วันที่ 9 พฤษภาคม 2024

สธ. ย้ำ! ฉีดวัคซีนโควิด – ไข้หวัดใหญ่พร้อมกันได้ ช่วยลดเสี่ยงติดเชื้อช่วงฤดูฝน

People Unity News : 24 กรกฎาคม 65 กระทรวงสาธารณสุข เผยขณะนี้เป็นช่วงฤดูฝน นอกจากโรคโควิด-19 ที่มีแนวโน้มการติดเชื้อเพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีโอกาสติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งทั้ง 2 โรคเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ และมีอาการคล้ายกัน การใช้มาตรการป้องกันตนเองจากโรคโควิด-19 ทั้งการเว้นระยะห่าง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น ช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้เช่นกัน

ประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19 สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมวัคซีนโควิด-19 โดยไม่ต้องเว้นระยะห่าง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ลดอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากทั้ง 2 โรคได้

📍 7 กลุ่มเสี่ยง ที่จำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีน สามารถเข้ารับบริการได้ฟรีในสถานบริการของกระทรวงสาธารณสุขหรือจุดบริการฉีดวัคซีนใกล้บ้าน

1️⃣ หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์มากกว่า 4 เดือนขึ้นไป

2️⃣ เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี

3️⃣ ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง คือ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน และมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด

4️⃣ ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป

5️⃣ ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้

6️⃣ โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ

7️⃣ โรคอ้วน ผู้มีน้ำหนักมากกว่า 100 กก. หรือมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35 กก./ตรม.

Advertisement

ด่วน! “ปธน.ทรัมป์” สั่งถอนการลงมติร่างกฎหมาย “ทรัมป์แคร์” หลังมีเสียงสนับสนุนไม่พอในสภาฯ

APTOPIX Trump Health Overhaul

People unity news online : วันนี้ (25 มีนาคม 2560) “ปธน.ทรัมป์” สั่งถอนการลงมติร่างกฎหมาย “ทรัมป์แคร์” หลังมีเสียงสนับสนุนไม่พอในสภาฯ

บรรดาสมาชิกรัฐสภาที่สนับสนุนแผนประกันสุขภาพที่ทางพรรครีพับลิกันต้องการนำมาใช้แทนกฎหมาย Obamacare ได้ถอนการหารือและการลงมติในร่างกฎหมายนี้ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯไปแล้ว ตามคำขอของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

เดิมทีมีการกำหนดว่าจะลงมติในร่างกฎหมายนี้ในวันนี้ แต่หลังจากที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส.ส.พอล ไรอัน แจ้งให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ทราบถึงสถานการณ์ล่าสุดของร่างกฎหมายที่สื่อมวลชนเรียกกันว่า “Trumpcare” ประธานาธิบดีทรัมป์จึงตัดสินใจถอนการลงมติดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจความเห็นประชาชนอเมริกัน ที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์สและ Ipsos ซึ่งเปิดเผยในวันศุกร์ แสดงให้เห็นว่าเกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่า Trumpcare ไม่ได้ดีกว่า Obamacare แต่อย่างใด

เรื่องนี้ถือเป็นความชะงักงันล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วง 100 วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งปกติแล้วเป็นช่วง “ฮันนีมูน” ที่รัฐสภาสหรัฐฯมักจะผ่านร่างกฎหมายต่างๆอย่างง่ายดาย

โดยก่อนหน้านี้ คำสั่งฝ่ายบริหารของ ปธน.ทรัมป์ ที่ห้ามพลเมืองมุสลิมจากบางประเทศในแถบตะวันออกกลางและแอฟริกาตอนเหนือเข้าสหรัฐฯ ก็ถูกยับยั้งไปแล้วในศาล จนทำให้ต้องมีการลงนามในคำสั่งฉบับที่สองออกมาเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้ว

อีกเรื่องซึ่งเป็นที่โต้แย้งและได้รับแรงต้านจากสมาชิกรัฐสภาของทั้งสองพรรคเป็นอย่างมาก คือข้อเสนอของประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อตัดงบประมาณของรัฐบาลกลางขนานใหญ่ โดยเฉพาะในส่วนของแผนงานสวัสดิการสังคมที่ช่วยเหลือคนยากจน และโครงการช่วยเหลือระหว่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในขณะที่จะเพิ่มงบประมาณกลาโหมมากเป็นประวัติการณ์ ถึง 54,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ (ข่าวจาก voathai.com)

People unity news online : post 25 มีนาคม 2560 เวลา 12.51 น.

“ลุงตู่” เตือนให้ระวังมัลแวร์เรียกค่าไถ่ WannaCry ที่ระบาดทั่วโลก

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

People unity news online : เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2560 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) ว่า ขณะนี้มีมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ชื่อ WannaCry ระบาดไปยังคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Microsoft ทั่วโลก จึงฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากโลกออนไลน์

“ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์อาจดาวน์โหลดมัลแวร์ หรือโปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความเสียหายแก่ข้อมูลในคอมพิวเตอร์โดยไม่รู้ตัวจากการเปิดไฟล์เอกสารที่แนบมากับ e-mail เมื่อมัลแวร์เรียกค่าไถ่ WannaCry เข้ามาอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์แล้ว ก็จะเข้าไปล็อกไฟล์เอกสารต่างๆ ทำให้ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ และขู่ให้ผู้ใช้งานจ่ายเงินค่าไถ่เพื่อปลดล็อกไฟล์เอกสาร”

นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ ดศ. เร่งตรวจสอบสถานการณ์แพร่ระบาดของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ในไทย พร้อมเผยแพร่คำแนะนำในการป้องกันและแก้ไขให้ประชาชนทราบโดยเร็ว พร้อมฝากเตือนประชาชนที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ระบบ Microsoft หลีกเลี่ยงการเปิดเอกสารแนบ email โดยไม่จำเป็น ซึ่งหากเอกสารใดจำเป็นต้องเปิดควรตรวจสอบกับผู้ส่งก่อนทุกครั้งว่ามีการส่งเอกสารนั้นมาจริงหรือไม่ พร้อมทั้งปรับปรุงระบบปฏิบัติการให้เป็นปัจจุบัน และหากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ประสานงานความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (ThaiCERT) 1212

People unity news online : post 14 พฤษภาคม 2560 เวลา 20.53 น.

ด่วน!! เตือน ปชช.ระวังแบงก์ปลอมระบาดใน 10 จังหวัด

People Unity News : 19 มิถุนายน 2566 รัฐบาลเตือนประชาชนระมัดระวังธนบัตรปลอม พบระบาด 10 จังหวัดส่วนใหญ่อยู่ในภาคอีสาน แนะสังเกตก่อนรับ หากพลาดรับมาแล้วห้ามใช้ต่อ มีความผิดคุกสูงสุด 10 ปี ส่วนแจ้งเบาะแสแหล่งผลิต จำหน่ายมีสินบนนำจับสูงสุด 1 แสน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้แจ้งเตือนว่าขณะนี้พบสถานการณ์ธนบัตรปลอมในพื้นที่ 10 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ขอนแก่น อุดรธานี กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม หนองบัวลำภู นครราชสีมา ชัยภูมิ มุกดาหาร และเพชรบูรณ์ จึงขอให้ประชาชนในจังหวัดดังกล่าว จังหวัดใกล้เคียงและพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศเพิ่มความระมัดระวังในการรับธนบัตร โดยเฉพาะผู้ค้าขายที่ต้องรับ จ่ายธนบัตรอยู่เสมอ

“ธปท.มีข้อแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันธนบัตรปลอม โดยให้สังเกตทุกครั้งก่อนรับธนบัตร ซึ่งมีวิธีสังเกตหลายวิธี  เช่น การสัมผัสที่กระดาษธนบัตรที่จะมีความแตกต่างจากกระดาษทั่วไป คือมีความแกร่ง ทนทาน และไม่ยุ่ยง่าย เนื่องจากธนบัตรทำจากกระดาษที่มีใยฝ้ายเป็นส่วนประกอบหลัก สังเกตลายพิมพ์เส้นนูนบนธนบัตร ภาพและลายเส้นบนธนบัตรจะมีความละเอียดคมชัด คำว่า “รัฐบาลไทย” ตัวอักษรและตัวเลขแจ้งชนิดราคา เมื่อสัมผัสด้วยปลายนิ้วมือจะรู้สึกสะดุด” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ประชาชนยังสามารถสังเกตด้วยวิธียกส่อง และสังเกตที่ลายน้ำ ซึ่งบนธบัตรไทยของจริงลายน้ำจะเป็นพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อยกส่องกับแสงสว่างจะเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งด้านหน้าและด้านหลังของธนบัตร นอกจากนี้ลายน้ำยังมีตัวเลขชนิดราคารูปลายไทยที่โปร่งแสงเป็นพิเศษด้วย นอกจากนี้ ยังสังเกตได้ด้วยการพลิกเอียงธนบัตรเข้าหาแสงสว่าง กรณีธนบัตรจริงจะพบตัวเลขแจ้งชนิดราคาซ่อนอยู่ในลายประดิษฐ์ สำหรับธนบัตรชนิดราคา 500 บาท และ 1,000 บาท ลายดอกประดิษฐ์จะพิมพ์ด้วยหมึกพิมพ์แม่เหล็กสามมิติที่เปลี่ยนสีได้ ภายในลายดอกประดิษฐ์จะมีตัวเลขแจ้งชนิดราคา เมื่อพลิกธนบัตรขึ้นลงหรือพลิกซ้ายขวา จะเห็นการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนสลับสี ส่วนชนิดราคา 100 บาท ลายดอกประดิษฐ์พิมพ์ด้วยหมึกพิมพ์พิเศษ เมื่อพลิกธนบัตรไปมาจะเห็นเป็นประกาย

“กรณีที่เผลอรับธนบัตรปลอมไว้แล้ว ประชาชนต้องไม่นำไปใช้ต่อ เนื่องจากจะมีความผิดฐานใช้ธนบัตรปลอม ตามมาตรา 245 ประมวลกฎหมายอาญามีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ควรนำไปส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ธนาคารพาณิชย์เพื่อนำส่งเข้าระบบเพื่อทำลาย หรือนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแจ้งลักษณะรูปพรรณและสิ่งอื่น ๆ เกี่ยวกับผู้ที่นำธนบัตรปลอมมาใช้ให้มากที่สุด เพื่อเป็นข้อมูลในการสืบสวนจับกุมต่อไป หรือแจ้ง ธปท. โทร. 0 2356 7987” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า หากเป็นกรณีที่ประชาชนได้แจ้งเบาะแสแหล่งผลิตหรือแหล่งจำหน่ายธนบัตรปลอม จนนำไปสู่การสืบสวนจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้ จะได้รับเงินสินบนตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลการจับกุมการปลอมแปลงธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2529  ใน 2 กรณี คือ 1) กรณีที่จับได้ตัวผู้ต้องหา และของกลางเป็นอุปกรณ์ ให้จ่ายเงินสินบนในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของราคาอุปกรณ์ตามที่กรมธนารักษ์หรือ ธปท.แล้วแต่กรณีประเมินราคา แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท 2) กรณีที่จับได้ตัวผู้ต้องหา และของกลางเป็นธนบัตรปลอม เงินสินบนจะอยู่ในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของราคาในหน้าธนบัตรปลอมหรือเหรียญกษาปณ์ปลอมที่จับได้ แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ผู้สนใจ สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการสังเกตธนบัตรเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/BOT_banknotes

Advertisement

ซื้อของออนไลน์ได้ของไม่ตรงปก ฟ้องได้ ที่ “แผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง”

People Unity News : ซื้อของออนไลน์ได้ของไม่ตรงปก ฟ้องได้ ผ่าน “แผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง”

28 ม.ค. 65 เปิดบริการแล้ว “แผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง” มุ่งคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากการสั่งซื้อของออนไลน์ เช่น ได้สินค้าไม่ตรงปก ไม่เป็นไปตามที่โฆษณา สั่งซื้อแล้วไม่ได้สินค้า หรือถูกหลอกลวง เป็นต้น

ผู้เสียหายสามารถยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีด้วยตนเองได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงเข้าไปกรอกเอกสารยืนยันตัวตนในเว็บไซต์ https://efiling3.coj.go.th/eFiling หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ของศาลแพ่ง ซึ่งจะใช้ระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบในทุกขั้นตอนของกระบวนการพิจารณา เพื่อให้ผู้บริโภคใช้สิทธิทางศาลฟ้องคดีได้รับความสะดวก และสามารถยื่นฟ้องคดีได้ 24 ชั่วโมง

Advertising

แนะวิธีทำงานต่างประเทศถูกกฎหมาย เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อชวนไปทำงานดูไบ

People Unity News : 16 สิงหาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล-รองโฆษกรัฐบาล เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อนายหน้าชวนไปทำงานที่ดูไบ แนะ 5 วิธี เดินทางไปทำงานต่างประเทศถูกกฎหมาย พร้อมประสานงานช่วยเหลือเยียวยาแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากขบวนการค้ามนุษย์

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเตือนภัยกรณีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นนายหน้าจัดหาแรงงานไทยไปทำงาน ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ใช้วิธีการโพสต์ชักชวนผ่านกรุ๊ปเฟซบุ๊ก “คนไทยในดูไบ” ประกาศรับสมัครพนักงานการตลาด แอดมิน หรือระบุว่าให้ทำงานเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมามีเหยื่อหลงเชื่อหลายราย โดยเมื่อไปถึงนายจ้างจะยึดหนังสือเดินทางไว้ และให้หลอกคนไทยผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อมาลงทุน หรือหลอกลวงเอาทรัพย์สิน และหากปฏิเสธการทำงาน นายจ้างจะคิดค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก และเมื่อเกิดปัญหามักเอาผิดกับนายจ้างไม่ได้เนื่องจากไม่มีหลักฐาน เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เอามือถือเข้าสถานที่ทำงาน

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการทำธุรกิจลักลอบทำงานผิดกฎหมาย ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนถึงวิธีการเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด 5 วิธี ได้แก่ 1. บริษัทจัดหางานจัดส่ง 2. กรมการจัดหางานจัดส่ง 3. คนหางานเดินทางไปทำงานด้วยตนเอง 4. นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างไปทำงาน และ 5. นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างของตนไปฝึกงาน ซึ่งทั้ง 5 วิธี ต้องแจ้งแบบเดินทางไปทำงานต่างประเทศกับกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานระบุว่า ช่วงเดือนตุลาคม – กรกฎาคม 2566 ได้ปราบปรามผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ผ่านมาดำเนินคดี ตามมาตรา 66 กับผู้ที่กระทำการโฆษณาชักชวนคนหางานไปทำงานต่างประเทศผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ข้อหา “โฆษณาการจัดหางานไม่เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด” ไปจำนวน 36 คดี ซึ่งตรวจพบการกระทำความผิดของสาย/นายหน้า ทั้งสิ้น 142 ราย ผู้เสียหายถึง 471 คน รวมค่าเสียหาย 32,750,330 บาท

“กรณีพบแรงงานไทยเสียชีวิตจากการถูกหลอกทำงานในขบวนการค้ามนุษย์ที่เมืองดูไบ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานเพื่อช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งล่าสุด อยู่ระหว่างดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ขณะที่กระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้แรงงานจังหวัดพร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในพื้นที่ ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อปลอบขวัญให้กำลังใจพร้อมแจ้งข้อมูลขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือให้ญาติทราบ เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกในการประสานกระทรวงการต่างประเทศว่าจะนำศพแรงงานกลับประเทศไทยอย่างไรต่อไป” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาลเน้นย้ำมาอย่างต่อเนื่องให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ ถูกหลอกเป็นเหยื่อ จากประกาศในสื่อสังคมออนไลน์ที่มีลักษณะจูงใจเกี่ยวกับการจัดหางานในต่างประเทศโดยวิธีผิดกฎหมาย ซึ่งไม่คุ้มค่า และอาจถูกบังคับใช้แรงงาน เสี่ยงถูกทำร้ายร่างกาย หรือเป็นเหตุถึงขั้นเสียชีวิต โดยควรตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วน หรือตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ผู้ที่สนใจไปทำงานต่างประเทศสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่จะเดินทางไปทำงานเพื่อป้องกันการหลอกลวงผ่านระบบ e – Service กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานได้ที่เว็บไซต์ doe.go.th หรือเว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ doe.go.th/overseas หรือที่ Facebook : กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

Advertisement

ด่วน! สมอ.คุมเข้มสินค้า 112 ชนิดขายทางออนไลน์ต้องมี มอก. ฝ่าฝืนจำคุก-ปรับ

People unity : สมอ.เชิญผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์หารือ แจ้งมาตรการคุมเข้มสินค้า 112 ชนิดขายทางออนไลน์ต้องมี มอก. ฝ่าฝืนจำคุก-ปรับ

27 กุมภาพันธ์ 2562 : นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ว่า ปัจจุบันการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และสะดวก ขณะเดียวกันก็ลดต้นทุนการจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการ และขยายโอกาสทางการค้า ด้วยข้อดีของการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ที่ไม่ต้องมีหน้าร้านก็ขายสินค้าได้ ไม่ต้องเช่าพื้นที่ราคาแพง ประหยัดการจ้างงาน ไม่จำเป็นต้องมีพนักงานขายของ สามารถขายสินค้าได้ตลอด 24 ชม. มีการลงทุนน้อย สินค้าสามารถกระจายขายได้ไปทั่วโลก เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าได้หลากหลาย และสามารถชำระเงินได้หลากหลายช่องทางหลายระบบ เป็นต้น

การประชุมในวันนี้ สมอ. ได้เชิญผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าออนไลน์กว่า 50 ราย อาทิ บริษัท เซ็ลทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จำกัด บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ซีพีแลนด์ จำกัด บริษัท ทีวีไดเร็ก จำกัด (มหาชน) บริษัท ไฮ ช้อปปิ้ง จำกัด ฯลฯ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานอาหารและยา กรมการค้าภายใน กรมศุลกากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฯลฯ  เพื่อหารือแนวทางในการคุ้มครองผู้บริโภคจากการซื้อ/ใช้สินค้าที่ สมอ. ควบคุม เนื่องจากปัจจุบันมีการซื้อขายสินค้าผ่านตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) กันอย่างแพร่หลาย โดยจากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) พบว่าในปี 2561 E-Commerce ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8% และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ สมอ. ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแล และคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้ผลิตภัณฑ์ จำเป็นต้องหามาตรการในการควบคุมสินค้าบน E-Commerce เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าสินค้าที่ซื้อผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น เป็นสินค้าที่มีความปลอดภัยตามมาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่เป็นมาตรฐานบังคับจำนวน 112 รายการที่ สมอ. ควบคุม โดยสามารถดูรายชื่อผลิตภัณฑ์ได้ที่ www.tisi.go.th ต้องมีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ผู้ประกอบการที่จะจำหน่ายสินค้าดังกล่าวจะต้องจำหน่ายเฉพาะสินค้าที่มีเครื่องหมาย มอก. เท่านั้น หากฝ่าฝืนจะมีความผิดทางกฎหมาย สำหรับบทลงโทษในกรณีมีการทำหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับร้านค้าที่ไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษ คือ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เลขาธิการ สมอ. กล่าวเพิ่มเติมว่า “สมอ. ไม่ได้ห้ามให้ขายสินค้า สามารถขายได้ทุกอย่าง เพียงแต่มีสินค้าบางรายการที่มีกฎหมายควบคุมว่าจะต้องมีคุณภาพได้มาตรฐาน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริโภค หากจะขายก็จะต้องขายเฉพาะสินค้าที่มีเครื่องหมาย มอก. เท่านั้น”

จากการสืบค้นข้อมูล พบว่าปัจจุบันมีผู้จำหน่ายสินค้าออนไลน์ที่เป็นสินค้ามาตรฐานบังคับอยู่เป็นจำนวนมาก สามารถเลือกซื้อสินค้าได้โดยง่าย และสะดวก ประกอบกับสินค้ามีราคาถูก จึงทำให้ร้านค้าออนไลน์ในลักษณะนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งต้องมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค จึงขอแนะนำไปยังผู้บริโภคให้เลือกซื้อสินค้าด้วยความรอบคอบ สังเกตเครื่องหมายมาตรฐานทุกครั้งก่อนซื้อ เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและอย่าได้หลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เมื่อใช้แล้วอาจเกิดอันตรายจากการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นได้

ด่วน! สมอ.คุมเข้มสินค้า 112 ชนิดขายทางออนไลน์ต้องมี มอก. ฝ่าฝืนจำคุก-ปรับ

People unity : post 28 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 09.00 น.

เตือนพ่อค้าแม่ค้า ระวังกลโกง ‘ปลอมสลิปโอนเงิน’ แนะเช็กยอดทุกครั้งหลังขายสินค้า

People Unity News : 25 กุมภาพันธ์ 2566 รองโฆษกรัฐบาลเตือนพ่อค้าแม่ค้า ระวังกลโกง ปลอมสลิปโอนเงินผ่านมือถือ แนะตรวจสอบเทียบกับยอดแจ้งเตือนจากธนาคารทุกครั้ง หรือสแกน QR Code บน E-slip เพื่อความชัวร์

วันที่ 25 ก.พ.66 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันพบมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ด้วยการปลอมสลิปโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคารผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เสียหายหลายรายในหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ได้ใช้ความระมัดระวัง

ทั้งนี้ กลวิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพมีหลากหลายกลวิธี รวมถึงมีการซื้อขายโปรแกรมแก้ไขข้อมูลสลิปโอนเงินบนแอปฯธนาคาร เพื่อปลอมสลิปการโอนเงิน ซึ่งข้อมูลบนสลิปปลอมดังกล่าว ดูคล้ายกับสลิปที่มีการโอนเงินจริง ไม่ว่าจะเป็น ชื่อผู้รับโอน วันที่ เวลา และจำนวนเงิน เมื่อแสดงให้กับพ่อค้าแม่ค้าหลังทำการซื้อขายแล้ว หากไม่ตรวจสอบอย่างรัดกุม ก็อาจจะโดนหลอกด้วยสลิปปลอมได้

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมของมิจฉาชีพรูปแบบนี้ มักหลอกซื้อสินค้าราคาแพงที่สามารถขายต่อได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมถึงซื้อสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภคในจำนวนมาก โดยมักแสดงท่าทางเร่งรีบหลังหลอกโอนเงินและแสดงสลิปปลอม เพื่อให้ผู้ค้าไม่มีเวลาในการตรวจสอบ ว่าได้มีการโอนเงินจริงหรือไม่ ยิ่งร้านค้าที่ไม่ได้ใช้บริการแจ้งเตือนการโอนเงินของธนาคาร ก็จะยิ่งเพิ่มช่องทางให้ถูกหลอกโดยง่าย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า พ่อค้าแม่ค้าสามารถป้องกันการถูกหลอกลวงได้ด้วยการใช้บริการแจ้งเตือนของธนาคาร ซึ่งจะแจ้งเตือนเมื่อมียอดเงินเข้าบัญชี สามารถนำไปเทียบยอดเงินกับสลิปได้ โดยควรตรวจสอบทุกครั้งหลังได้รับการโอนเงิน รวมถึง สแกน QR CODE บนสลิปโอนเงินแบบ E-Slip เพื่อตรวจสอบ ชื่อผู้โอน จำนวนเงิน วันและเวลาที่โอนเงินได้ หากยอดเงินไม่ตรง หรือไม่สามารถตรวจสอบได้ ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยว่าเป็นสลิปปลอม พร้อมกันนี้ ยังควรสังเกตความละเอียดของตัวเลขหรือตัวหนังสือ หากเป็นสลิปปลอม แบบของตัวหนังสือบนสลิปในส่วนของชื่อผู้โอน จำนวนเงิน วันที่ เวลา อาจจะเป็นตัวหนังสือคนละแบบ หรือความหนา บางของตัวอักษรจะไม่เท่ากัน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า หากประชาชนพบพฤติกรรมการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ผู้ที่กระทำหรือใช้สลิปปลอม ถือว่ามีความผิดฐานฉ้อโกง ทั้งการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและการปกปิดข้อความจริง โดยความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

Advertisement

วันนี้ฝนตกทั่วไทย 40-70% ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

People Unity News : 26 พฤศจิกายน 2565 กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนฟ้าคะนอง 40-70% เตือนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน

กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันโดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมทะเลอันดามันตอนบนประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนบน ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

สำหรับอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามัน ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้

ภาคเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบนของภาค โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร และพิษณุโลก อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

Advertisement

เงินเยียวยาถึงมือเกษตรกรแล้วกว่า 7 ล้านราย ย้ำยื่นอุทธรณ์ได้ถึงวันพรุ่งนี้ 5 มิ.ย.

People Unity News : เงินเยียวยา ถึงมือเกษตรกรแล้วกว่า 7 ล้านราย ย้ำยื่นอุทธรณ์ถึง 5 มิ.ย.นี้ พร้อมฝากถึงเกษตรกร นำเงินที่ได้ใช้เพื่อการยังชีพและลุงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นายระพีภัทร์  จันทรศรีวงศ์  เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่าจากที่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้ สศก. ในฐานะนายทะเบียน ดำเนินการรวบรวม และจัดทำระบบคัดกรองข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อเร่งช่วยเหลือเกษตรกร โดยจ่ายเงินตรงผ่านบัญชี จำนวน 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2563 ซึ่ง สศก. ได้ส่งรายชื่อเกษตรกรกลุ่มที่ 1 และ 2 ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้วรวม 7.59 ล้านราย

ล่าสุด ธ.ก.ส. ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรแล้วตั้งแต่วันที่ 15-31 พฤษภาคม 63 จำนวน 7,103,721 ราย รวมเงิน 35,518 ล้านบาท  ส่วนเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนไว้ภายใน 15 พฤษภาคม ธ.ก.ส. จะเร่งโอนเงินให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนมิถุนายน สำหรับเกษตรกรที่ยังไม่เสร็จสิ้นขั้นตอนการขึ้นทะเบียน จะได้รับเงินครั้งเดียว 15,000 บาท ภายใน 15 ส.ค.63 โดยเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนโครงการช่วยเหลือเยียวยา แต่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา สามารถดำเนินการอุทธรณ์ได้แล้วจนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2563  ส่วนเกษตรกรชุดสุดท้ายสามารถอุทธรณ์ได้จนถึง 15 ส.ค.63

จากการติดตามผ่านหน่วยงานในพื้นที่ทั้ง 8 หน่วยงาน ของ สศก. พบว่า ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. – 31 พ.ค. 2563 ทั้ง 8 หน่วยงานรับเรื่องอุทธรณ์เยียวยา รวมทั้งสิ้น 48,621 ราย จำนวน 49,054 เรื่อง  แบ่งเป็น กรมส่งเสริมการเกษตร 44,881 เรื่อง กรมปศุสัตว์ 2,933 เรื่อง  กรมประมง 439 เรื่อง  การยางแห่งประเทศไทย 742 เรื่อง  สำนักงานคณะกรรมการอ้อย และน้ำตาลทราย 50 เรื่อง กรมหม่อนไหม 6 เรื่อง และกรมสรรพสามิต (ทะเบียนยาสูบ) 3 เรื่อง ผลการดำเนินงาน ณ 31 พฤษภาคม 63 พบว่า ขณะนี้หน่วยงานในระดับพื้นที่ได้แก้ไขปัญหาแล้ว 6,823 เรื่อง อยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานต้นสังกัด 40,598 เรื่อง และเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์ฯ 1,633 เรื่อง

ด้าน นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการ สศก. กล่าวว่า จากการติดตามสอบถามเกษตรกรที่ได้รับเงินเยียวยาไปแล้ว พบว่า ส่วนใหญ่จะนำเงินไปใช้จ่ายค่าครองชีพ ของกิน ของใช้ประจำวัน นำเงินไปต่อยอดทำมาหากิน เช่น จ่ายค่าเช่าที่ทำกิน ซื้อเมล็ดพันธุ์ ซื้อพันธุ์ปลา ซื้ออุปกรณ์จับปลา เครื่องมือทำมาหากิน ฯลฯ ที่เหลือจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของลูกหลาน ค่ารักษาดูแลสุขภาพ  และนำไปใช้อื่นๆ ตามความจำเป็น เช่น ค่ารถ ค่าไฟฟ้า ค่ามือถือ ค่าน้ำ เป็นต้นโดย วันที่ 4 มิถุนายนนี้ สศก. จะประชุมคณะกรรมการติดตามประเมินผลโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณากรอบ แนวทาง และวิธีการติดตามประเมินผลโครงการ เพื่อให้ทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ภายหลังจากเกษตรกรที่ได้รับเงินเยียวยาแล้ว  โดยจะมีการรายงานความคืบหน้าให้ทราบโดยเร็วต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับเกษตรกรที่ยังมีปัญหา หน่วยงานในระดับพื้นที่ที่เรื่องอุทธรณ์จะได้หาทางแก้ไข หรือ เสนอคณะกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์ฯ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกรอย่างทั่วถึงทุกราย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้กำชับให้ข้าราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่มีรายชื่อตกหล่น หรือไม่ได้รับสิทธิ์ หรือไม่เห็นด้วยกับผลการคัดกรอง สามารถมายื่นอุทธรณ์ได้จนถึงวันที่ 5 มิถุนายนนี้ และสามารถเข้าตรวจสอบที่ www.moac.go.th  ซึ่งเป็นเว็บไซต์หลักของกระทรวง ใช้ตรวจสอบข้อมูลได้เบ็ดเสร็จในที่เดียว ทั้งผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ตรวจสอบสิทธิ์เงินเยียวยาเกษตรกร ตรวจสอบผลการโอนเงิน แจ้งช่องทางการรับเงินโอน ของทาง ธ.ก.ส. และตรวจสอบสถานะอุทธรณ์เงินเยียวยาเกษตรกร ทั้งนี้ อยากฝากถึงเกษตรกรทุกท่านที่ได้รับเงินเยียวยา ได้นำไปใช้เพื่อการยังชีพให้เหมาะสม หรือนำไปลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการทำการเกษตรต่อไป

Advertising

Verified by ExactMetrics