People Unity News : 12 มิ.ย. 65 สหรัฐฯยกเลิกข้อกำหนดที่บังคับให้ผู้โดยสารเครื่องบินต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ ภายในระยะเวลาหนึ่งวันก่อนเดินทางเข้ามายังสหรัฐฯ โดยมีผลเช้าวันอาทิตย์นี้

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งไม่ได้เปิดเผยชื่อ กล่าวว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ​ หรือ ซีดีซี (Centers for Disease Controle and Prevention – CDC) ได้ระบุแล้วว่าการตรวจโควิด-19 ก่อนขึ้นเครื่องนั้นไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป แหล่งข่าวคนดังกล่าวยังได้บอกด้วยว่า ซีดีซี จะประเมินผลจากการยกเลิกข้อบังคับดังกล่าวทุกๆ 90 วัน และอาจจะกลับมาบังคับให้ผู้เดินทางเข้ามาสหรัฐฯ ต้องตรวจหาโควิด-19 อีกครั้ง หากเกิดการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ๆ

ที่ผ่านมาสายการบินและกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ได้เดินหน้ากดดันเป็นเวลาหลายเดือน เพื่อให้รัฐบาลของ ปธน.ไบเดนยกเลิกข้อบังคับดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า การกำหนดให้ผู้โดยสารต้องตรวจเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ก่อนขึ้นเครื่องนั้น เป็นการทำลายแรงจูงใจให้ผู้คนเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ เพราะหากพวกเขาติดโควิด-19 ก่อนบิน พวกเขาอาจจะต้องติดอยู่ในต่างประเทศและไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ​ได้

โรเจอร์ ดาว (Roger Dow) ประธานสมาคมการเดินทางแห่งสหรัฐฯ (U.S. Travel Association) กล่าวว่าการยกเลิกกฎดังกล่าว “เป็นก้าวใหญ่ก้าวหนึ่งที่จะทำให้การเดินทางทางอากาศเพื่อเข้ามายังสหรัฐฯได้ฟื้นตัว และจะทำให้นักเดินทางจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาในสหรัฐฯอีกครั้ง”

มาร์ติน เฟอร์กุสัน (Martin Ferguson) โฆษกคนหนึ่งของบริษัท Global Business Travel Group Inc. ซึ่งเป็นผู้ให้คำแนะนำแก่บริษัทต่างๆ เกี่ยวกับนโยบายการเดินทาง กล่าวว่าอุตสาหกรรมการเดินทางได้รอคอยคำประกาศนี้มานานแล้ว

สายการบินหลายแห่งได้เคยแย้งว่า กฎดังกล่าวถูกนำมาใช้ตอนที่ยังมีชาวอเมริกันจำนวนน้อยมากที่ได้รับการฉีดวัคซีน ในขณะที่ปัจจุบัน มีชาวอเมริกันที่อายุมากกว่า 5 ปีถึง 71% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ตามข้อมูลของซีดีซี สายการบินต่างๆ ยังได้ร้องเรียนว่า ผู้คนที่เดินทางเข้ามายังสหรัฐฯ โดยผ่านช่องทางทางบกนั้น ไม่ต้องเข้ารับการตรวจโควิด-19 ก่อนจะเดินทางเข้าประเทศแต่อย่างใด เพียงแต่จะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนเท่านั้น

โรเบิร์ต ไอซัม (Robert Isom) ผู้บริหารสูงสุดของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลนส์ (American Airlines) กล่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าข้อบังคับตรวจโควิด-19 ก่อนบิน ไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียหายให้กับการเดินทางเข้าออกสหรัฐฯเท่านั้น แต่ยังเป็นกฎที่ไม่เข้าท่าอีกด้วย

การเดินทางภายในประเทศในสหรัฐฯ ได้กลับมาสู่สภาวะเกือบปกติก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อีกครั้ง ในขณะที่การเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ทำเงินให้กับสายการบินต่างๆยังตามหลังอยู่มาก ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา การเดินทางระหว่างประเทศทางอากาศยังต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี ค.ศ.2019 อยู่ 24% ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางของชาวอเมริกันหรือชาวต่างชาติ ตามข้อมูลของกลุ่ม Airlines for America

หลายประเทศได้พากันยกเลิกข้อกำหนดให้มีการตรวจโควิด-19 ก่อนเดินทางทางอากาศแล้วสำหรับผู้โดยสารที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสและได้รับเข็มบูสเตอร์ เพื่อช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการเดินทางท่องเที่ยว

สหรัฐฯบังคับใช้กฎที่กำหนดให้ผู้โดยสารต้องตรวจโควิด-19 ก่อนที่จะบินเข้าประเทศตั้งแต่เดือนมกราคมของปีที่ผ่านมา และยังคงเป็นกฎของสหรัฐฯ ที่ถูกมองว่าเป็นการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศในปัจจุบัน

ในขณะนั้น รัฐบาลของ ปธน.ไบเดน ได้เริ่มยกเลิกการจำกัดการเดินทางที่ไม่จำเป็นจากหลายประเทศทั่วโลก เช่น ประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป จีน บราซิล แอฟริกาใต้ อินเดีย และอิหร่าน โดยในระยะแรกนั้น ได้กำหนดให้ผู้ที่จะเดินทางเข้าสหรัฐฯ ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วต้องแสดงหลักฐานว่ามีผลตรวจโควิดเป็นลบ ภายใน 3 วันก่อนเดินทางโดยเครื่องบิน

ในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เมื่อมีการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนทั่วโลก รัฐบาลสหรัฐฯได้เพิ่มความเข้มข้นของกฎดังกล่าว โดยบังคับให้ผู้โดยสารทุกคน ไม่ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่ ต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบภายในหนึ่งวันก่อนเดินทางเข้าสหรัฐฯ ซึ่งทำให้นักเดินทางบางคน หันไปใช้วิธีอื่นๆในการเลี่ยงข้อบังคับดังกล่าว เช่น การนั่งรถเมล์จากแคนาดาข้ามพรมแดนเข้ามายังสหรัฐฯ เป็นต้น

ถึงแม้ว่าจะมีการยกเลิกข้อบังคับตรวจโควิดก่อนการบิน ทางซีดีซียังจะแนะนำให้ผู้โดยสารเครื่องบินทุกคนตรวจโควิดก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

สายการบินต่างๆในสหรัฐฯ คาดการว่าการยกเลิกกฎดังกล่าวจะทำให้มีผู้โดยสารกลับมาเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 4.3 ล้านคนภายในหนึ่งปี

ที่มา: เอพี

Advertisement