วันที่ 31 ตุลาคม 2025

เด็กไทย 1 ใน 4 พัฒนาการช้า กระทบสมอง เสี่ยงซึมเศร้า

People Unity News : 25 สิงหาคม 2566 เด็กไทย 1 ใน 4 พัฒนาการล่าช้า กระทบสมอง เสี่ยงซึมเศร้า ซ้ำ น้ำหนัก/ส่วนสูงไม่ถึงเกณฑ์ สสส. สานพลังภาคี ผุดนวัตกรรมคู่มือ “สามเหลี่ยมสมดุล : วิ่งเล่น กินดี นอนพอ” สร้างสุขภาพที่ดีแก่เยาวชน ขยายผลใช้ 43 โรงเรียนในสังกัด กทม. สช. กระทรวงมหาดไทย

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2566 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม กรุงเทพฯ นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้ช่วยผู้จัดการอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากข้อมูลพัฒนาการเด็กปฐมวัยของไทย ปี 2565 โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า เด็กไทย 25% หรือ 1 ใน 4 มีพัฒนาการไม่สมวัย มีผลกระทบต่อสมอง ร่างกายผอม-อ้วนเกิน และจิตใจ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังส่งผลให้เด็กมีกิจกรรมทางกายเพียงพอลดลง จากเดิม 24.4% ในปี 2562 เหลือ 17.7% ในปี 2565 หรือเทียบเท่าเด็กไทย 3 ใน 4 คนมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ สสส. สานพลังภาคีเครือข่าย เร่งขับเคลื่อนกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพเด็กและเยาวชน พัฒนานวัตกรรม “สามเหลี่ยมสมดุล” คู่มือสำหรับดูแลเด็ก 6-12 ปี ทั้งในบ้านและโรงเรียน มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้าน 1.การนอนหลับ 2.การกิน 3.การเล่นหรือการขยับร่างกายที่เหมาะสม 3 สิ่งนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการ และสุขภาพกายใจของเด็ก

“แคมเปญ “สามเหลี่ยมสมดุล” ได้นำไปใช้ขยายผล ผ่านการจัดกิจกรรมห้องเรียนสร้างเด็กสมดุลใน 4 ภูมิภาค พร้อมขยายผลใน 43 โรงเรียนทั่วประเทศ มีผู้ปกครอง คุณครูเข้าร่วมกิจกรรม 282 คน สำหรับในปี 2567 มุ่งส่งต่อแคมเปญสามเหลี่ยมสมดุลผ่านการจัดค่ายปิดเทอมเด็ก ห้องเรียนพ่อแม่ คาราวานสัญจรร่วมกับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) รวมถึงโปรแกรมช่วยบันทึกพัฒนาการคุณหนู ผ่านแอปพลิเคชัน Persona Health ทั้งนี้ ติดตามสื่อการเรียนรู้และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่https://resourcecenter.thaihealth.or.th เฟซบุ๊กแฟนเพจ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ (สสส.) Line@เครือข่ายพันธมิตร และ www.childimpact.co” นางเบญจมาภรณ์ กล่าว

ดร.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. กล่าวว่า เด็กไทยอายุ 6-14 ปี มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนสูงถึง 15.5% ในขณะที่ผอม 5.5% และเตี้ย 3.2% สาเหตุหลักเกิดจากพฤติกรรมด้านอาหารและโภชนาการที่ไม่พึงประสงค์ อาทิ กินผัก ผลไม้ไม่เพียงพอถึง 72% กินขนมกรุบกรอบมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ กว่า 50% และดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวาน 71.3% ซึ่งเกิดจากผู้ใหญ่ขาดเครื่องมือในการสร้างเด็กให้มีความฉลาดรอบรู้ด้านโภชนาการ และไม่ได้สร้างสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเข้าถึงอาหารที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ นวัตกรรม “สามเหลี่ยมสมดุล” เป็นการสร้างระบบและกลไกให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างโรงเรียน สู่บ้าน และชุมชน ช่วยให้เด็กเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

รศ.ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สนับสนุนโดย สสส. กล่าวว่า มิติด้านการเล่น จากการติดตามเฝ้าระวังพฤติกรรมพบว่า เด็กและเยาวชนไทยกำลังเผชิญกับภาวะการขาดการเคลื่อนไหวร่างกายที่เพียงพอ แต่กลับมีพฤติกรรมการใช้หน้าจอและพฤติกรรมเนือยนิ่งที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาจนถึงปัจจุบัน โดยร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีกิจกรรมทางกาย วิ่งเล่น ออกแรงเคลื่อนไหวที่เพียงพอ ปี 2565 ลดเหลือเพียง 16% น้อยกว่าในปี 2564 ที่อยู่ที่ 24% และใกล้เคียงกับในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 ที่อยู่ที่ร้อยละ 17% ขณะที่ร้อยละของเด็กและเยาวชนที่ใช้หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ในวัตถุประสงค์เพื่อความบันเทิงไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน ก็ลดลงจาก 26% มาอยู่ที่ 15% เท่านั้น สะท้อนว่าวิถีชีวิตเด็กและเยาวชนมีความไม่สมดุล และต้องการการสนับสนุนจากครอบครัว โรงเรียน และชุมชนอย่างใกล้ชิด

ดร.เจษฎา อานิล ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เด็กที่นอนน้อยกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน สมองจะมีพัฒนาการที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำ สติปัญญา และสุขภาพจิต เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกันที่นอน 9 ชั่วโมงหรือมากกว่าต่อวัน นอกจากนี้ภาวะนอนน้อยในเด็กยังสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น พัฒนาการของเด็กนอกจากต้องกินดี มีประโยชน์ วิ่งเล่นอย่างเหมาะสมอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน การนอนให้พอ เป็นกุญแจสู่พัฒนาการที่ดี สร้างเด็กสมดุล

Advertisement

“หมอตี๋”โชว์ฟิตวิ่งมินิมาราธอน 10 กม. สสส.จัด”ไทยเฮลท์ เดย์ รัน 2019″ครั้งที่ 8

People Unity News : “รมช.สาธิต” เปิดงาน”ไทยเฮลท์ เดย์ รัน 2019″ ครั้งที่ 8 โชว์ฟิตวิ่งมินิมาราธอน 10 กม. ร่วมนักวิ่งกว่า 6 พันคน พร้อมประกาศยกระดับมาตรฐานงานวิ่ง สู่ต้นแบบงานวิ่งเพื่อสุขภาพ ยึดหลัก “Safe, Fair, Fun” พัฒนาการจัดงาน-นักวิ่งควบคู่กัน ชวนเริ่มต้นดีชีวิตดี “เดินวิ่ง” เป็นวิถีชีวิต

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2562 ที่บริเวณสวนหลวงพระราม 8 กรุงเทพมหานคร ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คนที่ 1 เป็นประธานเปิดงาน กิจกรรมเดินวิ่ง “ไทยเฮลท์ เดย์ รัน 2019” (Thaihealth Day Run 2019) ครั้งที่ 8 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และในวาระครบรอบ 18 ปี สสส.

ดร.สาธิต ร่วมวิ่งมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมี ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษากรรมการ สสส., ดร.แดเนียล เคอร์เตซ ผู้แทนองค์การอนามัยโลก, , นพ. ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส., นายประสาร จิรชัยสกุล ประธานมูลนิธิสมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย ร่วมกิจรรมพร้อมกับนักวิ่งเข้ากว่า 6,000 คน

ดร.สาธิต กล่าวว่า สสส.และสมาพันธ์และสมาพันธ์ชมรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพไทย ถือเป็นผู้ริเริ่มการวางมาตรฐานการจัดงานวิ่ง โดยได้จัดทำคู่มือ 2 ฉบับ คือ 1.คู่มือการจัดกิจกรรมวิ่งประเภทถนน เพื่อเป็นคำแนะนำให้การจัดการแข่งขันวิ่งประเภทถนนมีมาตรฐานสูงในระดับที่สามารถจัดเกรด หรือติดป้ายรับรองของ IAAF กติกาและคำแนะนำที่เป็นสากลพึงปฎิบัติ เพื่อให้การจัดการแข่งขันมีความปลอดภัยและเกิดความเท่าเทียมกัน และ2.ข้อปฏิบัติที่ดีในการจัดกิจกรรมวิ่งประเภทถนน ที่นำมาใช้กับการจัดงานวิ่งในประเทศไทย โดยเน้นการจัดงานวิ่งเพื่อสุขภาพเป็นไกด์ไลน์สำหรับผู้จัดงานวิ่ง โดยยึดหลัก ‘Safe, Fair, Fun’ ซึ่งได้มีการนำไปใช้กับการจัดงานที่สสส.สนับสนุน เพื่อเป็นต้นแบบของงานวิ่งเพื่อสุขภาพ เกิดการจัดงานวิ่งที่มีมาตรฐานขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้นักวิ่งมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิ่งที่ปลอดภัยมีการเตรียมพร้อมก่อนวิ่งศึกษาและเคารพกฎกติกามารยาทการวิ่งรวมถึงเข้าใจหลักการกินที่ถูกต้องทั้งก่อนและหลังวิ่ง และให้การวิ่งเพื่อสุขภาพ เป็นชีวิตดีๆ ที่เริ่มที่ตัวเราเอง และวิ่งจนเป็นวิถีชีวิต

ดร.สาธิต กล่าวต่อว่า ภาพรวมของประเทศ สสส.ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ผลักดันให้เกิดแผนส่งเสริมกิจกรรมทางกายชาติ พ.ศ.2561-2573 ฉบับที่ 1 มีเป้าหมายให้ประชาชนมีวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉงด้วยกิจกรรมทางกาย ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ผ่าน 3 ยุทธศาสตร์ คือ 1. การส่งเสริมกิจกรรมทางกายประชาชนทุกกลุ่มวัย 2. การส่งเสริมสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย

และ 3. การพัฒนาระบบสนับสนุนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย หากคนไทยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอจะช่วยลดความสูญเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้ถึง 11,129 รายต่อปี และลดต้นทุนค่ารักษาพยาบาลได้ถึง 5,977 ล้านบาท

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. ส่งเสริมให้คนไทยในแต่ละกลุ่มวัยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ ซึ่งผลการสำรวจกิจกรรมทางกายประชากรไทย พ.ศ. 2562 โดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ปัจจุบันประชากรไทยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพออยู่ร้อยละ 74.6ซึ่งนับเป็นสถิติใหม่ที่เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนๆ ถือว่าการส่งเสริมกิจกรรมทางกายให้เข้าถึงคนทุกกลุ่มวัยได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันการวิ่ง เป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการมีกิจกรรมทางกายที่เพิ่มขึ้น

“จิราพร” สั่ง สคบ. ยกระดับคุ้มครองผู้บริโภคขนานใหญ่

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 21 มิถุนายน 2568 “จิราพร” สั่ง สคบ. เดินหน้าแก้ กม. ยกระดับคุ้มครองผู้บริโภคขนานใหญ่ เน้นทันสมัย-ป้องกันผู้ประกอบการเอาเปรียบ

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับข้อร้องเรียนจากผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่ากฎหมายที่ใช้บังคับในการดูแลคุ้มครองผู้บริโภค เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค 2522 พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มีข้อจำกัดในการรองรับบริบทเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี จึงได้สั่งการให้ สคบ. เร่งการทบทวน และแก้ไขกฎหมายดังกล่าวให้มีความทันสมัย สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี พร้อมยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคให้ครอบคลุมและเข้มแข็งยิ่งขึ้น

โดยเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาศึกษาและจัดทำร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่..) พ.ศ. … โดยมีหน้าที่วิเคราะห์ปัญหา ศึกษาข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน และยกร่างบทบัญญัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ต่อมาวันที่ 6 มิถุนายน 2568 สคบ. ได้จัดโครงการประเมินผลสัมฤทธิ์ชองพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 โดยเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และในวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา สคบ. ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย สอดรับกับสภาพการค้าขายและกลไกทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

“การปรับปรุงตัวกฎหมายครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับการทำงานคุ้มครองผู้บริโภคของ สคบ. ครั้งใหญ่ เป็นการปฏิรูปทั้งกฎหมาย ทั้งกลไกการดำเนินงาน ซึ่งจะทำให้การช่วยเหลือผู้บริโภคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และมีบทลงโทษผู้กระทำผิดที่เหมาะสมกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป” นางสาวจิราพรกล่าว

Advertisement

สตช. รับนโยบายรัฐบาลดิจิทัล ให้ประชาชนเช็คประวัติอาชญากรรมออนไลน์ด้วยตนเองได้แล้ว

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 สิงหาคม 2567 “เกณิกา” เผย สตช. รับนโยบายรัฐบาลดิจิทัล ลดความยุ่งยาก อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเช็คประวัติอาชญากรรมออนไลน์ด้วยตนเองเพื่อยื่นสมัครงานได้แล้ว

วันนี้ (2 ส.ค. 67) น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นให้หน่วยงานราชการ ลดความซับซ้อนการบริหารงานเอกสาร และเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ซึ่งกองทะเบียนประวัติอาชญากร หรือ ทว. สังกัด สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สนองนโยบายของรัฐบาลด้วยเช่นกัน

ซึ่งจากเดิมได้เคยให้บริการตรวจสอบประวัติ ล่าสุดได้ประกาศเปลี่ยน URL เว็บไซด์ในการตรวจสอบประวัติด้วยชื่อ-สกุล-เลขประจำตัวประชาชนออนไลน์  เดิมใช้ www.crd-check.com  เป็น  www.crd.go.th  เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 67 เป็นต้นไป ด้วย ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์  เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ 2565 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ 2526 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2564 กำหนดให้หน่วยงานของรัฐให้ใช้โดเมนเนม .go.th  เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการ โดยการบริการของ ทว.ยังสามารถตรวจประวัตินำไปใช้สมัครงานได้ด้วย

น.ส.เกณิกา กล่าวต่ออีกว่า การให้บริการในเว็บไซต์ ทว.ดังกล่าว ประชาชนสามารถดำเนินการได้ดังนี้

1.ขอตรวจสอบประวัติอาชญากร โดยกรอกข้อมูล ชื่อ-สกุล-หมายเลขประจำตัวประชาชน อัพโหลดบัตรประชาชนและรูปถือบัตรประชาชนข้างหน้า กดยืนยัน รอผลตรวจอนุมัติ 7-15 วันทำการ เมื่อ เข้าเช็คสถานะ ขึ้นว่าอนุมัติแล้ว  ประชาชนสามารถมาติดต่อรับผลการตรวจสอบได้ที่กรุงเทพฯ รับที่  ทว. หรือ ต่างจังหวัดรับที่ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1-10 และพฐ.จว.ทุกจังหวัด ทั่วประเทศ

2.ตรวจสอบข้อมูลบุคคล ตามโครงการลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน ว่าที่มีชื่ออยู่ในโครงการหรือไม่ โดยเป็นผู้ที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง  อัยการ/พงส.สั่งไม่ฟ้อง ฯลฯ

ส่วนประชาชนหรือบริษัทที่ต้องการตรวจสอบประวัติอาชญากร ด้วยลายพิมพ์นิ้วมือให้นำหนังสือนำส่งตัวมาพิมพ์มือ  สามารถติดต่อ พิมพ์มือได้ที่ กรุงเทพมหานครที่ ทว. ต่างจังหวัดติดต่อที่ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1-10 และพฐ.จว.ทุกจังหวัด ทั่วประเทศ

Advertisement

แนะ 5 ข้อน่ารู้ไว้ป้องกันก่อนไฟไหม้บ้าน “วันที่เกือบไม่เหลืออะไร”

People Unity News : แนะ 5 ข้อน่ารู้ไว้ป้องกันก่อนไฟไหม้บ้าน “วันที่เกือบไม่เหลืออะไร” อุทาหรณ์เกิดเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่หมู่ 4 ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 จากเหตุเกิดเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่หมู่ 4 ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลกเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประกอบด้วยหลังที่ 1 เจ้าของบ้านชื่อ นายแถว ราชเพียแก้ว บ้านเลขที่ 16 หลังที่ 2 เจ้าของบ้านชื่อนางกันยารัญญ์ แสงปัญญา บ้านเลขที่ 74 ซึ่งทางอำเภอชาติตระการและองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อภาคได้ให้ช่วยเหลือเบื้องต้นนั้น ทางเพจอำเภอชาติตระการ (https://www.facebook.com/Chattrakantown/)ได้แจงเลขที่บัญชีรับความช่วยเหลือจากประชาชนทั่วไปด้วย

พร้อมกันนี้เพจอำเภอชาติตระการได้ แนะ 5 ข้อน่ารู้ไว้ป้องกันก่อนไฟไหม้บ้าน”ในวันที่เกือบไม่เหลืออะไร”

ไฟไหม้บ้านเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของคนเราเลยก็ว่าได้ เพราะเพลิงไฟลุกเผาบ้านเพียงครั้งเดียวก็พาให้วอดวายไม่เหลืออะไรเลย และถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์น่าสลดใจแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองแน่ ๆ ดังนั้นมาเรียนรู้วิธีป้องกันไฟไหม้บ้านอย่างปลอดภัยตามนี้กันดีกว่า รอบคอบไว้ก่อน จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้นครับ

1. เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง

ต้องยอมรับว่าสาเหตุของเพลิงไหม้เกิดจากการกระทำของคนในบ้านเองอยู่บ่อยครั้ง เช่น สูบบุหรี่บนโซฟาผ้า หรือบนเตียงนอน เก็บวัตถุไวไฟไว้ในที่ที่ไม่ปลอดภัย จนเด็กสามารถหยิบมาเล่นได้ง่าย ๆ รวมทั้งการหุงต้มอะไรทิ้งไว้นาน ๆ และการลืมถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ก็ควรเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ให้หมด และหมั่นตรวจสอบความเรียบร้อยทุกบริเวณ ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง

2. ป้องกันไฟในห้องครัว

ห้องครัวเป็นจุดเสี่ยงที่สุดในบ้าน เพราะมีเตาไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถก่อประกายไฟได้อยู่หลายชิ้น ทั้งเตาไมโครเวฟ เตาอบ หม้อหุงข้าว เป็นต้น ฉะนั้นจึงต้องดูแลส่วนนี้กันเป็นพิเศษ ไม่ควรปล่อยให้เตามีคราบอาหารหรือน้ำมันเกาะติด เพื่อป้องกันประกายไฟจากเตากระเด็นมาโดนจนเกิดเพลิงไหม้ นอกจากนี้เวลาทำครัวก็ควรจะใส่เสื้อผ้ากระชับตัว ไม่สวมเสื้อผ้ารุ่ยร่าย ส่วนบริเวณเตาก็อย่าแขวนผ้ากันเปื้อน หรือวางวัตถุไวไฟไว้ใกล้ ๆ ด้วย อีกทั้งหากมีเด็กเล็กอยู่ในบ้านก็ต้องสอนเขาให้ไม่มาเล่นในครัว หรือทางที่ดีก็ควรซื้อถังดับเพลิงและเรียนรู้วิธีใช้ถังดับเพลิงเอาไว้ก็ยิ่งดีค่ะ

3. ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง

เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดสามารถเป็นตัวการก่อเพลิงไฟได้ทั้งนั้น เราจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้อย่างยิ่งยวด ด้วยการสำรวจความชำรุดของสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าก่อนการใช้งาน ไม่ควรใช้ปลั๊กพ่วงเสียบใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าหลาย ๆ ชิ้น พร้อมกัน และก่อนจะใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า ควรตรวจสอบกำลังไฟไม่ให้เกินกำลังไฟภายในบ้านด้วย นอกจากนี้ก็ไม่ควรเก็บซ่อนปลั๊กไฟ หรือปลั๊กพ่วงเอาไว้ใต้พรมหรือผ้า รวมถึงก่อนออกจากบ้านก็ต้องถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นออกให้หมด โดยเฉพาะถ้าหากพบว่าปลั๊กไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดไหนที่มักจะร้อนจัด ๆ ก็ต้องเลี่ยงไม่ใช้งาน หรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องนำไปเช็กสภาพการใช้งานที่ศูนย์ด้วย

4. ติดตั้งเครื่องตัดไฟ

นอกจากเครื่องตรวจจับควันไฟ ก็ควรติดตั้งเครื่องตัดไฟเอาไว้ในบ้านด้วย เผื่อกรณีที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจรโดยที่เราไม่รู้ตัว เครื่องตัดไฟก็จะสามารถตัดกระแสไฟทั้งหมดในบ้านได้ทัน ก่อนที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับบ้านของเรา รวมทั้งควรติดตั้งสายดินภายในบ้านเพื่อป้องกันเพิ่มขึ้นอีกชั้น

5. ระบายอากาศในบ้าน

หากในบ้านมีอากาศร้อนอบอ้าว ก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดไฟไหม้ได้เช่นกัน ฉะนั้นจึงต้องหาทางระบายความร้อนให้บ้านมีอากาศปลอดโปร่ง เช่น ติดตั้งพัดลมระบายอากาศ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรปิดหน้าต่างและประตูจนมิดชิดเกินไป และควรติดระบบระบายอากาศบนฝ้าเพดานเพิ่มเข้าไปเพื่อความปลอดภัยให้มากขึ้น

เสียเวลาตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านสักนิดก่อนออกไปข้างนอก และลงทุนติดตั้งเครื่องป้องกันไฟไหม้เอาไว้ในบ้านบ้างก็ดี โดยเฉพาะถ้าหากคุณจำเป็นต้องทิ้งบ้านไปไหนไกล ๆ ก็ควรฝากบ้านไว้กับเพื่อนบ้าน ให้เขาช่วยสอดส่องดูแลในระหว่างที่ไม่อยู่ด้วย

ครม. ไฟเขียวเพิ่มวันลาคลอด ขรก. รับเงินเดือน 50% – พ่อลาดูแลลูก 15 วันไม่ติดต่อกันได้

People Unity News : ครม. ไฟเขียวเพิ่มวันลาคลอด ขรก. รับเงินเดือน 50% – พ่อลาดูแลลูก 15 วันไม่ติดต่อกันได้

12 ม.ค. 65 ที่ประชุม ครม. (11 ม.ค. 65) อนุมัติหลักการร่างมาตรการสนับสนุนสตรีให้เป็นพลังสำคัญทางเศรษฐกิจ สร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชายในการเลี้ยงดูบุตร และสร้างกลไกการพัฒนาเด็ก เพื่อลดภาระให้กับผู้หญิงที่ทำงาน สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ที่ไทยเข้าร่วมเป็นรัฐภาคี

ครอบคลุม 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มแรงงานหญิงทั้งในระบบและนอกระบบ กลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยว และกลุ่มผู้หญิงสูงอายุที่เป็นผู้เลี้ยงดูเด็ก

สำหรับมาตรการสนับสนุนมี 3 ส่วนหลัก

▶️จัดบริการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และขยายเวลาเปิด – ปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหรือสถานรับเลี้ยงเด็กให้สอดคล้องกับเวลาทำงานของผู้ปกครองในแต่ละพื้นที่

▶️ขยายวันลาคลอดของแม่ที่เป็นข้าราชการหญิง โดยได้รับค่าจ้างจากเดิมไม่เกิน 90 วัน เป็น 98 วัน (เพิ่มขึ้น 8 วัน) และสามารถลาเพิ่มได้อีกไม่เกิน 90 วัน โดยได้รับเงินเดือนในอัตรา 50%

▶️ส่งเสริมการลาของสามีที่เป็นข้าราชการชาย ช่วยภรรยาดูแลบุตรหลังคลอด โดยให้มีสิทธิลาได้ 15 วันทำการ เป็นช่วงๆ ไม่ติดต่อกันจนครบวันลา (จากเดิมที่ให้ลาครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ไม่เกิน 15 วันทำการ)

มาตรการดังกล่าวยังไม่มีผลในขณะนี้ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะรับข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา และแก้ไขระเบียบต่อไป

Advertising

ไทยอยู่กลุ่มประเทศพัฒนามนุษย์สูงสุด 3 ปีต่อเนื่อง

People Unity News : 11 กันยายน 2565 UNDP เผยไทยอยู่ในกลุ่มประเทศมีการพัฒนามนุษย์สูงสุด 3 ปีต่อเนื่อง ตอกย้ำความสำเร็จนโยบายรัฐบาลเร่งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนทุกด้าน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานความช่วยเหลือในด้านการพัฒนาของสหประชาชาติ (UN) ได้เผยแพร่รายงานการพัฒนาของมนุษย์ (Human Development Report) ปี 2021/2022 ซึ่งมีสาระสำคัญระบุถึงสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่างๆ ที่กระทบต่อการพัฒนาของมนุษย์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญกับโรคระบาด ผลจากสงครามที่กระทบต่อราคาน้ำมันและค่าครองชีพ ภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ พร้อมกับมีข้อเสนอแนะต่อประเทศต่างๆ ในการกำหนดนโยบายเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาในสถานการณ์ความไม่แน่นอน

พร้อมกันนี้ ในรายงานได้จัดทำดัชนีการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index: HDI) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความสำเร็จโดยเฉลี่ยของแต่ละประเทศในการพัฒนามนุษย์ โดยรายงานระบุถึง HDI ของไทยในปี 2021 อยู่ที่ 0.800 อยู่ในลำดับที่ 66 จาก 191 ประเทศทั่วโลก จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนามนุษย์ระดับสูงมาก และอยู่ในประเทศกลุ่มนี้ต่อเนื่องมา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2019 หรือ พ.ศ. 2562 เป็นต้นมา

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า หากพิจารณาเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียนมี 4 ประเทศที่จัดอยู่ในกลุ่มที่มีการพัฒนามนุษย์ระดับสูงมาก ได้แก่ สิงคโปร์ (0.939) บรูไน (0.829) มาเลเซีย (0.803) และไทย (0.800) ประเทศที่มีการพัฒนามนุษย์ระดับสูง มี 2 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย (0.705) เวียดนาม (0.703) และประเทศที่มีการพัฒนามนุษย์ระดับกลาง มี 4 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ (0.699) สปป.ลาว (0.607) และเมียนมา (0.585)

ทั้งนี้ HDI จะวัดความสำเร็จโดยเฉลี่ยของแต่ละประเทศในการพัฒนามนุษย์ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านความรู้ และด้านการครองชีพ แบ่งระดับการพัฒนาเป็น 4 กลุ่ม ซึ่งในปี 2021 ใน 191 ประเทศทั่วโลก จัดอยู่ในแต่ละกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีการพัฒนาสูงมาก (ดัชนี 0.800-1.000) จำนวน 66 ประเทศ, พัฒนาสูง (ดัชนี 0.700-0.799) จำนวน 49 ประเทศ, พัฒนาระดับกลาง (ดัชนี 0.550-0.699) จำนวน 44 ประเทศ และ พัฒนาต่ำ (ดัชนี 0.350-0.549) จำนวน 32 ประเทศ

“การที่ประเทศไทยมีผลการพัฒนามนุษย์อยู่ในระดับสูงมากได้ต่อเนื่อง สะท้อนถึงความสำเร็จในการผลักดันนโยบายด้านต่างๆ ของรัฐบาล ซึ่งจะยังคงขับเคลื่อนโดยรับฟังข้อแนะนำขององค์กรระหว่างประเทศ เช่น UNDP มาปรับใช้ และเดินหน้าตามแผนงานภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและแผนแม่บทฉบับต่างๆ ที่แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบ โดยมีเป้าหมายหลักคือการพัฒนาและยกดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นต่อเนื่อง” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

Advertisement

“วราวุธ”  ชี้ กระทรวง พม.จะทำงานเชิงรุกมากขึ้น ขอเป็นที่พึ่งพิงของ ปชช.

People Unity News : 12 กันยายน 2566 ที่รัฐสภา – “วราวุธ”  ชี้ กระทรวง พม.จะทำงานเชิงรุกมากขึ้น ยันจะเป็นกำแพงให้ ปชช.ได้พิงหลังยามเกิดปัญหา เตรียมมอบนโยบาย 19 ก.ย.นี้ ขอโทษประชาชนปมเบี้ยสนับสนุนเด็กแรกเกิดเข้าบัญชีช้า เหตุรอยต่อ ครม.

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนร่วมการประชุมร่วมรัฐสภา ว่า การแถลงนโยบายรัฐบาลเมื่อวานนี้ (11 ก.ย.) มีสมาชิกพูดถึงเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ คาดว่าในวันนี้จะมีประเด็นเพิ่มเติม ซึ่งจะประมวลข้อสังเกตของสมาชิกอื่น ๆ และขอขอบคุณหลายฝ่ายที่ตั้งแต่แถลงนโยบายได้ติดต่อเข้ามา การทำงานของ พม. ต่อจากนี้จะทำงานเชิงรุกมากยิ่งขึ้น สร้างความตระหนักรู้อีกหลายฝ่ายในสังคม

“ส่วนเรื่องเบี้ยของเด็กแรกเกิดที่เป็นปัญหา ต้องขอกราบอภัยประชาชนกว่า 2 ล้านราย ที่รอรับเบี้ยสนับสนุน 600 บาทต่อเดือน แต่ยังไม่ได้ เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านคณะรัฐมนตรี ทำให้ไม่สามารถอนุมัติงบประมาณดังกล่าวได้ และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ไม่มีอำนาจนำวาระมาอนุมัติงบประมาณ พรุ่งนี้จะมีการประชุม ครม. ผมได้ประสานกับสำนักเลขาธิการ ครม. สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง เพื่อที่จะทำให้เงินอยู่ในบัญชีของประชาชนภายในวันที่ 18 ก.ย.นี้” นายวราวุธ กล่าว

นายวราวุธ กล่าวว่า ทุก ๆ เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ จะมีงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งไม่ได้ให้ไม่ครบ แต่จำนวนของเด็กที่ได้รับการสนับสนุนในแต่ละเดือนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น สำนักงบประมาณจะให้เงินเป็นเลขกลม ๆ หากขาดเหลือเท่าไหร่ จะของบประมาณอีกครั้ง ซึ่งปีนี้ตรงกับช่วงการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ทำให้เกิดความล่าช้า และจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

ส่วนการมอบนโยบายให้กระทรวง พม.ในสัปดาห์หน้า นายวราวุธ กล่าวว่า มีแนวทางมอบนโยบายให้ข้าราชการในกระทรวงวันอังคารที่ 19 ก.ย.นี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา พม.มีภารกิจเยอะมาก ทั้งเรื่องเด็กและเยาวชน ทุกเพศ ทุกวัย และทุกสถานะ รวมถึงเคหะที่ดูแลเรื่องที่พักอาศัย ดังนั้น งานที่ผ่านมาเป็นงานที่เข้าถึงประชาชนทุกระดับ แต่บางครั้งต้องตระหนักถึงหน้าที่ของข้าราชการ เพราะประชาชนยังไม่รับรู้เท่าที่ควร

“เราจึงจะทำงานรุกให้มากขึ้น ทั้งการดูแลสวัสดิการประชาชน ให้ได้รับการรับรองในมิติต่าง ๆ การทำงานของ พม.จะเป็นกำแพงให้พี่น้องประชาชน ได้พิงเวลาเจอปัญหา จะเป็นเกราะป้องกันให้ประชาชนในยามเจออันตราย ดังนั้น มิติของ พม.ทั้งในไทยและทั่วโลกจะถูกทำให้มีความหลากหลายมากขึ้น” นายวราวุธ กล่าว

ส่วนกรณีของหยก นายวราวุธ กล่าวว่า จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ทั้งเรื่องการศึกษา และส่วนที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว โดยบริบทการทำงานของ พม. คงไม่ก้าวล่วงในเรื่องการศึกษา แต่เรื่องของครอบครัว เราจะใช้สหวิชาชีพทุกแขนงดูแล ซึ่งไม่ได้เน้นการแก้ไขที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่ต้องป้องกันทั้งระบบ ไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก

Advertisement

“อนุทิน”ชื่นชม “อสม.-อสต.” ตากดูแลสุขภาพประชาชนแนวชายแดน

People Unity News : “อนุทิน”รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พบปะ อสม.และอสต. จังหวัดตาก มอบนโยบายให้ อสม.กว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ รวมพลังสร้างให้คนในประเทศแข็งแรง ส่งเสริมให้รักษ์สุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารถูกสุขลักษณะ

เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2562 ที่ จ.ตาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะ เยี่ยมติดตามการดำเนินงานสาธารณสุขพื้นที่ชายแดนและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินี ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด และให้สัมภาษณ์ว่า อสม.เป็นกำลังสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข ในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นแก่ประชาชน สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพเพื่อป้องกันโรค ลดการเจ็บป่วย ด้วยเป้าหมายเดียวกัน คือช่วยให้ประชาชนสุขภาพดี โดย อสม.ทุกคนจะได้รับการพัฒนาศักยภาพให้เป็นหมอประจำบ้าน ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข สหวิชาชีพ และทีมหมอครอบครัว

“ขอแรง อสม. 1 ล้านกว่าคนทั่วประเทศ รวมพลังสร้างให้คนในประเทศแข็งแรง ส่งเสริมให้รักษ์สุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารถูกสุขลักษณะ จะช่วยลดการเจ็บป่วย ลดภาระงานเจ้าหน้าที่ ปัญหาสาธารณสุขของประเทศจะคลี่คลายลงได้” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวต่อว่า จ.ตาก เป็นพื้นที่ชายแดน ได้จัดการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) เพิ่มเติมขึ้น เพื่อเป็นเครือข่ายดำเนินการร่วมกันในพื้นที่ จับคู่ทำงานกับ อสม. แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารสุขภาพและป้องกันโรคติดต่อตามแนวชายแดน ปัจจุบันมี อสต. 661 คน และมี อสม. 12,790 คน ทั้งหมดได้รับการอบรมเป็นผู้บริบาลผู้ป่วยในหมู่บ้าน (Care Giver) การอบรมช่วยพื้นคืนชีพ การอบรมการปฐมพยาบาล การอบรม อสม.นักจัดการ 4.0 และ อสม.หมอประจำบ้าน

สำหรับสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินีแห่งนี้ เป็นสถานบริการสาธารณสุขที่ให้บริการประชาชนด้วยความสง่างามและสมพระเกียรติ ทั้งด้านสถานที่และการให้บริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานตามหลักวิชาการตามบริบทของพื้นที่ สนองงานในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 เผยแพร่พระเกียรติคุณและกิจกรรมเพื่อเทิดพระเกียรติ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งราชการ ท้องถิ่น เอกชน ประชาชนที่ได้ช่วยกันดูแลประชาชนในพื้นที่ 7,396 คน

“อนุทิน”เปิดตัวคู่มือการตรวจวิเคราะห์กัญชาทางการแพทย์

People Unity News : รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เร่งสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ ช่วยแก้ไขปัญหาสาธารณสุข และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมเปิดตัวคู่มือการตรวจวิเคราะห์กัญชาทางการแพทย์ และมาตรฐานการตรวจหาปริมาณสารสำคัญทั้งในวัตถุดิบ สารสกัดและผลิตภัณฑ์จากกัญชา เพื่อใช้เป็นมาตรฐานของประเทศ

วันที่ 28 ต.ค.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะ ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะผู้บริหารส่วนกลางและศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้การต้อนรับ หลังจากนั้น นายอนุทิน (รมว.สธ.) ได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นิทรรศการผลงานและกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ โครงการเฉลิมพระเกียรติฯ, กัญชาเสรีทางการแพทย์ การแพทย์แม่นยำ (Genomics Thailand) อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน, การพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP และ SME, การพัฒนานวัตกรรมชุดทดสอบและผลิตภัณฑ์สมุนไพร และการคัดกรองทารกแรกเกิด

นายอนุทิน กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นหน่วยงานที่มีนักวิจัยที่เก่งมีความรู้ความสามารถและมีความเป็นเลิศ ทางด้านห้องปฏิบัติการในระดับประเทศและภูมิภาคอาเซียน มีการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และการตรวจชันสูตรด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ พัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีแก่ประชาชน การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพห้องปฏิบัติการ ช่วยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของประเทศและการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อประเมินความเสี่ยง แจ้งเตือนภัยสุขภาพและคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาได้ค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อาทิ ชุดตรวจยีนแพ้ยา จำนวน 3 ชุด ได้แก่ ชุดตรวจยีน HLA-B*58:01 ก่อนให้ยาลดกรดยูริค อัลโลพูรินอล (Allopurinol), ชุดตรวจยีน HLA-B*57:01 ก่อนให้ยาต้านไวรัสเอชไอวี อะบาคาเวียร์ (Abacavir) และชุดตรวจยีน HLA-B*15:02 ก่อนให้ยากันชักคาร์บามาซีปีน (Carbamazepine) เพื่อป้องกันผื่นแพ้ยาชนิดรุนแรง ลดภาวะแพ้ยาในผู้ป่วยลมชักถึงร้อยละ 88 ช่วยประหยัดงบค่ารักษาพยาบาลจากอาการแพ้ยารุนแรงปีละกว่า 250 ล้านบาท ปัจจุบันได้เพิ่มสิทธิประโยชน์การตรวจยีน HLA ในผู้ป่วยโรคลมชัก ก่อนเริ่มยาคาร์บามาซีปีนใน 3 กองทุนหลัก ได้แก่ ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกันสังคม และกรมบัญชีกลาง เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่จำเป็นมีคุณภาพและมาตรฐานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีชุดทดสอบตรวจความผิดปกติของยีนอัลฟ่าธาลัสซีเมีย 1(DMSc α-thal 1) เนื่องจากในแต่ละปีประเทศไทยมีมารดาที่เสี่ยงต่อการมีบุตรเป็นโรคธาลัสซีเมียกว่า 5 หมื่นคน และมีเด็กเกิดใหม่ป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย 12,125 ราย รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณในการรักษาผู้ป่วยปีละไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาท

ดังนั้นการตรวจที่ให้ผลรวดเร็วถูกต้องแม่นยำ จะช่วยควบคุมและป้องกันโรคมีประสิทธิภาพและนำไปสู่การดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยชุดทดสอบนี้ได้รับการขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยและต่อยอดสู่การพัฒนานวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ในการแปลผลการทดสอบ รวมทั้งได้ถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีการผลิตสู่ภาคเอกชน เพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และขณะนี้กำลังมีการพัฒนาชุดทดสอบกัญชาและพัฒนาชุดตรวจวัดปริมาณสาร THC สำหรับให้เจ้าหน้าที่หรือประชาชนนำไปใช้ตรวจสอบพืชกัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชา ส่วนงานด้านคุ้มครองผู้บริโภคได้มีการแจ้งเตือนภัยสุขภาพ เช่น การพัฒนา อสม. ให้เป็น “อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน” สวมปลอกแขนเขียว และการจัดตั้งศูนย์เตือนภัยสุขภาพในหมู่บ้าน ตำบล เป็นอำเภอต้นแบบแจ้งเตือนภัยสุขภาพ

“ผมขอขอบคุณเจ้าหน้าที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทุกท่านที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยกันสนับสนุนผลักดันนโยบายกระทรวงสารณสุขในเรื่องการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ แก้ปัญหาสาธารณสุข และช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี การตรวจเฝ้าระวังสารเคมีปนเปื้อนในผักผลไม้และสนับสนุนให้ยกเลิกใช้ 3 สารเคมี ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต และเรื่องกัญชาเสรีทางการแพทย์ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนางานกัญชาทางการแพทย์ เพื่อให้ประชาชนได้รับยาที่มีคุณภาพ ปลอดภัยและสามารถผลิตในประเทศได้ ทำให้เกิดความมั่นคงด้านยาและพัฒนาสายพันธุ์กัญชา กัญชง เพื่อนำมาเป็นพืชเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต อีกทั้งขณะนี้ได้เปิดตัวคู่มือการตรวจวิเคราะห์กัญชาทางการแพทย์ และมาตรฐานการตรวจหาปริมาณสารสำคัญทั้งในวัตถุดิบ สารสกัดและผลิตภัณฑ์จากกัญชา เพื่อใช้เป็นมาตรฐานของประเทศ” นายอนุทิน กล่าว

โฆษณา

Verified by ExactMetrics