วันที่ 10 พฤษภาคม 2024

“ธนกร”วอนฝ่ายค้านใช้เวทีสภาฯสร้างสรรค์ไม่ใช่หลอกด่ารบ.รายวัน

People Unity : “ธนกร”มั่นใจรัฐบาลรับมือฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ วอนใช้เวทีสภาฯ อย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่หลอกด่ารัฐบาลรายวัน เพราะประชาชนจับตาดูอยู่

วันที่ 27 ต.ค.2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลช่วงกลางเดือนธันวาคมว่า เป็นสิทธิของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะชี้แจงฝ่ายค้านในทุกเรื่อง แต่รัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้ไม่นาน ตนยังนึกไม่ออกว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องอะไร เพราะที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชลอตัวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลก ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต นอกจากนี้ รัฐบาลยังต้องคอยไปชี้แจงฝ่ายค้านในสภาฯ เป็นระยะๆ ทั้งกรณีการกล่าวคำถวายสัตย์ และร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ถึง 3 วัน ทั้งๆ ที่ควรจะเอาเวลาเหล่านี้ไปช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ จึงนึกไม่ออกจริงๆ ว่าฝ่ายค้านจะเอาเรื่องอะไรมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 รัฐบาลก็สามารถชี้แจงได้หมด ดังนั้นิหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจตนมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถชี้แจงได้ วันนี้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป ก้าวเข้าสู่โลกข้อมูลข่าวสาร การอภิปรายต่างๆ พี่น้องประชาชนจับตาดูอยู่ หากการอภิปรายไม่สร้างสรรค์ ไม่มีสาระสำคัญ หรือมุ่งอภิปรายโจมตีรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ส่วนตัวแล้วอยากจะให้ฝ่ายค้านให้เวลาในการทำงานให้กับบ้านเมืองก่อนจะดีกว่าหรือไม่ เมื่อมีข้อมูลที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลทำงานบกพร่อง หรือไม่ชอบมาพากล ก็ค่อยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันนี้พี่น้องประชาชนอยากเห็นรัฐบาลใช้เวลาในการทำงานอย่างเต็มที่ คงไม่อยากเห็นการใช้วาทกรรมหรือสงครามน้ำลายโจมตีกันไปมา เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

“อนุสรณ์”ชี้”บิ๊กตู่”ควรให้ความร่วมมือ”กมธ.” ยก”บิ๊กแดง”เป็นตัวอย่าง

People Unity : “อนุสรณ์” โฆษกพรรคเพื่อไทย ชี้”บิ๊กตู่”ควรให้ความร่วมมือ”กมธ.” ยก”บิ๊กแดง”เป็นตัวอย่าง

วันที่ 27 ต.ค.2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรหลายชุด มีหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รวมถึงรองนายกฯ และรัฐมนตรี ไปให้ข้อมูล ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะฝ่ายบริหาร ควรสละเวลา ให้ความร่วมมือ มาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการ เพื่อตอบคำถาม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น อะไรแจงได้ก็แจงไปจะได้จบ ถ้าทุกฝ่ายเคารพประชาชน ให้ความร่วมมือกันในการทำงาน จะเป็นบรรยากาศที่ดีของการสร้างประชาธิปไตยและความปรองดองของคนในประเทศ ความกลัวทำให้เสื่อม ไม่มีอะไรต้องกลัว พล.อ.ประยุทธ์ ควรดูตัวอย่าง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่บรรยายพิเศษ หัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองความมั่นคง” แล้วเกิดคำถาม กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เชิญมาพบ ผบ.ทบ.แม้จะมีภารกิจรัดตัว ยังสละเวลามาเลย กรณีที่กรรมาธิการเชิญพล.อ.ประยุทธ์ มาพบนั้น ล้วนเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่มาเสียชื่อหมด เดี๋ยวกรรมาธิการเขาหาว่ากลัว เพราะปรกติพล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ หรือไม่ให้ความร่วมมือในการมาพบกรรมาธิการ

“5 ปีที่ผ่านมาการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ แต่วันนี้มีสภา มีกรรมาธิการ ทุกฝ่ายควรเปิดพื้นที่ ให้ความร่วมมือ เพื่อให้เครื่องมือตรวจสอบของประชาชน ผ่านกรรมาธิการสามารถทำงานได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

สาธุมะกันตัดจีเอสพี! คนไทยจะได้เห็นคุณค่าพอเพียง “หม่อมเต่า”เรียกถกด่วน

People Unity : สาธุมะกันตัดจีเอสพี! คนไทยจะได้เห็นคุณค่าศก.พอเพียงมากขึ้น ด้าน “หม่อมเต่า” เรียกผู้บริหารก.แรงงานถกด่วน “โฆษกรัฐบาล”ยันไม่เกี่ยวปมแบนสารพิษเกษตรฯ พาณิชย์เผยกระทบส่งออกจิ๊บจ๊อย

วันที่ 27 ต.ค.2562 นายปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์เฟซบุ๊กกรณีทางการสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ระงับข้อตกลงตามมาตรการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(จีเอสพี) กับสินค้าบางชนิดที่นำเข้าจากประเทศไทยเป็นการชั่วคราว โดยอ้างเหตุผลว่าทางการไทยไม่สามารถยกระดับสิทธิแรงงานให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล โดยระงับสิทธิพิเศษสินค้าไทย 600 รายการ เกือบ 4 หมื่นล้านบาทว่า คนไทยต้องเป็นไท

เรื่องต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงประเทศไทยต้องอยู่เหนือการเมืองหรือพรรคนะครับ ผลประโยชน์และความอยู่รอดของชาติเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงการเมือง ผมมีข้อติงอยู่ 2 เรื่อง

1.พรรคไหนหรือใครจะเล่นการเมืองอย่างไรก็เล่นไป แต่ไม่ควรดึงต่างชาติมาเพื่อเปลี่ยนเกมทางการเมืองให้ตนเองได้ประโยชน์เหนือพรรคอื่น อย่าทำตัวเป็นหุ่นเชิดทางการเมืองให้ต่างชาติ ไม่เช่นนั้น เราจะไม่มีชาติให้อยู่อาศัย

2.คนที่เป็นรัฐบาลก็ต้องโปร่งใส ดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง อย่าเล่นพรรคเล่นพวกมาก อย่าปล่อยให้มีการทุจริต กฎหมายเป็นกฎหมาย ไม่ใช่ว่าใครเป็นพรรคพวกตัว จะต้องรอดจากกฎหมาย ต้องได้ศรัทธาจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ สงครามพันทางจากต่างชาติจึงจะใช้ไม่ได้ผล

ภารกิจหลักของรัฐบาลคือเอาชนะใจประชาชน ให้ประชาชนพึ่งพาตนเอง มีเงินจากประกอบการงาน ไม่ใช่เอาชนะใจเจ้าสัวกลุ่มเดียวแล้วไล่แจกเงินแก่ประชาชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ประชาชนต้องมีเงินใช้จ่ายจากงานของตนเอง ถ้ายังทำแบบนี้ต่อไป คนจนก็จะจนต่อไป มีแต่เจ้าสัวไม่กี่รายที่จะเจริญ ถ้ารัฐบาลไม่โปร่งใส ทุจริต เล่นพรรคเล่นพวกตลอด ต่างชาติก็จะหยิบเอามาเป็นจุดอ่อนเพื่อระดมบรรดาโทรจันไล่รัฐบาลได้

การคว่ำบาตรของอเมริกาจะทำให้ประเทศไทย

1.หันมาพึ่งตนเองมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิจัยและผลิตยาจากตำรายาในคัมภีร์ใบลานซึ่งมีอยู่มากเพื่อให้คนไทยได้ใช้ในราคาถูก ลดการพึ่งพายาจากบริษัทยาในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ต้องไม่ลืมว่าขณะนี้ เวเนซุเอล่าและอิหร่านก็ถูกอเมริกาคว่ำบาตรทั้งยาทั้งอาหาร ห้ามมิตรประเทศอเมริกาซื้อขายยาและอาหารกับอิหร่าน

คนไทยต้องลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ มีตลาดใหม่ที่ดีกว่า สรุปว่าพึ่งพาตนเองได้ทั้งยา ทั้งอาหารในระยะยาว

2.หันไปคบมิตรประเทศหรือมหาอำนาจที่ค้าขายอย่างเป็นธรรมและไม่เอาเปรียบอย่างรัสเซียให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่ทำ MOU ไว้สร้างภาพ แผนการต่างๆ ที่ทำไว้ต้อง implement ให้บังเกิดผลในทางปฏิบัติ อย่างรวดเร็ว เมื่อถูกอเมริกาคว่ำบาตรก็สามารถหาตลาดใหม่ได้

ระวังกันเอาไว้ครับ การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจก็เพื่อให้ไทยยอมจำนนหรือจนตรอกแล้วหันไปทำตามคำสั่ง ถ้าไม่ยอมจำนน ก็จะมีมาตรการคว่ำบาตรอื่นๆ ตามมา รวมทั้งไล่รัฐบาลไปด้วย ประเทศเล็กๆ ต้องตระหนักรู้ ทำใจและเตรียมตัวให้พร้อม ผมมองว่าการคว่ำบาตรของอเมริกาจะทำให้คนไทยเห็นคุณค่าในภูมิปัญญาเศรษฐกิจพอเพียงและรู้จักแยกแยะประเทศที่เป็นมิตรแท้มิตรเทียม และเลือกคบประเทศที่เคารพศักดิ์ศรี บูรณภาพของดินแดนและความเป็นไทของประเทศไทยมากยิ่งขึ้นครับ

“หม่อมเต่า”เรียกผู้บริหารก.แรงงานถกด่วน

รายงานข่าวแจ้งว่า ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน ได้เรียกนายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะผู้บริหารในกระทรวงหารือเป็นกรณีพิเศษที่กระทรวงแรงงานในเวลา 14.00 น. เพื่อดูรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป

“โฆษกรัฐบาล”ยันไม่เกี่ยวปมแบนสารพิษเกษตรฯ

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบข้อมูลมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว เมื่อครั้งที่รมว.พาณิชย์ สหรัฐฯ มาร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนที่ไทย ซึ่งมีการหยิบยกประเด็นนี้มาหารือ ขณะเดียวกันนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ก็ได้มีหนังสือรายงานถึงนายกรัฐมนตรีถึงประเด็นดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้แถลงชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ในเรื่องนี้เอง นอกจากนี้ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่ไทยห้ามนำเข้าสารเคมีทางการเกษตรของสหรัฐฯ อย่างแน่นอน แต่เป็นคนประเด็นกัน.

พาณิชย์เผยกระทบส่งออกจิ๊บจ๊อย

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบ ประมาณ 0.01% ของการส่งออกรวมของไทยเฉลี่ยรายปี แต่จะมีสินค้าบางรายการที่ใช้สิทธิมากที่อาจได้รับผลกระทบมากกว่ารายการอื่น โดยมีรายละเอียด ดังนี้ โดยสินค้าที่สหรัฐฯ ประกาศตัดสิทธิจีเอสพี ประเทศไทย (Country Review) มีจำนวน 573 รายการ (40% จากจำนวนสินค้าที่ไทยใช้สิทธิในปี 61 รวม 1,485 รายการ) มีผลบังคับใช้ 25 เม.ย. 63 และมีการคืนสิทธิให้ไทย 7 รายการ โดย ปี 61 ไทยมีการใช้สิทธิ จีเอสพีพียง 355 รายการ (จาก 573 รายการ) มูลค่า 1,279.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีอัตราการใช้สิทธิเฉลี่ย 66.7% อาทิ อาหารทะเลแปรรูป พาสต้า ถั่วชนิดต่างๆ แยมผลไม้ น้ำผลไม้ ซอสถั่วเหลือง เคมีภัณฑ์ อุปกรณ์เครื่องครัวและของใช้ในบ้าน มอเตอร์ไฟฟ้า เหล็กแผ่นและสเตนเลส เครื่องดนตรี และอุปกรณ์ตกปลา

สำหรับการถูกตัดสิทธิจีเอสพีทำให้ต้นทุนส่งออกไทยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 50.33 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากสินค้าไทยกลุ่มนี้จะถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 4.5% (อ้างอิงจากอัตรา MFN rate ของสหรัฐฯ ปี 61) โดย สนค. ประเมินว่า การถูกตัดสิทธิจีเอสพี ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยอย่างจำกัด อัตราภาษีที่สูงขึ้นอาจทำให้ มูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ สำหรับสินค้ากลุ่มที่โดนตัดสิทธิในปี 63 (เมื่อมาตรการมีผลบังคับใช้) ลดลงมูลค่า 28.8 – 32.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.01% ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทย

นอกจากนี้การส่งออกไทยที่มีจุดเด่นในการกระจายตัวของสินค้ากลุ่มใหม่ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่องในอนาคต เช่น เครื่องนุ่งห่มรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เครื่องครัว และของใช้ในบ้าน จะช่วยยังสนับสนุนการส่งออกของไทยในตลาดสหรัฐฯ ต่อไปได้ แต่การถูกตัด จีเอสพีทำให้ความได้เปรียบด้านต้นทุนภาษีหมดไป และไทยจะเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้น ดังนั้น การรักษาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ส่งออกควรกระชับสัมพันธ์กับผู้นำเข้าพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการส่งเสริมการส่งออกและการตลาดเชิงรุก เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

“ผู้กองมาร์ค”ข้องใจเกี่ยวกับจีนได้เมกะโปรเจกต์จากรัฐบาล”บิ๊กตู่”หรือไม่

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช หรือผู้กองมาร์ค เลขานุการกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคอุตสาหกรรม สัดส่วนพรรคเพื่อไทยอ(พท.) กล่าวว่า จากที่ได้ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับสหรัฐอเมริกามาหลายรัฐบาล ทราบดีถึงระบบการทำงานที่เป็นมืออาชีพของสหรัฐอเมริกา ซึ่งยึดผลประโยชน์ของประชาคมโลกเป็นหลักมาโดยตลอด และจากความสัมพันธ์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยมีมายาวนาน จึงเป็นไปได้ยากที่ว่าสหรัฐจะมีมาตราการตอบโต้ไทยจากการที่ได้สั่งแบนสารพิษทั้ง 3 ชนิด เพราะสหรัฐอเมริกาเองก็คงไม่ยอมให้บริษัทสารพิษมาบัญชาการอยู่เบื้องหลัง และท่ามกลางความขัดแย้งของสองมหาอำนาจ(สหรัฐฯและจีน) รัฐบาลไทยควรต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ หรือรัฐบาลให้ประเทศจีน มาทำเมกะโปรเจกต์ ในประเทศไทยมากเกินไป หรือไปเอาใจและใช้เงินภาษีของประชาชนคนไทย ซื้ออาวุธ จะเป็นต้นเหตุหรือไม่ ก็ไม่อาจจะทราบได้ อย่างไรก็ตาม อยากให้พล.อ.ประยุทธ์เร่งประสานความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาโดยด่วน และเสริมสร้างรายได้ให้กับคนไทยทันที

“สาธิต”ลั่นเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลสหรัฐ

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของรัฐบาลสหรัฐ แต่กระทรวงสาธารณสุขก็มีสิทธิ์ในการตัดสินใจในบางเรื่องที่เป็นสุขภาพของคนไทย และในส่วนของไทยเมื่อยกเลิก การใช้สาร 3 ชนิดดังกล่าวแล้ว รัฐบาลก็จะต้องพูดคุยกันว่าจะดูแลเกษตรกรอย่างไร มีสารตัวใดที่ใช้ทดแทนได้บ้าง

“แอ๊ด คาราบาว”เชียร์รัฐบาลไทยอย่ายอม

นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Add Carabao ระบุว่า…เห็นสันดานอเมริกาหรือยังครับพี่น้อง มันหาได้คำนึงถึงชีวิตของคนอื่นเลย มุ่งแต่จะเอาประโยชน์เพื่อตนฝ่ายเดียว รัฐบาลไทยอย่าไปยอมมันนะครับ มันจะแบนสินค้าเราก็ช่างแม่ง เวลานี้คุณสมคิด คุณจุรินทร์ ได้ออกเดินสายหาคู่ค้ารายใหม่ๆในประเทศต่างๆ ที่มีคุณธรรม และไม่เอาเปรียบข่มเหงรังแกเรา ขอให้พวกเราต้องร่วมกันสู้นะครับ เพื่อเห็นแก่ประโยชน์สุขของประชาชนคนไทย ถ้าไม่สู้เราก็ตายผ่อนส่งต่อไปเรื่อยๆ ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งภาครัฐและเอกชน สู้ๆๆๆๆ ถึงเวลาที่ต้องทิ้งประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมแล้วละครับพี่น้อง

“อลงกรณ์”ซัดหาเหตุกดดันไทย

นายอลงกรณ์ พลบุตร. ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สหรัฐต้องการใช้การตัดสิทธิพิเศษจีเอสพีเพื่อต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แบบหมูไปไก่มา เช่น การขอให้ไทยเปิดให้นำเข้าเนื้อหมูที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงจากสหรัฐหรือขอให้ไทยทบทวนการแบนสารพิษไกรโฟเซตที่ทั้งทางการสหรัฐและหอการค้าสหรัฐไม่เห็นด้วยเพราะกระทบผลประโยชน์ของบริษัทอเมริกัน

“เห็นว่าถ้าเป็นเหตุผลหลังสุดคงยากที่ทางการไทยจะยอมอ่อนข้อเพราะเป็นเรื่องสุขภาพของคนไทยด้วยสาเหตุดีงกล่าวทางการสหรัฐควรทบทวนตัวเองมากกว่าเรียกร้องให้ทางการไทยทบทวนและหากยังคิดจะเป็นมิตรที่ดีกับคนไทยและประเทศไทย อย่าใช้มาตรการจีเอสพีกดดัน แบบนี้เป็นอันขาด” นายอลงกรณ์ กล่าว

“สุริยะ”รอข้อมูลก.เกษตรก่อนพิจารณาประเด็นสหรัฐฯท้วงแบน 3 สาร

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย ฉบับใหม่ พ.ศ.2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 27 ตุลาคมนี้ กล่าวถึงกรณีสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดค้านการห้ามใช้สารไกลโฟเซต ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สารเคมีทางการเกษตรที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกเลิกใช้ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 62 เป็นต้นไปว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว ต้องรอให้กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งรายละเอียดการแบน 3 สาร และสารทดแทน กลับมาให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาอีกครั้ง

“ขณะนี้ต้องส่งเรื่องกลับเข้ามาก่อนที่การแบน 3 สาร จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เพื่อพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ”นายสุริยะกล่าว

“สิระ”วิจิกิจฉา!”ธนาธร”นั่ง กมธ.ฐานะคนนอกแต่ลงมติไม่ได้

People Unity : “สิระ”ข้องใจปม”ธนาธร”นั่ง กมธ.ฐานะคนนอกแต่ลงมติไม่ได้ ถือว่าได้ปฎิบัติหน้าที่ กมธ.หรือไม่ หวั่น ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2563 เป็นโฆษะ พร้อมแนะสภาฯสร้างบรรทัดฐาน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ต.ค.2562 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่เสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเป็นหนึ่งใน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่ว่า ตนเข้าใจว่ากรรมาธิการวิสามัญอนุญาตให้เป็นได้ทั้งส.ส. และคนนอก แต่ในกรณีนี้นายธนาธร ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.แต่ไปเป็นกรรมาธิการในสัดส่วนคนนอก แต่ลงมติไม่ได้ สามารถเป็นไปได้ทำจริงหรือไม่ เพราะถือว่าการลงมติเป็นหน้าที่ของกรรมาธิการทุกคน

“หากยังให้นายธนาธรปฏิบัติหน้าที่กรรมาธิการในฐานะคนนอก อะไรคือเครื่องมือยืนยันว่านายธนาธรจะไม่ลงมติในที่ประชุม ใครจะมีอำนาจสั่งห้ามนายธนาธรไม่ให้ลงมติได้ และคำถามต่อว่าหากนายธนาธรลงมติดังกล่าว ผลการทำงานของกรรมาธิการชุดนี้จะทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 เป็นโฆษะในอนาคตหรือไม่ กรรมาธิการควรหาข้อสรุปในเรื่องนี้”นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวต่อว่า ประเด็นของนายธนาธรยังสร้างความข้องใจให้สังคมว่าจริงๆแล้ว บรรทัดฐานในเรื่องนี้ควรข้อสรุปอย่างไร สภาฯชุดนี้ควรไตร่ตรองและสร้างมาตรฐานสำหรับกรณีเช่นนี้ เพื่อนำไปใช้ในอนาคตจะได้ไม่เป็นข้อถกเถียงกันในอนาคตต่อไป

นายสิระ ยังกล่าวต่อว่า ในขณะนี้นายธนาธรจะเป็นผู้ช่วย สส ยังทำไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นหากจะให้เรื่องนี้กระจ่างนายธนาธรควรที่จะลาออกจากการเป็น ส.ส.ดีที่สุด

สหรัฐฯตัด”จีเอสพี”ไทย! เพื่อไทยเย้ย รบ. เจรจาสำเร็จแค่เพียงสั่งซื้ออาวุธ

People Unity : สหรัฐฯตัด”จีเอสพี”ไทย! เพื่อไทยเย้ยรบ. เจรจาสำเร็จแค่เพียงสั่งซื้ออาวุธ ติงรัฐไร้ประสิทธิภาพจัดการสิทธิแรงงาน ชี้เอกชนเคว้งกระทบส่งออกยาว

วันที่ 27 ต.ค.2562 นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส. จังหวัดร้อยเอ็ด เขต 5 ในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP กับสินค้าของไทยคิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 40,000 ล้านบาทว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ รับทราบถึงความเป็นไปได้ที่ไทยจะถูกระงับสิทธิ GSP นี้ ตั้งแต่เป็นรัฐบาล คสช. และได้รับการแจ้งเตือนมาเป็นระยะ แต่กลับไม่มีการแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบอย่างทั่วถึง ไม่มีการศึกษาผลกระทบและจัดเตรียมมาตรการที่จะช่วยบรรเทาปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ จนสหรัฐฯ ประกาศระงับสิทธิดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายยังคงงุนงงต่อกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่น่ากังวลว่าภาคเอกชนจะมีเวลาในการปรับตัวเพียงแค่ 6 เดือนก่อนที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ

การถูกระงับสิทธิ GSP ในครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพและไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากต่างชาติเหมือนที่เคยอวดอ้าง ที่ผ่านมามีกรอบการประชุมในหลายระดับซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ สามารถใช้ในการเจรจากับสหรัฐฯ ได้ แต่กลับล้มเหลวทั้งหมด ทำให้เข้าใจได้ว่า ผลงานเดียวที่รัฐบาลสามารถเจรจาสำเร็จคือ การสั่งซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ

การส่งออกของไทยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาติดลบอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกภายใต้สิทธิ GSP สูงเป็นอันดับ 1 การถูกระงับสิทธิ GSP จะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้แย่ลง เพราะสินค้าไทยหลายรายการอาจถูกประเทศที่ยังได้รับสิทธินี้ใช้ความได้เปรียบในแง่ของราคาเข้ามาแย่งตลาด หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้จะกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะยาว

นอกจากนี้ นางสาวจิราพรยังกล่าวว่า ตนอยากฝากให้รัฐบาลเลิกทำตัวอุ้ยอ้ายทำอะไรก็ไม่เคยทันการ โดยขอให้เร่งออกมาตรการเยียวยาและลดผลกระทบที่สามารถดำเนินการได้จริง ไม่ใช่เพียงมาตรการที่เคยตั้งไว้แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่สามารถทำได้สำเร็จเหมือนหลายกรณีที่ผ่านมา ที่สำคัญรัฐบาลต้องแสดงให้เห็นว่า มีความสามารถในการบริหารประเทศไม่ได้ถนัดแค่สั่งซื้ออาวุธเพียงอย่างเดียว

ไม่พลาด! “พิชัย”ห่วงสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี ทำส่งออกไทยยิ่งทรุด

People Unity : ไม่พลาด! “พิชัย”ห่วงสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี ทำส่งออกไทยยิ่งทรุด ติงรัฐบาลอย่านำเรื่องน่าอายมาเป็นผลงาน

วันที่ 27 ต.ค.2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงอย่างมากในกรณีที่สหรัฐอเมริกาตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (จีเอสพี) จากไทย มีผลกระทบกับสินค้ากว่า 573 รายการ มูลค่ากว่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีผล 6 เดือนหลังประกาศเมื่อ 25 ตุลาคม โดยอ้างเหตุเรื่องสิทธิแรงงาน ทั้งนี้เพราะจากประสบการณ์ที่เคยค้าขายกับสหรัฐอเมริกา ทราบดีว่าสิทธิจีเอสพี ทำให้ราคาสินค้าของไทยสามารถแข่งขันราคากับสินค้าจากประเทศคู่แข่งได้ หากสินค้าไทยถูกตัดสิทธิจีเอสพี สินค้าจากไทยก็จะต้องเสียภาษีเต็มตามอัตราที่กำหนดซึ่งจะทำให้แข่งขันกับราคาสินค้าจากประเทศคู่แข่งที่ได้รับสิทธิจีเอสพีได้ยาก

อีกทั้งยังต้องเจอกับค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากและยังจะแข็งค่าขึ้นอีกด้วย มิเช่นนั้นผู้ผลิตและผู้ส่งออกก็จะต้องเฉือนเนื้อตัดจากกำไรเพื่อนำไปจ่ายภาษีศุลกากร และหากเป็นสินค้าที่มาร์จิ้นต่ำ เช่น สินค้าเกษตร อาหารทะเล ก็จะไม่สามารถเฉือนกำไรเพื่อจ่ายภาษีให้เพียงพอได้ โดยเรื่องดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทยที่ทรุดต่ำอยู่แล้วให้ทรุดต่ำลงไปอีก นอกจากนี้ การถูกตัดสิทธิจีเอสพี จะทำให้การลงทุนในสินค้าหมวดหมู่ดังกล่าวลดลง หรือ จะมีการย้ายฐานการผลิตออกจากไทย เพื่อไปลงทุนในประเทศที่ยังคงได้รับสิทธิจีเอสพีอยู่ ซึ่งจะทำให้การลงทุนของไทยที่ลดต่ำอยู่แล้วลดต่ำลงไปอีก แถมอาจจะมีการโยกย้ายฐานการผลิตและการส่งออกซ้ำเติมด้วย

นายพิชัยกล่าวอีกว่า ผลของการที่ไทยถูกสหรัฐอเมริกาตัดสิทธิจีเอสพี ก็เหมือนกับผลของการที่ไทยไม่สามารถเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) ในช่วงที่มีรัฐบาลจากการปฏิวัติได้ ซึ่งการเจรจาการค้ากับอียูก็ยังไม่มีความคืบหน้า

ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลได้เร่งแก้ไขปัญหา และ เร่งเจรจากับสหรัฐอเมริกาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งในอดีตประเทศไทยก็เคยโดนสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี ในบางรายการมาก่อน แต่สุดท้ายก็สามารถเจรจาแก้ไขได้ ถ้ารัฐบาลมีความสามารถและมีทักษะในการเจรจาเพียงพอ รัฐบาลควรจะต้องใส่ใจเรื่องการเจรจาการค้ากับประเทศคู่ค้าหลักอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาการส่งออกทรุดและการลงทุนที่หายไป มากกว่าจะนำเรื่องที่น่าอับอายแต่กลับนำมาหาเสียง อย่างเช่น เรื่องอันดับความสะดวกในการทำธุรกิจของไทยที่พึ่งฟื้นกลับมาได้อันดับที่ 21 หลังจาก 6 ปีของการปฏิวัติ โดยก่อนการปฏิวัติ ไทยเคยอยู่อันดับที่ 18 และ ตั้งแต่มีการจัดอันดับมาประเทศไทยไม่เคยได้อันดับต่ำกว่าอันดับที่ 19 เลย จนมาเกิดการปฏิวัติทำให้อันดับความสะดวกทำธุรกิจของไทยทรุดลงไปต่ำสุดที่อันดับ 49 ในปี 2558 และ อันดับ 46 ในปี 2559 และพึ่งจะฟื้นขึ้นมาได้ แต่ก็ยังกลับไม่ถึงที่เก่าที่อันดับ 18 ก่อนการปฏิวัติ ควรจะเป็นความน่าละอายที่ 6 ปี ที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำให้อันดับความสะดวกในการทำธุรกิจของไทยทรุดต่ำและยังไม่กลับมาที่เดิมมากกว่า

อีกทั้งอันดับที่ดีขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีการลงทุนที่มากขึ้น เพราะประเทศเวียดนามที่อยู่อันดับที่ 70 แต่การลงทุนจากต่างประเทศของเวียดนามมีมากกว่าไทยหลายเท่า โดยประเทศเวียดนามได้เซ็นข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับหลายประเทศคู่ค้าหลักตัดหน้าไทยที่ไทยยังไม่สามารถเซ็นได้และก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะสามารถเซ็นได้เมื่อไหร่ จึงทำให้การส่งออกของเวียดนามได้แซงหน้าการส่งออกของไทยครั้งแรกในปีนี้และน่าจะแซงแล้วแซงเลย เพราะการลงทุนในเวียดนามมีมากกว่าการลงทุนในไทยมาตลอดหลายปีนี้

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวอีกว่า อีกประเด็นหนึ่ง ถ้าหากใครได้ฟังสุนทรพจน์ของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่พูดที่ฮ่องกง นอกจากจะให้กำลังใจแก่ นางแคร๋รี่ แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงแล้ว นายสมคิดในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ของไทยยังได้แสดงจุดยืนเข้าข้างประเทศจีนอย่างเต็มที่ ซึ่งในภาวะสงครามการค้าและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน การถือข้างใดข้างหนึ่งจนออกนอกหน้ามากเกินไป ก็อาจจะทำให้อีกประเทศหนึ่งไม่พอใจ ถึงกับตัดสิทธิจีเอสพีก็เป็นได้ จึงอยากให้ประเทศไทยวางตัวให้เหมาะสม ถ่วงดุลอำนาจระหว่างสองประเทศมหาอำนาจให้ดี เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย ในภาวะความผันผวนของโลก ประเทศไทยต้องการผู้นำที่มีความรู้ความสามารถและความรอบรู้เพียงพอที่จะเข้าใจพลวัตรของโลก หากผู้นำไม่สามารถก้าวตามการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ทัน ประเทศไทยจะเสียหายและเสียโอกาสอย่างมาก เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

“อธิบดี พช.”ร่วมเปิดตัวหนังสือ”เจิมใจเมืองฯ” ของ”เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์”

People Unity : “อธิบดี พช.”ร่วมเปิดตัวชุดหนังสือของขวัญ”เจิมใจเมืองฯ” ของ “เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์” ศิลปินแห่งชาติ รวมบทกวีเรื่องราวทุกจังหวัดทั่วเมืองไทย รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายสนับสนุนสร้างแหล่งเรียนรู้ “พิพิธภัณฑ์:บ้านไร่ใกล้ตลาด@งิ้วราย นครชัยศรี”

วันที่ 26 ต.ค.2562 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ร่วมเสวนาและเปิดตัวหนังสือกวีนิพนธ์เล่มใหม่ พร้อมเสื้อที่ระลึก ของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ซึ่งจัดเป็นชุดหนังสือของขวัญ “เจิมใจเมือง สืบเนื่องบ้านพิพิธภัณฑ์” พร้อมด้วย เอนก นาวิกมูล ผู้ก่อตั้งบ้านพิพิธภัณฑ์ ร่วมเสวนาและแสดงความยินดี โดยมีสื่อมวลชน และเหล่านักอ่านร่วมงานอย่างอบอุ่น ณ ศูนย์หนังสือจุฬาฯ จามจุรีสแควร์ กรุงเทพฯ

นายสุทธิพงษ์ ซึ่งได้ร่วมสนับสนุนการสร้างแหล่งเรียนรู้ “บ้านพิพิธภัณฑ์-บ้านไร่ใกล้ตลาดที่งิ้วราย” มาตั้งแต่ต้น กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่มาร่วมสนับสนุนการส่งเสริมแหล่งเรียนรู้ชุมชนอีกครั้ง อีกทั้งการจัดพิมพ์กวีนิพนธ์ “เจิมใจเมือง” ของศิลปินแห่งชาตินั้น มีความงดงามของเนื้อหาที่ บอกเล่าภูมิสังคมวัฒนธรรมและวิถีชีวิต อัตลักษณ์ที่โดดเด่นของชุมชน ช่วยประชาสัมพันธ์เสน่ห์ของชุมชนหมู่บ้าน ทั่วเมืองไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ส่งเสริมการท่องเที่ยวและสนับสนุนสินค้า OTOP ของชุมชนที่จะนำรายได้ไปสู่พี่น้องประชาชน อีกทั้งยังเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้แก่เจ้าของพื้นที่แต่ละท้องถิ่นอีกด้วย

นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ เจ้าของผลงานกวีนิพนธ์เล่มล่าสุด “เจิมใจเมือง” เปิดเผยว่า ในการจัดพิมพ์กวีนิพนธ์ “เจิมใจเมือง” ครั้งแรกนี้ นับเป็นกรณีพิเศษ จะจัดทำตามจำนวนที่สั่งจองเท่านั้น โดยจัดเป็นชุดหนังสือของขวัญ “เจิมใจเมือง สืบเนื่องบ้านพิพิธภัณฑ์” ประกอบไปด้วยหนังสือ 1 เล่ม ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวอัตลักษณ์ท้องถิ่น 76 จังหวัด และกรุงเทพฯ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิสังคมวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต อาหารการกิน สัมมาชีพ แหล่งท่องเที่ยวชุมชน รวมทั้งสินค้า OTOP ที่มาจากชุมชนหมู่บ้านทั่วเมืองไทย ภายในหนังสือเป็นบทกวีลายมือทั้งเล่ม และภายในชุดหนังสือของขวัญนี้ ยังมีเสื้อที่ระลึก “เจิมใจเมือง” สกรีนบทกวีของแต่ละจังหวัด รวม 77 แบบ ให้ผู้สั่งจองสามารถเลือกได้ชุดละ 1 แบบ (จังหวัด) และนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายสนับสนุนการสร้างแหล่งเรียนรู้ “บ้านพิพิธภัณฑ์-บ้านไร่ใกล้ตลาดที่งิ้วราย” ซึ่งดำเนินการโดยสมาคมกิจวัฒนธรรม และเอนก นาวิกมูล ผู้ก่อตั้งบ้านพิพิธภัณฑ์

ผู้สนใจเป็นเจ้าของชุดหนังสือของขวัญ “เจิมใจเมือง สืบเนื่องบ้านพิพิธภัณฑ์” ราคาชุดละ 400 บาท สามารถสั่งจองและรับได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุกสาขา หรือสั่งจองผ่าน Line : @onart หรือ Facebook : On Art | ออน อาร์ต ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2562 โดยชุดหนังสือของขวัญฯ จะจัดส่งทางไปรษณีย์ EMS ประมาณ 10-15 วันหลังยืนยัน และสำหรับผู้ที่ต้องการสั่งจองตั้งแต่ 10 ชุดขึ้นไป กรุณาติดต่อ 063 223 2291 ทั้งนี้รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนการสร้างแหล่งเรียนรู้ “บ้านพิพิธภัณฑ์-บ้านไร่ใกล้ตลาดที่งิ้วราย” ต่อไป

 

“ธรรมนัส​”จ่อของบฯกลางซื้อเครื่องบินฝนหลวงใหม่

People Unity : “ธรรมนัส​ พรหมเผ่า” ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานปฏิบัติการฝนหลวงพื้นที่ภาคเหนือ​ กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาภัยแล้งเต็มที่ จ่อเสนอของบฯกลางเพื่อจัดซื้อเครื่องบินฝนหลวงใหม่เสริมกำลัง

วันที่ 26 ต.ค.2562 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะทำงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามการปฏิบัติการฝนหลวงพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับเขื่อน/อ่างเก็บน้ำ และพื้นที่ประสบภัยแล้ง ที่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา ตำบลลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับฟังรายงานสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนแม่กวงอุดมธารา​ จากกรมชลประทาน​ ขณะที่ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร​ ได้บรรยายสรุปภาพรวมของการปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับเขื่อน/อ่างเก็บน้ำและพื้นที่ประสบภัยแล้ง การบริหารจัดการน้ำต้นทุนเขื่อนแม่กวงอุดมธารา และการจัดสรรน้ำด้านการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง

โดย ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้เป็นการเดินทางลงพื้นที่เพื่อร่วมรับฟังบรรยายสรุปถึงผลปฏิบัติงานของกรมฝนหลวงเพื่อบรรเทาและป้องกันภัยแล้งตลอดปีที่ผ่านมา​ ซึ่งปัญหาภัยแล้งในภาพรวมได้มีการเตรียมการรับมือภัยแล้งที่จะมาถึงผ่านโครงการต่างๆ ตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายจาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ ซึ่งต้องเตรียมความพร้อมรับมือวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการงานทุกภาคส่วนสร้างการรับรู้ปัญหาปริมาณน้ำที่ลดน้อยลงเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อให้เพียงพอทั้งด้านกษตรกรรม​ และการอุปโภคบริโภค

ทั้งนี้ที่ผ่านมา ในการปฎิบัติการฝนหลวงตั้งแต่ปี 2562 ได้มีการดำเนินการไปปฏิบัติการฝนหลวงมาทุกภาคทุกจังหวัด แต่ยอมรับว่า ภาครัฐมีการแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างขีดจำกัด  เนื่องจากปฎิบัติการฝนหลวงต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติ และด้วยกำลังพลที่น้อย รวมทั้งอุปกรณ์ใช้งานที่เก่า แต่ภายใต้ความกดดันเหล่านี้เราก็สามารถปฏิบัติงานและตอบโจทย์ได้ทุกจังหวัด

ส่วนกรณีจะมีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่พนักงานและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฎิบัติการฝนหลวงหรือไม่นั้น ร้อยเอกธรรมนัส ได้ระบุว่า มีการพูดคุยกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะรัฐมนตรี ในการสร้างกำลังพลของกรมฝนหลวงใหม่ จัดซื้ออากาศยานเข้ามาทดแทนที่เสื่อมสภาพไปแล้ว ส่วนที่ยังใช้งานอยู่จะมีการบำบัดและซ่อมบำรุงอย่างต่อเนื่องตามวาระการใช้งานในแต่ละปี พร้อมสนับสนุนงบประมาณโดยจะมีการพิจารณาสนับสนุนงบกรมฝนหลวงให้เพิ่มมากขึ้น แต่หากว่าจำเป็นจะต้องใช้งบกลางก็จะมีการปรึกษากับคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง

ส่วนกรณีความล่าช้าการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำจากอำเภอแม่แตง แม่งัด จนถึงแม่กวง ขณะนี้เนื่องจากระยะเวลาสัญญาก่อสร้างจะต้องแล้วเสร็จก่อนเดือนพฤษภาคม 2564 ปัจจุบันการก่อสร้างยังล่าช้า หลังจากนี้ตนจะนำเรื่องดังกล่าวไปรายงานต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อรับทราบถึงปัญหาและแก้ไขต่อไป

จากนั้นในช่วงบ่าย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะทำงาน เดินทางไปยังพื้นที่โครงการมะม่วงแปลงใหญ่​ บ้านเวียงทอง หมู่ที่ 25 ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นประธานในพิธีการส่งมอบ หนังสืออนุญาตการเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) จำนวน 30 ราย ส่งมอบโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำชุมชนในพื้นที่อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 6 แห่ง และพบปะอาสาสมัครฝนหลวง​ พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ด้านการเกษตรในพื้นที่ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเกษตรกรในพื้นที่คอยต้อนรับจำนวนมาก

“ธนกร”เตือน”เสรีพิศุทธ์”อย่าลุแก่อำนาจเรียก”บิ๊กตู่”แจงกมธ.

People Unity : “ธนกร”ออกโรงเตือน”เสรีพิศุทธ์”อย่าลุแก่อำนาจมุ่งทำลาย”บิ๊กตู่” แนะกมธ.ยึดกรอบกม. ไม่ใช่พุ่งเป้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว ชม”จิรายุ-ไชยา”

วันที่ 26 ตุลาคม 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนฯ เตรียมใช้อำนาจเรียกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงกรณียื่นร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี2563 ไม่ถูกต้องเนื่องจากรัฐบาลถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบว่า ทางกรรมาธิการฯไม่น่าจะมีอำนาจที่จะเรียกตรวจสอบเรื่องนี้เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยจบแล้ว ด้วยความเคารพผู้อาวุโสอย่างพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อยากจะให้ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ อย่าใช้ตำแหน่งประธานกรรมาธิการฯมุ่งทำลายล้างทางการเมืองเพียงอย่างเดียว อย่าลุแก่อำนาจ ท่านเป็นนายตำรวจเก่าน่าจะทราบกฏหมายดีว่า การเป็นกรรมาธิการฯมีหน้าที่ในการตรวจสอบการทุจริต ประพฤติมิชอบต่างๆ ไม่ใช่มาตรวจสอบปมถวายสัตย์ฯของท่านนายกรัฐมนตรีซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต

นายธนกร กล่าวว่า ทางที่ดีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ต้องทำหน้าที่แทนประชาชนในการตรวจสอบการทุจริตไม่ใช่มาตะบี้ตะบันมุ่งโจมตีพล.อ.ประยุทธ์เพียงอย่างเดียว เสียชื่อวีรบุรุษนาแกหมด ขอให้ประชาชนจดจำความดีในอดีตดีกว่า ในวัยเด็กตนเคยชื่มชมพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่มาตอนหลังรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนฯมีบทบาทหน้าที่ตามกฏหมายชัดเจน อย่าใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ดูการทำงานของคณะกรรมาธิการฯส่วนใหญ่ทำงานได้ดีเข้าใจบทบาทหน้าที่ ตรวจสอบตรงไปตรงมา ไม่ได้มุ่งเน้นทำลายฝ่ายการเมืองตรงข้าม เช่น นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน สภาผู้แทนฯ หรือนายไชยา พรหมมา ประธานคณะกรรมาธิการศึกษา การจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนฯต่างทำหน้าที่ได้ดี

“เสรีพิศุทธ์” ขู่ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” หากไม่แจงกมธ.อาจเจอคุก

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไลฟ์สดผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า กรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.)ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่ตนเองเป็นประธาน ทำหนังสือให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงกรณีถวายสัตย์ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 61 นั้น เป็นไปตามมติของที่ประชุมเพื่อต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร มาแถลงข้อเท็จจริง และแสดงความคิดเห็นเรื่องการนำร่างพ.ร.บ.งบฯปี 63 มาเสนอต่อที่ประชุมสภาฯได้อย่างไร ซึ่งไม่เกี่ยวกับปัญหาการถวายสัตย์ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวอ้างแต่อย่างใด โดยตนได้เซ็นหนังสือเพื่อเชิญให้มาชี้แจงในวันที่ 30 ต.ค.นี้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ดังนั้น นายวิษณุ ออกมาระบุว่าทั้งสองคนมีสิทธิที่จะมาหรือไม่มา หรือ ส่งตัวแทนมาชี้แจงก็ได้นั้น ตนอยากจะบอกว่า กมธ.ไม่ได้เชิญผู้แทน ระบุชื่อตัวตนชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร จะส่งนายหมูนายหมามาตอบแทนได้อย่างไร แต่หากพล.อ.ประยุทธ์ติดราชการเพราะมีภารกิจมาก สามารถแจ้งมาเพื่อขอเลื่อนได้ แต่ถ้าไม่ตอบเลย ตนก็จะมีหนังสือเชิญครั้งที่สอง โดยจะให้โอกาสแค่สองครั้งเท่านั้น ถ้าไม่มีอีก ครั้งต่อไปตนจะทำเป็นหนังสือคำสั่งของประธานกมธ. เพื่อเรียกบุคคลนั้น หรือ เรียกเอกสาร ให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมาธิการ ตามมาตรา 8 ของพ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราฏษรและวุฒิสภา ถ้าฝ่าฝืนไม่มาตามคำสั่งเรียกดังกล่าวถือว่ามีความผิดตามมาตรา 13ต้องระวางโทษไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ หรือพล.อ.ประวิตร ไม่มาเอง ถือว่าเข้าทางตน จะได้สรุปข้างเดียวไปเลย ว่าการเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ต่อสภาฯ ไม่ชอบด้วยกฏหมาย และขัดรัฐธรรมนูญ และส่งฟ้องไปเลย ดังนั้นก็ไปตัดสินใจเอาเองว่าจะมาหรือไม่มา

ทีมกทม.พรรคพลังประชารัฐร่วมรณรงค์แยกขยะ

People Unity : ทีมกทม.พรรคพลังประชารัฐร่วมรณรงค์แยกขยะแต่ละประเภทก่อนทิ้งลงถังและรับขยะรีไซเคิลส่งต่อเพื่อแปรรูปนำกลับมาใช้ใหม่

วันที่ 26 ตุลาคม 2562 ที่บ้านสวนบางเขน ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น นางกนกนุช กลิ่นสังข์ นายแมน เจริญวัลย์ น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ทีมกทม.พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันจัดโครงการ “แยก แลก รี” รับขยะรีไซเคิลนำไปส่งต่อเพื่อแปรรูปนำกลับมาใช้ใหม่ โดยโครงการนี้ได้ให้ความสำคัญในด้านการบริหารจัดการขยะในชุมชน มุ่งเน้นการปลูกฝังจิตสำนึกทุกคนมีนิสัยไม่ทิ้งขยะ ให้รู้จักคุณค่าของวัสดุเหลือใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งสร้างแรงจูงใจโดยการแยกขยะแต่ละประเภทก่อนทิ้งลงถังขยะทุกครั้ง ซึ่งมีประชาชนมาร่วมโครงการ”แยก แลก รี”เป็นจำนวนมาก

ด้านภญ.นพวรรณ ได้กล่าวเชิญทุกคนให้แยกขยะแต่ละประเภททุกครั้งก่อนทิ้งลงถังเพื่อให้ง่ายต่อการคัดแยกขยะก่อนนำไปกำจัดหรือใช้ประโยชน์ต่อไป ซึ่งขยะบางชนิดสามารถนำมาใช้ใหม่ได้และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ เช่น กระป๋องอะลูมิเนียม เศษกระดาษ ขวดแก้ว ขวดนม เป็นต้น นอกจากนี้ขอให้ทุกคนทิ้งขยะลงถังที่จัดวางไว้ตามที่สาธารณะและสถานที่ต่างๆ ไม่ทิ้งลงแม่น้ำลำคลองหรือท่อระบายน้ำ จะช่วยแก้ปัญหาขยะได้อีกทางหนึ่ง

Verified by ExactMetrics