วันที่ 26 เมษายน 2024

“พิพัฒน์​”​เปิดสเปเชียลโอลิมปิกยูนิฟายด์แบดมินตันชิงแชมป์เอเชียแปซิฟิคครั้งที่ 1

People Unity News : รมว.ท่องเที่ยว​และ​กีฬา​ เป็น​ประธาน​เปิดสเปเชียลโอลิมปิกยูนิฟายด์แบดมินตันชิงแชมป์เอเชียแปซิฟิค ครั้งที่ 1

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน​ 2562​ เวลา 19.00 น. นาย​พิพัฒน์​ รัช​กิจ​ประการ​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงการ​ท่องเที่ยว​และ​กีฬา​ เป็น​ประธาน​เปิดการแข่งขันสเปเชียลโอลิมปิกยูนิฟายด์แบดมินตันชิงแชมป์เอเชียแปซิฟิค ครั้งที่ 1 ปี 2562 ระหว่างวันที่ 12-16 พฤศจิกายน 2562 โดยมีนายเขมพล​ อุ้ย​ต​ยะ​กุล​ เลขานุการ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​การ​ท่องเที่ยว​และ​กีฬา​ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการ​คณะกรรมการโอลิมปิกสากล ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ดร.นริศ ชัยสูตร นายกสมาคมกีฬาสเปเชียลโอลิมปิกแห่งประเทศไทย คณะ​ผู้บริหาร​ฯ และแขกผู้​มีเกียรติ ร่วมในพิธี ณ อินดอร์สเตเดี้ยม การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก

การแข่งขันกีฬายูนิฟายด์เป็นการแข่งขันกีฬาในรูปแบบที่ส่งเสริมการเรียนรู้และการอยู่ร่วมกันในสังคม (Inclusive Society) ประกอบด้วยผู้เล่นที่เป็นนักกีฬาพิเศษ (พิการทางสติปัญญา และนักกีฬาทั่วไป(ไม่พิการ) ในทีมหรือคู่เดียวกันซึ่งอยู่ในเพศเดียวกัน วัยเดียวกัน และมีทักษะกีฬาเท่าเทียมกัน จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการร่วมมือระหว่างคนพิเศษกับคนปกติ และเพื่อแสดงให้เห็นว่าคนพิเศษสามารถเป็นส่วนหนึ่งของสังคมได้ อันเป็นการสร้างการยอมรับทางสังคมให้กับผู้พิการกลุ่มนี้

โดยได้รับความสนใจ​จากคณะนักกีฬาสเปเชียลโอลิมปิก 14 ประเทศ ในภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิค เข้าร่วม ประกอบด้วย อินเดีย ฮ่องกง มาเก๊า เกาหลีใต้ ปากีสถาน บังคลาเทศ ศรีลังกา เมียนมาร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนิเซีย มัลดีฟ และประเทศไทย แต่ละประเทศส่งผู้เข้าร่วมได้ 11 คน ประกอบด้วย คู่ยูนิฟายด์ชาย 2 คู่ + คู่ยูนิฟายด์หญิง 2 คู่ รวมนักกีฬา 8 คน ผู้ฝึกสอนชาย 1 คน + ผู้ฝึกสอนหญิง 1 คน รวมผู้ฝึกสอน 2 คน (ไทยในฐานะประเทศเจ้าภาพ สามารถส่งได้ 2 ทีม) ผู้จัดการทีม 1 คน

สำหรับ​ประเภทการแข่งขัน แบ่งออกเป็น 2 รุ่นอายุ คือ
1. รุ่นอายุ 16-21 ปี ประเภทคู่ยูนิฟายด์ ชาย และ หญิง
2. รุ่นอายุ 22-29 ปี ประเภทคู่ยูนิฟายด์ ชาย และหญิง

บอร์ด สปสช. หนุน “อนุทิน”หลังคุย”หมอเลี๊ยบ” เร่งปฏิรูป “ห้องฉุกเฉิน” ลดแออัด

People Unity News : “อนุทิน” คุย “หมอเลี๊ยบ” ยกระดับห้องฉุกเฉินตั้งเป้าลดความแออัด จัดลำดับการรักษาอย่างถูกต้อง ขณะที่ บอร์ด สปสช. หนุน “แนวทางปฏิรูป” แยกจัดบริการนอกเวลาราชการ นำร่อง ปี 2563 ยกคุณภาพบริการลดความขัดแย้งวินิจฉัย

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าในโครงการยกระดับห้องฉุกเฉิน 21 โรงพยาบาลว่า ได้เชิญนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาหารือเรื่องนี้ พร้อมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง แนวคิดคือสร้างระบบคัดกรองผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ ห้องฉุกเฉิน ต้องใช้รักษาผู้ป่วยฉุกเฉินจริงๆ แต่ก็เข้าใจว่าใครป่วย ก็ต้องการรักษาด่วนทั้งนั้น ซึ่งมันต้องหาทางออก ต้องปรับปรุงระบบคัดกรอง ได้ฟังข้อเสนอจากหลายฝ่าย เมื่อฟังแล้วเป็นประโยชน์กับประชาชน ลดความแออัดในโรงพยาบาลและห้องฉุกเฉิน ย่อมเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน ส่วนเรื่องงบประมาณอย่าเป็นห่วง เพราะถ้ามีประโยชน์ เรื่องนี้ ไม่ใช่ปัญหา

จากนั้น นายอนุทินได้กล่าวถึงโครงการโรงพยาบาลอาหารปลอดภัยว่า เป็นโครงการที่มีอยู่แล้ว เพราะอาหารโรงพยาบาล ต้องสะอาด ถูกหลักอนามัย เพียงแต่ช่วงนี้ หยิบมาพูดถึงอีกครั้ง ซึ่งมีนโยบายให้ทุกโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรไทย สร้างเม็ดเงินให้คนไทยด้วยกัน แต่ต้องระมัดระวังเรื่องสารเคมีตกค้างด้วย

ประเด็นเรื่องการยกระดับห้องฉุกเฉินนั้น สืบเนื่องมากจากที่นายอนุทินเคยโพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า กำลังหารือแนวทางพัฒนาห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล สร้างมาตรการ และมาตรฐานบริการประชาชน จะเริ่มต้นวันที่ 1 ธันวาคม นี้ ปรับปรุงศักยภาพ 21 โรงพยาบาล ก่อน ตามงบประมาณที่มี แล้วรองบประมาณปี 2563 ออกมา เพื่อจะพัฒนาให้ได้มากที่สุด

ผู้สื่อข่าวเปิดเผยว่า สำหรับโรงพยาบาล 21 แห่งข้างต้น ที่จะมีการปรับปรุงห้องฉุกเฉิน ประกอบด้วย เขต 1 รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ รพ.ลำปาง เขต 2 รพ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก เขต 3 รพ.สวรรค์ประชารักษ์ เขต 4 รพ.สระบุรี รพ.พระนครศรีอยุธยา รพ.ปทุมธานี เขต 5รพ.นครปฐม เขต 6 รพ.ชลบุรี รพ.ระยอง เขต 7 รพ.ขอนแก่น เขต 8 รพ.อุดรธานี เขต 9 รพ.มหาราชนคราราชสีมา รพ.บุรีรัมย์ เขต 10 รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เขต 11 รพ.สุราษฎร์ธานี รพ.วชิระภูเก็ต เขต 12 รพ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และรพ.สังกัดกรมการแพทย์ 3 แห่ง คือรพ.ราชวิถี รพ.นพรัตนราชธานี และรพ.เลิดสิน

อย่างไรก็ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นายอนุทิน ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยที่ประชุมได้เห็นชอบข้อเสนอการใช้สิทธิบริการสาธารณสุข ตามนโยบาย “บริการเจ็บป่วยฉุกเฉินคุณภาพ” นำเสนอโดย นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

นายอนุทิน กล่าวว่า ตามข้อเสนอ “แนวทางการปฏิรูปห้องฉุกเฉิน” โดยกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2562 มีหลักการเพื่อลดความแออัดในห้องฉุกเฉินเพื่อให้ผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉินวิกฤตและเร่งด่วน ได้รับบริการมีคุณภาพมากขึ้น แยกการบริการเจ็บป่วยไม่รุนแรงและเจ็บป่วยทั่วไปออก และเพื่อให้ผู้ป่วยที่มีอาการที่ไม่ถึงเกณฑ์เจ็บป่วยฉุกเฉินเร่งด่วนมีสิทธิเข้ารับบริการนอกเวลาราชการ โดยมอบให้ สปสช. ร่วมพัฒนาระบบในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายการบริการผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) และผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องรับบริการนอกเวลาราชการ

ที่ผ่านมา สปสช.ได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการปฏิรูปห้องฉุกเฉิน โดยมีการออกประกาศตามข้อ 10 วรรคสอง ของข้อบังคับมาตรา 7 กำหนดเพิ่ม “เหตุสมควรอื่นเพื่อลดความแออัดในห้องฉุกเฉินและเพิ่มคุณภาพในการใช้บริการนอกเวลาราชการ” เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) และผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องรับบริการนอกเวลาราชการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน กำหนดเงื่อนไขจัดบริการนอกเวลาราชการเฉพาะหน่วยบริการเฉพาะที่มีศักยภาพตามแนวทางบริการฉุกเฉินคุณภาพ โดยแยกจัดบริการเป็น 2 ห้องชัดเจน ตามมาตรฐาน คือ ห้องฉุกเฉินคุณภาพเพื่อดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตและเจ็บป่วยฉุกเฉินเร่งด่วน (สีแดงและสีเหลือง) และห้องฉุกเฉินไม่รุนแรงเพื่อดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) และที่มีความจำเป็นต้องรับบริการนอกเวลา พร้อมแยกระบบข้อมูลบริการนอกเวลาราชการ

นอกจากนี้ได้เพิ่มค่าบริการสาธารณสุขนอกเวลาราชการในกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรงและผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องรับบริการนอกเวลาราชการเป็นรายการบริการใหม่ โดยกำหนดอัตราชดเชยค่าบริการ 150 บาทต่อครั้ง ซึ่งในปีงบประมาณ 2563 (10 เดือน) คาดว่าจะมีการรับบริการประมาณ 1.05 ล้านครั้ง หรือร้อยละ 10 ของการรับบริการผู้ป่วยนอก ใช้งบประมาณไม่เกิน 157.50 ล้านบาท โดยจะเป็นการใช้เงินกองทุนรายการรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสะสมในการดำเนินการ

ด้าน นพ.การุณย์ กล่าวว่า การจ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุขนอกเวลาราชการในกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรงและผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องรับบริการนอกเวลาราชการนี้ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป โดยในปีงบประมาณ 2563 มีโรงพยาบาลร่วมนำร่องจับ 34 แห่ง ซึ่งผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรงและผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องรับบริการนอกเวลาราชการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

“สปสช.มีนโยบายสนับสนุนการปฏิรูปห้องฉุกเฉินตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับบริการที่มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อให้ห้องฉุกเฉินเป็นพื้นที่ดูแลเฉพาะรับผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตและผู้ป่วยเจ็บป่วยฉุกเฉินเร่งด่วนเท่านั้น ขณะเดียวกันเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรงและผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องรับบริการนอกเวลาราชการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากช่วยลดความแออัดในห้องฉุกเฉินแล้วยังลดความขัดแย้งระหว่างบุคลากรทางการแพทย์กับผู้ป่วยและญาติในความเห็นที่ไม่ตรงกันกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน” นพ.การุณย์ กล่าว

พิษยุบรวมเริ่มแล้ว! โรงเรียนตชด.อุดรฯถูกตัดน้ำไฟ

People Unity News : พิษยุบรวมเริ่มแล้ว! โรงเรียนตชด.อุดรฯถูกตัดน้ำไฟ พระมาโปรดติดโซลาร์เซลล์บรรเทาทุกข์

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 เพจพระครูวิมลปัญญาคุณ ศรีแสงธรรม ได้โพสต์ข้อความว่า โรงเรียนตชด.ห้วยหมากหล่ำ อยู่ในบ้านห้วยหมากหล่ำ ต.ทมนนางาม อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี มีนักเรียน 40 คน จากอนุบาลถึง ป.6 ตั้งมาหนึ่งปี ได้รับผลกระทบนโยบายยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก แต่ชาวบ้านไม่มีกำลังที่จะส่งลูกไปโรงเรียนรวมได้ มีปัญหามากมายพอๆ กับโรงเรียนศรีแสงธรรม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ระยะเริ่มต้นเลย อีกทั้งชุมชนไม่มีที่ทำกิน มีรายได้จากการรับจ้างไปวันๆ มีน้ำประปาก็ไม่มีค่าไฟฟ้าจ่ายโดนตัด ต้องซื้อน้ำใช้เพราะบ่อน้ำที่มีก็ใช้ไม่ได้ ทางรัฐไปสร้างเขื่อนเก็บน้ำให้ใช้ก็ยังมีกลิ่นเน่าเหม็น กรองไม่ได้ นึ่งข้าวกินไม่ได้ โรงเรียนก็ได้รับผลกระทบอันเดียวกัน กรองน้ำหลายรอบกว่าจะให้ดื่มกินได้

วันนี้จึงได้มาติดตั้งระบบโซล่าร์เซลล์สูบน้ำจากบ่อท้ายบ้านขึ้นไปยังหอประปาหมู่บ้านเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำสะอาด ช่วยเรื่องน้ำทำสวนเล็กๆ น้อยในแปลงอาหารกลางวันของเด็กๆ และแบ่งเบาภาระค่าน้ำค่าไฟของคนในชุมชน ระยะทางประมาณ 700 เมตร นับเป็นงานยากพอสมควรที่สูบน้ำไกลขนาดนี้ เป็นโครงการของคนบันดาลไฟที่จะได้ช่วยเหลือชุมชน โดยทีมงานช่างขอข้าวจากโรงเรียนศรีแสงธรรมมาช่วยดูแลงานระบบที่บ้านห้วยหมากหล่ำ วันนี้ข้ามมาหลายจังหวัดจากอิสานใต้ มาอิสานเหนือ อุบลราชธานีถึงอุดรธานี มาติดตั้งโซล่าร์เซลล์

สธ.จัดประชุมวิชาการนานาชาติ เฉลิมพระเกียรติพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

People Unity News : กระทรวงสาธารณสุข จัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของราชวงศ์จักรีกับการแพทย์และการสาธารณสุขไทย และพระมหากรุณาธิคุณในความห่วงใยสุขภาพของประชาชนที่อยู่ห่างไกลให้ปรากฏแก่สายตาชาวไทยและชาวต่างชาติ แลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยและนวัตกรรมสุขภาพ สร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการในระดับนานาชาติ

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก (International Conference on Advancement in Health Sciences Education and Professions : Synergy and Reform for Better Health (IHSEP2019) in Celebration of the Royal Coronation Ceremony) ว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 จึงได้จัดการประชุมวิชาการนานาชาติเพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของราชวงศ์จักรีกับการแพทย์และการสาธารณสุขไทย ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข และความห่วงใยสุขภาพของประชาชนที่อยู่ในชนบทห่างไกล ให้ปรากฏแก่ชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยและนวัตกรรมสุขภาพ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการในระดับนานาชาตินายอนุทินกล่าวต่อว่า การเตรียมความพร้อมสำหรับบุคลากรการแพทย์และการสาธารณสุข เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้การปฏิรูประบบสุขภาพของประเทศไทยบรรลุสู่เป้าหมาย การมีสุขภาพที่ดี การให้บริการที่ดี

การเข้าถึงระบบสุขภาพที่มากขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่ายทางด้านการแพทย์ บุคลากรทางด้านการแพทย์ที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเหมาะสม ในจำนวนที่เหมาะสม ครอบคลุมทุกสาขาวิชาชีพ ตลอดจนการดึงศักยภาพของบุคลากรดังกล่าวมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ จึงมีความจำเป็นต่อการฝึกอบรมบุคลากรสายวิชาชีพต่างๆ ให้มีความรู้ในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ให้สามารถคิดวิเคราะห์แก้ปัญหาสำหรับผู้ป่วยและการให้บริการทางการแพทย์ในทุกๆ วันได้

“ผมหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการปรับปรุงระบบสุขภาพของประชาชน รวมทั้งการดูแลผู้ป่วยและระบบสาธารณสุขของประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น” นายอนุทินกล่าว

ด้านนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การจัดการประชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้ สถาบันพระบรมราชชนก และสมาคมศิษย์เก่าวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดนนทบุรี ได้รับความร่วมมือจาก 15 หน่วยงานจากประเทศจีน ญี่ปุ่น อินโดนีเชีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นิวซีแลนด์ อังกฤษ อเมริกา สวีเดน และสิงคโปร์ โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์ นักวิจัยและนักศึกษา จาก 10 ประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา สวีเดน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐประชาชนจีน นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และไทย ร่วมประชุมสำหรับสถาบันพระบรมราชชนก มีวิทยาลัยในสังกัดทั่วประเทศ จำนวน 39 แห่ง แบ่งเป็นวิทยาลัยพยาบาล 30 แห่ง วิทยาลัยการสาธารณสุข 7 แห่ง วิทยาลัยเทคโนโลยีทางการแพทย์กาญจนาภิเษก และวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี

พม.จัดงานรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

People Unity News : พม.ร่วมกับสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทยฯ จัดงานรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี เร่งสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัวเพื่อต่อสู้กับความรุนแรง “จุติ” เร่งจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ลั่น!งวดหน้าไม่ต้องรอถึงรอบจ่าย

วันนี้ 11 พ.ย. 62 เวลา 08.30 น. ที่ห้องกรุงธนบอลรูม ชั้น 3 โรงแรมรอยัลริเวอร์ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ร่วมกับสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดงานรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก และสตรี ภายใต้แนวคิด “ประสานรัก ประสานใจ ครอบครัวไทยไร้ความรุนแรง”

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “มาตรการการส่งเสริมและป้องกันการเกิดความรุนแรงในครอบครัว” ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย เด็ก และเยาวชน บุคคลในครอบครัวจากชุมชนกรุงเทพมหานคร 50 เขต หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ผู้นำชุมชน องค์กรสตรี และประชาชนทั่วไป จำนวน 400 คน

นายจุติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่องค์การสหประชาชาติ ประกาศให้วันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี สำหรับประเทศไทย มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2542 ซึ่งกำหนดให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็น “เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” เพื่อมุ่งเน้นที่จะป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ กระทรวงพม. ร่วมกับสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ดำเนินการจัดงานรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก และสตรี ในครั้งนี้นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งและเป็นการประสานความร่วมมือเพื่อร่วมรณรงค์ ยุติความรุนแรงให้บุคคลในสังคมให้ได้รับความรู้ มีความเข้าใจในสิทธิและหน้าที่ และมีส่วนร่วมในการรณรงค์ยุติความรุนแรงในครอบครัวและสังคม อันจะส่งผลให้บุคคลในสังคมปราศจากความรุนแรงในทุกรูปแบบ สังคมมีความเข้มแข็ง มีครอบครัวที่อบอุ่น และมีสัมพันธภาพที่ดีของครอบครัว

“การจัดงานรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก และสตรี ภายใต้แนวคิด “ประสานรัก ประสานใจ ครอบครัวไทยไร้ความรุนแรง” ในวันนี้ นับเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่กระทรวง พม. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยกระตุ้นให้คนในสังคมมีความรู้ และมีความตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา และร่วมกันเป็นพลังในการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว จนก่อให้เกิดกระแสสังคมในการ ไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรง” นายจุติ กล่าว

นายจุติ กล่าวภายหลังด้วยว่า เราจะสร้างครอบครัวให้เข้มแข็งเพื่อต่อสู้กับความรุนแรงในครอบครัว ครอบครัวที่เข้มแข็งจะเป็นพลังสำคัญเพื่อชาติต่อไปในอนาคต สังคมดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องช่วยกันสร้าง เราควรหันมาให้ความรัก ความสนใจความเอาใจใส่กับคนรอบข้าง คนในครอบครัว ถ้าเรามีความรัก ความเมตตา ให้อภัยซึ่งกันและกัน เราก็จะมีความสุขกันถ้วนหน้า ตนมีความตั้งใจจะทำงานร่วมกันกับกระทรวงศึกษา พม.จะจับมือกันกับครูตามโรงเรียนต่างๆ ที่จะไปสำรวจเด็กนักเรียนในห้องไปดูและสังเกตความผิดปกติตั้งแต่เริ่มต้นจะได้แก้ไขได้ทัน ในขณะเดียวกันจะให้ความรู้กับสตรีทั่วประเทศทั้ง 76 จังหวัด หลังจากนั้นเราจะช่วยกันสร้างสถาบันครอบครัวให้เข้มแข็งต่อไป

“เราจะต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย ความรุนแรงในครอบครัว และยาเสพติด จะช่วยกันทำให้ครอบครัวมีภูมิคุ้มกันมีความรัก ความเมตตาต่อกันและกัน ทั้งนี้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ท่านทรงให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ก็จะเป็นพลังผลักดันพวกเราในเรื่องนี้ด้วย ให้เดินหน้าอย่างมั่นคงและมีกำลังใจ” นายจุติ กล่าว

เร่งจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ลั่น!งวดหน้าไม่ต้องรอถึงรอบจ่าย

ที่ สถาบันการพัฒนาความรู้ด้านการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ต.เกาะพลับพลา  อ.เมือง จ.ราชบุรี นายจุติ ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานในโอกาสการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ระหว่างวันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2562 โดยมีกลุ่มผู้สูงอายุ และประชาชนชาวจังหวัดราชบุรี จำนวนกว่า 400 คน ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการ มหกรรมการขับเคลื่อนงานสวัสดิการด้านสังคมในพื้นที่ พบปะรับฟังเสียงประชาชนจากภาคส่วนต่างๆ ของ จ.ราชบุรี

นายจุติ กล่าวว่า วันนี้ได้ลงมาเยี่ยมและรับฟังความคิดเห็นของชาวราชบุรี มีหลายองค์กรที่ทำงานด้านสังคมช่วยและร่วมกันทำงาน รัฐบาลมีความมุ่งมั่นและตั้งใจดีในการทำงานเพื่อทุกคน ในส่วนผู้ที่มีรายได้น้อยก็จะช่วยให้ยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง ในส่วนอาสาสมัครสังคมก็จะต้องได้รับการพัฒนาศักยภาพในทุกมิติ เพื่อเป็นกำลังสำคัญและเป็นพี่เลี้ยงให้กับสังคมราชบุรีให้เดินก้าวหน้าต่อไป

“ผมคิดว่าวันนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการพัฒนาทุนมนุษย์ เพราะทุนมนุษย์เป็นต้นทุนที่สำคัญ ถ้าคุณมีความแข็งแกร่ง ครอบครัวมีความสุขมั่นคง สังคมจะมีความแข็งแกร่ง ประเทศก็จะมีความก้าวหน้าและสามัคคีพร้อมที่จะเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายจุติกล่าว

นายจุติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดที่ยังมีรายชื่อบางส่วนตกหล่น ทำให้ทางกระทรวงเร่งตรวจสอบข้อมูลและทยอยแก้ไขให้เร็วที่สุด ว่า มันมีปัญหาเนื่องจากมีการเปลี่ยนเกณฑ์ จากเดิมผู้ที่ได้รับเงินมีจำนวนน้อยขณะนี้ได้เพิ่มเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นมีความจำเป็นในการที่จะต้องเอาข้อมูลเข้าระบบ เพื่อเงินที่จ่ายจะได้ถึงประชาชนโดยตรง ป้องกันการทุจริต มีความโปร่งใส ดังนั้นจำเป็นต้องกรอกข้อมูลถึง 59 ข้อต่อคน (จากเดิม 79 ข้อ) จึงมีความยากลำบากในการทำงานพอสมควร ทำให้เกิดความล่าช้า แต่ตนเชื่อมั่นว่าเมื่อกรอกข้อมูลเข้าระบบเสร็จแล้ว ทุกอย่างจะเดินหน้าไปโดยไม่ติดขัด

ในส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด นายจุติ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้ประชุมกับ พม.ทุกจังหวัด ทุกหน่วยงานระดมเจ้าหน้าที่จากส่วนต่างๆ มาช่วยทำตรงนี้อย่างเดียว เชื่อว่าจะทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้จากปกติเงินจะออกทุกวันที่ 10 แต่ถ้าทำข้อมูลล็อตตกค้างเสร็จ ทาง พม.จะเร่งจ่ายเงินแก่ผู้ปกครองโดยไม่ต้องรอถึงรอบจ่าย

“อนุทิน”เดือดลั่น”หยาบช้าป่าเถื่อน” สั่งฟ้องแก็งค์อันธพาลตีกันใน ร.พ.

People Unity News : “อนุทิน”วอนสังคมจัดหนัก “แก็งค์อันธพาลตีกันใน ร.พ.” ชี้ เป็นการกระทำ “หยาบช้าป่าเถื่อน” พร้อมสั่ง สธ.ลุยดำเนินคดี

วันที่ 11 พ.ย.2562 จากกรณีที่ กลุ่มวัยรุ่นยกพวกตีกันถึงหน้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลอ่างทอง เมื่อกลางดึกวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์เฟซบุ๊ค “อนุทิน ชาญวีรกูล” ขอให้ทุกภาคส่วน ช่วยกันป้องกันปัญหาการทะเลาะวิวาทภายในโรงพยายาลอย่างเด็ดขาด พร้อมเปิดเผยว่าจะให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้งหมด นายอนุทิน ระบุว่า

“ช่วยกันจัดให้หนัก
……….
เราควรจะทำอย่างไร ?
กับอันธพาลกระจอก ที่ชอบยกพวกมาก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล

กี่ครั้งแล้ว ที่ห้องฉุกเฉิน และโรงพยาบาล ต้องเสียหาย
แพทย์ เจ้าหน้าที่ ต้องเสี่ยงบาดเจ็บ ทำงานไม่ได้ ทรัพย์สินโรงพยาบาล เครื่องมือแพทย์ เสียหาย ผู้ป่วยคนอื่นๆ เดือดร้อน

ขอแบบเอาให้เข็ดหลาบ ไม่แสดงสันดานหยาบช้าป่าเถื่อนแบบนี้อีก

ในสงคราม ยังเว้นพื้นที่ปลอดภัยให้โรงพยาบาล แพทย์ และ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์

แต่ในหัวใจอันธพาลกระจอกพวกนี้ ไม่มีอะไรเลย รวมทั้งคำสอนของพ่อแม่ แย่จริงๆ

กระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเลวร้าย อีกต่อไป

https://tna.mcot.net/view/5dc8070be3f8e40b313b27b7

#saveโรงพยาบาล
#saveผู้ป่วย”

“วราวุธ”ขอคนไทยร่วมมือ 1 ครอบครัว ลอย 1 กระทงวัสดุธรรมชาติ

People Unity News : “วราวุธ”ปลุกคนไทยร่วมรณรงค์ใช้กระทงวัสดุธรรมชาติ ลดปัญหาขยะในแม่น้ำรักษาสิ่งแวดล้อม

วันที่ 11 พ.ย.2562 เมื่อเวลา 08.30 น. ที่โรงยิมเนเซี่ยม องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงการรณรงค์ใช้กระทงที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติว่า วันนี้ต้องขอความร่วมมือร่วมใจทุกคนให้ใช้กระทงที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ และขอให้ใช้เพียงกระทงเดียวต่อครอบครัว เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมและทำให้แม่น้ำมีความสะอาด เพราะทุกปีภายหลังจากการลอยกระทงตอนเช้าจะมีขยะเต็มแม่น้ำ จึงต้องขอความเห็นใจจากทุกคนช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาคุณภาพน้ำในแม่น้ำลำคลอง เพื่อให้ทุกคนได้มีแม่น้ำที่ใสสะอาดสำหรับบุตรหลานในอนาคต

นายวราวุธ กล่าวด้วยว่า ถึงแม้ว่าหลายคนจะใช้กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติหรือกระทงจากขนมปังที่จะเป็นอาหารให้ปลา แต่อะไรก็แล้วแต่ที่มากจนเกินพอดีแม่น้ำลำคลองก็ไม่สามารถที่จะรับไหว และทำให้แม่น้ำเน่าเสียได้ วันนี้วันลอยกระทงเชื่อว่าทุกคนอยากลอยความทุกข์ออกไป จึงอยากให้นึกถึงเรื่องเหล่านี้ ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมและไม่สร้างภาระให้คนที่จะต้องมาเก็บ

เมื่อถามว่าที่ผ่านมาทำความเข้าใจกับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน นายวราวุธกล่าวว่า ประชาชนตอบรับดีแต่จะได้ผลแค่ไหน โดยดูจากปริมาณขยะของกระทงจะเป็นตัวชี้วัด และหากปีนี้ไม่สำเร็จปีหน้าก็จะรณรงค์กันใหม่เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่หน้าที่ของรัฐมนตรีหรือรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นบทบาทของประชาชนทั้ง 67 ล้านคนต้องช่วยกัน

เมื่อถามว่าประเมินปีนี้กับปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับการรณรงค์ใช้วัสดุธรรมชาติเป็นอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นขนมปังหรือต้นกล้วย ใบตอง แต่อย่างที่บอกไปไม่ว่าจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแค่ไหนหากมากเกินไปก็จะเป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมอยู่ดี

“ดร.วันดี กุญชรยงคง จุลเจริญ” รับโล่รางวัลศิษย์เก่าเกียรติยศประจำปี 2562

People Unity News : สมาคมศิษย์เก่าสวนสุนันทาฯ มอบโล่รางวัลให้ “ดร.วันดี กุญชรยงคง จุลเจริญ” ศิษย์เก่าเกียรติยศประจำปี 2562 จากสารพัดผลงานที่เป็นที่ประจักษ์แก่สังคม

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2562 สมาคมศิษย์เก่าสวนสุนันทา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดย ดร.ชยภรณ์ ธนาบริบูรณ์ นายกสมาคมฯ ได้จัดพิธิมอบโล่รางวัลให้ศิษย์เก่าเกียรติยศ และศิษย์เก่าดีเด่น ประจำปี 2562 จำนวน 11 คน โดยมี ดร.วันดี กุญชรยงคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ และประธานชมรมแม่บ้านกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยได้เข้ารับรางวัลในฐานะศิษย์เก่าเกียรติยศ ประจำปี 2562 เพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ ส่วนอีก 10 คนได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ประจำปี 2562 ณ สมาคมศิษย์เก่าสวนสุนันทา

ดร.ชยภรณ์ ธนาบริบูรณ์ นายกสมาคมฯ เปิดเผยว่า ในรอบปีที่ผ่านมาทางสมาคมฯได้ทำกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมจำนวนมากโดยได้รับความร่วมมือร่วมใจจากศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันเป็นอย่างดี สำหรับ การจัดพิธิมอบโล่รางวัลให้ศิษย์เก่าเกียรติยศ และศิษย์เก่าดีเด่น ประจำปี 2562 ในครั้งนี้ก็เพื่อเชิดชูศิษย์เก่าที่ทำประโยชน์ให้แก่สังคมจนเป็นที่ประจักษ์ และต้องการให้มีกำลังใจในการทำงานเพื่อสังคมและเพื่อชื่อเสียงของสมาคมฯ ต่อไป

สำหรับ ดร.วันดี กุญชรยงคง จุลเจริญ ถือเป็นบุคคลที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ทางสังคมและสาธารณะประโยชน์ โดยเฉพาะบทบาทในฐานะประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมรมราชินูปถัมภ์ ได้มีผลการดำเนินกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและสนองพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ การส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรสตรีทั่วประเทศ การเชิดชู ส่งเสริม สนับสนุน วันสตรีไทยในทุกปี มีการคัดเลือกสตรีไทยดีเด่น และเยาวสตรีไทยดีเด่น

นอกจากนั้น ยังร่วมมือและประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการดำเนินงานที่เป็นประโยชน์ต่อสตรีและสังคม โดยเฉพาะร่วมมือกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการขับเคลื่อนงานสตรี การจัดกิจกรรมยกระดับความเป็นอยู่ สถานภาพและสมรรถภาพของสตรีไทย เช่น โครงการตามรอยผ้าไทยลมหายใจแม่ของแผ่นดินสัญจร 4 ภาค

สำหรับ บทบาทที่สำคัญอีกประการคือ เป็นประธานคณะกรรมการฝ่ายรณรงค์หาทุนการศึกษามูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดหารายได้พัฒนาเยาวชนโดยให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนผู้ด้อยโอกาสทุกอำเภอ ทุกสังกัดทุกระดับการศึกษาทั่วประเทศปละละประมาณ 3,000 ทุน เป็นเงินปีละประมาณ 10 ล้านบาท ด้วยคุณสมบัติที่แสดงถึงความรู้ ความสามารถและคุณธรรม ตลอดจนประสบความสำเร็จในการประกอบสัมมาอาชีพ และปฎิบัติตนเป็นแบบอย่างแก่เยาวชนของชาติและบุคคลทั่วไป จึงถือเป็นศิษย์เก่าเกียรติยศที่ทำประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติเป็นที่ประจักษ์

MOUประวัติศาสตร์! “มจร-ม.พุทธรามัญรัฐ” ร่วมมือจัดการศึกษาพุทธ”ไทย-มอญ”

People Unity News : MOUประวัติศาสตร์! “มจร-ม.พุทธรามัญรัฐ” ร่วมมือจัดการศึกษาพุทธ”ไทย-มอญ” หวังพัฒนาให้สอดรับกับโลกสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยเทคโนโลยีทางการศึกษา ชาวพุทธมอญกว่า 1,000 ร่วมเป็นสักขีพยาน

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ที่มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนารามัญรัฐ เมืองเมาะลำเลิง รัฐมอญ ประเทศเมียนมา ชาวพุทธมอญทั้งพระสงฆ์และญาติโยมกว่า 1,000 รูปคน นำโดยพระภัททันตะวันนามหาเถระ ประมุขสงฆ์มอญ ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มจร และมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนารามัญรัฐ

พระมหาหรรษา กล่าวว่า สาระสำคัญหลักในการลงนามความมือครั้งนี้เน้นจับมือสืบสาน รักษา และต่อยอดการศึกษา และวิจัยเชิงลึกเกี่ยวพระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ การร่วมมือพัฒนาการศึกษาพระพุทธศาสนาที่สอดรับกับโลกสมัยใหม่ที่เปลี้ยนแปลงไป การร่วมมือพัฒนาพระภิกษุสามเณรและเยาวชนรุ่นใหม่ รวมถึงผู้สูงอายุ อีกทั้งการแลกเปลี่ยนคณาจารย์ นิสิต และเทคโนโลยีทางการศึกษา

ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มจร กล่าวอีกว่า รัฐมอญหรือเมืองหงสาวดี เคยเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา ศาสนา ประเพณี และวัฒนธรรมที่ดีงามมาก่อน ชนชั้นนำในพื้นต่างๆ ทั้งเชียงใหม่ และเมืองใกล้เคียงมักจะส่งบุญหลานมาศึกษาหาความรู้แล้วนำกลับไปพัฒนาบ้านเมืองของตนเอง แต่ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไป แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย ยังคงปรากฏให้เห็นในพื้นที่ต่างๆ การกระตุ้นและส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนารามัญรัฐใช้ระบบการศึกษายุคใหม่เข้ามาช่วยพัฒนา จะทำให้พระพุทธศาสนาเข้มแข็ง และสังคมสันติสุข ประชาชนมีสัมมาชีพพึ่งพาตัวเองได้อย้างยั่งยืน

พระภัททันตะวันนามหาเถระ กล่าวสัมโมทนียกถาว่า การลงนามความร่วมมือกันครั้งนี้มีพุทธศาสนิกชนชาวมอญตื่นตัว และให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่มีการลงนามความร่วมมืออย่างเป็นทางการเช่นนี้ ไทยและมอญอาจจะต่างกันทางภาษาและวัฒนธรรม แต่สิ่งหนึ่งที่เรามีเหมือนกัน คือ เราเป็นลูกหลานของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน การจับมือกันนำพระพุทธศาสนามาเป็นรากฐานในการพัฒนาจะยิ่งช่วยให้พระพุทธศาสนาตอบโจทย์ชีวิตและสังคมในยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงนามครั้งนี้ ได้มีการจัดสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาติ เรื่อง “พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ” โดยมีนักวิชาการจากประเทศต่างๆ มาร่วมสัมมนา และนำเสนอประวัติ ความเป็นมา และเสนอแนะแนวทางในการสืบสาน รักษา และต่อยอดการพัฒนาที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานร่วมกันด้วย

ไม่ลืมกัน! “อนุทิน”เร่งเครื่องลุยเดินหน้าบรรจุ ขรก.สธ.

People Unity News : ไม่ลืมกัน! “อนุทิน”เร่งเครื่องลุยเดินหน้าบรรจุ ขรก.สธ. วอนเสียงบ่นรอนาน ขอวิงวอนให้ย้อนมองภาครัฐให้บริการอย่างมีมาตรฐานหรือไม่ จะพบทำตามมาตรฐานสากล

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2562 ที่การประชุมวิชาการแพทยสภา ประจำปี 2562 พิธีมอบเกียรติบัตร เข็มเกียรติคุณ โล่เกียรติคุณ นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 7 (ปธพ.7) ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวปาฐกถาใจความตอนหนึ่งว่า ระบบการให้บริการด้านสาธารณสุขของไทย นับว่ามีคุณภาพเป็นที่เชิดหน้าชูตา เพราะมีการวางรากฐานมาอย่างดี มีประเทศไหนในโลกที่องค์พระประมุข สละทรัพย์ส่วนพระองค์มาดูแลระบบการให้บริการด้านสาธารณสุข นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราก้าวหน้าในเรื่องนี้ ไม่ต้องอายชาติไหน

และต้องขอขอบคุณทุกท่าน ที่ไม่ใช้สิทธิ์การรักษาพยาบาลของรัฐ แต่เลือกจ่ายค่าบริการส่วนตัว เพราะการเสียสละของท่าน ทำให้รัฐมีเงิน ไปใช้จ่ายกับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้จริงๆ ซึ่งถ้าหากทุกคนในประเทศ ใช้สวัสดิการรัฐกันหมด รับรองว่างบแค่ไหน ก็ไม่มีทางพอ

ที่ผ่านมามีเสียงบ่น รอนาน โรงพยาบาลแออัด ตนเข้าใจทุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ขอวิงวอนให้ย้อนมองว่าภาครัฐให้บริการอย่างมีมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งคำตอบคือ เราทำตามมาตรฐานสากล และไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง จะเป็นชาวต่างชาติ เราก็รักษา แม้จะยอมขาดทุนบ้างก็ตาม วันนี้รัฐมนตรีกับกระทรวงสาธารณสุขลงเรือลำเดียวกัน และเราไม่ก้าวก่ายการทำงาน กลับกันยังพร้อมช่วยเหลือกันและกัน

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า องค์การเภสัชกรรมถูกตั้งคำถามเยอะ ว่าไปวิจัยยา ผลิตยาทำไม ซื้อของเอกชน ถูกกว่า ง่ายกว่า แต่อยากให้มองว่า ถ้าเกิดมีวิกฤติโรคระบาดจนขาดแคลนยา หากประเทศไทย สามารถผลิตยาเพื่อดูแลตัวเองได้จะดีกว่าหรือไม่ การทำงานขององค์การเภสัชกรรมเป็นเรื่องของความมั่นคงในระยะยาว

“มีข่าวออกมาตลอดว่าพนักงานราชการของกระทรวงสาธารณสุข ต้องการบรรจุเป็นข้าราชการ ตอบแทนความมุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงานเป็นระยะเวลายาวนาน ผมไม่เคยมองข้าม และได้คุยกับรองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม มาหลายครั้ง ถ้าได้เจอกันก็จะคุยแต่เรื่องนี้ ซึ่งท่านได้รับไปพิจารณา แต่ผมก็จะถามต่อไป ข้อเท็จจริงคือเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับงบ แต่มันอยู่ที่กระบวนการทางราชการมากกว่า”

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงนโยบายยกระดับ อสม. ว่า เรามี อสม.กว่าล้านคนกระจายทำงานอยู่ทั่วประเทศ ถ้าเปลี่ยน อสม.เป็นหมอครบอครัว ดูแลคนป่วยชั้นปฐมภูมิในพื้นที่ได้ ย่อมจะลดภาระแพทย์ พยาบาล และช่วยลดภาระการเดินทางของผู้ป่วย และเราได้ยกระดับสถานีอนามัยเป็น รพ.สต.แล้ว จึงมีความมุ่มมั่นให้สถานพยาบาลข้างต้น ช่วยคัดกรองผู้ป่วยก่อนถึงโรงพยาบาลศูนย์

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ล่าสุด ตนได้ให้นโยบายกับกระทรวงสาธารณสุข คือ ต้องทำให้ประชนรู้จักดูแลสุขภาพตัวเอง ต้องให้ประชาชนทราบว่า 1. ยาดีแค่ไหน ก็สู้ไม่กินยาไม่ได้ 2. เตียงโรงพยาบาลนุ่มแค่ไหน ก็สู้เตียงไม้กระดานไม่ได้ 3.ขยันแล้วท่านจะแข็งแรง ส่วนขี้เกียจ มักจะจบลงที่หาหมอ ดังนั้น ต้องหมั่นออกกำลังกายให้มากเข้า

Verified by ExactMetrics