วันที่ 29 มีนาคม 2024

“วราวุธ”ท็อปฟอร์ม! ผ่านฉลุยปั่นเมืองสุพรรณบุรีครั้งที่ 8

People Unity News : “วราวุธ” ท็อปฟอร์ม เครื่องฟิต งานราชไม่ติด งานกีฬาไม่สะดุด ปั่นเมืองสุพรรณบุรีครั้งที่ 8 ผ่านฉลุย

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงาน 100 พลัส สุพรรณบุรีปั่นสไตล์เมืองเหน่อ ครั้งที่ 8 ที่สนามกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีนายภูสิต สมจิตต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี คณะผู้บริหารการกีฬาจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน และนักปั่นทั่วประเทศ ร่วมการแข่งขันกว่า 4,000 คน

การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ส่งเสริมให้เยาวชนประชาชนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีประโยชน์ และเป็นการรณรงค์ประหยัดพลังงาน และลดมลพิษรวมถึงรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อก่อให้เกิดกระแสการตื่นตัวในการปั่นจักรยาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุพรรณบุรี ที่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีทัศนคติที่ดีในการออกกำลังกาย และเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว สถานที่สำคัญต่าง ๆ ใน จ.สุพรรณบุรี ต่อไป

นายวราวุธ กล่าวว่า “ผ่านไปอีก 1 ปี แล้วครับ กับงานปั่นสไตล์เมืองเหน่อปีที่ 8 งานนี้ จัดเอง คุมเอง ดูงานติดตั้งเอง ลงปั่นเองด้วย ปีนี้ขอปั่นแบบเบาะๆ 23 กิโลเมตรพอครับ เพราะไม่ได้ออกกำลังเตรียมความพร้อมร่างกายเลยตลอด 4 เดือนมานี้ ขอบคุณพี่น้องนักปั่นกว่า 4,000 คนจากทั่วประเทศ ที่มาร่วมปั่นด้วยกันในวันนี้มากๆครับ แล้วพบกันใหม่ปีหน้า ที่นี่ ที่เดิม สุพรรณบุรีครับผม”

นายกฯ พบกลุ่มสตรี ย้ำ ขับเคลื่อนเสมอภาคคู่กระตุ้นเศรษฐกิจ

People Unity News : 7 กันยายน 2566 ที่พรรคเพื่อไทย – นายกฯ พบกลุ่มสตรี ย้ำ เป็นรัฐบาลของประชาชน ให้ความสำคัญกับความเสมอภาคเท่าเทียม พร้อมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับคณะนักธุรกิจและสมาคมสตรีจากภาคส่วนต่างๆ เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรี พร้อมเสนอให้นายกรัฐมนตรีส่งเสริมบทบาทสตรี  และหาทางออกปัญหาที่เกิดจากสถาบันครอบครัวที่ไม่ได้รับการแก้ไข  รวมทั้งขอให้ฟื้นกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ซึ่งเป็นกองทุนส่งเสริมอาชีพของสตรีที่เกิดขึ้นช่วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ซึ่งการส่งเสริมบทบาทสตรีอย่างเท่าเทียม จะส่งผลดีในภาพรวมของประเทศต่อไป  พร้อมแสดงความเชื่อมั่นในความรู้ ความสามารถของนายกรัฐมนตรี จะนำพาความแข็งแกร่งทุกด้าน นำพาประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤต  ขอให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีในการทำงานเพื่อประเทศชาติให้สำเร็จลุล่วงต่อไป

“ขอกราบขอบพระคุณสำหรับคำอวยพรที่ยิ่งใหญ่  สำหรับภารกิจที่หนักหนาขนาดนี้  ดีใจที่ในภาคของสตรีเข้าใจว่ารัฐบาลของประชาชนที่เข้ามาบริหารจัดการในขณะนี้ เราพิจารณาเรื่องความเท่าเทียมและสิทธิของสตรีด้วย ขณะนี้เราไม่ได้ดูเพียงเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่เรายังมีปัญหาเรื่องความเท่าเทียม มีเรื่องสิทธิของสตรี ขณะนี้ประเทศประสบปัญหาเยอะ ไม่ใช่เพียงเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว เรื่องความเหลื่อมล้ำ ความไม่เสมอภาค ความเท่าเทียม  ถือว่าเราต้องเยียวยาจิตใจของประชาชนทุกภาคส่วน  รัฐบาลของเรา รัฐบาลของประชาชน มีความตั้งใจจริงที่จะนำมาซึ่งความเสมอภาคและความเท่าเทียม ซึ่งภาคของสตรีเป็นภาคหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ภาคสตรีมาพบวันนี้ จะช่วยลดการมองว่ารัฐบาลมุ่งเพียงเรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว เรื่องของสังคมและความเท่าเทียมถือเป็นเรื่องที่สำคัญ  ดีใจที่สตรีหลายภาคส่วนมาพบวันนี้  โดยเฉพาะมีกงสุลกิตติมศักดิ์สหรัฐเม็กซิโก ประจำจังหวัดภูเก็ตมาด้วย ซึ่งรัฐบาลมีแผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดนั้น จึงขอความร่วมมือให้ท่านตอบสนองแนวนโยบายที่เราจะส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่สำคัญที่สุด

สำหรับผู้เข้าพบนายกรัฐมนตรีในวันนี้ 1.สมาคมสตรีไทยดีเด่นแห่งชาติ 2.สมาคมชาวเหนือแห่งประเทศไทย 3.สมาคมนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย-นครปฐม 4.สมาคมนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย-เพชรบุรี 5.สมาคมไหหลำ 6.มูลนิธิกฤตานุสรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ 7.มูลนิธิพัฒนาวิชาชีพสตรี 8.กลุ่มแอมเฟรม 9.ศาลแรงงานภาค 3 10.กงสุลกิตติมศักดิ์ สหรัฐเม็กซิโก ประจำจังหวัดภูเก็ต เขตกงสุล ภูเก็ต พังงา กระบี่ 11.ซอนต้า 8 12.บริษัท สมพลเบดดิ้ง แอนด์ แมทเทรส อินดัสตรี จำกัด 13.ชมรมเพลินไทย สมัยนิยม 14.นางเยาวเรศ ชินวัตร

Advertisement

มท.ออก 7 มาตรการเข้ม คุมอาวุธปืน-เทียมปืน คนมีบีบีกัน-แบลงค์กัน ต้องแจ้งนายทะเบียน

People Unity News : 5 ตุลาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล – “อนุทิน” ประชุมกำหนดมาตรการครอบครองอาวุธปืน ไม่อนุญาตสั่งนำเข้าปืน-สิ่งเทียมอาวุธปืนทุกชนิด พร้อมกระสุน คนมีบีบีกัน แบลงค์กัน ให้แจ้งนายทะเบียน สั่งผู้ว่าฯ งดออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน ห้ามเด็กต่ำ 20 ปีเข้าสนามยิงปืน เว้นนักกีฬายิงปืนทีมชาติ แต่ต้องฝากปืนไว้ที่สนามเท่านั้น ขอดีอีเอส ปราบเว็บขายปืนเถื่อน รายงานตรง มท.ทุก 15 วัน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมพิจารณาแนวทางการออกใบอนุญาตพกปืนแก่บุคคลทั่วไปว่า จากการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ตำรวจ กรมศุลกากร กระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการระยะสั้น ดังนี้

1.ให้นายทะเบียนอาวุธปืนทั่วประเทศ เช่น นายอำเภอในต่างจังหวัดและใน กทม.งดออกใบอนุญาตให้สั่งนำเข้าหรือค้าซึ่งสิ่งเทียมอาวุธปืนทุกชนิด ไม่เฉพาะปืน และไม่อนุญาตให้รายใหม่ขออนุญาตเป็นผู้ค้า สั่งนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืนเพิ่ม

2.ขอให้ผู้ครอบครองแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนที่อาจจะดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ โดยให้นำแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนของตนเองที่ครอบครองอยู่ไปแสดงและทำบันทึกต่อนายทะเบียนอาวุธปืนตามภูมิลำเนา ที่มีทะเบียนบ้านอยู่

3.ให้กรมศุลกากรตรวจสอบการนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยเฉพาะแบลงค์กันและบีบีกัน ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนให้เข้มงวด

4.ให้การกีฬาแห่งประเทศไทยที่กำกับดูแลสนามยิงปืนที่จดทะเบียนเป็นสมาคมกีฬาทั่วประเทศ ให้กวดขัน ตรวจสอบทั่วประเทศดังนี้ ห้ามผู้มีอายุไม่เกิน 20 ปี เข้าสนามยิงปืน ยกเว้นได้รับอนุญาตตามระเบียบการกีฬาแห่งประเทศไทย อาทิ นักกีฬายิงปืนทีมชาติ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในสนามยิงปืน ต้องมีทะบียนถูกต้อง และต้องตรงตัวกับผู้ที่นำมาใช้บริการ ไม่สามารถไปยืมของใครมาใช้ได้ ห้ามนำกระสุนปืนออกนอกเขตสนามยิงปืนเป็นอันขาด ส่วนสนามยิงปืนในกำกับดูแลของส่วนราชการ ขอให้ดำเนินการกวดขันตรวจสอบให้ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการและข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด

“ต่อไปนี้จะบอกว่าเก็บปืนไว้ที่บ้าน แล้วพกมาสนามยิงปืนไม่ได้ ถ้าเป็นนักกีฬา หรือเป็นสโมสรใดก็ตาม ต้องฝากอาวุธปืนของตัวเองไว้ที่สนามยิงปืน โดยสนามต้องมีวิธีการรักษา ควบคุม เก็บรักษาให้ผู้มาใช้อาวุธดังกล่าว ขอย้ำว่า นำออกนอกสนามไม่ได้ จนกว่าจะพ้นจากการเป็นสมาชิกที่มาใช้งาน ก็จะต้องขออนุญาตเป็นรายครั้งในการพกพาอาวุธปืนไปที่ใด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว

5.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศงดออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว

6.กระทรวงมหาดไทยไม่มีนโยบายดำเนินโครงการอาวุธปืนสวัสดิการให้กับประชาชนทั่วไป แต่สำหรับเจ้าพนักงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการป้องกัน ปราบปรามจะมีได้แค่คนละ 1 กระบอก แล้วห้ามโอนต่อ หากผู้ครอบครองเสียชีวิตก็ให้ตกเป็นของทายาทตามระเบียบ

7.ให้นายทะเบียนงดออกใบอนุญาตสั่งนำเข้าอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนของร้านค้าอาวุธปืนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ช่วงนี้ตนจะไม่อนุญาตให้มีการเปิดร้านค้าอาวุธปืนรายใหม่ เพื่อลดความวิตกกังวลของประชาชน และลดการเข้าถึงการครอบครองอาวุธปืนของประชาชนทั่วไปให้มากที่สุด

“คนที่พกปืนไป – มาผิดกฎหมายทั้งนั้น ประชาชนทั่วไปในประเทศนี้ ไม่สามารถแต่งตัวแล้วพกปืน ไม่สามารถเอาปืนพกเหน็บเอวแล้วไปไหนต่อไหนก็ได้ตามสะดวกแล้วอ้างว่าเพื่อป้องกันตัว เพราะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย การอนุญาตให้พก ไม่ได้อนุญาตให้ทำแบบนี้ คนที่มีใบอนุญาตครอบครอง หรือพกพาถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่คนทำผิด แต่คนที่ไปก่อเหตุ มีเรื่องมีราว คือพวกผิดกฎหมายทั้งนั้น เช่น ปืนไม่ใช่ของตัวเอง ปืนเถื่อน ซื้อมาจากแหล่งไหนก็ไม่รู้ เป็นคนที่ตั้งใจทำผิดกฎหมาย ตรงนี้ตำรวจเร่งดำเนินคดีในทุกกรณี ข้อกำหนดของเราที่ออกมา คือ ห้ามพกพาและห้ามซื้อใหม่ ใครมีก็เก็บเอาไว้ที่บ้าน และเก็บรักษาไว้ให้ดี โดยเฉพาะเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเอาไปใช้ เจ้าของปืนมีความผิดด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า จะมาอ้างว่าต้องการพกอาวุธเพื่อป้องกันตัวไม่ได้ การอนุญาตให้คนพกพาอาวุธปืนได้ ก็เหมือนเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดความรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดีอีเอส ปิดเว็บไซต์ เพจออนไลน์การซื้อขายอาวุธปืนเถื่อน และสิ่งเทียมอาวุธปืนดัดแปลงเป็นอาวุธปืน โดยให้รายงานผลการปฏิบัติงานให้กระทรวงมหาดไทยรับทราบทุกๆ 15 วัน การหารือในวันนี้พยายามที่จะใช้กฎหมายที่อยู่ในกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย เพื่อบังคับใช้อย่างเต็มที่ ส่วนอื่นที่นอกเหนือกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นของหน่วยงานอื่นๆ หากมีเรื่องใดที่จำเป็นที่จะมีข้อเสนอเข้ามา จะมีการแก้ไขกฎหมาย หรือตรากฎหมายใหม่ ก็เสนอมา แล้วจะนำเรื่องเรียนให้นายกรัฐมนตรีรับทราบและให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการต่อไป โดยรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติคงต้องช่วยกันเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ ข้อกำหนดที่หารือกัน จะไปยกร่างเป็นหนังสือสั่งการเพื่อแจ้งให้ผู้ปฏิบัติรับทราบต่อไป ให้มีผลบังคับใช้ทันที

เมื่อถามย้ำว่า จะกวาดล้างการครอบครองปืนที่ถูก และไม่ถูกกฎหมายอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ปืนที่มีทะเบียนนั้นทราบอยู่แล้วว่าเป็นของใคร ส่วนปืนบีบีกัน และสิ่งเทียมอาวุธปืนให้มาขึ้นทะเบียนกับกรมการปกครองทุกกระบอก เมื่อขึ้นทะเบียนแล้ว อย่างน้อยก็จะรู้ว่าเป็นของใคร ถ้าเปลี่ยนมือแล้วไม่มาแจ้ง หากมีอะไรก็ต้องรับผิดชอบ และถ้าไม่มาขึ้นทะเบียน เมื่อมีการตรวจค้น ตรวจจับ หรือมีใครนำไปใช้ก็จะถูกจับกุมและมีโทษ ส่วนกรอบเวลาเปิดให้แจ้งครอบครองสิ่งเทียมอาวุธปืน เช่น 30 วัน 60 วัน หรือ 90 วัน อธิบดีกรมการปกครองจะไปพิจารณาและนำมาเสนอ ทั้งหมดนี้เป็นกรอบปฏิบัติ อาจจะมีเพิ่มเติมเข้ามาได้ ถ้าอยู่ในขอบเขตอำนาจของกรมการปกครองเราก็จะดำเนินการ

ด้าน นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับมาตรการระยะยาวคือ การแก้ไข พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 (1) ต้องมีเอกสารใบรับรองแพทย์ที่รับรองเรื่องสุขภาพจิต ภาวะทางจิตใจ ที่ผู้ขออนุญาตซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนต้องใช้ประกอบในการยื่นคำขอ (2) ความหมาย บทนิยาม ของคำว่า “สิ่งเทียมอาวุธปืน” ไม่ให้หมายความรวมถึงแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนอื่น ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ง่าย (3) กำหนดให้ผู้ที่จะซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืนที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ ต้องยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอาวุธปืน (4) ผู้ครอบครองอาวุธปืนทั่วประเทศทั้งรายเดิมที่มีอยู่แล้ว และรายใหม่ ที่อาจจะมีเพิ่มขึ้นจะต้องนำอาวุธปืน มายิงทดสอบเก็บข้อมูลหัวกระสุนทุกกระบอก ทุกราย (5) ให้ใบอนุญาตมีอาวุธปืนภายในวงเล็บ (ป.4) มีอายุของใบอนุญาต ซึ่งผู้ที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้ว จะต้องนำอาวุธปืนมารายงานตัว กับนายทะเบียน ในทุก 5/10 ปีเพื่อพิจารณาต่ออายุใบอนุญาตเช่นเดียวกันกับใบขับขี่รถยนต์

Advertisement

ครอบคลุมคนไทยทุกสิทธิ “ผ้าอ้อมผู้ใหญ่-แผ่นรองซับ”

People Unity News : 13 สิงหาคม 2566 โครงการผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับสำหรับผู้ป่วยติดเตียงหรือมีปัญหาการกลั้นขับถ่าย ครอบคลุมคนไทยทุกสิทธิแล้ว สามารถแจ้งรับสิทธิที่สายด่วน 1330 หรือลงทะเบียน รพ.สต. ศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน อบต.-เทศบาล

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้บรรจุให้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับเป็นสิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. 2565 โดยได้ดำเนินการภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) ที่ สปสช.ร่วมดำเนินการกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดด้านกฎหมาย ทำให้ที่ผ่านมาโครงการได้ดำเนินการเฉพาะกลุ่มผู้มีสิทธิบัตรทอง 30 บาท ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขและ สปสช. ได้มีความพยายามแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าว เพื่อให้โครงการนี้ครอบคลุมผู้ป่วยติดเตียงและผู้มีปัญหาการกลั้นขับถ่ายทุกสิทธิ กระทั่งได้มีมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 66 ที่ยืนยันว่า สปสช. สามารถดำเนินบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้กับคนไทยทุกคน จึงมีผลให้ปัจจุบันโครงการผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับครอบคลุมคนไทยทุกสิทธิแล้ว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ทางด้านหลักเกณฑ์ต่างๆ ก็ได้มีออกมารองรับเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ ประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566

ทั้งนี้ ภายหลังมีความชัดเจนทางกฎหมาย จะทำให้เจ้าหน้าที่ของ อปท. ซึ่งดำเนินการกองทุน กปท. เกิดความมั่นใจว่าการจัดทำโครงการผ้าอ้อมและแผ่นรองซับสามารถให้การดูแลให้ผู้ป่วยทุกสิทธิไม่เฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทองเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ สปสช. อยู่ระหว่างการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ อปท. ทั่วประเทศที่มีการจัดตั้งกองทุน กปท. ที่ปัจจุบันมีอยู่ 7,753 แห่ง ร่วมจัดทำโครงการนี้เพื่อให้ดูแลผู้ป่วยได้ครอบคลุมมากขึ้น จากปัจจุบันที่มี อปท. จัดทำโครงการแล้ว 1,876 แห่ง รวม 2,295 โครงการ ดูแลผู้ป่วยทั่วประเทศอยู่ 44,667 คน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติผู้ที่จะได้สิทธิตามโครงการนั้นจะต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียง หรือ ผู้มีปัญหากลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ ไม่จำกัดอายุ โดยจะได้รับไม่เกิน 3 ชิ้นต่อคนต่อวัน ซึ่งปัจจุบัน สปสช. มีฐานข้อมูลผู้ป่วยติดเตียงและผู้มีปัญหาการกลั้นการขับถ่ายอยู่ประมาณ 50,000 คน ซึ่งในบางพื้นที่จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไปยังครอบครัวและว่าผู้ป่วยได้รับสิทธิผ้าอ้อมผู้ใหญ่

แต่หากครอบครัวใดมีผู้ป่วยอยู่และยังไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อไป ขอให้ดำเนินการแจ้งขอรับสิทธิโดยการโทรสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อเจ้าหน้าที่รับเรื่องและส่งให้พื้นที่ดำเนินการตามขั้นตอน หรือติดต่อลงทะเบียนได้ ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือศูนย์บริการสารธารณสุขใกล้บ้าน (ไม่จำเป็นต้องเป็นที่อยู่ตามบัตรประชาชน) หรือที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือเทศบาล

Advertisement

ผู้สูงอายุอุบลฯร้อง”กนกวรรณ”จัดหาห้องเรียนคอมพ์เรียนรู้ข่าวสารยุค4.0

People Unity News : ผู้สูงอายุอุบลฯร้อง”กนกวรรณ”จัดหาห้องเรียนคอมพ์เรียนรู้ข่าวสารยุค4.0 เสมา 3 สั่ง กศน.อำเภอเมืองเร่งดำเนินการ ร้องรับเป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ ( Co – Learning Space)

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายสมเกียรติ ตันดิลกตระกูล ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการ กศน.และคณะ เยี่ยมชมห้องสมุดประชาชนจังหวัดอุบลราชธานี และรับฟังรายงานผลการดำเนินงานห้องสมุดประชาชนและธนาคารหนังสือ

ดร.กนกวรรณ กล่าวว่า การเดินทางมาติดตามการดำเนินงานในวันนี้ ทำให้ได้ฟังเสียงสะท้อนจากพื้นที่ในหลายมิติ อะไรที่รัฐบาลเดิมทำดีแล้วก็ขอให้ทำต่อไปและพัฒนาให้ดีขึ้น การรับฟังข้อมูลทุกด้าน ทำให้ได้รับทราบถึงปัญหาในหลายๆส่วนที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะในส่วนของการให้บริการ ซึ่งต้องอาศัยงบประมาณสนับสนุนในการบริหารจัดการ และการส่งเสริมให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ ผ่านการสร้างกิจกรรมต่างๆเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เยาวชนเข้าสู่สังคมแห่งการอ่าน

วันนี้เข้ามาที่นี่รู้สึกมีความสุข อยากกลับมาอีก อยากให้เด็กๆทุกคนให้ความสำคัญกับการอ่านหนังสือ และขอให้ผู้ปกครองช่วยกันปลูกฝังลูกๆตั้งแต่เด็กให้รักการอ่าน และขอฝากให้ห้องสมุดส่งเสริมการจัดกิจกรรมและแหล่งเรียนรู้ให้รองรับความต้องการของคนทุกช่วงวัย รวมถึงการเพิ่มจุดบริการอาหารสมองให้มีความหลากหลาย เพื่อเตรียมความพร้อมให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ ( Co – Learning Space) โดยเฉพาะหนังสือและสื่อที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และศาสตร์พระราชา เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้ศึกษาและพัฒนาแนวคิด วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง สามารถคิดเป็น ปฏิบัติเป็น สามารถพึ่งตนเองได้อย่างชาญฉลาด เสริมสร้างการเรียนรู้ทุกช่วงวัย ที่สำคัญในบทบาทของ กศน.ที่จะขาดมิได้ และขอให้พัฒนาให้ดีขึ้น มากขึ้น ก็คือ การแสวงหาเครือข่ายเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งร่วมกัน

“และวันนี้ได้พบกับคุณลุงอ้วน สมาชิกเจ้าประจำของห้องสมุดประชาชนจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งลุงอ้วนบอกว่าอยากให้ติดแอร์ในห้องสมุด และขอให้ที่นี่มีการจัดห้องเรียนคอมพิวเตอร์สำหรับผู้สูงอายุ จะได้เอาไว้เรียนรู้เทคโนโลยี และข่าวสารต่างๆให้ทันคนรุ่นใหม่บ้าง ซึ่งตนได้รับไว้แล้วจะให้ กศน.อำเภอเมืองอุบลราชธานี ดำเนินการในส่วนนี้ให้ต่อไป เพราะการส่งเสริมการศึกษาในยุคไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นยุคเทคโนโลยี ดิจิตอล ถือเป้าหมายสำคัญที่เราจะจับมือพัฒนาคนทุกช่วงวัยไปด้วยกันอย่างมีความสุข” รมช.ศธ.กล่าว

อย. เข้มฉลากสินค้าผสมกัญชากัญชง ต้องมีข้อความเตือน

People Unity News : 17 กรกฎาคม 2565 รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย อย.เข้มฉลากสินค้าผสมกัญชากัญชง ต้องมีข้อความเตือน ย้ำ! งดจำหน่ายอายุต่ำกว่า 20 ปี

วันนี้ (17 ก.ค.65) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเรื่องการสื่อสารทำความเข้าใจและการออกมาตรการเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคอาหารผสมกัญชา กัญชง ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รายงานว่า ได้ออกมาตรการในการกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด โดยมีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำกับดูแลอาหารที่มีส่วนผสมกัญชา กัญชง ให้มีคุณภาพมาตรฐาน โดยคำนึงถึงข้อมูลความปลอดภัยตามหลักวิชาการ อาทิ

1) การกำกับดูแลให้ผลิตภัณฑ์อาหารใส่กัญชา กัญชง ได้รับ อย. ถูกต้อง

2) กำหนดให้ฉลากผลิตภัณฑ์แสดง ข้อแนะนำการบริโภคเพื่อความปลอดภัย “ไม่ควรบริโภคเกินวันละ 2 หน่วยบรรจุ”

3) แสดงข้อความคำเตือนที่เห็นได้ชัดเจนบนฉลากผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง ได้แก่ “เด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ไม่ควรรับประทาน” “หากมีอาการผิดปกติ ควรหยุดรับประทานทันที” “ผู้ที่แพ้หรือไวต่อสารTHC หรือ CBD ควรระวังในการรับประทาน” และ “อาจทำให้ง่วงซึมได้ ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล”

4) ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตต้องมีความปลอดภัย และมีผลวิเคราะห์ยืนยันปริมาณ THC ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด และมีมาตรการกำกับดูแลสถานที่ผลิต และคุณภาพมาตรฐานอาหาร

มากไปกว่านั้นทาง อย. ได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชากัญชงในท้องตลาดทุกช่องทางการจำหน่าย และเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารส่งตรวจวิเคราะห์ปริมาณ THC/CBD และคุณภาพมาตรฐานอื่นที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หากพบไม่ได้คุณภาพมาตรฐานก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด

ขณะเดียวกัน อย. ได้ขอความร่วมมือ ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ในการจัดวางอาหารและขนมที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง ให้เหมาะสมโดยแยกอาหารผสมกัญชา กัญชง จัดวางเป็นกลุ่มเฉพาะ จัดวางให้ลดการหยิบสินค้าเอง และมีป้ายชัดเจนว่า “งดจำหน่ายกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี” และได้กำชับขอความร่วมมือผู้ประกอบการไม่ให้จำหน่ายให้กับผู้บริโภคที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี

“จึงขอย้ำว่า การปลดล็อกกัญชา กัญชงออกจากบัญชียาเสพติดนั้น เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ส่วนการนำมาเป็นส่วนผสมของอาหาร ขอให้ผู้บริโภคพิจารณาด้วยความรอบคอบ เลือกซื้ออาหารที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง ปฏิบัติตามคำแนะนำในการบริโภคและข้อความคำเตือนที่แสดงบนฉลาก ที่สำคัญผู้ปกครอง ไม่ควรซื้ออาหารใส่กัญชา กัญชง ให้บุตรหลานอายุต่ำกว่า 20 ปี รับประทาน” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertisement

สถาบันทันตกรรมให้บริการทำฟันฟรี 300 ราย ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า

People Unity : กรมการแพทย์โดยสถาบันทันตกรรม ให้บริการทำฟันฟรีแก่ประชาชน 300 ราย ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า เนื่องในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ พร้อมแนะพ่อแม่ดูแลสุขภาพของช่องปากและฟันของเด็กตั้งแต่แรกเกิดป้องกันปัญหาฟันผุ

วันที่ 21 ตุลาคม 2562 นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เนื่องในวันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี ตรงกับวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ กรมการแพทย์โดยสถาบันทันตกรรม ได้ให้บริการและจัดกิจกรรมให้ความรู้ทางทันตกรรมแก่ประชาชน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงมีพระเมตตาต่อประชาชนชาวไทย ทั้งนี้การดูแลสุขภาพของช่องปากและฟันโดยเฉพาะเด็ก ถือเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญในการดูแลตั้งแต่แรกเกิด เพราะหน้าที่ของฟันนอกจากใช้บดเคี้ยวอาหารและให้ความสวยงามแล้ว ยังช่วยพัฒนาการออกเสียงได้ชัดเจน นอกจากนี้เด็กยังได้รับสารอาหารที่เพียงพอจากการมีฟันที่ดีใช้บดเคี้ยวอาหาร ส่งผลดีต่อการเรียนรู้และสติปัญญาอีกด้วย ซึ่งปัญหาสุขภาพฟันที่มักเกิดขึ้นกับเด็กคือ ฟันผุ โดยมีสาเหตุมาจากการบริโภคอาหารจำพวกขนมกรุบกรอบ และเครื่องดื่ม
ที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ หรือน้ำอัดลม

ด้านทันตแพทย์อำนาจ ลิขิตกุลธนพร ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สุขภาพช่องปากเด็กควรดูแลตั้งแต่เริ่มมีฟันน้ำนม เพราะฟันน้ำนมมีประโยชน์ทั้งในการช่วยกัด และบดเคี้ยวอาหาร ช่วยในการออกเสียง กันพื้นที่สำหรับฟันแท้ ส่งผลให้ฟันแท้เรียงตัวได้สวยงาม ซึ่งโรคฟันผุเกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ย่อยสลายอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล เกิดเป็นกรดที่สามารถละลายแร่ธาตุที่ผิวฟันและทำลายชั้นเคลือบฟัน ทำให้ฟันเกิดรูผุที่มองเห็นได้ และฟันที่ผุลึกอาจทำให้เด็กปวดฟัน ดังนั้นผู้ปกครองควรดูแลเอาใจใส่ ฝึกให้เด็กคุ้นเคยกับการทำความสะอาดช่องปาก สอนให้แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน สร้างบรรยากาศในการแปรงฟันให้รู้สึกสนุกผ่อนคลาย และตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน จากทันตแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำเรื่องอาหารและการดูแลสุขภาพช่องปาก ทั้งนี้ในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติปีนี้ สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ ได้ให้บริการทางทันตกรรมตรวจฟัน อุดฟัน ถอนฟันและขูดหินปูน ให้แก่ประชาชน จำนวน 300 ราย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในวันที่ 21 ตุลาคม 2562 โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ณ สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี

“อนุทิน-สาธิต”หนุนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์

People Unity News : พระมงคลวชิรากร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวาเผย “อนุทิน-สาธิต”หนุนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์

วันที่ 29 ต.ค.2562 พระมงคลวชิรากร (สมบัติ ญาณวโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรรมการและเลขานุการกรรมการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธิ์ เขมงฺกโร) เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณะสงเคราะห์ของ มส. มอบหมายให้อาตมาเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2562 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุม และนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ร่วมประชุมด้วยนั้น

“อาตมาได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ โดยเฉพาะการเข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของพระภิกษุสามเณรทั่วประเทศ ซึ่งทั้งนายอนุทิน และนายสาธิต พร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์” พระมงคลวชิรากรกล่าวและว่า

ขณะนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ส่งข้อมูลพระภิกษุสามเณรให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อตรวจสอบสิทธิในระบบบริการสุขภาพแล้ว 174,091 รูป ขณะเดียวกันในส่วนของการอบรมพระคิลานุปัฏฐาก เพื่อคอยดูแลให้ความรู้ด้านสุขภาพกับพระภิกษุสามเณรและประชาชนนั้น ได้ร่วมกับ กรมอนามัยจัดอบรมไปแล้ว 4,525 รูป นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการตรวจคัดกรอง สุขภาพพระภิกษุสามเณร ปี 2562 จำนวน 5,000 วัด และปี 2563 จำนวน 5,000 วัด

“ประวิตร” ควง “อดุลย์” ส่งมอบบ้านให้ประชาชนโครงการ “ปทุมธานีโมเดล”

People unity news online : พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พร้อมด้วย รมว.พม. ลงพื้นที่ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี ส่งมอบบ้านให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ “ปทุมธานีโมเดล” จำนวน 98 ครัวเรือน เพื่อแก้ปัญหาชุมชนบุกรุกคลองและป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืน

วันนี้ (28 กันยายน 2560) เวลา 10.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. ลงพื้นที่ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อทำพิธีส่งมอบบ้านให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ “ปทุมธานีโมเดล” จำนวน 98 ครัวเรือน เพื่อแก้ปัญหาชุมชนบุกรุกคลองและป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืน โดยมี นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายสมชาติ ภาระสุวรรณ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ โดยมีผู้ร่วมงานประมาณ 300 คน ณ ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาประชาชนปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำลำน้ำสาธารณะในจังหวัดปทุมธานี โดยเฉพาะที่บริเวณคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีชาวบ้านปลูกบ้านเรือนรุกล้ำลำคลองและกีดขวางทางเดินน้ำมานานหลายสิบปี เป็นจำนวน 16 ชุมชน รวม 1,084 ครัวเรือน ทั้งนี้ กระทรวง พม. จึงมอบหมายให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) จัดทำแผนงานรองรับที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากพื้นที่ริมคลอง โดยการจัดหาที่ดินและสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ชุมชนแก้วนิมิต (ชื่อเดิม) หรือชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคี เป็นชุมชนแรกที่ชาวชุมชนได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์ ด้วยการออมเงินร่วมกันเป็นรายเดือน เพื่อซื้อที่ดินจำนวน 5 ไร่ โดยชาวชุมชนได้ร่วมกับสถาปนิกชุมชน ร่วมกันออกแบบบ้าน และบริหารโครงการเอง จนขณะนี้ การก่อสร้างบ้านใหม่จำนวน 98 หลังคาเรือน เสร็จสมบูรณ์ ทำให้ชาวชุมชนมีบ้านใหม่ที่มั่นคง สวยงาม และมีสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งที่ดินใหม่แห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากที่เดิมเพียง 5 กิโลเมตร นอกจากนี้ กระทรวง พม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้การสนับสนุนชาวชุมชนพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นในระยะยาวต่อไป

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวง พม. โดย พอช. ได้ดำเนินการสนับสนุนให้ชาวชุมชนรวมกลุ่มกัน เพื่อบริหารจัดการซื้อที่ดินและที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่ง พอช. ได้สนับสนุนงบประมาณการสร้างบ้านใหม่ แบ่งออกเป็น 1) งบพัฒนาระบบสาธารณูปโภค 5 ล้านบาท 2) งบอุดหนุนที่อยู่อาศัย 2.5 ล้านบาท 3) งบบริหารจัดการ 125,000 บาท และ 4) สินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัยรวม 32.4 ล้านบาทเศษ กำหนดระยะผ่อนชำระคืน 15 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อปี เมื่อผ่อนส่งหมด จะเป็นกรรมสิทธิ์ให้ลูกหลานได้อยู่อาศัยต่อไป สำหรับแบบบ้าน มีทั้งสิ้น 3 แบบ คือ 1) บ้านแฝดสองชั้น ขนาด 56 ตารางเมตร 2) บ้านแฝดสองชั้น ขนาด 63 ตารางเมตร และ 3) บ้านแฝดสองชั้น ขนาด 77 ตารางเมตร โดยมีราคาก่อสร้างพร้อมที่ดิน ต่อหลังประมาณ 272,000 – 295,000 บาท กำหนดระยะเวลาผ่อนส่ง 15 ปี ด้วนอัตราผ่อนส่งเดือนละ 2,500-3,000 บาท

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ชาวชุมชนเข้าอยู่อาศัยในชุมชนใหม่แล้ว ทางจังหวัดปทุมธานี จะมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อถอนบ้านเรือนที่ปลูกสร้างอยู่ริมคลอง เพื่อไม่ให้กีดขวางทางระบายน้ำ รวมทั้งขุดลอกคลอง พร้อมกำจัดขยะและผักตบชวา เพื่อให้น้ำสามารถไหลได้สะดวก เป็นการป้องกันน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม ที่ผ่านมา จังหวัดปทุมธานี ได้จัดทำโครงการ “บ้านประชารัฐร่วมใจ เดินหน้าคืนคลองน้ำใสให้แผ่นดิน” โดยได้รื้อบ้านออกจากริมคลองหนึ่งไปแล้วกว่า 100 หลังคาเรือน จากทั้งหมด 13 ชุมชน รวม 922 ครัวเรือน ส่วนที่เหลือจะทยอยดำเนินการต่อไป สำหรับประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนบุกรุกพื้นที่ริมคลองและยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ ทางจังหวัดจะชี้แจงและเชิญชวนให้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้ชาวบ้านได้มีที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคงและถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการสร้างบ้านใหม่ที่ชุมชนบ้านประชารัฐไทยมุสลิมสามัคคีแล้ว กระทรวง พม. โดย พอช. ยังไห้การสนับสนุนการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่บนที่ดินราชพัสดุเนื้อที่ 30 ไร่ บริเวณคลองเชียงรากใหญ่ (ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต) ซึ่งเดิมที่ดินแปลงนี้เป็นพื้นที่สาธารณะที่พลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน หากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 ให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินราชพัสดุ (กรมธนารักษ์ เป็นผู้ดูแล) เพื่อใช้สร้างที่อยู่อาศัยรองรับชาวบ้านที่ต้องรื้อย้ายออกจากพื้นที่ริมคลองหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างก่อสร้างเฟสแรก 1 อาคาร จำนวน 23 ครัวเรือน ในรูปแบบเป็นอาคารสูง 3 ชั้น รวมทั้งหมด 12 อาคาร สามารถรองรับชาวบ้านได้รวม 463 ครัวเรือน

People unity news online : post 28 กันยายน 2560 เวลา 20.30 น.

แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาละวาดหนัก อ้างชื่อกรมการจัดหางาน ลวงทำงานออนไลน์

People Unity News : 23 กุมภาพันธ์ 2566 อธิบดี กกจ. ห่วงคนหางาน แจ้งเตือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดหนัก แอบอ้างชื่อกรมการจัดหางาน ลวงทำงานออนไลน์ หวั่นประชาชนตกเป็นเหยื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคล สูญเงินหมดบัญชี ยัน กกจ.ไม่มีนโยบายสมัครงานทางโทรศัพท์

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกรมการจัดหางานพบมิจฉาชีพรูปแบบใหม่ แอบอ้างชื่อกรมการจัดหางาน ชักชวนทำงานออนไลน์ในรูปแบบดูโฆษณาเพื่อเพิ่มยอดวิว บางรายมีการ ADD LINE เพื่อใช้ติดต่อ และแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดยกลุ่มคนเหล่านี้จะสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เลขที่บัญชี เลขที่บัตรประชาชน ซึ่งทำให้ประชาชนเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลดังกล่าว ไปสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียง ทรัพย์สิน หรือนำไปสวมตัวตนสมัคร Application ทางการเงิน

“กรมการจัดหางาน ขอเตือนว่าหากพบเห็นการชักชวนให้สมัครงานในตำแหน่งต่าง ๆ ทางโทรศัพท์ โปรดอย่าหลงเชื่อ เพราะกรมการจัดหางาน ไม่มีนโยบายติดต่อพี่น้องประชาชนทางโทรศัพท์ให้สมัครงาน หรือชักชวนหารายได้เสริม สำหรับผู้ที่ต้องการหางานทำกรมฯมีช่องทางให้บริการผ่านระบบออนไลน์ ทางเว็บไชต์ ไทยมีงานทำ.doe.go.th หรือทาง Mobile Application “ไทยมีงานทำ” หรือหากไม่สะดวกใช้บริการผ่านระบบออนไลน์สามารถขอรับบริการได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics