วันที่ 4 พฤษภาคม 2024

“สิระ” สวน “เทพไท” เสียมารยาท สอดเรื่องภายใน พปชร.

People Unity News : “สิระ” สวน “เทพไท” เสียมารยาท สอดเรื่องภายใน พปชร. ยันพรรคมีสิทธิเสนอใครเป็น ปธ.กมธ.ศึกษาแก้ รธน.ก็ได้ แนะ อยากปรองดอง เริ่มที่หุบปากตัวเองก่อน

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณถึงพรรคพลังประชารัฐ ไม่ให้ส่งคนลงแข่งตำแหน่งประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า นายเทพไทไม่ควรเสียมารยาทมายุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมของพรรคการเมืองอื่น เพราะไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐจะเสนอใครลงชิงตำแหน่งนี้หรือไม่ก็เป็นเรื่องภายในที่พรรคจะจัดการเอง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐมีความชอบธรรมที่จะได้ตำแหน่งประธานกรรมาธิการชุดนี้ด้วย เนื่องจากเป็นพรรคแกนนำของรัฐบาล

“ใครจะเป็นประธานกรรมาธิการฯชุดนี้ เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการฯเขาจะไปเลือกกันเอง ถ้านายเทพไท อยากให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น มีความปรองดองอย่างปากว่า ก็ควรหยุดให้ความเห็นที่จะนำไปสู่ความแตกแยก เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง เมื่อประชาธิปัตย์มีมติเสนอชื่ออดีตนายกอภิสิทธิ์ ก็เดินไปตามขั้นตอนให้วิปของประชาธิปัตย์ไปหารืกับวิปรัฐบาล เพื่อให้ได้ข้อตกลงร่วมกัน และเมื่อได้ข้อยุติแล้วก็ต้องจบ นี่คือมารยาทการอยู่ร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่นายเทพไทต้องพึงสังวรณ์ไว้ด้วย อีกทั้งพลเอกประยุทธ์ ก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวใด ๆ กับการบริหารภายในพรรค จึงไม่ควรดึงนายกรัฐมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” นายสิระ กล่าว

ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐก็ถอยมามากแล้ว ที่ยอมสนับสนุนให้นายชวน หลีภภัย เป็นประธานสภา โดยไม่คิดเป็นโควต้าในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นนายเทพไทก็ไม่ควรได้คืบเอาศอก ต้องให้เกียรติพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลด้วย

“บิ๊กตู่”ปิดห้องคุย กอ.รมน. ปรับแผนแก้ไฟใต้ ยังไม่เลิกเคอร์ฟิวหลังยิงถล่มชรบ.ยะลา

People Unity News :  “บิ๊กตู่”ยันยังไม่เลิกเคอร์ฟิวหลังยิงถล่มชรบ.ยะลา เผยผลสืบสวนคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ต้องให้เวลา จนท. ย้ำใช้หลักสันติวิธี ปิดห้องคุย กอ.รมน. ปรับแผนแก้ไฟใต้ ยันคุยสันติสุขต่อเนื่อง

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ครั้งที่ 2/2562 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและผู้นำเหล่าทัพ เข้าร่วมการประชุม โดยไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการประชุมแต่อย่างใด

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังมีการประกาศเคอร์ฟิวการห้ามออกจากเคหสถานในเวลาค่ำคืน ภายหลังเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายยิงถล่มชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่า เบื้องต้นยังไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลา แต่จะกำหนดเวลาให้สั้นที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน สอบสวนทางคดี และเพื่อเป็นการจำกัดพื้นที่ของคนร้ายในช่วงที่มีการไล่ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ โดยยืนยันว่าไม่อยากให้มีผลกระทบต่ออย่างอื่น แต่เป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่งหากเราปิดพื้นที่ไม่ได้ ก็จะมีปัญหา ส่วนนี้ขอให้เข้าใจกันด้วย

เมื่อถามว่ามีรายงานว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มคนหน้าขาว ภายหลังก่อเหตุเสร็จสิ้น จะกลับไปนอนอยู่บ้าน ส่วนนี้จะมีการติดตามจับกุมอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การสืบสวน สอบสวนวันนี้มีความคืบหน้า แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ ต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่จะไปจับใครก็ได้ ต้องเอาหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุมาติดตาม ซึ่งเราก็มีข้อมูลอยู่แล้ว ทั้งอาวุธปืน กระสุนและปอกกระสุน พร้อมมีข้อมูลอยู่แล้วว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มใดและมีกลุ่มใดเกี่ยวข้องบ้างก็จะต้องมาพิจารณาร่วมกัน คงจะได้รับทราบความคืบหน้าภายในเร็ววันนี้ ขอเวลาอีกหน่อย

เมื่อถามต่อว่า ผู้ก่อเหตุมีการใช้วัตถุระเบิด จะถือเป็นการก่อการร้ายมากกว่าการก่อความไม่สงบได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พวกเขาใช้กลยุทธ์เช่นนี้ เป็นกลยุทธ์การก่อการร้าย คือการสร้างเหตุความรุนแรงเพื่อกดดันต่อรัฐ และการทำงาน แล้วเราจะไปกดดันกันเพื่ออะไร ในเมื่อรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี ด้วยการบังคับใช้กฎหมาย การพัฒนา และสร้างการมีส่วนร่วม เราแก้ปัญหากันอย่างนี้ ไม่ดีกว่าหรือ ส่วนการก่อการร้ายนั้น มีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น การยึดพื้นที่ การใช้ความรุนแรง แต่เหตุการณ์นี้เข้าข่ายแค่ใช้อาวุธสงคราม เพื่อกดดันรัฐ แต่หากเราตีความผิด การแก้ปัญหาก็จะผิดและเหตุการณ์จะรุนแรงขึ้น ท้ายสุดผลกระทบก็จะเกิดกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งวันนี้เราลดระดับผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้มากพอสมควร ประชาชนก็กลับมาให้ความร่วมมือ แม้แต่การบังคับใช้กฎหมายบางตัว ประชาชนก็เห็นด้วย เพราะเขาดูแล้วว่าเกิดประโยชน์กับเขา ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่คนที่มักจะมีปัญหาในเรื่องนี้ คือคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะมองในเรื่องของสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว

“ผมคิดว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหน อยากไปละเมิดสิทธิมนุษยชนใครทั้งสิ้น แต่ไปดูผู้ก่อเหตุว่า สิ่งที่เขาทำ มันละเมิดสิทธิมนุษยนชนประชาชนหรือไม่ ในการทำร้ายประชาชนทั้งผู้บริสุทธิ์ ไทยพุทธ ไทยมุสลิม ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ไทยพุทธอย่างเดียว แต่ครั้งนี้เป็นการทำร้ายทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวให้รัฐบาลเลิกนู้น เลิกนี้ แล้วทำไปเพื่ออะไร ไม่งั้นก็ลองไปอยู่ในพื้นที่เขาดู ว่าจะทำอย่างไร ลองไปอยู่กับเขานานๆ จะได้รู้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าได้รับรายงานการหารือเกี่ยวกับการพูดคุยถึงสันติสุข จากมาเลเซียบ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้รับรายงานตลอด ก่อนเขาไปตนก็ได้ให้นโยบายไป เมื่อเขากลับมาก็รายงานตน ก็ให้มีการปรับแผนกันไป ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับกลุ่มที่มีบทบาทอย่างแท้จริง โดยจะเน้นในเรื่องของจะทำอย่างไรให้ในพื้นที่ปลอดภัย และมีสันติสุขอย่างยั่งยืน ต้องคุยกัน และปรับวิธีต่อเนื่อง เพราะมีหลายกลุ่ม หลายฝ่าย หลายระดับทั้งผู้นำระดับการเมือง การทหาร ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ซึ่งคนรุ่นเก่านั้น ค่อนข้างจะพูดคุยในด้านสันติวิธีมากขึ้น แต่คนรุ่นใหม่ก็พยายามสร้างคนกลุ่มใหม่ๆ เข้ามาแทน เราต้องหาวิธีการว่าจะต้องแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร ดังนั้น จะต้องเจรจากับกลุ่มที่มีบทบาทแท้จริงในการก่อเหตุ แต่ปัญหาคือ เขาจะคุยด้วยหรือไม่ เพราะบางกลุ่มก็ไม่อยากมาเจรจา เพราะคงอยากใช้วิธีเดิมต่อไป พวกนี้คือพวกหัวรุนแรง เราบังคับไม่ได้ ถึงต้องไปพูดคุยที่ต่างประเทศ แต่ไม่ใช่การเจรจา เพราะถ้าเจรจาหมายถึงเรารบกันแล้ว จึงต้องเจรจาหยุดยิง แต่อันนี้ไม่ใช่ เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย และทางมาเลเซีย ก็ตอบสนองด้วยดีตลอดมา แต่ก็ยังมีปัญหาอีกหลายอันที่ต้องแก้ควบคู่กันไป เช่น เรื่องบุคคลสองสัญชาติ การข้ามแดน เนื่องจากคนเหล่านี้ปลอมปนอยู่ในกลุ่มประชาชนทั่วไป เข้ามาหาก็ไม่รู้ เพราะหน้าตาก็เหมือนกัน ทั้งนี้ ตนได้สั่งการบริหารเชิงรุกไป แต่ต้องระวังการใช้อาวุธต่างๆ และการบังคับใช้กฎหมาย ต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนมากเกินไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการใช้กำลังของชรบ. ยังมีความจำเป็นต่อไป ถ้าไม่มีจะทำมาทำไม ซึ่งแต่ก่อนนี้ กำลังตำรวจในพื้นที่ และอาสาสมัครรักษาดินแดง (อส.) มีกำลังไม่เพียงพอ จึงต้องจัดทหารข้างนอกมาช่วย เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เอาทหารกลับ ส่วนตำรวจและทหารในพื้นที่ก็ทำงานปกติไป แต่เมื่อเหตุการณ์ไม่ปกติ ก็จะนำกองกำลังทหารเข้าไปเติม ทุกประเทศก็ทำแบบนี้ และระหว่างนี้เราจะต้องเสริมสร้างกำลังในท้องถิ่นให้มากขึ้น เพราะคนเหล่านี้จะรู้จักพื้นที่และสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี แต่จะต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น เพราะทางยุทธวิธียังไม่เข้มแข็งพอ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการฝึกทบทวนมาโดยตลอด

“ผมถามเขาว่าจุดที่เกิด ทำไมไปตั้งฐานปฏิบัติการตรงนั้น เขาบอกมีความจำเป็น เพราะมีหมู่บ้านอยู่กลุ่มหนึ่ง และเขาต้องการไปดูแลประชาชนในหมู่บ้านดังกล่าว เพราะพื้นที่จำกัด เขาจึงไปตั้งกลางสวนยาง ส่วนด้านนอกทัศนวิสัยก็จำกัด มันจึงเปิดโอกาสให้ผู้ก่อเหตุเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งผมได้เตือนไปแล้วว่า ต้องหาวิธีการใหม่และปรับในเชิงกลยุทธ์ ให้มีชุดลาดตระเวนต่างๆ ให้รัดกุมมากขึ้น รวมถึงการป้องกันชายแดน และการลักลอบเข้าออกประเทศ ส่วนนี้ก็ต้องเพิ่มการกวดขัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

มอบแม่ทัพภาค 4 ร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมผู้เสียชีวิตยะลา

ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์มอบให้แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้แทนร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งคณะรัฐมนตรีด้วย โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้สูญเสียและสั่งการให้ดูแลทุกคนอย่างดีที่สุด พร้อมย้ำว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่พบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถระบุตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้วจำนวนหนึ่ง และพบฐานปฏิบัติการร้าง 1 แห่ง โดยจะใช้แผนกดดันทุกพื้นที่ทั้งผู้ก่อเหตุและผู้ที่ให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นได้ควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยแล้ว 1 คน ที่ อ.ธารโต จ.ยะลา ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ฝ่ายความมั่นคงบังคับใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานและการดำเนินชีวิตของประชาชน พร้อมทั้งยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ตามที่มีข่าวลือกันแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนร่วมกันเป็นหูเป็นตา ตรวจสอบ และแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้โดยเร็วที่สุด

“เทวัญ”ชู “ศาสตร์พระราชา นำพาน้ำยั่งยืน” บริหารจัดการน้ำโชว์ผู้แทนทูต

People Unity News : รมต.เทวัญเปิดการประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การบริหารทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ระดับนานาชาติ มีผู้แทนจากสถานเอกอัคราชทูต และองค์กรระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย และตัวแทนภาคส่วนต่างๆ กว่า 200 คน

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หัวข้อ “Water Diplomacy: where Local Wisdom meets International Excellence” ณ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางวิชาการระหว่างภาคีเครือข่ายและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้แบบไร้พรมแดน โดยมีผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย ผู้แทนจากสถานเอกอัคราชฑูต และองค์กรระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย และตัวแทนภาคส่วนต่างๆ กว่า 200 คน

กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การนำเสนอผลงานและการมอบรางวัลแนวปฏิบัติที่ดีด้านการบริหารทรัพยากรน้ำ ตามแนวทาง “ศาสตร์พระราชา นำพาน้ำยั่งยืน” จำนวน 9 รางวัล โดยรับมอบโล่รางวัลและประกาศเกียรติคุณจากรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ซึ่งเป็นผลงานภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้รับการคัดเลือกมาจากทำเนียบ Best Practice จากผู้ส่งผลงานทั้งสิ้น 122 รายการทั่วประเทศ โดยโครงการที่ผ่านเกณฑ์ได้รับรางวัลดีเด่น ได้แก่ “โครงการผู้นำและเครือข่ายในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ชุมชนบ้านศาลาดิน จ.นครปฐม” ซึ่งส่งประกวดด้านที่ 4 การจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ เสนอโครงการโดยสำนักงานชลประทานที่ 11 และกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จุดเด่นคือความเข้มแข็งของชุมชนบ้านศาลาดินที่ใช้ธรรมชาติบำบัดเพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ เนื่องจากชุมชนประสบปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง รวมทั้งคุณภาพน้ำเน่าเสียจากการทิ้งสิ่งปฏิกูลของครัวเรือนและปัญหาผักตบชวาที่กีดขวางการไหลของน้ำ โดยแก้ปัญหาด้วยการน้อมนำหลักการทรงงานของในหลวง ร.9 “ระเบิดจากข้างใน” มาประยุกต์ใช้

นอกจากนี้ ยังมีการเสวนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ร่วมงาน ในหัวข้อ “Thai Local Wisdom: Lesson learn and Challenges for Improvement” และการบรรยายพิเศษหัวข้อ “งานวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมการบริหารทรัพยากรน้ำ: ภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สากล” และหัวข้อ “International Excellence”

“บิ๊กตู่”พร้อมครม.ส่งผู้แทนแสดงความเสียใจห่วงใยครอบครัวชรบ.ยะลา

People Unity News : นายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจและห่วงใยต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุณ์ยิงถล่มจากป้อม ชรบ. จังหวัดยะลา และส่งผู้แทนนายกรัฐมนตรี เร่งทำงานอย่างเต็มที่

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในนามของรัฐบาลได้มอบหมายให้ พลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาค 4 เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจและความห่วงใยต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์บุกยิงโจมตีป้อมยามจุดตรวจชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ประจำหมู่บ้านทุ่งสะเดา และชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) หมู่ที่ 4 ตำบลลำพะยา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เป็นเหตุให้มีราษฎร, ชรบ. อรบ. และตำรวจ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย โดยที่ 13 ราย เป็นชาวไทยผู้นับถือศาสนาพุทธ และอีก 2 ราย เป็นเป็นชาวไทยผู้นับถือศาสนาอิสลาม เมื่อคืนวันอังคาร ที่ 5 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา นั้น

พลโทพรศักดิ์ฯ กล่าวพลเอกประยุทธ์พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ทุกท่าน ได้ส่งพวงหรีดเพื่อเป็นแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวานก่อน โดยประชาชนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเหล่านี้ล้วนเป็นผู้กล้าหาญ ทำหน้าที่ปกป้องชาติบ้านเมืองจากผู้ไม่ประสงค์ดีให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความสุขสงบและสันติ

พร้อมนี้ได้กำชับและสั่งการให้ทุกหน่วยงานร่วมบูรณาการและเร่งรัดการแก้ไขปัญหาในส่วนของตนเองอย่างเต็มกำลังและสุดความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งค้นหาผู้กระทำผิด การวางมาตราการที่เข้มข้นในการปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์ทุกเชื้อชาติและศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวและชุมชน การฟื้นฟูและเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้านและชุมชนให้สามารถทำหน้าที่ได้เช่นที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังขอร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันสร้างความรักและความสามัคคีให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากวันนี้ทุกฝ่ายได้ตระหนักแล้วว่าประชาชนไม่ว่าจะเชื้อชาติไหน ศาสนาใด ล้วนมีภัยจากผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ซึ่งมิใช่ความขัดแย้งทางศาสนาของคนในพื้นที่ เป็นภัยร่วมกันของคนในพื้นที่และคนในประเทศไทยที่เฝ้าห่วงใยพี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้น การแสดงความรักและความสามัคคีของพี่น้องประชาชน จะเป็นปราการสำคัญในผนึกกำลังปกป้องและดูแลพี่น้องประชาชนทุกคนในพื้นที่ให้ได้รับความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่และทำให้ดีที่สุด

วันเดียวกันนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ศอ.บต. ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บตามอำนาจหน้าที่ของ ศอ.บต. ให้เร็วที่สุด โดยวันนี้ทั้งวัน ตนเองได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพจากทุกกระทรวงเพื่อจัดทำข้อมูลการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่เกิดเหตุแบบเฉพาะราย การกำหนดแนวทาง การเยียวยาและให้ความช่วยเหลือครอบครัว เพื่อให้ครอบครัวสามารถเป็นพลังในการดูแลสมาชิกในครอบครัวต่อไปได้ทำให้ครอบครัวยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสมบูรณ์

นอกจากนี้จะได้เพิ่มมาตรการการเยียวยาและให้ความช่วยเหลือชุมชน โดยเฉพาะในชุมชนที่เกิดเหตุครั้งนี้ จะเป็นตัวอย่างของการดำเนินการที่ทำแล้วจะประสบความสำเร็จนั่นคือการสร้างพลังและความเข้มแข็งให้กับชุมชน เพื่อให้ชุมชนสามารถฟื้นฟูความเข้มแข็ง ที่จะกลับมาดูแลและช่วยเหลือกันเองได้ ในส่วนนี้ ศอ.บต. จะเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงระบบการสนับสนุนการทำงานที่เกี่ยวข้องทุกมิติลงไปในพื้นที่ชุมชน เพื่อให้ชุมชนได้เป็นแกนหลักการทำงานในเชิงพื้นที่ ซึ่งเป็นแนวทางตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มอบหมายและสั่งการไว้แล้ว

พช.ดึงนวดแผนไทยวัดโพธิ์ติวสตรีฯเสริมแกร่ง OTOP นวัตวิถี

People Unity News : อธิบดี พช.ไอเดียกระฉูด จับมือโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดโพธิ์ ติวเข้มหลักสูตรนวดตำหรับวัดโพธิ์กว่า 230 ปีให้กลุ่มสตรีในชุมชน เสริมความเข้มแข็ง OTOP นวัตวิถีทั่วประเทศ มุ่งนำความรู้ไปสร้างงานสร้างอาชีพครอบครัว สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยว

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับนายปรีดา ตั้งตรงจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) โดยมี พระราชรัตนสุนทร รองเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ นายโชคชัย แก้วป่อง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตามที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้สตรีไทยในชุมชนได้มีอาชีพ มีรายได้ สามารถทำงานอยู่ในหมู่บ้าน ตลอดจนสามารถดูแลตนเองและครอบครัวได้ จึงทำให้เกิดการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมการนวดแผนไทยในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีครั้งนี้ขึ้น ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน กับ โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ เพื่อจะสร้างความเข้มแข็งให้สตรี โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มสตรีในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ได้รับการฝึกอาชีพนวดแผนไทยต้นตำรับจากวัดโพธิ์ จะช่วยให้สตรีที่ผ่านการฝึกอบรมแล้ว สามารถนำความรู้ไปดูแลตนเอง ครอบครัว และคนในชุมชนสามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นทั้งในครัวเรือน และในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี รวมถึงสามารถขยายผลการประกอบอาชีพออกไปในพื้นที่ระดับจังหวัด ระดับประเทศ และต่างประเทศ

ทั้งนี้ ขอบเขตของความร่วมมือจะเป็นการสนับสนุน ส่งเสริมศักยภาพของชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ผ่านภูมิปัญญาการนวดแผนโบราณ มีการจัดทำหลักสูตรการนวดแผนโบราณ ประกอบไปด้วยหลักสูตรระยะยาว เช่น หลักสูตรสปาผิวกาย หลักสูตรวิชาชีพนวดไทยเพื่อสุขภาพ หลักสูตรระยะสั้น เช่น หลักสูตรนวดน้ำมัน หลักสูตรนวดฝ่าเท้า หลักสูตรนวดประคบและอบสมุนไพร หลักสูตรฤาษีดัดตน หลักสูตรนวดหน้า เป็นต้น โดยจะการจัดส่งหมอนวดวัดโพธิ์มือดีไปสอนกลุ่มสตรีถึงในชุมชนทั่วประเทศ กลุ่มสตรีใดสนใจติดต่อผ่านพัฒนากรของกรมพัฒนาชุมชนได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ

นอกจากนั้น มีการฝึกอบรมให้ความรู้ การจัดนิทรรศการแสดงสินค้าและผลงาน ตลอดจนร่วมกันพัฒนา แลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ และพัฒนาฐานข้อมูล การนวดแผนโบราณของวัดโพธิ์ที่จะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมและยกระดับชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี อีกทั้งร่วมกันประชาสัมพันธ์การพัฒนาชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ยกระดับการท่องเที่ยวตามกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ผ่านภูมิปัญญาการนวดแผนโบราณ ให้เป็นที่รู้จัก ผ่านช่องทางและเครือข่ายความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย โดยร่วมกันส่งเสริมการตลาดและกระตุ้นการขายสินค้าและบริการ และการเข้าไปจัดกิจกรรมการนวดแผนโบราณ ในพื้นที่ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี 3 ส่วนหลัก

“การบูรณาการความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างสรรค์องค์ความรู้สำหรับการพัฒนาและประชาสัมพันธ์ชุมชนท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งได้รับการยกระดับมาตรฐานด้วยนวัตกรรม เน้นสร้างความยั่งยืน และมุ่งให้ชุมชนพึ่งพาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ได้อย่างแท้จริง” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าว

พระราชรัตนสุทร กล่าวว่า โครงการความร่วมมือในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน เพราะว่ากรมการพัฒนาชุมชนมีเครือข่ายซึ่งต้องคลุกคลีอยู่กับชุมชน จึงรู้ความต้องการของแต่ละพื้นที่ การเข้ามาดำเนินการจะขับเคลื่อนงานให้เดินไปข้างหน้าได้แน่นอน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก

ด้านนายปรีดา ตั้งตรงจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) เปิดเผยว่า การเข้ามาทำงานครั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ถ่ายทอดศาสตร์การนวดแผนไทยให้กับคนรุ่นหลัง เพื่อให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยต่อไป การมีหน่วยงานเข้ามาสานต่อและเผยแพร่ศาสตร์การนวดแผนไทยอย่างจริงจังถือเป็นความหวังที่ตั้งใจมา 30 กว่าปี การที่กรมการพัฒนาชุมชนเข้ามาให้ความสำคัญในครั้งนี้ ถือว่าความฝันที่ตั้งใจมา 30 ปีเริ่มจะประสบความสำเร็จเนื่องจากกรมการพัฒนาชุมชนมีเครือข่ายและทำงานอยู่กับชาวบ้าน การถ่ายทอดศาสตร์การนวดแผนไทยให้ถึงกลุ่มสตรีหรือผู้ที่สนใจจริงๆในชุมชนต่างๆทั่วประเทศก็จะทำได้ง่ายขึ้น หวังว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม เพื่อจะได้จะมีโอกาสถ่ายทอดวิชาให้คนได้มีโอกาสดูแลสุขภาพและสร้างอาชีพมีรายได้อย่างแท้จริง

“อนุทิน”ชี้รธน.60 แก้ยาก เอาเวลาไปทำงานดีกว่า

People Unity News : “อนุทิน”ชี้รธน.60 แก้ยาก เอาเวลาไปทำงานดีกว่า เชื่อ พปชร.-ปชป.คุยกันได้ใครนั่งประธานกมธ.ศึกษา ส่วน ภท.จะไม่โยนฟืนเข้ากองไฟ

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวการที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่พรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ชิงตำแหน่งนี้ด้วย ว่า ไม่น่ามีปัญหา เพราะพรรคร่วมรัฐบาลคงจะต้องนัดพูดคุยกัน อย่างไรก็ตาม พรรคร่วมรัฐบาลจะมีความขัดแย้งกับเรื่องอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะมารยาททางการเมืองก็มีอยู่ เดี๋ยวก็หาทางออกกันได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามล็อบบี้บรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลให้สนับสนุนชื่อนายอภิสิทธิ์เป็นประธาน กมธ.วิสามัญชุดนี้ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า “ผมบอกแล้วว่าผมยังไม่ได้รับการติดต่ออะไรจากใคร ในรัฐบาลก็มีพรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งมารยาททางการเมืองในการปฏิบัติร่วมกัน ย่อมมีแนวทางอยู่แล้ว ส่วนพรรคภูมิใจไทยไม่เสนอชื่อใคร เราปล่อยเพราะเราไม่ใช่ตัวตั้งตัวตี ไม่โยนฟืนเข้ากองไฟ”

เมื่อถามว่ามีเสียงวิจารณ์ว่าแค่การตั้งกรรมาธิการวิสามัญมาทำหน้าที่ศึกษาก็เริ่มมีปัญหา แล้วอย่างนี้จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หรือ นายอนุทิน กล่าวว่า “ก็รู้อยู่แล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ กว่าจะแก้ได้เอาเวลาไปทำงานไม่ดีกว่าหรือ แก้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่เล่า ขั้นตอนการขั้นตอนแต่ละอย่างมีมาก หากจะตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาก่อนก็ได้ ไม่ว่าอะไรกัน แต่สำหรับผมช่วงนี้ขอทำงานก่อนดีกว่า”

เมื่อถามย้ำว่ามองว่าถึงเวลาที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มาถามตนไม่ได้ เพราะพรรคภูมิใจไทยไม่ได้มีปัญหากับรัฐธรรมนูญฉบับนี้

“พุทธิพงษ์”รับถก”วิษณุ” หลังครม.ฐานะแกนนำรบ.หาทางออกร่วมกัน

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) ศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า กมธ.ชุดนี้ตั้งขึ้นเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังไม่ถึงขั้นแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งหลายพรรคการเมืองมีความเห็นที่แตกต่างกันในหลายประเด็น เช่น มีการพูดคุยกันว่าหากมีการศึกษาแก้ไขควรจะมีกรอบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราใด และแนวทางการแก้ไขจะนำไปสู่การแก้ไขได้จริง ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ ซึ่งแนวคิดของแต่ละพรรคที่จะมาอยู่ในกมธ.ชุดนี้มีความแตกต่างกันมาก จึงมีการพูดคุยกันว่าควรจะมีประธานและกมธ.ที่สามารถควบคุมการประชุมได้ดีอยู่ในประเด็น หลีกเลี่ยงการต่อว่าต่อขานกัน ให้เป็นเรื่องของการศึกษาเท่านั้น

เมื่อถามว่า ข้อสรุปพรรคพลังประชารัฐจะเสนอนายสุชาติหรือสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เป็นประธานกมธ.แก้รัฐธรรมนูญ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าพรรคก็อยากให้เป็นคนของพลังประชารัฐ ซึ่งนายสุชาติเป็นคนหนึ่งที่ถูกพูดถึง และหากเปลี่ยนแปลงได้ แต่ทั้งนี้พรรคพลังประชารัฐถือเป็นแกนนำและอยู่ในขั้นตอนการศึกษา ดังนั้น การนำไปสู่การแก้ไขต้องมีแนวคิด แนวทาง และอย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการทำประชามติแล้ว จากนี้ไปหากจะมีการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคต ต้องเคารพเสียงประชาชนที่ให้ฉันทามติรัฐธรรมนูญฉบับนี้

“หลายพรรคการเมืองก็ได้รับโอกาสจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ใช่หมายถึงว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาแล้วต้องแก้เสมอไป หลายๆเรื่องก็เป็นประโยชน์” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวหลังประชุมครม. เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนมีหารือกันของรัฐมนตรีพลังประชารัฐกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญและตัวบุคคลจะมาเป็นประธานกมธ.แก้รัฐธรรมนูญ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เมื่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเวลาเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายอะไรที่มีความสำคัญ ไม่แปลกอะไรที่แกนนำรัฐบาลจะพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ ทิศทางที่ออกไปสู่พี่น้องประชาชนก็จะเป็นทิศทางเดียวกันและจะไม่เกิดปัญหา ไม่ใช่ต่างคนต่างพูด ต่างคนต่างคิด

“ธนกร”ผงาดนั่งโฆษกพปชร.เต็มตัว เน้นสาระ-สร้างสรรค์ลุยโลกโซเชียล

People Unity News : “ธนกร”ผงาด นั่งโฆษกพปชร.เต็มตัว ขอบคุณ”อุตตม-กก.บห.”ไว้วางใจ ลั่นพร้อมทำงานเต็มที่ เน้นสาระ-สร้างสรรค์ เล็งลุยโลกโซเชียล จัดทัพรับการเมืองเข้มข้น

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงนามในหนังสือแต่งตั้งให้นายธนกร วังบุญคงชนะ เป็นโฆษกพรรคพลังประชารัฐ แทนนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่ลาออกไปก่อนหน้านั้น

นายธนกร กล่าวว่า ขอขอบคุณนายอุตตม รวมถึงกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ที่ไว้วางใจและให้โอกาสตนเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ตนจะขอทำหน้าที่อย่างดีที่สุดให้สมกับความไว้วางใจ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนก็ทำหน้าที่ชี้แจงและให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพรรค คอยป้องกันส่วนได้ส่วนเสียของพรรคมาโดยตลอด ซึ่งจะเน้นการชี้แจงข้อเท็จจริง เนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ไม่เน้นการตอบโต้รายวัน

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มมีความเข้มข้นขึ้น ดังนั้น ตนจะปรับยุทธศาสตร์การทำงานของทีมโฆษกพรรคใหม่ โดยเฉพาะการทำงานเป็นทีม เป็นระบบ และการทำงานในเชิงรุกอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงการใช้โซเชียลมีเดียในการให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งที่ผ่านมาก็ต้องขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนทุกคนด้วย ที่ช่วยนำเสนอข่าวสารต่างๆ ของพรรคด้วยดีตลอดมา และหวังว่าสื่อมวลชนจะช่วยนำเสนอข้อมูลข่าวสารของพรรคต่อไป

“บิ๊กป้อม”เสียใจ! เหตุยิงถล่มชรบ.ยะลาดับ 15 ราย “บิ๊กตู่”ถก กอ.รมน.จับตาทิศทางแก้ปัญหาแดนใต้

People Unity News : “บิ๊กป้อม”เสียใจ! เหตุยิงถล่มชรบ.ยะลาดับ 15 ราย เผยสั่งลงพื้นที่ตรวจสอบปัดตอบเป็นก่อการร้าย “บิ๊กตู่” ประชุมกอ.รมน.จับตาทิศทางแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดยะลา ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เสียชีวิตถึง 15 ราย เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปหมดแล้ว ก็ขอแสดงความเสียใจด้วย อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร. และแม่ทัพภาค 4 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว”

เมื่อถามว่าเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตถึง 15 ราย ถือเป็นการก่อการร้ายหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามซักถามเกี่ยวกับปรับแผนจัดกำลังชรบ.หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร โดยพล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนเดินเข้าไปในตึกสันติไมตรีทันที เพื่อร่วมงานสรุปผลการปฏิบัติงานประจำปี 2562 และแถลงแผนการปฏิบัติงานประจำปี 2563 ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

การประชุมครั้งนี้มีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ รอง ผอ.รมน. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ ผู้ช่วย ผอ.รมน. พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ กอ.รมน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ จับตาดูถึงประเด็นการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลังเกิดเหตุการณ์คนร้ายบุกใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มป้อม ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) บ้านทางลุ่ม หมู่ 5 ต.ลำพะยา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 15 นาย ซึ่งเป็นประชาชนอาสา รวมทั้งการเดินหน้าพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน เข้า ไปสังเกตการณ์ภายในตึก สันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลได้อย่างไร

โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง “พล.อ.อ.มานัต-อภิชาติ” เป็น ส.ว. คนใหม่

People Unity News : เว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ “อภิชาติ โตดิลกเวชช์” เป็นสมาชิกวุฒิสภาคนใหม่ แทนพลอากาศเอก ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน และ “ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์”

วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา ความว่า

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา จำนวน ๒๕๐ คน ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒เนื่องด้วย นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ สมาชิกวุฒิสภา ได้ลาออกจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาและ พลอากาศเอก ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน สมาชิกวุฒิสภาโดยตำแหน่ง ได้พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ เนื่องจากเกษียณอายุราชการ เป็นเหตุให้ตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาว่างลง

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๖๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาแทนตำแหน่งที่ว่าง ดังต่อไปนี้ ๑.พลอากาศเอกมานัต วงษ์วาทย์ ๒. นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พรเพชร วิชิตชลชัย
ประธานวุฒิสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อ.มานัตนั้นปัจจุบันดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารอากาศ ขณะที่นายอภิชาติเป็นอดีตอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน

“พุทธิพงษ์”ย้ำคนไทยพร้อมปรับตัวรับยุคดิจิทัล งานสัมมนา Krungsri Business Forum 2019

People Unity News : “พุทธิพงษ์” ย้ำคนไทยมีความพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับการพัฒนาของเทคโนโลยีดิจิทัล ในงานสัมมนา Krungsri Business Forum 2019 – “Platform Economy: The New Business Revolution”

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บรรยายพิเศษในงานสัมมนา Krungsri Business Forum 2019 – “Platform Economy: The New Business Revolution” ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้บริการ Krungsri Business Empowerment ที่จัดขึ้นสำหรับลูกค้าธุรกิจร่วม 800 รายของกรุงศรีเพื่อแบ่งปันมุมมองในการทำธุรกิจ รวมถึงแนวทางการเสริมศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจจากแนวคิด Platform Economy เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต

โดยมีนายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และนายพรสนอง ตู้จินดา (ขวาสุด) ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจ กรุงศรี ให้การต้อนรับ และมีนายนายทิม ไซแนน ผู้อำนวยการ กูเกิล คลาวด์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนายแจ็ค จาง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด เป็นวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมบรรยายด้วย

นายพุทธิพงษ์ว่า ประเทศไทยมีประชากร 66.4 ล้านคน มีคนเข้าถึงการใช้โทรศัพท์มือถือ 187% แสดงให้เห็นว่ามีจำนวนคนใช้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือมากกว่าจำนวนประชากร คนหนึ่งคนมีอุปกรณ์หลายเครื่อง มีคนที่ใช้เครือข่าย mobile broadband 108%

ทั้งหมดนี้ บ่งบอกว่าคนไทยมีความพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับการพัฒนาของเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งนี้ ตนไม่แปลกใจว่าธุรกิจด้านการเงินการธนาคารสามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างดี เนื่องจากมีการเตรียมการมาเป็นเวลานาน ประเทศอย่างสิงคโปร์มีการเตรียมการเพื่อปรับตัวเพื่อรับ Digital Disruption มา 5 ปี ในประเทศไทยเอง โดยเฉพาะภาคเอกชน ก็ได้มีการเรียนรู้และปรับตัวไม่ต่ำกว่า 5 ปี เช่นกัน แม้กระทั่งในปัจจุบัน รัฐบาลสิงคโปร์ ก็ยังต้องเรียนรู้ด้านดิจิทัลภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ไม่ต่างจากในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าไม่คำว่าสายเกินไปในการเรียนรู้ด้านดิจิทัล และประเทศไทยก็ไม่ได้เป็นรองใครในด้านการพัฒนาปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล โดยรัฐบาลมีความตั้งใจผลักดันให้ประเทศไทยเป็นดิจิทัลไทยแลนด์ ซึ่งรัฐบาลมีบทบาทเป็นฝ่ายที่วางโครงสร้างพื้นฐานและสนับสนุน แต่รัฐบาลโดยลำพังไม่สามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้ ต้องอาศัยประชาชนและภาคเอกชนที่ต้องเข้มแข็งและเดินไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของอาเซียน โดยการพยายามผลักดัน Digital Valley ในประเทศไทย ในพื้นที่ 700 กว่าไร่ ที่อำเภอศรีราชา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยจะมีรถไฟความเร็วสูงเข้าถึง และจะดึงดูดบริษัทด้านดิจิทัลชั้นนำของโลกมารวมในเมืองดังกล่าว ทั้งนี้ กระทรวงฯ ตั้งเป้าจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายใน 900 วัน

Verified by ExactMetrics