วันที่ 7 พฤษภาคม 2024

“อ้น”จี้”ธนาธร”แจงเหตุแถลงนอกศาลให้ข้อมูลไม่ชัด

People Unity News : “อ้น”จี้”ธนาธร”แจงเหตุแถลงนอกศาลให้ข้อมูลไม่ชัด มั่วยกเจตนารมณ์ รธน.เก่าคนละมาตรามาอ้าง ยกประเด็นคดีต่างกันกล่าวหามาตรฐานศาลฎีกา-ศาลรธรน. แถมระบุวันที่โอนหุ้นไม่ตรงกับที่ผ่านมา ย้ำชัดการมีความฝันไม่ผิด แต่ความฝันและการทำตามความฝันต้องเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2562 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ หรือ “อ้น” อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวเพื่ออ่านคำแถลงปิดคดีกรณีการถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดความเป็นส.ส.สิ้นสุดลงหรือไม่ ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ที่ระบุว่า ศาลฎีกาใช้คนละมาตรฐานกับศาลรัฐธรรมนูญเป็นการกล่าวข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน เพราะศาลฎีกาพิจารณากรณีของผู้สมัครส.ส.นายภูเบศว์ เห็นหลอดในประเด็นคุณสมบัติการเป็นผู้สมัครส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) แต่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีส.ส. พรรคฝ่ายร่วมรัฐบาล 41 คนที่ถูกพรรคอนาคตใหม่ร้องนั้น ในประเด็นที่ร้องขอให้ ส.ส. ทั้ง 41 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นการพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรค 2 ว่า “หากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าสมาชิกผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สมาชิกผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย” ซึ่งเป็นคนละเหตุกับของผู้สมัคร ส.ส. นายภูเบศว์ การแถลงให้ข้อมูลว่าศาลฎีกาและศาลรัฐธรรมนูญใช้คนละมาตรฐานนั้นไม่น่าจะถูกต้อง การเทียบเคียงของที่แตกต่างกันว่าจะต้องเหมือนกันนั้นเป็นการใช้ตรรกะเหตุผลที่ผิด และสำหรับคำอธิบายว่าบริษัทวีลัคมีเดีย ไม่ได้เป็นบริษัทเกี่ยวกับสื่อเพราะเลิกพิมพ์หนังสือไปแล้วนั้น ก็ขอให้พิจารณากรณีผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ นายทวีป ขวัญบุรีที่ถูกตัดสิทธิสมัคร ส.ส. เแม้จะหยุดการพิมพ์หนังสือไปแล้วกว่า 20 ปี มาเทียบเคียง

น.ส.ทิพานัน กล่าวถึงวันที่ทำการซื้อขายโอนหุ้นระหว่างนายธนาธรและมารดา สังคมเกิดความสับสนอีกครั้งจากการให้ข้อมูลที่ขัดกันเองของนายธนาธร เพราะที่ผ่านมานายธนาธรกล่าวยืนยันและแสดงหลักฐานการโอนหุ้นว่าทำขึ้นเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 แต่จากคลิปการแถลงปิดคดีประมาณนาทีที่ 17 เป็นต้นไป นายธนาธรกลับกล่าวเองชัดเจนว่าโอนเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2562 ทำให้ประชาชนที่เชื่อในบรรทัดฐานว่า ความจริงพูดกี่ครั้งก็เหมือนเดิม เกิดความสงสัยว่าทำไมนายธนาธรถึงพูดแตกต่างกัน ความเครียดความกดดันใดทำให้พูดออกมาแตกต่างกันอีกแล้ว

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า และอีกประเด็นที่สำคัญคือ การกล่าวอ้างเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญคนละฉบับ คนละมาตราที่แตกต่างกันมาสนับสนุนว่าตัวเองไม่ผิดนั้น ประชาชนที่ฟังการแถลงมีความสงสัยว่านายธนาธรทำไปเพราะเข้าใจผิดหรือต้องการชี้นำสังคมให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ที่นายธนาธรแถลงอ้างนั้น เป็นเจตนารมณ์ของมาตรา 48 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นมาตราที่บังคับใช้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยบัญญัติห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นสื่อ แต่ความผิดของนายธนาธรที่กำลังถูกพิจารณาเป็นเรื่องคุณสมบัติของ “ผู้สมัคร ส.ส.” ในขั้นตอนตั้งแต่สมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 98 (3) ซึ่งบัญญัติห้ามผู้สมัคร ส.ส. เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นสื่อ ทั้งนี้เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมุ่งหวังปรับปรุงให้การเมืองโปร่งใสมากขึ้น จึงเป็นครั้งแรกที่บัญญัติห้ามเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นสื่อตั้งแต่การลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ดังนั้นการกล่าวอ้างของนายธนาธรจึงไม่น่าจะรับฟังได้

อีกทั้ง การที่นายธนาธรกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจากกระบวนการพิจารณาคดีนั้น อยากให้นายธนาธรและทนายความที่ปรึกษาได้ทบทวน ทำความเข้าใจ ตัวบทมาตราของกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561เสียก่อนที่จะแถลงออกมาเช่นนั้น และอยากให้นายธนาธรชี้แจงว่าเหตุใดจึงแถลงปิดคดีนอกศาลซึ่งไม่มีผลทางกฎหมายและการวินิจฉัยชี้ขาดคดีเลย การแถลงนอกศาลดังกล่าวเป็นการแถลงฝ่ายเดียว ไม่มีกระบวนการตรวจสอบพิสูจน์พยานหลักฐานว่าสิ่งที่กล่าวอ้างเป็นจริงหรือไม่ การแถลงดังกล่าวกลับยิ่งทำให้เกิดความสับสนต่อสังคมว่าเป็นการแทรกแซงกระบวนการพิจารณาคดีของศาลหรือไม่

“การมีความฝันและทำตามความฝันไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องดูด้วยว่าความฝันมันถูกหรือไม่ และวิธีการที่ทำตามความฝันมันถูกหรือเปล่า เช่น หากมีความฝันว่าอยากเป็นคนขี้หลอกลวงก็ไม่ควรฝันต่อแล้ว หรือฝันว่าอยากรวยซึ่งไม่ผิดแต่ดันไปใช้วิธีการหลอกลวงเงินคนอื่นมาเพื่อให้ตนเองรวย แบบนี้มันก็ไม่ถูกต้อง ซึ่งโดยส่วนตัว ดิฉันเองก็เคยมีความฝัน ฝันว่าจะมีเพื่อนร่วมอาชีพที่เป็นคนรู้ผิดชอบ ไม่สะดุดขาตัวเองหกล้มแล้วคอยแต่โทษคนอื่น ฝันว่าเขาจะเป็นคนรักษาสัญญาทำตาม MOU ฝันว่าเขาจะรักษาคำพูดที่เขาให้ไว้กับคนในองค์กร ฝันว่าเขาจะไม่โกหกหลอกลวงใครอีกต่อไป แต่เมื่อความจริงมันไม่เป็นอย่างนั้น ดิฉันก็หยุดฝัน หยุดเอาความฝันนั้นมาหลอกตัวเองและหลอกคนอื่น ตื่นมาเผชิญความจริงและทำหน้าที่ในทางที่ถูกต้องต่อไป” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว

ภูมิใจไทยยังไม่เคาะ! เลือกตั้งซ่อมส.ส.ขอนแก่นเขต7

People Unity News : “เศรษฐพงค์” เผยเลือกตั้งซ่อมขอนแก่นรอผู้บริหาร เคาะ ส่งหรือไม่ย้ำ แก้รธน.ต้องเพื่อประโยชน์ปชช.เท่านั้น ชี้สื่อบางค่ายโจมตีรัฐมนตรี ภท. ไร้ข้อเท็จจริง ยันมีผลงานชัด ระบุ ส.ส. ทั่วประเทศแจ้งความสื่อเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีพรรค

เมื่อวันที่ 16 พ.ย. พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดขอนแก่น เขต 7 ว่า สำหรับพรรคภูมิใจไทยการจะส่งผู้สมัครหรือไม่ ต้องรอให้ผู้บริหารของพรรคได้หารือกันก่อน ขณะนี้ยังมีเวลาที่จะปรึกษากันภายในพรรคเพื่อให้การตัดสินใจมีความรอบคอบมากที่สุด เนื่องจากผลการเลือกตั้งที่ออกมามีความสำคัญทั้งกับฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน สำหรับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจจะมีการพิจารณาญัตติในสัปดาห์หน้านั้น ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ ยืนยันมาตลอดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้อง ก็พร้อมที่จะพิจารณา เราเห็นว่าประเด็นไหนที่ประชาชนเห็นด้วยก็ต้องทำให้เป็นเรื่องหลัก ส่วนประเด็นไหนที่ประชาชนไม่เห็นด้วยก็จะเป็นเรื่องรองลงมา ส่วนการจะตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ถือว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งที่ทำให้ฝ่ายต่างๆ ได้แสดงความเห็น หารือถึงทางออกร่วมกัน แต่ต้องไม่ลืมที่จะถามประชาชนด้วย เพราะส.ส.พวกเราทุกคนมาจากเสียงประชาชน ดังนั้นการศึกษาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่ลืมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน

โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมีประเด็นเกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทยไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้าน หรือการทำงานของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตนอยากชี้แจงว่าในการทำงานของพรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้มีปัญหาอะไร การทำงานทุกพรรคสามารถสอดประสานกันได้เป็นอย่างดี และการทำงานของรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย ชัดเจนว่าไม่ได้มุ่งเน้นให้เป็นประเด็นการเมือง เพราะรัฐมนตรีแต่ละคนตั้งแต่นายอนุทิน รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต่างเดินหน้าปฏิบัติงานในหน้าที่อย่างหนัก มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชน แต่ที่ผ่านมารัฐมนตรีของเรากลับถูกโจมตีจากสื่อบางค่าย โดยการโจมตีจากสื่อเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับผลงานของรัฐมนตรีอย่างเห็นได้ชัด

“การโจมตีจากสื่อบางค่ายโดยไม่อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะมีนัยแอบแฝงอะไรอยู่หรือไม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นธรรมกับพรรคภูมิใจไทยอย่างมาก การที่สื่อบางค่ายมาตัดสินพรรคการเมืองว่าไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ ควรดูผลงานของรัฐมนตรีของเขาด้วย เพราะผลงานที่ออกมาเห็นได้ชัดว่ารัฐมนตรีทุกคนของพรรคฯ ตั้งใจทำงานโดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่มีประเด็นการเมืองที่ต้องไปทะเลาะกับใคร ผมอยากให้สังคมตั้งข้อสังเกตุว่าหากพรรคภูมิใจไทยทำไม่ดีจริง ทำไมมีสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์โจมตีอยู่เพียงค่ายเดียว ทั้งที่สื่อในประเทศไทยมีมากมายหลาย สำนัก เราไม่ได้ปฏิเสธการตรวจสอบ แต่หากสื่อจะตรวจสอบก็ควรทำให้เสมอภาคตรวจสอบทุกพรรคการเมือง หากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วจะเรียกว่าเป็นสื่อมืออาชีพได้อย่างไร” โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า การที่ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับสื่อบางค่ายนั้น มันคือความจำเป็นที่เราต้องทำ เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของพรรค รักษาความถูกต้องเอาไว้ ยืนยันว่าไม่ใช่ทำเพื่อต้องการไปกลั่นแกล้งอะไร แต่หากเราไม่ทำจะกลายเป็นยอมรับความไม่ถูกต้อง ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี เราคงปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ ส่วนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เป็นกระบวนการตรวจสอบทางสภาฯ ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายรัฐมนตรีคนไหนบ้าง แต่หากมีรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยถูกอภิปรายด้วย เราไม่ได้กังวลอะไร เพราะเรามั่นใจในความตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน มีผลงานให้เห็นเด่นชัด สามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น

“พุทธิพงษ์”แถลงจับกุมหนุ่มแฮกเฟซบุ๊ก”หลอกโอนเงิน”

People Unity News : “พุทธิพงษ์”แถลงจับกุมหนุ่มแฮกเฟซบุ๊ก”หลอกโอนเงิน” เข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เผยสถิติตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.จับกุมได้ 7 ราย เสียหายกว่า 34 ล้าน

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยในการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ที่ผ่านมาและมีสถิติรายงานผลการดำเนินงานต่อผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาดำเนินคดีตามกฎหมายและเร่งรัดดำเนินคดีการตามมาตรการป้องกันและปราบปราม ในห้วงที่ผ่านมามีสถิติการจับกุมระหว่างเดือนกรกฎาคม – เดือนกันยายน 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 7 ราย ดังนี้ เดือนกรกฎาคม 6 ราย เดือนสิงหาคม 6 ราย และเดือนกันยายน 1 ราย

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า วันนี้ (15 พฤศจิกายน) มีการแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหาแฮก facebook หลอกยืมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีรูปแบบการกระทำความผิด (แผนประทุษกรรม) ที่ซับซ้อน โดยหลอกลวง รับสมัครงานในโลกออนไลน์เพื่อเอาบัญชีผู้อื่นที่มาสมัครงานเป็นบัญชีผู้รับโอนเงินจากเหยื่อ ซึ่งเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2562 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สมเกียรติ เฉลิมเกียรติ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ศราวุฒิ บวรกิจประเสริฐ ผกก.2 บก. ปอท., พ.ต.ท.กมล ทวีศรี รอง ผกก.2 บก.ปอท. เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปอท. ได้ร่วมกันจับกุมตัว ผู้ต้องหา นาย วุฒิวัฒน์ ชื่นมโน อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1317/2562 ลงวันที่ 6 พ.ย.62 ณ บ้านเลขที่ 37/157 และ 37/158 ซ.สุขสมภพ 14 หมู่ที่ 6 ต.เกาะขวาง อ.เมือง จ.จันทบุรี

ข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ,โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดย ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”พฤติการณ์คดี  :  ผู้ต้องหา ได้สร้างเฟสบุ๊กปลอมแล้วนำไปหลอกรับสมัครงานเพื่อให้ได้ข้อมูลบัตรประชาชนและเบอร์โทรศัพท์ของบุคคลอื่นเพื่อนำมาสมัครกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้น ได้ทำการแฮค เฟสบุ๊กของบุคคลอื่นและส่งข้อความไปขอยืมเงินโดยให้โอนเงินเข้าบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้เปิดลงทะเบียนไว้ เมื่อได้เงินก็จะนำเงินที่ได้ไปซื้อรหัสเงินสดหรือทำการโอนเงินจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวเข้าบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของนายชวัลกร ระงับภัย จากนั้น นายชวัลกรฯ ก็จะนำเงินที่ได้รับไปซื้อรหัสเงินสดแล้วนำรหัสเงินสดไปขายกับทางแม่ค้าซื้อขายไอเทมเกมส์หรือทางเวปไซด์รับซื้อรหัสเงินสด

เมื่อได้เงินมาก็จะโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ต้องหาจากข้อมูลมีการโอนเงินจากนาย ชวัลกรฯ เข้าบัญชี ผู้ต้องหาเป็น เงินจำนวนกว่า 8 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนในบัญชีผู้ต้องหา กว่า 34 ล้านบาท ผู้ต้องหา ก่อเหตุมาตั้งแต่ ปี 2559 – ปัจจุบัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ย.62 ยังคงก่อเหตุ

นายพุทธิพงษ์  กล่้าวต่อว่า การใช้ Social Media เป็นองค์ประกอบการกระทำความผิดตามกฎหมายไทย กฎหมายนานาชาติ (เชื่อมโยงการใช้งาน/ปรากฏเนื้อหา ข้อความ ภาพเคลื่อนไหว หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านทาง Social Media) อาทิ (1) การก่อการร้ายสากล / ปัญหาชายแดนภาคใต้ (2) ความรุนแรงสุดโต่ง (3) ยาเสพติด (4) การลามกอนาจาร / เด็กและเยาวชน (5) อาหาร ยา วัตถุอันตราย เครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายและอันตราย (6) การฉ้อโกง หลอกลวงทรัพย์ (7) การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และเครื่องหมายการค้า ภาพยนตร์ เพลง (8) สินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายอื่น (9) ความมั่นคงของประเทศ สถาบันหลักของชาติ (10) ความสงบเรียบร้อยของสังคม / ขัดศีลธรรม จารีต ประเพณีอันดีของไทย

เป็นต้น และเกณฑ์การพิจาณาข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) มีหลักเกณฑ์ในเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชนโดยตรง เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ข่าวที่สร้างความแตกแยกในสังคม ข่าวที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสังคมตลอดจนข่าวที่ทำลายภาพลักษณ์ต่อประเทศ ซึ่งในกรณีที่ทำการจับกุมได้ที่แถลงข่าวในวันนี้สร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจเป็นอย่างมากเพราะมูลค่าความเสียหายมีเป็นจำนวนมากกว่า 34 ล้านบาท

“ธนาธร”เปิดคำแถลงปิดคดีถือหุ้นสื่อ ย้ำสาระสำคัญวีลัคไม่ใช่บริษัทสื่อแล้ว

People Unity News : “ธนาธร”เปิดคำแถลงปิดคดีถือหุ้นสื่อ ย้ำสาระสำคัญวีลัคไม่ใช่บริษัทสื่อแล้ว-การโอนหุ้นสมบูรณ์ตามกฎหมายก่อนสมัครรับเลือกตั้ง-ไม่ขัดคุณสมบัติตามเจตนารมณ์ รธน.-กระบวนการร้องต่อศาลไม่สุจริต ย้ำความผิดเดียวของ “ธนาธร” คือต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ที่สำนักงานพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เปิดแถลงปิดคดีถือหุ้นวีลัคต่อสาธารณะผ่านสื่อมวลชน ก่อนฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ โดยนายธนาธรระบุว่าต่อคดีดังกล่าว ตนมี 4 ประเด็นที่ต้องการแถลงด้วยกัน คือ หนึ่ง บริษัทวีลัคเป็นสื่อหรือไม่ สองตนยังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทวีลัคในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562หรือไม่ สาม การถือหุ้นวีลัคของตนผิดตามเจตนารมย์ของรัฐธรรรมนูญหรือไม่ และสี่ กระบวนการพิจารณาคดีนี้ ถูกต้อง เที่ยงธรรม และเป็นธรรมแก่ตนหรือไม่

ประเด็นแรก คือ เรื่องการวินิจฉัยว่าบริษัทใดเป็นสื่อมวลชนหรือไม่ เรื่องนี้เริ่มต้นจากกรณีที่ กกต. ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีการเลือกตั้งให้พิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. ของนายภูเบศวร์ เห็นหลอด อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่เขต 2 จังหวัดสกลนคร ซึ่งศาลฎีกาไม่ได้ไต่สวนพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงว่า ห้างหุ้นส่วนของนายภูเบศวร์ทำกิจการรับเหมาก่อสร้าง และไม่เคยประกอบกิจการสื่อใดๆ เลย แต่เห็นว่าดูแค่หนังสือบริคนธ์สนธิของบริษัทซึ่งระบุวัตถุประสงค์การประกอบกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์และออกหนังสือพิมพ์ ก็เพียงพอแล้วที่จะตัดสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้งของนายภูเบศวร์

เมื่อศาลฎีกาวางบรรทัดฐานไว้เช่นนี้ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม 2562 จึงมีการยื่นคำร้องจากหลายภาคส่วนให้พิจารณาสมาชิกสภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล รวมถึงของสมาชิกวุฒิสภา รวมกันมากกว่า 100 คน ที่อาจเข้าข่ายถือหุ้นสื่อ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้แล้วจำนวน 32 รายและไม่รับคำร้อง 9 ราย แต่ไม่สั่งให้ใครยุติการปฏิบัติหน้าที่เลย เพราะศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ามีแต่เพียงหนังสือบริคนธ์สนธิกับสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ไม่เพียงพอต่อการวินิจฉัยว่าถือหุ้นสื่อหรือไม่ ต้องดูเอกสารอื่นประกอบด้วย เช่น ต้องดูงบการเงินของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่ถูกร้องว่ามีรายได้จากการประกอบกิจการใด จึงตัดสินได้ว่าถือหุ้นสื่อหรือไม่ นี่คือจุดต่างระหว่างคำวินิจฉัยของสองศาล

ในกรณีของบริษัทวีลัค ข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้คือ ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 บริษัทวีลัคได้ยุติกิจการไปแล้ว ไม่ได้ผลิตสินค้าและ/หรือบริการใดๆแล้ว โดยแต่เดิมบริษัทวีลัคมีผลิตภัณฑ์และบริการอยู่ 3 อย่าง คือ หนึ่ง ผลิตนิตยสารของตัวเองภายใต้ชื่อ WHO?, สอง รับจ้างทำนิตยสารJibJib ให้กับบริษัทนกแอร์, และสาม รับจ้างทำนิตยสาร Wealthให้กับธนาคารไทยพานิชย์

ทั้งนี้ นิตยสาร Who?ฉบับสุดท้ายคือฉบับเดือนตุลาคม 2559 Wealthฉบับสุดท้ายคือฉบับไตรมาสที่ 4 ปี 2559 และ JibJib ฉบับสุดท้ายคือฉบับเดือนธันวาคม ปี 2561 ส่วนพนักงานกองสุดท้ายที่เหลือในบริษัทวีลัคก็ทำงานวันสุดท้ายในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561หลังปิดต้นฉบับของ JibJib ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบริษัทวีลัคไม่มีพนักงาน ไม่มีผลิตภัณฑ์ ไม่มีบริการใดอีกแล้ว จะมีรายได้แต่เงินรับค้างจ่าย ส่วนรายได้ในปีบัญชี 2562 คือยอดขายจากการขายทรัพย์สินเพื่อปิดกิจการ เช่น เฟอร์นิเจอร์โต๊ะเก้าอี้ และคอมพิวเตอร์ บริษัทเช่นนี้จะเป็นสื่อตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญได้อย่างไร

“ดังนั้น ถ้าเราดูหลักฐานแวดล้อมประกอบ ทุกท่านจะเห็นว่า บริษัทวีลัคไม่เหลือความเป็นสื่อแล้ว เป็นบริษัทที่ไม่มีการปฏิบัติการใดๆ รอเพียงแต่การชำระบัญชี ซึ่งก่อนพิจารณาเรื่องอื่น เราต้องมาพิจารณาเรื่องนี้ว่าบริษัทวีลัคยังเป็นสื่ออยู่หรือไม่ ถ้าไม่เปฺ็นสื่อ ทั้งหมดที่เราพูดคุยมาไม่มีความหมาย จบไปเลย” นายธนาธรกล่าว

ประเด็นที่สอง คือ ตนยังเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทวีลัคหรือไม่ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป็นวันที่ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.

ในคำร้องของ กกต. ระบุว่า ตนยังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทวีลัคถึงวันที่ 21 มีนาคม 2562 โดยอ้างอิงถึงเอกสาร บอจ.5 หรือสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่กระทรวงพานิชย์ ทั้งๆ ที่ในทางปฏิบัติจริงในโลกธุรกิจหรือในทางนิตินัย บอจ. 5ไม่ใช่หลักฐานแห่งการโอนหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 แต่อย่างใด เป็นเพียงหนังสือที่บริษัทแจ้งกระทรวงพาณิชย์ถึงรายชื่อผู้ถือหุ้น การจะดูว่าการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเกิดผลสำเร็จหรือธุรกรรมเกิดขึ้นเรียบร้อยเมื่อไร เขาอ้างอิงประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 1129 และมาตรา 1141 ซึ่งในวันที่ 8 มกราคม 2562 ตนได้โอนหุ้นให้คุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เรียบร้อยแล้ว โดยได้ทำตราสารโอนหุ้นโดยมีพยานสองคนรับรองลายมือชื่อต่อหน้าทนายความโนตารี และส่งมอบเช็คชำระเงินค่าหุ้น พร้อมทั้งได้จดแจ้งการโอนและรับโอนหุ้นลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทวีลัคในวันเดียวกันครบถ้วนสมบูรณ์ความตามประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 1129 และมาตรา 1141

ดังนั้น สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นจึงไม่ใช่หลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น หากผู้ร้องไม่มีหลักฐานอื่นมาสนับสนุนข้ออ้างตามคำร้อง ศาลจึงพึงรับฟังข้อเท็จจริงไปตามสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นว่า ตนได้โอนหุ้นให้แก่นางสมพรไปตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 ผู้ร้องไม่อาจนำสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) มาใช้เป็นหลักฐานที่นำมาพิสูจน์ว่าตนได้โอนหุ้นของบริษัทวีลัคภายหลังจากวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ได้

“ดังนั้นก็ต้องบอกว่า ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นอื่น ถ้าไม่มีหลักฐานที่มีน้ำหนักพอหรือเป็นวิทยาศาสตร์พอ ซึ่งผู้ร้องคือ กกต. ไม่มี ก็ต้องถือว่าธุรกรรมถูกทำสำเร็จ เสร็จสิ้นครบถ้วนตั้งแต่วันที่มีการทำธุรกรรมเรียบร้อยแล้ว จนถึงวันนี้ยังเป็นหน้าที่ของผู้ร้องในการหาหลักฐานมาหักล้างการทำธุรกรรมที่สำเร็จเสร็จสิ้นในวันนั้น” นายธนาธรกล่าว

ประเด็นที่สาม การถือหุ้นของตนนั้นผิดตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่

เพื่อชี้แจงเรื่องนี้ นายธนาธรได้อธิบายที่มาของมาตรา 98 (3) ของรัฐธรรมนูญว่า บทบัญญัตินี้เริ่มมีขึ้นในรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งถ้าดูรายงานการประชุมของกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่ 24/2550 นายชูชัย ศุภวงศ์ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ อภิปรายไว้ว่า มาตรานี้เกิดขึ้นมาเพราะในสถานการณ์ที่ผ่านมา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กุมอำนาจรัฐได้แทรกแซงสื่อ ทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ไม่เพียงเท่านั้นยังกว้านซื้อสื่อ เป็นเจ้าของสื่อ แล้วการที่นักการเมืองไปเป็นเจ้าของสื่อก็ทำให้เกิดการแทรกแซงสิทธิเสรีภาพของสื่อ ทำให้กลไกการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญต้องพิกลพิการ และที่สำคัญคือไปกระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่จะรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างที่ควรจะรับรู้

“ผมอยากชี้ให้เห็นข้อเท็จจริง 2 ประการ เกี่ยวกับเจตนารมย์ของผม ว่าผิดเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) หรือไม่ นิตยสาร 3 เล่มที่อยู่ในมือผมนี้ ตั้งแต่วันที่มันเกิดขึ้นจนถึงวันที่มันตายลง ไม่เคยให้คุณทางการเมืองกับผม และไม่เคยให้โทษทางการเมืองกับคู่แข่งทางการเมืองของผมเลย ผมพูดอีกครั้งนะครับ เจตนารมย์บอกว่า ไม่ให้นักการเมือง ไม่ให้ผู้มีอำนาจถือหุ้นสื่อ เพื่อให้คุณให้โทษกับตัวเองและคู่แข่ง แต่นิตยสาร 3 เล่ม ตั้งแต่เกิดจนถึงวันตายของมัน ไม่เคยให้คุณกับผม ไม่เคยให้โทษกับนักการเมืองคู่แข่งของผมเลยแม้แต่นิดเดียว” นายธนาธรกล่าวและว่า

อีกประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกัน ที่จะแสดงเจนารมย์ของผมได้ดี คือ วันที่นิตยสารปิดตัวลง 26 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งมีหลักฐานอย่างดีว่าบริษัทไม่มีผลิตภัณฑ์ ไม่มีพนักงาน ไม่มีรายได้แล้ว เกิดขึ้นก่อนที่จะมีใครรู้ว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ และจะมีเมื่อไร เพราะ พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการเลือกตั้งทั่วไป 2562 ประกาศเมื่อ 23 มกราคม 2562 ไม่มีใครรู้ก่อนวันที่ 23 มกราคม ว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่เมื่อไร แต่บริษัทปิดไปแล้วตั้งแต่ 26 พฤศจิกายน 2561

ประเด็นที่สุดท้ายที่นายธนาธรอยากชี้แจงในการปิดแถลงคดี คือ กระบวนการพิจารณาคดีถูกต้อง ยุติธรรม และให้ความเป็นธรรมกับตนหรือไม่

นายธนาธรชี้ว่าคดีนี้ กกต.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 ทั้งๆที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. เองยังดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงไม่เสร็จสิ้น กล่าวคือเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 พยานทั้งสองคนที่ลงลายมือชื่อในตราสารโอนหุ้นและทนายโนตารีซึ่งรับรองการลงลายมือชื่อในตราสารโอนหุ้นฉบับดังกล่าว ยังได้รับหนังสือขอเชิญไปให้ถ้อยคำจากนายปรีชา นาเมืองรักษ์ ประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 6 ของ กกต.อยู่เลย การที่ กกต. ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยที่กระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ในชั้นคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. เองยังไม่เสร็จสิ้น แสดงให้เห็นว่าการรวบรวมพยานหลักฐานของ กกต.มีความเร่งรัดผิดปกติ และตั้งอยู่บนฐานของข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบให้สิ้นกระแสความเพื่อกลั่นแกล้งตนในทางการเมืองหรือไม่

“ทุกท่านครับมันทำให้เกิดข้อสงสัยว่ากรณีนี้เกิดขึ้นเพื่อกลั่นแกล้งทางการเมืองกับผมหรือไม่ เป็นคดีที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่ เป็นการฟ้องโดยไม่สุจริตหรือไม่ เพราะขณะที่กรรมการสืบสวนไต่สวนยังทำงานอยู่ กกต.ชุดใหญ่มิได้มีรายงานจากกรรมการสืบสวนไต่สวนข้อเท็จจริง ท่านเอาข้อมูลที่ครบถ้วนกระบวนความจากไหนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญความบกพร่องในรูปแบบและกระบวนการในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะกระบวนการที่อยู่ในชั้นของศาลรัฐธรรมนูญต่างจากศาลอื่นๆ ศาลรัฐธรรมคือศาลชั้นเดียว ดังนั้นไม่มีการให้ความเป็นธรรมกับผมอย่างอื่น นอกจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ กระบวนการที่ไม่ถูกต้อง กระบวนการที่ไม่ยุติธรรมต่อผู้ถูกร้อง แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็มีน้ำหนักเพียงพอแล้วที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญออกคำสั่งหรือคำวินิจฉัยให้ยกคำร้องนี้เสีย” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรได้ตั้งคำถามทิ้งท้ายว่า หากถามว่าตนกระทำผิดอะไร ความผิดของตนย่อมไม่ใช่ถือหุ้นสื่อ ไม่ใช่เรื่องให้เงินพรรคกู้ ความผิดฐานเดียวของนายธนาธรคือต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.

“ทุกท่านครับ พวกเรามีความฝัน พวกเราฝันเห็นประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย พวกเราฝันเห็นประเทศไทยที่คนเท่าเทียมกัน ประเทศไทยที่เป็นนิติรัฐนิติธรรม ที่คนทุกคนไม่ว่ารวยหรือจน ที่คนทุกคนไม่ว่ามีอำนาจหรือไม่มี เมื่ออยู่ต่อหน้ากฎหมายแล้ว ทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน เราฝันเห็นประเทศไทยที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ประเทศไทยที่ดอกผลของการพัฒนาได้รับการกระจายแจกจ่ายไปให้กับคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน อย่างยุติธรรม ประเทศไทยที่ไม่มีรัฐประหารอีกในอนาคต ความฝันเช่นนี้มันผิดบาปมากนักหรือครับในประเทศนี้”

ดังนั้น นี่จึงเป็นเวลาที่เราต้องมาทบทวนกันว่า หลายฝักหลายฝ่ายมีส่วนทำให้สังคมไทยมาถึงจุดนี้ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง, สื่อมวลชน, เอ็นจีโอ, นักวิชาการ, กระบวนการยุติธรรม, กลุ่มทุนขนาดใหญ่, องค์กรอิสระ, และกองทัพ ถึงเวลาหรือยังที่เราจะกลับไปมองอดีตเพื่อเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง ถึงเวลาหรือยังที่เราจะต้องพาสังคมไทยกลับสู่ความปกติ

“สังคมวันนี้มีเส้นทาง ความแตกต่างทางความคิดอย่างเห็นได้ชัดอยู่ 2 กระแส หนึ่งคือ เส้นทางที่จะพาประเทศไปข้างหน้าด้วยประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน อีกเส้นทางหนึ่งต้องการพาประเทศไปข้างหน้าด้วยอำนาจนิยมและอนุรักษนิยม ผมคิดว่า คนที่จะตัดสินเรื่องนี้ได้ดีที่สุดไม่ใช่ศาล คนที่จะตัดสินเรื่องนี้ได้ดีที่สุดควรจะเป็นประชาชนผู้ทรงสิทธิ์ ผู้ทรงอำนาจ มีเสรีภาพในการเลือกอนาคตประเทศไทยด้วยตัวเอง” นายธนาธรกล่าวปิด

“อุเทน”เปิดตัวแล้ว! ลงชิงผู้ว่าฯกทม. ชูนโยบาย “จากนี้กทม.รถต้องไม่ติด ทุจริตต้องหมดไป”

People Unity News : “อุเทน”เปิดตัวแล้ว! ลงชิงผู้ว่าฯกทม. ชูนโยบาย “จากนี้กทม.รถต้องไม่ติด ทุจริตต้องหมดไป” ขอโอกาสทำงาน 500 วัน ลั่นทำไม่ได้พร้อมออกทันที ปลุกคนกรุงอย่าก้มหัวให้ความไม่ถูกต้อง พร้อมยกระดับการศึกษาการเรียนการสอนแบบอินเตอร์แต่เรียนฟรีและเท่าเทียม อาสาปราบหนูตามท่อระบายน้ำ เปลี่ยนต้นใบร่วงออก ลดปัญหาน้ำรอการระบาย

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ที่สโมสรหมู่บ้าน พาลาซโซ่ นายอุเทน ชาติภิญโญ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. แถลงข่าวเปิดตัวลงสมัครผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ก่อนจะแถลงข่าวนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์เดินทางมามอบกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจ

จากนั้นนายอุเทน แถลงว่า เหตุที่เสนอตัวขอลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระ เนื่องจากเมื่อเดินออกจากนอกบ้าน แล้วเห็นถึงความไม่เป็นระเบียบ ปัญหาต่างๆ แล้วอยากจะเข้าไปแก้ไข คำว่า กลัว ผมรู้จักความหมาย แต่ไม่กลัวที่จะแก้ปัญหา เพราะเป็นคนเอาจริงกัดไม่ปล่อย เป็นเหมือนมดแดงแม้ถูกเด็ดหาง แต่ปากก็ยังกัดได้อยู่ คนที่รู้จักตน จะทราบดี รวมทั้งรู้จักคนจากหลายพรรคการเมือง มีเพื่อนทุกวงการ มีแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาในกทม. ไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ปัญหาขยะ เรื่องรถติดโดยจะลดจำนวนป้ายรถเมล์ลงเนื่องจากมีจำนวนมากเกินไป และลดจุดกลับรถเพราะทำให้รถชะลอตัวและเกิดอุบัติเหตุส่วนรถที่จะเลี้ยวซ้ายต้องเลี้ยวได้จริง ไม่ใช่ต้องไปจอดต่อแถว โดยเรื่องนี้ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ส่วนแผงลอย มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่มาอยู่บนฟุตบาตต้องจริงจังกับการแก้ปัญหาด้วย

นายอุเทนกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องน้ำรอการระบาย เรื่องนี้จะแก้ไขโดยสั่งให้เปลี่ยนต้นไม้ตามริมทางที่ใบร่วงออกให้หมด นำต้นไม้ใบร่วงยากมาทดแทน เชื่อว่าจะแก้ปัญหานี้ได้ รวมถึงพนักงานของกทม.ไม่ต้องมากวาดถนนให้ไปทำงานด้านอื่นแทน สามารถประหยัดงบประมาณจากการกวาดถนนได้ปีละเป็นพันล้านแล้วจะเงินนำส่วนนี้ไปพัฒนาด้านการศึกษาให้มีเป็นโรงเรียนอินเตอร์แบบเรียนฟรี ดำเนินการทันที 50เขต ลูกผมหรือลูกคุณต้องได้เรียนอย่างเท่าเทียมกัน และขอเสนอให้ต่อไป ตำรวจในกทม.ต้องขึ้นตรงกับ ผู้ว่ากทม เท่านั้น การเปิดตัวในวันนี้ ก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องการเมืองมาก แต่5 ปี รัฐบาลมีอำนาจล้นฟ้า กลับจัดการแก้ไขปัญหาไม่ได้ จึงขอเสนอตัว และขอเวลาเพียง500วัน ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ พร้อมจะลาออกทันที และถ้าตนทำงานได้สำเร็จก็พร้อมลาออกเช่นกัน เพราะขั้นต่อไปอยากจะเป็นนายกฯ

“สร้างปัญหาให้เรามากแค่ไหน ตนไม่กลัวที่จะฆ่าสัตว์เหล่านี้ เอ็นจีโอจะมาดัดจริตว่าเป็นคนโหดร้าย ตนไม่กลัวแต่กลัวลูกหลานของเราจะเป็นโรคฉี่หนู และโรคที่เกิดจากเชื้อโรคเหล่านี้” นายอุเทนกล่าว

นายอุเทนกล่าวว่า อย่างไรก็ตามข้าราชการกทม.ต้องร่วมมือกันทำงาน มาลงสัตยาบรรณ ร่วมแก้ปัญหา ตามความตั้งใจในนโยบายว่า “จากนี้กทม.รถต้องไม่ติด ทุจริตต้องหมดไป” ขอฝากถึงคนกทม.ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ผมขอเสนอตัวเป็นทางเลือกหนึ่งด้วยสไตล์ ดุเด็ดเผ็ดมัน คิดเป็นทำได้ ทำจริง ไม่เกรงใจใครพรรคพวกต้องมี แต่ความถูกต้องต้องมาก่อนพรรคพวก ตนมีความตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหาให้คนกรุงเทพฯ เราต้องไม่ก้มหัวให้ความไม่ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่าการบริหารงานของผู้ว่าฯคนปัจจุบัน มีสิ่งใดที่รู้สึกอึดอัดใจ และถ้าได้เป็นผู้ว่าฯจะแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร นายอุเทนกล่าวว่า การทุจริตมีมากเกินเหตุ แม้แต่ตนยังถูกรังแก ดังนั้นการทุจริตต้องหมดไป ขอเวลาแค่ 500 วัน หลายคนบอกว่าอาจเปลืองตัว เปลืองเวลา ทำไม่ได้ สู้ไม่ได้ แต่ขอยืนยันว่าตนไม่เคยทำไม่ได้ แค่ไม่ได้ทำแค่นั้นเอง ถ้าให้ตนทำ คอยดูว่าจะทำได้หรือไม่ กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ถ้าเราไม่บังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้อง ก็ไม่มีใครเชื่อเรา

“พอผมจะเปิดตัว มีคนเด่นคนดังหลายคน ชวนตน บอกให้เป็นสต๊าฟ เป็นรองผู้ว่าฯ เป็นทีมงาน อย่างน้อยสามคน ถ้าเอ่ยชื่อจะรู้จักทุกคน ซึ่งตอบไปว่าถ้ามีเงื่อนไขที่ดี อาจจะไปอย่างนั้นเพราะเหนื่อยน้อยหน่อยและได้ทำงานตามปกติ ตนเปิดตัวทุกอย่างด้วยความจริงใจ ไม่ใช่ถึงเวลาเข้าไปแล้ว แล้วเข้าไปเปลี่ยน บางครั้งคนเราต้องยอมเปลี่ยน ไม่ใช่เปลี่ยนเพื่อหนี แต่เปลี่ยนเพื่อทำงาน นี่คือตัวตนของผม” นายอุเทนกล่าว

“อนุทิน” กินก๋วยเตี๋ยวริมทาง เปิดงานช้างสุรินทร์ ดันเป็นอีเว้นท์ระดับโลก

People Unity News : “อนุทิน”กินก๋วยเตี๋ยวริมทาง เปิดงานช้างสุรินทร์ ชูแนวคิดสร้างงานช้างสุรินทร์ เป็นอีเว้นท์ท่องเที่ยวระดับโลก 

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” เล่าถึงบรรยากาศ ขณะลงพื้นที่เปิดงานช้างที่ จ.สุรินทร์ พร้อมขึ้นข้อความว่า

“ถึงสุรินทร์ แล้ว มาเปิดงานช้าง จังหวัดสุรินทร์ นักท่องเที่ยวมากมาย ชาวต่างชาติตื่นตาตื่นใจกับช้างสุรินทร์ เกือบ 200 เชือก ที่จากบ้านไปหากินต่างถิ่น ได้กลับมาร่วมงานช้าง ที่บ้านเกิด

งานเลี้ยงอาหารช้าง และ งานช้างแฟร์ เป็นงานสำคัญของสุรินทร์ ที่เราต้องช่วยกันสร้างสรรค์ และผลักดันให้เป็นงานระดับโลก เพื่อดึงดูดคนทั่วโลก มาเที่ยว มาศึกษาภูมิปัญญา มาสัมผัสประสบการณ์ วิถีชีวิต ศิลปะวัฒนธรรมของคนสุรินทร์ สำคัญที่คือ ให้มากินมาใช้ มาจับจ่ายใช้สอย มาซื้อสินค้าที่จังหวัดสุรินทร์ จะทำให้ธุรกิจ เศรษฐกิจ และรายได้ของคนสุรินทร์ดีขึ้น

ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะผลักดัน และ สนับสนุน ให้งานช้าง เป็นงานระดับโลก และสร้างเมืองสุรินทร์ ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ให้ได้ เราเลี้ยงดูช้างให้ดีแล้ว ช้างจะเลี้ยงดูเรา”

ก่อนหน้านี้ได้โพสต์ว่า มื้อเช้าก่อนไปปฏิบัติภารกิจ ตรวจราชการโรงพยาบาลสุรินทร์
ไม่ต้องสั่ง เพราะเราขาประจำ
บะหมี่นุ่ม หมูแดงนิ่ม ซอสฉ่ำ อร่อย

แฟนๆ น่าจะรู้ร้าน หรือรถจอดที่ไหน

 

“ประวิตร”พอใจผลงาน “ทส.” มาตรการลดโลกร้อน

People Unity News : “ประวิตร”พอใจผลงาน “ทส.” มาตรการลดโลกร้อน สั่งขับเคลื่อนนโยบายต่อเนื่อง เน้นประสิทธิภาพระบบงานที่เป็นสากล พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมรณรงค์

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติครั้งที่ 2/2562 โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. เข้าร่วมประชุมด้วย ณ ห้องประชุมอารีสัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

ที่ประชุมได้หารือและพิจารณาเห็นชอบเรื่องที่สำคัญ เกี่ยวกับรายงานการติดตามประเมินผล การลดก๊าซเรือนกระจก จากมาตรการภาคพลังงานปีพ.ศ. 2560 โดยประเทศไทยได้ยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงการลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ(NAMA)ร้อยละ 7 ถึง 20 ภายในปีพ.ศ. 2563 โดย เทียบเคียงกับกรณีพื้นฐาน(Business as usual:BAU)ในภาคพลังงานและคมนาคมขนส่ง ทั้งนี้กระทรวงพลังงานได้รายงานผลการลดก๊าซเรือนกระจกจากมาตรการด้านพลังงานในปีพ.ศ. 2560 ได้ 51.72 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่า (14%เกินก่วาเป้าหมายขั้นต่ำ)รวมทั้งได้มีการพิจารณาเห็นชอบ การเข้าร่วม Nitric Acid Climate Action Group (NACAG) ของประเทศไทยในการสนับสนุนการลดก๊าซไนตรัสออกไซด์ จากการผลิตกรดไนตริก ของประเทศกำลังพัฒนาโดยสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันนี ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุน

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความพอใจผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงพลังงานตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขอให้คณะกรรมการ ติดตาม กำกับดูแล เร่งขับเคลื่อนแผนงานตามนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้เพิ่มมาตรการสร้างการรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนควบคู่กันไปโดยขอให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมเพื่อความยั่งยืนต่อไปด้วย

“วิษณุ” แจง “บิ๊กตู่” ไม่ได้สั่ง แค่ถาม “ประกันสังคม” ปล่อยกู้ได้หรือไม่

People Unity News :  “วิษณุ” แจง “บิ๊กตู่” ไม่ได้สั่ง แค่ถาม “ประกันสังคม” ปล่อยกู้ได้หรือไม่ ถ้าแจ้งกลับมาว่าไม่อยู่ในอำนาจก็จบ ส่วนปมเข้าชี้แจง กมธ.ป.ป.ช. “ประยุทธ์” พยายามทำตามรธน.อย่างที่สุดแล้ว

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ที่ให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) หาแนวทางและมาตรการในการบริหารจัดการเงินกองทุนประกันสังคม เช่น การกู้ยืมเพื่อการลงทุน หรือการกู้ยืมเพื่อรายจ่ายจำเป็นอื่นๆ ว่า เรื่องดังกล่าวต้องถามทาง สปส. อย่างไรก็ตาม เป็นการปรารภของนายกฯ และแจ้งข้อสั่งการไปให้ทาง สปส.ตอบกลับมาว่าทำได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่เป็นการสั่ง และที่ใช้คำว่า ข้อสั่งการคือ ไม่ได้อยู่ในระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คล้ายกับเรื่องที่ประธานที่ประชุมยกขึ้นมาแจ้งเพื่อทราบ หรือหารือ พอเกี่ยวกับหน่วยงานใดหน่วยงานนั้นจะต้องแจ้งกลับมาว่าทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งมีหลายเรื่องที่นายกฯสั่งการเช่นนี้ และกระทรวงแจ้งกลับมาว่าไม่อยู่ในอำนาจ ก็จบ

ปมเข้าชี้แจง กมธ.ป.ป.ช. “ประยุทธ์” พยายามทำตามรธน.อย่างที่สุดแล้ว

นายวิษณุ กล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เสนอให้เปลี่ยนตัว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ว่า เป็นเรื่องของสภาฯ ตนตอบไม่ถูก เพราะไม่ได้เกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่า เคยมีการบังคับใช้กฎหมาย กับผู้ไม่ไปชี้แจงกับ กมธ.หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เข้าใจว่า คงไม่เคยมีการบังคับใช้ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คำสั่งเรียก พ.ศ.2554 มาก่อน ซึ่งกฎหมายดังกล่าวเกี่ยวกับการออกคำสั่งให้มาชี้แจงต่อ กมธ. แต่ต้องเป็นการสั่งตาม พ.ร.บ.นี้ ทั้งนี้การสั่งของ กมธ. เป็นได้ทั้งการขอความร่วมมือตามรัฐธรรมนูญมาตรา 129 และข้อบังคับการประชุม หรือสั่งให้มาตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียก ซึ่ง กมธ. ยังไม่ได้อ้างอำนาจตาม พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ที่เป็นเรื่องของความผิดทางอาญา ดังนั้น จึงต้องมีการสั่ง และถ้าไม่ไปถือว่าขัดคำสั่ง

“ธนาธร”ลั่นกลางศาลรธน.! ถ้าผิดถือหุ้นสื่อคือต่อต้านคสช.สืบทอดอำนาจ

People Unity News : “ธนาธร”แถลงปิดคดีหุ้นสื่อ ลั่นถ้าผิดคือต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช. ไม่เกี่ยวยุบพรรคอนาคตใหม่ จะเดินหน้าทำงานสร้างสรรค์ทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 15 พ.ย. 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงปิดคดีหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเรื่องสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จะสิ้นสุดลงหรือไม่ ในวันที่ 20 พ.ย. นี้ โดยสรุปใจความสำคัญได้ดังนี้

นายธนาธร ยืนยันว่า บริษัท วี-ลัค มีเดีย ปิดตัวตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 2561 ก่อนที่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 จะประกาศออกมา และนิตยสารของบริษัทที่ผ่านมาก็ไม่เคยให้คุณทางการเมืองกับตนเอง และไม่เคยให้โทษกับคู่แข่ง อีกทั้งจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีใครมีหลักฐานเพียงพอที่จะมาหักล้างในเรื่องนี้ นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสงสัยถึงเรื่องการส่งคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ โดยที่ข้อเท็จจริงยังสอบสวนไม่สิ้นกระบวนความ ว่าเอาข้อมูลที่ครบถ้วนที่ไหนไป

“ถ้าถามว่าผมผิดอะไร คำตอบคือ ไม่ใช่เรื่องหุ้นสื่อ ไม่ใช่เรื่องให้พรรคกู้เงิน แต่คือการต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช.”

พร้อมกันนี้ นายธนาธรยังย้ำถึงความฝันที่ต้องการเห็นคนในประเทศไทยได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม และไม่มีรัฐประหารอีกในอนาคต และพรรคอนาคตใหม่รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งตามกฎหมาย เมื่อผลเลือกตั้งออกมาเป็นอย่างไรก็ยังเดินหน้าทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ สู้ในสภาฯ อย่างสง่างาม ให้พี่น้องเห็นความตั้งใจจริงในการทำงาน รณรงค์แก้รัฐธรรมนูญอย่างสันติ ย้ำว่าถึงเวลาที่จะต้องพาสังคมกลับสู่ความเป็นปกติ

อย่างไรก็ตาม นายธนาธร ระบุทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยอย่างไรก็จะเดินหน้าทำงานสร้างสรรค์ทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง และคดีการถือหุ้น วี-ลัค ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการยุบพรรคอนาคตใหม่ ไม่เกี่ยวกับการยุติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าพรรค เพราะเป็นเพียงเรื่องคุณสมบัติ ส.ส. ซึ่งในฐานะหัวหน้าพรรคไม่มีคดีอะไรติดตัว และแม้มีคนสนับสนุนพรรคอยู่มาก แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ยังไม่เชื่อในความจริงใจของเรา ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

“บิ๊กป้อม”ยัน “พปชร.” ส่ง “สมศักดิ์ คุณเงิน” เลือกซ่อมขอนแก่น

People Unity News : “บิ๊กป้อม”ยืนยัน “พปชร.” ส่ง “สมศักดิ์ คุณเงิน” ล้างตาเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ขณะที่ พท.จ่อส่ง “อดิศร” ลงรักษาเก้าอี้เดิม

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 โดยยืนยันว่าจะส่งผู้สมัครคนเดิม คือนายสมศักดิ์ คุณเงิน ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชารัฐ

พท.จ่อส่ง”อดิศร”ลงรักษาเก้าอี้เดิม

ทางด้านพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมมีรายงานว่า จะส่ง นายอดิศร เพียงเกษโฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎ อดีตส.ส.ขอนแก่นพรรค ลงในการเลือกตั้งครั้งนี้

Verified by ExactMetrics