วันที่ 6 พฤษภาคม 2024

“พิพัฒน์”ร่วมขบวนแห่ “เจ้าแม่ทับทิม” ย่านเยาวราช

People Unity News : รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาร่วมขบวนแห่ “เจ้าแม่ทับทิม” ย่านเยาวราช พร้อมทัพใหญ่ “ทัวร์ตระกูลแซ่” เชื่อมั่นสัมพันธ์ไทย-จีน แน่นแฟ้น ส่งผลดีต่อภาพรวมด้านท่องเที่ยวทั้งสองประเทศ

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพร้อมด้วยผู้บริหารร่วมขบวนแห่ “เจ้าแม่ทับทิม” (หม่าโจ้ว) รอบย่านเยาวราช ตามที่สมาคมตระกูลลิ้มแห่งประเทศไทย ได้อัญเชิญเจ้าแม่ทับทิมจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งไทย-จีนได้เคารพสักการะ

ทั้งนี้ หลังจากเจ้าแม่ทับทิมได้รับการอัญเชิญมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 โดยมีพิธีต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ณ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิแล้ว ทางสมาคมฯ ได้อัญเชิญองค์เจ้าแม่ทับทิมไปประทับ ณ สมาคมฉวนโจว-จิ้นเจียง ประเทศไทย ถนนราชพฤกษ์-สำเพ็ง 2, สมาคมตระกูลลิ้มแห่งประเทศไทย และวันนี้ได้มีพิธีแห่องค์เจ้าแม่ไปยังถนนย่านเยาวราช เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทย-จีนที่มีความเลื่อมใสศรัทธา ได้มีโอกาสกราบสักการะและขอพร ซึ่งเจ้าแม่ทับทิมหรือเจ้าแม่หม่าโจ้วมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพสักการะของคนจีนที่ทำอาชีพประมงหรือออกเดินเรือไปหาปลาเป็นอย่างมาก ถ้าเปรียบกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนไทยก็จะหมายถึงแม่ย่านางที่เรามักจะกราบไหว้ขอพรก่อนการออกเดินทางทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นทางรถหรือทางเรือ

รมว.พิพัฒน์ กล่าวว่า การเดินทางมาประเทศไทยขององค์เจ้าแม่ทับทิมครั้งนี้ ไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวไทยจีน รวมถึงผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในองค์เจ้าแม่ทับทิมได้มีโอกาสกราบสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังมีคณะนักท่องเที่ยวตระกูลแซ่จำนวนมากกว่า 600 คน เดินทางมาด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามนโยบายที่ผมเคยให้ไว้แก่หน่วยงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพราะในโลกนี้มีคนจีนเป็นจำนวนมาก มีสายสัมพันธ์อันดีกับชาวไทยเรามาช้านาน จึงเป็นกุศโลบายที่ดีที่จะเชื้อเชิญชาวจีนตระกูลแซ่ต่างๆ ได้มาท่องเที่ยวในเมืองไทย มาพบปะเยี่ยมเยียนบรรพบุรุษญาติมิตรเชื้อสายเดียวกันที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย นอกจากจะเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอันดีงามของทั้งสองเชื้อชาติแล้ว ความอบอุ่นประทับใจที่เกิดขึ้นย่อมได้รับการประชาสัมพันธ์บอกต่อให้ชาวจีนคนอื่นๆ ได้เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย เกิดการจับจ่ายใช้สอยอันจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้แก่ประเทศไทยโดยรวมต่อไป หน้าที่ของประชาชนคนไทยคือการต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือนเหล่านี้ด้วยการไม่เอารัดเอาเปรียบ ต้มตุ๋นหลอกลวง สร้างความอบอุ่นประทับใจให้เกิดขึ้น เพียงเท่านี้ก็ถือว่าทุกท่านได้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีแล้ว

ชวนเติมแต้มบุญอิ่มใจ! โหวตสาวงาม พช.ชิงตำแหน่ง”ขวัญใจกาชาดปี 2562″

People Unity News : “อธิบดี พช.” ชวนเติมแต้มบุญ อิ่มใจ แต้มโหวตสาวงาม พช. ชิงตำแหน่ง”ขวัญใจกาชาด ปี 2562″

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยว่า ตามที่สภากาชาดไทยจัดงานใหญ่ “งานกาชาด ประจำปี2562” ภายใต้แนวคิด “เย็นศิระเพราะพระบริบาล เกิดสายธารการให้ที่งดงาม” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชูปถัมภกสภากาชาดไทย และเพื่อหารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย ในการบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข บำบัดโรค กำจัดภัย ระหว่างวันที่ 15- 24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.30 – 22.30 น. ณ สวนลุมพินี กรุงเทพฯ

ภายในงานมีกิจกรรมการออกร้านกาชาด นิทรรศการของหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ที่สร้างความสนุกเพลิดเพลินให้กับผู้เที่ยวชมงาน และกิจกรรมการประกวดขวัญใจงานกาชาด โดยปีนี้กรมการพัฒนาชุมชนได้ร่วมส่งตัวแทนสาวงาม เข้าร่วมกิจกรรมประกวด จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1.ว่าที่ร้อยตรีหญิงปราณี พรมวิชัย (ผู้เข้าประกวด หมายเลข17) 2.น.ส.กุลนิษฐ์ บัวหลวง (ผู้เข้าประกวด หมายเลข16) 3.น.ส.รวินท์อร สัมฤทธิ์กิจเจริญ (ผู้เข้าประกวด หมายเลข18)

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมช กล่าวต่อว่า มาร่วมส่งแรงใจโหวตให้ตัวแทนสาวงามจากกรมการพัฒนาชุมชน ชิงตำแหน่ง”ขวัญใจกาชาด ปี2562″ ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้ 1.ติดตั้งแอพพลิเคชั่น “งานกาชาด2562” ด้วยการดาวน์โหลดลงโทรศัพท์เคลื่อนที่ ใช้งานได้ทั้ง ในระบบ Android จาก Goggle Play และใน iOS จาก App Store หรือ คลิกลิงค์เพื่อดาวโหลดแอพพลิเคชั่น-> https://play.google.com/store/apps/details?id=com.ecartstudio.servcard.redcross

2. สมัครสมาชิก (Rigister) ด้วยการกรอกข้อมูล ส่วนบุคคล ให้ครบถ้วน 3.คลิกเลือก “รูปบัตรงานกาชาด” เพื่อเข้าสู่หน้าเมนูหลัก 4. คลิกเลือก คำว่า “โปรโมชั่น/เติมแต้ม” ที่รูปกล่องของขวัญเพื่อทำการเติมเงินเพิ่มแต้มเข้าสู่ระบบ 5. คลิกเลือก ปุ่มสีเขียว ที่มีตัวเลขจำนวนเงิน (บาท) ตามจำนวนที่ท่านต้องการเติมแต้มเข้าสู่ระบบ เช่น หากท่านต้องการเติม 10 แต้ม ให้ท่านคลิกที่ ปุ่มสีเขียว 10 บาท เมื่อกดแล้ว ระบบจะขึ้นกล่องข้อความถามยืนยัน “คุณต้องการเติมแต้ม จำนวน 10 แต้ม” เป็นเงินทั้งสิ้น 10 บาท โดยให้คลิก ที่คำว่า “ตกลง” เพื่อเข้าสู่ระบบการชำระเงิน

6. การชำระเงินเพื่อเติมแต้ม เมื่อท่านเข้าสู่หน้าระบบการชำระเงิน สามารถเลือกวิธีชำระเงิน ได้ 2 วิธี ได้แก่ 6.1 การชำระเงินด้วยพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด ให้ท่านเลือกที่ข้อความ “บันทึกรูปภาพ”คิวอาร์โค้ดเพื่อนำไปใช้ชำระเงินในระบบ อีแบงค์กิ้ง ของท่าน 6.2 การชำระเงินด้วย RABBIT LINE PAY ให้ท่านเลือกกดปุ่มสีเขียว “การชำระเงินด้วย RABBIT LINE PAY”

7.คลิกเลือก “โหวตขวัญใจงานกาชาด” เพื่อเข้าสู่หน้าเมนู “ร่วมโหวตขวัญใจงานกาชาด 2562” 8.คลิกเลือก หน้าที่ 3 ท่านจะพบ ตัวแทนผู้เข้าประกวดสาวงามพช. ทั้ง 3 คน (หมายเลข 16 /หมายเลข 17/ หมายเลข18) 9.คลิกเลือกรูปผู้เข้าประกวด เพื่อโหวตให้คะแนน ระบบจะตัดแต้มของท่านเพื่อทำการโหวตให้สาวงาม
โดยร่วมโหวตได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 23 พ.ย. 2562 เวลา 20.00 น.

นายสุทธิพงษ์ กล่าวเชิญชวนว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน และภาคีเครือข่ายทุกท่าน ตลอดจนชาวพัฒนาชุมชนทั่วประเทศ ร่วมทำบุญกับสภากาชาดไทย ร่วมโหวตคะแนนให้กับตัวแทนกรมการพัฒนาชุมชน ชิงตำแหน่ง ”ขวัญใจกาชาด 2562” 10 แต้ม 10 บาททำบุญกับกาชาด เติมแต้มได้บุญ สมทบทุนสภากาชาดไทย และอย่าลืมมาแวะชมร้านกาชาดกรมการพัฒนาชุมชน บริเวณโซน B 3.16 ประตู 1 วันนี้ จนถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.30 -22.00 น. ณ สวนลุมพินี โดยไม่เก็บค่าบัตรผ่านประตู

วัดพระธรรมกายถวายสังฆทาน คณะสงฆ์ 323 วัด 4 จว.ใต้ ปีที่ 15 ครั้งที่ 148

People Unity News : วัดพระธรรมกายจัดพิธีถวายสังฆทานคณะสงฆ์ 323 วัด 4 จังหวัดชายแดนใต้ ปีที่ 15 ครั้งที่ 148

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 พระภาวนาธรรมวิเทศ ผู้แทนวัดพระธรรมกายและกัลยาณมิตรทั่วทั้งโลก ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดยะลา หน่วยงานภาครัฐ – เอกชน และประชาชน จัดพิธีถวายสังฆทานแด่คณะสงฆ์ 323 วัด พิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้วายชนม์จากเหตุการณ์ความไม่สงบ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา) ปีที่ 15 ครั้งที่ 148 และพิธีมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ ปีที่ 12 ครั้งที่ 113 จำนวน 357 กองทุน ณ ศาลาการเปรียญ วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง จังหวัดยะลา

พิธีเริ่มเวลา 06.30 น. ประชาชนร่วมทำบุญตักบาตรพระ 100 รูป โดยมีพระราชปัญญามุนี เจ้าคณะจังหวัดยะลา เป็นประธานสงฆ์ นายสุริยา บุญพันธ์ ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองยะลา รักษาการแทนนายอำเภอเมืองยะลา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส จากนั้นเป็นพิธีมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ ปีที่ 12 ครั้งที่ 113 พิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้วายชนม์ อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบ และพิธีถวายสังฆทานแด่คณะสงฆ์ 323 วัด 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณพระโพธาภิรามมุนี เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดยะลาธรรมาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ พ.ต.อ. ธนูศาตนันทน์ ชูสมทิวัตถ์ ผู้กำกับการ กองบังคับการ สืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนใต้ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส จากนั้นพระภาวนาธรรมวิเทศ กล่าวความในใจ พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือทหาร ตำรวจ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัย

นายสำเริง ดิษฐวิชัย ครูโรงเรียนนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จ.ยะลา กล่าวว่า “ตนสอนอยู่ในถิ่นทุรกันดารและเสี่ยงภัย การได้รับมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ ทำให้เกิดขวัญและกำลังใจในการที่จะปฏิบัติหน้าที่ การเป็นครูต้องทุ่มเท ต้องมีจิตเมตตา ชาวพุทธต้องมีความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน ท้อได้แต่อย่าท้อถอย ถ้าเราสู้เราต้องชนะ”

พิธีถวายสังฆทานแด่คณะสงฆ์ 323 วัด 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้วายชนม์จากเหตุการณ์ความไม่สงบ จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2548 ณ วัดมุจลินทวาปีวิหาร จ.ปัตตานี ปัจจุบันจัดติดต่อกันเป็นปีที่ 15 ครั้งที่ 148 รวมมูลค่าความช่วยเหลือกว่า 416 ล้านบาท และจัดอย่างต่อเนื่องทุกเดือนจนกว่าเหตุการณ์จะสงบ ส่วนกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ รวม 12 ปี มอบแล้วกว่า 30,000 กองทุน เป็นเงินกว่า 60 ล้านบาท

โฆษณา

ดร.สาธิต ชื่นชม รพ.สวนสราญรมย์ บำบัดผู้ป่วยจิตเวชจากสารเสพติด แห่งเดียวของกรมสุขภาพจิต

People Unity News : รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชื่นชมโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ บำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยจิตเวชจากสารเสพติดของกรมคุมประพฤติด้วยแนวคิดชุมชนบำบัดแห่งเดียวของกรมสุขภาพจิต ได้ผลดีไม่กลับไปเสพซ้ำภายใน 1 ปี ถึงร้อยละ 64

เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2562 ที่ จ.สุราษฏร์ธานี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยม “ศูนย์สาธิตจิตสังคมบำบัด” และให้กำลังใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ที่โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ จ.สุราษฏร์ธานี ว่า โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ เป็นโรงพยาบาลเดียวของกรมสุขภาพจิตที่มีสถานที่เฉพาะสำหรับบำบัดและฟื้นฟูผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้สารเสพติดที่กรมคุมประพฤติส่งมาบังคับบำบัดแบบไม่เข้มงวด ไม่ปะปนกับผู้ป่วยจิตเวชอื่น ด้วยแนวคิดชุมชนบำบัด ใช้ชีวิตร่วมกันในชุมชนจำลองเสมือนบ้าน ช่วยเหลือกันเหมือนคนในครอบครัว มีบทบาทหน้าที่รับผิดชอบตามความสามารถ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม เน้นการจัดการ 4 ด้าน คือ พฤติกรรม อารมณ์ สติปัญญาและจิตวิญญาณ อาชีพและการอยู่รอด มีเป้าหมายกระตุ้นให้ผู้ป่วยมุ่งมั่นในการเลิกยา หยุดการใช้สารเสพติด ป้องกันการกลับไปเสพซ้ำ เพิ่มศักยภาพด้านพฤติกรรม จิตใจ อารมณ์ และสังคม มีแบบแผนการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม

โดยผู้ป่วยจากการใช้สารเสพติดที่เข้ารับการบำบัดทุกคน จะต้องเข้ารับการบำบัดนานถึง 4 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความคิดและพฤติกรรมได้ โดยผลการดำเนินงานพบว่าได้ผลดี มีผู้บำบัดครบระยะที่กำหนดถึงร้อยละ 87 ที่สำคัญคือผู้ป่วยไม่กลับไปเสพสารเสพติดซ้ำในระยะ 1 ปี คิดเป็นร้อยละ 64

นอกจากนี้ โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ยังเป็นศูนย์เชี่ยวชาญจิตเวชผู้สูงอายุของภาคใต้ เพื่อเตรียมการรองรับสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีปัญหาซับซ้อนกว่าผู้ป่วยกลุ่มอายุอื่น อาการเจ็บป่วยไม่ตรงไปตรงมาจากสภาพร่างกายเสื่อมถอย ต้องให้การบำบัดทั้งการใช้ยาและไม่ใช้ยา เช่น การนวดฝ่าเท้าด้วยลูกแก้ว ศิลปะบำบัด ดนตรีบำบัด สวนบำบัด การบำบัดด้วยแสงสว่าง ปรับสภาพแวดล้อมคล้ายอยู่ที่บ้าน ป้องกันการลื่นล้ม หกล้ม รวมทั้งได้สร้างเครื่องมือคัดกรองโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ รักษาผู้สูงอายุจากจิตเวชเรื้อรังและจิตเวชจากการใช้สารเสพติดอีกด้วย

สำหรับโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ เป็นโรงพยาบาล ขนาด 450 เตียง รับดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน 7 จังหวัด ประกอบด้วย สุราษฎร์ธานี ชุมพร ระนอง กระบี่ พังงา ภูเก็ต นครศรีธรรมราช มีผู้รับบริการแผนกผู้ป่วยนอกเฉลี่ยวันละ 280 คน ผู้ป่วยใน 300 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยเก่าที่อาการซับซ้อนไม่สามารถรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดได้ โดยโรคที่มารับบริการมากที่สุดคือ จิตเภท ร้อยละ 30 รองลงมาโรควิตกกังวล ซึมเศร้า และที่น่าสนใจคือ มีผู้ป่วยที่เป็นผู้ใช้สารเสพติดมีแนวโน้มเข้ารับบริการมากขึ้นทุกปี

โฆษณา

กรมควบคุมโรคเฝ้าระวังสถานการณ์โรคอุจจาระร่วง

People Unity News : กรมควบคุมโรคเฝ้าระวังสถานการณ์โรคอุจจาระร่วง แนะประชาชนเลือกรับประทานอาหารและน้ำที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคอุจจาระร่วงในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 12 พ.ย.2562 พบผู้ป่วย 925,149 ราย เสียชีวิต 7 ราย ภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือ ภาคเหนือ กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ กลุ่มอายุมากกว่า 65 ปี โดยตั้งแต่ต้นปี พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงเป็นกลุ่มก้อน จำนวน 4 เหตุการณ์ ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบว่ามีสาเหตุมาจากเชื้อโรต้าไวรัส

“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพในสัปดาห์นี้ คาดว่าจำนวนผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคอุจจาระร่วงที่มีสาเหตุจากเชื้อโรต้าไวรัส เนื่องจากเชื้อไวรัสดังกล่าวจะเจริญเติบโตและทนอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้ดีในช่วง ฤดูหนาว จึงทำให้ประชาชนมีโอกาสได้รับเชื้อจากการรับประทานอาหารและน้ำ หรือสัมผัสกับของเล่นหรือเครื่องใช้ที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนสูงขึ้น”

“กรมควบคุมโรค ขอแนะนำให้ประชาชนเลือกรับประทานอาหารและน้ำที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ และมีการปรุงหรือผลิตที่ได้มาตรฐาน ก่อนรับประทานอาหารควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง และในกรณีที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ควรระมัดระวังเรื่องน้ำดื่มน้ำใช้เป็นกรณีพิเศษ ไม่ควรใช้ภาชนะหรือแก้วร่วมกับผู้อื่น หากผู้ใดมีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำมากกว่าสามครั้งต่อวัน ควรดื่มน้ำเกลือแร่หรือสารละลายเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไปทันที หากอาการยังไม่ดีขึ้น รู้สึกอ่อนเพลีย อาเจียนรุนแรง หรือมีอาการขาดน้ำ ควรรีบไปพบแพทย์ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตจากโรคอุจจาระร่วงได้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”

โฆษณา

พบเด็กอัจฉริยะ! สนใจเรียนบาลีสันสกฤต วอนคณะสงฆ์วางแผนหนุนปั้นเป็นศาสนทายาท

People Unity News : พบเด็กอัจฉริยะ!สนใจเรียนบาลีสันสกฤต รุดพบอดีตนาคหลวงขอคัมภีร์ศึกษาด้วยตัวเองเตรียมสอบเข้าแพทย์ ​ อาจารย์ “มจร” วิทยาเขตบาลีพุทธโฆษเป็นปลื้มบุญของพ่อแม่ วอนคณะสงฆ์วางแผนหนุนปั้นเป็นศาสนทายาท

เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2562 รศ.ดร.เวทย์ บรรณกรกุล อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วิทยาเขตบาลีพุทธโฆษ อดีตสามเณรนาคหลวง ป.ธ.9 เปิดเผยว่า ได้รู้จัก นายภูวพัศ เทียมจรรยา เมื่อ 2 – 3 ปี ที่ผ่านมา โดยสมัครแข่งขันตอบปัญหาภาษาบาลี PAT7.6 ในนามโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ 2 ปี ติดต่อกันโดยคิดว่า “เด็กเก่ง จะเรียน จะแข่งขันอะไร ก็ย่อมชนะเลิศ เป็นธรรมดา” แต่สำหรับนายภูวพัศปัจจุบันเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์นับได้ว่าไม่ธรรมดา หลังจากจัดงานแข่งขันตอบปัญหาภาษาบาลี ปีที่ 2 สิ้นสุดลงไม่นาน ตนได้รับการแอดเป็นเพื่อนทางเฟซบุ๊กและส่งคำทักทายมาทางช่อง Messenger Chats ไม่ใช่ใครอื่น เด็กชายอัจฉริยะภาษาบาลี ทุกคำถาม เป็นเรื่อง “ภาษาบาลีสันสกฤต” ล้วน ๆ เมื่อ 2-3 ปีนั่นเอง

โดยข้อความที่สื่อสารกันนั้นความว่า “ผมถาม ‘โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์ หนูไปเรียนบาลีสันสกฤตที่ไหน?’ คำตอบที่ได้ คือ ‘ผมอ่านเองครับ ศึกษาจากหนังสือตำราต่าง ๆ1 …… ไม่ธรรมดาจริง ๆ ครับ อ่านศึกษาบาลีสันสกฤตด้วยตนเอง แล้วมาแข่งขันตอบปัญหา ชนะเลิศ “PAT7.6 ภาษาบาลี’ เด็กคนนี้ มีบุญบารมีจริง ๆ

วันนี้ (16 พ.ย.) นายภูวพัศได้แวะมาที่บ้าน ขอหนังสือ”วุตโตทัยมัญชรี สุโพธาลังการมัญชรี และคัมภีร์สัททนีติ” โดยสั่งกำชับว่า “มีเวลาค่อยอ่านนะ ให้หนูเตรียมอ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยก่อน” คำตอบที่ได้ยิ่งอัศจรรย์ “อาจารย์ไม่ต้องห่วงครับ มีหนังสือจากคณะแพทยศาสตร์ ระบุคุณสมบัติสามารถเข้าศึกษาและสามารถเป็นแพทย์ที่ดีในอนาคตได้ แต่ใจลึก ๆ ผมอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์”

นายภูวพัศได้เล่าว่า “……ซื้อหนังสือคัมภีร์บาลีสันสกฤตไว้หลายเล่ม อยากแปล อยากอ่าน เช่น สรัสวตีกัณฐาภรณ์ กาวยาทรรศะ กาวยประกาศ ตอนนี้เริ่มแปลคัมภีร์ปาณินิและกาตันตระบางส่วน บ้างแล้ว……” คิดในใจว่า” เป็นบุญของคุณพ่อคุณแม่ตระกูลเทียมจรรยา”

เข้าไปอ่านประวัติย่อ ๆ ของนายภูวพัศ เทียมจรรยา ต้องบอกว่า “นี่คือ อนาคตของชาติ” หากเรียนจบทำงานเป็นหลักฐานตามเจตนารมณ์บิดามารดา บวชทดแทนพระคุณศึกษาพระพุทธศาสนาจริงจัง “นี่คืออุบาสกแก้วกำลังพระศาสนาอย่างสิ้นสงสัย”

“ในบ้านเมืองเรา เด็กอัจฉริยะ มันสมองเป็นเลิศ มีจิตใจโน้มเอียงศึกษาเรื่องศาสนา มีอยู่มิใช่น้อยเลย (ที่คุยทักทายผมทาง Messenger อยู่ขณะนี้ มี 4-5 คน ภูวพัศ อยู่ใกล้สุด) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แม่กองบาลี แม่กองธรรม มหาวิทยาลัยสงฆ์ จะมองเห็นหรือ เรามีทรัพยากรบุคคลอัจฉริยะทางศาสนารอการฟูมฟักส่งเสริมอยู่” กล่าวและว่า

หลักสูตรการเรียนบาลีสำหรับเด็กยุวชนของชาติที่จะเป็นกำลังของพระพุทธศาสนายุคนี้ จะเรียนสอนแบบเดิม ๆ ตามประเพณี คงยาก คติตนเรื่องแบบนี้ … ยิ่งช้า ยิ่งสูญเสีย…

ประวัติของนายภูวพัศ เทียมจรรยาดังนี้

การศึกษา

-ประถมศึกษา โรงเรียนอนุบาลนครสวรรค์

-มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนนครสวรรค์

-ปัจจุบันศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์

รางวัลที่เคยได้รับ

-รางวัลเหรียญทอง การประกวดโครงงานคุณธรรม ระดับชั้นม.1-ม.3 งานศิลปหัตถกรรมนักเรียนภาคเหนือ ครั้งที่ 66

-รางวัลเหรียญเงิน การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นม.1-ม.3 งานศิลปหัตถกรรมนักเรียนภาคเหนือ ครั้งที่ 67

-รางวัลชมเชย การแข่งขันเขียนตามคำบอก ในการแข่งขันทักษะภาษาไทย ตามโครงการรักษ์ภาษาไทย เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พ.ศ.2560

-รางวัลชมเชย วิชาคณิตศาสตร์ และรางวัลชมเชย วิชาวิทยาศาสตร์ โครงการประเมินและพัฒนาสู่ความเป็นเลิศทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (TEDET) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ประจำปี พ.ศ. 2560

-รางวัลเหรียญทองแดง โครงการ “รางวัลนักคิดสิ่งประดิษฐ์รุ่นใหม่” ประจำปี 2561

-รางวัลชนะเลิศ การแข่งขันตอบปัญหาความถนัดทางภาษาบาลี PAT 7.6 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โครงการ “เผยแพร่ธรรมะและเยาวชนสู่สังคม” ประจำปีงบประมาณ 2561 และ 2562

-รางวัลรองชนะเลิศเหรียญเงิน การแข่งขันภาษาไทยเพชรยอดมงกุฎ ครั้งที่ 15 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6

-รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 การแข่งขันตอบปัญหาวิชาการ “ปุจฉา-วิสัชนา ปัญหาประวัติศาสตร์ ครั้งที่ 2” โครงการอักษราวิชาการ ประจำปี 2561 : 5 ทศวรรษ อักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

-รางวัลชมเชยการแข่งขันหน้าที่พลเมืองและศีลธรรมเพชรยอดมงกุฎ ครั้งที่ 1 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6

-รางวัล Certificate of high distinction ในการแข่งขัน Australian National Chemistry Quiz 2018 (ANCQ 2018)

-รางวัลเหรียญทอง การแข่งขันเคมีโอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 15

Cr.เฟซบุ๊ก Wate Bunnakornkul

“อนุทิน”เปิดคลีนิคกัญชารพ.สุรินทร์ ให้ชาวบ้านร่วมปลูกได้แล้ว

People Unity News : “อนุทิน”เปิดคลีนิคกัญชารพ.สุรินทร์ เผยประชาชนปลูกได้ แต่ต้องร่วมมือกับโรงพยาบาล และใช้เพื่อการแพทย์ เล็งใช้ “หมอออนไลน์” ทำงานร่วม “อสม.” ดูแลสุขภาพประชาชนทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ที่ ร.พ.สุรินทร์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายปกครอง คณะผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข และ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ได้ทำพิธีเปิดคลีนิคกัญชาทางการแพทย์ หลังเสร็จพิธี นายอนุทิน กล่าวว่า
เรื่องกัญชาทางการแพทย์ ได้คลายกฎระเบียบไปมากแล้ว ประชาชนสามารถปลูกกัญชาได้ แต่ต้องไปรวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชน และปลูกร่วมกับโรงพยาบาล ให้โรงพยาบาลสกัดสารในกัญชามาใช้ประโยชน์

“พันธุ์ที่ปลูกจะต้องได้รับจากภาครัฐ เพราะเป็นพันธุ์ที่ปลูกง่าย ให้สารสำคัญครบ การปลูก และใช้ เป็นไปเพื่อการรักษาผู้ป่วย โดยเฉพาะใช้รักษาอาการซึมเศร้า เบื่ออาหาร และผู้ป่วยมะเร็งระยะประคับประคอง ให้กินอิ่ม นอนหลับ แต่ห้ามนำมาใช้เพื่อความบันเทิง เพราะกฎหมายยังไม่อนุญาต สำหรับแพทย์แผนไทย เราเปิดช่องให้ใช้กัญชาเพื่อการรักษาโรคได้ แต่หมอพื้นบ้านต้องมาลงทะเบียนกับทางกระทรวง ขณะที่ยาสูตรกัญชาก็ต้องลงทะเบียนเช่นกัน” นายอนุทิน กล่าว

เล็งใช้ “หมอออนไลน์” ทำงานร่วม “อสม.” ดูแลสุขภาพ
นายอนุทิน ยังกล่าวเรื่องการยกระดับ อสม.ระบุว่า ได้มอบหมายให้นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข หรือ สบส.ดูแลเรื่องการพัฒนาศักยภาพของ อสม.โดยแลกกับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นตัวเงิน หรือสวัสดิการ ที่ต้องหารือกันต่อไป

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับ อสม.เพราะแพทย์ พยาบาล มีจำกัด จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจาก อสม. โดยหวังเห็น อสม.มีความสามารถดูแลผู้ป่วยชั้นปฐมภูมิได้ ไม่ใช่แค่นำออกกำลังกาย แต่ท่านต้องมีความเข้าใจในเรื่องการดูแลสุขภาพประชาชนขั้นพื้นฐาน ซึ่งด้วยศักยภาพ สามารถทำได้ดีแน่นอน
ขอยกตัวอย่างเมื่อครั้งไปตรวจเยี่ยมกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไปดูการสาธิตวิธีตรวจสอบสารตกค้างในพืชผักผลไม้ และผู้ที่มาสาธิตไม่ใช่หมอ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ แต่เป็น อสม.ซึ่งทำอย่างชำนาญ พร้อมอธิบายข้อมูลทั้งหมดอย่างครบถ้วน นี่คือคุณค่าของ อสม. ที่ต้องนำมาใช้ประโยชน์ ที่อยากเห็นคือ ในเมื่อเรามีเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และมี อสม.กระจายอยู่ทั่วประเทศ หากประชาชนมีอาการเจ็บป่วย ยังไม่ต้องไปหาหมอในตัวเมือง แต่ให้ อสม.คัดกรองก่อน อสม.ต้องสื่อสารกับแพทย์ ให้แพทย์ดูอาการเบื้องต้นให้ หมอ ต้องเป็น “หมอออนไลน์” ดูว่าผู้ป่วยมีแนวทางอย่างไร ต้องไป รพ.สต. ใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลศูนย์ เพื่อลดภาระในการเดินทางของผู้ป่วย และลดความแออัดในโรงพยาบาลศูนย์

“ผมมั่นใจว่าปีหน้าเรื่องการยกระดับ อสม. เราจะเห็นความเป็นรูปธรรมแน่นอน พี่น้อง อสม.ต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง อย่าท้อถอย ผมเป็นกำลังใจให้”

สสส. ยก”ตำบลชมภูโมเดล” ต้นแบบพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ด้วย”สุนทรียสนทนา”

People Unity News : สสส. ยก”ตำบลชมภูโมเดล” ต้นแบบพื้นที่บูรณาการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ สร้างงาน-รายได้ ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการโดยชุมชน ผลิตนักสร้างเสริมสุขภาวะคนพิการในชุมชน ขยายผลสู่ 5 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมเดินหน้านำร่อง “ธนาคารเวลา”  

วันที่ 15 พ.ย. 2562 ที่ศูนย์บริการคนพิการตำบลชมภู ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ นายพิทยา จินาวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 2 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการกำกับทิศทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ คณะกรรมการกำกับทิศทางการขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ และคณะกรรมการกำกับทิศทางการจัดสภาพแวดล้อมและพัฒนาบริการสาธารณะตามแนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคน นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ศึกษาเรียนรู้สุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ “การสร้างเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุ คนพิการ และการปรับสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน” ภายใต้โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการแบบมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่น ชุมชน และคนพิการ โครงการพัฒนากลไกสร้างเสริมสุขภาวะสำหรับคนพิการที่มีงานทำและมีอาชีพ  โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ: บูรณาการและยกระดับกลไกขับเคลื่อนการเข้าถึงโอกาสงานและอาชีพของคนพิการให้ดำเนินการได้อย่างยั่งยืน และ  โครงการประเมินความเป็นไปได้และถอดบทเรียนการดำเนินงานธนาคารเวลาในระดับชุมชน

ทพ.ศิริเกียรติ เหลียงกอบกิจ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากข้อมูลการประมาณการผู้พิการในภาพรวมทั้งประเทศปี 2562 พบว่าประเทศไทยมีจำนวนผู้พิการประมาณ 2 ล้านคน หรือร้อยละ 3.01 โดย 3 อันดับแรกเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือร่างกาย รองลงมาคือคนพิการทางการได้ยิน และคนพิการทางการมองเห็น ซึ่งสสส.โดยแผนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะทำงานครอบคลุม 4 มิติ คือ ด้านการส่งเสริมสุขภาพ, ด้านเศรษฐกิจ, ด้านสังคมและการเรียนรู้ และด้านสภาพแวดล้อม เพื่อให้คนพิการทุกคนมีศักยภาพและสามารถทำงานหรืออยู่ร่วมกันกับคนปกติได้อย่างเท่าเทียมและเสมอภาคกัน

ทพ.ศิริเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตำบลชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ สสส.ได้ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน ผ่านการดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการต่างๆของสสส. อาทิ  “โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ: บูรณาการและยกระดับกลไกขับเคลื่อนการเข้าถึงโอกาสงานและอาชีพของคนพิการให้ดำเนินการได้อย่างยั่งยืน” เพื่อส่งเสริมและยกระดับให้คนพิการที่ได้รับการจ้างงานและการประกอบอาชีพ มีศักยภาพ มีสุขภาวะ สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระและพึ่งพาตนเองได้ โดยระหว่างปี 2561-2562 มีการจ้างงานและสนับสนุนอาชีพคนพิการต่อเนื่อง กว่า 4,000 อัตรา นอกจากนี้มีการพัฒนาศักยภาพคนพิการ รวมถึงผลิตนักสร้างเสริมสุขภาวะคนพิการในชุมชน (นสส) ภายใต้โครงการพัฒนากลไกสร้างเสริมสุขภาวะสำหรับคนพิการที่มีงานทำและมีอาชีพ และเน้นกระบวนการทำงานสร้างเสริมการมีส่วนร่วมในชุมชนผ่านโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการแบบมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่น ชุมชน และคนพิการ เพื่อให้การทำงานด้านการฟื้นฟู และพัฒนาศักยภาพของคนพิการ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จนเป็นต้นแบบ ขยายผลไปสู่พื้นที่ ในภาคเหนือ 5  จังหวัด ได้แก่เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย และแม่ฮ่องสอน จำนวน  17  พื้นที่

นายอนันต์ แสงบุญ ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ตำบลชมภู จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตำบลชมภูมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 9,676 ไร่มีประชากรทั้งหมด 7,215 คน เป็นคนพิการ 291 คนหรือร้อยละ 4 คนพิการส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุจำนวน 164 คน (ร้อยละ 56.4) รองลงมาอยู่ในวัยแรงงาน วัยรุ่น และวัยเด็กคิดเป็น ร้อยละ 38.8 ,2.7 และ2.1 ตามลำดับส่วนใหญ่เป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหวคิดเป็นร้อยละ 71.1 ในการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตำบลชมภูนั้น เดิมติดรูปแบบสังคมสงเคราะห์ คือตั้งรับงบประมาณและสิ่งของบริจาค ขาดการเสริมสร้างศักยภาพคนพิการที่ครบองค์รวมกาย จิต ปัญญา สังคม(สุขภาวะ) ขาดการรวมกลุ่มที่มีประสิทธิภาพ ขาดข้อมูลเกี่ยวกับคนพิการและบริบทต่างๆรอบด้าน ในเรื่องสิทธิการจ้างงาน

ภายหลังได้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิดทำความเข้าใจเรื่องคนพิการโดยผ่านการทำกิจกรรมที่เรียกว่า “สุนทรียสนทนา” และการจำลองความพิการ ทำให้เครือข่ายได้ปรับมุมมองที่มีต่อคนพิการและปรับรูปแบบการทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เปลี่ยนจากการมองคนพิการเป็นเพียงผู้รับ กลายเป็นการสนับสนุนให้คนพิการมีความเข้มแข็งและมีความมั่นใจในตนเองจนสามารถลุกขึ้นมาทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆในชุมชน สามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับคนพิการ จนสามารถรวมกลุ่มกันตั้งเป็นศูนย์บริการคนพิการ ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่และกำลังเข้าสู่การจดทะเบียนเป็นศูนย์บริการคนพิการทั่วไปของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)

นอกจากนี้ ศูนย์บริการคนพิการยังได้ดำเนินการด้านอีกอื่นๆได้แก่ ธนาคารเวลา เป็นหน่วยจัดการร่วม สสส.ระดับพื้นที่(Node)เพื่อขยายงาน CBR ในพื้นที่อื่นๆต่อไป และร่วมกับโครงการอื่นๆของสสส.ในการพัฒนานักสร้างเสริมสุขภาวะคนพิการ(นสส.)และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการดำเนินงานปรับสภาพบ้านคนพิการและผู้สูงอายุอีกด้วย

นางมัลลิกา ตะติยาพรพันธ์ ผู้อำนวยการ รพ.สต. ต.บ้านพญาชมพู กล่าวว่า ตำบลชมภูมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการโดยใช้กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการโดยชุมชน CBID (Community-based Inclusive Development) พัฒนาด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา การเลี้ยงชีพ  ด้านสังคมและการเสริมพลังไปพร้อมๆกันในคนพิการและครอบครัวคนพิการ มีการพัฒนาองค์ความรู้ที่เหมาะสมโดยเฉพาะความรอบรู้ที่เป็นปัจจัยกำหนดความเข้าใจด้านสุขภาพ โดยมีเครือข่ายของนักสร้างเสริมสุขภาวะในชุมชน(นสส.) เป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคนในชุมชน มุ่งเน้นเป้าหมาย “ป้องกันความพิการ” ใช้วิธีมองปัญหาแบบรอบด้านและส่งเสริมป้องกันความพิการในผู้ที่มีความเสี่ยง ทั้งกลุ่มแม่และเด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ป่วยความดัน

องค์เจ้าแม่ทับทิมบินถึงไทยแล้ว เชิญชาวไทย-จีนสักการะวันนี้ถึง 19 พ.ย.นี้

People Unity News : องค์เจ้าแม่ทับทิม (เจ้าแม่หม่าโจ้ว) บินถึงไทยแล้ว รัฐบาลไทย โดยกระทรวงท่องเที่ยวฯ – สมาคมจีนต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ เชิญชาวไทย-จีนสักการะวันนี้ถึง 19 พ.ย.นี้

องค์เจ้าแม่ทับทิม (เจ้าแม่หม่าโจ้ว) จากวัดเหมยโจ หม่าโจ้ว เกาะเหมยโจ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะกว่า 250 คน ได้เดินทางประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2562​ ​ที่ผ่านมา โดยมีการจัดพิธีการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีนายอารัญ บุญชัย ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะผู้แทนของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ นาวาโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายหยวน จวินผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการสภาประชาชน ประจำเมืองผู่เถียน มณฑลฝูเจียน สาธารณรัฐประชาชนจีน นายมนตรี มังกรกนก นายกสมาคมตระกูลลื้มแห่งประเทศไทย นายใช่ซั่งซินประธานกรรมการบริหาร สมาคมฉวนโจว จิ้นเจียง ประเทศไทย พร้อมสมาชิกของสมาคมจีนกว่า 100 คน ให้การต้อนรับ

นายอารัญ บุญชัย ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในนามของกระทรวงการท่องเที่ยวฯและในนามของรัฐบาลไทยขอต้อนรับคณะองค์หม่าจู่ที่มาประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อหล่อหลอมความสัมพันธ์วัฒนธรรมไทย-จีนที่มีมาอย่างยาวนานแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเป็นการสนองนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมภายใต้มาตรการ “ทัวร์ตระกูลแซ่” โดยเริ่มต้นจากตระกูลแซ่ลิ้ม และในอนาคตจะขยายไปสู่ตระกูลอื่นๆ

“ระหว่างที่เจ้าแม่ทับทิมอยู่ในประเทศไทยจนถึงวันที่ 19 พ.ย.2562 จะมีพิธีกรรมสวดพระคัมภีร์มงคลให้พรจากเจ้าแม่ทับทิมและพิธีสักการะใหญ่จากจีนโบราณ มีการอันเชิญเจ้าแม่ทับทิมไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น สมาคมฉวนโจว-จิ้นเจียง ประเทศไทย ถนนกัลปพฤกษ์-สำเพ็ง 2 ,สมาคมตระกูลแซ่ลิ้มแห่งประเทศไทย และเชิญองค์เจ้าแม่ทับทิมแห่รอบเยาวราช วันที่ 17 พ.ย.เวลา 13.00-15.00 น.มีรัฐมนตรีว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และผู้ใหญ่ในรัฐบาลมาร่วมพิธีที่ยิ่งใหญ่”

นายอารัญ กล่าวว่า รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ขอเชิญชวนผู้เลื่อมใสศรัทธาองค์เจ้าแม่ทับทิมได้ร่วมกันต้อนรับทัวร์ตระกูลแซ่ลิ้มด้วยการเป็นเจ้าบ้านที่ดีเพื่อส่งเสริมนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่สำคัญตลาดนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นตลาดหลักของประเทศไทย การส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่น่าจะทำให้การกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนในช่วงปลายปีของรัฐบาลนำไปสู่เป้าหมายที่ได้กำหนดไว้

นายหยวนจวิน ผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการสภาประชาชน ประจำเมืองผู่เถียน มณฑลฝูเจียน สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า กรุงเทพมหานครเปรียบเสมือนเมืองเวนิสตะวันออกมีความเป็นเอกลักษณ์ทางพุทธศาสนา ในขณะเดียวกันก็ยังมีศาลเจ้าหม่าโจ้วที่ผู้คนมีความศรัทธาเข้ากราบไหว้กว่าร้อยศาลเจ้า วัฒนธรรมหม่าโจ้วก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยและจีน ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นขึ้น

“ผู่เถียนบ้านเกิดของเจ้าแม่ทับทิมก็เหมือนกรุงเทพมหานคร มีประวัติอันยาวนาน วัฒนธรรมอันงดงาม มีความเชื่อและความศรัทธาต่อองค์เจ้าแม่ทับทิมกระจายไปทั่วพื้นที่ของผู่เถียน ซึ่งผู่เถียนเป็นเมืองที่ตั้งของสมาคมฟอรั่มวัฒนธรรมหม่าโจ้วโลกถาวร และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ส่งสารถึงประธานผู้ดำรงตำแหน่งวาระที่ 4 ในสมาคมฟอรั่มวัฒนธรรมหม่าโจ้วโลกกล่าวถึงกิจกรรมการอันเชิญเจ้าแม่ทับทิมจากเกาะเหมยโจวมาเยือนประเทศไทย จะสามารถเผยแพร่วัฒนธรรมหม่าโจ้วในเมืองไทยไปอีกขั้นหนึ่ง

นายหยวนจวิน กล่าวว่า ที่สำคัญ เป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมอันดีประชาชนชาวไทยมีความเอื้ออารี ความศรัทธาต่อองค์เจ้าแม่ทับทิม และสนับสนุนกิจกรรม “เจ้าแม่ทับทิมท่องเอเซียตะวันออกเฉียงใต้โดยทางทะเล” หวังว่าประชาชนชาวไทยและจีน ทั้งสองประเทศจับมือร่วมมือร่วมกันสร้างเสริมจิตวิญญาณด้วยวัฒนธรรมหม่าโจ้ว ผลักดันเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และความร่วมมือด้านอื่นๆ สร้างวิสัยทัศน์ที่สวยงามของนโยบาย “วันเบล วันโรด” มีส่วนร่วมมากขึ้นในการส่งเสริมการรวมวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีน ประชาชนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เกิดความสงบสุขและมีการพัฒนาไปในทางที่ดีและร่วมสร้างอนาคตที่ดีต่อไป

ขณะที่ นายใช่ซั่งซิน ประธานกรรมการบริหารสมาคมฉวนโจว จิ้นเจียง ประเทศไทย กล่าวว่าการอัญเชิญเจ้าแม่ทับทิมมาประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นประวัติศาสตร์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมระหว่างไทย-จีน และช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้อย่างแน่นอน เพราะองค์เจ้าแม่ทับทิมเป็นที่เคารพและศรัทธาของคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนมาก โดยเจ้าแม่ทับทิมองค์นี้เป็นองค์แรก 1,000 ปี เสด็จแผ่เมตตาในประเทศไทย จึงขอเชิญชวนให้ชาวไทยและชาวจีนมาสักการะองค์เจ้าแม่ทับทิมเพื่อความเป็นสิริมงคล

“พุทธิพงษ์”ดันภาคเอกชนเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีภูมิภาคอาเซียน

People Unity News : “พุทธิพงษ์” เดินหน้าเสริมอาวุธให้ภาคเอกชน พัฒนาประเทศเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของภูมิภาคอาเซียน

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดีอีเอส ร่วมงานวันนักการตลาด แห่งประเทศไทย ประจำปี 2562 พร้อมกล่าวบรรยายในหัวข้อ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขับเคลื่อนไทยในยุคทศวรรษ2020 ว่า เมื่อ 5 – 10 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าโลกขับเคลื่อนด้วยนักการตลาด นักโฆษณา ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าในเวลาผ่านไปไม่นาน โลกจะเปลี่ยนไปอย่างพลิกฝ่ามือ และประเทศไทยจะไปต่ออย่างไรในโลกยุคปัจจุบัน รัฐบาลประกาศว่าจะขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ไทยแลนด์ 4.0

“หลายคนสงสัยว่าแล้วปัจจุบันประเทศไทยอยู่ที่จุดไหน  ความจริงแล้วคนไทยไม่ได้ล้าสมัย ซึ่งอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย (Global Competitive Index) จากการประเมินของ World Economy Forum ตกจากอันดับ 38 เป็น 40 ซึ่งหัวข้อที่ดึงให้คะแนนต่ำลง คือโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งในความจริงแล้ว หากเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ประเทศไทยมีความพร้อมมาก โดยได้มีการวางสาย fiber optic เชื่อมต่อประเทศแล้ว 6 ประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และภายในปีหน้า จะต่อเชื่อมไปถึงประเทศจีน เพราะฉะนั้น หากเป็นด้านดิจิทัล ประเทศไทยไม่ได้เป็นรองใคร” นายพุทธิพงษ์ กล่าวและว่า

จากนี้ นักการตลาดต้องเข้ามาช่วย เพื่อพัฒนาประเทศให้ลูกหลานเราสามารถพูดได้เต็มปากว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาของภูมิภาคอาเซียน ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ในช่วง 3 เดือนที่รับตำแหน่ง หมดเวลาแล้วที่รัฐจะคิดเองทำเอง รัฐต้องเป็นผู้สนับสนุนแล้วดึงคนเก่งเข้ามาทำ ซึ่งผมได้เสนอท่านนายกว่าเราต้องคิดจากฐานรากและต้องให้ภาคเอกชนช่วยคิด เพราะเอกชนรู้ความต้องการ ปัญหา ข้อจำกัด รัฐจึงต้องมีหน้าที่เสริมอาวุธให้เอกชนสู้กับต่างประเทศ เพราะวันนนี้เราสู้กับนักลงทุนและโลก

Verified by ExactMetrics