วันที่ 8 พฤษภาคม 2024

“คลัง”เผยวันหยุดยาวนักท่องเที่ยวใช้เงิน “ชิมช้อปใช้” สะพัด

People Unity News : “คลัง”เผยวันหยุดยาวนักท่องเที่ยวใช้เงิน “ชิมช้อปใช้” สะพัด ยอดสะสมกว่าหมื่นล้านบาท ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตรงตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังได้แนะนำมาตรการ “ชิมช้อปใช้” พร้อมรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงสิ้นปี และไม่ควรกระจุกตัวเฉพาะเพียงเมืองหลัก แต่ควรกระจายออกสู่เมืองรองด้วย พร้อมยืนยันร้านค้าและผู้ประกอบเข้าร่วมโครงการ “ชิมช้อปใช้” ราว 180,000 ร้านค้า กระจายอยู่ 77 จังหวัดทั่วทั้งประเทศ

นายชาญกฤช กล่าวอีกว่า ในช่วงวันหยุดยาว 2-5 พ.ย. 62 เป็นระยะเวลา 4 วันติดต่อกันสำหรับคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อลดปัญหาการจราจร รองรับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน พี่น้องประชาชนให้การตอบรับการรณรงค์ท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นอย่างดี

อีกทั้ง ยอดการจับจ่ายใช้สอยผ่านแอ็ป “เป๋าตัง” ทั้งกระเป๋า 1 และกระเป๋า 2 ก็ดีเกินคาด เม็ดเงินทยอยไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากทะลุหมื่นล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และเป็นที่น่าสังเกตว่าพี่น้องประชาชนเริ่มใช้จ่ายเงินผ่านแอ็ป “เป๋าตัง” และผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงวิสาหกิจชุมชนก็สามารถรับเงินผ่านแอ็ป “ถุงเงิน” คล่องแคล่วมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยยอดการใช้จ่าย ชิมช้อปใช้ ณ วันที่ 3 พ.ย.62 มียอดการใช้จ่ายรวม 10,667.3 ล้านบาท แบ่งเป็น ร้านชิม 1,460.1 ล้านบาท ร้านช้อป 6,171.7 ล้านบาท ร้านใช้ 141.7. ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป 2,893.8 ล้านบาท

กระทรวงการคลังขอย้ำว่า วัตถุประสงค์หลักของโครงการ “ชิมช้อปใช้” มี 3 ประการ คือ 1. ส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนรับรู้และเข้าใจนิยามของคำว่า “สังคมไร้เงินสด” ในทางปฏิบัติ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การค้าขายในสังคมยุคดิจิทัล 2. ส่งเสริมสถาบันครอบครัว เพราะพ่อ แม่ ลูก จะมีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้นผ่านการท่องเที่ยว และ 3. กระจายเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศผ่านร้านค้ารายย่อยและวิสาหกิจชุมชนอย่างแท้จริง โดยจะเพิ่มมากขึ้นแบบเป็นนัยยะในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของฤดูการท่องเที่ยว

“จากการลงพื้นที่ติดตามผลอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่พบว่า ร้านค้ารายย่อยและวิสาหกิจชุมชนสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างน้อย 30 เปอร์เซนต์ และบางพื้นที่ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 100 เปอร์เซนต์ แสดงว่าเงินสามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ก่อให้เกิดการหมุนเวียน และกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง” นายชาญกฤชกล่าว

นางวิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า เมื่อรวมยอดผู้ลงทะเบียนโครงการ “ชิมช้อปใช้” ทั้งเฟส 1 และ 2 มีประชาชนร่วมลงทะเบียน 13 ล้านคน นับว่าเป็นกลุ่มที่มีพลังงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการหยุดยาว 4 วัน ช่วงประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน แม้ประชาชนยังเน้นใช้เงินผ่านกระเป๋า 1 เมื่อใช้เงินเพียงบางส่วนในกระเป๋า 1 แล้ว วงเงินที่เหลือ ยังทยอยใช้ได้จนถึงเดือนธันวาคม ส่วนกระเป๋า 2 ขั้นตอนการเติมเงินไม่ยุ่งยาก เพราะในแอ็บเป๋าตัง จะมีแถบการใช้สิทธิ์สองแถบ คือ กระเป๋า 1 ใช้สิทธิ์รับเงิน 1,000 บาท ส่วนกระเป๋า 2 เข้าไปในปุ่มสีส้ม กดเข้าไปจะได้รับ QR Code หรือได้รับ G-Wallet ID จากนั้นให้แคปหน้าจอ QR Code เพื่อเติมเงินในกระเป๋า 2 นอกจากนี้ ธ.กรุงไทยยังเปิดให้เติมเงินผ่านตู้ ATM เพื่อนำเงินกระเป๋า 2 ออกไปใช้จ่ายได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาล

สำหรับการได้รับสิทธิ์เงินชดเชยจากการใช้เงินผ่านชิมช้อปใช้ วงเงิน 30,000 บาทแรก ได้รับเงินชดเชยร้อยละ 15 ของมูลค่าซื้อขายแต่ไม่เกิน 4,500 บาท หากซื้อเกิน 30,000-50,000 บาท ได้รับเงินชดเชยร้อยละ 20 ของเงินใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาท ทั้งสองโครงการใช้เงินได้ถึงสิ้นปี 62 ยอมรับว่าแม้จะได้รับเงินชดเชยคืนภายหลังโครงการครบกำหนดไปแล้ว แต่ให้ถือว่าเป็นเงินของตนเองจากการซื้อสินค้าแล้วได้รับชดเชยคืนจากภาครัฐ  หลังจากนี้จะมีโครงการแคมเปญใหญ่ ธ.กรุงไทย ร่วมกับการท่องเที่ยว โหมกระหน่ำลดราคา เพื่อดึงนักท่องเที่ยวออกไปเที่ยวช่วงปลายนี้ ให้ติดตามการประกาศแคมเปญในเร็วๆ นี้

“จุรินทร์”ยกจีนเป็นต้นแบบแก้จน บุกตลาดขายสินค้าเกษตร

People Unity :  “จุรินทร์”เชื่อมจีนบุกตลาดขายสินค้าเกษตร ทำความสัมพันธ์ให้ความสำคัญ เป็นต้นแบบแก้ความยากจนในไทย

วันที่ 28 ต.ค.2562 เวลา 09.10-9.40 น. ณ ห้องบอลรูม 1 โรงแรมดิเอมเมอรัล-รัชดา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “7 ทศวรรษจีนใหม่  ก้าวต่อไปที่โลกเฝ้ามอง” โดยใช้เวลาร่วมชั่วโมงปาฐกถาพิเศษการพัฒนาจีน แบบอย่างที่โลกเรียนรู้ โดยมีผู้เข้าร่วมฟังจากทั้งสมาคม สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับ อสมท. สถานทูตจีน และผู้สนใจเกี่ยวข้อง

นายจุรินทร์ กล่าวว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งกับการที่สื่อมวลชนไทยและจีนได้ร่วมกันจัดการสัมมนานี้ขึ้นมาในวันนี้  เมื่อพูดถึงความเจริญก้าวหน้า 70 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทุกๆด้าน ในระดับที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นความมหัศจรรย์ โดยความมหัศจรรย์ที่ผมอยากจะพูดถึงในวันนี้คือความมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจ ที่จีนได้แสดงให้ชาวโลกเห็น ในห้วง 70 ปีที่ผ่านมา พัฒนาการทางเศรษฐกิจที่มั่นคงของจีนส่งผลให้ชาวจีนมีรายได้เฉลี่ยสูงขึ้นราว 60 เท่า โดยเมื่อ 70 ปีที่แล้ว รายได้เฉลี่ยต่อหัวของชาวจีนอยู่ที่เพียง 49.7 หยวน หรือราว 250 บาท ในขณะที่เมื่อปี 2561 มีจำนวน 28,200 หยวน หรือราว 1.41 แสนบาท และการเติบโตอย่างมั่นคงของรายได้ส่งผลให้อัตราการใช้จ่ายเติบโตขึ้นตามไปด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงกำลังซื้ออันมหาศาล และความต้องการวัตถุดิบ ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน การค้า และการลงทุนอันมหาศาล ที่ช่วยสร้างการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก

และที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง คือการลดความยากจน ซึ่งตอนนี้ จีนมีคนจนประมาณต่ำกว่าร้อยละ 1 ของประชากรทั้งหมด นั่นหมายถึงประชากรประมาณ 700 ล้านคนของจีนได้ถูกยกออกจากความยากจน ตลอดสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ในวันนี้ประเทศจีนคือขุมพลังทางอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าสินค้าอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ เหล็ก ปูนซีเมนต์ ถ่านหิน ยานยนต์ เรือ รถไฟความเร็วสูง หุ่นยนต์ สะพาน อุโมงค์ ถนน เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และที่สำคัญคือจีนมีสถิติการสมัครเพื่อจดทะเบียนสิทธิบัตรมากที่สุดในโลก ซึ่งมากกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 1.5 เท่า และปัจจุบันนี้ จีนได้กลายเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ของโลก ทั้งด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การชำระเงินออนไลน์ อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of things) ปัญญาประดิษฐ์ และบล็อกเชน ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้จีนจะยังคงรักษาบทบาทการเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกต่อไปในอนาคต

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามใกล้ชิด คือประเทศจีนทำอย่างไรในการเปลี่ยนแปลงประเทศ จากประเทศยากจนที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพียงหนึ่งในสามของรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประเทศในแถบทวีปแอฟริกา ให้กลายเป็นขุมพลังทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของโลก และที่สำคัญคือประเทศนี้มีประชากรถึง 1.4 พันล้านคน

1.จีนให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพทางการเมือง 2.การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก 3.เน้นการปฏิรูปจากล่างสู่บน 4.ส่งเสริมอุตสาหกรรม โครงสร้างต่างๆ ในท้องถิ่น การส่งเสริมให้แรงงานมีทักษะอยู่อาศัยและทำงานในท้องถิ่น การลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลในด้านโครงสร้างพื้นฐาน 5.ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลกับเอกชน 6.ในด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นักลงทุนจีนได้ก้าวออกไปลงทุนทั่วโลก ทั้งนี้ เห็นว่าจีนเน้นเพื่อส่งเสริมการพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศ รับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมีคุณภาพ ที่เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเดินหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หวังยุติความขัดแย้งสงครามการค้า

สำหรับไทยพวกเราย่อมให้ความสำคัญเรียนรู้จากประสบการณ์ในการพัฒนาประเทศของจีน และสามารถก้าวและเติบโตไปพร้อมกับจีนได้ เราเป็นเอเชียด้วยกัน กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับตลาดจีนเป็นอย่างมาก เพราะจีนเองก็เป็นประเทศคู่ค้าลำดับ 1 ของไทย โดยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2552 – 2561 มูลค่าการค้าระหว่างไทยและจีนขยายตัวสูงมาก ถึงร้อยละ 10.3 โดยเฉลี่ยต่อปี โดยจีนเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทย ครองสัดส่วนการค้าร้อยละ 16 ของการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 14 ของจีน ครองสัดส่วนการค้าราวร้อยละ 2.1

ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับจีน มี 2-3 รูปแบบกลไกแรกคือ JC คณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน (JC เศรษฐกิจไทย-จีน, กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation – MLC) , ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง (Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ใน 3 กรอบความร่วมมือสำคัญเราทำงานร่วมกัน และอีกอันคือ กรอบ FTA อาเซียน-จีน ระหว่างประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจนี้ตนก็เป็นประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ในระหว่างนี้ ก็ได้มีแนวทางและดำเนินการประชุมจะได้จาต่อเนื่อง

ตนได้จัดคณะเดินทางไปเยือนนครหนานหนิง ระหว่างวันที่ 20-21 กันยายน 2562 และได้พบหารือกับรองนายกรัฐมนตรี หาน เจิ้ง และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประจำเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง (นายลู่ ซิน เซ่อ) ในประเด็นความร่วมมือรอบด้าน โดยเน้นสินค้าเกษตร และมีการลงนาม MOU สินค้ามันสำปะหลังด้วย รวมถึงได้พบหารือกับผู้แทนภาครัฐ/เอกชนไทย-จีน ในกลุ่มยางพารา มันสำปะหลัง และผลไม้ และเร็วๆนี้ ผมจะพาคณะเดินทางไปยังนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อเข้าร่วมงาน China International Import Expo 2019 หรือ CIIE 2019 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่ดี ประเทศไทยให้ความสำคัญกับจีน และสานต่อความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีน ตลอดจนขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ ที่มีมาอย่างยาวนานในอดีตให้พัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคงในอนาคต

ในช่วงหนึ่งนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปไทยเรามีเอ็มโอยูหรือข้อตกลง อยู่กับจีนในเรื่องของข้าวกับยางพาราซึ่งในเรื่องของข้าวนั้นเราได้ทำเอ็มโออยู่กับจีนที่จะจีนช่วยเราซื้อข้าวเราประมาณ 2,000,000 ตันซึ่งขณะนี้เข้าใจว่ายังขาดอยู่อีก 1,300,000 ตัน รวมทั้งยาพาราเรามีเอ็มโออยู่กับจีนอีก 2 แสนตันจีนซื้อแล้ว 16,800 ตันยังขาดอยู่ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้เรื่องนี้ตนก็ได้ประสานงานผ่านท่านทูตจีนไปแล้วรวมทั้งได้ฝากท่านรองฯหานเจิ้งของจีนไปด้วย ตนในฐานะเซลล์แมนประเทศก็จึงขอทำหน้าที่ไปด้วย

และ ในฐานะกำกับกระทรวงพาณิชย์ ไทยเรายังให้ความสำคัญกับการใช้กลไกทูตพาณิชย์ทั่วโลกในการทำหน้าที่เซลล์แมนประเทศ หรือในการเจาะลึกรายบุคคลต้องยอมรับว่าประเทศจีนมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกระจายไปทั่วทุกมณฑลมีความต้องการใช้สินค้าเกษตรอาหารอะไรรูปและสินค้าจากประเทศไทย จึงเป็นจุดสำคัญในการที่ทูตพาณิชย์ไทยต้องทำงานหนักในการร่วมมือแต่ละมณฑลเพื่อส่งสินค้าไปจีนมากขึ้นลดการขาดดุลการค้าลงมาให้แคบลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมรับหน้าที่สิ่งที่ผมตั้งเป็นนวัตกรรมใหม่ในทางเศรษฐกิจของกระทรวงก็คือเราจะตั้ง กรอ.พาณิชย์เพื่อเป็นเวทีสำหรับความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชนระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับผู้ส่งออกและพ่อค้าเช่นเดียวกันที่จีนทำอยู่และประสบความสำเร็จคือการให้ความสำคัญทำงานร่วมกันระหว่างรัฐกับเอกชน

อย่างไรก็ตามการทำงานนั้น ตนเพิ่งประกาศไปว่าเราต้องทำงานเชิงรุกไปทุกตลาดทั่วโลก ก็เพิ่งประกาศไป เรากับจีนต่างกันที่รูปแบบการปกครองแต่เงื่อนไขความสำเร็จคือหลักใหญ่ต้องใช้หลักการบริหารรัฐกิจที่ชัดเจนจะทำให้เดินหน้าไปได้ เช่นที่ประธานาธิบดีสีได้ทำก็เป็นแบบอย่างก็เป็นเรื่องดี

นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า เวลา 70 ปี เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปีของอาณาจักรจีนที่มีเรื่องราวมากมาย  แต่ 70 ปีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนก็เป็นกรณีศึกษาของโลกยุคปัจจุบัน  และปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอิทธิพลต่อโลกในอนาคต  ดังนั้นการสัมมนาเรื่อง “ 7 ทศวรรษจีนใหม่ ก้าวต่อไปที่โลกเฝ้ามอง” ที่ สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับ อสมท. จัดในวันนี้ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านในการนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาด้านต่างๆในอนาคต

รัฐบาลแจงยังไม่เริ่ม “ภูเก็ตโมเดล” เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขออย่ากังวล จะทำรัดกุมที่สุด

People Unity News : รัฐบาลแจงยังไม่เริ่ม “ภูเก็ตโมเดล” รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เผยอยู่ในขั้นหารืออีกหลายขั้นตอน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเตรียมใช้ภูเก็ตโมเดล เป็นต้นแบบเปิดรับนักท่องเที่ยวนั้น โครงการดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการหารือในรายละเอียด ยังมีอีกหลายขั้นตอนที่จะต้องมาพิจารณาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยว กลุ่มชาวต่างชาติที่จะเข้ามา วิธีการคัดกรอง การป้องกัน ฯลฯ ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควร จนกว่าจะมั่นใจได้ว่า เมื่อเปิดรับชาวต่างชาติแล้ว จะไม่นำมาซึ่งความเสี่ยงการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 2

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ขอให้ชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวชาวไทยสบายใจได้ ว่าตอนนี้ยังไม่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยการดำเนินการจะทำอย่างรัดกุมมากที่สุด การเปิดรับนักท่องเที่ยวจะทำอย่างเหมาะสม ไม่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื่อโควิด-19 ระลอก 2 และภูเก็ตโมเดลจะเป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ (New Normal) ที่กำหนดพื้นที่ให้ท่องเที่ยวแบบจำกัด มีการกักตัว 14 วันก่อนให้เดินทางท่องเที่ยวอย่างแน่นอน ที่สำคัญจะพิจารณาเฉพาะประเทศที่ปลอดโควิด ช่วงนี้รัฐบาลขอเชิญชวนคนไทยออกไปเที่ยวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้มีการกระจายรายได้ลงสู่ประชาชนในแต่ละพื้นที่

Advertising

“จุรินทร์”ลุยต่อ”เยอรมนี” ขายข้าวเครื่องดื่ม ถุงมือยาง

People Unity News : “จุรินทร์”ลุยต่อ”เยอรมนี” ขายข้าวเครื่องดื่ม ถุงมือยาง ผลิตภัณฑ์ยางทางการแพทย์กับเภสัชกรรม หลอดและท่อ

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นายจุรินทร์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดการเดินทางเยือนเยอรมนี โดยเวลา 9.30 – 10.00 น. เป็นสักชีพยานการลงนาม MOU ระหว่างนักธุรกิจไทยและเยอรมนี (ข้าวและเครื่องดื่ม) ณ โรงแรม Hyatt Regency Dusseldorf
1 ผู้ส่งออกไทย บริษัท ยูนิเวอร์แซลไรซ์ จำกัด กับ บริษัท Kreyenhop & Kluge GmbH & Co. KG
2 ผู้ส่งออกไทย บริษัท Boonrawd Trading International Co.,Ltd กับ บริษัท Kreyenhop & Kluge GmbH & Co. KG

เวลา 11.00 – 11.30 น. เข้าร่วมกิจกรรมสาธิตการปรุงอาหารไทย ร่วมกับเชฟไทย ณ ห้าง METRO Deutschland GmbH ซึ่งปัจจุบันห้าง Metro เป็นบริษัทค้าส่งรายใหญ่อันดับต้นๆ ของเยอรมนี มีสาขาทั้งสิ้น 760 สาขา และมีพนักงานทั้งสิ้น 152,426 คน ในปีที่ผ่านมามีผลประกอบการทั้ง 36,534 ล้านยูโร

เวลา 14.30 น. เข้าร่วมงานแสดงสินค้า Medica 2019 และเยี่ยมชมคูหาผู้ประกอบการไทย โดยงานแสดงสินค้า Medica 2019 ครั้งที่ 50 จัดโดย Messe Dusseldorf GmbH ในระหว่างวันที่18-21 พฤศจิกายน มีพื้นที่จัดแสดงสินค้าทั้งหมด 17 อาคาร รวมพื้นที่ 112,242 ตร.ม. มีผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าจำนวน 5,286 บริษัท จาก 71 ประเทศทั่วโลก และมีผู้เข้าเยี่ยมชมงานรวมจำนวน 120,116 คน ซึ่งเป็นโอกาสอันดีของผู้ประกอบการไทยในการพบและเจรจาธุรกิจ พร้อมแสวงหาลู่ทางทางการค้ากับผู้ซื้อและผู้นำเข้ารายใหญ่จากทั่วโลก

และในงานนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้นำผู้ส่งออกไทยเข้าร่วมทั้งสิ้น 15 บริษัท มีพื้นที่เข้าร่วมงานแสดงสินค้าทั้งหมด 114 ตารางเมตร โดยสินค้าที่นำมาแสดง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยางทางการแพทย์และเภสัชกรรม ถุงมือยาง หลอดและท่อ เป็นต้น

“ประยุทธ์” สั่งจัดทำมาตรการเพิ่มเติมหรือยืดมาตรการเดิมเยียวยาเศรษฐกิจจากพิษโควิด 19

People Unity News : นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณาจัดทำมาตรการเพิ่มเติม หรือยืดระยะเวลามาตรการเดิม พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอเพื่อช่วยเหลือประชาชนกว่า 40 ล้านคนในทุกพื้นที่

5 ม.ค. 2564 เวลา 12.00 น. ณ โถงตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมอบให้หมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณาจัดทำมาตรการเพิ่มเติม หรือยืดระยะเวลามาตรการเดิม พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอเพื่อช่วยเหลือประชาชนกว่า 40 ล้านคนในทุกพื้นที่ ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้มีการขอความร่วมมือจากสมาคมโรงแรม ที่พักต่างๆ ในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ไม่ให้มีการเก็บเงินมัดจำเมื่อมีการยกเลิกการจองห้องพัก พร้อมย้ำว่า “โครงการคนละครึ่ง” ไม่ต้องเสียภาษี เพื่อเป็นการผ่อนภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน

นายกรัฐมนตรีย้ำว่ามาตรการต่างๆ คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมาทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจ ทุกคนต้องร่วมมือกัน “รวมไทยสร้างชาติ ร่วมต้านโควิด-19” ให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิด-19 โดยทุกคนต้องระมัดระวังตัวเอง ซื่อสัตย์กับตัวเอง เข้าสู่การตรวจสอบคัดกรองโรค ไม่ปิดบังการเดินทางของตัวเองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในสถานที่อื่นเพิ่มเติม คำนึงถึงครอบครัวและสังคมส่วนรวม ที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานอย่างหนัก และต้องรับฟังปฏิบัติตามมาตรการของรัฐด้วย

Advertising

โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งชาวไร่อ้อยเตรียมรับข่าวดี

People Unity News : โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งชาวไร่อ้อยเตรียมรับข่าวดี หากจดทะเบียนชาวไร่อ้อยก่อน 29 พ.ย นี้ เพื่อรับการช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างทั่วถึง

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้เปิดให้บริการรับจดทะเบียนชาวไร่อ้อยและหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อย ประจำปี 2562 ครั้งที่ 2 ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 โดยเกษตรกรชาวไร่อ้อยสามารถยื่นคำร้องขอจดทะเบียน ได้ที่เขตบริหารอ้อยและน้ำตาลทราย 1 – 8 และหน่วยประจำโรงงานน้ำตาลทั้ง 57 แห่งทั่วประเทศ ฟรีไม่เสียค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งสิ้น
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่เกษตรกรชาวไร่อ้อยจะได้รับเบื้องต้นจากการจดทะเบียน คือ

1) ได้รับสิทธิ์ในการส่งอ้อยเข้าโรงงานอย่างถูกต้องและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด 2) ได้รับเงินค่าอ้อยเพิ่มขึ้นกรณีที่การประกาศราคาอ้อยขั้นสุดท้ายมากกว่าราคาอ้อยขั้นต้น และ 3) ได้รับการสนับสนุนและการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ จากภาครัฐ อยากให้ชาวไร่อ้อยทุกครอบครัวลงทะเบียนให้ครบถ้วนเพื่อเตรียมรับข่าวดีที่น่าจะมีการประกาศเร็วๆนี้

ก.อุตสาหกรรมรับรองคุณภาพสินค้า “เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ” จากผู้ผลิตชุมชน 2 รายแรก

People Unity News : กระทรวงอุตสาหกรรม การันตี “เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ” สินค้าจากชุมชน สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ 100% หลัง สมอ. ให้การรับรองคุณภาพสินค้าแก่ผู้ผลิตชุมชน 2 รายแรกของไทย ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ที่ปรับแก้ไขใหม่ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เมื่อเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ชวนประชาชนอุดหนุนสินค้าไทย รับวิถีปกติใหม่ (New normal)

นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. ได้แก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน  มผช.907/2563 ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือ ซึ่งรวมถึงเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เพื่อให้สอดคล้องตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข โดยแก้ไขเกณฑ์กำหนดส่วนผสมของแอลกอฮอล์ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ70 เพื่อให้สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 นั้น เป็นที่น่ายินดีว่า มีผู้ผลิตชุมชน 2 รายแรกของไทย ได้รับการรับรองคุณภาพสินค้าตามมาตรฐานดังกล่าวจาก สมอ. แล้ว ได้แก่ ดีดีดี แอลกอฮอล์เจล ของนางสาวเรณู แก้วตา ผู้ผลิตชุมชนจังหวัดลำพูน ได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2563 และนางสาววรรณภัสสร สันติธรรมสุททิ์ ผู้ผลิตชุมชนจังหวัดชุมพร ได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา

“การได้รับการรับรองในครั้งนี้ เป็นเครื่องการันตีว่า สินค้ามีคุณภาพตามมาตรฐาน สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ 100 % ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เป็นหนึ่งในมาตรการและแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการของกระทรวงอุตสาหกรรม ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ ให้สามารถพัฒนาสินค้าได้ตามมาตรฐาน สร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจ ตลอดจนเพิ่มยอดขายสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์โควิด 19″ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้ว่าสถานการณ์โควิด 19 จะคลี่คลาย แต่ประชาชนก็ยังต้องป้องกันตนเอง ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย การใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และฉีดพ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ เพื่อให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสดังกล่าว เจลแอลกอฮอล์ล้างมือจึงเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่จำเป็นสำหรับประชาชนที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันตามวิถีปกติใหม่ หรือ New normal จึงขอฝากถึงประชาชนให้อุดหนุนสินค้าของไทย โดยเฉพาะสินค้าจากผู้ผลิตชุมชน และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เพื่อสร้างงานและสร้างรายได้สู่ชุมชน และที่สำคัญเพื่อความปลอดภัยและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 สำหรับผู้ผลิตชุมชน และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถนำมาตรฐาน มผช.907/2563 ไปเป็นแนวทางในการผลิตเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ที่ได้มาตรฐาน โดยขอให้ท่านยื่นจดแจ้งกับกระทรวงสาธารณสุขตามกฎหมายก่อน หลังจากนั้นให้มายื่นขอการรับรองที่ สมอ. หรือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tisi.go.th หรือสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2202 3345-46 กองบริหารมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน

Advertising

รมช.พาณิชย์​สั่งใช้แต้มต่อ FTA ดันผลิตภัณฑ์​โคนมไทยบุกตลาดสิงคโปร์​

People Unity News : “วีรศักดิ์” เผยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศนำสหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการนมโคแปรรูปไทย เข้าร่วมงานแสดงสินค้า​ที่สิงคโปร์​ กรุยทางใช้ FTA เป็นใบเบิกทางขยายตลาดสินค้ผลิตภัณฑ์​โคนมไทยเจาะกลุ่มผู้บริโภค​ที่มีกำลังซื้อสูง

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 นายวีร​ศักดิ์​ หวัง​ศุภกิจ​โกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ความคืบหน้า​ในการดำเนินนโยบายขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยโดยใช้ประโยชน์​จากข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรี หรือ FTA ล่าสุดกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้นำคณะสหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการนมโคแปรรูปที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ “จัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วย FTA” จำนวน 13 ราย เข้าร่วมชมงานแสดงสินค้า​อาหาร Food Japan ซึ่งงาน Food Japan ดังกล่าว ถือเป็นเป็นงานแสดงสินค้าญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์​

โดยผู้ประกอบการ​ที่นำสินค้ามาแสดงในงานส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสหกรณ์ที่มีการรวมตัวเข้มแข็ง นำเสนอสินค้าพื้นถิ่นของแต่ละชุมชน โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตร หรือสินค้าอาหาร และเครื่องดื่ม ที่มีความหลากหลาย ที่สำคัญ​คือมีการใช้นวัตกรรมในกระบวนการผลิต เช่น ผักและผลไม้ออแกนิกส์ ชาเขียวฮาลาล ชีสผสมผลไม้ หรือข้าวสีน้ำตาล (Brown Rice) ที่นำมาผ่านขั้นตอนทำให้กลายเป็นวัตถุดิบที่ในการผลิตสินค้าหลากหลายประเภท เช่น ผงชงดื่มเพื่อสุขภาพ และสาเก เป็นต้น ซึ่งการทึ่กระทรวงพาณิชย์​ไทย โดยกรม​เจรจา​การค้า​ระหว่าง​ประเทศ​ ได้นำตัวแทนสหกรณ์​และผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมชมงาน Food Japan ในครั้งนี้ ก็เป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ ทั้งในด้านการผลิตสินค้า การนำ นวัตกรรม​มาใส่ในตัวผลิตภัณฑ์​ รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์​ ที่สวยงามทันสมัย ดึงดูดให้ผู้บริโภคสนใจในสินค้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการและตัวแทนสหกรณ์​ไทย ยังได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับบริษัทที่นำสินค้ามาจัดแสดงในงานดังกล่าว ทำให้ได้รับประสบการณ์​ใหม่ๆ เกี่ยวกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ให้มีความน่าสนใจ สามารถดึงจุดเด่นของสินค้ามานำเสนอต่อผู้บริโภคได้ ขณะเดียวกัน​ ยังได้รับทราบแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภค หรือ เทรนด์ทางการค้า ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและสหกรณ์​โคนมไทยเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีอำนาจการซื้อสูง บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพและมีความหลากหลาย และเป็นศูนย์กลางการค้าที่สามารถกระจายสินค้าของไทยไปยังตลาดโลกได้ โดยในช่วงปี 2559-2561 มูลค่าส่งออกนมโคแปรรูปของไทยในภาพรวม มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ช่วง 8 เดือนแรก ของปี 2562 มีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 1,238 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 7.4 สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ โยเกิร์ต บัตเตอร์มิลค์ นมและครีม ตลาดหลักเป็นประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น กัมพูชา (ขยายตัวร้อยละ 17) ฟิลิปปินส์ (ขยายตัวร้อยละ 14) และสิงคโปร์ (ขยายตัวร้อยละ 8) รวมทั้งฮ่องกงและจีน เป็นต้น

“จุรินทร์”บุกสตูดิโอ”ดิสนีย์-นิคคาโลเดียน”สหรัฐฯ หนุนอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์

People Unity News : “จุรินทร์”บุกสตูดิโอ”ดิสนีย์-นิคคาโลเดียน”สหรัฐฯ หนุนอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ลุยตลาดโลกทำรายได้เข้าประเทศ

เมื่อเวลา 10.00-14.00น.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ตามเวลาท้องถิ่นของเมืองลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำทีมคณะผู้บริหาร และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เจาะตลาดดิจิทัลคอนเทนต์ระดับโลก ล้วงลึกเรียนรู้กระบวนการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นอันดับหนึ่งของโลกที่ Walt Disney และ Nickelodeon สหรัฐอเมริกา

นายจุรินทร์กล่าวว่า พร้อมหาลู่ทางขยายโอกาสการสร้างคอนเทนต์ของนักสร้างสรรค์ไทยในอนาคต โดยได้เยี่ยมชมการทำงานงานจริงในสตูดิโอพร้อมทั้งได้หารือกับนักสร้างสรรค์ไทยระดับรางวัลออสการ์ที่ทำงานในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของไทยมีมูลค่าสูงถึง 112,400 ล้านบาท ประกอบด้วยภาพยนตร์ แอนิเมชั่น โทรทัศน์ 91,500 ล้านบาท เกมส์ 19,000 ล้านบาท คาแรคเตอร์ 1,900 ล้านบาท ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์พร้อมส่งเสริมสนับสนุนให้อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยเติบโตสามารถขยายไปยังต่างประเทศให้ได้มากยิ่งขึ้น

การเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสมุ่งผลักดันธุรกิจบริการ digital content และหารือกับกลุ่มนักสร้างการ์ตูน หรือ Animator คนไทยรู่นใหม่ ที่สร้างสรรผลงานให้กับบริษัท Nickelodeon Animation Studio และ Walt Disney Studio โดยได้หารือถึงโอกาสในการผลักดันคนไทยรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพให้ได้เข้ามาทำงานร่วมกับ Nickelodeon และ Disney เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ ตลอดจนความร่วมมือในการจัดกิจกรรมเรียนรู้วัฒนธรรมไทย เพื่อสร้างสรรการ์ตูนเรื่องใหม่ที่มาจากเรื่องราวของวัฒนธรรมเอเชีย พร้อมหารือถึงแนวทางที่จะพัฒนาส่งเสริมคนไทยที่มีศักยภาพให้ได้มีโอกาสมาพัฒนาฝีมือและสร้างสรรงานร่วมกับบริษัทระดับโลก โดยมีคนไทยที่ทำงานให้กับบริษัท Animation อาทิ Walt Disney studio ,Nickelodeon Animation Studio ,Wizard Entertainment เป็นต้น เข้าร่วม

“ศักดิ์สยาม”เป็นประธานพิธีต้อนรับขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดงชุดแรกจากญี่ปุ่น

People Unity News : “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิธีต้อนรับขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วง “บางซื่อ – รังสิต” และช่วง”บางซื่อ – ตลิ่งชัน” ชุดแรกจากญี่ปุ่น

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.00 น. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีต้อนรับขบวนรถไฟฟ้าโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ – รังสิต และช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน ชุดแรก โดยมี นายชิโร ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงคมนาคม นางคัทซึระ มิยาซากิ ผู้อำนวยการองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ผู้บริหารกิจการค้าร่วม เอ็มเอชเอสซี (MHSC) นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย และสื่อมวลชน ร่วมงาน ณ อาคารปฏิบัติการหลัก ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟชานเมือง โครงการระบบรถไฟชนเมือง (สายสีแดง)

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบรถไฟฟ้าชุดแรก จำนวน 10 ตู้ จากทั้งหมด 25 ขบวน ในส่วนขบวนรถไฟฟ้าที่เหลือจะทยอยเดินทางมาจนครบทั้งหมดภายในกลางปี 2563 หลังจากนั้นจะดำเนินการทดสอบขบวนรถให้แล้วเสร็จ เพื่อให้พร้อมที่จะดำเนินการทดสอบ System Integration Testing และทดสอบการวิ่งให้บริการเสมือนจริง (Trial Running) ให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนที่จะเปิดเดินรถเชิงพาณิชย์ภายในต้นปี 2564

ขบวนรถไฟฟ้าที่ใช้ในโครงการรถไฟสายสีแดง เป็นขบวนรถไฟฟ้าของกลุ่มกิจการร่วมค้า MHSC ร่วมกับ ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ จำกัด และ บริษัท ฮิตาชิ จำกัด ประกอบไปด้วยขบวนรถไฟ 2 รูปแบบ คือ รถไฟฟ้าชนิด 6 ตู้ต่อขบวน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 1,710 คนต่อเที่ยว และรถไฟฟ้าชนิด 4 ตู้ต่อขบวน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 1,120 คนต่อเที่ยว มีความเร็วสูงสุดในการออกแบบที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วัสดุขบวนรถเป็น Aluminum Double Skin การออกแบบรถไฟฟ้าสำหรับโครงการรถไฟสายสีแดง ได้คำนึงถึงสภาพอากาศของประเทศไทย ภายในขบวนรถมีเครื่องปรับอากาศตู้ละ 2 เครื่อง ใช้กระจกสีสำหรับทำหน้าต่างรถไฟ เพื่อลดปริมาณแสงแดดที่จะส่องผ่านเข้ามาภายในตู้รถ ออกแบบให้ตู้รถแต่ละข้างมี 3 ประตู และเพิ่มจำนวนที่นั่งเพื่อให้ผู้โดยสารนั่งได้สบายขึ้น รวมทั้งมีหน้าต่างขนาดใหญ่ให้ผู้โดยสารมองเห็นทัศนียภาพภายนอกจากมุมสูงได้มากขึ้น

 

Verified by ExactMetrics