วันที่ 7 พฤษภาคม 2024

“เฉลิมชัย” สั่ง ก.เกษตรช่วย ก.คลังอัพเดททะเบียนเกษตรกร ระบุข้อมูลของ ธ.ก.ส.ไม่ครบทุกกลุ่ม

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน

People Unity News : “เฉลิมชัย” สั่งกระทรวงเกษตรช่วยกระทรวงการคลังอัพเดททะเบียนเกษตรกร เพื่อเยียวยาเกษตรกรให้ครบทุกกลุ่ม ระบุทะเบียนเกษตรกรของ ธ.ก.ส. และกระทรวงการคลังไม่ครบถ้วนตกหล่นหลายกลุ่ม

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีคำสั่งถึง นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ประสานการทำงานกับปลัดกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นการเร่งด่วน เพื่ออัพเดททะเบียนเกษตรกรให้ครอบคลุมครบถ้วน

โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรบางส่วน เช่น กลุ่มประมง กลุ่มปศุสัตว์ กลุ่มนาเกลือ และกลุ่มเกษตรกรที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐ ที่จะไม่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และกระทรวงการคลัง รวมทั้งกลุ่มเกษตรกรชาวนา ชาวไร่ข้าวโพด ชาวไร่มันสำปะหลัง ชาวสวนปาล์ม และชาวสวนยาง ที่ตกหล่นไม่ได้ขึ้นทะเบียนในโครงการประกันรายได้เกษตรกรเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำชับให้เร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการช่วยเหลือเกษตรกร จึงมอบแนวทางให้เสนอต่อกระทรวงการคลัง โดยแบ่งเกษตรกรเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ เกษตรกรที่มีทะเบียนในฐานข้อมูลอยู่แล้วให้โอนเข้าบัญชีเกษตรกรได้ทันที และกลุ่มสอง เป็นกลุ่มที่ตกหล่นไม่มีชื่อและต้องขึ้นทะเบียนใหม่ โดยกระทรวงเกษตรฯจะช่วย ธ.ก.ส.และกระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจัดทำแผนสำรองอาหาร (Food Reserve Plan) เพื่อรองรับปัญหาการขาดแคลนอาหารอันอาจจะเกิดขึ้นหากวิกฤติโควิด-19 ยืดเยื้อกว่าที่คาดหมาย

“เกษตรกรเป็นกระดูกสันหลังของชาติที่ต้องช่วยเหลือให้มากที่สุด เพราะประสบปัญหาวิกฤติภัยแล้งและถูกซ้ำเติมต่อเนื่องด้วยวิกฤติโควิด-19 ทำให้ขาดทุนเป็นหนี้สินทุกครัวเรือน จึงมั่นใจว่ารัฐบาลพร้อมอุ้มชูเยียวยาเกษตรกรทุกกลุ่มตามที่กระทรวงเกษตรฯเสนอ ซึ่งถ้าช่วยครัวเรือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือนจะช่วยเกษตรได้มาก”

โฆษณา

มท.สั่งการทุกจังหวัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.) ระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และ อปท.

People Unity News : มท.สั่งการทุกจังหวัด ตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.) กำกับ ดูแล ตามมาตรการป้องกันโรคในทุกระดับ

วันนี้ (8 พ.ค.63) นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเปิดเผยว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้มีคำสั่งที่ 2/2563 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 กำหนดให้ ศปก.จังหวัด ศปก.อำเภอ ศปก.ตำบล และ อปท. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ กำกับ ดูแล ตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นายฉัตรชัย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไปยังทุกจังหวัด ให้ดำเนินการตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.) ในแต่ละระดับ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้แต่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัด (ศปก.จ.) นายอำเภอ เป็นผู้แต่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอ (ศปก.อ.) และศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคตำบล (ศปก.ต.) และนายกเทศมนตรีเทศบาลนคร/เทศบาลเมือง เป็นผู้แต่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคเทศบาลนคร/เทศบาลเมือง (ศปก.ทน./ศปก.ทม.) ตามโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด พร้อมทั้งให้กำกับ ดูแล และติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคในพื้นที่โดยเคร่งครัด

นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น จะมีทั้งมาตรการควบคุมหลัก เช่น การทำความสะอาดในบริเวณสถานที่สำหรับให้บริการประชาชน การสวมหน้ากากอนามัย การให้มีจุดบริการล้างมือเพื่อฆ่าเชื้อโรค การให้เว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะและระหว่างที่นั่ง รวมถึงระยะห่างระหว่างการเดินอย่างน้อย 1 เมตร และการให้ควบคุมจำนวนผู้ใช้บริการมิให้แออัด เป็นต้น และมาตรการเสริม อาทิ มาตรการคัดกรองอาการป่วย มาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้ให้บริการ มาตรการป้องกันการชุมนุมของคนหมู่มาก การลดเวลาในการทำกิจกรรมให้สั้นลงเท่าที่จำเป็น การงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในสถานที่จำหน่ายอาหาร การจัดให้มีพื้นที่ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร และอาจเพิ่มมาตรการใช้แอปพลิเคชั่นติดตามตัวทางโทรศัพท์เคลื่อนที่มาใช้ได้ตามความเหมาะสมและความจำเป็น หรือใช้มาตรการควบคุมด้วยการบันทึกข้อมูลและรายงานในบางพื้นที่ก็ได้

โฆษณา

กองทัพบกตั้งจุดบริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่ 25 ธันวาคมถึง 6 มกราคม 2564

People Unity News : กองทัพบกตั้งจุดบริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ ถึงวันที่ 6 มกราคม 2564 เพื่อดูแลความปลอดภัย ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 เน้นอัพเดทข้อมูลแต่ละพื้นที่

28 ธ.ค. 2563 พันตรีหญิง พัชรินทร์ บุศยกุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า ขณะนี้หน่วยทหารของกองทัพบก จัดตั้งจุดบริการประชาชนหน้าค่ายทหารในแต่ละพื้นที่ จำนวน 226 จุด ตลอด 24 ชั่วโมง กระจายตามแต่ละกองทัพภาค โดยเฉพาะหน่วยทหารมีที่ตั้งหน่วยตามเส้นทางคมนาคมสายหลัก อาทิ ถนนพหลโยธิน ถนนสุขุมวิท ถนนมิตรภาพ และถนนเพชรเกษม จุดบริการดังกล่าวดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม และจะดำเนินการต่อเนื่องจนถึงวันที่ 6 มกราคม 2564

สำหรับเทศกาลปีใหม่ในปีนี้ อยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ประชาชนจำเป็นต้องได้รับทราบข้อมูลและข้อปฏิบัติที่มีความเฉพาะในแต่ละจังหวัด โดยเจ้าหน้าที่ในจุดบริการจะนำข้อมูลมาให้ความรู้ และอัพเดทสถานการณ์พร้อมแนวทางป้องกันตนเองให้กับประชาชนที่มารับบริการ รวมทั้งมีการวัดอุณหภูมิ แจกจ่ายหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ สำหรับพื้นที่ที่สามารถจัดกิจกรรมปีใหม่ กองทัพบกจะสนับสนุนกำลังพลตามการร้องขอในการช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

นอกจากนี้ กองทัพบกยังให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันอัคคีภัย ได้เตรียมเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลช่วยเหลือหากเกิดเหตุอัคคีภัยขึ้น ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก มีข้อห่วงใยในความปลอดภัย กำชับกำลังพลให้ตระหนัก เน้นมาตรการดื่มไม่ขับ เฉลิมฉลองที่บ้าน รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

Advertising

ผู้ได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องเสียชีวิตทุกรายหรือไม่??

People Unity News : ผู้ได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องเสียชีวิตทุกรายหรือไม่??

Q: ผู้ได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องเสียชีวิตทุกรายหรือไม่??

A: ไม่ทุกราย โดยพบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 80 สามารถหายจากอาการป่วยได้เอง และพบผู้มีอาการป่วยหนักอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4 เท่านั้น ทั้งนี้พบว่าผู้ที่มีความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อไวรัสฯแล้วอาจถึงขั้นเสียชีวิต คือกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ

ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

COVID-19

โฆษณา

สธ.-มหาเถรแนะประชาชนจัดงานบุญ งานบวชตามแนว New Normal

People Unity News : สธ.แนะประชาชนจัดงานบุญ งานบวชตามแนว New Normal ยึดมาตรการความปลอดภัย ในช่วงเข้าพรรษาไม่นำเชื้อเข้าวัด มติมหาเถรสมาคมให้จัดงานบุญ งานบวช แต่ต้องเว้นระยะห่าง ใส่หน้ากาก ล้างมือ สร้างความปลอดภัยทั้งพระสงฆ์และญาติโยมจากโควิด 19

22 มิถุนายน 2563 ที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ก่อนเข้าพรรษาในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ว่า ในช่วงก่อนเข้าพรรษาขอให้ภิกษุ สามเณร เข้ารับการตรวจสุขภาพ และกักกันตัวเอง 14 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่นำเชื้อไปแพร่ให้แก่พระรูปอื่น และญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด ควรทำความสะอาดพื้นที่ภายในบริเวณวัด และสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ มีจุดคัดกรองก่อนเข้าสถานที่สำคัญ เช่น พระอุโบสถ และมีอากาศถ่ายเทสะดวก และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อไปสถานที่สาธารณะ สังเกตอาการผิดปกติ ไข้ ไอ จาม น้ำมูก ให้ไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือโควิด 19

ในช่วงเข้าพรรษาถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของพุทธศาสนาที่พระภิกษุสงฆ์จะต้องจำวัด รวมทั้งมีกิจกรรมทางศาสนา ต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรง มีกิจกรรมออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างน้อยวันละ 30 นาที ฉันอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ ทั้งโปรตีน ผักผลไม้ และต้องปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมการระบาดของโควิด 19 สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อปฏิบัติศาสนกิจ ใช้เจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าพิธี เว้นระยะห่างในวัตรปฏิบัติที่ไม่ใกล้ชิดหรืออยู่ในที่แออัดเกินไป สำหรับประชาชนที่ไปทำบุญ ยึดตามมาตรการ การป้องกันอย่างเคร่งครัด การ์ดอย่าตก ให้คำนึงว่าวัดต้องปลอดเชื้อ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้จำวัดอย่างปลอดภัยในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา กระทรวงสาธารณสุขพร้อมจัดหน่วยบริการด้านสุขภาพพระสงฆ์ ถวายความรู้ วิธีพยาบาลแด่พระคิลานุปัฏฐาก

นายสาโรจน์ กาลศิริศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักพุทธศาสนาดูแลวัดในประเทศไทย ประมาณ 42,000 แห่ง มีจำนวนพระภิกษุ สามเณรกว่า 3 แสนรูป ที่ผ่านมาในช่วงวิกฤติการระบาดของโควิด 19 มหาเถรสมาคมมีมติให้วัดงดจัดกิจกรรมทุกประเภท แต่ปัจจุบันเมื่อรัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรน มหาเถรสมาคมจึงมีคำสั่งผ่อนปรนให้ทุกวัดจัดกิจกรรมได้เหมือนเดิม อาทิ งานบุญ งานบวช ภายใต้มาตรการความปลอดภัยตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เน้น 6 มาตรการสำคัญ ประกอบด้วย 1.คัดกรองวัดไข้ผู้ที่เข้ามาในวัด 2.การสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย 3.ล้างมือด้วยน้ำสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ 4.เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลในการเข้าไปในพระอุโบสถ ไม่รวมตัวหนาแน่นในขณะทำกิจกรรม 5.รักษาความสะอาดภายในวัด จัดระบบการระบายอากาศให้ดี และ 6.ลงทะเบียนเข้า-ออก วัดทุกครั้ง

“วันพระใหญ่ในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ทางวัดสามารถจัดกิจกรรมทำบุญได้ตามปกติ แต่ต้องปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด สามารถจัดพิธีเวียนเทียนในวันอาสาฬหบูชาได้ โดยแต่ละวัดอาจกำหนดเป็นรอบ หรือจัดตามความเหมาะสมและมีมาตรการอย่างเข้มงวด สำหรับกิจกรรมของพระภิกษุสงฆ์ การทำวัตรเช้า-เย็น บำเพ็ญภาวนา วัดวาต้องสะอาด เป็นหัวใจสำคัญที่พระสงฆ์จะต้องยึดปฏิบัติ โดยทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดจะติดตามให้เป็นตามเกณฑ์ที่มหาเถรสมาคมและกระทรวงสาธารณสุขกำหนดต่อไป” นายสาโรจน์ กล่าว

Advertising

ตำรวจเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อประกาศรับจ้างทำใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 ปลอม

People Unity News : ระวัง! มิจฉาชีพรับทำเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนปลอม ผิดกฎหมาย มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

15 ธ.ค.64 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อประกาศรับจ้างทำเอกสารรับรองปลอมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมประสานผู้ประกอบการ – ร้านค้า เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน รวมถึง QR Code ให้สอดคล้องกับข้อมูลในแอปฯ “หมอพร้อม”

ผู้กระทำความผิดโดยการทำเอกสารรับรองปลอมจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งความผิดฐานปลอมเอกสาร แก้ไขข้อความ หรือการประทับตรา – ลงลายมือชื่อปลอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นการปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท เป็นต้น

จึงขอให้ประชาชนลงทะเบียนทำเอกสารตามระบบและช่องทางต่างๆที่ภาครัฐกำหนด เพื่อให้ได้รับเอกสารที่ถูกต้อง และหากพบเบาะแสหรือการกระทำความผิด สามารถแจ้งสายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชม.

Advertising

ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีโอกาสหายป่วยสูงหรือไม่??

People Unity News : ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีโอกาสหายป่วยสูงหรือไม่??

ถ้าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีโอกาสจะหายไหม?

Q: ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีโอกาสหายป่วยสูงหรือไม่ ??

A: ผู้ป่วยทั่วไปมีโอกาสหายจากโรคได้เอง สูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แต่หากพบว่ามีอาการป่วยรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยทันที

ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

COVID-19

โฆษณา

กลับมาอีกแล้ว!! ฝุ่น PM 2.5 บุก กทม. เผยต่อเนื่องถึง 17 ธ.ค.

People Unity News : ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เผย สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จะมีต่อเนื่องไปจนถึง 17 ธันวาคม เพราะสภาพอากาศปิด ประสานกรมควบคุมมลพิษ กรมการขนส่งทางบก และ กทม. ตรวจสอบรถควันดำในกรุงเทพ ให้ทำต่อเนื่องจนถึงหน้าแล้ง และประสาน สตช.ดูแลการจราจรบริเวณสี่แยก-จุดกลับรถ เพราะพบ PM 2.5 สูงในบริเวณดังกล่าว

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลทางอากาศภาพรวม โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า สภาพอากาศค่อนข้างนิ่ง รวมทั้งการยกตัวของมวลอากาศ ทำให้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพิ่มขึ้น จึงประสานกรมควบคุมมลพิษ กรมการขนส่งทางบก และกรุงเทพมหานคร ช่วยกันตรวจสอบรถควันดำ โดยเฉพาะรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันดีเซล ซึ่งจากการสุ่มตรวจ 100 คัน จะพบถึง 46 คันที่ก่อมลพิษ โดยวางแผนให้ทำการตรวจรถทุกวันต่อเนื่องไปจนถึงช่วงหน้าแล้ง และจากการตรวจสอบจุดที่ฝุ่น PM 2.5 สูง คือ บริเวณแยก หรือ สี่แยก รวมทั้งจุดกลับรถ ที่มีปริมาณรถสะสม จึงประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร ช่วยดูแลด้านการจราจร ในจุดดังกล่าวให้เกิดความคล่องตัวขึ้น

ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ประสานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำความเข้าใจเกษตรกร งดการเผาเศษวัชพืชในที่โล่งไปจนถึงวันที่ 17 ธันวาคม ส่วนประชาชนทั่วไป ขอความร่วมมือใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และช่วยกันตรวจบำรุงรักษารถยนต์ตามวงรอบ ซึ่งสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จะมีต่อเนื่องไปจนถึง 17 ธันวาคม เนื่องจากสภาพอากาศปิด

Advertising

รัฐบาลสั่งซื้อยา Favipiravir รักษาผู้ป่วยโควิดจากญี่ปุ่นและจีน เม.ย.นี้เข้ามาอีก 2 แสนเม็ด

People Unity News : รัฐบาลมอบให้กระทรวงสาธารณสุข จัดหายา Favipiravir โดยสั่งซื้อจาก 2 แหล่งหลักคือญี่ปุ่นและจีน รวมแล้วกว่า 2.87 แสนเม็ด กระจายให้กับโรงพยาบาลในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และ 12 เขตสุขภาพ รักษาผู้ป่วยโควิด-19 องค์การเภสัชกรรมพร้อมจัดหาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยมอบให้กระทรวงสาธารณสุข จัดหายาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ซึ่งเป็นยาสำคัญสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด -19 มีแหล่งผลิตอยู่ 2 แหล่งหลัก คือญี่ปุ่นเจ้าของลิขสิทธิ์และจีนซึ่งได้รับลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่น รวมได้รับยามาแล้ว 87,000 เม็ด โดย เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2563 กรมควบคุมโรคได้นำเข้ายาจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 5,000 เม็ด  เมื่อวันที่ 2  มีนาคม 2563 รัฐบาลจีนได้บริจาคให้รัฐบาลไทยจำนวน 2,000 เม็ด  เมื่อ 12 มีนาคม 2563 กรมควบคุมโรคนำเข้ายาจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 40,000 เม็ด ส่งมอบให้สถาบันบำราศนราดูร ,กรมการแพทย์ ,โรงพยาบาลใน 12 เขตสุขภาพแล้ว และเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2563 องค์การเภสัชกรรมได้จัดซื้อจากญี่ปุ่น 40,000 เม็ด ส่งให้โรงพยาบาลราชวิถี 18,000 เม็ด เพื่อกระจายให้กับโรงพยาบาลในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และ 12 เขตสุขภาพ จำนวน 18,000 เม็ด เพื่อจัดสรรให้กับโรงพยาบาลศูนย์ทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เหลือไว้สำรองสำหรับจัดสรรกรณีจำเป็นเร่งด่วนอีกจำนวน 4,000 เม็ด

ปัจจุบันได้มีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ กับผู้ป่วยแล้ว จำนวน 515  ราย ใช้ไปแล้ว 48,875 เม็ดเหลืออยู่ 38,126 เม็ด สามารถมีใช้ได้อย่างต่อเนื่องอีกถึง 4-5 เดือน ล่าสุดเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2563 องค์การเภสัชกรรม ได้สั่งซื้อจากจีนและญี่ปุ่นเพิ่ม 200,000 เม็ด โดยจะมีการจัดส่งยาภายในเดือนเมษายนนี้ รวมแล้ว 287,000 เม็ด และจะมีการสั่งซื้อเพื่อสำรองเพิ่ม

“การจัดหายาต้านไวรัสในครั้งนี้ มีความยากลำบากเนื่องจากเป็นที่ต้องการของทุกประเทศ ต้องใช้การดำเนินการทุกวิถีทาง ทั้งการเจรจาผ่านสถานทูตญี่ปุ่นและจีน ทั้งในแง่ของการซื้อและบริจาคมาโดยตลอด เพื่อสวัสดิภาพ ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยเราไม่รอเด็ดขาด ส่วนกรณีข่าวญี่ปุ่นจะบริจาคยาให้ 30 ประเทศนั้น ในเบื้องต้นทราบว่าญี่ปุ่นจะบริจาคสำหรับโครงการวิจัยเท่านั้น ซึ่งทั้งนี้หากประเทศใดต้องการบริจาคยาประเทศไทยยินดีรับการสนับสนุน เพื่อให้มียาช่วยรักษาชีวิตของประชาชนชาวไทยอย่างเร่งด่วน”  นายแพทย์วิฑูรย์ กล่าว

โฆษณา

“ประยุทธ์” แถลง “การระบาดอีกครั้งของโควิด” ระบุหากไม่เข้มงวดแต่ตอนนี้เศรษฐกิจจะพัง

People Unity News : ประยุทธ์ แถลงการณ์ “การระบาดอีกครั้งของโควิด – เราต้องเข้มแข็ง” ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย

22 ธันวาคม 2563 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวแถลงการณ์ “การระบาดอีกครั้งของโควิด – เราต้องเข้มแข็ง” ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการระบาดใหม่ของโควิด-19 ที่เพิ่งเกิดขึ้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ได้ถูกจัดการอย่างเร่งด่วนทันทีด้วยการใช้มาตรการที่เข้มข้น พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี การระบาดที่เกิดใหม่นี้ย้ำว่า โควิด-19 ยังเป็นภัยร้ายแรงสำหรับประเทศ ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ สถานการณ์โควิดทั่วโลกก็รุนแรงและกะทันหันด้วย ไม่กี่วันก่อนอังกฤษยืนยันพบโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถติดต่อกันได้ง่ายกว่าและเร็วกว่า มีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนคนภายในแค่สัปดาห์เดียวและพบโควิดสายพันธุ์ใหม่ในประเทศอื่นๆด้วย ซึ่งสถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลกในเดือนธันวาคมเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดมา หลายประเทศรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดเป็นร้อยๆคนภายในสัปดาห์เดียว  และมีบางประเทศที่เสียชีวิตเป็นพันๆคนภายในหนึ่งสัปดาห์

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์โควิดทั่วโลกที่ส่งผลกระทบไม่ดีถึงประเทศไทยว่า  ผลกระทบแรก คือเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ที่จะช้ากว่าที่คาดการณ์ตามไปด้วย  ผลกระทบที่สอง คือ ยังคงต้องระมัดระวังมาตรการการผ่อนคลายให้คนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยต่อไปอีก ความเสี่ยงสุดคือคนต่างชาติที่เข้าประเทศไทยอาจจะนำเชื้อโควิดเข้ามาในประเทศซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับระบบสาธารณสุขของไทย และสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจมากกว่าที่มีอยู่หลายเท่า จึงต้องเข้มงวดและระมัดระวังเต็มที่ทั้งที่สนามบินและช่องทางเข้าประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟ รถบัส เรือ รวมถึงช่องทางธรรมชาติ หากมีผู้ติดเชื้อโควิดเล็ดลอดเข้าประเทศมาเพียงไม่กี่คนจะสร้างปัญหาอย่างหนักให้กับเศรษฐกิจ และสุขภาพของคนนับแสนๆ  ผลกระทบที่สาม คือ เมื่อสถานการณ์ทั่วโลกยิ่งแย่ลง ทำให้ยิ่งต้องตั้งการ์ดให้สูงขึ้น เพิ่มและปรับมาตรการต่างๆให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่สมุทรสาครว่า ปัจจุบันมีการกักกันและอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคเชิงรุก ซึ่งจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดใกล้เคียงและกรุงเทพมหานคร ได้ออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้น ทั้งการทำกิจกรรมต่างๆ การตรวจคัดกรองการเข้า-ออกสถานที่ การเว้นระยะห่าง ทั้งนี้ อาจจำเป็นต้องประกาศมาตรการเพิ่มเติม โดยเฉพาะกิจกรรมเฉลิมฉลองปีใหม่ ซึ่งจะมีมาตรการอย่างไรหรือต้องงดจัด ในสัปดาห์นี้จะประชุมกับ ศบค. และจะออกมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ถ้าอ่อนหรือผ่อนคลายมาตรการมากเกินไป โควิดจะสร้างปัญหาทางเศรษฐกิจที่มากกว่านี้และกระทบทั้งประเทศ ซึ่งหลายประเทศตอนนี้เริ่มกลับไปใช้มาตรการที่เข้มงวด ทั้งการบังคับไม่ให้ประชาชนออกจากบ้าน การออกข้อกำหนดมากมายสำหรับคนที่ต้องการเข้าประเทศ  ร้านค้าร้านอาหารส่วนใหญ่ต้องปิด รวมถึงปิดสถานที่บันเทิงและสถานที่สาธารณะต่างๆด้วย หรือบางประเทศอย่างฝรั่งเศส ถึงขั้นห้ามไม่ให้มีการขนส่งสิ่งของเข้าและออกประเทศเป็นการชั่วคราว

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงต้นปีที่ผ่านมาตอนที่โควิดเริ่มเป็นภัยร้ายแรงของโลก มีประเทศที่ไม่เข้มงวดปกป้องดูแลสุขภาพและสาธารณสุขเพราะกังวลว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของตนเอง ปัจจุบันเจอผลกระทบหนักต่อเศรษฐกิจทั้งสิ้น เพราะสุดท้ายแล้วการระบาดของโควิดทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ เมื่อคนเป็นโควิดเยอะ สุดท้ายก็สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจ ฉะนั้นการเข้มงวดเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนและสาธารณสุขของประเทศ จึงเป็นวิธีที่จะปกป้องความเสียหายต่อเศรษฐกิจไม่ให้รุนแรงมากกว่าที่เรากำลังเจออยู่

นายกรัฐมนตรีเน้นถึงเหตุผลที่ไทยเจอปัญหาเศรษฐกิจที่เบากว่าประเทศอื่นๆหลายประเทศว่า ตั้งแต่ต้นไทยเข้มงวดการปกป้องดูแลสุขภาพของประชาชน จึงยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเกือบเป็นปกติ โรงพยาบาลและสถานสาธารณสุขต่างๆยังทำงานกันได้ตามปกติ ดูแลคนไข้โรคอื่นๆได้ โดยไม่ถูกคนไข้โควิดรบกวน ที่สำคัญที่สุดก็คือ คนไทยไม่ต้องเจอกับการสูญเสียชีวิตของพ่อแม่พี่น้องลูกหลานไปกับโควิด ซึ่งเป็นฝันร้ายที่คนในหลายประเทศทั่วโลกยังต้องเจอกันอยู่ทุกวัน  โดยต้องยกความดีความชอบให้ประชาชนคนไทยทุกคนที่ให้ความร่วมมือ มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความรับผิดชอบต่อสังคม เสียสละความสะดวกสบายส่วนตัว เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมกันต่อไป สวมหน้ากากอนามัยกันอยู่ตลอด ล้างมือบ่อยๆเป็นประจำ และรักษาระยะห่างทางสังคม พร้อมชื่นชมการทำงานอย่างหนักของอาสาสมัครสาธารณสุข บุคลากรสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ต่างๆทั่วประเทศ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐทุกส่วนที่ร่วมมือกันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วย

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า เพียงคนไม่กี่คนที่ละเลยความรับผิดชอบต่อสังคม และมีพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัว จะสร้างปัญหาให้คนเป็นล้านๆ จึงต้องขอให้คนไทยทุกคนใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมในระดับที่สูงมากกว่าปกติ และขอให้ทำด้วยความภูมิใจว่า สิ่งที่ทำทุกวันแม้จะดูเล็กน้อยแต่มีผลกับทั้งประเทศ สร้างความแตกต่างให้ประเทศไทยได้ ทุกคนได้มีส่วนช่วยกันทำให้ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าอีกหลายประเทศ นายกรัฐมนตรียืนยันขบวนการนำแรงงานเถื่อนเข้าประเทศจะต้องถูกดำเนินคดี ถูกทำลายให้สิ้นซากไม่ว่าจะเป็นทั้งเจ้าหน้าที่รัฐหรือประชาชนที่เกี่ยวข้อง เพราะการแพร่ระบาดครั้งนี้ ตรวจพบผู้ติดเชื้อจากแรงงานต่างด้าวมากที่สุด

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวมั่นใจว่า แม้ว่าเส้นทางจะยังยาวไกลกว่าสถานการณ์จะกลับเป็นปกติ หากทุกคนยังร่วมมือกัน ไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศที่รับผลกระทบน้อยที่สุดในโลก เราเป็นประเทศที่ประชาชนรู้ว่าเราพึ่งพาตัวเองได้ และหวังพึ่งพาคนอื่นๆในสังคมได้ด้วย ขอให้ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมกำชับดูแลให้มั่นใจว่า หน่วยงานต่างๆของรัฐ จะยังคงทำงานแบบบูรณาการและใกล้ชิดกัน ให้ทุกฝ่ายยึดมั่นรับฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุข และจะเร่งจัดหาและพัฒนาวัคซีนให้พร้อมใช้งานเร็วที่สุดเท่าที่จะเร่งได้ หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเจรจาให้ผู้พัฒนาวัคซีนที่ดีที่สุดในโลกรายหนึ่ง มาตั้งศูนย์ผลิตวัคซีนในประเทศไทย  ในช่วงโควิดนอกประเทศไทยรุนแรงขึ้นอีก จึงยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น ขอคนไทยทุกคนให้ความร่วมมือ และอยู่เคียงข้าง ต่อสู้ไปด้วยกัน ให้ผ่านพ้นสถานการณ์ไปให้ได้

Advertising

Verified by ExactMetrics