วันที่ 11 พฤษภาคม 2024

“บิ๊กตู่”ไม่ตื่น! ถูกสหรัฐฯตัดจีเอสพี ยันเป็นเรื่องกม.แต่ละประเทศ

People Unity : “บิ๊กตู่”ไม่ตื่น! ถูกสหรัฐฯตัดจีเอสพี ยันเป็นเรื่องกม.แต่ละประเทศ ระบุยังมีเวลาหารือกันอีก 6 เดือน

เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ไบเทค บางนา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดงานมหกรรมแสดงเทคโนโลยีดิจิทัลระดับชาติ ถึงกรณีสหรัฐอเมริกาตัดจีเอสพีสินค้าไทยว่า เป็นเรื่องของสหรัฐฯ เป็นเรื่องของกฎหมายใคร ก็กฎหมายเขา ซึ่งมีการทำงานของหน่วยงานเขา ของเราก็มีของเรา ตนจึงไม่อยากให้ไปคาดเดาว่า ตัดตรงนี้เพราะอะไร อย่างไร ทั้งนี้ รัฐบาลทราบมาอยู่แล้วว่า จะมีปัญหาตรงนี้ ที่ผ่านมาก็แก้ปัญหามาโดยตลอด กระทรวงพาณิชย์ ก็ได้มีการเจรจา ต่อรองเยอะแยะ โดยข้อสำคัญ เราเจรจาอย่างเดียวไม่ได้ เราก็ต้องแก้ไขปัญหาภายในของเราด้วย โดยเฉพาะเรื่องของปัญหาแรงงาน เราจะต้องไปดูว่าเราทำได้มากน้อยแค่ไหน บางอย่างมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับในประเทศของเรา ทั้งคนของเรา แรงงานของเรา แรงงานต่างด้าวในประเทศ ซึ่งเราพยายามเดินหน้าเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ฉะนั้นวันนี้ จะคาดเดาไม่ได้ เหมือนเขาก็คาดเดาเราไม่ได้เหมือนกัน ว่าเราจะทำอะไรต่อไป จึงขึ้นอยู่กับกติกา มันอยู่ตรงไหน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กติกาของเรา ก็ทราบอยู่แล้วในหลายเรื่องด้วยกัน วันนี้อยากจะบอกว่า คงไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องตื่นตระหนก หรือว่ากล่าวให้ร้ายกันไปมา มันไม่เกิดประโยชน์ และเท่าที่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงมา คิดว่าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จะเห็นว่ารัฐบาลก็ได้ทำมาโดยตลอด เพียงแต่ระยะเวลาที่ดำเนินการมา ได้ทำหลายอย่างด้วยกัน โดยเฉพาะกฎหมายแรงงานคือปัญหาหลักของเรา ถ้าเราทำตามเขามากๆ เราจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่ากับเราเอง ฉะนั้น เราต้องลดทั้งปัญหาภายใน และภายนอกไปด้วยกัน

นายกฯกล่าวว่า วันนี้เท่าที่ได้ฟังตัวเลขต่างๆ เป็นจำนวนไม่มากนัก ทั้งหมด 500 กว่ารายการ เราใช้ไปประมาณ 300 กว่ารายการ อีก 100 กว่ารายการเราก็ไม่ได้ใช้ของเขา สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้ เราต้องตื่นตัว ภาคเอกชนก็ต้องตื่นตัวไปด้วยในการพัฒนา รวมถึงการดูแลแรงงานในประเทศไทยด้วย รัฐบาลไม่ได้ลงไปข้างล่าง แต่ก็จะใช้กฎหมายในการตรวจตรา บังคับจับกุม ฃเป็นเรื่องของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ก็เดินหน้าปรึกษากันในเรื่องนี้

“ทุกคนต้องมาแก้ปัญหาร่วมกัน เราถ้าไปว่าคนนู้น เดี๋ยวคนนู้นก็ว่ากลับมา ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เราต้องแก้ และมีการส่งผู้แทนไปเจรจามาโดยตลอดในทุกเรื่อง ช่วงที่ผ่านมาเราเจรจามาก ในหลายเรื่องที่เป็นปัญหาในอดีต เขาคุยกันหมดแล้ว แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ประเทศเขาจะยินยอมแค่ไหน”นายกฯกล่าว

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีเวลาอีก 6 เดือน เราก็ต้องหาวิธีการพูดคุยกันต่อไป ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ เพราะเป็นกฎหมายของเขา อย่าให้เป็นปัญหาทางการเมือง และอย่าพูดให้ทุกอย่างมันเลวร้ายไปกว่าเดิม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ต้องมีอยู่ คู่ค้าสำคัญของเราเหมือนกัน จะบอกว่าอย่างนู้น อย่างนี้ไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายของเขา แต่จะทำอย่างไรให้ร่วมมือกันได้ หยุดเถอะเรื่องพวกนี้ ไม่เกิดประโยชน์หรอก มันจะเสียหายมากกว่าเดิม

เมื่อถามว่า ถึงอย่างไรเราก็จะยึดกฎหมายเรา ไม่โอนอ่อนผ่อนตามใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “กฎหมายเรา โอนอ่อนผ่อนตามใคร ตรงนั้นเป็นกฎหมายระหว่างประเทศ หรือกฎหมายกับประเทศมหาอำนาจ เราก็ต้องดีลกัน ว่าจะทำอย่างไร บางอันเป็นกฎหมายพหุภาคีเกี่ยวข้องกับหลายประเทศด้วยกัน บางอันเป็นกฎหมายทวิภาคี กฎหมายเขา กฎหมายเรา จะเชื่อมโยงกันได้อย่างไร แต่ถ้าเขาตั้งกฎเกณฑ์ไว้สูง เราก็ลำบากหน่อย เพราะเรากำลังพัฒนาเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งเรื่องนี้โดนกันหลายประเทศ อย่างอินโดนีเซีย ก็ต้องดูว่าเราเสียประโยชน์เท่าไหร่ เราเสียภาษีเพิ่มขึ้นมาประมาณ 50 ล้านเหรียญ

เมื่อถามว่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนต้องคุยกันอยู่แล้ว เมื่อถามว่า รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่าทางสหรัฐฯ จะมีท่าทีเช่นนี้ออกมา ได้มีการเตรียมมาตรการไว้แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มัน 9 ปีมาแล้ว ซึ่งสิทธิประโยชน์ทุกอย่างเราก็ต้องมาดู เอามาทบทวนหมด เพราะทุกอย่างเรากำลังโตขึ้น เมื่อโตขึ้น ก็มีตัดสิทธิพิเศษเหล่านี้ เช่นประเทศกำลังพัฒนา ประเทศที่ยังไม่ได้พัฒนา เขาให้สิทธิตรงนั้นมา 9 ปีแล้ว ถ้าเขาตัดสิทธิอย่างนี้ เราโตเกินไปหรือไม่ โตเร็วแล้วใช่ไหม รายได้ต่อหัวของประชากรสูงขึ้นใช่หรือไม่ และต้องดูจีดีพีของเราด้วย เพราะเขาดูตรงนี้

“ผมคิดว่าเราคุยกันได้ อะไรที่เป็นสิทธิประโยชน์ วันนี้เขาคืนมา 7 อย่างไม่ใช่หรือ ของเก่ามีตั้ง 500 กว่ารายการ เราใช้ไปแค่ 300 กว่ารายการ ส่วนที่เหลือไม่ได้ใช้ แล้วมูลค่าเหล่านี้ก็ไม่มากนัก แต่ข้อสำคัญต้องไปดู ว่าสินค้ามีความเสี่ยงสูง ความเสี่ยงปานกลาง ความเสี่ยงน้อยจะไปแก้กันอย่างไร จะดีลกันอย่างไร ขณะเดียวกัน ยังไงเราก็ต้องคบค้าสมาคมกันต่อไป มีการแลกเปลี่ยนซื้อของซึ่งกันและกัน บางทีการเมืองกับเศรษฐกิจมันก็เกี่ยวข้องกันหมด เราก็อย่าให้มันแย่ลงไปก็แล้วกัน อย่าไปยึดโยงกับอย่างอื่นแล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ภูมิใจไทยตื่น! “อนุทิน-ศักดิ์สยาม”ยันพร้อมแจงศึกซักฟอก

People Unity : ภูมิใจไทยตื่น! “อนุทิน-ศักดิ์สยาม”ยันพร้อมแจงศึกซักฟอก ชี้เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ชี้แจงผลงานที่ทำ ขณะที่ รมว.ศธ. ขอ กมธ.งบประมาณ กรุณาอย่าตัดงบดูแลสุขภาพประชาชน เผย 1 ธันวาฯ ดีเดย์พัฒนาศักยภาพโรงพยาบาล

วันที่ 28 ต.ค.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่น่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนธันวาคมนี้ ว่า รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยทุกท่านมีความมั่นใจ ได้คุยกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการคมนาคมและเลขาธิการพรรค มั่นใจว่ารัฐมนตรีของพรรคทุกท่านมีความพร้อม เพราะต้องเตรียมตัวอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นการทำงานในระบอบประชาธิปไตย มันต้องมีการตรวจสอบ คนเป็นรัฐมนตรีต้องตอบคำถามให้ได้

เมื่อถามว่าเป็นการอภิปรายที่เร็วไปหรือไม่ เพราะเพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือน นายอนุทิน กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่ทำงาน ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบ ต่างคนต่างหน้าที่ ถ้าหากเขาไม่ทำหน้าที่ ก็เหมือนเขาละเลยงาน ส่วนในฝ่ายที่ทำงาน ถ้าทำถูกต้อง ทำอย่าซื่อสัตย์ มันต้องมีตัวเลข ข้อมูลมาชี้แจง

“รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่ได้หวั่นไหวกับเรื่องการอภิปรายที่จะเกิดขึ้น เพราะถ้าไม่โกงเสียอย่าง ก็ย่อมไม่มีปัญหาอะไร”

ขอ กมธ.งบประมาณ กรุณาอย่าตัดงบดูแลสุขภาพประชาชน

นายอนุทิน ได้โพสต์เฟซบุ๊ค “อนุทิน ชาญวีรกูล” ถึงแนวทางการพัฒนา และปัญหาในระบบให้บริการด้านสุขภาพ ว่า บริการประชาชน คือ งานของเรา ประชุม ระดมสมองหาแนวทางพัฒนาห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล สร้างมาตรการ และมาตรฐานบริการประชาชน จาก ประสบการณ์ทุกๆ ฝ่าย ที่เกี่ยวข้อง แพทย์ บุคลากรสาธารณสุข ผู้ป่วย และ ญาติผู้ป่วย เริ่มต้นวันที่ 1 ธันวาคม นี้ ปรับปรุงศักยภาพ 21 โรงพยาบาล ก่อน ตามงบประมาณที่มี แล้วรองบประมาณปี 2563 ออกมา เพื่อจะพัฒนาให้ได้มากที่สุด

ปัญหาสำคัญ ประการหนึ่ง ของห้องฉุกเฉิน คือ ประชาชนผู้ใช้บริการ ยังแยกแยะไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจคำว่า ฉุกเฉิน เกือบทุกคนรู้สึกฉุกเฉินกันทั้งหมด แต่บางราย ทางการแพทย์ ยังไม่จัดว่าฉุกเฉิน ส่งผลให้คนไข้ไม่ฉุกเฉิน ล้นห้องฉุกเฉิน และกระทบกระทั่งกันระหว่างญาติผู้ป่วย กับ เจ้าหน้าที่ อยู่บ่อยครั้ง

ปัญหาสำคัญที่สุด คือ งบประมาณยังไม่เพียงพอ ทั้งบุคลากร อาคารสถานที่ เครื่องมือ และ ระบบการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย ทั้ง รถพยาบาล และ Telemed
ต้องขอความกรุณาท่านกรรมาธิการพิจารณาแปรญัตติร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ได้โปรดเห็นใจ และ เข้าใจความจำเป็นของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีหน้าที่ช่วยชีวิตของพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน และ ดูแลสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ โปรดอย่าตัด และ อยากจะขอเพิ่ม ด้วย ขอขอบคุณล่วงหน้า มา ณ ที่นี้

รมว.คมนาคม พร้อมแจงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ชี้แจงผลงานที่ทำ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคมตอนนี้รอฟังข้อมูล เพราะยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องใด ขณะนี้ยังเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนตัวพร้อมตอบทุกประเด็น ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเหมือนกันว่า มีเรื่องอะไรที่ตนเองทำเพื่อเอื้อประโยชน์กับใคร

“ก็ดี ผมจะได้ชี้แจงให้หมดว่าทำอะไรไปบ้างแล้วถ้ามองในแง่ดี ผมก็จะได้พูดเพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้พูดถึงภาพรวมเป็นฝั่งชี้แจงเสียมากกว่า หรือไม่แน่ ฝ่ายค้านอาจจะมองว่าผมทำงานมากเกินไป” นายศักดิ์สยาม กล่าว

“ธนาธร”ชูฮก”จีน”พัฒนาก้าวกระโดดเพราะมีเทคโนโลยี

People Unity : “ธนาธร” ขึ้นเวที ส.สื่อไทย-จีน ยกบทเรียน “จีน” พัฒนาก้าวกระโดดได้เพราะมีเทคโนโลยีของตัวเอง-กระจายอำนาจ- ตลาดภายในขนาดใหญ่ ชงพัฒนานโยบายอุตสาหกรรมอาเซียน​สร้างตลาดภายในภูมิภาค

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 28 ตุลาคม​ 2562 ที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ นายธนาธร จึง​รุ่งเรือง​กิจ​ หัวหน้า​พรรค​อนาคต​ใหม่​ ร่วมวงเสวนา “เปิดมุมมอง​ ปรับความคิด​ ความร่วมมือ​ไทย-จีน” จัดขึ้นโดยสมาคมนักข่าวไทย-จีน ในโอกาสครบรอบ 70 ปีจีนใหม่ โดยผู้ร่วมวงเสวนาประกอบไปด้วยตัวแทน​จากภาคธุรกิจ​ นักกฎหมาย​ และภาคการเมือง ทั้งชาวไทยและชาวจีน โดยเริ่มต้น​ได้เล่าถึง​ประสบการณ์​การทำงานในภาคธุรกิจและการได้ไป​ลงทุน​ใน​ประเทศ​จีน​ นายธนาธร กล่าวว่า ตลอด​การทำงาน​ที่​ผ่าน​มา ตนได้​เดินทางไปจีน​มาแล้ว​มากกว่า 40 ครั้ง ครั้งแรกที่เดินทางไปเซ็นสัญญาทำธุรกิจ​คือปี 2006 แต่โชคร้ายเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ​เสียก่อน​จึงได้ชะลอ​ไป จนได้กลับไป​อีกครั้งในปี 2008 นับตั้งแต่ได้ไปลงทุนมาจนถึงวันนี้ บริษัทที่ตนเคยบริหารมีฐานการผลิตถึง 3 แห่ง ที่ซูโจว ฟุเจี้ยน และกวางตุ้ง ใน 3 โรงงานมีพนักงานคนไทยที่เป็นผู้บริหารโรงละ 3-5 คน ส่วนตนเองได้มีโอกาสไปปีละมาณ 4-5 ครั้ง รู้จัก​เจ้าหน้าที่ๆ ดูแล​มณฑล ลูกค้าบริษัทต่างชาติ มีพันธมิตรมากมาย เม็ดเงินลงทุนวันนี้น่าจะตกประมาณ 4 พันล้านบาท ลงทุนในสินค้าไฮเอนด์ บางตัวเป็นเทคโนโลยีที่เราไม่เคยใช้มาก่อน

นายธนาธร กล่าวต่ออีกว่า บริษัทในจีนเองมีการส่งเสริมธุรกิจจากประเทศไทยหลายอย่าง การผลิตสินค้าในจีนขึ้นชื่อในเรื่อง​ ถูก, เร็ว, ดี หลายผลิตภัณฑ์ในช่วงเศรษฐกิจดีเรานำเข้าสินค้าจากจีนกว่า 300 ล้านบาท บางสิ่งเราไม่มีเรานำเข้าจากจีน บางอย่างจีนไม่มีเราก็นำไปลงทุน ตนเห็นว่ายังมีโอกาสอีกมากที่บริษัทจีนจะมาสร้างเสริมความสัมพันกับบริษัทไทยให้ก้าวไกลได้ ทั้งนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มีสิ่งที่เราควรเรียนรู้จากจีนอยู่​ 2-3 ข้อ​ ประเด็นแรก คือการก้าวข้ามจากประเทศกำลังพัฒนาหรือการก้าวพ้น​จากกับดัก​ประเทศ​รายได้​ปานกลางเป็นประเทศพัฒนาแล้ว สิ่งที่สำคัญมากคือ จะต้องมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ถ้าเรายังไม่สามารถสร้างเทคโนโลยีในประเทศไทย​ได้เอง เราจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านกับดักรายได้​ปานกลางได้เลย

“ประเด็นต่อมา คือ ปัจจัยความสำเร็จที่​คนไทยยังไม่ค่อยมองเห็น เรื่องกระจายอำนาจ​ แต่ละมณฑลของจีนสามารถบริหารจัดการตัวเองได้ สำนักงานใหญ่ของบริษัทต่างๆ ไม่ได้ถูกรวมศูนย์ที่ปักกิ่งอย่างเดียว หลายๆ บริษัท​ใหญ่​มีสำนักงาน​ใหญ่​อยู่​ที่ต่างจังหวัด ความเป็นอิสระของแต่ละมณฑลทำให้การพัฒนาไม่ถูกรวมศูนย์​ เกิดการกระจายรายได้กระจายงานไปสู่แต่ละมณฑล ถ้าเรามองย้อนไปยังรูปแบบการพัฒนาของจีน จะเห็นว่าในช่วง 20 ปีแรกการพัฒนาถูกเน้นหนักไปทางจังหวัดชายฝั่งภาค​ตะวันออกเสียส่วนใหญ่ แต่ระยะหลังก็เริ่มมีการพัฒนากระจายไปสู่ทางตะวันตกเป็นหลัก​ นี่คือสิ่งที่ตนอยากเห็น คือการพัฒนาเอางานเอาความมั่งคั่งไปยังต่างจังหวัดให้มากขึ้น” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวว่า อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือบทเรียนสำหรับประเทศ​อาเซียน​ ส่วนหนึ่ง​ที่​จีน​สามารถ​เติบโต​ได้​ขนาดนี้ ก็เพราะจีนมีตลาดภายในที่ใหญ่มาก นโยบายอุตสาหกรรม​ของ​จีน​ก็สอดรับกับความ​ต้อง​การ​ เมื่อย้อนกลับ​มา​ดู​อาเซียน​ จะเห็นได้ว่าต่างคนต่างมีการผลิต​แข่งกันเอง ไม่เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าภายใน ซึ่งตนคิดว่าในอนาคตเราจำเป็นจะต้องมีนโยบายอุตสาหกรรมในระดับอาเซียน ต้องมีการค้าภายในอาเซียนที่เยอะขึ้น ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้ การเมืองระดับประเทศและกฎหมายของแต่ละประเทศ​จะต้องไปด้วยกัน

นายธนาธร ทิ้งท้ายว่า ขณะที่ตนชื่นชมในความสำเร็จของ​จีน​ แต่ตนก็มีข้อที่ต้องวิจารณ์​ด้วย​เช่นกัน​ แน่นอนว่าในฐานะประเทศ ไม่ว่าจะจีน รัสเซีย อินเดีย​ อียู สหรัฐอเมริกา​ ฯลฯ​ เราต้องรักษาความสัมพันธ์​ที่ดีเอาไว้​ การที่จีนขึ้นมามีบทบาทนำเป็นเรื่อง​ที่น่ายินดี​ เราไม่สามารถเพิกเฉยกับจีนและอาเซียนได้ แต่เราจะไปฝากความหวังไว้กับเสาต้นใดต้นหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นโลกทั้งโลกควรจะยินดีการเข้ามามีบทบาทของจีน แต่ก็มีสิ่งที่จีนควรจะพัฒนาปรับปรุง นั่นคือการเติบโตของจีนต้องควบคู่ไปกับการเป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบด้วย เช่น นโยบายการอุดหนุน​สินค้าจีนให้ส่งออกได้อย่างเต็มที่ เรื่องนี้จีนเองก็ควรจะต้องค่อยๆ เปิดให้มีความโปร่งใส ไม่ควรอุดหนุนมากเกินไปจนทำให้ประเทศคู่​ค้า​เสียเปรียบ​ ไม่​ใช่ว่าจีน​ไปลงทุนในประเทศ​อื่นได้หมด แต่มีข้อจำกัดในการเปิดให้ประเทศอื่นเข้าไปลงทุน ต้องแฟร์ คือปฏิบัติ​ต่อ​ประเทศอื่นอย่างเท่าเทียมกันด้วย

“เพื่อไทย”เผยรัฐเตรียมมอบกองทัพทำถนนพาราซอยหวั่นซ้ำรอยงบขุดลอกคูคลอง

People Unity : พลโทภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย หวั่นซ้ำรอยงบขุดลอกคูคลอง เผยรัฐเตรียมมอบกองทัพทำถนนพาราซอย

วันที่ 28 ตุลาคม 2562 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากสภาวะปัญหายางพารา ที่มีราคาตกต่ำลง รัฐบาลมีนโยบายนำยางพารามาใช้เป็นวัสดุในการก่อสร้างทางหรือพื้นผิวจราจร โดยมีหลายภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ โดยการส่งเสริมการใช้พาราซอยซีเมนต์ ช่วงที่ผ่านมากระทรวงกลาโหม มีการนำน้ำยางข้นประมาณ 17,913 ตันไปทำถนนพาราซอยซีเมนต์ และสระเก็บน้ำ วงเงินงบประมาณทั้งหมดประมาณ 2,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณฉุกเฉินเพื่อแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ หวังดูดซับผลผลิตน้ำยางที่ออกสู่ตลาด เชื่อมั่นว่าจะสามารถทำให้ชาวสวนยางที่ขายน้ำยางสด มีรายได้เพิ่มมากขึ้นและกระตุ้นเศรษฐกิจภาคครัวเรือน

อย่างไรก็ตามผลการดำเนินการที่ผ่านมาประชาชนในหลายพื้นที่ ร้องเรียนกับส.ส.ของพรรคว่า ถนนพาราซอยซีเมนต์ที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของกองทัพ ใช้งานได้ไม่สมบูรณ์พอ งานที่ดำเนินการไม่เกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ไม่กระจายรายได้สร้างงานในพื้นที่

พลโทภราดร กล่าวด้วยว่า มีรายงานข่าวออกมาว่าในปีงบประมาณ 2563 รัฐบาลเตรียมก่อสร้างถนนพาราซอยซีเมนต์อีกทั่วประเทศภายใต้งบประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้มีรายงานว่ารัฐบาลเตรียมมอบหมายให้กองทัพบกรับผิดชอบโครงการดังกล่าว

การดำเนินการในรูปแบบเดิมๆ หวั่นจะเกิดข้อครหาเช่นเดียวกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกฯ ที่รัฐบาลคณะรักษารักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.อนุมัติงบประมาณกว่า 4,800 ล้านบาท ให้องค์การทหารผ่านศึก ดำเนินการขุดคลองทั่วประเทศเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ผลออกมามีการร้องเรียนเรื่องทุจริตเป็นจำนวนมาก ทั้งเรียกรับเงิน หักค่าหัวคิว จนผู้รับเหมาทิ้งงานในหลายจังหวัด จนสุดท้ายกระทรวงการคลังต้องยกเลิกสิทธิพิเศษในที่สุด

“การดำเนินการถนนพาราซอยซีเมนต์เป็นเรื่องที่ดี แต่ควรให้บริษัทเอกชนที่มีความรู้ความสามารถดำเนินการดีกว่า เพราะเงินงบประมาณจะได้กลับไปสู่ท้องถิ่นจากการจ้างงานคนในพื้นที่ ซึ่งดีกว่าให้หน่วยงานทหารที่เงินก็ไม่กระจายและไม่เกิดการจ้างแรงงานในพื้นที่แต่อย่างใด”พลโทภราดร กล่าว

“อนุทิน”อัดพวกเสียประโยชน์แบน 3 สารพิษ มโนโยงสหรัฐฯตัดจีเอสพีการค้าไทย

People Unity : “อนุทิน”ยันไทยถูกตัดจีเอสพีไม่เกี่ยวเรื่องแบน 3 สารพิษ อัดพวกเสียประโยชน์มโนบิดเบือน ย้ำจุดยืนหนุนมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย

วันที่ 28 ต.ค.2562 กรณีที่ประเทศไทยถูกสหรัฐฯ ตัดสิทธิพิเศษทางการค้า ซึ่งมีบางฝ่ายเชื่อมโยงว่ามีสาเหตุมาจากที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติแบน 3 สารพิษนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ฝ่ายที่เสียหาย ก็มโนไปเรื่อย หาทางบิดเบือนให้ฝ่ายตนได้ประโยชน์ ทั้งที่การตัดสิทธิ์นั้น ทางนั้นจะจัด จะให้เมื่อไร ตอนไหนก็ได้ ล่าสุด อ้างเหตุผลเรื่องสิทธิมนุษยชน ก็ต้องไปดูว่ามีข้อเท็จจริงแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ ก็ต้องอธิบาย สำหรับคนไทย ก็ต้องเชื่อมั่นใจสินค้าไทย โดนตัดสิทธิ์ ก็บริโภคกันเอง ส่งขายตลาดอื่น ถ้าของเราดี ย่อมไม่ต้องกังวล ทางด้านสหรัฐฯเอง ก็ต้องได้รับผลกระทบเหมือนกัน เขาขึ้นภาษีของไทย ของก็ต้องแพงขึ้น เดี๋ยวผู้บริโภคในสหรัฐฯ ก็ส่งเสียงมาเอง

เมื่อถามถึงโอกาสในการเปลี่ยนมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข เรายืนยันมติเดิม ที่ให้ตัวแทนของกระทรวงไปแสดงจุดยืนในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ทั้งนี้แม้ทางสหรัฐฯ จะอ้างผลการวิจัยว่าสารบางตัวที่ถูกแบนไม่มีอันตราย แต่ที่ตนเห็นด้วยตาคือแผลที่เน่าจนจะเห็นกระดูก การขึ้นป้ายสนับสนุนการแบนสารพิษของโรงพยาบาล อันเกิดจากการตระหนักถึงอันตรายของสารพิษ ให้คนไทยใช้และกินของดีๆ มิได้หรือ

“ในส่วนของคณะกรรมการวัตถุอันตรายตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติมีมานานแล้ว ไม่ใช่การรวมกลุ่มเฉพาะกิจเพื่อแบนสารพิษ แต่การโหวตเกิดจากการศึกษาข้อมูลมาอย่างดี เมื่อคณะกรรมการมีมิตอย่างไร ก็เป็นกฎหมาย ว่าไปตามนั้น ยิ่งคะแนนฝ่ายแบนขาดลอย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว หรือจะให้กลับมติ แล้วจะมีคณะกรรมการวัตถุอันตรายไว้ทำไม”

“เศรษฐพงค์”ยัน”ภท.-รัฐบาล”ทำงานมีเอกภาพ

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนว่าเขาตัดจีเอสพี เพราะการแบนด์ 3 สารพิษ เนื่องจากเขาให้เหตุผลว่าเพราะรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยยังไม่สามารถยกระดับสิทธิแรงงานให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล ซึ่งไม่ว่าเขาจะตัดสินใจด้วยเหตุผลใด ตนต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่าที่เราผลักดันการแบนด์ 3 สารพิษได้สำเร็จ เป็นเพราะการทำงานอย่างเป็นเอกภาพของรัฐบาล เราเห็นชัดเจนว่าสารดังกล่าว มีผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยจริงๆ แล้วในเมื่อพรรคภูมิใจไทย มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบโดยตรง ทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว. สาธารณสุข รวมถึงน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ ก็ต้องทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน แล้วเมื่อเราผลักดันสำเร็จ ก็ถือเป็นความสำเร็จของรัฐบาลเช่นกัน ที่ได้ทำเรื่องที่ดีเพื่อชีวิตในอนาคตของประชาชนคนไทย และพรรคภูมิใจไทยยังจะยืนยันหลักการทำงานเพื่อชีวิต ความเป็นอยู่ เพื่อปากท้องพี่น้องประชาชนต่อไป

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนการที่มีบางประเทศจะตัดสิทธิจีเอสพีนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เรื่องดังกล่าวตนขอพูดในหลักการโดยไม่เจาะจงไปยังประเทศใดประเทศหนึ่ง ว่าหลักการบริหารประเทศในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ก่อนอื่นเลยประเทศยักษ์ใหญ่ไม่ควรใช้วิธีการในเชิงแทรกแซง หรือกดดันการบริหารงานของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศที่เล็กกว่า มีศักยภาพน้อยกว่า แต่ควรให้ความเคารพในการบริหารงานของประเทศไทย ที่ผ่านมาเมื่อประเทศไทยตกอยู่ในภาวะอ่อนไหวทางการเมืองหลังการรัฐประหาร อยู่ในวิกฤต ก็ไม่เห็นประเทศยักษ์ใหญ่ยื่นมือเข้ามาช่วยอะไร มาถึงตอนนี้เมื่อไทยดำเนินการเพื่อประโยชน์ เพื่อคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี ตนจึงอยากเห็นการสนับสนุนจากประเทศยักษ์ใหญ่ เพราะจะเป็นท่าทีที่ชี้ว่าเห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่า ตนคิดว่าเรื่องที่มีผลกระทบชีวิตประชาชนไม่ควรนำมาเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบกัน ซึ่งการบริหารงานเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต้องรู้จักได้ รู้จักเสีย

“ผมหวังว่าการแบนด์ 3 สารพิษ จะไม่ใช่เหตุผลหลักในการตัดจีเอสพีประเทศไทย แต่ถึงอย่างไรประเทศไทยเราก็ขอยืนยันว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกทำอะไรสักอย่าง เราก็จะเลือกทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตพี่น้องประชาชนมาก่อนเป็นลำดับแรก เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด” พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าว

“อุ๋ม” ร่วมฉลองวันเกิด “แอฟ ทักษอร” มอบทุนเด็กเยาวชนเขตบางซื่อ-ดุสิต

People Unity : “อุ๋ม ธณิกานต์” ร่วมฉลองวันเกิด “แอฟ ทักษอร” มอบทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนในเขตบางซื่อ-ดุสิต

วันที่ 28 ต.ค.2562 น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเขตบางซื่อ-ดุสิต  พรรคหลังประชารัฐ และ” แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” ดารานักแสดงชื่อดัง ร่วมเป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษา จำนวน 23 ทุน พร้อม อุปกรณ์การเรียน และอุปกรณ์กีฬา แก่นักเรียนเรียนดี ประพฤติดี และยากไร้ คัดเลือกโดยฝ่ายการศึกษา สำนักงานเขตบางซื่อ และเครือข่ายประธานชุมชน มีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมทั้งหมด 92 คน

น.ส.ธณิกานต์ กล่าวว่า งานในวันนี้เกิดขึ้นจาก คุณแอฟ ทักษอร ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท มีความตั้งใจที่จะทำบุญฉลองวันเกิด ร่วมสร้างสังคมแบ่งปัน ประสงค์จะมอบทุนการศึกษาและอุปกรณ์การเรียนแก่เด็กและเยาวชน เพราะเราเห็นตรงกันในเรื่องความสำคัญของการศึกษา อันเป็นรากฐานของการพัฒนาสังคมและประเทศอย่างยั่งยืน สามารถนำสู่การประกอบอาชีพ ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ เพื่อดูและตัวเองและคนรอบข้างได้ ดังนั้นจึงอยากเป็นอีกแรงในการสนับสนุน โดยมอบทุนทรัพย์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กๆและเยาวชนให้ดีขึ้น ยกระดับคุณภาพสังคมและประเทศชาติต่อไป

โดยวันนี้ได้ทีมงานผู้ช่วย ส.ส. พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางซื่อ และคณะครู ในฐานะเจ้าบ้านและเจ้าของพื้นที่ ร่วมนำกิจกรรมสร้างความสุขให้กับน้องๆนักเรียน บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยรอบยิ้มและความสนุกสนาน

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากร่วมสนับสนุน โครงการ “สังคมแบ่งปัน” ช่วยเหลือแบ่งปันทุนทรัพย์หรือองค์ความรู้แก่เด็กและสตรี หรือพร้อมสนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ด้านอื่นๆ #เขตบางซื่อดุสิต ยินดีต้อนรับทุกท่าน สามารถติดต่อส.ส.อุ๋มและทีมงาน ได้ที่ Line @oumthanikan (มี @ ข้างหน้าด้วยค่ะ) หรือ โทร. 065-694-2245

กมธ.งบฯ63 เตรียมถกปม”ธนาธร”ไทยโดนตัดสิทธิ์ GSP

People Unity : “วิรัช”เผยกมธ.งบฯ63 เตรียมถกประเด็นสถานะ “ธนาธร” เย็นนี้ เตรียมคุยปัญหาตัดสิทธิ์ GSP กับกระทรวงพาณิชย์

วันที่ 28 ต.ค.2562 นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 กล่าวถึงการประชุมวันนี้ว่า เป็นการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนอกจากการพิจารณาเกี่ยวกับงบประมาณแล้ว ก็จะมีการสอบถามกรณีประเทศสหรัฐอเมริกาตัดสิทธิพิเศษทางภาษี หรือ GSP ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์โดยตรง

สำหรับสถานะของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการ ที่ศาลสั่งไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. นายวิรัชกล่าวว่า ถ้าดูเบื้องต้น นายธนาธรสามารถลงชื่อและร่วมออกความเห็นในที่ประชุมได้ ส่วนบทบาทอื่นๆ ต้องรอความชัดเจน โดยหลังจากการพิจารณางบประมาณกระทรวงพาณิชย์แล้ว ในช่วงเย็น นายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมาธิการฯ ก็จะเดินทางมาเป็นประธานที่ประชุมเพื่อหารือเรื่องนี้ร่วมกัน และเป็นหน้าที่ของประธานกรรมาธิการที่จะทำหนังสือหารือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร หากต้องการให้มีการวินิจฉัยสถานะของนายธนาธร แต่ไม่สามารถตอบแทนนายอุตตมได้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะต้องมีการหารือกันในที่ประชุม

นายวิรัช เปิดเผยด้วยว่า นอกจากการพิจารณาเกี่ยวกับงบประมาณของกระทรวงพาณิชย์แล้ว กรรมาธิการยังต้องมีการหารือกันถึงกรอบเวลาการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ เพื่อให้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด พิจารณาไม่น้อยกว่า 280 ชั่วโมง โดยสิ้นสุดภายในวันที่ 27 ธันวาคมนี้

“ธนาธร”ไม่หวั่น! สมาชิก “อนค.” เตรียมลาออก ทำใจมีเข้าออกเป็นสัจธรรม

People Unity : “ธนาธร-ปิยบุตร” พบพนักงานอัยการคดีวิจารณ์พลังดูด -ดูหมิ่นศาล ขอสังคมติดตามด้วยใจเป็นธรรม 20 กว่าคดี “อนาคตใหม่” เพราะผิด กม.จริง หรือขัดใจผู้มีอำนาจ? ไม่หวั่นสมาชิกพรรคเตรียมลาออกเป็นสัจธรรมมีเข้าออก

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม เวลา 09.00น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานอัยการ เพื่อฟังคำสั่งในคดีที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 จากกรณีจัดรายการผ่านเฟซบุคไลฟ์วิจารณ์พลังดูดของรัฐบาล คสช. ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานอัยการได้มีคำสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาทำความเห็นกลับมา ว่าจะยืนยันฟ้องต่อหรือไม่ หากยืนยันสั่งฟ้องตามสำนวน ก็จะต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาต่อไป พร้อมกันนี้ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ก็ได้เดินทางมาพบพนักงานอัยการเช่นเดียวกัน ในคดีที่กองบังคับการปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ปอท.) ได้ยื่นฟ้องนายปิยบุตรในข้อหาดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีแถลงข่าววิจารณ์การยุบพรรคไทยรักษาชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพบพนักงานอัยการ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หัวหน้าทีมทนายความของทั้งสองคน ระบุว่า จากการพบพนักงานอัยการวันนี้ ในส่วนคดีของนายธนาธร ล่าสุดปรากฏว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงไม่ทำความเห็นกลับมา โดยพนักงานอัยการจะนัดนายธนาธรมาพบอีกครั้งในวันที่ 2 ธันวาคม 2562 ซึ่งหากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเห็นด้วยกับอัยการก็จบ หากมีความเห็นยืนยันสั่งฟ้อง ก็จะเป็นการพิจารณาของพนักงานอัยการต่อไป ส่วนคดีของนายปิยบุตรนั้น วันนี้เป็นวันที่ ปอท.ต้องนำส่งตัวให้สำนักงานอัยการสูงสุด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเห็นฟ้องเพียงข้อหาดูหมิ่นศาล ตาม ป.อาญา มาตรา 198 แต่ไม่ฟ้องในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งพนักงานอัยการจะขอนัดเพื่อฟังคำสั่งในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 โดยในคดีนี้ ทางทีมทนายความจะยื่นร้องขอความเป็นธรรมในการสอบพยานเพิ่มเติม เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่ได้มีการสอบพยานเพิ่มเติมในส่วนของผู้ถูกร้องตามที่ได้ขอไปตั้งแต่ต้น

ด้าน ปิยบุตร กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน ตนอยากเรียนให้ทราบว่าคดีต่างๆ ที่พรรคอนาคตใหม่โดนฟ้องรวมๆ 20 กว่าเรื่องในขณะนี้ ทุกคนคงวิเคราะห์กันได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ทั้งๆที่เรายังไม่ได้มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินเลย แต่กลับมีความคิดความเชื่อเต็มไปหมดว่าจะถูกยุบพรรค ตัดสิทธิ จำคุก ฯลฯ ทำให้ตนต้องขอถามกลับไปตรงๆ ว่าทุกคนรู้สึกว่าพรรคอนาคตใหม่ทำผิดกฎหมายจริงๆ หรือ หรือว่าเพียงเพราะมีแนวทางที่ผู้มีอำนาจไม่สบายใจจึงต้องโดนกระทำเช่นนี้ อย่างในกรณีหุ้นสื่อที่นายธนาธรโดนอยู่ในตอนนี้ ท้ายที่สุดแล้วรัฐธรรมนูญมาตรานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อมิต้องการให้ ส.ส.หรือรัฐมนตรีมีอิทธิพลในการครอบงำสื่อ นี่คือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้น ต้องดูว่ากิจการที่ถือหุ้นนั้นเป็นสื่อหรือไม่ และการถือหุ้นนั้นมีมากน้อยเพียงใดถึงขั้นมีอิทธิพลครอบงำสื่อ แต่ บริษัท วี-ลัค มีเดีย ไม่ได้เป็นสื่อมวลชน เป็นเพียงบริษัทที่รับจ้างผลิตรูปเล่ม ไม่ได้กำหนดเนื้อหา และก็ปิดกิจการเรียบร้อย และนายธนาธรก็ได้โอนหุ้นไปหมดตั้งแต่ 8 มกราคม แต่นายธนาธรกลับถูกเล่นงานตามมาตรานี้ เมื่อเปรียบเทียบกับกรณี ส.ส.คนหนึ่ง ไม่ได้ถือหุ้นสื่อเลย แต่มีคู่สมรสถือหุ้นสื่อ เป็นเจ้าของสื่อโดยตรง มีอิทธิพลครอบงำสื่อ นำสื่อมาใช้เป็นเครื่องมือโจมตีฝ่ายตรงข้าม แต่ ส.ส.คนนี้กลับไม่โดนอะไรเลย ตกลงแล้วรัฐธรรมนูญมาตรานี้ ต้องการจัดการนักการเมืองที่ครอบงำสื่อจริงๆหรือกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้กลั่นแกล้งกันแน่

“หรืออย่างคดีของตน หลักฐานที่ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ใช้ในการร้องทุกข์กล่าวโทษก็อ่อนมาก ถอดเทปมาแบบผิดๆถูกๆ ไม่ตรงกับที่ตนพูด ตนสอนกฎหมายมา วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญมาทั้งชีวิตไม่เคยโดนคดีอะไรเลย แต่พอมาเป็นนักการเมืองกลับโดนคดีทันที” นายปิยบุตร กล่าว

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีอดีตผู้สมัครของพรรคจะรวมตัวกันลาออกกว่า 50 คน ซึ่ง นายธนาธร กล่าวว่า เป็นสิทธิของแต่ละคน ไม่มีผลกระทบอะไรกับพรรค พรรคอนาคตใหม่มีสมาชิกกว่า 60,000 คน เรายืนยันจะก้าวไปข้างหน้าโดยที่ให้สมาชิกมีบทบาทและมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น ส่วนตนไม่มีความกังวลใจอะไร ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ตนขอยืนยันว่าการสร้างพรรคที่ทำมาเพียง 1 ปีครึ่ง แน่นอนว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ เราจะนำประสบการณ์และความผิดพลาดมาเรียนรู้สร้างสรรค์พรรคให้ดีขึ้น

“การลาออกของสมาชิกพรรคเป็นกระบวนการปกติ มีคนเข้า มีคนออก ยอมรับว่าแน่นอนการเลือกผู้สมัคร ส.ส.ที่ผ่านมามีเวลาสั้นมาก มีเวลาเพียง 2 เดือนในการคัดสรรผู้สมัคร จึงทำให้เราไม่สามารถคัดกรองคนที่มีอุดมการณ์ได้ 100% สถานการณ์และเวลาจะพิสูจน์คน ดังนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกพรรคการเมืองย่อมเป็นแบบนี้ มีคนเดินเข้าก็มีคนเดินออก ทุกวันนี้คนจำนวนมากอยากเข้ามาเป็นสมาชิก อยากเข้ามาร่วมทำงานกับพรรค กรณีนี้จึงไม่ใช่ปัญหาอะไร จึงขอให้ทุกคนตัดสินด้วยใจเป็นธรรม คำถามที่ตนอยากถามกับสังคมอย่างตรงไปตรงมา การเข้ามาทำงานการเมืองในระบบ เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ เป็นสิ่งที่ผิดบาปมากขนาดนั้นเลยหรือ” นายธนาธร กล่าว

“อภิสิทธิ์”เข้าวัด”ม.สงฆ์ มจร”! บรรยาย “สติสำคัญต่อภาวะผู้นำอย่างไรในโลกยุคดิจิทัล”

People Unity : “อภิสิทธิ์”เข้าวัด”ม.สงฆ์ มจร”! บรรยาย “สติสำคัญต่อภาวะผู้นำอย่างไรในโลกยุคดิจิทัล” ที่วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ (IBSC) พร้อมชมห้องกงล้อชีวิตพระพรหมบัณฑิต

วันที่ 28 ต.ค.2562 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้บรรยายเรื่องสติสำคัญต่อภาวะเป็นผู้นำอย่างไรในโลกยุคดิจิทัล ภาษาอังกฤษ ที่ I Mind วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ (IBSC) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพระมหาหรรษา ธมฺมหาโส,รศ.ดร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มจร. และรศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป มจร ให้กับต้อนรับ พร้อมชมห้องกงล้อชีวิตพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส อดีตอธิการบดี

“อนค.” เดือดโต้ “สิระ”! ฉุนเปรียบ “ธนาธร” เป็นไส้เดือน

People Unity : “อนค.” เดือดโต้ “สิระ”! ฉุนเปรียบ “ธนาธร” เป็นไส้เดือน เหตุนั่ง กมธ.งบฯ63 แนะทำหน้าที่ให้สมกับกินภาษีของประชาชน

วันที่ 28 ต.ค.2562 นายคารม​ พลพรกลาง​ ส.ส.บัญชื่อรายชื่อพรรคอนาคตใหม่​ ตั้งคำถามไปยังนาย​สิระ​ เจนจาคะ​ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่เดินหน้าเรียกร้องให้นายธนาธร​ จึงรุ่งเรืองกิจ​ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษากรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี2563 ว่า “ผมถามไปยังคุณ​สิระว่าในเมื่อประธานสภาฯ ออกมาให้แนวทางเกี่ยวกับการเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการของคุณธนาธรแล้ว​ คุณสิระยังไม่หยุดเรียกร้องให้คุณธนาธรลาออก​ แล้วแบบนี้คุณสิระจะใช้แนวทางใดในการยึดปฏิบัติ

ส่วนกรณีที่เป็นห่วงว่าจะสิ้นเปลืองภาษีประชาชนที่ต้องนำมาจ่ายเบี้ยประชุมให้คุณธนาธรนั้น​ ประเด็นนี้ผมเป็นคนอ่านยังรู้สึกอาย​ แล้วคุณสิระเป็นคนพูดไม่รู้สึกละอายเลยหรือ​ ประชาชน​และสังคม​ทราบนี้ว่าใครที่อยู่ในตำแหน่งส.ส.แล้วเปลืองภาษี​ ประชาชนจ่ายภาษีให้นักการเมืองไร้ศักยภาพมาตลอด 5 ปี​หากคุณสิระตระหนักประเด็นนี้จริงผมแนะนำให้ไปทำงานที่เป็นชิ้นเป็นอันจะดีกว่า​

อีกประเด็นที่อยากถามคือ​ คุณสิระว่ากลัวคุณธนาธรทำงานได้เต็มศักยภาพหรือกลัวคุณธนาธรเป็นอุปสรรคในการอนุมัติงบประมาณแผ่นดินที่ไม่สมเหตุสมผลกันแน่​

สุดท้ายผมเรียกร้องให้คุณสิระสำนึกในภาษีประชาชนอย่างที่ปากพูดและหยุดพฤติกรรมที่ไร้วุฒิภาวะแบบนี้​เสียที ที่ผ่านมาประชาชนคงเห็นผลงานความกร่างกันดีแล้ว  ควรจบประเด็นนี้ได้แล้ว​ และหากกลัวว่าการทำหน้าที่คุณธนาธรจะเปลืองภาษีประชาชน​ คุณสิระลาออกเลยครับรับรองคุ้มค่าภาษีประชาชนและกอบกู้ภาพลักษณ์นักการเมืองได้มากขึ้นอีกด้วย”

ก่อนหน้านี้นายสิระ ได้แสดงความเห็นว่า วันนี้สถานะของนายธนาธรไม่ต่างจากไส้เดือนที่มี 2 เพศ ซึ่งถ้านายธนาธนยังอยากเรียกตัวเองว่ามนุษย์ มีเกรียติและศักดิ์ศรี ก็ควรจะยุติปัญหาที่ตนเองได้ อย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นตัวถ่วงในการพัฒนาประเทศ จะเอาอย่างไรเลือกเอาสักทางหนึ่ง หากยังยืนยันที่จะเป็นกรรมาธิการก็ลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.ไป

นายสิระ กล่าวต่อว่า หากตนอยู่ในสถานะเดียวกับนายธนาธร ที่เป็นถึงหัวหน้าพรรค ตนจะยอมเสียสละลาออกจากกรรมาธิการและเปิดโอกาสให้ ส.ส.ที่มีคุณภาพในพรรคอนาคตใหม่ได้ทำงานแทน เรื่องนี้มองได้ 2 ข้อ 1.คือในพรรคของนายธนาธรไม่มีผู้ที่ทีความรู้ความสามารถอีกแล้ว หรือ 2 นายธนาธรกำลังเอาเก้าอี้กรรมาธิการไปเล่นเกมการเมือง

Verified by ExactMetrics