วันที่ 4 พฤษภาคม 2024

“ธรรมนัส”เป็นปธ.ทอดกฐินพะเยาสามัคคี บอกรอขายข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน

People Unity : “ธรรมนัส”เป็นปธ.ทอดกฐินพะเยาสามัคคี ขอรอฟังเสียงนกหวีดขายข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน ตามโครงการพะเยาโมเดล

วันที่ 27 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีทอดกฐินสามัคคี ที่วัดปัวใหม่ ต. ฝายกวาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กรมฝนหลวง สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยตัวแทนราชการส่วนท้องถิ่น ร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง โดยมีประชาชนในพื้นที่มาร่วมในงานทอดกฐินสามัคคีเป็นจำนวนมาก โดยยอดทำบุญกฐินมีจำนวนทั้งสิ้น 4, 200, 870 บาท( สี่ล้านสองแสนแปดร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน )

ร.อ.ธรรมนัส ยังได้ร่วมในประเพณีทำบุญสลากภัตที่วัดทุ่งกิ่ว อ.เมือง จ.พะเยา และได้กล่าวกับประชาชนที่มาร่วมงานว่า ช่วงที่ยังไม่ได้เป็น ส.ส. ตนได้หาเสียงกับพี่น้องชาวพะเยาว่า ในฐานะที่ตนเป็นลูกชาวนา มีเป้าหมายพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ชาวนาพะเยามีรายได้มากขึ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตนในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แถลงข่าวโครงการพะเยาโมเดล โดยเบื้องต้นได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการซื้อขายข้าวหอมมะลิ ระหว่างสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่จังหวัดพะเยา กับ บริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด ภายใต้พะเยาโมเดล โดยให้ ซีพี รับซื้อข้าวหอมมะลิ ความชื้น 15 % ได้ในราคาที่ 18,000 บาทต่อตัน จำนวน 40,000 ตัน จากชาวนาในจังหวัดพะเยา ซึ่งสูงกว่าราคาประกันข้าวหอมมะลิของรัฐบาล 3,000 บาทต่อตัน หรือราคาสูงกว่าต้นทุนการผลิต 5,000-6,000 บาทต่อตัน

นอกจากนี้ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 บริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด มีกำหนดจัดงาน “วันเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิโลก” ณ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา และในเร็ว ๆ นี้ จังหวัดพะเยาเตรียมจัดงานเจรจาซื้อขายข้าวหอมมะลิระหว่างคู่ค้าเอกชนรายอื่น ๆ ดังนั้น ตนขอให้พี่น้องชาวพะเยา รอฟังเสียงนกหวีดเพื่อประกาศวันรับซื้อข้าวหอมมะลิ ในราคาดังกล่าว ระหว่างนี้ขอให้รอหลังเก็บเกี่ยวอย่าเพิ่งนำไปขาย อย่าให้พ่อค้าคนกลางเอาเปรียบอีก

ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวว่า พะเยาโมเดล ยังจะขยายโครงการไปยังพืชอื่น อาทิ ยางพารา ลำใย ลิ้นจี่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง เลี้ยงสัตว์ ไข่ไก่ เป็นต้น โดยเฉพาะราคายางพาราจะมีเป้าหมายร่วมเอกชนรับซื้อที่ราคา 65 บาทต่อกิโลกรัมด้วย เมื่อทำสำเร็จจะนำเป็นตัวอย่างขยายไปจังหวัดอื่นต่อไป

พ.ร.ก.กู้เงินอุ้มกองทุนน้ำมันผ่านความเห็นชอบวุฒิสภา

People Unity News : 14 พฤศจิกายน 2565 ส.ว.เห็นชอบ พ.ร.ก.กู้เงินอุ้มกองทุนน้ำมัน “สุพัฒนพงษ์” ระบุเป็นรัฐบาลเดียวที่ไม่สร้างผลกระทบ ปชช.  ย้ำวิกฤติพลังงานของไทยวิกฤติพลังงานซ้อนวิกฤติค่าเงินบาท

การประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2565 ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ซึ่งเป็นการพิจารณาอนุมัติต่อจากที่่สภาผู้แทนราษฎร ลงมติเห็นชอบ ทั้งนี้ ในการพิจารณา ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติเห็นด้วย  187 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภาช่วงหนึ่งว่า จากปัญหาวิกฤตพลังงานราคาน้ำมันที่ผ่านมา ถือเป็นวิกฤตที่ซ้อนวิกฤต ทั้งกรณีค่าน้ำมันที่ราคาสูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทนั้นตกต่ำ โดยการแก้ปัญหาที่ผ่านมารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเดียวที่ไม่ทำให้เกิดผลกระทบกับประชาชน ทั้งนี้การแก้ปัญหาต้องใช้การประคับประคองแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยที่ผ่านมามีดัชนีชี้วัดค่อนข้างดี ส่วนกรณีที่มีข้อเสนอแนะว่าอย่าอุดหนุนจนบิดเบือน เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจ รัฐบาลต้องดูแลเรื่องดังกล่าว ขณะที่การชำระเงินกู้ รัฐบาลได้คำนึงในประเด็นดังกล่าวพร้อมกับการคงเสถียรภาพทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด

ขณะที่แผนกการกู้เงินนั้นนายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายแลยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในฐานะผู้ช่วยเลขาคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ชี้แจงว่า สำหรับแผนการกู้เงินนั้นได้รับอนุมัติจากรัฐบาลแล้ว โดยจะมีการกู้เงินก้อนแรก 3 หมื่นล้านบาท ในปี 2565 และอีกก้อน จำนวน  1.2 แสนบ้านบาท จะดำเนินการในปี 2566 ขณะที่แผนการชำระเงินนั้น หนี้ก้อนแรกจะมีระยะเวลาใช้คืน 7 ปี ขณะที่ก้อนที่สองมีระยะเวลาการชดใช้ 7 ปีเช่นกัน

Advertisement

นายกฯ ยังติดตามงานแม้จะเป็นรัฐบาลรักษาการ

People Unity News : 20 มีนาคม 2566 นายกฯ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม-หน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามกรณี “ซีเซียม-137” ย้ำยังทำงานติดตามปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะรักษาการหรือไม่รักษาการ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  กล่าวถึงกรณีกัมมันตรังสี “ซีเซียม-137” ที่ จ.ปราจีนบุรี ว่า ให้กระทรวงอุตสาหกรรมติดตามและดูว่าหายไปตั้งแต่เมื่อใด และอยู่ตรงไหนแล้ว เพราะหายไปนานแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องรับผิดชอบ และติดตามอย่างใกล้ชิด

“จะให้นายกรัฐมนตรีไปตามเองคงไม่ใช่  เช่นเดียวกับกรณีเรือรั่ว น้ำมันรั่ว และสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ก็ติดตามทุกวันเช่นกัน และแก้ไขปัญหาทุกอย่างเช่นเดิม ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม จะเป็นรักษาการหรือไม่รักษาการก็ทำงานไป เพราะยังมีปัญหาอีกจำนวนมาก” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

 

“สุทิน”ไม่ติดใจ! “ธนาธร” ขอโทษ “ทักษิณ” ก็จบแล้ว

People Unity : “สุทิน”ไม่ติดใจ! “ธนาธร “พาดพิง “ทักษิณ” ในการแจงต่อศาลรธน. เชื่อไม่มีเจตนาร้าย คนเราผิดพลาดกันได้ขอโทษก็จบแล้ว

เมื่อเวลา 09.05 น.วันที่ 19 ต.ค.2562 ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานร่วมกับพรรคอนาคตใหม่(อนค.) กรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวพาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญในคำร้องถือหุ้นสื่อว่า ยังคุยกันได้ ไม่มีปัญหาอะไร นายธนาธรเขาก็ขอโทษแล้ว เป็นกลอนพาไป คนเราผิดพลาดกันได้ หากยอมรับก็จบ สามารถทำงานต่อไปร่วมกันได้ เพราะเรื่องนี้มองว่าเป็นเพียงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่จงใจให้มีปัญหา ไม่มีเจตนาคิดร้ายต่อกัน

People Unity : “วรวัจน์”จี้รัฐเร่งหามาตรการรับมือภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ยกระดับความช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกตัดจีเอสพี

People Unity : “วรวัจน์”จี้รัฐเร่งหามาตรการรับมือภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ยกระดับความช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกตัดจีเอสพี

วันที่ 27 ตุลาคม 2562 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า กรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรหรือจีเอสพี กับสินค้าไทยคิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 39,650 ล้านบาท นั้น มีผลกระทบกับภาคการเกษตร และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ที่อยู่ในภาวะซบเซาอยู่แล้ว อย่างยิ่ง

ดังนั้น ภาครัฐต้องเร่ง แก้ปัญหา ช่วยเหลือต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมเพื่อให้ยังคงส่งออกสินค้าและแข่งขันได้ โดยไม่กดราคาสินค้าเกษตรลงไปอีกและต้องหามาตรการลดต้นทุนทางด้านการเพาะปลูกโดยด่วน

นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้รัฐบาลควรต้องส่งเสริมให้มีการพัฒนาแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ให้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ทั่วโลกยอมรับ ว่าเป็นจุดแข็งของประเทศไทยเพราะจะทำให้สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูงกว่าราคาสินค้าเกษตรพื้นฐาน ซึ่งในการพิจารณางบประมาณหากพบว่าหน่วยงานไหนที่มีแผนงานในการส่งเสริมและแก้ไขการแปรรูปสินค้าเกษตร ทางคณะกรรมาธิการจะให้การสนับสนุนแต่หากหน่วยงานไหนไม่มีแผนงานชัดเจน หรือใช้งบประมาณฟุ่มเฟือย ยังไม่จำเป็น ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือช่วยเหลือประเทศในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ทางคณะกรรมาธิการคงจะมีการปรับลดงบประมาณอย่างแน่นอน ในส่วนของการทำหน้าที่กรรมาธิการนั้น ทางกรรมาธิการจะมีส่วนร่วมในการเร่งแก้ไขวิกฤติประเทศและให้คำแนะนำหน่วยงานเพื่อไม่ให้สภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ทรุดหนักลงไปอีก

“บิ๊กตูี”ปดกลางสภาฯ แฉบางคนเรียกรับเงินบริษัทก่อสร้างรถไฟฟ้า

People Unity : “บิ๊กตูี”ปดกลางสภาฯ แฉบางคนเรียกรับเงินบริษัทก่อสร้างรถไฟฟ้า ลั่นหากพบหลักฐานดำเนินคดีทั้งหมด ไม่บังคับใครให้รับร่างงบฯปี63

วันที่ 18 ตุลาคม 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ในประเด็นการทุจริตในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลาย 10 ปี ไม่สามารถดำเนินการได้ หรือดำเนินการแล้วมีปัญหา เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ในช่วงระยะทาง 1 กม. ซึ่งเป็นเรื่องการจัดทำแผนงานและงบประมาณ

แต่เมื่อตนเข้ามาก็พยายามเร่งรัดดำเนินการ กระทั่งแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ พร้อมกับเร่งรัดพัฒนารถไฟฟ้าอีกหลายสาย เพราะเป็นความต้องการของประชาชน สมัยที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโดยใช้งบประมาณของภาครัฐที่ตั้งไว้อยู่แล้ว และได้ตั้งคณะกรรมการทำงานแบบรัฐร่วมเอกชน ฉะนั้น หากแบ่งการลงทุนเป็น 3 ส่วน รัฐจะลงทุน 1 ส่วน เอกชน 2 ส่วน เพื่อลดความเสี่ยงของฝ่ายรัฐ ซึ่งคณะกรรมการจะพิจารณาด้วยความถูกต้องเหมาะสม และรับฟังทุกฝ่าย รัฐบาลไม่สามารถชี้สั่งได้ ตนไม่เคยทำแบบนั้น

“ส่วนเรื่องอ้างว่ามีการทุจริตต่างๆ ผมก็ได้ข่าวเหมือนกันว่ามีบางคนไปเรียกรับบริษัทเขา เดี๋ยวผมจะหาข่าวแล้วกันว่าใคร และถ้าใครพบเรื่องพวกนี้ ถ้ามีหลักฐานไปหามาเลยว่าใครเรียกเงิน ถ้าตรวจสอบพบจะดำเนินการทั้งสิ้น ขอให้เข้าใจกันตามนี้ ขอให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น เมื่อเช้าที่หายไปเพราะไปงานจิตอาสา จากนั้นก็ไปถวายพระพร เห็นว่ามีคนถามหา นั่งรถก็ฟังท่าน เปิดทีวีฟังท่านมาตลอด เมื่อคืนกลับไปถึงตีหนึ่งครึ่ง ตีสองเข้านอนยังได้ยินเสียงของท่านอยู่เลย ดังนั้นจึงคิดถึงท่านเลยต้องมา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่า

สำหรับเรื่องงบประมาณจะรับหรือไม่รับก็เรื่องของท่าน ตนไปบังคับไม่ได้ แต่สำคัญคือประเทศต้องเดินหน้า ส่วนเรื่องกู้เงินนั้น ส่วนเรื่องที่บอกว่ารัฐบาลกู้เงินจำนวนมาก อยากให้ไปดู เพราะหลักฐานมีอยู่ในช่วงรัฐบาลไหนไม่รู้ ระยะเวลาเท่านี้หากนับ 3- 5 ปี ของตนถ้ารวมยอดแล้วตนกู้น้อยกว่า และเท่าที่จำได้หากย้อนไปในระยะเวลา 10 ปี มีรัฐบาลเดียวซึ่งตนไม่อยากเอ่ยนาม ที่ทำงบประมาณแบบสมดุลได้ เพราะ IMF ไม่ทำโครงการแบบขาดดุล เป็นช่วงการกู้ IMF เป็นรัฐบาลไหนไม่รู้ไปหามา อย่าไปพูดแบบไม่มีหลักฐานไม่มีอะไร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าส่วนเรื่องเงินคงคลังที่ถามกันว่าทำไมไม่เอามาใช้ ท่านไม่เข้าใจระบบงบประมาณอะไรเลยจะพูดแบบนี้ไม่ได้ กระทรวงการคลังต้องมีเงินสำรองจ่ายเก็บไว้ก้อนหนึ่ง จากนั้น เวลาที่จะใช้คณะกรรมการก็จะต้องอนุมัติ และจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณเรื่อยๆ ตอนนี้ในระยะเวลา 1 ปี จะมีการเก็บรายได้ส่งคลังถึงปีละ 2 ครั้ง ดังนั้น ในช่วงที่ภาษียังเข้ามาไม่ถึงแต่โครงการยังเดินหน้า ก็จะใช้เงินคงคลังใช้จ่ายไปก่อนจึงค่อยชดเชย

ส่วนกรณีบ่อนที่สีลม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าแค่ถ่ายรูปอย่างเดียวให้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเลย และตนจะตรวจสอบเอง แจ้งเดี๋ยวนั้นจะไปทันที แต่ก็ขอบคุณที่แนะนะ และขอให้คนเชื่อมั่นเป็นหัวหน้ารัฐบาล

“บิ๊กตู่” เมิน “เสรีพิศุทธ์”ขู่ฟ้องเบี้ยวแจงรอบ 4 “ปธ.กทม.ป.ป.ช.” ลั่นไม่สามารถเปลี่ยนประธานได้

People Unity News : “ประยุทธ์” เมิน “เสรีพิศุทธ์” เรียกแจงกมธ.ป.ป.ช.รอบ 4 ขู่เบี้ยวเจอฟ้องอาญา ด้านประธานกทม.ป.ป.ช.ถาม “สิระ” เป็นคนแบบไหน ในห้องประชุมเป็นอีกแบบหนึ่งพอหลังประชุมเป็นอีกแบบ ยันไม่สามารถเปลี่ยนประธานได้ ลุยสอบ “ปารีณา” ถือที่ดิน ภบ.ท.5

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม หารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทย โดยไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังแต่อย่างใด ทั้งนี้ก่อนการประชุมเมื่อผู้สื่อข่าวถามพล.อ.ประยุทธ์ ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ(กมธ.ป.ป.ช.) ยังคงเดินหน้าเชิญนายกรัฐมนตรีไปชี้แจงในรอบที่ 4 ปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ในวันที่ 20 พ.ย.และขู่ว่าหากไม่เข้าชี้แจงในรอบนี้เตรียมดำเนินคดีอาญา โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า “ปล่อยเขา ก็แล้วแต่”

ขณะที่พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอให้มีการปลดประธาน กมธ. ป.ป.ช. ในวันพุธหน้าว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นโควตาฝ่ายค้าน ยืนยันตนเองทำตามหน้าที่กรณีเชิญนายกรัฐมนตรีแลรองนายกรัฐมนตรีมาชี้แจง

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า เห็นในที่ประชุมสำหรับนายสิระก็เรียบร้อยดีเวลาโหวตกันจะเชิญนายรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีมาให้ถ้อยคำครั้งต่อไปหรือไม่อย่างไร ก็โหวตให้มา 6ไม่มา 3 ก็ยังพูดคุยว่า เป็นธรรมดีพอออกห้องประชุม จะเสนอปลดประธานคนแบบนี้เป็นคนประเภทอะไรมีอะไรจะมาปลดมีอะไรจะมาเปลี่ยน นี่เป็นกระบวนการทางการเมือง ที่ทางฝ่ายรัฐบาลเอามาเล่นเอามาใช้ในสภาฯกรรมาธิการต่างๆ ไม่เห็มีอะไรเลย ใครเข้ามาใครเป็นคนกำหนดในที่ประชุมใครเป็นประธานในที่ประชุม

“ผมทำตามหน้าที่ ผมเสียงเดียวในกรรมาธิการ มันจะตายเหรอ เป็นก็เป็นไม่เป็นก็ไม่เป็น เพราะผมเสียงเดียว คณะกรรมาธิการโหวตให้ผมเป็นประธาน ผมไม่ได้ขอเป็น ส.ส.10 สมัยก็มี ทำไมให้ ส.ส.สมัยแรกเป็นก็พราะคุณวุฒิความรู้ความสามารถเป็นแล้วทำงานถูกใจนักข่าว ถูกใจพี่น้องประชาชนหรือไม่ จะเรียกนายกฯและรองนายกฯมาสอบถามข้อเท็จจริงในกรรมาธิการชุดนี้มันผิดตรงไหน ทำไมไม่ยอมมา ไหนบอกชายชาติทหาร”พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าว

ลุยสอบ”ปารีณา”ถือที่ดิน ภบ.ท.5

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้า กมธ.จะมีการพิจารณาตรวจสอบกรณีการถือครองที่ดินตามเอกสารภาษีบำรุงท้องที่ (ภบ.ท.5) กว่า 1,700 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ รวมถึงประเด็นการถือครองที่ดิน และการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยจะเชิญเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาให้ข้อมูลการยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ของ น.ส.ปารีณา รวมถึงจะขอความเห็นจากที่ประชุมว่าจะเชิญหน่วยงานใดมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก เพราะไม่มั่นใจการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวจากฝ่ายรัฐบาล เห็นได้จากที่ น.ส.ปารีณา ลงพื้นที่ไปต้อนรับนายกรัฐมนตรีที่จังหวัดราชบุรี

“มท.1” เผยที่ดิน “ปารีณา” ว่ากันตามขั้นตอนกม.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนเพียงอ่านข่าว และยังไม่ได้รับเรื่อง ยังไม่ทราบว่าเป็นที่ดินของสำนักงานที่ดินปฎิรูปเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) หรืออะไร เพราะเรื่องนี้กระทรวงเกษตรฯ กำลังดูอยู่ ก็ว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

“เราจะไปพูดอย่างไรได้ และไม่ว่าใครทั้งสิ้น ประชาชนนายดำนายแดง ก็เหมือนกัน ใครมาเป็นรัฐบาล ใครมาเป็น ส.ส. ก็ต้องอยู่ในจุดเดียวกัน เพราะถ้าไม่อยู่มันจะไม่ได้ ก็ต้องรับไปตามนั้นตรวจสอบกัน เป็นอย่างไรก็ว่าไปตามกฏหมาย” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

พท.ป้อง”เสรีพิศุทธ์”ฉะ”สิระ” มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ

นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอเปลี่ยนตัวประธาน กมธ. เนื่องจาก กมธ.หลายคนไม่สบายใจกับทำหน้าที่ของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสรีเตมียเวช ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ซึ่งไม่ได้สนใจเรื่องการทุจริตของข้าราชการที่ร้องเรียนเข้ามาว่า ไม่เป็นความจริง คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ปัจจุบันมีเรื่องที่กำลังพิจารณาอยู่กว่า 135 คดี และได้มีการเชิญผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาชี้แจงเพื่อสอบสวนอยู่ทุกสัปดาห์ หากนายสิระ และนางสาวปารีณา ที่เพิ่งเข้ามาประชุมเพียงสัปดาห์แรก ให้ความสนใจในการประชุม ไม่ใช่เข้ามาเพื่อสร้างความปั่นป่วน หรือถ่ายคลิปวีดีโอ จะเข้าใจว่าคณะนี้ทำงานอยู่ตลอดและเที่ยงตรง ไม่ว่าผู้ถูกร้องจะเป็นข้าราชการปกติ หรือ นายกรัฐมนตรี เราก็ต้องทำตามเอกสารข้อเท็จจริง ไม่ใช่การพูดลอยๆ

“ขอตั้งข้อสังเกตว่า นายสิระ ที่เพิ่งเข้ามาเป็นกรรมาธิการ ประชุมไปแค่นัดเดียว และอยู่ในห้องประชุมแค่แป๊ปเดียว เสมือนนักเรียนมาเซ็นชื่อแล้วก็โดดเรียน จะไปรู้เรื่องอะไรว่า กมธ. นี้เขาทำงานไปถึงไหน เอกสารวาระการประชุมตรงหน้าได้เปิดดูบ้างหรือเปล่า หรือจะเข้าห้องประชุมเพียงแค่เวลามีผู้สื่อข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวออกจากห้อง ก็ออกไป มือไม่พาย อย่าเอาเท้าราน้ำ” เลขานุการประจำกมธ.ป.ป.ช. ระบุ

“พุทธิพงษ์” เผยนายกฯ จะนัดหารือพรรคร่วมรัฐบาลเร็วๆนี้

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.พัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมนัดคุยกับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเร็วๆนี้ โดยกำลังหาวันและเวลาอยู่ และหลังจากนั้นจะมีการพบปะกับ ส.ส.รัฐบาล

“อนุสรณ์”ชี้อภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมรัฐบาลได้ประโยชน์

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ข่าวคราวความระหองระแหงในการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แต่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุ ยังอยู่อีกนาน ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยหลักแล้วการใช้กลไกรัฐสภาตรวจสอบถ่วงดุลย์ฝ่ายบริหาร เป็นการทำหน้าที่เพื่อประชาชน แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้ มีพรรคร่วมรัฐบาลได้ประโยชน์ ในการใช้เป็นเหตุผลหลักกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงเก้าอี้รัฐมนตรีแล้วมาเกลี่ยโควต้ากันใหม่ ดังนั้นข้อมูลที่ไหลมาสู่พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้าน จึงไหลมาจากทุกที่รวมถึงจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองด้วย

“การโอดโอยว่ารัฐบาลเพิ่งอยู่มา 4 เดือน จะอภิปรายไม่ไว้วางใจอะไร เป็นการพูดแบบร้องขอชีวิต เพราะรัฐบาลทหารของพล.อ.ประยุทธ์ อยู่มา 5 ปี ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลหลังเลือกตั้งอีก 4 เดือน มีเรื่องไม่ชอบมาพากลมากมาย ไม่เชื่อลองสอบถามพรรคร่วมรัฐบาลดูก็ได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

“จุรินทร์”ยันอีก! มะกันตัดจีเอสพีไม่เกี่ยวกับแบน 3 สารพิษ

People Unity : “จุรินทร์”ยันอีก! มะกันตัดจีเอสพีไม่เกี่ยวกับแบน 3 สารพิษ ขี้ข้อเท็จจริงตัวเลขสิทธิพิเศษทางภาษีที่ถูกตัดประมาณ 1,500-1,800 ล้านบาทเท่านั้น “หมอตี๋”ยัน สธ.มีจุดยืนปกป้องสุขภาพคนไทยจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้

วันที่ 27 ตุลาคม 2562 เวลา 13.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงกรณีสหรัฐอเมริกาตัดสิทธิทางภาษีหรือ GSP ว่า ขอเรียนให้ทราบว่าในเรื่องกรณีที่สหรัฐอเมริกาได้ตัดจีเอสพีสินค้าไทยที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกานั้น ประเด็นก็คือ ปัจจุบันนี้สหรัฐฯให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรหรือที่เรียกว่าจีเอสพี ที่ส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐฯ รวมทั้งหมดราคา 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ไทยไม่ได้ใช้สิทธิ์เต็มตามจำนวนที่ให้สิทธิ์เรา ใช้สิทธิ์แค่ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ส่งออกไปในทุกวันนี้

ประเด็นของการจากตัดจีเอสพี ก็หมายความว่าต่อไปนี้สินค้าของไทยที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ จำนวนยอดขายรวมกัน 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ นั้นจะต้องเสียภาษีนำเข้าสหรัฐ จากเดิมที่ไม่ต้องเสียภาษี ภาษีที่ต้องเสียตกร้อยละ 4-5 โดยประมาณ ซึ่งทั้งหมดนี้หมายความว่าต่อไปนี้สินค้าไทย ที่จะส่งไปขายสหรัฐอเมริกาจะต้องมีภาระภาษีแทนที่จะไม่ต้องจ่ายภาษี ซึ่งภาระทางภาษีแต่ละปี เมื่อคำนวณแล้วตกประมาณ 1,500 ถึง 1800 ล้านบาท

“กล่าวโดยสรุปก็คือการตัดสิทธิ์พิเศษภาษีทางศุลกากรของสหรัฐทำให้สินค้าไทยที่ส่งออกไปขายยังสหรัฐอเมริกา มีภาระที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 1500 -1800 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตามประเด็นที่เป็นที่มาของสหรัฐฯ อ้างว่าใช้เป็นเงื่อนไขในการตัดสิทธิ์ ทำให้เราต้องเสียภาษีคือเรื่องแรงงาน สหรัฐต้องการให้ไทยเปิดโอกาสให้แรงงานต่างด้าว ที่มาทำงานอยู่ในประเทศไทยสามารถตั้งสหพันธ์แรงงานได้อันนี้เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญ ส่วนประเด็นอื่นนั้นขอให้ทางทรวงแรงงานเป็นผู้ให้ข้อเท็จจริง” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงพิจารณาประจำปีของเขาแต่เราสามารถที่จะอุทธรณ์หรือขอให้ทบทวนใหม่ได้ซึ่งหลายครั้งที่ผ่านมาอย่างเช่นปีที่แล้วก็ทบทวนรายการสินค้าคืนมาให้ 7 รายการ และปีนี้เราก็จะยื่นขอทบทวนอีก ถ้าเขาไม่ทบทวนถือว่าเป็นอำนาจของเขาเข่นกันเพราะเขามีสิทธิ์ฝ่ายเดียวเขาสามารถให้หรือไม่ให้ประเทศใดก็ได้ อย่างไรก็ตามประเทศไทยเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เขาให้ฝ่ายเดียว เมื่อเขาไม่ให้หรือทบทวนแล้วไม่ให้เราก็จะไม่ได้สิทธิ์พิเศษนั้นต่อไปนี้เราก็จะต้องจ่ายภาษีตามเงื่อนไขที่เขากำหนดทำให้เรามีภาระทางภาษีเพิ่มขึ้น 1500 -1800 ล้านบาท ส่วนคำถามเรื่องสำหรับการแบน 3 สาร เท่าที่ติดตามไม่ได้เป็นเงื่อนไขของครั้งนี้สิ่งที่เราทราบเป็นทางการ คือ เกี่ยวกับประเด็นแรงงาน สรุปว่าสิ่งที่เขาอ้างในการตัดสิทธิ์ไม่เกี่ยวกับ 3 สาร แต่อย่างใด

“หมอตี๋”ยัน สธ.มีจุดยืนปกป้องสุขภาพคนไทยจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้

ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณี รัฐบาลสหรัฐอเมริกาส่งหนังสือถึงรัฐบาลไทยจากการประกาศแบน 3 สารเคมีนั้นว่า ในฐานะกระทรวงสาธารณสุข ถือพันธกิจสำคัญคือเน้นเรื่องการดูแลสุขภาพเพราะฉะนั้นเมื่อเรามีข้อมูลว่า ทั้ง 3 สารมีอาจจะมีอันตรายต่อผู้ใช้ ซึ่งกระทรวงก็ได้ประกาศไปแล้ว และทางคณะกรรมการวัตถุอันตรายก็ได้ประการแบน 3 สารเคมีไปแล้ว ดังนั้นถือ เป็นสิทธิของกระทรวงสาธารณสุข ที่เราเน้นความปลอดภัยของประชาชนในการบริโภคอาหาร และเป็นสิทธิที่เราจะปฏิบัติตามนโยบายของกระทรวงในการดูแลสุขภาพของคนไทย

ดร.สาธิต กล่าวด้วยว่า ส่วนผลกระทบด้านอื่นๆ คงต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องมาดูแลว่า เกษตรกรจะต้องมีสารทดแทนอย่างไร ซึ่งก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่รัฐบาลจะตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ย้ำว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งหนังสือถึงรัฐบาลไทยนั้น ในส่วนกระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นสิทธิในการแสดงจุดยืนเรื่องการดูแลสุขภาพของคนไทย

“มัลลิการ์”โพสต์เตือนอย่าตื่นตูมอย่าปั่นกระแสจนเกินเหตุ

นางมัลลิการ์ บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ ได้โพสต์เตือนว่า อย่าตื่นตูมมากไป และ อย่าปั่นกระแสจนเกินเหตุ แล้วพวกที่กระโจนใส่ท่านนายกรัฐมนตรีนั้น ลืมอะไรไปหรือเปล่า?

1.โดยหลัก ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการแบน 3 สารพิษ 2.ส่วนกรณีสิทธิด้านแรงงานตามกล่าวนั้น อเมริกาและไทยเจรจากันมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วตั้งแต่ปี 2556 ที่สมาพันธ์แรงงานUSAยื่นหนังสือร้องเรียน (ตอนนั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์) 3.ส่วนเรื่อง GSP (สิทธิด้านภาษี) เราได้รับสิทธินี้เป็นพิเศษมาตั้งแต่ปี 2519 และเราก็ใช้สิทธินี้อย่างเต็มที่มาเรื่อยๆซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้รับเป็นพิเศษ 4.การทบทวนเพิ่มหรือลดสิทธิพิเศษทางภาษี GSP เป็นกระบวนการปกติที่มีการเจรจาและทำกันมาอยู่ตลอด (เราได้สิทธิ 3,500 รายการแต่เราใช้เพียง 1,285 รายการเท่านั้นเพราะนอกจากนั้นเราไม่ได้ผลิตหรือไม่ได้ส่งUSA) 5.ต้องแก้ไขข่าวที่สื่อลงนิดหนึ่ง คือ ตัวเลข 40,000 ล้านบาท ที่สื่อฯลงนั้นไม่ใช่ตัวเลขที่ถูกตัดสิทธิ (อันนั้นเป็นตัวเลขโดยรวมของการส่งออกUSAใน 573 รายการ) แต่ตัวเลขที่ถูกตัดคือสิทธิด้านภาษี ก็คือ 61 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,800 ล้านบาทเท่านั้น (ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ส่งออกไปUSAต้องจ่ายเป็นภาษีศุลกากรเขาและเป็นกรณีภาษีที่เรายังมีโอกาสในการเจรจาซึ่งมีระยะเวลา 6 เดือนจากนี้ ซึ่งการเจรจานี้ก็เป็นเรื่องปกติสามารถทำได้ตามฟอรัมต่างๆที่เราจะได้เจอเขาโดยเฉพาะในต้นเดือนพย.นี้)

6.มาตรการรองรับจากกระทรวงพาณิชน์ โดยท่านรองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ได้ให้นโยบายตั้งแต่ต้นโดยเป็นมาตรการรองรับสงครามการค้าและมาตรการเชิงรุกด้านตัวเลขส่งออกอยู่แล้ว คือ เราเน้นฟื้นตลาดเก่า เพิ่มตลาดใหม่ รุกตลาดยุโรปและอื่นๆ รวมทั้งตะวันออกกลาง แอฟริกา รัสเซีย จีน อินเดีย เป็นต้น และเพิ่มมูลค่าทางสินค้าโดยการปรับเปลี่ยนเพิ่มคุณภาพและนวัตกรรมต่อไป

7.ภาพรวมที่ผ่านมา การส่งออกไป USA นั้นไทยเราได้ดุลการค้า ในสินค้ายานยนต์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เคมีภัณฑ์ และกลุ่มอาหาร #ไม่มีใครนิ่งเฉย #อย่าตกใจจนขย้ำผู้นำประเทศตน

“อนุสรณ์”ถาม”บิ๊กตู่”รู้เรื่องหรือไม่ IMF แนะใช้ศก.พอเพียงเป็นฐานปฏิรูปประเทศ

People Unity News : “อนุสรณ์”ถาม”บิ๊กตู่”รู้เรื่องหรือไม่ IMF แนะใช้ศก.พอเพียงเป็นฐานปฏิรูปประเทศ จี้ตอบ”ชิมช้อปใช้”กระุตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร

วันที่ 6 พ.ย.2562 ตามที่เมื่อเวลา 8.00 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน 2562ที่ผ่านมา ที่ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นางคริสตาลินา กอร์เกียวา (Mrs. Kristalina Georgieva) กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (Managing Director, International Monetary Fund: IMF) เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้

โดยนางคริสตาลินา ระบุว่า “ก่อนเดินทางมาประเทศไทย เพิ่งได้อ่านหนังสือและได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และคิดว่าเป็นหลักปรัชญาที่ทางไอเอ็มเอฟจะนำไปเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รับรู้ เพราะสอดคล้องกับหลักการของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ต้องการให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน” พร้อมแนะขอให้ประเทศไทยใช้เป็นฐานในการปฏิรูปประเทศนั้น

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ฟังไอเอ็มเอฟรู้เรื่อง ทำความเข้าใจได้ถูกต้องหรือไม่ อย่ามโนหลอกตัวเอง ติดเพียงแค่เปลือกว่า บรรยากาศการพบปะชื่นมื่น คำเตือนสำคัญของไอเอ็มเอฟ ระบุ ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ทั้งจากภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน หนี้ภาคครัวเรือนในระดับสูง การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ความเหลื่อมล้ำและความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่นโยบายการแจกเงินนั้นต้องใช้อย่างระมัดระวัง และต้องช่วยเพิ่มผลิตภาพของประเทศ ไม่ใช่การหว่านเงินอย่างเดียว ต้องมีกลไกรองรับและให้เงินเข้ากระเป๋าประชาชนด้วย พล.อ.ประยุทธ์ มีคำตอบหรือยังว่า มาตรการแจกเงิน ชิมช้อปใช้เฟส 1 และชิมช้อปใช้เฟส 2 กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงใด จะเดินหน้าต่อหรือพอแค่นี้ เป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ว่าจะมีเงินหมุนไปกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 หมื่นล้านบาท ยังห่างไกลความเป็นจริงอยู่มาก นอกจากไม่กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลต้องการ ยังส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น ซึ่งย้อนแย้งกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ ประชาชนออมเงินเพื่อความมั่นคงในระยะยาว เลิกได้แล้ว การโหนโพลที่ตัวเองได้ประโยชน์ แต่โพลที่เข้าเนื้อตัวเองเสียหาย เงียบกริบกันทั้งรัฐบาล

“พอจะถูกตัด GSP บอกว่าเศรษฐกิจไทยโตเร็วเกินไป แต่อีก 2 วัน กลับมาพูดใหม่ว่า เศรษฐกิจไทยโตช้า จึงตั้งคำถามว่า พลเอกประยุทธ์ รู้และเข้าใจภาวะที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทยในระดับใด เลยอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า พลเอกประยุทธ์ ฟังคำเตือน ไอเอ็มเอฟ รู้เรื่องหรือไม่ และจะปฏิรูปเศรษฐกิจไทยอย่างไร” นายอนุสรณ์ กล่าว

ปลัด มท. แจง คนมหาดไทยต้องทำงานอย่างไร “สั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน”

People Unity News : 9 กันยายน 2566 ปลัดมหาดไทยเผย คนมหาดไทยต้องทำงานเชิงรุกด้วยความรวดเร็ว พร้อมขับเคลื่อนงานทุกมิติ เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ทำให้ประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขโดยถ้วนหน้า “ทำงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน”

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงวิธีการทำงานของคนมหาดไทยตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวในโอกาสพบปะข้าราชการเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ความว่า “…ผมเป็นคนทำงานวันนี้ สั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน เพราะงั้นก็ขอให้ทุกคนได้มีความมั่นใจ..” เป็นเครื่องเตือนใจให้คนมหาดไทยต้องทำงานด้วยความรวดเร็ว และมีความพร้อมอยู่เสมอ ที่สำคัญต้องทำงานเชิงรุก เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ถ้า “เข้าใจ เข้าถึง” พี่น้องประชาชนแล้ว ปัญหาต่าง ๆ ตลอดจนความต้องการของพี่น้องประชาชนในทุกเรื่อง ก็จะสามารถพัฒนาและดำเนินการได้ทันที อะไรที่ยังแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องมีการสื่อสารสร้างความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชน ต่อสาธารณชน สอดคล้องกับหลักปฏิบัติที่คนมหาดไทยได้รับการบ่มเพาะถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาโดยตลอดว่า “รอบรู้ รวดเร็ว ริ่เริ่ม และเร่งรัด” ดังที่ท่านวิญญู อังคณารักษ์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เคยกล่าวไว้

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำว่า หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า “เมื่อวานนี้งานจะเสร็จได้อย่างไร ในเมื่อสั่งวันนี้” แต่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยทุกคนในฐานะข้าราชการประจำ ผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจสอบคัดเลือกเข้ามารับราชการ ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชนจนกว่าจะเกษียณอายุราชการ ต่างก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าข้าราชการกระทรวงมหาดไทยนั้นมีภาระหน้าที่อันหนักหน่วง นั่นคือ ทุกปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน คือ หน้าที่ของคนมหาดไทย งานของทุกกระทรวง ทบวง กรมที่ลงสู่พื้นที่ ก็คืองานของคนมหาดไทย ดังนั้น พวกเราในฐานะข้าราชการประจำ จะต้องมุ่งมั่นทุ่มเททำงานแบบรองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด มีใจ มี Passion ในการทำงานโดยไม่ยึดถือเรื่องเวลาเป็นข้อจำกัดของการทำงาน เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดี คือ การคิดริเริ่มสร้างสรรค์นำเสนอสิ่งที่ดีเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาได้เห็นชอบตามที่เราได้คิด ได้เสนอ

“นอกจากนี้ คนมหาดไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ผู้บริหารระดับสูง ต้องเป็น “ผู้นำต้องทำก่อน” ต้องรู้ลึก รู้กว้าง ถึงเรื่องที่จะขับเคลื่อน เพื่อนำไปสื่อสารกับนายอำเภอในฐานะผู้นำของพื้นที่และภาคีเครือข่าย ซึ่งมีนัยยะว่า “ผู้นำทำงานต่าง ๆ ลำพังคนเดียวไม่ได้” ต้องมีทีมงานจาก 7 ภาคีเครือข่าย ทั้งภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ภาคสื่อสารมวลชน ช่วยขับเคลื่อนงาน และที่สำคัญ “ต้องเร่งรัด ติดตามการขับเคลื่อนงาน” เพื่อให้มั่นใจว่าทุกภาคส่วนได้ช่วยกันทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแบบบูรณาการอย่างยั่งยืนได้อย่างถูกต้องตามหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร คือ ร่วมคิด ร่วมพูดคุย ร่วมทำ ร่วมแก้ปัญหา ร่วมรับประโยชน์ ทำให้ประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขโดยถ้วนหน้า ซึ่งหากทุกคนสามารถทำได้อย่างนี้แล้ว ก็จะมีคุณสมบัติตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวไว้นั่นเอง” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้าย

Advertisement

Verified by ExactMetrics