วันที่ 27 เมษายน 2024

นายกฯ กำชับ สธ.รับมือ “ฝีดาษวานร”

People Unity News : 25 กรกฎาคม 65 นายกฯ กำชับ สธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือ หลัง WHO ประกาศโรคฝีดาษวานรเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ย้ำประชาชนปฏิบัติตนมาตรการ Universal Prevention ต่อเนื่อง ช่วยป้องกันทั้งโควิดและโรคฝีดาษวานร

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงาน สถานการณ์ในประเทศยังปลอดภัย ไทยยังไม่พบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรเพิ่มเติม หลังพบชาวไนจีเรียที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยแบบผิดกฎหมาย ยืนยันป่วยเป็นฝีดาษวานรคนแรกหลบออกนอกประเทศ ด้วยความห่วงใยนายกรัฐมนตรีจึงเน้นย้ำให้กระทรวงสาธารณสุขและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมทุกด้านและแนวทางรองรับโรคฝีดาษวานรหลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้โรคฝีดาษวานรเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern: PHEIC) ตลอดจนกำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเฝ้าระมัดระวังผู้เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศยกระดับการเฝ้าระวัง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน มั่นใจระบบสาธารณสุขไทยสามารถ ดูแล และป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 และฝีดาษวานรได้ ย้ำให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention อย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 แล้วยังจะสามารถทำให้ป้องกันโรคฝีดาษวานรได้อีกทางหนึ่งด้วย

Advertisement

อันตราย!! อย.เตือน “ขนมควันทะลัก” ใส่ไนโตรเจนเหลว

People Unity News : 22 มกราคม 66 จากกรณีรัฐบาลอินโดนีเซียเตือนภัย พบเด็กป่วยหลังกินขนมผสมไนโตรเจนเหลว โดยทำตามคลิปที่มีการกินขนมพร้อมพ่นควันสีขาวออกมาจากปาก อย.มีความห่วงใย ขอให้หลีกเลี่ยงการกิน สัมผัส หรือสูดดมไนโตรเจนเหลวโดยตรง เสี่ยงอันตรายโดยคาดไม่ถึง

นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีรัฐบาลอินโดนีเซียเตือนการใช้ไนโตรเจนเหลวในอาหารพร้อมรับประทาน หลังพบเด็กมีอาการแสบท้องและท้องเสีย หลังกินขนมท้องถิ่น “ชิกิ เกบุล” ซึ่งทำตามคลิปวิดีโอกินขนมพร้อมพ่นควันสีขาวออกมาจากปากนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความห่วงใย การใช้ไนโตรเจนเหลวในอาหารพร้อมบริโภค เพื่อให้เกิดควันพวยพุ่งออกมา ซึ่งเป็นการปลุกกระแสสร้างความแปลกใหม่ ดึงดูดลูกค้าให้ซื้อสินค้าไปรับประทาน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ขนมควันทะลัก” หรือการดัดแปลงนำไนโตรเจนเหลวมาใช้ใส่ในอาหาร เพื่อทำให้แข็ง เช่น ราดหรือผสมลงในไอศกรีม ราดลงบนขนมให้แข็งตัว การใช้ในลักษณะดังกล่าว ผู้ใช้ต้องมีความระมัดระวัง และต้องใช้ไนโตรเจนเหลวที่มีคุณภาพตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 281) พ.ศ. 2547 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร และปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ที่กำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 418) พ.ศ. 2563 หากตรวจพบว่ามีการใช้ไนโตรเจนเหลวในปริมาณมากจนเกินเหตุและเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ถือว่าเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รองเลขาธิการ อย. กล่าวย้ำว่า สำหรับผู้บริโภค ขอให้หลีกเลี่ยงการกิน สัมผัส หรือสูดดมโดยตรง เสี่ยงได้รับอันตรายโดยคาดไม่ถึง เพราะไนโตรเจนเหลวมีอุณหภูมิที่ต่ำมาก เมื่อสัมผัสถูกผิวหนังหรือเนื้อเยื่อ ไนโตรเจนเหลวจะดูดซับความร้อนจากผิวหนัง เพื่อการระเหยอย่างรวดเร็ว และทำให้ผิวหนังหรือเนื้อเยื่อถูกทำลายจากความเย็นจัด หรือหากสูดดมโดยตรงอาจทำให้หมดสติได้ การกินอาหารประเภทนี้ ต้องรอให้ควันของไนโตรเจนเหลวระเหยออกไปให้หมดก่อน จึงจะกินได้ หากผู้บริโภคไม่แน่ใจในคุณภาพหรือความปลอดภัยของอาหาร พบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค สามารถร้องเรียนมาได้ที่สายด่วน อย. 1556 Line @FDAThai, Facebook FDAThai หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

Advertisement

ข่าวขึ้นภาษีรถเก่าเกิน 7 ปี ไม่จริง! กระทรวงอุตสาหกรรมออกมาปฏิเสธแล้ว

People unity news online : วันที่ 9 มิถุนายน 2560 กระทรวงอุตสาหกรรมออกมาชี้แจงข่าวลือโลกโซเชียลมีเดียกรณีขึ้นภาษีรถเก่าเกิน 7 ปี กระตุ้นยอดขายรถใหม่ ว่า เป็นข่าวเก่า ย้ำกระทรวง ไม่เคยมีนโยบายกระตุ้นลักษณะนี้มาก่อน

นางสาวนิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวในสังคมออนไลน์ช่วงวันที่ 8 – 9 มิถุนายน 2560 เกี่ยวกับนโยบายการขึ้นภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ประจำปี (โดยเฉพาะรถยนต์อายุเกิน 7 ปี) เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อรถรุ่นใหม่ โดยเฉพาะรถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco Car) ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและราคาไม่แพง นั้น ว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด กระทรวงไม่เคยมีนโยบายดังกล่าว โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

“กระทรวงขอยืนยันว่าไม่เคยมีนโยบายเช่นนี้มาก่อน เข้าใจว่าข่าวนี้น่าจะเป็นข่าวเก่าเมื่อปี 2559 ในช่วงที่ สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรมรายเดือน ประจำเดือนเมษายน 2559 จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเชื่อและส่งต่อข่าวนั้นๆ เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้น” โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว

People unity news online : post 10 มิถุนายน 2560 เวลา 22.26 น.

สปสช. แจ้งข่าว แก่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบการรักษา

People Unity News : แจ้งข่าว แก่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบการรักษา

9 ม.ค. 65 แจ้งข่าว แก่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบการรักษา สามารถดำเนินการเพื่อรับการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ได้ดังนี้

1.โทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 14 หรือ

2.กรอกข้อมูลที่ https://crmsup.nhso.go.th/#TicketHI หรือ

3.เข้า LINE สปสช.โดยเพิ่มเพื่อน @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6

  • เลือกเมนูบริการเกี่ยวกับโควิด-19
  • เลือกลงทะเบียนเข้าสู่ระบบการดูแลที่บ้าน (Home Isolation)

จะมีเจ้าหน้าที่จะประสานและจับคู่กับสถานพยาบาลเพื่อรักษาตามระบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้านต่อไป

ผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะได้รับการดูแลจากสถานพยาบาลด้วยการวิดิโอคอลติดตามอาการ ได้รับยาฟ้าทะลายโจรและยาพื้นฐานอื่นๆ หากมีอาการเปลี่ยนแปลงให้แจ้งสถานพยาบาลที่ดูแลท่าน เพื่อขอรับยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ พร้อมกับประสานส่งต่อโรงพยาบาลหากมีอาการรุนแรงขึ้น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 ตลอด 24 ชม. หรือ LINE สปสช. @nhso

Advertising

อย. เผยมีมาตรการดูแลอาหารจีเอ็มโอ เพิ่มความปลอดภัยผู้บริโภค สับปะรดสีชมพู ต้องห้ามนำเข้า

People Unity News : 3 มิถุนายน 2565 อย. เผยมีมาตรการกำกับดูแลพืชผักจีเอ็มโออย่างเข้มงวด และได้ออกประกาศเพิ่ม 2 ฉบับ ขณะนี้อยู่ระหว่างประกาศในราชกิจจานุเบกษา

นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่สภาองค์กรของผู้บริโภคได้จัดแถลงข่าว “ผักผลไม้ GMOs บุกไทย หน่วยงานรัฐใดต้องรับผิดชอบ หวั่นปนเปื้อนผลไม้พื้นถิ่น ผู้บริโภคเสี่ยง กระทบการส่งออกผลไม้” ซึ่งเรียกร้องให้ภาครัฐจัดการปัญหาลักลอบนำเข้าผักผลไม้จีเอ็มโอ โดยเฉพาะสับปะรดสีชมพูนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เพิ่มมาตรการกำกับดูแลตามกฎหมาย โดยกำหนดให้อาหารที่ได้จากเทคนิคการดัดแปรพันธุกรรมหรือ GMO เป็นอาหารห้ามผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย เว้นแต่ผ่านการประเมินความปลอดภัยตามเกณฑ์ที่กำหนด และแก้ไขให้อาหาร GMO ทุกชนิดต้องแสดงฉลากตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องอาหารจากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม และประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการแสดงฉลากครอบคลุมอาหารที่ได้จากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม ขณะนี้ ประกาศฯ ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว อยู่ระหว่างประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับทางกฎหมายต่อไป

สับปะรด จัดเป็นอาหารทั่วไป ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 การนำเข้าซึ่งอาหารเพื่อจำหน่ายต้องมีใบอนุญาตนำเข้า และผ่านการตรวจสอบของด่านอาหารและยา แต่สับปะรดสีชมพู เป็นสิ่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 การนำเข้าจึงต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายดังกล่าว

อย. ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เฝ้าระวังการนำเข้าสับปะรดสีชมพูอย่างเข้มงวด และจากการตรวจสอบของทั้ง 2 หน่วยงาน ไม่พบข้อมูลการนำเข้าสับปะรดสีชมพู แต่จากการที่พบมีการจำหน่ายเชื่อว่าไม่ผ่านตามขั้นตอนของกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 หน่วยงานจะประสานกับกรมศุลกากรเพื่อเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าสับปะรดสีชมพูเข้ามาในประเทศต่อไป รองเลขาธิการฯ กล่าวในที่สุด

Advertisement

กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ประกาศเตือน กทม. น้ำทะเลหนุนระลอกใหม่ ช่วง 19-28 พ.ย.นี้

People Unity News : กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ออกประกาศฉบับที่ 22 เรื่องสภาวะระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณกองบัญชาการกองทัพเรื่อ กรุงเทพมหานคร และป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ  และพื้นที่ใกล้เคียง ในระหว่างวันที่ 19-28 พฤศจิกายนนี้ ระหว่างเวลาประมาณ  06.00 น.-15.00 น. เป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง บริเวณกองบัญชาการกองทัพเรือ ป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ และพื้นที่ใกล้เคียง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย รวมทั้งมีการระบายน้ำบริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ลักษณะดังกล่าวอาจทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ

คาดว่าที่บริเวณกองบัญชาการกองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ใกล้เคียง  ระดับน้ำจะมีความสูงประมาณ 1.80-2.0 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง และบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ และพื้นที่ใกล้เคียงระดับน้ำจะมีความสูง ประมาณ 1.7-1.9 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง

ขอให้ระมัดระวังผลกระทบจากระดับน้ำขึ้นสูงและติดตามสภาวะระดับน้ำอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าที่ “สภาวะน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา” ในเว็บไซต์ของ กรมอุทกศาสตร์ หรือสอบถามข้อมูลระดับน้ำที่หมายเลขโทรศัพท์ 024752117, 021736551

Advertising

ศบค.เตรียมลุยตรวจเชิงรุกตลาดสด ตลาดนัด ชุมชนโดยรอบตลาดในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด

People Unity News : ศบค.เตรียมพิจารณามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในตลาด ตรวจเชิงรุกผู้ค้า ลูกจ้าง และชุมชนโดยรอบตลาดพื้นที่สีแดงเข้ม คาดดำเนินการ 3 ระยะครอบคลุมเป้าหมาย 2 แสนคน ตรวจ 4 รอบ รวมทั้งใช้ ATK 8.5 แสนชุด รับสนับสนุนจาก สปสช.

23 ส.ค. 64  น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่กระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศ ได้พบว่าในส่วนของพื้นที่สีแดงเข้มโดยเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑลได้พบผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับตลาดสด และตลาดนัด โดยพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. -10 ส.ค. พบการติดเชื้อใน 23 จังหวัด ในตลาด 132 แห่ง ผู้ติดเชื้อรวม 14,678 คน

กระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดทำมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในตลาด ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน จะได้พิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในตลาด จะประกอบด้วยมาตรการ 3 ส่วน ได้แก่ มาตรการป้องกันคน ป้องกันสถานที่ (ตลาด) และ จัดการระบบเฝ้าระวังควบคุมโรค ซึ่งในส่วนการป้องกันคนนั้นจะมีตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วยชุดตรวจ ATK ในกลุ่มเป้าหมายได้แก่ผู้ค้า ลูกจ้าง แรงงานที่เดินทางเข้าออก ผู้อยู่อาศัยที่ประกอบธุรกิจอยู่โดยรอบ และมีการสุ่มตรวจผู้ซื้อที่เดินทางเข้าไปใช้บริการในตลาด

ดำเนินการในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มทั้ง 29 จังหวัด โดยแบ่งดำเนินการเป็น 3 ระยะ ระยะที่1 ดำเนินการใน 9 จังหวัดสีแดงเข้ม ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ราชบุรี ชลบุรี นครราชสีมา สงขลา และสระแก้ว เป้าหมายที่ตลาดค้าส่งและตลาดขนาดใหญ่ (500แผงขึ้นไป) ตลาดที่มีความเสี่ยงสูง มีชุมชนรอบตลาด  รวม 27 แห่ง  ระยะที่ 2 ดำเนินการตรวจในพื้นที่ตลาดทุกขนาด ในจังหวัดสีแดงเข้ม 16 จังหวัด ครอบคลุมตลาด 117 แห่ง  และระยะที่ 3 ดำเนินการครอบคลุมตลาดทุกขนาด ในพื้นที่สีแดงเข้มทั้ง 29 จังหวัด  รวมตลาด 683 แห่ง

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการตรวจครอบคลุมเป้าหมาย 202,010 คน ตรวจทุกสัปดาห์เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ใช้ชุดตรวจ ATK 808,040 ชุด มีการสำรองสำหรับกรณีตรวจเชิงรุกอีก 41,960 ชุด รวมใช้ชุดตรวจ ATK ตามมาตรการนี้รวม 850,000 ชุด ซึ่งจะขอรับการสนับสนุนชุดตรวจจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ต่อไป

นอกจากดำเนินการตรวจเชิงรุกแล้ว ตามมาตรการนี้จะมีการให้วัคซีนแก่ผู้เกี่ยวข้องในตลาดตามลำดับความเสี่ยง รวมถึงดำเนินมาตรการอื่นควบคู่ เช่น การมีแผนเผชิญเหตุ การจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามหรือสถานที่แยกกัก เพื่อรองรับกรณีผู้ติดเชื้อหรือพบผู้มีผลตรวจ ATK เป็นบวก

Advertising

“อนุทิน” เรียกประชุม 3 กระทรวงจับตาสถานการณ์ “โคโรนา” ยันไทยป้องกันการแพร่ระบาดได้

People Unity News : รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน เรียกประชุม 3 กระทรวง “สาธารณสุข-คมนาคม-ท่องเที่ยว” จับตาสถานการณ์ “โคโรนา” ยืนยันไทยยังป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้

เมื่อวานนี้ (26 ม.ค. 2563) เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร อาคาร 1 ชั้น 2 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประชุมเชิงปฏิบัติการการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศไทย ร่วมกับผู้บริหาร 3 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ก่อนจัดทำมาตรการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในวันอังคารที่ 28 มกราคม 2563 นี้ โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม และศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมด้วย

ภายหลังการประชุม รองนายกรัฐมนตรีได้ ขอบคุณหน่วยงานของทั้ง 3 กระทรวง ที่ร่วมบูรณาการแผนป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ช่วยกันสกัดไม่ให้การระบาดของโรคนี้เพิ่มมากยิ่งขึ้น  ทำให้พบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 จากต่างประเทศ ทั้งหมด 8 ราย ( ณ 26 ม ค.63) โดยกลับบ้านแล้ว 5 ราย อีก 3 รายยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่ายังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศไทย แต่ยังคงเฝ้าระวังนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศจีนหรือประเทศที่สุ่มเสี่ยง หรือสงสัยว่าอาจจะมีอาการป่วย แต่ยังไม่ปรากฏอาการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการตรวจคัดกรองใน 5 สนามบิน ที่บินมาจากเมืองอู่ฮั่นและกวางโจว ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่  ภูเก็ต และกระบี่ นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับแจกคำแนะนำ (health beware card) จากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค

รองนายกรัฐมนตรีประกาศยืนยันว่า คณะผู้เชี่ยวชาญการควบคุมโรคระบาด และแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญของไทย ดำเนินการ 100% อุปกรณ์ในการตรวจสอบและแสกนก็เพียงพอต่อการรับมือสอดคล้องกรอบการดำเนินการขององค์การอนามัยโลก ทั้งยกระดับการเฝ้าระวัง คัดกรองผู้ป่วยสงสัยฯ จากพื้นที่แพร่ระบาดของโรค ครอบคลุมทั้ง สนามบิน สถานพยาบาลรัฐ/เอกชน และในชุมชน ให้โรงแรมที่พักเป็นจุดเฝ้าระวังด้วย ดังนั้น ความร่วมมือของประชาชน ผู้ประกอบการทัวร์ โรงแรม ที่พัก เป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้การควบคุมป้องกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ในการควบคุมป้องกันขณะนี้ มีประสิทธิภาพเพียงพอและเหมาะสมกับสถานการณ์โดยคำนึกถึงสุขภาพประชาชนในประเทศสำคัญเป็นอันดับแรก ประชาชนสามารถมั่นใจต่อการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุขและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้เชื่อมั่นในข่าวที่กระทรวงสาธารณสุขเผยแพร่ออกไป โดยกรมควบคุมโรคจะเป็นผู้แถลงข่าวทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง หากจำเป็นก็จะเพิ่มความถี่ในการแถลงข่าว เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับรายงานการดำเนินการทุกอย่าง และมีความห่วงใยประชาชนต่อสถานการณ์นี้ และได้สั่งการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนให้มากที่สุดโดยไม่ต้องมีการปิดบังใดๆ เพื่อให้ประชาชนได้ปฏิบัติตัวได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง พร้อมทั้งยังทำงานร่วมกับคณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเผยแพร่สู่ประชาชนได้รับทราบ

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวด้วยความมั่นใจว่า สถานการณ์จะดีขึ้นด้วยความร่วมมือจากประชาชน วอนอย่าเชื่อข่าวลือ “เช็คก่อนแชร์” เพื่อไม่ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแพร่หลาย เกิดความตระหนก และมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โปรดติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข หากมีข้อสงสัย สอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง  หรือเว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/intro.php และ Line@ / เพจ เฟสบุ๊ค : รู้กันทันโรค, เพจเฟสบุ๊ค : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข”

โอกาสนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้กำชับให้คำนึกถึงความปลอดภัยและสุขภาพประชาชนเป็นหลัก ประเด็นเศรษฐกิจเป็นเรื่องรอง สำนักโฆษกจะได้มีการประสานงานและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง โดยเฉพาะข้อมูลในเรื่องการดูแล ป้องกันดูแลตนเองอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความมั่นใจและคลายความวิตกกังวลให้กับประชาชน

โฆษณา

กระทรวงสาธารณสุข ยืนยัน ขณะนี้ยังไม่พบโควิดสายพันธุ์ “โอไมครอน” ในไทย

People Unity News : สธ. ยืนยัน ขณะนี้ยังไม่พบโควิดสายพันธุ์ “โอไมครอน” ในไทย

29 พ.ย.64 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยถึงกรณีเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ สายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529 ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ชื่อว่า โอไมครอน (Omicron) พบเมื่อกลางเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา เป็นสายพันธุ์ที่น่าห่วงกังวล ขณะนี้ WHO ขอความร่วมมือทุกประเทศช่วยกันตรวจสายพันธุ์นี้ เพื่อทราบข้อมูลสถานการณ์การระบาดอย่างใกล้ชิด

ยืนยันว่า จากระบบการเฝ้าระวังสายพันธุ์ทางห้องปฏิบัติการฯ ยังไม่พบสายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) ในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์เดลตา ส่วนอัลฟาและเบตาพบบ้างเล็กน้อย

สำหรับการตรวจไวรัสสายพันธุ์นี้ด้วยวิธีมาตรฐาน RT-PCR หรือการคัดกรองด้วย ATK ยังตรวจได้เหมือนสายพันธุ์อื่น

ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขได้ประสานกับ รพ. ที่เป็นคู่สัญญาของ ASQ ว่าเมื่อตรวจพบเชื้อโควิด-19 จากตัวอย่างของผู้เดินทางเข้าประเทศ ให้ส่งตัวอย่างมาตรวจสายพันธุ์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทุกราย เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

ส่วนข้อควรปฏิบัติของประชาชน ยังจำเป็นต้องป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่อง เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เมื่อมีอาการสงสัยให้รีบตรวจหาเชื้อ และที่สำคัญประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ควรเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในเกิดขึ้นโดยเร็ว

Advertising

“พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน” ได้รับบรรจุบัญชีรายชื่อเบื้องต้น ขึ้นทะเบียนมรดกโลก

People Unity News : นายกฯชื่นชม “พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน” ได้รับบรรจุบัญชีรายชื่อเบื้องต้น ขึ้นทะเบียนมรดกโลก ย้ำทุกการดำเนินงานให้คำนึงถึงทรัพยากรธรรมชาติ และประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

19 ม.ค. 65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ นำเสนอแหล่งมรดกทางธรรมชาติพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกเข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ต่อศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นั้น เป็นที่น่ายินดีว่า เว็บไซต์ของ ศูนย์มรดกโลก องค์การยูเนสโก ได้บรรจุ “พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน” ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) เพื่อเสนอขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยภายหลังทราบข่าว พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวยินดีและชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้เดินหน้าผลักดันจนประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่ง พร้อมย้ำว่า ขอให้ทุกหน่วยงานคำนึงถึงทรัพยากรธรรมชาติ และประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ และประเทศเป็นหลัก เพราะการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติจะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจให้คนไทย รวมทั้งเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืนอีกทางหนึ่งด้วย

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน ที่นำเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลตลอดชายฝั่งทะเลอันดามันที่อยู่ตอนบนของคาบสมุทรไทย ในเขต จ.ระนอง พังงา และภูเก็ต รวมทั้งสิ้น 6 อุทยานแห่งชาติ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระนอง อุทยานแห่งชาติแหลมสน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง อุทยานแห่งชาติสิรินาถ รวมไปถึงพื้นที่ป่าชายเลนจังหวัดระนอง และพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง ซึ่งเป็นองค์ประกอบของนิเวศทางทะเลและชายฝั่งที่สำคัญทางฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย 3 นิเวศภูมิภาค (Ecoregion) ที่สำคัญ คือ นิเวศภูมิภาคป่าชายเลนและกลุ่มเกาะชายฝั่งนิเวศภูมิภาคหมู่เกาะทะเลลึก และนิเวศภูมิภาคชายหาดและป่าสันทรายชายฝั่ง ทั้งนี้เว็บไซต์ UNESCO ระบุว่า โดยรวมแล้ว “พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน” ของประเทศไทยก่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าประทับใจที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ละพื้นที่เป็นตัวอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ของความงามตามธรรมชาติ และเมื่อรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วยังสร้างห้องเรียนประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ เป็นหนังสืออ้างอิงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่รวมอยู่ในประเทศเดียว “พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน” เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของภูมิประเทศ และตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่สร้างความซับซ้อนและความหลากหลายของภูมิประเทศที่ไม่มีใครเทียบได้

Advertising

Verified by ExactMetrics