วันที่ 15 พฤษภาคม 2025

20 ปท.ปรบมือชื่นชมไทยจัดประชุม APPF

People Unity News : 28 ตุลาคม 2565 ปิดฉากประชุม APPF ครั้งที่ 30 เสียงปรบมือกึกก้องชื่นชมไทยจัดประชุมได้ดี บรรลุข้อตกลงถึง 11 ข้อ พร้อมลงนามในแถลงการณ์ร่วมพัฒนาภูมิภาค หลังโควิด 19 คลี่คลาย ส่งต่อธงเจ้าภาพให้ฟิลิปปินส์

การประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Parliamentary Forum – APPF) ครั้งที่ 30 วันสุดท้าย นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดการประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Parliamentary Forum – APPF) ครั้งที่ 30 กล่าวสุนทรพจน์ปิดการประชุม ว่า สมาชิกรัฐสภาจาก 20 ประเทศในภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ภายใต้หัวข้อ “บทบาท ของรัฐสภาในการเร่งรัดการพัฒนาที่ยั่งยืนภายหลังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ซึ่งเป็นการประชุมแบบพบหน้ากัน ครั้งแรกหลังสถานการณ์โควิด 19 คลี่คลาย

“ประเทศสมาชิกมีข้อมติและเห็นด้วยร่วมกัน 11 ข้อมติ ทั้งความร่วมมือด้านการลงทุน และการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งประเด็นต่าง ๆ ที่จะเสริมสร้างสันติภาพในภูมิภาค เช่น ด้านการเมืองและความมั่นคง ที่ส่งเสริมการทูตเชิงรัฐสภา เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยในภูมิภาค แต่ในด้านการเมืองและความมั่นคงนี้  ด้านเศรษฐกิจ ส่งเสริม เศรษฐกิจดิจิทัล ในภูมิภาค ด้านความร่วมมือในภูมิภาค ส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานทดแทน ลดการก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาโลกร้อน ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ใช้พลังงานสะอาด  ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างความเข้าใจในความหลากหลายทางวัฒนธรรมของภูมิภาคในกับนานาประเทศ” นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวว่า ด้านสิทธิสตรี ประเทศสมาชิกสนับสนุนให้เสริมสร้างศักยภาพสตรี ให้สามารถรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เสริมสร้างความร่วมมือการพัฒนาอย่างยั่งยืนหลังสถานการณ์ โควิด19 อีกทั้ง ต้องกระตุ้นให้สตรีเข้าถึง ทักษะด้านต่าง ๆ เพื่อให้มีโอกาสได้พัฒนา ทุกด้านในชีวิต พร้อมเปิดโอกาสให้ สตรีสามารถเข้าไปเป็นผู้นำ ได้ทุกด้าน เช่น ด้านการเมือง ขจัดความรุนแรงกับสตรีในทุกรูปแบบ สร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นระหว่างเพศ

นายชวน กล่าวว่า สำหรับข้อรับรองทั้งหมด 11 ข้อมติ แบ่งเป็น 3 เรื่องหลัก ประกอบด้วย 1.การเมืองและความมั่นคงโดยส่งเสริม การพูดเชิงรัฐสภา ทำให้บทบาทสภาเป็นศูนย์กลางส่งเสริมสันติภาพความมั่นคงภายในหลังการระบาดของไวรัสโควิด -19 2. ส่งเสริมการเชื่อโยงความหลากหลายทางเศรษฐกิจชีวภาพ และส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล 3. ความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้ความสำคัญกับรัฐสภาที่ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน เพื่อให้เกิดการแพร่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ ส่งเสริมการเข้าถึงสาธารณสุขพื้นฐาน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเข้าใจวัฒนธรรมที่หลากหลาย ขณะที่การ ประชุมรัฐสภาสตรี ย้ำความจำเป็นให้ส่งเสริมศักยภาพสตรีรับมือกับวิกฤติการณ์ ให้เกิดการมีส่วนร่วมของสตรีด้านเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19

“ส่วนเรื่องความขัดแย้งของรัสเซียและยูเครนประเทศออสเตรเลียได้เสนอเรื่องสมาชิกภาพของรัสเซีย ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้การประชุมมีปัญหาถกเถียงกัน ซึ่งนายชวน เห็นว่าเรื่องนี้ควรได้พิจารณาในครั้งต่อที่ฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ โดยประเทศผู้เสนอจะต้องได้รับมติมาจากสภาของแต่ละประเทศในการตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนแปลงสมาชิกภาพของรัสเซียเพราะไม่ต้องการใช้ความเห็นของคนใดคนหนึ่ง และให้นำมตินั้นมานำเสนอในที่ประชุมครั้งหน้า” นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวว่า ที่ประชุมได้เสนอให้เปลี่ยนวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการ APPF 4 ปีให้เหลือ 2 ปีก็จบลงด้วยดี สำหรับการประชุมครั้งต่อไปในปี2023 ซึ่งมีประเทศฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ ตนขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ประเทศฟิลิปปินส์รับเป็นเจ้าภาพการประชุม หวังว่าเจ้าภาพการประชุมครั้งต่อไปจะประสบความสำเร็จในการประชุม APPF

ด้านตัวแทนฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ขอขอบคุณและความภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการประชุมAPPF ยืนยันพร้อมรับเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไป โดยขณะนี้ได้เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมแล้วที่กรุงมะนิลา ขอบคุณประเทศไทยที่จัดการประชุมครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งฟิลิปปินส์จะนำการประชุมครั้งนี้ไปปรับใช้

จากนั้น นายชวนส่งมอบธง APPF ให้กับประเทศฟิลิปปินส์ และกล่าวในตอนท้ายว่า ขอแสดงความขอบคุณประเทศสมาชิกทุกคน ที่สนับสนุนการประชุมอย่างมีศักยภาพ และขอขอบคุณองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่สนับสนุนนการประชุมครั้งนี้ให้ประสบความสำเร็จ ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการประชุมที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์พลังในการร่วมมือทำงานและเป็นหุ้นส่วนอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งหวังว่าการประชุมจะเป็นเครื่องมือส่งเสริมฉันทามติ ส่งเสริมประชาชน เปลี่ยนวิสัยทัศน์ไปสู่การปฏิบัติเพื่ออนุชนคนรุ่นหลังของอนุภาคเอเชียแปซิฟิก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างลงนามในแถลงการณ์ร่วมของแต่ละประเทศสมาชิก และเมื่อถึงประเทศไทยในลำดับสุดท้าย ทุกประเทศพร้อมใจกันลุกขึ้นปรบมือชื่นชมประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมครั้งนี้

Advertisement

“พัชรินทร์” ปลื้มราชกิจฯเผยแพร่ กม.ป้องกันทำผิดซ้ำ

People Unity News : 26 ตุลาคม 2565  “พัชรินทร์” ปลื้มใจ หลังราชกิจฯเผยแพร่ กม.ป้องกันการกระทำผิดซ้ำ ในคดีทางเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง เชื่อจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ในสังคมไทย

นางสาวพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต2 ปทุมวัน บางรัก สาทร และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้เสนอร่างกฎหมาย เปิดเผยภายหลังราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พ.ร.บ. มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 โดยให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ว่าตนรู้สึกปลื้มใจ ที่เราจะมีกฎหมาย ที่มุ่งคุ้มครองกลุ่มเป้าหมายเปราะบาง ทั้งเด็ก เยาวชน ผู้หญิง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับคดีทางเพศ และคดีที่มีความรุนแรงเป็นการเฉพาะ ซึ่งที่จะสร้างความปลอดภัยให้กับสังคม เป็นเรื่องลดการกระทำความผิดซ้ำ และเชื่อว่ากฎหมายดังกล่าว จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในสังคมไทย โดยที่ผ่านมาตนได้พยายามผลักดันกระบวนการในสภาฯ ตั้งแต่ต้นน้ำ จนสำเร็จเป็นกฎหมายฉบับนี้ออกมา และต้องขอขอบคุณนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เจ้าภาพหลักที่ผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง และเห็นผลเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้กฎหมายดังกล่าว มีสาระสำคัญ คือการดำเนินการกับผู้กระทำผิดในคดีทางเพศ และคดีที่มีความรุนแรง พร้อมมาตรการการป้องกันภัยคุกคามทางเพศ และความรุนแรง ซึ่งพร้อมกับพลวัตรสังคม ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการใช้หลักทางจิตวิทยา และมาตรการทางการแพทย์ เพื่อเข้ามามีส่วนในการป้องกันในผู้ต้องหาที่ได้กระทำผิดซ้ำ เช่น การใช้ยา, การฉีดฮอร์โมนลดความต้องการทางเพศ หรือฉีดให้ฝ่อ โดยมาตรการทางการแพทย์โดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างน้อย 2 คน มีความเห็นพ้องต้องกันและจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้กระทำความผิดด้วย ควบคู่กับมาตรการทางกฎหมาย เช่น ให้พักอาศัยในสถานที่ที่ศาลกำหนด, ห้ามออกนอกประเทศ, ต้องแจ้งเมื่อมีการเปลี่ยนสถานที่ทำงาน, ห้ามทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด, ใส่อุปกรณ์ติดตามตัว เป็นต้น เพื่อไม่ให้มีการกระทำผิดซ้ำขึ้นอีก

Advertisement

“จุรินทร์” ยัน ปชป. ไม่หนุน “กัญชาเสรี”

People Unity News : 25 ตุลาคม 2565 “จุรินทร์” ยัน ปชป. ไม่หนุน “กัญชาเสรี” ชี้ แต่ละพรรคมีจุดยืนของตนเอง แต่ยังคุยกับ “อนุทิน” ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล

นายจุรินทร์​ ลัก​ษ​ณ​วิศิษฏ์​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​พาณิชย์​ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์​ กล่าวถึงนโยบายกัญชาเสรีว่า ได้พูดไปชัดเจนแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์​ สนับสนุนกัญชาเพื่อการเเพทย์​ แต่ไม่สนับสนุน​เรื่องกัญชาเสรี​ เพราะฉะนั้น​พรรคจะใช้หลักนี้ในการพิจารณา​ เพราะมองว่ากัญชาเสรีจะสร้างปัญหา​ให้กับประเทศในอนาคตระยะยาว​ จึงเป็นที่มาในการกำหนดหลักเกณฑ์​ที่เราจะไม่สนับสนุนกัญชาเสรี​ แต่ว่าสนับสนุนกัญชาที่จะนำไปใช้ทางการแพทย์​

ส่วนจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์​ จะส่งผลกระทบ​ต่อความสัมพันธ​ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์​และพรรค​ภูมิใจ​ไทย​หรือไม่​ ​ นายจุรินทร์​ ไม่ได้ตอบคำถาม​ แต่ย้ำว่าหลักใหญ่จะต้องคำนึงถึงประโยชน์​ของประเทศ​ ต้องให้ประเทศเดินหน้าเป็นหลัก​ ขณะที่การพูดคุยกับนายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล รองนายกรัฐมนตรีและ​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​สาธารณสุข​ ในฐานะ​หัวหน้า​พรรค​ภูมิใจ​ไทย​ ก็คุยกันในฐานะพรรคร่วม​รัฐบาล​ แต่จุดยืนทางการเมืองของแต่ละพรรค​ เชื่อว่าทุกพรรคมีจุดยืนเป็นของตัวเอง​ และพรรคประชาธิปัตย์​ก็มีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องนี้

Advertisement

มั่นใจ พท. แลนด์สไลด์ อุบลฯ-อำนาจเจริญ-ยโสธร

People Unity News : 24 ตุลาคม 2565 “ชลน่าน” มั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อไทยแลนด์สไลด์ยกจังหวัดทั้งอุบลฯ-อำนาจเจริญ-ยโสธร แจงเงื่อนไขจับมือจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ดีล พปชร. หรือพรรคใดไว้ บอกตอนนี้เร็วไปที่จะตอบ พร้อมเผยพอใจผลโพลความนิยมพรรคในภาคใต้สูงขึ้น

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตั้งเงื่อนไขการจัดตั้งรัฐบาล ที่มีบางเงื่อนไขเชื่อมโยงกับพรรคพลังประชารัฐว่า ในเบื้องต้นด้วยความเคารพประชาชน พรรคจะไม่ประกาศจับมือกับพรรคการเมืองใดก่อนการเลือกตั้ง เพราะการประกาศจับมือกับพรรคการเมืองใดก่อนถือเป็นการที่ไม่เคารพประชาชน

ส่วนหลังเลือกตั้งหากประชาชนมอบความไว้วางใจให้พรรคเพื่อไทยตามยุทธศาสตร์ “แลนด์สไลด์ มากกว่า 250 เสียงขึ้นไป” พรรคก็มีสิทธิจัดตั้งรัฐบาล แต่ 250 ยังไม่สามารถทำงานได้ ต้องหาพรรคการเมืองร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวเป็นเงื่อนไขที่พรรคได้กล่าวย้ำมาโดยตลอด

เงื่อนไขที่ว่า คือ 1. พรรคที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยเดียวกัน ไม่สนับสนุนเผด็จการ 2. เป็นพรรคที่ชูพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคไม่ขอร่วมด้วย และ 3. การเป็นรัฐบาลของประชาชนต้องทำนโยบายให้ประชาชนยอมรับ

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่การจัดตั้งรัฐบาลกับพรรรคพลังประชารัฐ หากพรรคมีเฉพาะพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า จะเป็นไปได้หรือไม่นั้น ตอนนี้จะเป็นตอบเร็วเกินไปว่า พลังประชารัฐจะมีเฉพาะพลเอกประวิตรหรือไม่ เพราะต้องดูข้อเท็จจริงในการเลือก ซึ่งจะเป็นสารตั้งต้นทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล

ส่วนกระแสนิยมผลสำรวจโพลพรรคเพื่อไทยสูงขึ้นในพื้นที่จังหวัดภาคใต้นั้น นายแพทย์ชลน่านพอใจผลโพลที่คะแนนพรรคอยู่ที่ 15 และคะแนน ส.ส.เขตได้ 14 ส่วนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร คะแนนนิยมอยู่ที่ 13 ถือเป็นการตอบรับที่ดีจากชาวใต้ เชื่อว่าหากได้ทำงานร่วมกันกับพื้นที่ภาคใต้อย่างจริงจัง เชื่อว่าความนิยมจะมากกว่านี้ และส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกของประชาชน

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มั่นใจว่าเพื่อไทยปักธงในพื้นทีภาคใต้ได้แน่นอน หากได้ที่นั่ง ส.ส.ในภาคใต้ 1 ที่นั่ง ก็ถือว่าชนะ เพราะเพื่อไทยไม่เคยมี ส.ส. ภาคใต้ แต่ขณะนี้ประเมินว่าอาจได้ที่สั่ง ส.ส. มากกว่า 1 ซึ่งตอนนี้คัดเลือกว่าที่ผู้สมัคร เพราะความทุกข์ยากของประชาชนจะเป็นปัจจัยให้ประชาชนเลือกเพื่อไทย

สอดรับกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ระบุว่า เร็วๆนี้ พรรคเพื่อไทยจะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ และเชื่อว่าจากกระแสนิยมที่สูงขึ้นจะส่งผลให้ได้ ส.ส.เขต จำนวนหนึ่ง และในเดือนพฤศจิกายน จะลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชหรือภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ที่พรรคจะเสนอนโยบาบสร้างรายได้ สร้างความหวังในการสร้างกระแสนิยมเพื่อไทย

ทั้งนี้พื้นที่เลือกตั้งในจังหวัดอุบลราชธานี กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ได้คัดเลือกว่าที่ผู้สมัครครบทั้ง 11 เขตแล้ว มั่นใจจะได้ ส.ส. ยกจังหวัด ไม่เพียงอุบลราชธานี แต่รวมถึงอำนาจเจริญ และยโสธรด้วย

Advertisement

นายกฯตอบเอง “หม่อมอุ๋ย” หน.ทีมเศรษฐกิจ พปชร.??

People Unity News : 21 ตุลาคม 65 ตามที่มีกระแสข่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเตรียมผลักดัน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐนั้น

ในวันนี้ ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเสร็จ ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี รวมถึงกรณีที่ล่าสุดมีชื่อ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ โดยนายกรัฐมนตรีส่ายหน้าและตอบว่า ไม่มี

Advertisement

ส่งคืนร่าง พ.ร.บ.กัญชา ให้ ปธ.สภา แล้ว ตามร่างเดิม เตรียมบรรจุวาระประชุม

People Unity News : 19 ตุลาคม 65 “ศุภชัย” ยืนยัน กมธ.ทบทวนร่าง พ.ร.บ.กัญชา ส่งประธานสภาฯ ตามร่างเดิม เตรียมบรรจุวาระประชุม  ย้ำทุกข้อกังวล-ข้อแนะนำ บัญญัติป้องกันไว้ในกฎหมายแล้ว

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา-กัญชง เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา-กัญชง หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติให้กรรมาธิการฯ นำกลับมาแก้ไขในประเด็นที่ยังเป็นปัญหาตามข้อเสนอของพรรคการเมืองว่า ขณะนี้กรรมาธิการฯ ทบทวนเสร็จสิ้นแล้ว และเสนอไปยังนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อเตรียมบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม หลังเปิดสมัยประชุมในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งกรรมาธิการฯ ยืนยันเนื้อหาตามร่างเดิม และยังคงมีกรรมาธิการเสียงข้างน้อยสงวนคำแปรญัตติในประเด็นที่เห็นต่างจากกรรมาธิการฯเสียงข้างมากไว้ เพื่อนำไปพิจารณาต่อในสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2 ต่อไป

“กรรมาธิการฯ ทบทวนเนื้อหาในร่างกฎหมาย โดยนำข้อเสนอ ข้อแนะนำของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยมาพิจารณา ซึ่งพบว่าข้อเสนอและข้อแนะนำจากทั้งสองพรรคมีอยู่ในกฎหมายแล้ว ซึ่งมีความครอบคลุมและบางประเด็นที่เสนอมานั้น กรรมาธิการฯ ได้ปรับและยกระดับมาตรการการป้องกันให้ครอบคลุม ตั้งแต่การพิจารณาครั้งแรกแล้ว โดยเฉพาะข้อกังวลที่เยาวชนจะเข้าถึงกัญชาได้โดยง่าย กรรมาธิการฯ ได้นำข้อบัญญัติในพระราชบัญญัติสุรา บุหรี่ และกระท่อมมาพิจารณาปรับใช้ เพื่อบัญญัติไว้ในกฎหมายกัญชาฉบับนี้ด้วย” นายศุภชัย กล่าว

ส่วนข้อกังวลร่างพระราชบัญญัติกัญชาจะขัดต่ออนุสัญญาที่ไทยลงสนามไว้กับต่างประเทศ นายศุภชัย กล่าวว่า เนื้อหาที่กรรมาธิการฯ บัญญัติไว้ในร่างกฎหมายไม่ขัดต่ออนุสัญญาที่ไทยได้ลงนามไว้ เพราะคณะกรรมาธิการควบคุมสารเสพติดนานาชาติหรือ INCB ได้แสดงความเห็นผ่านกระทรวงการต่างประเทศของไทยและกฤษฎีกาที่มาร่วมเป็นกรรมาธิการแล้ว จึงไม่มีปัญหา

Advertisement

นายกฯ ขอโฟกัสการทำงาน

People Unity News : 19 ตุลาคม 65 โฆษกรัฐบาล แจงนายกฯ งดให้สัมภาษณ์สื่อฯ ไม่ใช่ลดบทบาท แต่ขอโฟกัสการทำงาน ไม่อยากให้มีเรื่องอื่นแทรก ยืนยันนายกฯ ยังไม่ปรับ ครม.ช่วงนี้ ชี้ เป็นเรื่องอนาคต

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยเฉพาะประเด็นทางการเมือง ถือเป็นการปรับบาทบาทใหม่หรือไม่ ว่า นายกรัฐมนตรีอยากมุ่งเน้นในเรื่องของการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนเป็นหลัก ทั้งสถานการณ์น้ำท่วมที่ประชาชนในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้วิธีกำชับสั่งการหน่วยงานต่างๆ และทีมโฆษกรัฐบาลเป็นผู้ที่ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ ส่วนเรื่องการเมืองก็อยากให้ทุกอย่างมีเสถียรภาพ ทั้งเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี การบริหารจัดการพรรค โดยอยากให้ทางพรรคได้ออกมาชี้แจงในประเด็นนี้ พร้อมระบุว่า สำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรียังไม่ได้พิจารณาในช่วงนี้ แต่ในอนาคตก็ค่อยว่ากัน ขณะนี้ นายกรัฐมนตรีขอช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วม หรือแม้กระทั่งเกิดสถานการณ์เหตุกราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู สร้างความเสียใจไปทั่วโลก นายกรัฐมนตรีต้องการฟื้นฟูและเยียวยาญาติที่ได้รับความสูญเสียและได้รับผลกระทบให้ดีที่สุด จึงไม่อยากให้มีเรื่องใดเข้ามาแทรก โดยยืนยันไม่ใช่เป็นการลดบทบาทในการให้สัมภาษณ์ แต่เป็นการโฟกัสการทำงานที่อยากให้ประชาชนได้เข้าใจ และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้มากกว่า

นายอนุชา ยืนยัน นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตั้งธงที่ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อแต่อย่างใด หลังเข้ามาปฎิบัติหน้าที่ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ แต่หลังกลับมาทำงานมีประเด็นต่างๆ ที่ต้องแก้ไข

“ถือว่าเป็นเรื่องของจังหวะมากกว่า ไม่ใช่เลี่ยงที่จะตอบปัญหาทางการเมือง โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นกับพรรคพลังประชารัฐในขณะนี้ และเห็นว่าเป็นช่วงสมัยปิดประชุมสภาฯด้วย ก็อาจจะทำให้เรื่องของประเด็นที่เกี่ยวข้องกฎหมายเงียบลงไป” โฆษกรัฐบาล กล่าว

ส่วนนายกฯ จะวางมือทางการเมืองหรือไม่ นายอนุชา หัวเราะและไม่ตอบคำถามดังกล่าว

Advertisement

มท.ปลดล็อกระเบียบ ให้ อปท.ทั่วประเทศคล่องตัว ช่วย ปชช.

People Unity News : 17 ตุลาคม 2565 มหาดไทยปลดล็อก แก้ไขระเบียบ มท. ว่าด้วยการช่วยเหลือประชาชน ชี้ให้ อปท.ทั่วประเทศ เกิดความคล่องตัว ครอบคลุมและลดผลกระทบโดยเร็วที่สุด

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความเดือดร้อนและความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้รับทราบจากเสียงสะท้อนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจในการดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ โดยในระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) ที่เป็นระเบียบเดิม ได้ระบุไว้ว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ 4 ด้าน คือ 1) ด้านสาธารณภัย 2) ด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต 3) ด้านการป้องกันและระงับโรคติดต่อ และ 4) ด้านการช่วยเหลือเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจากหากเป็นกรณีการช่วยเหลือที่นอกเหนือจาก 4 ด้านดังกล่าว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งต้องทำความตกลงกับปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มอบอำนาจให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ในแต่ละครั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมีหนังสือทำความตกลงเป็นครั้ง ๆ ไป อันเป็นขั้นตอนที่อาจทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ทันการณ์

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เพื่อเป็นการปลดล็อคข้อจำกัดของระเบียบกระทรวงมหาดไทยฯ ดังกล่าว ลดขั้นตอนการปฏิบัติ อันจะทำให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พิจารณายกร่างแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเป็นการเร่งด่วน

“ในขณะนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามประกาศใช้ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2565 ซึ่งได้มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา โดยระเบียบ ฯ นี้ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ เพื่อให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถพิจารณาช่วยเหลือประชาชนในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อฟื้นฟู เยียวยา สงเคราะห์ และบรรเทาผลกระทบของประชาชนให้ครอบคลุม รวดเร็ว และลดความล่าช้าที่เกิดขึ้นจากการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องขอทำความตกลงกับปลัดกระทรวงมหาดไทย หรือผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมทั้งไม่ต้องเสนอให้คณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณา เช่น กรณีฟ้าผ่าทำให้ประชาชนเสียชีวิต กรณีเสียชีวิตเนื่องจากช่วยเหลือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปฏิบัติงานหรือช่วยเหลือผู้อื่น กรณีมีเหตุการณ์ใช้อาวุธทำร้ายประชาชนจนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตโดยผู้ประสบภัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และกรณีตั้งศูนย์ช่วยเหลือค้นหาประชาชนที่สูญหาย เป็นต้น โดยในกรณีจำเป็นเร่งด่วนในการช่วยเหลือประชาชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็สามารถพิจารณาให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ตามความจำเป็น เหมาะสม ไม่เกินอัตราตามหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานรัฐกำหนด เช่น การนำอัตราตามหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 ของกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยเหลือด้านดำรงชีพเป็นค่าอาหาร จัดเลี้ยง 3 มื้อ มื้อละไม่เกิน 50 บาทต่อคน ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บสาหัสเบื้องต้น เป็นเงินจำนวน 4,000 บาท ค่าจัดการศพผู้เสียชีวิตในอัตราไม่เกินรายละ 29,700 บาท เป็นต้น ซึ่งการช่วยเหลือประชาชนอาจช่วยเป็นสิ่งของหรือจ่ายเป็นเงินก็ได้ และกรณีการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้พิจารณาถึงผลกระทบต่อสถานะทางการคลังในการบริหารหรือการจัดการบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2565 จะช่วยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งสามารถฟื้นฟู เยียวยา สงเคราะห์ และบรรเทาผลกระทบของประชาชนได้คล่องตัว ครอบคลุม และช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากไปได้โดยเร็ว และเมื่อสิ้นสุดโครงการช่วยเหลือต่าง ๆ ก็ขอความร่วมมือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบโดยทั่วกัน เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน โดยให้ติดประกาศ ณ สำนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานที่กลาง และที่ทำการหมู่บ้าน และชุมชน ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันทวนสอบให้เกิดความถูกต้อง และเกิดความโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณ

Advertisement

เร่งคุมการใช้อาวุธปืน-บำบัดผู้ติดยา

People Unity News : 12 ตุลาคม 2565 นายกฯ เผยรัฐบาลเร่งออกมาตรการกวดขันการใช้อาวุธปืน ต้องตรวจสอบสภาพทางจิต ไม่มีพฤติกรรมเป็นภัยสังคม ให้ทุกชุมชนเร่งคัดกรองผู้ติดยาเข้าระบบฟื้นฟู

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน ว่า มาตรการสำคัญ ได้แก่ การกวดขัน การบังคับใช้กฎหมาย เกี่ยวกับอาวุธปืนให้มีความเข้มงวด โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตและการต่อใบอนุญาต รวมถึงการพกพาอาวุธปืน ส่วนผู้ยื่นคำขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน และต้องได้รับการตรวจสอบและรับรองอาการทางจิต ไม่วิกลจริตและฟั่นเฟือน โดยจะต้องรับรองจากผู้บังคับบัญชา ชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งต้องไม่มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม นอกจากนี้จะต้องตรวจสอบทบทวน เพื่อพิจารณาคุณสมบัติตามห้วงเวลาที่เหมาะสมด้วย

“การเพิกถอนใบอนุญาตการพกพาอาวุธปืน เมื่อพบปัญหาทางจิตหรือมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม พบการใช้ยาเสพติด ต้องกวาดล้าง จับกุมอาวุธเถื่อน รายการซื้อขายออนไลน์อย่างจริงจัง รวมทั้งต้องทบทวนกฎหมายและกฎกระทรวงให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ และให้มีผลออกมาให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติด ต้องเน้นการควบคุม การนำเข้า การส่งออก สารเคมีตั้งต้นที่นำไปใช้ผลิตยาเสพติด “โซเดียมไซยาไนต์” พร้อมเร่งติดตาม สืบสวนขยายผล ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและยึดอายัดทรัพย์สิน การบูรณาการนำผู้เสพเข้าระบบศูนย์ข้อมูลที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงาน ป.ป.ส. ทบทวนกรณีผู้เสพเป็นผู้ป่วย โดยเฉพาะประเด็นปริมาณการครอบครอง ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือว่าจะกำหนดปริมาณการครอบครอง ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องปรับแก้กฎหมาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา และหากเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องถูกลงโทษโดยเด็ดขาดทุกกรณี

“ส่วนมาตรการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ให้เร่งค้นหาคัดกรอง เพื่อนำเข้าสู่การฟื้นฟู เร่งจัดตั้งศูนย์คัดกรองให้ครอบคลุมทุกตำบล ทั้งสาธารณสุขและท้องถิ่น ให้เป็นมาตรฐานสากล โดยจะต้องเร่งหาผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ให้ได้ว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้ตรวจสอบคัดกรองได้อย่างตรงจุดและเข้าสู่กระบวนการได้ ทั้งนี้ ชุมชนถือว่ามีส่วนสำคัญที่จะช่วยภาครัฐตรวจสอบ หากพบเห็นผู้ที่มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงหรือติดยาเสพติด ต้องหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อติดตามต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต จะจัดตั้งระบบดูแลสุขภาพจิตใน โรงเรียนและสถานศึกษาทุกแห่ง สถานประกอบกิจการที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอาวุธร้ายแรง ขณะที่การบำบัดฟื้นฟู ให้จัดตั้งกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดทุกอำเภอ จัดตั้งหน่วยบูรณาการจิตเวชฉุกเฉินทุกอำเภอ มีระบบดูแลเบื้องต้นทางจิตเวชทุกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และใช้ชุมชนบำบัด เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการรักษาจิตเวชทางไกล การดูแลต่อเนื่องในชุมชนในผู้ป่วยจิตเวชเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง

“รัฐบาลให้ความเข้มงวดกับปัญหายาเสพติดมาโดยตลอด แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งเป็นปัญหาซ้อนปัญหา ไปเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืน และก่อเหตุรุนแรง ยืนยันจะทำให้ดีที่สุด รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างที่สุดทั้งเรื่องของผู้เสพและผู้ค้า รวมถึงผู้เสพรายใหม่ ทุกอย่างต้องทำอย่างเป็นระบบ ทั้งการป้องกัน ป้องปราม ปราบปราม บำบัดรักษา ยืนยันรัฐบาล ไม่เคยปิดกั้นการรับข้อมูลจากใคร แล้วขอให้แจ้งเข้ามาเพื่อ นำไปสู่การแก้ไขปัญหา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวันนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้เสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์ ซึ่งหลายเรื่องต้องใช้ระยะเวลา แต่เรื่องใดที่ทำได้จะดำเนินการทันที ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนต้องช่วยกัน โดยแจ้งข้อมูลมายังภาครัฐ ซึ่งจะเร่งดำเนินการในทันที

Advertisement

“นฤมล” หนุนกองทุนรวมเพื่อสังคม

People Unity News : 5 ตุลาคม 2565 “นฤมล” หนุนกองทุนรวมเพื่อสังคมกลไกลดเหลื่อมล้ำสร้างเศรษฐกิจไทยยั่งยืน

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัวสะท้อนมุมมองถึงแนวทางการเก็บภาษีของรัฐบาลทุกประเทศอยู่บนหลักการที่จะนำรายได้ภาษีไปเพื่อจุดประสงค์หลักได้แก่  1)สร้างความเท่าเทียมในระดับหนึ่ง คือ ก่อให้เกิดการกระจายรายได้ ด้วยการเก็บภาษีคนรวย มาช่วยคนจน ด้วยโครงการอุดหนุนชดเชยต่างๆ กับ 2) นำมาพัฒนาประเทศ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ทางรถไฟ เป็นต้น นอกจากนั้น เป็นค่าใช้จ่ายของหน่วยราชการ

ทั้งนี้แนวนโยบายหลายประเทศ เมื่อรายได้ภาษี น้อยกว่า รายจ่ายที่มี จึงจำเป็นต้องทำงบประมาณขาดดุล และอาศัยการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล เงินกู้นี้ถือเป็นหนี้สาธารณะ เพื่อให้เกิดวินัยทางการคลัง กฎหมายจึงกำหนดเพดานเงินกู้ไว้ในมาตรา 28 ของ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ  เดิมกำหนดเพดานไว้ที่ 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP และ 30% ของประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ ต่อมา ขยายเป็น 70% และ 35% ตามลำดับ

นอกจากนี้ มาตรา 20 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ  ยังกำหนดให้งบประมาณรายจ่ายลงทุนต้องไม่น้อยกว่า 20% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีและต้องไม่น้อยกว่าวงเงินของส่วนที่ขาดดุลของงบประมาณประจำปีนั้น กฎหมายเขียนไว้ เพื่อให้เกิดวินัยการคลังว่าเม็ดเงินที่กู้มาอย่างน้อยจะนำไปลงทุนที่ทำให้เกิดการพัฒนาประเทศ

ด้วยข้อจำกัดของรายได้ภาษี กับวินัยการคลังที่จำเป็นต้องมีเป็นอย่างยิ่ง หลายประเทศ รวมทั้งไทยเรา จึงได้หันมาใช้แหล่งเงินจากตลาดทุน (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน) และภาคเอกชน (การร่วมทุน PPP) ในการพัฒนาประเทศด้านโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น

นางนฤมล กล่าวว่า แต่ภารกิจของรัฐบาลในการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ยังคงพึ่งพิงงบประมาณ ซึ่งคือรายได้ภาษีเป็นหลักเท่านั้น ในขณะที่หลายประเทศเริ่มหันไปใช้แหล่งเงินทุนจากตลาดทุน ในรูปแบบของกองทุนรวมเพื่อสังคม ตลาดทุนของไทยเราก็มีศักยภาพสูง การตั้งกองทุนรวมเพื่อสังคมนี้ นอกจากจะสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากนักลงทุนในประเทศแล้ว นักลงทุนและกองทุนลักษณะเดียวกันนี้ในต่างประเทศก็พร้อมที่จะเข้ามาร่วมลงทุนเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกกับสังคมในประเทศไทยเช่นกัน

นางนฤมล กล่าวว่า กองทุนรวมเพื่อสังคม ให้เงินลงทุนกับธุรกิจเพื่อสังคมที่คณะกรรมการกองทุนพิจารณาว่ามีศักยภาพในการสร้างผลงานตามตัวชี้วัดที่กำหนด เช่น เพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ รายได้รวมของเกษตรกรเพิ่มขึ้น ผู้พ้นโทษจำคุกที่เข้าร่วมโครงการได้มีงานทำและมีรายได้ขั้นต่ำตามที่กำหนด รายได้ของผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับการพัฒนาทักษะอาชีพเพิ่มขึ้น เป็นต้น

กองทุนรวมเพื่อสังคม และธุรกิจเพื่อสังคม เดินหน้าร่วมกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน ที่จะไม่นำเม็ดเงินไปอุดหนุนหรือแจกโดยตรง แต่ทำการพัฒนาผ่านการให้ความรู้ เครื่องมือ และกลไกในการที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ตามแนวทางของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ของสหประชาชาติ (UN)

นอกจากจะเป็นแนวทางที่แก้ปัญหาให้ประเทศเรื่องแหล่งเงินทุนแล้ว ยังสามารถนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมมิติต่างๆ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน เพราะไม่ว่าในอนาคตรัฐบาลจะจัดตั้งโดยพรรคใด กองทุนนี้จะดำเนินงานได้ต่อเนื่องเพราะไม่ได้ใช่เงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี จึงมิได้ใช้ระบบราชการในการดำเนินโครงการ แต่อาศัยผู้ประกอบการทำงานเพื่อสังคม ที่จำนวนมากเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีใจรักอยากร่วมพัฒนาชาติไทย

Advertisement

Verified by ExactMetrics