พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 พฤษภาคม 2567 ทำเนียบ – นายกฯ เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สางปัญหายาเสพติด ขอ สธ. แก้ไขกฎกระทรวง กําหนดปริมาณครอบครองเพื่อเสพ เป็น 1 เม็ด แทนปริมาณเล็กน้อย ชี้ต้องทำงานหนักขึ้น ขีดเส้นคืบหน้าภายใน 90 วัน ฝากตำรวจแจง “จะมีกี่เม็ด ก็ผิด” หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นผู้เสพ ถูกแจ้งข้อหา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าหารือภายในห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และหน่วยงานความมั่นคง

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวในที่ประชุมว่า เสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไปพูดคุยกับประธานศาลฎีกา เพื่อให้ศาลเป็นผู้กำหนดในคำพิพากษาให้ชัดเจน ว่า จะต้องมีคำสั่งให้ต้อง “บำบัด” ซึ่งหากไม่มีคำสั่งบำบัด แล้วกระทำผิดซ้ำ ถูกจับอีกครั้ง ก็จะต้องถูกจำคุก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เห็นด้วยที่จะมีการกำหนดให้ชัดเจน แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือผู้ที่ถูกดำเนินคดีไปแล้วกว่า 3 แสนคดี จะต้องทำอย่างไร เช่น อาจใช้วิธีการคุมประพฤติ ให้กรมคุมประพฤติส่งหนังสือไปยังศาล เพื่อขอให้มีคำสั่งนำตัวไปบำบัด ส่งต่อให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยดูเเล 45 วัน ก็เชื่อว่าจะเห็นผล

นายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า ขอให้นายสมศักดิ์ และพันตำรวจเอกทวี ไปคุยกับประธานศาลฎีกาให้เรียบร้อย พร้อมเเนะว่า ให้ใช้สถานที่ราชการ หรือ ค่ายทหาร เป็นสถานที่บำบัดผู้ติดยาเสพติด โดยอาจนำร่องในค่ายทหารสักหนึ่งแห่ง และให้คณะกรรมการบำบัดยาเสพติดเข้าไปดูแลด้วย และเมื่อไปแล้ว 3-6 เดือน ได้ผลอย่างไร ก็จะนำไปเป็นตัวอย่างให้กับค่ายทหารอื่น

ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการสอบถามถึงความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข ในการรองรับผู้ติดยาเสพติด จำนวนกว่า 2 แสนคน ที่กระทรวงยุติธรรมจะต้องส่งต่อไปให้ดูแลประมาน 45 วัน ในอีก 4 เดือนข้างหน้า

โดยนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การรักษาผู้ติดยาเสพติดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท โดยประเภทเเรก คือการรักษาทางการแพทย์ โดยมีแพทย์เป็นผู้ดูแล ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยจิตเวช จะถูกส่งไปอยู่ในชุมชน ซึ่งได้รับการดูแลร่วมกับฝ่ายปกครอง ดังนั้น ในส่วนของกระทรวงจึงไม่มีความกังวล และรับประกันว่าจะดูแลอย่างเต็มที่

ขณะที่นายอนุทิน เห็นด้วย เพราะเคยมีการนำร่องใช้ค่ายทหารเป็นสถานที่รักษาพยาบาลในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 มาแล้ว ดังนั้นเห็นควรที่จะใช้โมเดลนี้ มาใช้กับการบำบัดผู้ติดยาเสพติด และเชื่อว่ากระทรวงสาธารณสุขมีศักยภาพ ทำโรงพยาบาลสนาม และอุปกรณ์มีความพร้อม

ด้านนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำในที่ประชุมว่าปัญหายาเสพติดถือว่ามีความสำคัญ ที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขเพราะเป็นการบ่อนทำลายประเทศชาติ เยาวชน ติดยาเสพติดจำนวนมาก ขอให้ทุกคนทำงานให้หนักขึ้นทั้งการปราบปราม ยึดทรัพย์ และบำบัดให้ทั่วถึง ขอให้มีความคืบหน้าให้ชัดเจนภายใน 90 วัน

ในช่วงท้ายของการประชุมนายอนุทิน ได้ข้อหารือ นายกรัฐมนตรี หลังรับทราบปัญหา ขบวนการขนย้ายยาเสพติด ไม่ได้พบแค่เพียงบริเวณแนวชายแดนเท่านั้น จึงต้องการที่จะต้องมีเครื่องสแกนยาเสพติดขนาดใหญ่ ขณะที่รถขับผ่าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ เวลาที่รถขับผ่านจะได้ตรวจได้เลย ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการสะท้อนปัญหาจากในพื้นที่ ทำให้นายสมศักดิ์ ได้กล่าวว่า สำหรับการจับผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ปปง.มีเส้นทางการเงิน ที่สามารถตรวจสอบได้ จึงต้องขอให้ ปปง. ช่วยในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีจึงได้เน้นย้ำ ให้ มีการตรวจสอบและรายงานความคืบหน้ากลับมา เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า “ปัญหายาเสพติดคือวาระแห่งชาติที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเพื่อให้ยาเสพติดหมดไปให้ได้ และภายใน 90 วันต้องเห็นผลชัดเจนครับ

ในเรื่องการปราบปราม ขอให้กระทรวงยุติธรรม ปปส. และตํารวจ ร่วมกันตรวจ จับ ปราบปราม ยึดทรัพย์ให้มากขึ้นอีก ทั้งรายใหญ่ รายย่อย และเพื่อความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมาย แยกผู้เสพจากผู้ค้า ผมได้ขอกระทรวงสาธารณสุขแก้ไขกฏกระทรวง กําหนดปริมาณที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ เป็น 1 เม็ด แทนการระบุว่า ปริมาณเล็กน้อย

ฝากทางสํานักงานตํารวจแห่งชาติสื่อสารกับผู้ฏิบัติงานให้ชัดเจนว่า “ไม่ว่าจะมีกี่เม็ด ก็ผิด” หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นผู้เสพ จะถูกแจ้งข้อหา ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอแรงพนักงานสอบสวนทํางานให้หนักขึ้นเพื่อดูเจตนาอีกครั้งว่าเป็น ผู้เสพ หรือ ผู้ค้า ส่วนเรื่องกัญชา ผมขอให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขประกาศกระทรวง โดยดึง กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ประเภท 5 และเร่งออกกฎกระทรวง อนุญาต ให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น

และในเรื่องการบําบัด ขอให้กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม ยกระดับประสิทธิภาพงานบําบัดยาเสพติด ทั้งในศูนย์บำบัด ในเรือนจํา และในระบบคุมประพฤติ พร้อมฝากให้ร่วมกันจับผู้ที่หลบหนีการบําบัด หรือบําบัดไม่ผ่านมาดําเนินคดี ยาเสพติดเป็นปัญหาที่บ่อนทําลายอนาคตของชาติ เยาวชนติดกันเต็มไปหมด ทุกคนต้องเร่งทํางาน ต้องปราบปรามยึดทรัพย์ และบําบัดให้ทั่วถึง และผมขอให้มีความคืบหน้าชัดเจนรายงานกลับมาภายใน 90 วันด้วยครับ”

Advertisement