วันที่ 4 พฤษภาคม 2024

ปลัด มท. แจง คนมหาดไทยต้องทำงานอย่างไร “สั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน”

People Unity News : 9 กันยายน 2566 ปลัดมหาดไทยเผย คนมหาดไทยต้องทำงานเชิงรุกด้วยความรวดเร็ว พร้อมขับเคลื่อนงานทุกมิติ เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ทำให้ประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขโดยถ้วนหน้า “ทำงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน”

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงวิธีการทำงานของคนมหาดไทยตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวในโอกาสพบปะข้าราชการเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ความว่า “…ผมเป็นคนทำงานวันนี้ สั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน เพราะงั้นก็ขอให้ทุกคนได้มีความมั่นใจ..” เป็นเครื่องเตือนใจให้คนมหาดไทยต้องทำงานด้วยความรวดเร็ว และมีความพร้อมอยู่เสมอ ที่สำคัญต้องทำงานเชิงรุก เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ถ้า “เข้าใจ เข้าถึง” พี่น้องประชาชนแล้ว ปัญหาต่าง ๆ ตลอดจนความต้องการของพี่น้องประชาชนในทุกเรื่อง ก็จะสามารถพัฒนาและดำเนินการได้ทันที อะไรที่ยังแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องมีการสื่อสารสร้างความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชน ต่อสาธารณชน สอดคล้องกับหลักปฏิบัติที่คนมหาดไทยได้รับการบ่มเพาะถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาโดยตลอดว่า “รอบรู้ รวดเร็ว ริ่เริ่ม และเร่งรัด” ดังที่ท่านวิญญู อังคณารักษ์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เคยกล่าวไว้

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำว่า หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า “เมื่อวานนี้งานจะเสร็จได้อย่างไร ในเมื่อสั่งวันนี้” แต่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยทุกคนในฐานะข้าราชการประจำ ผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจสอบคัดเลือกเข้ามารับราชการ ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชนจนกว่าจะเกษียณอายุราชการ ต่างก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าข้าราชการกระทรวงมหาดไทยนั้นมีภาระหน้าที่อันหนักหน่วง นั่นคือ ทุกปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน คือ หน้าที่ของคนมหาดไทย งานของทุกกระทรวง ทบวง กรมที่ลงสู่พื้นที่ ก็คืองานของคนมหาดไทย ดังนั้น พวกเราในฐานะข้าราชการประจำ จะต้องมุ่งมั่นทุ่มเททำงานแบบรองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด มีใจ มี Passion ในการทำงานโดยไม่ยึดถือเรื่องเวลาเป็นข้อจำกัดของการทำงาน เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดี คือ การคิดริเริ่มสร้างสรรค์นำเสนอสิ่งที่ดีเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาได้เห็นชอบตามที่เราได้คิด ได้เสนอ

“นอกจากนี้ คนมหาดไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ผู้บริหารระดับสูง ต้องเป็น “ผู้นำต้องทำก่อน” ต้องรู้ลึก รู้กว้าง ถึงเรื่องที่จะขับเคลื่อน เพื่อนำไปสื่อสารกับนายอำเภอในฐานะผู้นำของพื้นที่และภาคีเครือข่าย ซึ่งมีนัยยะว่า “ผู้นำทำงานต่าง ๆ ลำพังคนเดียวไม่ได้” ต้องมีทีมงานจาก 7 ภาคีเครือข่าย ทั้งภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ภาคสื่อสารมวลชน ช่วยขับเคลื่อนงาน และที่สำคัญ “ต้องเร่งรัด ติดตามการขับเคลื่อนงาน” เพื่อให้มั่นใจว่าทุกภาคส่วนได้ช่วยกันทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแบบบูรณาการอย่างยั่งยืนได้อย่างถูกต้องตามหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร คือ ร่วมคิด ร่วมพูดคุย ร่วมทำ ร่วมแก้ปัญหา ร่วมรับประโยชน์ ทำให้ประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขโดยถ้วนหน้า ซึ่งหากทุกคนสามารถทำได้อย่างนี้แล้ว ก็จะมีคุณสมบัติตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวไว้นั่นเอง” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้าย

Advertisement

นายกฯเหน็บแบงก์ชาติ มีหน่วยงานอื่นมีจิตสำนึกลดดอกเบี้ยช่วยประชาชน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 มีนาคม 2567 ทำเนียบรัฐบาล – นายกฯ บอกถึงแบงก์ชาติไม่ลดดอกเบี้ย แต่มีหน่วยงานอื่นมีจิตสำนึกลดดอกเบี้ยช่วยประชาชน ย้ำ หนี้สินคือสารตั้งต้นความหายนะของประเทศ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการแก้ปัญหาหนี้สินของบุคลากรภาครัฐ ที่ทุกหน่วยงานอยากให้ลดดอกเบี้ย ว่า ทุกคนพูดเรื่องการลดดอกเบี้ย ที่ถือเป็นการลดรายจ่ายส่วนหนึ่ง อย่างน้อยหากธนาคารแห่งประเทศไทยยืนยันจะไม่ลดดอกเบี้ย แต่ก็มีหน่วยงานอื่นที่มีจิตสำนึกลดอัตราดอกเบี้ย ขอขอบคุณหน่วยงานเหล่านั้น เพราะการทำงานทำด้วยใจจริง ๆ เชื่อว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บริหารระดับสูงเห็นความลำบากของประชาชนจริง ๆ โดยเฉพาะภาระหนี้สิน อย่างที่เคยกล่าวไว้ ภาระหนี้สินของประชาชน คือสารตั้งต้นของความหายนะของประเทศ ตอนนี้ต้องช่วยกันก่อน
ส่วนหนี้กยศ.ที่อยากให้ลดเหลือ 0.5 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะไปช่วยดู เพราะตระหนักดีว่าเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ยืนยันว่าเรายังช่วยดูแลกันอย่างเต็มที่ โดยบอกไปในที่ประชุมว่า หากช่วยกันได้ ก็จะทำ รวมถึงการขยายวงเงิน และบอกอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ไปว่าควรเร่งเอาสหกรณ์เข้ามาอยู่ในโครงการโดยเร็ว ซึ่งเราเพิ่งเริ่มทำกันมาได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น และได้ผลส่วนหนึ่งแล้ว

“นายกิติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีก็มีแรงใจทำเรื่องนี้มาก ลงไปพูดคุยหลายหน่วยงาน พยายามทำให้ทุกคนมีความทะเยอทยานในการช่วยเหลือ ซึ่งประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว ดูจากแววตาของผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหลายในวันนี้ ซาบซึ้งถึงความลำบากของประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

“สิระ”จ่อชงทบทวนมติเชิญ”บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”แจงกมธ.”เสรีพิศุทธ์”

People Unity News : “สิระ”ยันมีคุณสมบัติครบนั่งกมธ.ปราบทุจริตจ่อทบทวนมติเชิญ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” แจงกมธ.พร้อมแนะ “เสรีพิศุทธ์” หาเวลาไปหาหมอบ้าง ขณะที่ประธาน กมธ.ป.ป.ช. เตรียมเชิญ”ประวิตร”เข้าชี้แจงรอบ 3 หลังส่งหนังสือชี้แจงอ้างติดประชุมครม. ขณะที่โฆษกกระทรวงกลาโหมบอกลาประชุมครม.เหตุทำภารกิจสำคัญ

เมื่อเวลา 11.45น. วันที่ 6 พ.ย.2562 ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีจะเข้าไปดำรงแหน่งกมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร  แทนส.ส.พลังประชารัฐที่ลาออกจากกมธ.ว่า ได้ยื่นลาออกจากกมธ.แก้ปัญหาหนี้สินแห่งชาติแล้ว เพื่อจะเข้าเป็นกมธ.ปราบทุจริตฯ ซึ่งในวันที่ 6 พ.ย.2562 พรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อตนและน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี ให้ที่ประชุมสภาฯรับรองการไปทำหน้าที่เป็นกมธ.ปราบทุจริตฯ คาดว่าตนและน.ส.ปารีณาจะไปร่วมประชุมกมธ.ได้ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ การที่ส.ส.พลังประชารัฐ 2คนคือ นายพยม พรมเพชร ส.ส.สงขลา และนายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชานี ลาออกจากกมธ.ปราบทุจริตฯ เพราะกลัวติดคุก เนื่องจากมติต่างๆของกมธ.ถูกนักกฎหมายหลายคนท้วงติงว่า เป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ดังนั้นตนจะเข้าไปทำหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศ ยืนยันว่า ตนและน.ส.ปารีณามีคุณสมบัติเหมาะสม เพราะเคยทำงานด้านตรวจสอบทุจริตมาก่อน

นายสิระกล่าวว่า สิ่งที่ตนจะเข้าไปเสนอต่อที่ประชุม กมธ.ปราบทุจริตฯคือ การทบทวนมติต่างๆของกมธ.อาทิ การเชิญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงต่อกมธ.และกรณีการรื้อคดีนาฬิกายืมเพื่อนของพล.อ.ประวิตรว่า อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกมธ.หรือไม่ ยืนยันว่า เป็นการเข้ามาทำหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศ ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง เชื่อว่าการประชุมกมธ.จะเป็นไปด้วยความราบรื่น  ขอฝากไปยังพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎรว่า อายุเยอะแล้ว หากมีเวลาควรไปโรงพยาบาลตรวจสอบสุขภาพจิตและสุขภาพกายบ้าง รู้สึกเป็นห่วง จึงขอให้ไปเช็กสภาพร่างกายดูบ้าง

“ปารีณา” เตรียมพร้อมเข้าเป็น กมธ.ป.ป.ช.

นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ จะมีการเสนอชื่อตนเองและนายสิระ เข้าเป็นกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร แทนที่นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา และนายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชารัฐ ที่แสดงความจำนงขอลาออกจากคณะกรรมาธิการฯ

นางสาวปารีณา ระบุถึงการทำหน้าที่ว่า ตั้งใจเข้าไปตรวจสอบว่าคณะกรรมาธิการฯ ใช้อำนาจเกินขอบเขตไปบ้างหรือไม่ เนื่องจากมี ส.ส.สมัยแรกจำนวนหนึ่งอ่อนต่อโลก ใช้อำนาจเกินขอบเขตหน้าที่ และอยากให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานกรรมาธิการฯ เรียนรู้ว่าการใช้อำนาจกรรมาธิการต่างจากการใช้อำนาจตำรวจ เพราะที่ผ่านมามีหลายครั้งใช้อำนาจเกินขอบเขต สุ่มเสี่ยงกระทำผิดกฎหมาย จึงอยากให้วางตัวให้เกียรติคนอื่น พูดจาให้นุ่มนวลลง พร้อมยืนยันว่า การเปลี่ยนตัวครั้งนี้ ไม่ได้เป็นยุทธศาสตร์หรือการสั่งการจากประธานยุทธศาสตร์พรรค แต่เป็นการหารือกันระหว่าง ส.ส.ด้วยกันเอง เพราะ ส.ส. 2 คนที่ลาออกกังวลว่าการลงมติต่างๆ อาจจะเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย

นางสาวปารีณา ยังระบุว่า อยากจะไปทำหน้าที่ตรวจสอบเกี่ยวกับการจัดซื้อรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจ Tiger ซึ่งจัดซื้อสมัยที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยย้ำว่าไม่ได้เป็นการโต้ตอบทางการเมือง แต่ตรวจสอบเพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ และจะขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล ส่วนที่ถูกวิจารณ์ว่า จะเป็นหนึ่งในคนที่มีบทบาทของกรรมาธิการชุดนี้ นางสาวปวีณาบอกว่าทุกคนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์แต่ขอให้ดูการทำหน้าที่ ติดตามตอนต่อไป

“เสรีพิศุทธิ์” เตรียมเชิญ”ประวิตร”เข้าชี้แจงรอบ 3

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ กล่าวว่า ได้เลื่อนวาระการแถลงข้อเท็จจริงของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับกรณีการเสนอร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน ในวันนี้ออกไปก่อนหลังนายประสาน หวังรัตนปราณี กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีของพล.อ.ประวิตร ได้ส่งหนังสือคำชี้แจงต่อกรรมาธิการแทน เนื่องจากพล.อ.ประวิตร ติดภารกิจประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ไม่สามารถเดินทางมาชี้แจงด้วยตัวเองได้

“ก่อนหน้านี้มีหนังสือมาถึงแล้วครั้งหนึ่ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 พิจารณารับฟังเหตุผลได้…ส่วนจะมีการเชิญเมื่อใดอีกนั้น ขอหารือภายในกรรมาธิการก่อน และขอบคุณทางไปยังพล.อ.ประวิตรที่ทำหนังสือชี้แจงดังกล่าวมา ทำให้เห็นว่าเป็นการให้เกียรติต่อสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าการทำหน้าที่ไม่มีนัยยะการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ต่างคนต่างทำหน้าที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน”

ส่วนกรณีที่มีคณะกรรมาธิการบางคนลาออกด้วยเหตุผลว่าไม่สามารถทำงานร่วมได้ เนื่องจากรับเรื่องจนล้น และมุ่งประเด็นการเมืองนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้รับเรื่องร้องเรียนมาแล้ว 135 เรื่อง รวมถึงการรับเรื่องวันนี้ เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยย้ำว่ามุ่งปฏิบัติหน้าที่เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อน

ด้านพล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตรได้ลาประชุม ครม. เพื่อทำภารกิจสำคัญ ส่วนจะเกี่ยวข้องเรื่องอะไรนั้น ตนไม่ทราบ แต่ไม่ได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

“ครม.เศรษฐา 1” แบ่งงานรองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวง

People Unity News : 14 กันยายน 2566 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (13 ก.ย.) ได้มีการแบ่งงานให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแล โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำกับดูแลกระทรวงการคลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงกลาโหม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม (ยกเว้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ) กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กำกับดูแลกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำกับดูแลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กำกับดูแลกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)

Advertisement

“ทรงศักดิ์”มท.3 เยี่ยมชมศูนย์จำหน่าย OTOP OUTLET อยุธยา

People Unity News “ทรงศักดิ์”มท.3 เยี่ยมชมศูนย์จำหน่าย OTOP OUTLET จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หวังผลักดันเป็นโมเดลพัฒนา OTOP ครบวงจร

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปติเยี่ยมชมศูนย์จำหน่าย OTOP OUTLET และศูนย์พัฒนาบรรจุภัณฑ์กลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพบปะเยี่ยมเยียน ผู้ประกอบการและร้านค้า OTOP เด่นของแต่ละอำเภอ ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา

โดยมีนางสาวนุชนาถ ประทีปธีรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, นายชัยวัฒน์ แสงศรี ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน, นายถวิล ยี่สุ้นแสง หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, นางอมรรัตน์ กรึงไกร นายอำเภอมหาราช, นายเดชาธร เชาว์เลขา นายอำเภอบางปะหัน, ทีมงานสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ประธานบริษัทโอทอปอินเตอร์เทรดเดอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และเครือข่ายผู้ผลิต ผู้ประกอบการโอทอป จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก ณ โรงเรียน OTOP ACADEMY อยุธยา และศูนย์จำหน่าย OTOP OUTLET และศูนย์พัฒนาบรรจุภัณฑ์กลาง ตำบลบ้านใหม่ อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

รัฐบาลเดินหน้ามาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร

People Unity News : รัฐบาลเดินหน้ามาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร นายกรัฐมนตรีหวังให้ “เกษตรกร” เป็นอาชีพที่มั่นคง

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิณโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ติดตามการแก้ปัญหาพี่น้องเกษตรกร เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงมือพี่น้องเกษตรกรโดยเร็ว หลังหลายมาตรการได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรี ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้รายงานว่าภายในวันที่ 15 พ.ย.62 นี้ ธ.ก.ส. คาดว่าจะจ่ายเงินในส่วนของการประกันรายได้ครบงวดแรกให้กับเกษตรกร ตามรายชื่อที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) แจ้ง โดยงวดที่ 2 และ3 กำหนดให้มีการจ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 1-15 มกราคม และตั้งแต่ 1-15 มีนาคม 2563 โดยตั้งเป้าเกษตรกร 1.71 ล้านราย ภายในวงเงิน 2.34 หมื่นล้านบาท

สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนั้น คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 9,400 ล้านบาท ในการจ่ายเงินประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวกว่า 349,000 ครัวเรือน ในโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 / 2563 รอบที่ 1 โดยต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนวันที่ 16 ตุลาคม 2562 นอกจากนี้ ที่ประชุมครม. วานนี้ยังได้อนุมัติวงเงินรวม 9,671,582,800 บาท สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2562/63 และเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ที่มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการการจัดทำประมาณการรายได้ การกำหนดและการชำระราคาอ้อยและค่าผลิตน้ำตาลทราย อัตราผลตอบแทนระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเกิดความเป็นธรรมระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน

โฆษกรัฐบาลยังเปิดเผยด้วยว่า ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่จ. กาญจนบุรี นายกรัฐมนตรีย้ำให้รัฐมนตรีทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนปัญหาเกษตรกรทั้งผู้ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง ยางพาราและพืชเกษตรอื่นๆ เพราะรัฐบาลถือเป็นงานสำคัญเร่งด่วน โดยรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ได้นำเอานโยบายของทุกคนทุกพรรคมาบูรณาการ เพื่อกำหนดเป็นแผนงาน โครงการและงบประมาณ อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การวิธีผลิตตลอดจนดูแลราคาที่เหมาะสมกับสภาพตลาด เป้าหมายสำคัญคือการสร้างความมั่นคงในอาชีพให้กับพี่น้องเกษตรกร

“ไทยคม5″ระส่ำ! “เศรษฐพงค์” จี้ยึดคืนคลื่น 3.5 GHzในสภาฯหลังหมดสัมปทาน

People Unity News : “ไทยคม5” ระส่ำ! “เศรษฐพงค์” จี้ยึดคืนคลื่น 3.5 GHz หลังหมดสัมปทาน ลั่น 5Gไทย ต้องทัดเทียมมาตรฐานโลก วอน “ดีอีเอส-กสทช.” เปิดประมูลคลื่น 3.5GHz เพื่อคนไทยได้ใช้ 5G เต็มคุณภาพ ระบุ เป็นประโยชน์ต่อระบบการแพทย์-ศก.ดิจิทัล สอดคล้องนโยบายรัฐ เตือนทำ “พีพีพี” ดาวเทียมไทยคม 5 ต้องรอบคอบ เปิดกว้าง โปร่งใส

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นวาระการหารือ โดย พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิจไทย ขอหารือต่อที่ประชุมว่า วันนี้ตนมีเรื่องหารือที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนเทคโนโลยีด้านสาธารณสุข ซึ่งเรื่องดังกล่าวนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข มีความเป็นห่วงและติดตามอย่างใกล้ชิด ก่อนอื่นต้องขอของคุณนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส และทาง กสทช. ที่มีความตั้งใจและร่วมมือกัน เพื่อจัดประมูลคลื่นความถี่สำหรับ 5G ในช่วงต้นปี 2563 ซึ่งจะสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการแพทย์ การสาธารณสุข ที่จะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในอนาคตอันใกล้ แต่ประเด็นสำคัญที่ตนจะเน้นย้ำคือเรื่องคลื่นความถี่สำหรับ 5G โดยในปัจจุบันประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีทิศทางหันไปใช้คลื่นความถี่ย่าน 3.5GHz ที่เป็นมาตรฐานสากลโดยสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ ITU ได้กำหนดไว้เช่นกัน และจะมีการผลิตอุปกรณ์หลักๆ มากมายบนย่าน 3.5GHz ดังกล่าวมากกว่าในย่านความถี่อื่นๆ

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า แต่ในแผนการประมูลคลื่นความถี่ที่จะเกิดขึ้นในต้นปีหน้าที่ กสทช. ได้ประกาศออกมานั้น ไม่ได้มีคลื่นความถี่ในย่าน 3.5GHz เลย จึงถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างมาก เนื่องจากถึงแม้ว่าจะสามารถนำคลื่นความถี่อื่นมาใช้ทำ 5G ได้ แต่อุปกรณ์ต่างๆ ที่ทั่วโลกผลิตมาอย่างแพร่หลายไม่ได้อยู่บนคลื่นความถี่เหล่านี้เป็นหลัก การใช้คลื่นความถี่ย่าน 2600 และ 700MHz ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนผู้ให้บริการ 5G ที่ยังมีไม่แพร่หลายนัก หากประเทศไทยใช้คลื่นความถี่ที่ไม่ได้รับความนิยม จะก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องอุปกรณ์ปลายทาง คือโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์ 5G อื่นๆ ที่ไม่มีในท้องตลาด ส่งผลให้ประชาชนต้องใช้อุปกรณ์ที่จะมีราคาสูง

“ดังนั้นผมเห็นว่าควรเร่งการจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 3.5GHz ซึ่งในปัจจุบันคือย่านความถี่ Extended C-Band ที่ใช้ในดาวเทียมไทยคม 5 ในการให้บริการทีวีดาวเทียมเป็นส่วนใหญ่ และปัจจุบันนี้กำลังได้รับความนิยมลดน้อยลง จึงทำให้หลายประเทศก็ได้มีการเรียกคืนความถี่ย่าน 3.5GHz นี้จากดาวเทียมและนำมาจัดสรรเป็นความถี่สำหรับเทคโนโลยี 5G ที่มีประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า ประเทศไทยไม่ควรให้ความหวัง 5G บนคลื่นความถี่อื่น ที่ไม่ใช่ 3.5GHz ที่ถือว่าเป็นความถี่หลักของ 5G ดังนั้น กระทรวงดีอีเอส และ กสทช. ควรเร่งนำคลื่น 3.5GHz มาร่วมประมูลด้วย เพื่อให้ 5G ไทยเทียบเท่ามาตรฐานโลก สามารถรองรับอุปกรณ์จากทั่วโลกที่มีราคาถูกลงอย่างรวดเร็วจนสามารถสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลตามนโยบายของรัฐบาลได้” พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าว

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า สำหรับดาวเทียมไทยคม 5 กำลังจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2564 ได้ใช้ความถี่ย่าน 3.5GHz ซึ่งถูกนำมาใช้ในการให้บริการทีวีดาวเทียมเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันนี้กำลังได้รับความนิยมลดน้อยลง ตัวอย่างเช่น ในหลายประเทศก็ได้มีการเรียกคืนความถี่ย่าน 3.5GHz นี้จากดาวเทียมและนำมาจัดสรรเป็นความถี่สำหรับเทคโนโลยี 5G แล้ว ดังนั้นประเทศไทยจึงควรพิจารณาหาแนวทางในการวางแผนการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 3.5GHz เพื่อนำมาจัดสรรให้กับ 5G เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ตนจึงขอฝากท่านประธาน ไปยังผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงดีอีเอส, กสทช. และคณะกรรมการ 5G แห่งชาติ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ช่วยพิจารณาประเด็นดังกล่าว และกรุณาแจ้งแนวทางการดำเนินงานให้ทางรัฐสภาทราบในโอกาสต่อไป

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เมื่อดาวเทียมไทยคม5 หมดสัญญาสัมปทานในปี 2564 แล้ว จะต้องมีการดำเนินการตาม พ.ร.บ. การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) ซึ่งกระทรวงดีอีเอส และทาง กสทช. จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและมีนโยบายที่เปิดกว้างและดำเนินการอย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนและประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ในส่วนสถานีภาคพื้นดิน (Ground Station) ที่ถูกสร้างในช่วงเวลาสัมปทาน ทั้งที่ตั้งไว้ในประเทศและต่างประเทศ เมื่อมีการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานไปยังระบบใบอนุญาต จะทำให้ทรัพย์สินทั้งหมด ต้องถูกส่งมอบให้กับกระทรวงดีอีเอส เพื่อนำไปบริหารจัดการต่อ ซึ่งในส่วนนี้ทางกระทรวงดีอีเอส จะนำมาเป็นทรัพย์สินของรัฐในการเจรจา พีพีพี ด้วยหรือไม่ ตรงนี้ทางกระทรวง ดีอีเอส กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีการดำเนินการอย่างรอบคอบ โปร่งใส เพื่อผลประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชน

“สิระ”เตรียมเสนอปลด”เสรีพิศุทธ์”พ้นประธานป.ป.ช. 20 พ.ย.นี้

People Unity News : “สิระ”เตรียมเสนอปลด”เสรีพิศุทธ์”พ้นประธานป.ป.ช. 20 พ.ย.นี้ มั่นใจเสียงหนุนเกินครึ่ง เผยคุยผู้ใหญ่พปชร.แล้ว

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรรพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ(ป.ป.ช.) แถลงว่า หลังจากการประชุมกมธ.ป.ป.ช. มีกมธ.หลายคนไม่สบายใจและไม่ไว้วางใจต่อการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช. และหากประธานพิจารณาแต่เรื่องของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม และเรื่องของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เท่านั้น ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นๆ เช่น การทุจริตของข้าราชการที่มีการร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก

“ทุกสัปดาห์กมธ.ฯเสียเวลากับเรื่องที่จบไปแล้ว และนักวิชาการและนักกฎหมายก็ท้วงติงแล้วว่าผิดกฎหมาย แต่ประธานก็ยังทำอยู่ ดังนั้นจึงเห็นว่าการประชุมกมธ.ครั้งต่อไปในวันที่ 20 พ.ย. จะมีการเสนอให้เปลี่ยนตัวประธานกมธ. โดยตนจะเป็นผู้เสนอ และมั่นใจว่ามีเสียงจากกมธ.เกินครึ่งที่จะสับสนุน เราได้คุยกันเบื้องต้นแล้วว่าหากประธานยังมีพฤติกรรมแบบนี้ต้องเปลี่ยน จึงมั่นใจเสียงจากกมธ.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลที่มี 15 เสียง เราจะได้ 8 เสียง ตามระเบียบการประชุมประธานสามารถออกเสียงได้แต่ตามมารยาทแล้วควรงดออกเสียง”

เมื่อถามว่าจะเสนอใครเป็นประธานกมธ.แทน นายสิระ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐแล้วตนจึงได้ออกมาแถลง โดยจะเลือกคนที่กรรมาธิการเห็นว่ามีความเหมาะสมกว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นแทน

“ปิยบุตร”ลั่น”ธนาธร”พร้อมสู้ทุกมรสุมไม่มีหวั่น

People Unity News :  “ปิยบุตร”ลั่น”ธนาธร”ยังเป็นแคนดิเดทนายกฯ ซัดปิดกองถ่ายหนังม้วนเก่าได้แล้ว ยันพร้อมสู้ทุกมรสุมไม่มีหวั่น ถามตกลงประเทศนี้จะลงทุนเผาป่าเพื่อฆ่าหนูตัวเดียวจริงๆหรือ

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นายธนาธร ว่า ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาล แม้ว่านายธนาธรจะถูกตัดสิทธิแต่ยังเป็นหัวหน้าพรรค ผู้นำพรรคและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ถ้าเมื่อไรที่มีการลงมติเลือกนายกฯ นายธนาธรก็ยังมีสิทธิที่จะได้รับการเลือกเป็นนายกฯ คำตัดสินครั้งนี้สมาชิกพรรค ไม่ได้เสียใจ ทุกคนยังทำหน้าที่ในสภาด้วยความยิ้มแย้ม เพราะนายธนาธรไม่ได้เข้าร่วมประชุมสภาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่เสียดายโอกาสที่นายธนาธรไม่มีโอกาสได้อภิปรายในสภา ที่ในช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งนายธนาธรเป็นตัวหลักในการเตรียมข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เราไม่ได้กังวลอะไรเพราะเราคิดไว้ตั้งแต่ตอนตั้งพรรคแล้วว่า ไม่ช้าก็เร็วเราคงเจอมรสุมแบบนี้ เราพร้อมสู้ทุกคดี จาก 25 คดีตอนนี้เหลืออีก 24 คดี หากจะมีมาเพิ่มอีกก็พร้อมสู้

“ผมเห็นว่าหนังม้วนเก่าที่ฉายซ้ำๆมาหลายรอบแล้ว หมดเวลาฉายหนังม้วนเก่า ควรปิดกองถ่ายได้แล้ว ตกลงประเทศนี้จะลงทุนเผาป่าเพื่อฆ่าหนูตัวเดียวจริงๆหรือ”

นายปิยบุตร กล่าวว่า เวลานี้ส.ส.หลายคนที่มีคดีเกี่ยวกับสื่อก็ใจตุ้มๆต่อมๆ ว่าจะโดนแบบนี้หรือไม่ แต่มีส.ส.คนหนึ่งที่มีคู่สมรสทำสื่อ แต่ไม่กลัวและไม่ต้องลุ้น แต่อีกหลายคนต้องลุ้นทั้งๆที่ไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ หรือท้ายที่สุดรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ที่พยายามจะเป็นเครื่องมือขุคุ้ยและจับผิดนักการเมือง

เมื่อถามว่า นายธนาธรจะสามารถลงสมัครส.ส. ได้หรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญสามารถทำได้เพราะไม่ติดโทษห้าม แต่ตอนนี้พรรคยังไม่มีแผนในอนาคต

เมื่อถามว่า กกต.จะยื่นเรื่องดำเนินคดีทางอาญา นายปิยบุตร กล่าวว่า เราพร้อมสู้คดี จะมาอีกกี่มรสุมอีกกี่ระลอกก็ว่ามา ตนขอร้องว่าอย่าฉายหนังม้วนนี้ซ้ำ ตนอยากอยากฝากทิ้งท้ายว่า เวลาจะทำอะไรให้นึกถึงประชาชนบ้างว่าเขาโอดร้องกันด้วยเรื่องอะไร

เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้สาธารณชนตัดสิน เวลาศาลตัดสินอะไรจะปรากฎต่อสาธารณะ คงไม่ใช่ตนหรือนายธนาธรจะวิพากษ์วิจารณ์ แต่เป็นอำนาจของประชาชนที่เป็นผู้ทรงอำนาจที่สุดของประเทศ

“ธรรมนัส”ยันวันแมปแนวแก้ปัญหาแผนที่ทับซ้อนอื้อ

People Unity News : “ธรรมนัส”ลุยใต้ ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส พบครู-นักเรียน โรงเรียนนราสิกขาลัย ก่อนไปรับฟังปัญหาของประชาชนเรื่องที่ดินทำกิน อำเภอสุไหงปาดี ย้ำเร่งผลักดันใช้แผนที่ วันแมป (One map) แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนจบแน่นอน

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่พบปะผู้บริหารโรงเรียน คณะครู สมาคมผู้ปกครอง และนักเรียน พร้อมเยี่ยมชมผลงานโรงเรียน ที่โรงเรียนนราสิกขาลัย อำเภอเมืองนราธิวาส โดยมี นายธรรมรงค์ คงวัดใหม่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และส่วนราชการในสังกัดให้การต้อนรับ ในโอกาสนี้ ร้อยเอกธรรมนัส ในฐานะศิษย์เก่าของโรงเรียนนราสิกขาลัย ยังได้ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “บทบาทของโรงเรียนที่มีต่อการพัฒนาพัฒนาประเทศ” ด้วย

จากนั้น ร้อยเอก ธรรมนัส พร้อมคณะที่ปรึกษาและ คณะทำงาน ได้เดินทางตรวจราชการและพบปะประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอสุไหงปาดี เพื่อรับฟังปัญหาด้านที่ดินทำกิน ซึ่งพบว่าอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนเขตป่า ที่ไม่มีแนวเขตที่ดินชัดเจน ประมาณ 27,600 ไร่ ก่อนจะไปพบปะเกษตรกรกลุ่มปลูกข้าวหอมกระดังงา และเยี่ยมชมการแปรรูปข้าว ที่บ้านตอหลัง อำเภอตากใบด้วย

โดยร้อยเอกธรรมนัส ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรและประชาชน ว่า ปัญหาที่ดินทับซ้อนระหว่างกรมอุทยาน กรมป่าไม้ ของกระทรวงทรัพยากรฯ ทับซ้อนระหว่างนิคมอุตสาหรรม รวมถึงส.ป.ก นั้น ณ เวลานี้ มีแนวทางแก้ปัญหาให้เบ็ดเสร็จอย่างยั่งยืน โดยไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อนคือการทำแผนที่วันแมป ซึ่งปัจจุบันนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนทหาร ต่างมีแผนที่ของตัวเอง จึงไม่รู้จะเอาแผนที่ไหนเป็นหลักในการแก้ปัญหา ทำให้สามารถแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้

ทั้งนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตนได้เสนอนายกรัฐมนตรี พิจารณา การใช้แผนที่วันแมป เพื่อแก้ปัญหา ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นด้วย ในการนำวันแมปเข้าสู่ครม.เพื่อพิจารณาเห็นชอบ และประกาศใช้แผนที่วันแมปฉบับเดียว เท่านั้น แล้วปัญหาต่างๆจะจบสิ้นไป ดังนั้น ในส่วนปัญหาของที่อำเภอสุไหงปาดี รวมถึงจว.แม่ฮ่องสอน ที่มีปัญหาที่ดินทำกินทับซ้อนดังกล่าว ตนจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแก้ปัญหา และขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้ โดยนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายชัดเจนในเรื่องการแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ในเรื่องวันแมป โดยเฉพาะในส่วนของส.ป.ก.ที่ตัวเองรับผิดชอบ ต้องแก้ไขให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

มีรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (23 พ.ย. 62) ร้อยเอกธรรมนัส ยังปฎิบัติภารกิจต่อในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จะร่วมพิธีทำบุญทอดผ้าป่าและพบปะผู้นำและเกษตรกร ณวัดทรายขาว อำเภอตากใบ ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน

Verified by ExactMetrics