วันที่ 16 พฤษภาคม 2024

กระทรวงวัฒนธรรม ชู “เทศกาลงานประเพณี” 16 เทศกาล ส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

People Unity News : กระทรวงวัฒนธรรม ชู “เทศกาลงานประเพณี” 16 เทศกาล ส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ขับเคลื่อน “Soft Power” กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

25 มีนาคม 65 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้คัดเลือกงานเทศกาล/ประเพณี ที่มีความโดดเด่นในจังหวัดต่างๆ ที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด (สวจ.) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันคัดเลือก เป็นงานเทศกาลและประเพณี 16 กิจกรรม เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างเศรษฐกิจฐานราก สร้างงาน สร้างรายได้แก่ชุมชน

งานเทศกาลและประเพณีจำนวน 16 เทศกาล จะจัดขึ้นในระหว่างเดือนเมษายน – กันยายน 2565 ประกอบด้วย

📌 เดือนเมษายน 4 เทศกาล ได้แก่ 1.ประเพณีแห่สลุงหลวง สืบสานกลองใหญ่ ปีใหม่เมืองนครลำปาง จ.ลำปาง 2. ประเพณีภูไทรำลึก จ.สกลนคร 3.ประเพณีปอยส่างลอง จ.แม่ฮ่องสอน 4. ประเพณีแห่ช้างบวชนาคไทยพวน บ้านหาดเสี้ยว จ.สุโขทัย

📌 เดือนพฤษภาคม 3 กิจกรรม ได้แก่ 1. ประเพณีบวชนาคบนหลังช้าง จ.สุรินทร์ 2. ประเพณีเวียนเทียนทางน้ำกลางกว๊านพะเยา จ.พะเยา 3. ประเพณีสืบสานงานนมัสการหลวงพ่อพระสุก จ.ยโสธร

📌เดือนมิถุนายน 2 กิจกรรม ได้แก่ 1. เทศกาลเสน่ห์ชุมชน ยลวิถีย่านเมืองเก่า“วิวาห์บาบ๋าภูเก็ต” จ.ภูเก็ต 2. มหกรรมสืบสานตำนานวันสุนทรภู่ กวีเอกของโลก

📌เดือนกรกฎาคม 4 กิจกรรม ได้แก่ 1. ประเพณีแห่ผ้าพระราชทานในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ห่มพระบรมธาตุสวี จ.ชุมพร 2. ประเพณีบูชาพระธาตุ ย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองคนดี จ.สุราษฎร์ธานี 3. ประเพณีสืบสานวัฒนธรรมสี่เผ่าไทศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ 4. ประเพณีห่มผ้าพระนอน จ.อ่างทอง

📌เดือนสิงหาคม 3 กิจกรรม ได้แก่ 1. เทศกาลหนังใหญ่วัดขนอน จ.ราชบุรี  2. ประเพณีทิ้งกระจาด จ.สุพรรณบุรี  3. มหกรรมสืบสานพหุวัฒนธรรม งานของดีเมืองนรา จ.นราธิวาส

การจัดงานเทศกาลและประเพณีทั้ง 16 เทศกาล เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในจังหวัด ช่วยให้มีนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่ จังหวัดใกล้เคียง นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น เกิดการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยว อาหาร ที่พัก การเดินทาง ศิลปินพื้นบ้าน ผลิตภัณฑ์และบริการทางวัฒนธรรมสูงยิ่งขึ้น

Advertising

“ประยุทธ์” สั่งขยายผลต่อแก๊งพนันออนไลน์ “มาเก๊า 888”

People Unity News : 4 กุมภาพันธ์ 2566 นายกฯ รับทราบผลการจับกุมแก๊งพนันออนไลน์ “มาเก๊า 888” กำชับทุกหน่วยงานขยายผลต่อเนื่องตามหลักกฎหมายอย่างจริงจัง รอบคอบ และโปร่งใส

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบผลการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในกรณีการเข้าจับกุมแก๊งพนันออนไลน์ “มาเก๊า 888” พร้อมกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายผลต่อเนื่อง ตามข้อร้องเรียนและเบาะแสต่างๆ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และ ชุดปฏิบัติการพิเศษคอมมานโด ได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้น 8 จุดทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยพบสถานที่แห่งหนึ่งจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่เว็บพนันออนไลน์ใช้รวบรวมโพยพนันบอล หวย รวมถึงข้อมูลของลูกค้า และเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศการโฆษณาหรือชักชวนโดยตรง หรือทางอ้อมให้ผู้อื่น เข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ร่วมกันฟอกเงิน” และออกหมายจับแล้ว 13 หมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเน้นย้ำว่า มีหลักฐานเพียงพอที่สามารถจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง โดยหลังจากนี้จะได้เข้าทำการตรวจค้นสถานที่อื่น ๆ ที่คาดว่าจะเป็นสถานที่ฟอกเงิน และจะทำการตรวจยึดทรัพย์สินตามแนวทางปฏิบัติต่อไป

“นายกรัฐมนตรีรับทราบผลการดำเนินงานดังกล่าว และได้สั่งการให้เข้มงวดกับการดำเนินการ โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง พร้อมกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการขยายผลต่อเนื่องในทุกประเด็นที่เป็นข้อร้องเรียนและเบาะแสต่าง ๆ ที่ได้รับจากประชาชน ให้ยึดหลักตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างจริงจัง รอบคอบ และโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

“โนรา” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติแล้ว

People Unity News : “โนรา” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติแล้ว

16 ธ.ค.64 องค์การยูเนสโก (The United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization: UNESCO) ได้ประกาศรับรองการขึ้นทะเบียน “โนรา” หรือ Nora, dance drama in southern Thailand เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักในระดับท้องถิ่นจนถึงสากล และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมฯ ซึ่งสามารถอยู่ในรูปแบบของการแสดงออกทางวาจา ภาษา การแสดงศิลปะ แนวปฏิบัติทางสังคม พิธีทางศาสนา เทศกาลเฉลิมฉลอง รวมถึงงานฝีมือ

ปัจจุบันไทยได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมจับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติแล้ว 3 รายการ ได้แก่ โขน เมื่อปี 2561 นวดไทย เมื่อปี 2562 และโนรา เป็นรายการล่าสุด

Advertising

“อนุทิน”ระดมความเห็นร่างกฎกระทรวง”ปลูกกัญชง”ครัวเรือนละ 1 ไร่

People Unity News : “อนุทิน”รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ชวน ปชช.ระดมความเห็นร่างกฎกระทรวง “ปลูกกัญชง” ครัวเรือนละ 1 ไร่

วันที่ 31 ต.ค.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” ระบุว่า มาช่วยกันร่างกฎกระทรวง ปลูกกัญชง ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน เพื่อปากท้องประชาชน ก่อนออกกฎหมายใดๆ ต้องรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน

เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน อย.กำลังจัดทำร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย กัญชง (ซึ่งก็คือพืชสายพันธุ์เดียวกับ กัญชา แต่มีสารสำคัญ คือ CBD สูง THC ต่ำ และมีความต้องการใช้สูงมาก ในทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และ เครื่องสำอาง)

สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง ฉบับนี้ ก็คือ ประชาชน และ เอกชน สามารถขออนุญาตปลูกกัญชง ได้ โดยไม่ต้องร่วมกับหน่วยงานของรัฐ และ ประชาชนสามารถปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากเส้นใย ตามประเพณี วัฒนธรรม ตามวิถีชีวิต และใช้ในครอบครัวได้ ครัวเรือนละ ไม่เกิน 1 ไร่ นี่เป็นร่างกฎกระทรวงที่ดำเนินการตามแนวนโยบาย ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน

เป้าหมายของร่างกฎกระทรวง ฉบับนี้ คือ การทำให้กัญชง หรือ กัญชาที่มีสารสำคัญ CBD สูง และ THC ต่ำ เป็นพืชเศรษฐกิจ ตัวใหม่ สำหรับเกษตรกร แต่เนื่องจากขณะนี้ กัญชง ซึ่งก็คือกัญชาสายพันธุ์หนึ่ง ยังเป็นพืชที่ถูกกำหนดให้อยู่ในพรบ.ยาเสพติด จึงยังต้องมีการปฏิบัติตามกฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด มีหลายขั้นตอนต้องทำ และ ทำได้ ดีกว่าไม่มีโอกาสได้ทำ ครับ

ทั้งนี้ ในตอนท้าย นายอนุทินได้เชิญชวนประชาชนและผู้สนใจ ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายดังกล่าว ดังนี้

“เรียน หน่วยงาน/ผู้เกี่ยวข้อง/ผู้สนใจ

อย.ได้จัดทำ (ร่าง) กฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) พ.ศ. ….
และได้เปิดรับฟังความคิดเห็นทางเว็บไซต์

.http://www.fda.moph.go.th/…/SitePag…/ViewPublicHearing.aspx…

หากมีประเด็นหรือข้อคิดเห็น ทุกท่านสามารถเข้าไปให้ความคิดเห็นได้ โดยหมดเขตรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562

ขอขอบคุณทุกท่าน”

นายกฯ อวยพรสงกรานต์ ขอให้คิดดี ทำจิตใจบริสุทธิ์

People Unity News : 12 เมษายน 2566 นายกรัฐมนตรีพร้อมภริยา เปิดทำเนียบรัฐบาล ให้ ‘ครม.-ขรก.’ อวยพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ขอให้คิดสิ่งดีๆ สวดมนต์ทำจิตใจบริสุทธิ์ ไม่โกรธ ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่งดรดน้ำขอพรเหตุมือเจ็บ อย่าสนุกสนานจนเกินเลย และไม่ดื่มสุราแล้วขับรถ เห็นใจเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกจราจรช่วงวันหยุด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา สวมชุดผ้าไทย เป็นประธานงานสืบสานวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2566

โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์  พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา  รมว.มหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์  รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  นายนริศ ขำนุรักษ์ รมว.มหาดไทย  พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม นายอนุชา นาคาศัย รมต. ประจำสำนักนายกฯ และนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมในพิธีด้วย

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์  พร้อมถวายผ้าไตรพระสงฆ์ 10 รูป พร้อมสรงน้ำพระพุทธรูป  โดยในปีนี้ไม่ได้จัดพิธีให้รัฐมนตรี และข้าราชการรดน้ำขอพร  และไม่ได้แจกของที่ระลึกในโอกาสเทศกาลสงกรานต์  เนื่องจากอยู่ในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง และมือนายกรัฐมนตรียังเจ็บอยู่และยังต้องปิดพลาสเตอร์กันน้ำ อยู่ในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง

จากนั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวอวยพรในเทศกาลวันสงกรานต์ ว่า วันนี้ถือเป็น วันมงคลใกล้เริ่มต้นปีใหม่ของไทย คือ วันสงกรานต์ทุกคนมีความหวังความหวัง มีความปรารถนาให้ทุกวันดีขึ้น  ขอบคุณพวกเราทุกคน ในฐานะที่เป็นข้าราชการ และข้าราชการการเมืองขอให้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งได้วาดหวังอนาคตร่วมกันทำมาหลายปีแล้ว โดยทำก่อนที่ตนเองจะเข้ามาด้วยซ้ำ วันนี้ถือเป็นวันมงคลอีกครั้ง และวันนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี เราจะต้องทำอะไรให้สำเร็จไปเรื่อยๆ  โดยขอให้ข้าราชการทำเนียบรัฐบาลและทุกคนตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด และสมปรารถนาทุกประการ

ต่อมานายกรัฐมนตรีร่วมถ่ายภาพร่วมกับครม. และข้าราชการ พร้อมเดินทักทายทุกคนที่มาร่วมภายในงานอย่างอารมณ์ดี ก่อนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นายกรัฐมนตรี ให้พรทุกวันอยู่แล้ว เราคุยกันทุกวัน และเราก็ไหว้พระขอพรทุกวัน  พรก็ถึงพวกเราทุกคน เราไหว้พระอธิษฐานทุกคืน อิสลามก็ได้ด้วย คนไทยอยู่ด้วยกันหลายศาสนา

เมื่อถามว่า ช่วงนี้นายกรัฐมนตรี อธิฐานขอพรอะไรเป็นพิเศษ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอพรพระ ให้บ้านเมืองสงบปลอดภัยนำไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ และยุติธรรม รวมถึงได้รัฐบาลที่ดี อย่างที่ทุกคนต้องการ ประเทศชาติจะได้ก้าวหน้า แต่ไม่ใช่ก้าวไปเดินหน้า 2 ก้าว ถอยหลัง 2 ก้าว มันก็ไม่ได้ไปไหน  เข้าใจหรือไม่ ฉะนั้นต้องไปคิดใคร่ครวญให้ดี วันนี้เป็นวัน สงกรานต์เราอย่าพูดถึงสิ่งที่ไม่ดี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่ 13 เม.ย.นี้ ทุกคนจะต้องเดินทางกลับบ้านไปพักผ่อน ขอให้เดินทางด้วยความปลอดภัย และกลับไปอย่างมีสติ อย่าสนุกสนานจนเกินเลย  ต้องกลับไปกราบคุณพ่อ คุณแม่ ปู่ ย่า ตาและยายก่อน แต่ขอให้ทุกคนปลอดภัยก็แล้วกัน การขับรถเราเตือนกันมาตลอด  การทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกคนในช่วงนี้เหน็ดเหนื่อย 4-5 วันไม่ได้พักต้องตั้งจุด ทหารที่อยู่ชายแดนก็ไม่ได้กลับบ้าน ไม่ว่าจะวันอะไรก็ตามคนพวกนี้เขาไม่ได้กลับบ้าน นี่คือความสำคัญของงานที่จะต้องมีทุกฝ่าย ทั้ง ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายพลเรือน ตำรวจและทหาร ต้องมีถึงจะอยู่กันได้คนในประเทศ จะขาดส่วนหนึ่งส่วนใด เป็นไปไม่ได้  ไม่นึกถึงทหารอยู่ชายแดนกี่หมื่นคน ที่ทำให้พวกเราข้างในอยู่กันได้แบบนี้  ไม่เช่นนั้นชายแดนจะมีปัญหากันเยอะมากกว่านี้

“ขอให้ทุกคนให้ความสำคัญกันด้วย จะรักใครชอบใครในทางการเมืองก็ว่ากันไปก็ดูว่าเราจะได้อะไรจะเสียอะไรในวันข้างหน้า ก็ไม่รู้ แต่ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดในนามของรัฐบาลชุดนี้   เราคุยกันอยู่ทุกวัน เพื่อนกันอยู่แล้ว (สื่อมวลชน)” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามต่อว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นายกรัฐมนตรีจะไปลงพื้นที่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “เดี๋ยวต้องดูจังหวะและเวลาก่อนแต่ไปไหนก็วุ่นวาย โกลาหล อลหม่านกันไปหมด เดี๋ยวแอบๆ ไป แต่จะไปไหนไม่บอก”

เมื่อถามว่า วันเดียวกันนี้จะไปส่งประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมหรือไม่เหมือนเช่นทุกปีที่เคยทำ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไปก็ยุ่งวุ่นวาย เราไม่อยากให้คนเขาต้องมาวุ่นกังวลกับเรา  ถ้าเราเป็นคนธรรมดาก็อยากไป แต่ไปทีไรก็วุ่นทุกที ทั้งที่ไม่อยากจะกวนเขา แต่เขาก็ให้เกียรติเรา ก็เลยกลายเป็นวิธีการ แต่เราก็ส่งใจให้พวกเขาอยู่แล้วทุกวัน  ใจส่งถึงท่านอยู่แล้ว และสวดมนต์ให้เขา คิดดีปรารถนาดี

“ถ้าเราคิดถึงคนอื่นดีๆ จะไปไหนเสียประเทศชาติของเรา พรใดเลิศ พรใดประเสริฐ ทุกคนก็พร้อมจะรับอยู่แล้วและมีทั่วไปในอากาศก็มี  ถ้ามีศีลมั่นที่ดีก็รับพรทั้งหมด พระก็สวด คนทั้งโลกสวดมนต์กันเท่าไหร่กี่พันล้านคน ฉะนั้นพรอยู่บนท้องฟ้าเต็มไปหมด แล้วจะไม่รับพรทำให้จิตใจบริสุทธิ์หรือ เดินไปก็ภาวนาบ้างคิดสิ่งดีๆ พรก็จะมาหมดแต่ถ้าทะเลาะเบาะแว้งกัน มันก็ไม่ได้อะไรกลับมาสักอย่าง มันได้แต่ความโกรธ ไม่ดีหรอก” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า มือของนายกรัฐมนตรีหายดีแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี  กล่าวติดตลกว่า มือยังอยู่ พร้อมชูฝ่ามือด้านที่เป็นแผลว่า ดีขึ้นเยอะแล้ว เอาพลาสเตอร์ปิดกันเชื้อโรคไว้

“ขอบคุณที่เป็นห่วง ฝ่ามือ เป็นแผล เพราะผ่ายาว ขี้สงสัยถามทุกเรื่อง ทีหลังจัดเวรไปนอนบ้านฉันคนหนึ่ง แต่ต้องไปอยู่อีกตึกนึง เพราะพวกเธอเป็นผู้หญิง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ขอให้นึกถึงเจ้าหน้าที่และลูกเมียที่บ้าน อย่าเอาแต่สนุกสนานรื่นเริงอย่างเดียว ดื่มสุราเมาแล้วขับรถ  และนึกถึงเจ้าหน้าที่ที่เหนื่อยต้องมาดูแล ถ้าพวกเราดูแลตัวเองกันได้ก็จะเบาภาระ เขาจะได้มีความสุขและ มีเวลาพักผ่อนกับเขาบ้างไม่เช่นนั้นก็จะนัวเนียกันอยู่แบบนี้ทุกเรื่อง

Advertisement

“สนธิรัตน์”ชู “ชุมชนผาปัง” ต้นแบบดันเศรษฐกิจฐานรากด้วยพลังงาน

People Unity News : “สนธิรัตน์” ชู “ชุมชนผาปัง” ต้นแบบผนึกกำลังร่วมพัฒนาแผนพลังงานเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับวัสดุทางการเกษตรในชุมชนมาเป็นพลังงาน ชี้เห็นแผนใน 1 เดือน ก่อนชง ครม.รับทราบ

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 ที่อ.แม่พริก จ.ลำปาง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ชุมชน ต.ผาปัง ในฐานะชุมชนต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการ “พลังงานชุมชน” ด้วยตนเอง โดยการใช้ประโยชน์จากไผ่ซางหม่น ซึ่งเป็นพืชประจำถิ่น ในการสร้างพลังงานทดแทนด้วยการแปรรูปเป็นถ่านชีวภาพ (biochar) ทำให้ประหยัดการใช้น้ำมันสูบน้ำเพื่อการเกษตรได้สูง ทั้งยังสามารถลดรายจ่ายในครัวเรือนได้ด้วยการนำมาใช้ทดแทนการใช้ก๊าซหุงต้ม ตลอดจนมีการยกระดับจากพลังงานในชุมชนสู่การจัดตั้งบริษัท กิจการเพื่อสังคม โดยมีชุมชนเป็นแกนกลางการขับเคลื่อนต่อยอดให้ไผ่ซางหม่นเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าในด้านอื่นๆ เช่นการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ตะเกียบ ก้านธูป น้ำยาฆ่าเชื้อราจาก น้ำควันไม้จากการเผาถ่าน ตลอดจนการท่องเที่ยวชุมชน เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอุโมงค์ไผ่ขนาดใหญ่แห่งแรกในประเทศไทย

นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่ากระทรวงพลังงานได้เตรียมหารือ กับหน่วยงานอื่นๆ ได้แก่ กระทรวง มหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลัง งาน (พพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อกำหนดแผนพลังงานเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจฐานราก โดยพัฒนาด้านพลังงานของชุมชนในพื้นที่ห่างไกล ใช้วัตถุ ดิบในพื้นที่ยกระดับสู่การจัดตั้งบริษัท กิจการเพื่อสังคม (SE) เช่นเดียวกับโมเดลของชุมชนผาปัง

ทั้งนี้ แผนดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือนหลังจากนี้ และจะนำเสนอต่อคณะรัฐ มนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบในแนว ทางการทำงาน และคาดว่าจะมีการ กำหนดใช้ได้ภายในช่วงต้นปี 2563 โดยแผนดังกล่าวเป็นการทำให้สอดรับกับการพัฒนาโรงไฟฟ้าชุมชน แต่ไม่ใช่รูปแบบการพัฒนาโรงไฟฟ้า เนื่องจากจะเป็นการนำวัตถุ ดิบในพื้นที่มาเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิง อื่นๆ อย่างเช่นแก๊สได้ และเป็นโมเดลแบบใช้ไฟฟ้าได้เฉพาะตอนกลางวัน (ออฟกริด) โดยคาดว่าจะ ใช้กลไกของกองทุนอนุรักษ์พลัง งานมาสนับสนุน

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขอชื่นชมความเข้มแข็งและภูมิปัญญาของชุมชนผาปังที่ร่วมกันระดมความคิด สามารถพลิกฟื้นพื้นที่ที่เคยแห้งแล้ง มาเป็นพื้นที่ที่มีความมั่นคงทางพลังงานในชุมชนได้ด้วยตนเอง จากการใช้ประโยชน์จากต้นทุนที่มีไผ่เป็นพืชท้องถิ่นสะท้อนว่า พลังงานเพื่อชุมชน คือสิ่งที่เป็นไปได้ ไม่ได้เป็นเพียงอนุเสาวรีย์ ทั้งสอดคล้องกับนโยบาย Energy for all ของกระทรวงพลังงาน ที่แสดงให้เห็นถึงการมีความหวังโดยไม่ต้องร้องขอ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการว่า ต้องให้ความสำคัญ มีการจัดตั้งงบประมาณพร้อมให้การสนับสนุนชุมชนอื่นๆ ให้ร่วมกันสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับชุมชนของตนเอง ด้วยการบูรณาการกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนชุมชนอื่นๆ ให้เกิดการใช้พลังงานเพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก โดยยกให้ชุมชนผาปังเป็นตัวแบบในการบริหารจัดการเพื่อปลุกเศรษฐกิจฐานรากในปี 2563 ด้วยพลังงาน และยกระดับไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชุมชนผาปังนั้น มีความมั่นคงทางพลังงาน สามารถลดรายจ่ายด้านพลังงานและสร้างรายได้จากถ่านชีวภาพได้ 40,000 บาท ต่อไร่ต่อปี ผลิตถ่านปุ๋ยชีวภาพได้ราว 1 แสนบาท มีการยกระดับวิสาหกิจถ่าน สู่การเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม เตรียมประกาศเป็นหมู่บ้านไม่มี lpg ในอนาคต นอกจากนี้ยังถือเป็นต้นแบบการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน ด้วยการใช้สอยพื้นที่ป่ากว่า 2.4 หมื่นไร่ จนสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 2,500 คนต่อปี โดยระหว่างปี 2558 -2562 สามารถสร้างรายได้สูงถึง 11 ล้านบาท

“บิ๊กป้อม”ถก กกท.และสมาคมกีฬาฯ ตั้งเป้าเป็นเจ้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์

People Unity : พล.อ.ประวิตรเรียกประชุม มอบนโยบาย กกท.และสมาคมกีฬาฯมุ่งความเป็นเลิศสู่ระดับนานาชาติ ตั้งเป้าเป็นเจ้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์

เมื่อ 28 ต.ค.2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าเวลา 11.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการดำเนินงานด้านกีฬาร่วมกันระหว่างการกีฬาแห่งประเทศไทยกับสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยโดยมี รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน กรุงเทพฯ

พล.อ.ประวิตร กล่าวมอบนโยบายโดยเน้นย้ำให้สมาคมกีฬาฯ ซึ่งมีถึง 84 สมาคม จะต้องนำนโยบายด้านการกีฬาเพื่อไปใช้เป็นแนวทางกำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทยทั้งนี้การกีฬาแห่งประเทศไทยถือเป็นองค์กรหลักในการ บูรณาการขับเคลื่อนเพื่อความเป็นเลิศสู่ระดับนานาชาติ ต่อยอดสู่ความเป็นอาชีพและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ จะต้องมีแผนงานโครงการสอดคล้อง เชื่อมโยงกับแผนระดับชาติมุ่งเน้นด้านโครงสร้างและพัฒนาศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติที่เป็นมาตรฐาน มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ รวมถึงการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา พัฒนาบุคลากรการจัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์ให้เพียงพอและทันสมัย

พล.อ.ประวิตร ขอให้รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาฯ กำชับและกำกับดูแล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนงานในความรับผิดชอบไปสู่เป้าหมายที่กำหนดตามนโยบายของรัฐบาล อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อก้าวสู่เวทีระดับโลก และตั้งเป้าหมายเป็นเจ้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ครั้งนี้ให้ได้

“ศรีสะเกษ” ไปให้แรงบันดาลใจนักมวยนักเรียนจากจังหวัดชายแดนใต้

People unity news online : พล.ต.พงษ์ศักดิ์ มาอินทร์ ฝ่ายอำนวยการ รองหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์) ได้นำนักเรียนกีฬามวย ซึ่งเป็นเยาวชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษา “โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้” ซึ่งเป็นนักเรียนในโครงการประเภทกีฬามวย 20 คน เข้าโครงการคลินิกมวยไทย-สากล หวังพัฒนาต่อยอดสู่ความเป็นเลิศทางด้านกีฬามวย เรียนรู้ทักษะชีวิต สร้างความรักความสามัคคี และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ระหว่างวันที่ 28 กันยายน-18 ตุลาคม 2560 ณ สนามฝึกซ้อมกีฬามวย กรมสวัสดิการทหารบก กรุงเทพมหานคร โดยได้รับเกียรติจากแชมป์โลก WBC ชื่อดังของโลก “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” มาให้กำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจให้มุ่งมั่นพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นเลิศ พร้อมทั้งมอบผลไม้ให้แก่นักเรียนในโครงการ เมื่อวันที่14 ตุลาคม 2560 เวลา 14.00 น.

“ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” กล่าวว่า จากการที่ได้มาพูดคุยกับนักเรียนในวันนี้ น้องๆมีความมุ่งมั่นตั้งใจ และขยันฝึกซ้อมมากๆ เชื่อมั่นว่านักเรียนในโครงการจะเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ และขอเป็นกำลังใจให้กับน้องๆนักเรียนในโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคนด้วย

ทั้งนี้ โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ เป็นโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างโอกาสให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความสามารถด้านกีฬา ให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพในโรงเรียนของรัฐ จำนวน 8 โรงเรียน มีนักเรียนในโครงการทั้งหมด 908 คน ใน 10 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล วอลเลย์บอล ฟุตซอล ตะกร้อ มวยไทย ปันจักสีลัต ฮอกกี้ กรีฑา เทควันโด และบาสเกตบอล

ทั้งนี้ นักเรียนสามารถเลือกเรียนในแผนการเรียนวิทย์-กีฬา หรือศิลป์-กีฬา โดยนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาจากรัฐบาลปีละ 40,000 บาท ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนถึงปริญญาตรี และปีละ 55,000 บาท ในระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา

People unity news online : post 16 ตุลาคม 2560 เวลา 10.50 น.

สมเด็จพระสังฆราชทรงโปรดให้คณะกรรมการ มส.ชุดใหม่เข้าถวายสักการะ

People Unity : สมเด็จพระสังฆราชทรงโปรดให้คณะกรรมการ มส.ที่ได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งใหม่ในรัชกาลที่ ๑๐ เข้าถวายสักการะ พร้อมประทานพระโอวาท

วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๖.๐๐ น. ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร) ทรงโปรดให้คณะกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ที่ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งใหม่ เข้าถวายสักการะ จากนั้นทรงมีพระโอวาทว่า กรรมการมส.ชุดนี้ มีทั้งที่เคยปฏิบัติหน้าที่มาแล้ว และที่เพิ่งจะได้ปฏิบัติหน้าที่ใหม่เป็นวาระแรกในคราวนี้ ขอถวายกำลังใจแด่ทุกท่านในการปฏิบัติหน้าที่ให้ได้เต็มกำลังความสามารถ ด้วยความหนักแน่นมั่นคงในปณิธาน เพื่อความสถิตสถาพรของพระบวรพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ไทย

สมเด็จพระสังฆราช มีพระโอวาทต่อไปว่า ขอให้ทุกท่านระลึกถึงพระเดชพระคุณของบูรพาจารย์ มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นปฐม ตลอดจนถึงอดีตพระมหาเถระที่ท่านเคารพบูชาเป็นครูบาอาจารย์ด้วยความกตัญญูกตเวที แล้วศึกษาทบทวนใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ว่าแต่ละพระองค์และแต่ละท่านได้ทำอย่างไร วางตัวอย่างไร ประพฤติดีปฏิบัติชอบอย่างไร ทุ่มเทอุทิศสรรพกำลังเพื่อการพระศาสนาอย่างไร จึงเป็นที่กราบไหว้ได้เต็มมือ และสนิทใจ เหตุไฉนบูรพาจารย์พระองค์นั้นๆ หรือท่านนั้นๆ จึงสถิตในที่สูงเป็นทิฏฐานุคติของอนุชน ยังมีกลิ่นหอมของศีล ปัญญา อบอวลทวนกระแสกาลเวลานับร้อยนับพันปีไม่จืดจางหาย ให้พวกเราได้ชื่นใจเมื่อได้ระลึกถึงตราบเท่าทุกวันนี้

บัดนี้ ท่านได้ชื่อว่าเป็นมหาเถระเป็นผู้ปกครองคณะสงฆ์ มีตำแหน่งอยู่ในมส.พุทธบริษัทไทยเฝ้ามองการปฏิบัติหน้าที่ของท่าน และตั้งความหวังไว้ที่ท่านท่านจะประคับประคอง สนองภารธุระของการคณะสงฆ์ให้ราบรื่นเรียบร้อย สามารถฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรคไปได้อย่างไร แบบนั้นมีอยู่แล้ว ขอจงอย่าทิ้งทางครู โดยเฉพาะทางของสมเด็จพระบรมครู ผู้ยังเสด็จดำรงอยู่เป็นศาสดาของพวกเรา ในองค์คุณแห่งพระธรรมวินัย

ขอถวายกำลังใจแด่ทุกท่านอีกครั้ง ขออาราธนาให้ท่านตั้งปณิธาน อุทิศชีวิตนี้เพื่อบูชาคุณพระรัตนตรัยด้วยปฏิบัติบูชา ขอให้เห็นแก่ความเจริญมั่นคงของคณะสงฆ์เป็นอุดมการณ์สูงสุด เพื่อสนองพระบรมราชปณิธานของสมเด็จพระมหากษัตริยาริราชเจ้าทุกๆ พระองค์และสนองคุณของบรรพชนไทย ที่สู้อุตส่าห์เสียสละชีวิตเลือดเนื้อหยาดเหงื่อ กำลังกาย กำลังใจและกำลังสติปัญญา เพื่ออุปถัมภ์และพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาไว้บนแผ่นดินไทย

สธ.ปรับโฉมสมุนไพรไทยคุณภาพสู่ตลาดโลก

People Unity : กระทรวงสาธารณสุขส่งเสริมสมุนไพรไทยคุณภาพ สู่ตลาดโลกภายใต้แนวคิด “สมุนไพรไทย ตำรับไทย มรดกโลก” เพิ่มช่องทางการตลาด เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ พร้อมปรับโฉมรูปแบบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สปา บาล์ม และเครื่องดื่มชาสมุนไพร

วันที่ 25 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ที่คิงเพาเวอร์ ศรีวารี คอมเพล็กซ์ จ.สมุทรปราการ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เยี่ยมชมนิทรรศการพร้อมรับฟังผลการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการในงานนิทรรศการแสดงสินค้า Thai Herbal Pavilion ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-27 ตุลาคม 2562 โดยมีอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเยี่ยมชม

นายแพทย์สุขุมกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน จัดทำโครงการนำสมุนไพรคุณภาพสู่ตลาดโลกภายใต้แนวคิด สมุนไพรไทย ตำรับไทย มรดกโลก (Thailand KISS The World) เพิ่มช่องทางการตลาด ส่งเสริมการขายและการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพให้เป็นที่รู้จัก ผ่านตลาดทั้งในและต่างประเทศ จัดอบรมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการตามตลาดที่ได้รับการส่งเสริม อาทิ ตลาดนักท่องเที่ยว ตลาดร้านยา มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจกับบริษัทชั้นนำ ได้แก่ KING POWER และ CP EXTRA ซึ่งมีจำนวน 11 บริษัทที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้ประกอบการทั้งสิ้น 35 บริษัท จัดนิทรรศการแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างการยอมรับในตลาดต่าง ๆ อาทิ เช่น การออกนิทรรศการ LANNA HERB 2019 ณ จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์, การออกนิทรรศการงาน Thai Festival in Hanoi 2019 (Local Best, Global Taste) ร่วมกับสถานเอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย และเพิ่มช่องทางการขายทั้ง Online และOffline อาทิ ร้านค้าปลอดภาษีอากรของ KING POWER, ร้านยา SEVEN EXTRA

นายแพทย์สุขุมกล่าวต่อว่า การจัดนิทรรศการแสดงสินค้า Thai Herbal Pavilion ในวันนี้ได้รับความร่วมมือจากคิงเพาเวอร์ ศรีวารี คอมเพล็กซ์ จังหวัดสมุทรปราการ เปิดพื้นที่นิทรรศการแสดงสินค้าให้กับเครือข่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพที่ได้รับรางวัล Prime Minister Herbal Awards (PMHA), Premium Products, Quality Thai Herbal Products (QTHP) ร่วมออกบูธกว่า 29 บริษัทจำหน่ายและแสดงสินค้า ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง เครื่องดื่มชาสมุนไพร กาแฟ ผลิตภัณฑ์สปา ยาสมุนไพร เป็นการเปิดตลาดในระดับสากล เน้นเจาะตลาดกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวประเทศจีนที่นิยมผลิตภัณฑ์สมุนไพรประเภทครีมไพลและบาล์มสูตรร้อน อาหารเสริมกระชายดำ และซื้อเป็นของฝากในโอกาสได้มาท่องเที่ยวประเทศไทย โดยผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่มีโอกาสเติบโตในตลาดประเทศจีน ได้แก่ น้ำมันสมุนไพรแก้อาการปวดเมื่อย ผลิตภัณฑ์ธุรกิจสปา ยาดม ยาอมสมุนไพร ยาหม่อง เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้การผลิตสมุนไพรไทยตรงกับความต้องการของตลาด คาดว่าในปี 2562-2565 จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวหรือ 7.8 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ สำหรับ 11 บริษัทที่ผ่านการคัดเลือก เป็นสินค้าประเภทเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สปา บาล์ม และเครื่องดื่มชาสมุนไพร ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบผลิตภัณฑ์ การบรรจุหีบห่อให้สวยงาม ดึงดูด น่าสนใจ รวมทั้งพัฒนาคุณภาพให้ได้มาตรฐานภายใต้เงื่อนไขของบริษัท KING POWER ต่อไป

Verified by ExactMetrics