วันที่ 6 พฤษภาคม 2024

ยกเลิกแล้ว! ผู้โดยสารไม่ต้องตรวจโควิด-19 ก่อนบินเข้าสหรัฐฯ

People Unity News : 12 มิ.ย. 65 สหรัฐฯยกเลิกข้อกำหนดที่บังคับให้ผู้โดยสารเครื่องบินต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ ภายในระยะเวลาหนึ่งวันก่อนเดินทางเข้ามายังสหรัฐฯ โดยมีผลเช้าวันอาทิตย์นี้

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งไม่ได้เปิดเผยชื่อ กล่าวว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ​ หรือ ซีดีซี (Centers for Disease Controle and Prevention – CDC) ได้ระบุแล้วว่าการตรวจโควิด-19 ก่อนขึ้นเครื่องนั้นไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป แหล่งข่าวคนดังกล่าวยังได้บอกด้วยว่า ซีดีซี จะประเมินผลจากการยกเลิกข้อบังคับดังกล่าวทุกๆ 90 วัน และอาจจะกลับมาบังคับให้ผู้เดินทางเข้ามาสหรัฐฯ ต้องตรวจหาโควิด-19 อีกครั้ง หากเกิดการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ๆ

ที่ผ่านมาสายการบินและกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ได้เดินหน้ากดดันเป็นเวลาหลายเดือน เพื่อให้รัฐบาลของ ปธน.ไบเดนยกเลิกข้อบังคับดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า การกำหนดให้ผู้โดยสารต้องตรวจเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ก่อนขึ้นเครื่องนั้น เป็นการทำลายแรงจูงใจให้ผู้คนเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ เพราะหากพวกเขาติดโควิด-19 ก่อนบิน พวกเขาอาจจะต้องติดอยู่ในต่างประเทศและไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ​ได้

โรเจอร์ ดาว (Roger Dow) ประธานสมาคมการเดินทางแห่งสหรัฐฯ (U.S. Travel Association) กล่าวว่าการยกเลิกกฎดังกล่าว “เป็นก้าวใหญ่ก้าวหนึ่งที่จะทำให้การเดินทางทางอากาศเพื่อเข้ามายังสหรัฐฯได้ฟื้นตัว และจะทำให้นักเดินทางจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาในสหรัฐฯอีกครั้ง”

มาร์ติน เฟอร์กุสัน (Martin Ferguson) โฆษกคนหนึ่งของบริษัท Global Business Travel Group Inc. ซึ่งเป็นผู้ให้คำแนะนำแก่บริษัทต่างๆ เกี่ยวกับนโยบายการเดินทาง กล่าวว่าอุตสาหกรรมการเดินทางได้รอคอยคำประกาศนี้มานานแล้ว

สายการบินหลายแห่งได้เคยแย้งว่า กฎดังกล่าวถูกนำมาใช้ตอนที่ยังมีชาวอเมริกันจำนวนน้อยมากที่ได้รับการฉีดวัคซีน ในขณะที่ปัจจุบัน มีชาวอเมริกันที่อายุมากกว่า 5 ปีถึง 71% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ตามข้อมูลของซีดีซี สายการบินต่างๆ ยังได้ร้องเรียนว่า ผู้คนที่เดินทางเข้ามายังสหรัฐฯ โดยผ่านช่องทางทางบกนั้น ไม่ต้องเข้ารับการตรวจโควิด-19 ก่อนจะเดินทางเข้าประเทศแต่อย่างใด เพียงแต่จะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนเท่านั้น

โรเบิร์ต ไอซัม (Robert Isom) ผู้บริหารสูงสุดของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลนส์ (American Airlines) กล่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าข้อบังคับตรวจโควิด-19 ก่อนบิน ไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียหายให้กับการเดินทางเข้าออกสหรัฐฯเท่านั้น แต่ยังเป็นกฎที่ไม่เข้าท่าอีกด้วย

การเดินทางภายในประเทศในสหรัฐฯ ได้กลับมาสู่สภาวะเกือบปกติก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อีกครั้ง ในขณะที่การเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ทำเงินให้กับสายการบินต่างๆยังตามหลังอยู่มาก ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา การเดินทางระหว่างประเทศทางอากาศยังต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี ค.ศ.2019 อยู่ 24% ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางของชาวอเมริกันหรือชาวต่างชาติ ตามข้อมูลของกลุ่ม Airlines for America

หลายประเทศได้พากันยกเลิกข้อกำหนดให้มีการตรวจโควิด-19 ก่อนเดินทางทางอากาศแล้วสำหรับผู้โดยสารที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสและได้รับเข็มบูสเตอร์ เพื่อช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการเดินทางท่องเที่ยว

สหรัฐฯบังคับใช้กฎที่กำหนดให้ผู้โดยสารต้องตรวจโควิด-19 ก่อนที่จะบินเข้าประเทศตั้งแต่เดือนมกราคมของปีที่ผ่านมา และยังคงเป็นกฎของสหรัฐฯ ที่ถูกมองว่าเป็นการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศในปัจจุบัน

ในขณะนั้น รัฐบาลของ ปธน.ไบเดน ได้เริ่มยกเลิกการจำกัดการเดินทางที่ไม่จำเป็นจากหลายประเทศทั่วโลก เช่น ประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป จีน บราซิล แอฟริกาใต้ อินเดีย และอิหร่าน โดยในระยะแรกนั้น ได้กำหนดให้ผู้ที่จะเดินทางเข้าสหรัฐฯ ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วต้องแสดงหลักฐานว่ามีผลตรวจโควิดเป็นลบ ภายใน 3 วันก่อนเดินทางโดยเครื่องบิน

ในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เมื่อมีการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนทั่วโลก รัฐบาลสหรัฐฯได้เพิ่มความเข้มข้นของกฎดังกล่าว โดยบังคับให้ผู้โดยสารทุกคน ไม่ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่ ต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบภายในหนึ่งวันก่อนเดินทางเข้าสหรัฐฯ ซึ่งทำให้นักเดินทางบางคน หันไปใช้วิธีอื่นๆในการเลี่ยงข้อบังคับดังกล่าว เช่น การนั่งรถเมล์จากแคนาดาข้ามพรมแดนเข้ามายังสหรัฐฯ เป็นต้น

ถึงแม้ว่าจะมีการยกเลิกข้อบังคับตรวจโควิดก่อนการบิน ทางซีดีซียังจะแนะนำให้ผู้โดยสารเครื่องบินทุกคนตรวจโควิดก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

สายการบินต่างๆในสหรัฐฯ คาดการว่าการยกเลิกกฎดังกล่าวจะทำให้มีผู้โดยสารกลับมาเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 4.3 ล้านคนภายในหนึ่งปี

ที่มา: เอพี

Advertisement

เตือนพ่อค้าแม่ค้า ระวังกลโกง ‘ปลอมสลิปโอนเงิน’ แนะเช็กยอดทุกครั้งหลังขายสินค้า

People Unity News : 25 กุมภาพันธ์ 2566 รองโฆษกรัฐบาลเตือนพ่อค้าแม่ค้า ระวังกลโกง ปลอมสลิปโอนเงินผ่านมือถือ แนะตรวจสอบเทียบกับยอดแจ้งเตือนจากธนาคารทุกครั้ง หรือสแกน QR Code บน E-slip เพื่อความชัวร์

วันที่ 25 ก.พ.66 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันพบมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ด้วยการปลอมสลิปโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคารผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เสียหายหลายรายในหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ได้ใช้ความระมัดระวัง

ทั้งนี้ กลวิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพมีหลากหลายกลวิธี รวมถึงมีการซื้อขายโปรแกรมแก้ไขข้อมูลสลิปโอนเงินบนแอปฯธนาคาร เพื่อปลอมสลิปการโอนเงิน ซึ่งข้อมูลบนสลิปปลอมดังกล่าว ดูคล้ายกับสลิปที่มีการโอนเงินจริง ไม่ว่าจะเป็น ชื่อผู้รับโอน วันที่ เวลา และจำนวนเงิน เมื่อแสดงให้กับพ่อค้าแม่ค้าหลังทำการซื้อขายแล้ว หากไม่ตรวจสอบอย่างรัดกุม ก็อาจจะโดนหลอกด้วยสลิปปลอมได้

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมของมิจฉาชีพรูปแบบนี้ มักหลอกซื้อสินค้าราคาแพงที่สามารถขายต่อได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมถึงซื้อสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภคในจำนวนมาก โดยมักแสดงท่าทางเร่งรีบหลังหลอกโอนเงินและแสดงสลิปปลอม เพื่อให้ผู้ค้าไม่มีเวลาในการตรวจสอบ ว่าได้มีการโอนเงินจริงหรือไม่ ยิ่งร้านค้าที่ไม่ได้ใช้บริการแจ้งเตือนการโอนเงินของธนาคาร ก็จะยิ่งเพิ่มช่องทางให้ถูกหลอกโดยง่าย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า พ่อค้าแม่ค้าสามารถป้องกันการถูกหลอกลวงได้ด้วยการใช้บริการแจ้งเตือนของธนาคาร ซึ่งจะแจ้งเตือนเมื่อมียอดเงินเข้าบัญชี สามารถนำไปเทียบยอดเงินกับสลิปได้ โดยควรตรวจสอบทุกครั้งหลังได้รับการโอนเงิน รวมถึง สแกน QR CODE บนสลิปโอนเงินแบบ E-Slip เพื่อตรวจสอบ ชื่อผู้โอน จำนวนเงิน วันและเวลาที่โอนเงินได้ หากยอดเงินไม่ตรง หรือไม่สามารถตรวจสอบได้ ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยว่าเป็นสลิปปลอม พร้อมกันนี้ ยังควรสังเกตความละเอียดของตัวเลขหรือตัวหนังสือ หากเป็นสลิปปลอม แบบของตัวหนังสือบนสลิปในส่วนของชื่อผู้โอน จำนวนเงิน วันที่ เวลา อาจจะเป็นตัวหนังสือคนละแบบ หรือความหนา บางของตัวอักษรจะไม่เท่ากัน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า หากประชาชนพบพฤติกรรมการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ผู้ที่กระทำหรือใช้สลิปปลอม ถือว่ามีความผิดฐานฉ้อโกง ทั้งการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและการปกปิดข้อความจริง โดยความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

Advertisement

เตือนประชาชนระวัง! ไข้มาลาเรียชนิด “โนวไซ” ติดต่อจากลิงสู่คนได้

People Unity News : 16 พฤษภาคม 2565 กรมควบคุมโรค เตือนผู้ที่ทำงานใกล้ชิดลิงหรืออยู่อาศัยแนวชายป่า ระวังป่วยเป็นโรคไข้มาลาเรียสายพันธุ์ “โนวไซ” (Plasmodium knowlesi) ซึ่งเชื้อชนิดนี้สามารถติดต่อจากลิงสู่คนได้ โดยยุงก้นปล่องกัดลิงที่มีเชื้อแล้วมากัดคน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนว่า ยุงสามารถนำเชื้อจากคนสู่คนได้

ลิงที่เป็นสัตว์รังโรคในไทย ได้แก่ ลิงกัง ลิงวอก ลิงเสน ลิงแสม และลิงอ้ายเงี๊ยะ พบรายงานผู้ป่วยในไทยครั้งแรกเมื่อปี 2547 พบปีละประมาณ 10 รายมาตลอด แต่ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 64 – 31 มี.ค. 65 พบผู้ป่วยไข้มาลาเรียจากเชื้อชนิดนี้แล้ว 70 ราย จังหวัดที่พบผู้ป่วยสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ระนอง สงขลา และตราด

ดังนั้นผู้ที่มีประวัติสัมผัสลิงในป่าในพื้นที่จังหวัดดังกล่าว แล้วมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ หนาวสั่น เหงื่อออกมาก ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อเจาะเลือดตรวจหาเชื้อมาลาเรีย และแจ้งประวัติเข้าป่าเพื่อให้การรักษารวดเร็ว หากช้าอาจมีอาการแทรกซ้อนร้ายแรงและเสียชีวิตได้

Advertisement

กรมอุตุฯเปรียบเทียบข้อมูล ยืนยันปริมาณน้ำฝนปีนี้ น้อยกว่าปี 54

People Unity News : อุตุฯ ยืนยันปริมาณน้ำฝนปีนี้ น้อยกว่าปี 2554 รวมถึงอิทธิพลจากมรสุมที่เผชิญ ย้ำการบริหารจัดการและการระบายน้ำเป็นเรื่องสำคัญ ขอให้ประชาชนติดตามต่อเนื่อง

30 กันยายน 2564 นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ยืนยัน สถานการณ์น้ำท่วมปี 2554 กับปี 2564 มีความแตกต่างกัน

1.หากวิเคราะห์จากสถิติข้อมูลอุตุนิยมวิทยา พบว่าภาพรวมของการเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 กับปี 2564 จะมีความแตกต่างกัน เปรียบเทียบปริมาณฝนที่ตกระหว่าง ม.ค.- ก.ย.พบว่า ปี 2554 ปริมาณฝนเกือบทุกภาคสูงกว่าปี 2564 ยกเว้นภาคตะวันออกที่ปี 2564 สูงกว่าปี 2554 เล็กน้อย และในภาพรวมทั้งประเทศพบว่า ปี 2554 มีฝนมากกว่า ปี 2564 ถึง 20%

2.เปรียบเทียบพื้นที่และการกระจายของฝน ตั้งแต่ช่วงก่อนและเข้าสู่ฤดูฝน พบว่า ในปี 2554 พื้นที่ที่มีฝนตกและตกต่อเนื่อง ได้แก่ บริเวณภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมเป็นจำนวนมากในลุ่มน้ำสายหลัก รวมทั้งเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆ เต็มความจุตั้งแต่ต้นปี และในช่วงกลางฤดูฝนถึงปลายฤดูฝน การระบายน้ำสามารถทำได้น้อยเนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่อง ทั้งเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน ขณะที่ในปี 2564 ช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูฝน (เม.ย.- ต้น พ.ค.) การกระจายฝนดี แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนพบว่า ปริมาณฝนที่ตกน้อยลง โดยเฉพาะช่วงปลายเดือน พ.ค. ถึง มิ.ย.มีปริมาณฝนน้อยและบางพื้นที่มีฝนทิ้งช่วงหลายสัปดาห์

3.เปรียบเทียบอิทธิพลจากพายุหมุนเขตร้อน พบว่าในปี 2554 มิ.ย.ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทยตอนบนและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทย และในช่วงปลาย มิ.ย.2554 ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน “ไหหม่า” ในประเทศลาว ทำให้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ต่อมา ก.ค.2554 ฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “นกเตน” ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยบริเวณ จ.น่าน นอกจากนี้ ยังได้รับอิทธิพลทางอ้อมจากพายุอีก 3 ลูก ได้แก่ พายุ ไห่ถาง เนสาด และนัลแก ขณะที่ในปี 2564 ช่วงปลายฤดูฝน เดือน ก.ย.มีพายุที่เข้าสู่ประเทศไทยเพียงลูกเดียวคือ พายุดีเปรสชั่น “เตี้ยนหมู่” ดังนั้น จึงมีโอกาสน้อยมากที่ กทม.และจังหวัดใกล้เคียงจะเกิดน้ำท่วมแบบปี 2554 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการและการระบายน้ำเป็นสำคัญ

Advertising

ผลตรวจแคดเมียมที่บางซื่อ พบปริมาณสูงเกินเกณฑ์ แต่ไม่พบปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 12 เมษายน 2567 ผลตรวจพื้นที่ กทม. ไม่พบปนเปื้อนแคดเมียมในสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ เผยผลตรวจสอบจากการพบกากแคดเมียมและสังกะสี ที่เขตบางซื่อ พบปริมาณแคดเมียมสูงเกินเกณฑ์เฉพาะจากตัวอย่างดินในโรงงาน แต่ดินนอกโรงงาน แหล่งน้ำใกล้เคียง และไอระเหยในอากาศ ไม่พบปนเปื้อน เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานผลการตรวจสอบกรณีตรวจพบกากแคดเมียมและสังกะสี เก็บไว้ในโรงงาน ถนนประชาราษฎร์ 1 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ ซึ่งดำเนินการร่วมกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร โดยพบการกองกากตะกอนแคดเมียมและสังกะสีภายในอาคารโรงงาน ตามการประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 จำนวน 99 ถุง คิดเป็นปริมาณ 150 ตัน กากตะกอนดังกล่าว ถูกยึดไว้เป็นของกลางในการดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน

ทั้งนี้ได้สุ่มเก็บตัวอย่างกากของเสียประกอบด้วย ดินในโรงงาน 2 ตัวอย่างและดินนอกโรงงานในเขตชุมชนช่วงระยะ 50 100 และ 500 เมตร 9 ตัวอย่าง เมื่อตรวจวิเคราะห์ด้วยเครื่องเอกซเรย์ฟลูออเรสเซนต์แบบกระจายพลังงาน (Energy Dispersive X-Ray Fluorescence; EDXRF) พบว่า กากแร่มีปริมาณแคดเมียมสูงกว่าค่า TTLC ซึ่งถือเป็นของเสียอันตราย ดินในโรงงานพบการปนเปื้อนแคดเมียมสูงเกินเกณฑ์การปนเปื้อนในดินในโรงงาน ส่วนดินนอกโรงงานตรวจไม่พบการปนเปื้อนแคดเมียม

สำหรับผลการตรวจวัดไอระเหยสารเคมีในบรรยากาศ 3 จุดได้แก่ บริเวณภายในโรงงาน หน้าโรงงาน และชุมชนห่างจากโรงงาน 250 เมตร ตรวจไม่พบสารอันตรายในบรรยากาศ

จากการเก็บตัวอย่างน้ำทิ้งบริเวณลำรางภายในอาคาร 2 จุดและเก็บตัวอย่างน้ำผิวดินบริเวณโดยรอบพื้นที่โรงงาน 3 จุดพบว่าคุณภาพน้ำเบื้องต้นในทั้งสองจุดอยู่ในเกณฑ์ปกติเนื่องจากบริเวณเก็บกากแคดเมียมไม่มีกิจกรรมที่ใช้น้ำในการประกอบกิจการและไม่พบการประกอบกิจการ

ก่อนหน้านี้กรมควบคุมมลพิษได้ร่วมประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหากากแคดเมียม 6 หน่วยงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี โดยมีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษเป็นผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประชุมร่วมกับนายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นายแพทย์ยงเจือ เหล่าศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม นายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร กระทรวงสาธารณสุข พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พลตำรวจตรี วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.)

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมย้ำในที่ประชุมว่า ทั้ง 6 หน่วยงานจะร่วมกันแนวทางการดำเนินการกากแคดเมียม ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ตลอดตจนจะสื่อสารให้ประชาชนรับทราบและเข้าใจอย่างถูกต้องว่า กากแคดเมียมที่จังหวัดตาก ได้มาจากการถลุงแร่สังกะสีซึ่งมีส่วนประกอบของแร่ทองแดงและแร่แคดเมียม ในเหมืองแร่ในจังหวัดตากซึ่งปิดตัวลงไปนานแล้วและฝังกลบอยู่ใต้ดินอย่างปลอดภัยในจังหวัดตาก กากแร่แคดเมียมที่พบ มีการปรับเสถียร ผสมกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ซึ่งนิยมใช้แพร่หลายทั่วโลกในงานก่อสร้างเพื่อป้องกันการชะล้างและการฟุ้งกระจายในอากาศ

ขณะนี้ได้เจอกากแคดเมียมแล้ว กว่า 12,500 ตัน ในจังหวัดสมุทราสาคร จังหวัดชลบุรี และเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร โดยจะสืบหากากแคดเมียมในส่วนที่ยังหาไม่พบ

ในการจัดการกับกากแคดเมียมที่พบ ได้มอบหมายกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่วางแผนและวางแนวทาง รวมถึงมาตรการป้องกันความปลอดภัยในการขนย้าย ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และจัดเตรียมพื้นที่รวมถึงสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัย ทั้งก่อนและหลังขนย้าย โดยมีแนวทางนำกลับไปฝังกลบที่บ่อเดิมในจังหวัดตากซึ่งเป็นบ่อซีเมนต์และปูด้วยพลาสติก High-Density Polyethylene: HDPE เป็นวัสดุพลาสติกที่ผลิตจากการพอลิเมอร์ไรเดอร์ในสภาวะแรงดันสูง หนา 1.5 มิลลิเมตร ตามที่การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment EIA) กำหนด

Advertisement

โฆษก ศบค. เผยคลินิกเสริมความงาม ผับ บาร์ ยังคงปิดบริการต่อไป

People Unity News : โฆษก ศบค. เผยคลินิกเสริมความงาม ผับ บาร์ ยังคงปิดบริการ เนื่องจากใช้เวลาทำกิจกรรมในสถานที่ดังกล่าวนาน วอนประชาชนยังคงเน้นการควบคุมโรคเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย

4 พ.ค. 63 เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ตอบคำถามสื่อมวลชนผ่านโซเซียลมีเดียช่วงการแถลงข่าวของศูนย์ข่าวโควิด-19 ดังนี้

โฆษก ศบค. ย้ำการให้บริการของสถานเสริมความงาม แม้บางแห่งได้มีการจดทะเบียนเวชรกรรมถูกต้อง ตามราชกิจจานุเบกษา ข้อกำหนดฉบับที่ 5 (6) ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 63 ว่า คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม เป็นหนึ่งในกิจการที่ต้องมีคำสั่งปิดสถานที่เพราะมีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากอธิบดีกรมควบคุมโรคมีความเห็นว่า กิจการ/กิจกรรมที่ทำในคลินิกเวชกรรมเสริมความงามนั้นใช้เวลานาน และถือว่ามีความจำเป็นน้อย จึงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับ โรงมหรสพ สถานบริการ ผับ บาร์ เป็นต้น ยืนยันว่ายังไม่สามารถให้กลับมาให้บริการได้

โฆษก ศบค. ยังชี้แจงถึงข้อมูลและความแม่นยำผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 18 รายที่จังหวัดสงขลาว่า หลักการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น หากมีการตรวจในคนหมู่มาก ย่อมมีโอกาสพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงเพิ่มศักยภาพในการตรวจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับทุกคนจะเป็นการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก เช่น กรณีจังหวัดยะลาที่ตรวจไป 3,000 กว่าคน แต่บางอำเภอไม่พบผู้ป่วยเลย โฆษก ศบค. ยืนยันการใช้ชุดข้อมูล สถิติ เพื่อระบุกลุ่มเสี่ยงในการตรวจเป็นวิธีที่ยอมรับระดับประเทศและนานาชาติ ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อดำเนินการในส่วนนี้

โฆษก ศบค. ยังแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนที่ได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ที่มีความแออัด ขอให้เข้าใจว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตประจำวัน จะต้องสร้างความปลอดภัยได้ เช่นเดียวกับการปฏิบัติตนตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา  หากร่วมมือกัน ยึดหลักมาตรการป้องกันโรคตามประกาศ ทั้งการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์ เจลหรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค การเว้นระยะห่าง และลดความแออัด มาตรการดังกล่าวเหล่านี้จะทำให้ประสบสำเร็จได้  ซึ่งยังต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้ได้ร้อยละ 100 เพื่อทำให้จำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อกลายเป็นศูนย์ ติดต่อกันอย่างน้อย 14 วัน จึงจะมั่นใจว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศ เพื่อเราจะเข้าสู่ระยะต่อไปได้และมีอิสระในการดำเนินชีวิตมากยิ่งขึ้น

โฆษก ศบค. ยังตอบหากพบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น จะมีมาตรการเข้มงวดขึ้นหรือไม่นั้น โดยชี้แจงว่า ศบค. มีการจัดเก็บชุดข้อมูลในรูปแบบของสถิติ ข้อมูลชุดพฤติกรรมที่มีการผ่อนปรนจะสอดคล้องกับชุดข้อมูลยืนยันผู้ติดเชื้อจากห้องปฏิบัติการ เมื่อปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนแล้ว หากพบจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อลดลง ก็สามารถขยับมาตรการผ่อนปรนต่อไปได้ แต่หากจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อมีเพิ่มขึ้น จะต้องทบทวนมาตรการต่างๆอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งผู้ประกอบการ ผู้รับบริการและผู้กำกับติดตามของภาครัฐ ช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน จะสร้างความปลอดภัยให้แก่เราได้

โฆษณา

ด่วน!! รมว.ดีอี เผยพบ 1,158 หน่วยงาน ข้อมูลรั่ว ลั่นเอาจริงขโมยข้อมูล-ซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล

People Unity News : 22 พฤศจิกายน 2566 “ประเสริฐ” ระบุพบ 1,158 หน่วยงานข้อมูลรั่ว และ 21 หน่วยงาน ระบบไซเบอร์เสี่ยงสูง ยืนยันรัฐบาลนี้เอาจริงเรื่องขโมยข้อมูล ซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล ต้องจับตัวเอามาลงโทษให้ได้

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (รมว.ดีอี) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามีปัญหาการหลุดรั่วของข้อมูลประชาชน ตลอดจนการซื้อขายข้อมูลประชาชนตามที่เป็นข่าว จึงเร่งดำเนินการ 6 มาตรการ เพื่อแก้ปัญหานี้ โดยแบ่งเป็นระยะเร่งด่วน 30 วัน ระยะ 6 เดือน และระยะ 12 เดือน ดังนี้

ระยะเร่งด่วนใน 30 วัน

1.ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPC Eagle Eye เร่งตรวจสอบข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ พร้อมทั้งค้นหา เฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล โดยในช่วงวันที่ 9-20 พ.ย. 66 ได้ดำเนินการและมีผลดังนี้

-ตรวจสอบแล้ว จำนวน 3,119 หน่วยงาน (ภาครัฐ/ภาคเอกชน)

-ตรวจพบข้อมูลรั่วไหล/แจ้งเตือนหน่วยงานแล้ว จำนวน 1,158 เรื่อง

-หน่วยงานแก้ไขแล้วจำนวน 781 เรื่อง

นอกจากนี้ พบกรณีซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล 3 เรื่อง อยู่ระหว่างสืบสวนดำเนินคดีร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ศูนย์ PDPC Eagle Eye เร่งตรวจสอบ 9,000 หน่วยงานใน 30 วัน

2.ให้สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ตรวจสอบช่องโหว่ ระบบ cybersecurity หรือระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูล โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐที่เป็นหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (Critical Information Infrastructure : CII) อาทิ ด้านพลังงานและสาธารณสุข ด้านบริการภาครัฐ และการเงินการธนาคาร เป็นต้น โดยการตรวจสอบช่องโหว่ของระบบ cybersecurity ช่วงวันที่ 9-20 พ.ย. 66

-ตรวจสอบระบบ cybersecurity แล้ว จำนวน 91 หน่วยงาน

-ตรวจพบมีความเสี่ยงระดับสูง 21 หน่วยงาน และ สกมช. ได้แจ้งให้แก้ไขแล้ว

นอกจากนี้พบการซื้อขายข้อมูลคนไทยใน darkweb (เว็บผิดกฎหมายที่คนร้ายหรือโจรออนไลน์นิยมใช้) จำนวน 3 เรื่อง อยู่ระหว่างสืบสวนดำเนินคดีร่วมกับ บช.สอท.

3.ให้ สคส. และ สกมช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมโรงแรมไทย รวมถึงเครือข่ายภาคสื่อมวลชน สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยของหน่วยงาน ความรู้เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Awareness Training) เช่น การป้องกันการบุกรุกจากบุคคลภายนอก การตั้งค่าระบบอย่างปลอดภัย และการบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด

4.ให้ดีอี และ สอท. เร่งรัดปิดกั้นการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลที่ผิดกฎหมาย และดำเนินคดีจับกุมผู้กระทำความผิด

ระยะ 6 เดือน

5.ส่งเสริมการใช้งานระบบคลาวด์กลางภาครัฐที่มีความน่าเชื่อถือ ความมั่นคงปลอดภัยตามหลักวิชาการสากล รองรับการใช้งานของบุคลากรของหน่วยงานต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันและลดปัญหาการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล จากสาเหตุที่หน่วยงานภาครัฐส่งข้อมูลให้หน่วยงานภายนอก หรือขาดบุคลากรในการกำกับดูแลงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ระยะ 12 เดือน

6.ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัยต่อบริบทของสังคมและพฤติการณ์ที่เปลี่ยนไป และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบและป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ดียิ่งขึ้น เช่น

-พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้ครอบคลุมการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล

-พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เพิ่มบทลงโทษทางอาญาในการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล และ ให้อำนาจ สคส. ดำเนินคดีได้เอง โดยไม่ต้องรอผู้เสียหายร้องเรียน

-พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พ.ศ. 2562 เพิ่มบทลงโทษแก่หน่วยงานรัฐที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์

สำหรับ 6 มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและแก้ปัญหาซื้อขายข้อมูล รัฐมนตรีดีอีได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 21 พ.ย.แล้ว

นายประเสริฐ กล่าวในตอนท้ายว่า “ขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้เอาจริง เรื่องขโมยข้อมูล ซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล ต้องจับตัวเอามาลงโทษให้ได้ สำหรับเรื่องหน่วยงานปล่อยปละละเลยให้ข้อมูลรั่ว ตนได้สั่งการให้เร่งตรวจสอบการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เหมาะสม และระบบ cybersecurity ของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐที่มีข้อมูลประชาชนจำนวนมาก ยังพบว่ามีข้อมูลรั่ว และสั่งการให้เร่งแก้ไขไปแล้ว หากหน่วยงานไหนยังทำผิดซ้ำจะลงโทษอย่างเคร่งครัดเด็ดขาดตามกฎหมาย”

Advertisement

นายกฯ สั่งเข้มติดตามผลเปิดสถานบันเทิง ย้ำมาตรการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่

People Unity News : 2 มิถุนายน 2565 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม  กำชับหน่วยงานติดตาม ตรวจสอบสถานประกอบการหลัง ศบค. มีมติให้ สถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน เปิดให้บริการเป็นวันแรก โดยยังต้องผ่านมาตรฐาน Thai Stop COVID 2Plus และที่ยื่นขออนุญาตกับสำนักงานเขตพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องปฏิบัติตาม COVID Free Setting ได้แก่

1.เปิดให้บริการและจำหน่าย และบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่เกิน 24.00 น. งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความแออัด

2.ผู้ประกอบการหรือผู้ให้บริการ ต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์และเข็มกระตุ้นตรวจ ATK ทุก 7 วัน

3.ผู้ประกอบการต้องตรวจสอบประวัติการรับวัคซีนของผู้รับบริการ โดยต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์และเข็มกระตุ้นเท่านั้น

พร้อมกำชับทั้งผู้ให้บริการและผู้เข้ารับบริการ ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดด้วย แม้ภาพรวมของสถานการณ์จะมีแนวโน้มดีขึ้นแต่ยังต้องเฝ้าระวัง ไม่ให้กลับมาระบาดจากคลัสเตอร์ใหม่โดยเด็ดขาด

Advertisement

 

ด่วน!! ป.ป.ช.ตั้งกรรมการศึกษานโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ป้องกันทุจริต

People Unity News : 27 ตุลาคม 2566 สำนักงาน ป.ป.ช. – ประธาน ป.ป.ช. ลงนามตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษา-รับฟังความเห็นนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล เพื่อป้องกันการทุจริต

วันนี้ (27 ต.ค.66) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริต ได้พิจารณารายงานการเฝ้าระวังการทุจริต นโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต จึงนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา และที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่ง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ลงนามในคำสั่งฯ วันนี้ (27 ต.ค.66) ตามมาตรา 32 วรรค 2 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ในการจัดทำมาตรการ ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ หรือองค์กรอัยการ

โดยมีรายชื่อคณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต จำนวน 31 คน มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ เป็นประธานกรรมการ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ เป็นรองประธานกรรมการ และมีกรรมการ จำนวน 23 คน มีหน้าที่และอำนาจรวบรวม และดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบาย เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต ตลอดจนจัดทำข้อเสนอแนะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เสนอความเห็น เพื่อให้มีการเสนอมาตรการ ความเห็น หรือข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประสานความร่วมมือกับคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หน่วยงานภายนอก และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการศึกษาข้อมูล เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะบุคคล เพื่อดำเนินการตามที่คณะกรรมการคณะนี้กำหนดและเห็นสมควร การดำเนินการรับฟังความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

นายนิวัติไชย ยังกล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้จะเน้นการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูล ข้อเท็จจริง จากผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามหลักความเป็นกลาง รอบคอบ รอบด้าน และเป็นธรรม เพื่อให้ได้ข้อมูลและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ในการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการทุจริต อันอาจส่งผลให้การดำเนินนโยบายไม่ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ อีกทั้งนโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต เป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องการขับเคลื่อน ดังนั้น สำนักงาน ป.ป.ช. จะดำเนินการศึกษาให้รวดเร็วควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาล โดยต้องระมัดระวังไม่ให้เป็นการก้าวล่วงการดำเนินงานของฝ่ายบริหาร หรือเป็นการระงับยับยั้งการดำเนินนโยบาย โดยไม่มีเหตุอันควร

สำหรับรายชื่อกรรมการ 23 คน ประกอบด้วย รองศาสตราจารย์มนตรี โสคติยานุรักษ์ รองศาสตราจารย์สิริลักษณา คอมันตร์ รองศาสตราจารย์อัจนา ไวความดี รองศาสตราจารย์อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือผู้แทนอัยการสูงสุด หรือผู้แทน เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือผู้แทนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือผู้แทนเลขาธิการสมาคมธนาคารไทย หรือผู้แทนประธานสภาอุตสาหกรรมฯ หรือผู้แทนประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หรือผู้แทนคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายภูมิศิริ ดำรงวุฒิ นางสาวภาณี เอี้ยวสกุล นายสุทธินันท์ สาริมาน รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่รับผิดชอบการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในกลุ่มภารกิจป้องกันการทุจริต ผู้อำนวยการสำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม และผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริต เป็นกรรมการและเลขานุการ

Advertisement

ได้เวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด.94)

People Unity : กรมสรรพากรประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีเงินได้ที่มีหน้าที่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด.94) สำหรับปีภาษี 2562 สามารถยื่นแบบพร้อมชำระภาษี ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาได้จนถึงวันที่ 30 ก.ย.2562 และเพื่อความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดเวลา ผู้เสียภาษีสามารถยื่นแบบพร้อมชำระภาษีผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตที่ www.rd.go.th จะได้รับสิทธิขยายเวลาการยื่นแบบถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2562

สำหรับผู้ที่มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 คือผู้ที่มีเงินได้ตามมาตรา 40(5) – (8) แห่งประมวลรัษฎากร เช่น เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เงินได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระ (แพทย์ วิศวกร นักบัญชี นักกฎหมาย ฯลฯ) เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือเงินได้จากการประกอบธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมุ่งทางการค้าหรือหากำไร และการพาณิชย์อื่นๆ รวมทั้งนักแสดงสาธารณะ เป็นต้น

ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 สามารถ Download พร้อมทั้งศึกษาวิธีการกรอกแบบแสดงรายการฯ ได้จากเว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th หัวข้อ Download > แบบแสดงรายการภาษี แบบคำร้อง/คำขอต่างๆ > ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือด้วยการ Scan QR Code ที่อยู่ด้านหน้าแบบแสดงรายการฯ นอกจากนี้ กรมสรรพากร มีบริการจัดส่งแบบ ภ.ง.ด.94 ให้แก่ผู้เสียภาษีที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปด้วย

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการยื่นแบบฯ ภ.ง.ด.94 ได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร โทร. 1161 และหากพบเห็นการกระทำใดๆ ที่เป็นการหลีกเลี่ยงภาษี ขอให้แจ้งเบาะแสหรือข้อมูลต่างๆ ที่ www.rd.go.th > เมนู “แจ้งเบาะแสข้อมูลแหล่งภาษี” เพื่อที่กรมสรรพากรจะได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

ข่าว : ได้เวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด.94)

People Unity : post 14 สิงหาคม 2562 เวลา 11.50 น.

Verified by ExactMetrics