธิอย่างเท่าเทียม ด้วย 7 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ตรวจสอบสถานะทางทะเบียน  2. รวบรวมเอกสารทางทะเบียน ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้งบัตรประจำตัวประชาชนของบิดามารดา  สูติบัตร  ทะเบียนบ้านที่เคยมีชื่อ  ใบแจ้งการย้ายที่อยู่  เอกสารอื่นๆ ที่ราชการออกให้  กรณีที่ไม่มีเอกสารใด ๆ ที่ใช้อ้างอิงก็สามารถยื่นคำร้องได้ 3. ยื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่ฯ สำนักทะเบียนอำเภอ หรือ สำนักทะเบียนท้องถิ่น (ที่มีภูมิลำเนาอาศัยอยู่ปัจจุบัน) 4. ตรวจสอบเอกสารส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น  5.เจ้าหน้าที่พิจารณาตรวจสอบหลักฐาน  สอบสวนพยานบุคคล

6.แจ้งผลฯให้ผู้ร้องทราบ และ 7. ถ้าไม่อาจพิสูจน์สถานะการเกิดและสัญชาติได้จะได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติเป็นบุคคลประเภท 0 (มาตรา 19/2)

“สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง 0-2791-7312-6 กรณีที่มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก แต่ติดทะเบียนบ้านกลางหรือถูกจำหน่ายรายการต้องการใช้สิทธิ์ในการรักษาพยาบาล โทร.สายด่วน สปสช. 1330 สำหรับบุคคลทะเบียนประวัติประเภท 0 มาตรา (19/2) สอบถามสิทธิรักษาพยาบาล ติดต่อ กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ เบอร์ 02-590-1577 ในวันและเวลาราชการ” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertisement

ประยุทธ์ ย้ำคนไทยต้อง “มีบ้าน – มีอาชีพ – มีรายได้ – มีสุข”

People Unity News : ประยุทธ์ ย้ำคนไทยต้อง “มีบ้าน – มีอาชีพ – มีรายได้ – มีสุข” พร้อมส่งเสริมสนับสนุน “โครงการบ้านเคหะสุขประชา” ให้เป็นพื้นที่ “เศรษฐกิจสุขประชา”

วันนี้ 3 ธ.ค.64 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีส่งมอบสิทธิโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย “บ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า” ให้กับผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางจำนวน 270 ครัวเรือน บริเวณแขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพ

โครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพราคาประหยัด สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้คนในชุมชน รวมทั้งการเข้าถึงบริการของภาครัฐและสาธารณูปโภคพื้นฐาน

ระยะต่อไป จะดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนให้เป็นพื้นที่ “เศรษฐกิจสุขประชา” เพื่อสร้างเศรษฐกิจชุมชนคู่ขนาน โดยผู้อยู่อาศัยสามารถประกอบอาชีพอิสระเพิ่มขึ้นในชุมชน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

Advertising

แนะ 5 ข้อน่ารู้ไว้ป้องกันก่อนไฟไหม้บ้าน “วันที่เกือบไม่เหลืออะไร”

People Unity News : แนะ 5 ข้อน่ารู้ไว้ป้องกันก่อนไฟไหม้บ้าน “วันที่เกือบไม่เหลืออะไร” อุทาหรณ์เกิดเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่หมู่ 4 ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 จากเหตุเกิดเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่หมู่ 4 ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลกเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประกอบด้วยหลังที่ 1 เจ้าของบ้านชื่อ นายแถว ราชเพียแก้ว บ้านเลขที่ 16 หลังที่ 2 เจ้าของบ้านชื่อนางกันยารัญญ์ แสงปัญญา บ้านเลขที่ 74 ซึ่งทางอำเภอชาติตระการและองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อภาคได้ให้ช่วยเหลือเบื้องต้นนั้น ทางเพจอำเภอชาติตระการ (https://www.facebook.com/Chattrakantown/)ได้แจงเลขที่บัญชีรับความช่วยเหลือจากประชาชนทั่วไปด้วย

พร้อมกันนี้เพจอำเภอชาติตระการได้ แนะ 5 ข้อน่ารู้ไว้ป้องกันก่อนไฟไหม้บ้าน”ในวันที่เกือบไม่เหลืออะไร”

ไฟไหม้บ้านเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของคนเราเลยก็ว่าได้ เพราะเพลิงไฟลุกเผาบ้านเพียงครั้งเดียวก็พาให้วอดวายไม่เหลืออะไรเลย และถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์น่าสลดใจแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองแน่ ๆ ดังนั้นมาเรียนรู้วิธีป้องกันไฟไหม้บ้านอย่างปลอดภัยตามนี้กันดีกว่า รอบคอบไว้ก่อน จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้นครับ

1. เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง

ต้องยอมรับว่าสาเหตุของเพลิงไหม้เกิดจากการกระทำของคนในบ้านเองอยู่บ่อยครั้ง เช่น สูบบุหรี่บนโซฟาผ้า หรือบนเตียงนอน เก็บวัตถุไวไฟไว้ในที่ที่ไม่ปลอดภัย จนเด็กสามารถหยิบมาเล่นได้ง่าย ๆ รวมทั้งการหุงต้มอะไรทิ้งไว้นาน ๆ และการลืมถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ก็ควรเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ให้หมด และหมั่นตรวจสอบความเรียบร้อยทุกบริเวณ ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง

2. ป้องกันไฟในห้องครัว

ห้องครัวเป็นจุดเสี่ยงที่สุดในบ้าน เพราะมีเตาไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถก่อประกายไฟได้อยู่หลายชิ้น ทั้งเตาไมโครเวฟ เตาอบ หม้อหุงข้าว เป็นต้น ฉะนั้นจึงต้องดูแลส่วนนี้กันเป็นพิเศษ ไม่ควรปล่อยให้เตามีคราบอาหารหรือน้ำมันเกาะติด เพื่อป้องกันประกายไฟจากเตากระเด็นมาโดนจนเกิดเพลิงไหม้ นอกจากนี้เวลาทำครัวก็ควรจะใส่เสื้อผ้ากระชับตัว ไม่สวมเสื้อผ้ารุ่ยร่าย ส่วนบริเวณเตาก็อย่าแขวนผ้ากันเปื้อน หรือวางวัตถุไวไฟไว้ใกล้ ๆ ด้วย อีกทั้งหากมีเด็กเล็กอยู่ในบ้านก็ต้องสอนเขาให้ไม่มาเล่นในครัว หรือทางที่ดีก็ควรซื้อถังดับเพลิงและเรียนรู้วิธีใช้ถังดับเพลิงเอาไว้ก็ยิ่งดีค่ะ

3. ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง

เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดสามารถเป็นตัวการก่อเพลิงไฟได้ทั้งนั้น เราจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้อย่างยิ่งยวด ด้วยการสำรวจความชำรุดของสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าก่อนการใช้งาน ไม่ควรใช้ปลั๊กพ่วงเสียบใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าหลาย ๆ ชิ้น พร้อมกัน และก่อนจะใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า ควรตรวจสอบกำลังไฟไม่ให้เกินกำลังไฟภายในบ้านด้วย นอกจากนี้ก็ไม่ควรเก็บซ่อนปลั๊กไฟ หรือปลั๊กพ่วงเอาไว้ใต้พรมหรือผ้า รวมถึงก่อนออกจากบ้านก็ต้องถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นออกให้หมด โดยเฉพาะถ้าหากพบว่าปลั๊กไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดไหนที่มักจะร้อนจัด ๆ ก็ต้องเลี่ยงไม่ใช้งาน หรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องนำไปเช็กสภาพการใช้งานที่ศูนย์ด้วย

4. ติดตั้งเครื่องตัดไฟ

นอกจากเครื่องตรวจจับควันไฟ ก็ควรติดตั้งเครื่องตัดไฟเอาไว้ในบ้านด้วย เผื่อกรณีที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจรโดยที่เราไม่รู้ตัว เครื่องตัดไฟก็จะสามารถตัดกระแสไฟทั้งหมดในบ้านได้ทัน ก่อนที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับบ้านของเรา รวมทั้งควรติดตั้งสายดินภายในบ้านเพื่อป้องกันเพิ่มขึ้นอีกชั้น

5. ระบายอากาศในบ้าน

หากในบ้านมีอากาศร้อนอบอ้าว ก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดไฟไหม้ได้เช่นกัน ฉะนั้นจึงต้องหาทางระบายความร้อนให้บ้านมีอากาศปลอดโปร่ง เช่น ติดตั้งพัดลมระบายอากาศ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรปิดหน้าต่างและประตูจนมิดชิดเกินไป และควรติดระบบระบายอากาศบนฝ้าเพดานเพิ่มเข้าไปเพื่อความปลอดภัยให้มากขึ้น

เสียเวลาตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านสักนิดก่อนออกไปข้างนอก และลงทุนติดตั้งเครื่องป้องกันไฟไหม้เอาไว้ในบ้านบ้างก็ดี โดยเฉพาะถ้าหากคุณจำเป็นต้องทิ้งบ้านไปไหนไกล ๆ ก็ควรฝากบ้านไว้กับเพื่อนบ้าน ให้เขาช่วยสอดส่องดูแลในระหว่างที่ไม่อยู่ด้วย

รัฐบาลชวนวัยรุ่น เปลี่ยนเงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเงินออม เผยสูญเสียเงินซื้อสูงปีละ 26,944 บาท เฉลี่ยเดือนละ 2,245 บาท

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 1 มกราคม 2568 ปีใหม่แล้ว..วัยรุ่น.. รัฐบาลชวนเปลี่ยนเงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเงินออม สร้างรากฐานที่มั่นคงของครอบครัวในอนาคต เผยวัยรุ่นกว่าครึ่งได้เงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากครอบครัว สูญเสียเงินซื้อสูงปีละ 26,944 บาท เฉลี่ยเดือนละ 2,245 บาท

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดผลสำรวจพฤติกรรมการใช้ “บุหรี่ไฟฟ้า” ของเด็กและเยาวชนไทย พบกว่าครึ่งได้เงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากครอบครัว สูญเสียเงินซื้อสูงปีละ 26,944 บาท เฉลี่ยเดือนละ 2,245 บาท ห่วงตัวละครผู้ทรงอิทธิพลออนไลน์มีผลต่อการตัดสินใจ รัฐบาล โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) ชวนวัยรุ่นไทยเริ่มต้นปีใหม่นี้ เปลี่ยนเงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเงินออม ชี้ 30 ปี ได้เงินเก็บถึง 1.8 ล้านบาท ทั้งนี้ จากผลสำรวจการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยาวชนไทยปี 2565 พบว่า สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นจาก 3.3% เป็น 17.6% หรือเพิ่มขึ้น 5.3 เท่า

นายอนุกูลกล่าวว่า ผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างเด็กและเยาวชนใน กทม. จำนวน 400 ตัวอย่าง อายุระหว่าง 13-24 ปี ซึ่งเป็นผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมด พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า 56.5% ได้รับเงินจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง 87.75% มีรายได้ระหว่าง 500-2,000 บาท/สัปดาห์ สำหรับเงินที่นำมาซื้อบุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่ 54.50% ได้จากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ใช้เงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเฉลี่ยสูงถึงปีละ 26,944 บาท หรือเดือนละ 2,245 บาท 73% ใช้เงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้า 501-1,000 บาท/สัปดาห์ นอกจากนี้ ยังพบว่า การที่หน่วยงานหรือองค์กรที่มีหน้าที่กำกับกิจการภาพยนตร์หรือละครทางโทรทัศน์หรือสื่อสังคมออนไลน์ปล่อยให้มีตัวละครในภาพยนตร์หรือผู้ทรงอิทธิพลบนโลกออนไลน์สูบบุหรี่ไฟฟ้า จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากถึงมากที่สุด 16.25% และปานกลาง 38.25% เมื่อรวมกันแล้วคิดเป็น 54.50% ตอกย้ำได้ว่า สื่อบุคคลอย่างผู้ทรงอิทธิพลบนโลกออนไลน์หรือตัวละครในภาพยนตร์มีผลต่อการตัดสินใจของเด็กและเยาวชน

“รัฐบาล เห็นความสำคัญของการวางแผนทางด้านการเงินของคนรุ่นใหม่และการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง จึงขอใช้โอกาสเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2568 เชิญชวนเด็กและเยาวชนไทยเริ่มต้นคนใหม่ ในปีใหม่ ตามแนวคิด “Happy New Life” คือ มีความสุขในชีวิตทั้งมิติสุขภาพและมิติทางด้านการเงิน ด้วยการเปลี่ยนเงินที่ซื้อบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าและสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายมาเป็นเงินออมและลงทุนเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงของครอบครัวในอนาคตต่อไป” นายอนุกูล ระบุ

Advertisement

กต.-มูลนิธิไทย มอบรางวัลทูตสาธารณะครั้งแรกของไทย 

People Unity News : 20 ตุลาคม 2565 กต. จับมือมูลนิธิไทย มอบรางวัลการทูตสาธารณะเชิดชูเกียรติบุคคลทำงานสาธารณประโยชน์ ด้าน “นพ.สุนทร อันตรเสน” ผู้รับมอบรางวัลคนแรก ชี้เป็นกำลังใจให้เดินหน้าทำงานต่อ และหวังสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยคนอื่นด้วย

กระทรวงการต่างประเทศ โดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับมูลนิธิไทย โดยนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานกรรมการมูลนิธิไทย และนายธฤต จรุงวัฒน์ เลขาธิการมูลนิธิไทย จัดทำโครงการรางวัลการทูตสาธารณะเพื่อเชิดชูเกียรติบุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กรที่ดำเนินงานสาธารณประโยชน์ มนุษยธรรม วัฒนธรรม กีฬา นวัตกรรม จนสามารถสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศไทยและได้รับการยอมรับในต่างประเทศ

นายธฤต กล่าวว่า ปีนี้เป็นครั้งแรกที่มีการมอบรางวัลนี้ เพื่อจารึกเป็นเกียรติสำหรับผู้ที่ทำคุณประโยชน์ โดยนายแพทย์สุนทร อันตรเสน เป็นผู้ได้รับมอบรางวัล จากที่มีการเสนอรายชื่อมา 8 คน โดยถือว่ามีผลงานโดดเด่นในการนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่โรคหูมากว่า 30 ปี ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และในฐานะที่เป็นคนไทยช่วยให้คนหายป่วยได้ ทำให้ได้รับความประทับใจ และทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักนิยม ได้รับการยอมรับ จึงถือเป็นการส่งเสริมให้ผู้รับรางวัลสามารถดำเนินงานตามเจตนารมณ์ต่อไป และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่บุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กรอื่น อีกทั้งสร้างความตระหนักรู้ว่าประชาชนทั่วไปก็สามารถมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงานการทูตสาธารณะได้

ด้านนายแพทย์สุนทร อันตรเสน กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ และเป็นกำลังใจให้ตนและทีมงานได้เดินหน้าทำงานต่อไป ซึ่งได้ทำงานหน่วยแพทย์เคลื่อนที่โรคหูมาตั้งแต่ปี 2518 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงบริเวณชายแดน เมื่อเห็นคนไข้มาหาก็อยากจะช่วย การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ดีกว่าตั้งรับอยู่เฉยๆ ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีคนไข้หลากหลาย รวมถึงรัฐมนตรีของเมียนมาด้วย และหลายเคสหากไม่ช่วยอาจจะเสียชีวิตจากฝีในสมองอักเสบได้ พร้อมทั้งหวังว่าการที่มีการมอบรางวัลเช่นนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนทำงาน เพื่อสาธารณะมากขึ้น ซึ่งในส่วนของตนก็อยากได้คนมาสานต่อ เพราะตอนนี้อายุ 82 ปีแล้ว

สำหรับผู้ได้รับรางวัลในปีนี้คือ นายแพทย์สุนทร อันตรเสน ซึ่งมีผลงานเด่นในการนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่โรคหู (Ear Surgery Mobile Unit) ไปให้บริการตรวจรักษาและผ่าตัดโรคหูให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นพื้นที่ห่างไกลในประเทศต่างๆ เช่น จีน อินเดีย บังกลาเทศ เคนยา เมียนมา สปป ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

Advertisement

หวยรูปแบบใหม่! บอร์ดกองสลากเห็นชอบ “สลากรูปภาพ 12 นักษัตร” ระบุเล่นเพื่อเพลิดเพลิน

People Unity : บอร์ดกองสลาก มีมติเห็นชอบกับรูปแบบสลากรูปภาพ 12 นักษัตร หรือ picture 12 ตามที่คณะทำงานเสนอ

วันนี้ (31 กรกฎาคม 2562) เวลาประมาณ 15.00 น. ที่ห้องประชุมอเนกประสงค์ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นายพชร อนันตศิลป์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วยนายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลในฐานะประธานคณะทำงานศึกษาผลิตภัณฑ์และเกมสลากรูปแบบอื่นๆ และพันตำรวจเอกบุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า จากการที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลได้มีมติแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาผลิตภัณฑ์และเกมสลากรูปแบบอื่นๆ โดยให้มีหน้าที่สรุปผลการศึกษาผลิตภัณฑ์ใหม่ตามพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 จัดทำแผนปฏิบัติ(Action Plan) แนวทางการสื่อสาร และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยให้นำเสนอภายใน 30 วัน แล้วนำเสนอคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลพิจารณานั้น

คณะทำงานได้รวบรวมข้อมูลสลากกินแบ่งและรูปแบบเกมสลากจากประเทศต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีอยู่ 5 รูปแบบ ได้แก่ (1) สลากแบบดั้งเดิม หรือสลากใบ (2) สลากแบบตัวเลข (3) สลากขูด (4) สลาก LOTTO และ (5) สลากกีฬา มาศึกษาและวิเคราะห์ โดยหลักการคือต้องเป็นไปตาม พระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักคือ เป็นทางเลือกเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ต้องการเสี่ยงโชคถูกกฎหมายนอกเหนือจากการซื้อสลากกินแบ่ง ในขณะเดียวกันต้องสามารถบรรเทาปัญหาสลากเกินราคา และมีผลข้างเคียงในการสกัดการเล่นหวยใต้ดิน

คณะทำงานฯ ได้ศึกษาและวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ พบว่า รูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสม มี 2 ประเภท คือสลากแบบตัวเลข และสลาก Lotto ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นเกมต่างๆ ดังนี้

(1) สลากตัวเลข 3 หลัก (Number3)

(2) สลากตัวเลข 4 หลัก (Number4)

(3) สลากรูปภาพ 12 นักษัตร (Picture12)

(4) สลาก LOTTO 6/43

ผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 แบบ มีราคาจำหน่ายรายการละ 50 บาท เป็นการออกรางวัลใหม่ ไม่อิงผลรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นการจำหน่ายผ่านออนไลน์หรือแอพพลิเคชั่น หรือระบบใดๆที่สามารถลงทะเบียนแสดงตัวตนของผู้ซื้อได้เท่านั้น ในขณะเดียวกันก็มีวิธีการเล่น และข้อดี-ข้อด้อยต่างกันออกไป โดยสลากตัวเลข 3 หลัก (Number3) ซื้อ 1 รายการมีโอกาสถูกรางวัล 2 แบบ คือ 3 ตัวตรง และ 3 ตัวสลับหลัก ในส่วนของสลากตัวเลข 4 หลัก (Number4) มีโอกาสถูกรางวัลเช่นเดียวกับสลากตัวเลข 3 หลัก ข้อดีของสลากแบบตัวเลข 3 หลัก หรือแบบตัวเลข 4 หลัก คือ สามารถเลือกหมายเลข หรือเลือกภาพตามความต้องการได้ ตอบโจทย์ปัญหาของสลากใบ ในขณะที่มีข้อด้อยคือ เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เรียนรู้ง่าย คนไทยคุ้นเคย อาจสุ่มเสี่ยงให้ถูกมองว่าเป็นการมอมเมาได้ สำหรับสลากแบบรูปภาพ 12 นักษัตร (Picture12) มี 4 หลัก วิธีเล่นให้เลือก 1 ภาพต่อ 1 หลัก จาก 12 ภาพนักษัตร มีรางวัลตรงและโต๊ด ข้อดีของสลากประเภทนี้คือ สามารถเลือกเลขได้ตามความต้องการ ไม่มีปัญหาเรื่องตัวเลขที่ไม่ได้รับความนิยม หรือเลขเน่า อีกทั้งเป็นเกมใหม่ ที่เน้นการเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน ไม่อิงผลการออกรางวัลสลากแบบเดิม ในขณะที่ข้อด้อยคือไม่มีรางวัลแจ๊คพอต อาจไม่จูงใจให้มีผู้ซื้อมากพอ ในส่วนของเกมสลาก Lotto 6/43 ราคาจำหน่ายรายการละ 50 บาท เป็นการเลือกชุดตัวเลข 1 ชุด มี 6 ตัวเลือกจาก ตัวเลขทั้งหมด 43 ตัว ผู้ซื้อสามารถเลือกเลขได้ตามความต้องการเป็นเกมสากลที่มีจำหน่ายทั่วโลก แต่ก็ยังมีข้อด้อยคือเป็นเกมที่มีความซับซ้อน ไม่เคยมีมาก่อน แม้จะเป็นเกมที่มีความเป็นสากล และได้รับความนิยมในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก

คณะทำงานฯ ได้มีความเห็นเสนอคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลว่ารูปแบบสลากรูปภาพ 12 นักษัตรหรือ picture 12 มีความเหมาะสมกับสภาพสังคมไทยและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับการออกรางวัลสลากรูปภาพนี้ จะออกรางวัลในวันที่ 1 และ 16 แต่เป็นการออกรางวัลต่างหาก ไม่ใช้ผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล และมีการจำกัดอายุและความสามารถในการซื้อของผู้ซื้อด้วยการคัดกรองผ่านระบบแอพลิเคชั่นที่จะนำมาใช้ในการจำหน่าย ทั้งนี้ จะคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นสำคัญ แต่ยังคงให้ความเป็นธรรมและเปิดโอกาสให้ผู้ค้ารายย่อยและผู้พิการเข้าถึงการจำหน่ายสลากในรูปแบบใหม่ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ควรนำประเภทและรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ที่นำเสนอ หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินการทั้งหมด พร้อมทั้งจัดทำร่างประกาศ/ร่างกฎกระทรวง ให้มีความสอดคล้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จากนั้น ให้รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และศึกษาผลกระทบทางสังคม ตามมาตรา 13(7/1) เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ก่อนนำเสนอต่อคณะกรรมการสลากฯพิจารณาอีกครั้ง หากได้รับความเห็นชอบ จะได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป

จากการประชุมในวันนี้ คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล มีมติเห็นชอบกับรูปแบบสลากรูปภาพ 12 นักษัตรหรือ picture 12 ตามที่คณะทำงานเสนอ และเพื่อให้เกิดความรอบคอบและเป็นไปตามกฎหมายจึงให้สำนักงานฯหารือกฤษฎีกา พร้อมจัดทำร่างประกาศ/ร่างกฎกระทรวง แล้วนำเสนอคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลพิจารณา หลังจากนั้น ให้นำข้อมูลดังกล่าวไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและศึกษาผลกระทบทางสังคม เสนอคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ก่อนจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป

สังคม : หวยรูปแบบใหม่! บอร์ดกองสลากเคาะเห็นชอบ “สลากรูปภาพ 12 นักษัตร” ระบุเน้นเล่นเพื่อเพลิดเพลิน

People Unity : post 31 กรกฎาคม 2562 เวลา 22.30 น.

รัฐบาลยันเตียงผู้ป่วยโควิด19 เพียงพอ เผยใน กทม. มี 20,652 เตียง ยังว่างอยู่ 7,905 เตียง

People Unity News : รัฐบาลยืนยันเตียงผู้ป่วยโควิด19 เพียงพอ ขยายเพิ่ม 1 พัน รองรับผู้ป่วยมีอาการ คุมเข้มการระบาดแคมป์คนงาน

วันนี้ (22 พ.ค.64) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด19 รายใหม่ ที่พบว่ามีเพิ่มขึ้นมากในพื้น กทม.และปริมณฑล นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในที่ประชุม ศบค. วันนี้ (22 พ.ค.) ได้ติดตามความพร้อมของจำนวนเตียงผู้ป่วยกลุ่มสีแดง (อาการหนัก) และเหลือง (มีอาการ) เพื่อให้มั่นใจว่ามีเพียงพอต่อการรองรับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมีอาการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า จากข้อมูลระบบ Co-ward ณ วันที่ 20 พ.ค. มีจำนวนเตียงทั้งหมดในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และ Hospitel ในพื้นที่ กทม. จำนวน 20,652 เตียง ผู้ป่วยครองเตียง  61% ยังว่างอยู่ 7,905 เตียง ในพื้นที่เขตสุขภาพ 1-12 จำนวน 40,648 เตียง ผู้ป่วยครองเตียง 39% ว่างอยู่ 24,786 เตียง และหากแบ่งตามอาการความรุนแรง จากข้อมูลทั่วประเทศ มีผู้ป่วยครองเตียง ระดับสีแดง 69% ระดับสีเหลือง 54% และระดับสีเขียว 44%

ส่วนพื้นที่ กทม.และปริมณฑลซึ่งมีผู้ติดเชื้อโควิด19 เกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดทั่วประเทศ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีแผนขยายจำนวนเตียงโรงพยาบาลบุษราคัมอีก 1 พันเตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยมีอาการที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ในภาพรวมมีการบริหารจัดการที่ดี มีบุคลากรทางการแพทย์สลับเข้ามาดูแล  ใช้กล้องซีซีทีวีเพื่อติดตามดูแลผู้ป่วยด้วย และกระทรวงฯยังได้ประสานโรงพยาบาลเอกชนเพื่อเพิ่มจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยอาการหนักด้วย ซึ่งแนวทางการจัดการเตียงในทุกโรงพยาบาล หากผู้ป่วยอาการหนักมีอาการดีขึ้น ก็จะได้รับการส่งต่อไปรับการดูแลโรงพยาบาลกลุ่มสีเหลืองที่ดูแลผู้ป่วยอาการไม่มากต่อไป

สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด19 ที่พบในกลุ่มแรงงานต่างด้าวเป็นคลัสเตอร์ กระจายอยู่ในแคมป์ก่อสร้างในหลายเขตของ กทม.นั้น คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. เห็นชอบแนวทางการควบคุมพื้นที่แคมป์คนงานก่อสร้าง เขตหลักสี่ โดย 1)ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงาน 2)จัดการดูแลสุขอนามัยของผู้ที่อยู่ในแคมป์ 3)ส่งมอบอาหาร 4)จัดทีมแพทย์ดูแลรักษาเบื้องต้นแก่ผู้ติดเชื้อที่อยู่ภายใน และ 5)หากพบผู้มีอาการป่วยจะนำส่งโรงพยาบาลต่อไป ส่วนการดูแลแคมป์คนงานก่อสร้างอื่นๆ จะแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ 1) แคมป์คนงานก่อสร้างที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้าง หากพบผู้ติดเชื้อให้ดำเนินการควบคุมพื้นที่เช่นเดียวกับแคมป์คนงานเขตหลักสี่ โดยผู้ที่อยู่ภายในยังสามารถทำงานได้ตามปกติ และ 2) แคมป์คนงานก่อสร้างที่ไม่ได้อยู่พื้นที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้าง ให้กักตัวผู้ที่ติดเชื้อในพื้นที่แคมป์ซึ่งเจ้าของต้องจัดให้เหมาะสม ภายใต้การดูแลของสำนักงานเขตและสำนักอนามัย และผู้ที่ไม่ติดเชื้อที่ต้องเดินทางไปทำงานจะต้องแจ้งเส้นทางการเดินทางต่อเขตต้นทางและปลายทาง โดยจะต้องไม่จอดหรือหยุดพักระหว่างทาง และปฏิบัติตามมาตรการอื่นๆที่กำหนดอย่างเคร่งครัด พร้อมกันนี้ สำนักอนามัยจะจัดทีมลงพื้นที่เสี่ยงเพื่อตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 30 ก.ย. หมุนเวียน 6 กลุ่มเขต เพื่อลดการเดินทางของประชาชนให้ได้มากที่สุดด้วย

“นายกรัฐมนตรีห่วงใยและติดตามการดำเนินการในพื้นที่ กทม.และจังหวัดโดยรอบอย่างใกล้ชิด ยืนยันดูแลทุกชีวิตให้ดีที่สุด ไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย มั่นใจแนวทางที่สาธารณสุข กทม.และหน่วยงานต่างๆที่ร่วมกันดำเนินการอยู่นี้ครอบคลุมการเร่งค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก การดำเนินการฉีดวัคซีน จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้”  นางสาวรัชดากล่าว

Advertising

“นิสิตป.เอก มจร” จัดทอดผ้าป่าต้นไม้ที่มหาจุฬาอาศรมโคราช

People Unity :  “นิสิตป.เอก มจร” จัดทอดผ้าป่าต้นไม้ที่มหาจุฬาอาศรม มจร ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

วันที่ 20 ต.ค.2562 ดร.กาญจนา ดำจุติ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 17-21 ต.ค.2562 คณะครุศาสตร์ มจร ได้จัดกิจกรรมการปฏิบัติโครงการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน(การบริหารจิตและเจริญปัญญา) นิสิตหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู รุ่นที่ 5 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปีการศึกษา 2562 ที่มหาจุฬาอาศรม มจร ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

พร้อมกันนี้คณาจารย์และนิสิตปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตร์ และรัฐศาสตร์ มจร พิธีมอบป้าย ปลูกต้นไม้ ในการทอดผ้าป่า ที่ศาลาปฏิบัติธรรม มหาจุฬาอาศรม

รัฐบาลเร่งช่วยลูกหนี้ กยศ. ขยายเวลาตัดยอด ปรับโครงสร้างหนี้ถึง 24 พ.ค.นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 18 พฤษภาคม  2568 เปิดเทอมแล้ว…รัฐบาลเร่งช่วยลูกหนี้ กยศ. ขยายเวลาตัดยอด ปรับโครงสร้างหนี้ถึง 24 พ.ค.นี้ แนะผู้กู้เข้าระบบลงทะเบียน เพื่อไม่พลาดสิทธิตามกฎหมายใหม่

วันนี้ (18 พฤษภาคม 2568) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง ความคืบหน้าในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ตาม พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566  ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดภาระของผู้กู้ และเปิดโอกาสให้สามารถชำระหนี้ได้อย่างเหมาะสม

โดยมาตรการใหม่นี้ถูกออกแบบให้เป็นผลดีต่อผู้กู้ยืมทุกคน ทั้งในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ และเงื่อนไขการผ่อนชำระ  ซึ่งพบว่ายังมีผู้กู้จำนวนมากที่ยังไม่เข้ามาลงทะเบียนหรือดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตามสิทธิที่ได้รับ ส่งผลให้บางรายอาจต้องรับภาระทางการเงินเพิ่มขึ้น หากไม่ได้เข้าระบบตามเวลาที่กำหนด

กยศ. ได้ประกาศขยายระยะเวลาในการตัดยอดประจำเดือนพฤษภาคม 2568 จากเดิมวันที่ 17 เป็น 24 พฤษภาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้กู้ที่ยังไม่ลงทะเบียน ได้เข้าระบบลงทะเบียนเพื่อขอคืนเงิน และปรับยอดหนี้ก่อนต้องจ่ายเงินเพิ่ม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มหรือเกิดค่าปรับในอนาคต

“รัฐบาลขอความร่วมมือจากผู้กู้ กยศ. ทุกคน ให้เร่งดำเนินการภายในระยะเวลาที่ขยายออกไป จนถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 นี้ เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ และลดภาระทางการเงินของตนเองในระยะยาว หากผู้กู้ยืมไม่ชำระเงินคืนตามกำหนดจะทำให้เกิดภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและเกิดเบี้ยปรับจากการผิดนัดชำระหนี้ รวมถึงอาจถูกฟ้องร้องบังคับคดีตามกฎหมายอีกด้วย” นายอนุกูล กล่าว

Advertisement

เกษตรกรสมุทรสงครามบุก สธ. ให้กำลังใจ”อนุทิน”แบนสารพิษ

People Unity News : เกษตรกรสมุทรสงครามบุก สธ. ให้กำลังใจ”อนุทิน”แบนสารพิษ รมว.สธ.ลั่นพร้อมแบนสารทดแทน หากพบมีอันตรายต่อสุขภาพ นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยร้องผลกระทบ 2-3 เดือนโรงงานอาหารสัตว์ทุกแห่งต้องปิดตัว

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กลุ่มเกษตรกรจากจังหวัดสมุทรสงครามกว่า 100 ชีวิต ได้นำดอกไม้ และกระเช้าผลไม้มาให้กำลังใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กรณีแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเรื่องแบน 3 สารพิษ คือ พาราควอต ไกรโฟเซต และคลอร์ไฟริฟอส โดยตัวแทนกลุ่มดังกล่าวได้ให้ข้อมูลว่าเป็นชาวจังหวัดสมุทรสงครามตัวจริง ขณะที่เครือข่ายอาสาคนรักษ์แม่กลอง ที่สนับสนุนการใช้สารพิษ และฟ้องศาลปกครองให้ทบทวนมติของคณะกรรมวัตถุอันตรายนั้น สมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี แต่กลับยืมชื่อแม่กลองมาใช้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าคนแม่กลอง และคนจังหวัดสมุทรสงครามสนับสนุนสารพิษ

สมาชิกในกลุ่มยังเปิดเผยข้อมูลอีกว่า เกษตรกรในจังหวัดสมุทรสงคราม ส่วนมากจะปลูกมะพร้าว ส้มโอ ลิ้นจี่ ไม่ได้ใช้สารเคมีดังที่บางกลุ่มกล่าวอ้าง ดังนั้น ชาวเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม จึงให้การสนับสนุนนโยบายแบนสารพิษ

ด้านนายอนุทิน หลังได้รับดอกไม้ และกระเช้าผลไม้ ได้กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีจุดยืนต่อต้านสารพิษ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ตอนที่โรงพยายาลขึ้นป้ายแบนสารพิษ ก็เกิดขึ้นเพราะความสมัครใจของโรงพยาบาลแต่ละที่ ทั้งนี้ จากที่มีความเป็นห่วงว่าบางคน บางกลุ่ม จะพลิกมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ถึงขั้นไปฟ้องศาลปกครอง แต่ตนก็เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม จึงคิดว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง กระทรวงสาธารณสุข ไม่ต้องการรักษาโรคที่เกิดจากสารพิษอีกแล้ว เราต้องการนำงบไปส่งเสริมสุขภาพด้านอื่น ที่สำคัญการแบนสารพิษ จะทำให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้น

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ทุกคนเห็นแล้วว่าสารเคมีทางการเกษตร มีอันตรายต่อมนุษย์ ดังนั้น จะมาแบนตัวหนึ่ง แล้วปล่อยให้ใช้สารที่มีอันตรายตัวอื่น ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และกระทรวงสาธารณสุข มีจุดยืน เราไม่เห็นด้วยกับการใช้สารเคมีที่มีอันตรายต่อสุขภาพ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการนำสารกลูโฟซิเนตมาใช้ทดแทนไกรโฟเซต ที่สุดแล้ว สารตัวนี้ จะถูกแบนด้วยหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ถ้าตรวจพบว่ามีอันตรายต่อสุขภาพ ก็จะไม่ให้ใช้

“ส่วนเรื่องการกำหนดค่าสารตกค้าง(MRL) เป็นความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ซึ่งมีตัวชี้วัดอยู่แล้ว และงานดังกล่าวอยู่ในส่วนของงานประจำ ซึ่งฝ่ายการเมืองได้ให้นโยบายไปแล้วว่าไม่เอาสารพิษทุกประการ”

นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยร้องผลกระทบ 2-3 เดือนโรงงานอาหารสัตว์ทุกแห่งต้องปิดตัว

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยกล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อนำเสนอผลกระทบเรื่องการเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์จากการแบน 3 สารเคมี โดยระบุว่า ตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่กำหนดให้พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอสเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก และครอบครอง จะทำให้การนำเข้าสินค้าเกษตรต้องกำหนดค่าตกค้างของสาร 3 ชนิดต้องเป็น 0% ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 387 พ.ศ. 2560 เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง

ทั้งนี้ปัจจุบันไทยนำเข้าถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง และข้าวสาลีปีละกว่า 7 ล้านตัน โดยนำเข้าจากประเทศที่ใช้สารไกลโฟเซตทั้งสิ้น ดังนั้นการแบนสารเคมี 3 ชนิดจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าวัตถุดิบทันที จึงขอทราบความชัดเจนถึงแนวทางปฏิบัติในการนำเข้าและมาตรการรองรับเนื่องจากธุรกิจอาหารสัตว์ ปศุสัตว์ และอุตสาหกรรมอาหารทั้งระบบจะเสียหายอย่างมหาศาล คิดเป็นมูลค่ากว่า 800,000 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าการส่งออกกว่า 200,000 ล้านบาท อีกทั้งจะทำให้เกิดปัญหาการเลิกจ้างงานและปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมา โดยส่งหนังสือไปตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน แต่ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ

นายพรศิลป์กล่าวว่า จากสต็อกวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ที่มีอยู่ในประเทศจะรองรับการเลี้ยงไก่เนื้อ ไก่ไข่ สุกร และกุ้งได้เพียง 2-3 เดือนเท่านั้น หากรัฐบาลไม่มีแผนรับมือ ธุรกิจเหล่านี้จะล่มสลาย จากที่เป็นผู้ผลิตเนื้อสุกร ไก่เนื้อ ไข่ไก่ และกุ้ง ไทยต้องเปลี่ยนเป็นผู้นำเข้า​ อีกทั้งการนำเข้าต้องมีใบรับรองว่า เนื้อสัตว์เหล่านั้นไม่ได้เลี้ยงด้วยอาหารที่ผลิตจากวัตถุดิบที่ใช้ไกลโฟเซต อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของไทยใช้กากถั่วเหลืองเป็นโปรตีน 24-25 % แต่ถั่วเหลืองที่นำเข้าใช้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและบริโภคด้วย ส่วนข้าวสาลีส่วนหนึ่งเป็นอาหารสัตว์ แต่อีกส่วนหนึ่งใช้ในอุตสาหกรรมอาหารคนเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปัง เบเกอรี่ต่างๆ เป็นต้น จึงกระทบต่อระบบห่วงโซ่อาหาร ตลอดจนเกิดปัญหาการเลิกจ้างงาน และปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมาแน่นอน

นายพรศิลป์กล่าวต่อว่า การตัดสินใจของรัฐบาลที่แบนสารเคมี 3 ชนิดนี้ไม่ได้พิจารณาถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างถี่ถ้วนเนื่องจากไม่ได้เป็นเพียงเรื่องภายในประเทศ แต่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ ล่าสุดสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยแจ้งให้ประเทศบราซิลขอใบรับรองค่ามาตรฐานสารตกค้างของไกลโฟเซตในถั่วเหลืองนำเข้าที่จะต้องเป็น 0% ตามกฎหมายไทย ซึ่งทูตเกษตรประจำสถานทูตบราซิลระบุว่า ไม่สามารถทำตามเงื่อนไขของสมาคมฯ ได้ เนื่องจากเมล็ดถั่วเหลืองของบราซิลมีปริมาณไกลโฟเซตตกค้างอยู่ที่ 10 ppb (ส่วนในพันล้านส่วน) ซึ่งต่ำกว่าค่าความปลอดภัยทางด้านอาหารตามคณะกรรมาธิการโครงการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (Codex) กำหนดไว้ที่ 20 ppb ดังนั้นบราซิลจะนำเรื่องนี้ไปหารือในองค์การการค้าโลก (WTO) ว่า เป็นประเด็นกีดกันทางการค้าหรือไม่ โดยคาดว่า สหรัฐอเมริกาและแคนาดาซึ่งส่งออกถั่วเหลืองและข้าวสาลีมายังไทยจะหยิบยกเรื่องนี้มาหารือด้วย นอกจากนี้ไทยยังนำเข้าข้าวสาลีจากออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และยูเครน ซึ่งต้องติดตามท่าทีของประเทศเหล่านี้ต่อไป สำหรับแนวทางการหารือใน WTO นั้น ประเทศคู่ค้าจะเสนอให้ไทยนำผลพิสูจน์ทางด้านวิทยาศาสตร์ที่ไทยวิเคราะห์เองมายืนยันว่าปริมาณสารตกค้างไกลโฟเซตในปริมาณ 10-20 ppb ตามที่ Codex กำหนดนั้นนั้นมีอันตรายต่อการบริโภคอย่างไร ซึ่งเป็นหน้าที่ขององค์การอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุขที่ต้องเร่งดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนและชัดเจน

“ทันทีที่การยกเลิกสารเคมี 3 ชนิดมีผลบังคับใช้ ต้องห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศที่ใช้ 3 สารนี้อยู่แน่นอน ไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกรไทย อีกทั้งผู้บริโภคจะไม่ได้รับประโยชน์อะไร หากยังนำเข้าสินค้าที่ใช้สารเคมีที่ไทยยกเลิก เห็นชัดเจนว่า การตัดสินใจด้านนโยบายในการยกเลิกสารเคมี 3 ชนิดนี้ รัฐไม่ได้มองผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาให้รอบด้าน หากผู้บริหารประเทศรับข้อมูลที่ผิด ไม่มีทางที่จะตัดสินใจได้ถูกต้อง” นายพรศิลป์กล่าว

Verified by ExactMetrics