วันที่ 29 เมษายน 2024

รัฐบาลปลื้ม CNN Travel ยกให้ไข่เจียวปู ข้าวซอย ไส้กรอกอีสาน ติดรายชื่ออาหารข้างทางยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย

People Unity News : 31 สิงหาคม 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่อาหารข้างทาง (Street foods) ของไทยยังคงสร้างความประทับใจให้คนทั่วโลก หลังจากที่ CNN Travel ได้เผยแพร่รายชื่อ 50 อันดับอาหารข้างทางที่ดีที่สุดในเอเชีย (50 of the best street foods in Asia) โดยมี 3 เมนูอาหารข้างทางของไทยติดรายชื่อดังกล่าว ได้แก่ ไข่เจียวปู ข้าวซอย และไส้กรอกอีสาน พร้อมระบุว่า รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริม Soft Power ของไทยในด้านอาหาร และด้านอื่นๆ สู่เวทีโลก

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า CNN Travel ได้ระบุว่า ไข่เจียวปู เป็นเมนูไข่ที่มีรสชาติดีกว่าเมนูไข่ประเภทอื่น ส่วนผสมของไข่และเนื้อปูทำให้อาหารจานนี้ทั้งกรอบและเนื้อนุ่มฟูน่าทาน โดยหากรับประทานพร้อมซอสพริกจะยิ่งทำให้เมนูนี้อร่อยมากยิ่งขึ้น ส่วนข้าวซอย เป็นอาหารของทางภาคเหนือของไทย มีส่วนผสมของซุปที่มีเครื่องแกงกะหรี่ ผสมกับน้ำกะทิที่เข้มข้น ราดบนเส้นบะหมี่ที่มีน่องไก่หรือเนื้อวัว และโรยด้วยเส้นบะหมี่ทอด สำหรับไส้กรอกอีสาน เป็นอาหารข้างทางที่พบได้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เป็นไส้กรอกหมูปรุงรสผสมข้าวเหนียว กระเทียม นำไปหมักและตากแห้งจนมีรสเปรี้ยว

“ประเทศไทยได้รับความนิยมด้านความหลากหลายของอาหาร ซึ่งเกิดจากความแตกต่าง เรื่องพื้นที่เพาะปลูกทำปศุสัตว์ของท้องถิ่นแต่ละภูมิภาค ทำให้อาหารไทยมีเอกลักษณ์และเป็นที่นิยมมาตลอด ทั้งนี้ รัฐบาลตระหนักถึงข้อได้เปรียบ และได้เดินหน้าผลักดัน ส่งเสริมการขยายผล Soft power ของไทยทั้งในด้านอาหาร และด้านอื่น ๆ ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

องค์การเภสัชกรรมเร่งผลิตยาโอเซลทามิเวียร์ รักษาไข้หวัดใหญ่เพิ่ม

People Unity News : 30 กันยายน 2566 องค์การเภสัชกรรมเร่งผลิตยาโอเซลทามิเวียร์รักษาไข้หวัดใหญ่สำรองเพิ่มเติม 26 ล้านเม็ด รองรับการระบาดไข้หวัดใหญ่และทำหนังสือถึง อย. นำยาฟาวิพิราเวียร์ เข้าบัญชียาหลักแห่งชาติใช้ในไข้หวัดใหญ่

องค์การเภสัชกรรมได้เร่งผลิตยาโอเซลทามิเวียร์ สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ จำนวนรวม 26 ล้านเม็ด เพื่อรองรับการระบาดไข้หวัดใหญ่ที่ยังระบาดต่อเนื่อง เป็นวงกว้าง โดยเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่ วันที่ 4 ตุลาคม นี้ และล่าสุดทำหนังสือถึง อย. พิจารณานำยาฟาวิพิราเวียร์เข้าบัญชียาหลักแห่งชาติข้อบ่งใช้ในไข้หวัดใหญ่ พร้อมส่งโรงพยาบาลทันที จำนวน 1.6 ล้านเม็ด

พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ขยายเป็นวงกว้าง จนส่งผลให้มีผู้ป่วยเพิ่มจำนวนมากขึ้น องค์การเภสัชกรรมจึงได้เร่งจัดส่งยาโอเซลทามิเวียร์ ให้กับโรงพยาบาลที่มีการสั่งยาเข้ามาจนหมดแล้วตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่เนื่องจากมีความต้องการยาเพิ่มสูงมาขึ้น 4–5 เท่า จึงได้มีการเร่งผลิต สำรองยาที่จะต้องผลิตเพิ่มขึ้นทั้ง 3 ขนาด ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเด็กเล็กขนาด 30 มิลลิกรัม เด็กโตขนาด 45 มิลลิกรัม ผู้ใหญ่ 75 มิลลิกรัม โดยขณะนี้มีวัตถุดิบประมาณ 2,800 กิโลกรัม ซึ่งสามารถผลิตเป็นยาโอเซลทามิเวียร์ ได้ประมาณ 26 ล้านเม็ด โดยยาโอเซลทามิเวียร์สำหรับเด็กเล็ก 30 มิลลิกรัม องค์การฯ จะจัดส่งได้หมดในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ ขนาด 45 มิลลิกรัมจะส่งได้ไม่เกินวันที่ 9 ตุลาคมนี้ และขนาด 75 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่จะทยอยจัดส่งได้ไม่เกินเดือนตุลาคม 2566

นอกจากนี้ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวต่อไปว่า องค์การฯยังได้มีการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 1.6 ล้านเม็ด และมีวัตถุดิบที่สามารถผลิตยาได้อีก จำนวน 880,000 เม็ด และล่าสุดองค์การฯ ได้จัดทำหนังสือถึง อย. ไปยังคณะอนุกรรมการฯ บัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อพิจารณาขอให้นำยาฟาวิพิราเวียร์เข้าบัญชียาหลักแห่งชาติในข้อบ่งใช้การติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่อีกด้วย

“ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า องค์การฯสามารถจัดเตรียมยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษา และสำรองวัตถุดิบไว้รองรับอย่างเพียงพอและทั่วถึง หากมีความจำเป็นต้องการใช้อย่างเร่งด่วนก็สามารถเร่งการผลิตเพิ่มเติมให้รวดเร็วทันการมากที่สุดได้ในทันที” ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าว

Advertisement

ครม. ไฟเขียวแผนพัฒนาประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว ปี 65 – 80

People Unity News : 19 พฤษภาคม 65 ที่ประชุม ครม. เมื่อ 17 พ.ค. 65 เห็นชอบร่างแผนพัฒนาประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว ปี 2565 – 2580 ด้วยกรอบแนวทางการพัฒนา 3 ด้าน คือ

การเกิดอย่างมีคุณภาพ

การอยู่อย่างมีคุณภาพและมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ

การแก่และตายอย่างมีคุณภาพ

โดยคำนึงถึงอิทธิพลของเทคโนโลยี สื่อสังคมออนไลน์ และเจเนอเรชั่น ที่ส่งผลให้การดำรงชีวิตของประชาชนเปลี่ยนไปจากอดีต

6 ยุทธศาสตร์ของ (ร่าง) แผนพัฒนาประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว ประกอบด้วย

1.การสร้างครอบครัวที่มีคุณภาพ และพัฒนาระบบที่เอื้อต่อการมีและการเลี้ยงดูบุตร

2.การพัฒนายกระดับผลิตภาพประชากร

3.การยกระดับความมั่นคงทางการเงิน

4.การสร้างเสริมสุขภาวะเพื่อลดการตายก่อนวัยอันควร และมีระบบดูแลระยะยาวและช่วงท้ายของชีวิต

5.การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพกับทุกกลุ่มวัย

6.การบริหารจัดการด้านการย้ายถิ่น

การดำเนินการแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน ที่เน้นการจัดการกับปัญหาที่เป็นผลพวงจากสถานการณ์กโรคโควิด-19 และระยะยาว เน้นการสร้างครอบครัวคุณภาพ พัฒนาระบบการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อสร้างรายได้อย่างมั่นคงตามแนวคิด “ชุมชนน่าอยู่ สุขภาวะดี มีงานทำ”

Advertisement

 

ด่วน ครม. เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สูงสุด 250 บ./เดือน เป็นเวลา 6 เดือน (เม.ย. – ก.ย. 65)

People Unity News : เฮ! ครม. อนุมัติเงินช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุที่ได้เบี้ยยังชีพฯ สูงสุด 250 บ./เดือน เป็นเวลา 6 เดือน บรรเทาผลกระทบเศรษฐกิจ

26 เมษายน 2565 ที่ประชุม ครม. (26 เม.ย. 65) อนุมัติหลักการจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษแก่ผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิสวัสดิการเบี้ยยังชีพ จำนวน 10,896,444 ล้านคน เฉลี่ย 100 – 250 บ./เดือน/ราย ตามช่วงอายุ เป็นเวลา 6 เดือน (เม.ย. – ก.ย. 65) เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 ในขณะนี้

การจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษฯ ครั้งนี้ เป็นการจ่ายเพิ่มจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามช่วงอายุ ดังนี้

1.อายุ 60 – 69 ปี ที่รับเบี้ยยังชีพ 600 บ./เดือน จะได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษเพิ่ม 100 บ./เดือน รวมเป็น 700 บ./เดือน/คน

2.อายุ 70 – 79 ปี ที่รับเบี้ยยังชีพ 700 บ./เดือน จะได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษเพิ่ม 150 บ./เดือน รวมเป็น 850 บ./เดือน/คน

3.อายุ 80 – 89 ปี ที่รับเบี้ยยังชีพ 800 บ./เดือน จะได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษเพิ่ม 200 บ./เดือน รวมเป็น 1,000 บ./เดือน/คน

4.อายุ 90 ปีขึ้นไป ที่รับเบี้ยยังชีพ 1,000 บ./เดือน จะได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษเพิ่ม 250 บ./เดือน รวมเป็น 1,250 บ./เดือน/คน

Advertisement

นายกฯขอบคุณประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแสโรงงานแอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์

People unity news online : นายกรัฐมนตรียืนยันตรวจสอบโรงงานแอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง พร้อมขอบคุณประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแส

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561 เวลา 14.40 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงปัญหาการลักลอบนำเข้าเศษซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว ปัจจุบันจากการตรวจสอบพบว่ามีโรงงานที่นำเข้าเศษซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 7 โรงงาน แต่มีโรงงานเล็กๆที่ไม่ได้รับการอนุญาต ลักลอบนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาในประเทศไทย ทำให้เกิดปัญหาสร้างมลภาวะทีเป็นพิษ ซึ่งได้ระงับไปแล้วจำนวน 5 โรงงาน

ส่วนการนำเข้าขยะพลาสติกนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยมีโรงงานนำเข้าที่ถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 26 โรงงาน และได้มีการตรวจสอบไปแล้วจำนวน 17 โรงงาน ส่วนที่เหลืออีก 9 โรงงาน คาดว่าภายในวันศุกร์นี้จะสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้อย่างครบถ้วน จากการตรวจสอบพบว่าโรงงานเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้นำเข้าขยะพลาสติก สามารรถรวบรวมขยะพลาสติกได้ทั้งในและนอกประเทศ แต่มีการแอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลจะได้ตรวจสอบต่อไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันข้างหน้าประเทศไทยจะพัฒนาสู่ประเทศที่มีเทคโนโลยี จะต้องประสบปัญหาขยะในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น จำเป็นจะต้องกำจัดขยะไปด้วย ทั้งนี้ ต้องขอบคุณประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแสขึ้นมา พร้อมกล่าวยืนยันว่า อะไรก็ตามที่ประชาชนร้องเรียน และได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ทำถูกต้องตามกฎหมาย

People unity news online : post 6 มิถุนายน 2561 เวลา 13.20 น.

พุทธทั่วโลกนับ 10,000 คนชุมนุมที่อินเดีย ถกความสัมพันธ์กับโลกปัจจุบัน

People Unity News : ชาวพุทธทั่วโลกกว่า 10,000 คนชุมนุมกันที่เมืองออรังคาบัดอินเดีย ถก”ความสัมพันธ์ของพระพุทธศาสนากับโลกปัจจุบัน”

เมื่อเวลา 16.00 น. วันศุกร์ ที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ที่ PES, College of Education, Nagsenvan Campus (Stadium) เมืองออรังคาบัด (Aurangabad) รัฐมหาราษฏร์ ประเทศอินเดีย พระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล ร่วมเป็นประธานในการชุมนุมชาวพุทธ โดยมมีพระมหาเถระจากทั่วโลกอาทิสมเด็จพระสังฆราชจากประเทศศรีลังกาและชาวพุทธอินเดียมากกว่า 10,000 คนเข้าร่วม เพื่อรับฟังการปาฐกถาเรื่อง “ความสัมพันธ์ของพระพุทธศาสนากับโลกปัจจุบัน” จากวิทยากรทั่วโลก

พระธรรมโพธิวงศ์กล่าวความตอนหนึ่งว่า “วันนี้นับว่าเป็นวันมงคลที่มหาบัณฑิตมาประชุมกันเพื่อปรารภธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความเจริญ อันเป็นแนวทางห่างไกลจากความเสื่อม การมาสัมมนาเป็นการเสวนาธรรมเพื่อเปิดทางเดินให้โลกปลอดภัยจากภัยอันตราย ธรรมที่เรียกว่ามีอยู่ทุกที่ จะสร้างสันติสุขยืนเคียงคู่กับมนุษย์ได้อย่างถาวร

ท่านพระมหาเถระทั้งหลาย ท่านมหาบัณฑิตทุกท่านเราคงต้องยืนยันว่าโลกเราเดือดร้อน จากกิจกรรมต่างๆ ปฏิบัติในปัจจุบันนี้ทำให้โลกวุ่นวาย ความร้อน ความทุกข์จากเหตุอย่างปรากฎในพรหมชลสูตร และธรรมที่ทรงโปรดในวิถีทางดับทุกข์ให้แก่ชาวโลกกับความปลอดภัย อันปรากฏในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ที่เป็นหลักของพระพุทธศาสนาที่ให้ความสัมพันธ์กับโลกที่เปิดทางแห่งความสุขให้สรรพสัตว์เดินทางปฏิบัติในมรรค การเปิดมิตร ปิดศัตรู ที่ได้อย่างแท้จริงและทราบว่า ที่นี่เป็นเป้าหมายของมหาชนผู้มีปัญญาแท้ และยั่งยืน นำแสงสว่างมาให้ชาวโลกให้มีความสุขอยู่เสมอ เมื่อสรรพทุกชีวิตฟังธรรมจากศรัทธา ในหนทางของมรรค เช่นสัมมาทิฐิ จะได้ความเบิกบานเปิดใจในงานนี้”

เมืองออรังคาบัด (Aurangabad) นั้นตั้งอยูทางทิศตะวันออกของเมืองมุมไบ รัฐมหาราษฏร์ ครอบคลุมพื้นที่ 200 ตร.ก.ม. โดยมีแหล่งท่องเที่ยวคือถ้ำอจันตา (Ajanta Caves)หางจากเมืองออรังคาบัด 95 ก.ม.และถ้ำเอลโลรา (Ellora Caves) หางจากเมืองออรังคาบัด 30 ก.ม.

และที่สำคัญคือรัฐมหาราษฏร์เป็นรัฐกำเนิดของ ดร.เอ็มเบดการ์ (Dr. Ambedkar) จากวรรณะจันฑาลซึ่งสังคมฮินดูของอินเดียรังเกียจเนื่องจากเป็นวรรณที่ต่ำสุด แต่สามารถพัฒนาตนจนเป็นบุคคลสำคัญของประเทศอินเดียและพระพุทธศาสนา โดยเป็นบุคคลแรกของประเทศอินเดียที่ได้นำเอาพระพุทธศาสนากลับมาสู่มาตุภูมิ (ถิ่นกำเนิดพระพุทธศาสนา) เดิมนั้นดร.เอ็มเบดการ์ นับถือศาสนาพราหมณ์ต่อมาจึงเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา ได้เข้าพิธีอย่างเป็นทางการ และได้ยกย่องพระพุทธศาสนาว่าเป็นศาสนาที่สร้างสันติภาพให้แก่โลก เพราะพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เป็นประชาธิปไตย ให้ความเสมอภาค ภราดรภาพ และยกย่องความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน

Cr.เพจสำนักสื่อสารองค์กร พระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล

ศิษย์สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ แนะวิธีอาราธนาธรรมถูกต้องตามพระไตรปิฎก

People Unity News : “รศ.ดร.เวทย์ บรรณกรกุล” อาจารย์ผู้ออกแบบพัฒนาซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์ภาษาบาลี “มจร” ศิษย์สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ แนะวิธีอาราธนาธรรมถูกต้องตามพระไตรปิฎก

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 รศ.ดร.เวทย์ บรรณกรกุล อาจารย์ผู้ออกแบบพัฒนาซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์ภาษาบาลี มหวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย( มจร) วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม คณะกรรมการจัดทำสัททานุกรมพระไตรปิฎกเชิงวิจัย ฉบับบาลี-ไทย เปิดเผยว่า ประมาณ 4-5 วัน ที่ผ่านมาได้รับข้อความใน Messenger จากอดีตมหาเปรียญที่สนใจเรียนบาลีคัมภีร์สัททาวิเสส และได้คุยกันเรื่องการสวดสาธยายคาถาอาราธนาธรรม “พฺรหฺมา จ โลกาธิปตี ฯลฯ” เรื่องนี้ได้เขียนเรียบเรียงในงานวิจัยทำเป็นบทความตีพิมพ์เผยแผ่เมื่อปี 2556 ประเด็นเรื่อง “ผิด ถูก” ก็ว่ากันตามหลักฐาน ทั้งในพระไตรปิฎก อรรถกถา

“เมื่อครั้งที่ผมเรียนคัมภีร์ฉันทลักษณ์ “วุตโตทัย” สอนโดยอาจารย์รุ่งอรุณ จันทร์สงคราม เมื่อปี 2534 ที่สถาบันบาฬีศึกษาพุทธโฆส (สมัยนั้น ยังไม่เข้าในสังกัดมหาจุฬาฯ) สนุกสนานครับ เรียนกฎฉันทลักษณ์แล้วเปิดบาลีพระไตรปิฎก ฝึกตรวจทานสูตรวุตโตทัย มีหลายแห่งครับ ในหนังสือที่พิมพ์เผยแผ่ เช่นบทสวดมนต์ต่าง ๆ อักขระคลาดเคลื่อนและสวดสาธยายต่อ ๆ กันมา” รศ.ดร.เวทย์ กล่าวและว่า

จึงต้องการให้อย่างน้อยก็รู้ว่า “เรียนบาลีกัจจายนสูตร วุตโตทัย ที่พระศรีสุทธิพงศ์ แนะนำให้สามเณรเวทย์ท่องจำและเรียนอย่างจริงจัง มีประโยชน์เป็นอริยทรัพย์ติดตามไปทุกภพชาติ”

รศ.ดร.เวทย์ ระบุด้วยว่า อ่านเอกสารที่ตนได้เขียนเรียบเรียงในโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊ก Wate Bunnakornkul (ทั้งหมด 41 หน้า) โดยให้เปิดพระไตรปิฎกบาลี ฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ 33 หน้า 435 ประกอบด้วย จะรู้ว่า “… ที่เราสวด ๆ กันในมนต์พิธี คลาดเคลื่อนอย่างไร?” โดยสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/100004489845162/posts/1387961154696866?sfns=mo

บอร์ด สปสช. เห็นชอบข้อเสนองบบัตรทองปี 66 กว่า 2 แสนล้านบาท รองรับยกระดับบัตรทอง

People Unity News : บอร์ด สปสช. ผ่านข้อเสนองบบัตรทอง ปี 2566 รวม 2 แสนล้านบาท รองรับนโยบายยกระดับบัตรทอง เสริมนวัตกรรมการแพทย์ สิทธิประโยชน์ใหม่ 26 รายการ

12 ธ.ค.64 นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 13/2564 เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมาได้มีมติเห็นชอบข้อเสนองบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ปีงบประมาณ 2566 จำนวน 207,093 ล้านบาท และให้ สปสช. เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป

สำหรับข้อเสนองบประมาณกองทุนฯ ปี 2566 ที่เพิ่มจากปีงบประมาณ 2565 กว่า 8,000 ล้านบาท เพื่อรองรับนโยบายโครงการยกระดับบัตรทอง โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ การส่งเสริมกัญชาทางการแพทย์ นโยบายผู้สูงอายุ การดูแลที่บ้านและชุมชน นโยบายลดความแออัดโรงพยาบาลปฐมภูมิในเขตเมือง นวัตกรรมด้านการแพทย์ บริการ Telemedicine และรองรับสิทธิประโยชน์ใหม่ที่จะประกาศเพิ่มภายในปี 2565 อีก 26 รายการ รวมทั้งการสนับสนุนอุปกรณ์และยาตามบัญชีนวัตกรรม

พร้อมกันนี้ยังพิจารณาภายใต้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวหลังโควิด-19 ซึ่งคาดการณ์ว่าโรคโควิด-19 จะกลายมาเป็นโรคประจำถิ่น โดยงบบริการโควิด-19 จะผนวกอยู่ในข้อเสนองบกองทุนฯ ปี 2566 รวม 1,358 ล้านบาท แบ่งเป็นบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค หรือการตรวจหาเชื้อ บริการรักษาผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอก รวมทั้งเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีผู้ให้และผู้รับบริการ หรือเงินเยียวยาการแพ้วัคซีนโควิด-19 ที่จะยังคงมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ที่ประชุมฯยังเห็นชอบกรอบวงเงินสำหรับ ยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม อุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษที่ให้เครือข่ายหน่วยบริการด้านยาและเวชภัณฑ์จัดหาให้ ปี 2566 รวม 14,736 ล้านบาท

Advertising

แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาละวาดหนัก อ้างชื่อกรมการจัดหางาน ลวงทำงานออนไลน์

People Unity News : 23 กุมภาพันธ์ 2566 อธิบดี กกจ. ห่วงคนหางาน แจ้งเตือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดหนัก แอบอ้างชื่อกรมการจัดหางาน ลวงทำงานออนไลน์ หวั่นประชาชนตกเป็นเหยื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคล สูญเงินหมดบัญชี ยัน กกจ.ไม่มีนโยบายสมัครงานทางโทรศัพท์

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกรมการจัดหางานพบมิจฉาชีพรูปแบบใหม่ แอบอ้างชื่อกรมการจัดหางาน ชักชวนทำงานออนไลน์ในรูปแบบดูโฆษณาเพื่อเพิ่มยอดวิว บางรายมีการ ADD LINE เพื่อใช้ติดต่อ และแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดยกลุ่มคนเหล่านี้จะสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เลขที่บัญชี เลขที่บัตรประชาชน ซึ่งทำให้ประชาชนเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลดังกล่าว ไปสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียง ทรัพย์สิน หรือนำไปสวมตัวตนสมัคร Application ทางการเงิน

“กรมการจัดหางาน ขอเตือนว่าหากพบเห็นการชักชวนให้สมัครงานในตำแหน่งต่าง ๆ ทางโทรศัพท์ โปรดอย่าหลงเชื่อ เพราะกรมการจัดหางาน ไม่มีนโยบายติดต่อพี่น้องประชาชนทางโทรศัพท์ให้สมัครงาน หรือชักชวนหารายได้เสริม สำหรับผู้ที่ต้องการหางานทำกรมฯมีช่องทางให้บริการผ่านระบบออนไลน์ ทางเว็บไชต์ ไทยมีงานทำ.doe.go.th หรือทาง Mobile Application “ไทยมีงานทำ” หรือหากไม่สะดวกใช้บริการผ่านระบบออนไลน์สามารถขอรับบริการได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

Advertisement

เด็กไทย 1 ใน 4 พัฒนาการช้า กระทบสมอง เสี่ยงซึมเศร้า

People Unity News : 25 สิงหาคม 2566 เด็กไทย 1 ใน 4 พัฒนาการล่าช้า กระทบสมอง เสี่ยงซึมเศร้า ซ้ำ น้ำหนัก/ส่วนสูงไม่ถึงเกณฑ์ สสส. สานพลังภาคี ผุดนวัตกรรมคู่มือ “สามเหลี่ยมสมดุล : วิ่งเล่น กินดี นอนพอ” สร้างสุขภาพที่ดีแก่เยาวชน ขยายผลใช้ 43 โรงเรียนในสังกัด กทม. สช. กระทรวงมหาดไทย

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2566 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม กรุงเทพฯ นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้ช่วยผู้จัดการอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากข้อมูลพัฒนาการเด็กปฐมวัยของไทย ปี 2565 โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า เด็กไทย 25% หรือ 1 ใน 4 มีพัฒนาการไม่สมวัย มีผลกระทบต่อสมอง ร่างกายผอม-อ้วนเกิน และจิตใจ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังส่งผลให้เด็กมีกิจกรรมทางกายเพียงพอลดลง จากเดิม 24.4% ในปี 2562 เหลือ 17.7% ในปี 2565 หรือเทียบเท่าเด็กไทย 3 ใน 4 คนมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ สสส. สานพลังภาคีเครือข่าย เร่งขับเคลื่อนกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพเด็กและเยาวชน พัฒนานวัตกรรม “สามเหลี่ยมสมดุล” คู่มือสำหรับดูแลเด็ก 6-12 ปี ทั้งในบ้านและโรงเรียน มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้าน 1.การนอนหลับ 2.การกิน 3.การเล่นหรือการขยับร่างกายที่เหมาะสม 3 สิ่งนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการ และสุขภาพกายใจของเด็ก

“แคมเปญ “สามเหลี่ยมสมดุล” ได้นำไปใช้ขยายผล ผ่านการจัดกิจกรรมห้องเรียนสร้างเด็กสมดุลใน 4 ภูมิภาค พร้อมขยายผลใน 43 โรงเรียนทั่วประเทศ มีผู้ปกครอง คุณครูเข้าร่วมกิจกรรม 282 คน สำหรับในปี 2567 มุ่งส่งต่อแคมเปญสามเหลี่ยมสมดุลผ่านการจัดค่ายปิดเทอมเด็ก ห้องเรียนพ่อแม่ คาราวานสัญจรร่วมกับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) รวมถึงโปรแกรมช่วยบันทึกพัฒนาการคุณหนู ผ่านแอปพลิเคชัน Persona Health ทั้งนี้ ติดตามสื่อการเรียนรู้และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่https://resourcecenter.thaihealth.or.th เฟซบุ๊กแฟนเพจ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ (สสส.) Line@เครือข่ายพันธมิตร และ www.childimpact.co” นางเบญจมาภรณ์ กล่าว

ดร.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. กล่าวว่า เด็กไทยอายุ 6-14 ปี มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนสูงถึง 15.5% ในขณะที่ผอม 5.5% และเตี้ย 3.2% สาเหตุหลักเกิดจากพฤติกรรมด้านอาหารและโภชนาการที่ไม่พึงประสงค์ อาทิ กินผัก ผลไม้ไม่เพียงพอถึง 72% กินขนมกรุบกรอบมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ กว่า 50% และดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวาน 71.3% ซึ่งเกิดจากผู้ใหญ่ขาดเครื่องมือในการสร้างเด็กให้มีความฉลาดรอบรู้ด้านโภชนาการ และไม่ได้สร้างสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเข้าถึงอาหารที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ นวัตกรรม “สามเหลี่ยมสมดุล” เป็นการสร้างระบบและกลไกให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างโรงเรียน สู่บ้าน และชุมชน ช่วยให้เด็กเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

รศ.ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สนับสนุนโดย สสส. กล่าวว่า มิติด้านการเล่น จากการติดตามเฝ้าระวังพฤติกรรมพบว่า เด็กและเยาวชนไทยกำลังเผชิญกับภาวะการขาดการเคลื่อนไหวร่างกายที่เพียงพอ แต่กลับมีพฤติกรรมการใช้หน้าจอและพฤติกรรมเนือยนิ่งที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาจนถึงปัจจุบัน โดยร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีกิจกรรมทางกาย วิ่งเล่น ออกแรงเคลื่อนไหวที่เพียงพอ ปี 2565 ลดเหลือเพียง 16% น้อยกว่าในปี 2564 ที่อยู่ที่ 24% และใกล้เคียงกับในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 ที่อยู่ที่ร้อยละ 17% ขณะที่ร้อยละของเด็กและเยาวชนที่ใช้หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ในวัตถุประสงค์เพื่อความบันเทิงไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน ก็ลดลงจาก 26% มาอยู่ที่ 15% เท่านั้น สะท้อนว่าวิถีชีวิตเด็กและเยาวชนมีความไม่สมดุล และต้องการการสนับสนุนจากครอบครัว โรงเรียน และชุมชนอย่างใกล้ชิด

ดร.เจษฎา อานิล ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เด็กที่นอนน้อยกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน สมองจะมีพัฒนาการที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำ สติปัญญา และสุขภาพจิต เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกันที่นอน 9 ชั่วโมงหรือมากกว่าต่อวัน นอกจากนี้ภาวะนอนน้อยในเด็กยังสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น พัฒนาการของเด็กนอกจากต้องกินดี มีประโยชน์ วิ่งเล่นอย่างเหมาะสมอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน การนอนให้พอ เป็นกุญแจสู่พัฒนาการที่ดี สร้างเด็กสมดุล

Advertisement

Verified by ExactMetrics