วันที่ 8 พฤษภาคม 2024

“จุรินทร์” นำ “พาณิชย์-เกษตร” เชื่อม Big Data สินค้าเกษตร

People Unity News : “จุรินทร์”นำพาณิชย์-เกษตร ร่วมมือเชื่อมฐานข้อมูลสินค้าเกษตร Big Data สำคัญ 5 รายการทั้ง ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ประชุมหารือร่วมกัน เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือบูรณาการในระดับส่วนกลาง เรื่องเชื่อมโยงฐานข้อมูลสินค้าเกษตร (Big Data) ในระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค และระดับประเทศเพื่อใช้ในการบริหารจัดการทั้งระบบเพื่อให้สินค้าเกษตรที่ผลิตได้มีความสมดุล ทั้งในด้านปริมาณความต้องการซื้อ และความต้องการขายซึ่งจะส่งผลให้สินค้าเกษตรมีเสถียรภาพด้านราคาทำให้เกษตรกรมีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) ให้จัดทำระบบกำกับและติดตามนโยบายด้านการบริหารจัดการสินค้าเกษตรสำคัญ 5 รายการ ได้แก่ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อนำมาศึกษาวิเคราะห์สำหรับประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายและยุทธศาสตร์ของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง และ สนค. ได้หารือร่วมกับผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ศูนย์เทคโนโลยีสาระสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวกับแนวทางการจัดทำ MOU ด้านการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โดยการดำเนินการเริ่มจากด้านการบริหารจัดการสินค้าเกษตรทั้งระบบเพื่อให้สินค้าเกษตรที่ผลิตได้มีความสมดุล ทั้งในด้านปริมาณความต้องการซื้อและความต้องการขาย ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าเกษตรมีเสถียรภาพด้านราคา และจัดเตรียมข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่พร้อมเชื่อมโยงสู่ระบบฐานข้อมูล เพื่อนำไปสู่การจัดทำระบบกำกับ และติดตามนโยบาย ซึ่งจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนไปสู่การกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการสินค้าเกษตรทั้งระบบต่อไป

สำหรับรายละเอียดของ MOU หรือข้อตกลง คือ ส่งเสริมสนับสนุนการเชื่อมโยงข้อมูลเชิงลึกเพื่อใช้ในการตัดสินใจกำหนดนโยบาย และยุทธศาสตร์ ด้านการบริหารจัดการสินค้าเกษตรทั้งระบบ รวมถึงการปลดล๊อคเงื่อนไข หรือกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ประโยชน์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจภาครัฐ ร่วมกันพัฒนาและดำเนินการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเก็บข้อมูล ที่สนับสนุนการใช้ปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงพัฒนาฐานข้อมูลกลางให้มีมาตรฐานร่วมกัน เพื่อสร้างการเชื่อมโยงข้อมูลที่มีความต่อเนื่องทันสมัย และเป็นอัตโนมัติ ร่วมกันออกแบบ กระบวนการบริหารจัดการข้อมูลที่เป็นความลับ โดยทั้งสองฝ่ายจะใช้ข้อมูลดังกล่าวสำหรับการประมวลผล และวิเคราะห์สำหรับประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบาย และยุทธศาสตร์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง โดยจะรักษาความลับ และไม่เปิดเผยไม่ว่ากรณีใด เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากหน่วยงานเจ้าของข้อมูล ต่อไปคือให้จัดตั้งทีมงานด้านเทคนิคและข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินการ ตามประเด็นความร่วมมือ ให้บรรลุผลโดยเร็วและมีประสิทธิภาพ

“การจัดทำบิ๊กดาต้าราวมกันนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับการแก้ไขปัญหาประชาชนได้ทันเวลาและตรงกับยุทธศาสตร์ง่ายต่อการตัดสินใจทางนโยบายและสำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นพื้นมีสินค้าเกษตรจำนวนมากต้องบูรณาการระหว่างกระทรวง” นายจุรินทร์ กล่าว

โฆษณา

“ศักดิ์สยาม”ลุยเองฟ้องรายการดัง ชวนปชช.สอบเฉพาะภูมิใจไทย

People Unity News : “ศักดิ์สยาม”ลุยเองฟ้องรายการดัง ชวนปชช.สอบเฉพาะภูมิใจไทย ลั่น ส.ส.ทุกคนต้องถูกปชช.ตรวจสอบ หากพบพฤติกรรมทำผิด แต่ต้องทำทุกพรรค

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่รายการหนึ่ง ประชาสัมพันธ์ขอให้ประชาชนและข้าราชการทั่วประเทศ ที่พบเห็นพฤติกรรมของผู้แทนพรรคภูมิใจไทย เข้าข่ายแทรกแซงหรือสั่งการโดยไม่ชอบ ให้ร้องเรียนมายังรายการโดยตรงนั้น ถือเป็นเรื่องที่ ส.ส.ทุกคนจะต้องถูกตรวจสอบโดยประชาชน แต่ควรจะทำทุกพรรคการเมือง ทั้งนี้ ยืนยันว่า การดำเนินการฟ้องร้องนั้นยังคงมีอยู่ และจะเริ่มในสัปดาห์หน้า โดยในกรณีที่พาดพิงพรรคภูมิใจไทย สมาชิกพรรค และ ส.ส.จะดำเนินการฟ้องร้อง ขณะที่ในส่วนของกระทรวงคมนาคม ตนจะเป็นผู้ฟ้องร้องด้วยตนเอง

“นิพนธ์”ชูกระบี่ต้นแบบรักษาความปลอดภัยทางทะเล

People Unity News : “นิพนธ์”ลงพื้นที่ท่องเที่ยวมอบนโยบายเตรียมความพร้อมการช่วยเหลืออุบัติภัยทางทะเล ทางถนนและช่วงไฮซีซันแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านอุบัติภัยทางทะเล เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.30 น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปมอบนโยบายให้กับหน่วยงาน และอาสาสมัครด้านการช่วยเหลืออุบัติภัยทางทะเล ทางถนน และช่วงไฮซีซัน ของจังหวัดกระบี่ ณ บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ โดยมี พันตำรวจโท หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หน่วยอาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเข้าร่วมรับมอบนโยบาย โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่กล่าวรายงานถึงการเตรียมความพร้อม ด้านการป้องกันและช่วยเหลือด้านอุบัติภัยทางทะเล

นายนิพนธ์ กล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และมอบนโยบายมนการที่จะให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิยัติงานมีความพร้อม นั่นคือการอบรมให้ความรู้ ดูแลและแก้ไข ทั้งในเรื่องของวินัย และภัยสาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับคนที่มาเที่ยวกระบี่ ไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างชาติ และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดอีกทางหนึ่ง ผู้ปฏิบัติงานทุกคนจึงต้องมีความพร้อมอยู่เสมอ ในการที่จะดูแล และคอยข่วยเหลือนักท่องเที่ยว

ต่อจากนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ชมการสาธิตการซ้อม ให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทางทะเล ในกรณีเกิดอุบัติภัยทางทะเล บริเวณหน้าหาดที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ ตำบลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่

“จุรินทร์”เร่งรัดการจ่ายประกันรายได้ชาวสวนยาง

People Unity News : “จุรินทร์”เร่งรัดการจ่ายประกันรายได้ชาวสวนยาง จี้ปรับวิธีทำที่การยางฯแล้วเดินหน้า

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้า โครงการ ประกันรายได้ชาวสวนยาง ว่า ได้มีการกำหนดชัดเจนแล้วว่าให้มีการโอนเงินส่วนต่างตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 แต่ว่าก่อนที่จะโอนเงินส่วนต่างนั้น ต้องมีการไปตรวจสวนก่อน เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่ายังปลูกยางที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไปจริง และมีจำนวนกี่ไร่แล้ว ได้กรีดยางชนิดไหน เพราะเราประกันยาง 3 ชนิดคือ ยางแผ่น น้ำยาง และยางก้อนถ้วย ซึ่งแต่ละตัวมีราคาแตกต่างกัน ส่วนต่างแตกต่างกัน

จึงเป็นที่มาที่ ผู้มีหน้าที่ตรวจสวน คือ การยางแห่งประเทศไทย และคณะประกอบด้วยคณะกรรมการในแต่ละจังหวัดต้องจัดการ ปรากฏว่าการตรวจสวนยังค่อนข้างล่าช้าเพราะกำลังไม่พอ และกระบวนการในการนัดหมายกรรมการไปตรวจค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร จึงเป็นที่มาได้มีการหารือกันว่าถัดจากนี้ไปจะทำให้กระบวนการตรวจสวนกระชับเข้า เหมือนหลายครั้งที่เราเคยปฏิบัติมาทั้งในเรื่องการให้เจ้าของสวนแจ้งว่าตนได้มีที่กี่ไร่และยางอายุ 7 ปีจำนวนเท่าไหร่ มีทำยางชนิดไหนและให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ให้การรับรองและสามารถนำไปส่งทะเบียนให้ ธ.ก.ส.โอนเงินส่วนต่างได้

การยางฯก็จะไปเร่งดำเนินการในแนวปฏิบัติใหม่นี้ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วเพราะตอนนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 15 ได้กำหนดไว้เดิมว่าต้องจบซึ่งก็เลยมาวันที่ 25-26 พย.แล้ว ตนก็เร่งรัดไป โดยรัฐมนตรีเกษตรฯก็จะปรับวิธีการ

“ขอเรียนให้ทราบว่าทำอย่างไรทุกท่านที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องยังได้รับเงินส่วนต่างทุกท่านทุกสวนที่เข้าหลักเกณฑ์ทั้งหมดสำหรับงวดต่อไปอีก 2 เดือนจะจ่ายเงินส่วนต่างปีละ 3 งวด คือสองเดือนครั้งงวดต่อไปวันที่ 1 มกราคม 2563 อันนี้จะง่ายแล้วเพราะว่าการขึ้นทะเบียนการจดแจ้งทั้งหมดจะครบถ้วนจบสิ้น สามารถโอนได้ไม่ต้องตรวจสวนซ้ำอีกจะขลุกขลักหน่อยสำหรับงวดแรกขอนำเรียนให้ทราบ” นายจุรินทร์กล่าว

สำหรับข้าว รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นอกจากการจ่ายเงินส่วนต่างแล้วยังมีมาตรการเสริมออกมาทั้งในเรื่องของการให้เงินจ่ายขาด ชะลอการขายข้าวเพราะข้าวออกมากมีผลทำให้ราคาตกลงไปโรงสีก็ไม่ได้รับซื้อตามปริมาณข้าวที่ออกไปทำให้ราคาตกลงมาตรงนี้จึงมีมาตรการเสริมสำหรับการให้ชะลอการขายข้าว ถ้าสถาบันเกษตรกรให้ 1,500 บาทโดยให้สถาบัน 1,000 เกษตรกร 500 รวมทั้งมีมาตรการช่วยเหลือเรื่องของค่าต้นทุนและเรื่องมาตรการค่าเก็บเกี่ยวด้วยโดยทั้งหมดนี้จะนำเข้าสู่ที่ประชุม นบข. วันที่ 6 ธค.2562 และจะไปเข้าครม.ในส่วนของชาวนาผมคิดว่านอกจากโครงการประกันรายได้และยังมีมาตรการเสริมอีก 3-4 ตัว อย่างที่เรียนให้ทราบ และจะเร่งทำให้เร็ว

“ประยุทธ์” ตั้งเป้าปี 64-65 จะเร่งดำเนินการ 13 เป้าหมายตามแผนของสภาพัฒน์

People Unity News : รัฐบาลเดินหน้า 13 ด้านตามแผนสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สร้างเศรษฐกิจมูลค่าสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แก้ไขปัญหาความยากจน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และมุ่งใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาครัฐ

วานนี้ (30 มีนาคม 2564) เวลา 14.15 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้หารือหลักการสำคัญ ในการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่รัฐบาลได้เดินหน้าขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายสำคัญคือ การหารายได้เพิ่ม โดยให้ประชาชนได้เข้าถึงประโยชน์ให้เกิดเศรษฐกิจต่อเนื่องทั้งภาคการเกษตร การค้าการลงทุน รวมทั้งยังได้พิจารณาถึงความเสี่ยงของสถานการณ์ทางการเงินในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามการค้าด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกด้วยว่า ได้ถือโอกาสแนะนำรัฐมนตรีใหม่ 2 ท่าน คือ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย

นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายปี 2564 และ 2565 จะเร่งดำเนินการ 13 เป้าหมาย ตามแผนของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แบ่งเป็น 4 ด้านประกอบไปด้วย ด้านที่ 1 เศรษฐกิจ อาทิ เศรษฐกิจมูลค่าสูงที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบริการดิจิทัล ประตูการค้า การลงทุนและโลจิสติกส์ การแพทย์และสุขภาพครบวงจร ฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์พวงมาลัยขวา การท่องเที่ยวเชิงคุณค่า เกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง ด้านที่ 2 วิถีชีวิตที่ยั่งยืน อาทิ การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน ลด PM 2.5 ลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การผลิตที่ทำลายสิ่งแวดล้อมจะต้องปรับเปลี่ยนให้วิถีชีวิตมีความปลอดภัยและยั่งยืน ด้านที่ 3 ขยายโอกาสสำหรับทุกกลุ่มคนและทุกพื้นที่ อาทิ SMEs วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจสังคม ให้มีความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน พัฒนาพื้นที่และเมืองให้มีความทันสมัย น่าอยู่ ความยากจนข้ามรุ่นลดลง และมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอและเหมาะสม และด้านที่ 4 ปัจจัยสนับสนุนการพลิกโฉมประเทศ การสร้างทรัพยากรมนุษย์ เพิ่มกำลังคนที่มีสมรรถนะสูง เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศจากภาคการศึกษา ผลิตคนให้ตรงกับความต้องการของประเทศ เพิ่มความเข้มแข็งให้ภาครัฐด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้การบริการที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีย้ำถึงการเร่งแก้ปัญหากำลังคนที่มีทักษะต่ำและภาครัฐที่ล้าสมัย ไปสู่กำลังคนและภาครัฐที่มีสมรรถนะสูง ควบคู่ไปกับการปฏิรูปเศรษฐกิจ ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปสังคม และปฏิรูปกฎหมาย เพื่อเดินหน้าประเทศต่อไปได้ด้วยดี

Advertising

“ธนกร”ยันพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่นไร้ปัญหากับภท.

People Unity News : “ธนกร”ยันพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่นไร้ปัญหากับภท. ลั่นไม่มีเวลาให้ขัดแย้งโวพร้อมรับมือฝ่ายค้านซักฟอก “อนุทิน”สยบลือ!!ไม่มีเวลาขัดแย้งรัฐบาลบินอุบลฯรับบริจาคหัวใจ รัฐบาลเดินหน้าตามแผนปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลทำงานด้วยความราบรื่นเพื่อพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับพรรคภูมิใจไทยนั้น ผู้ใหญ่ของพรรคคุยกันอยู่ตลอด ที่สำคัญคือ รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่ต้องการขัดแย้งกับใคร เอาเวลาทั้งหมดไปทำงานให้กับพี่น้องประชาชนดีกว่า เพราะประเทศยังมีหลายสิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้จึงเป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศไว้

นายธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคร่วมฝ่ายค้านนั้น รัฐบาลพร้อมที่จะชี้แจงในทุกประเด็น ซึ่งทราบข้อมูลมาบ้างว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายในประเด็นรัฐบาลบริหารงานล้มเหลวเป็นหลัก เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีปัญหาในเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นเหมือนรัฐบาลในอดีต ดังนั้น ตนมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถชี้แจงได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่เพื่อพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ หากพรรคฝ่ายค้านไม่มีอคติมากจนเกินไปจะเข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ทุ่มเททำงานให้ประชาชนด้วยหัวใจจริงๆ ยิ่งตอนที่เห็นเด็กนักเรียนวิ่งไปกอดพล.อ.ประยุทธ์แล้วส่งเสียงบอกรักลุงตู่นั้น เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์จะมีกำลังใจทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“อนุทิน”สยบลือ!!ไม่มีเวลาขัดแย้งรัฐบาลบินอุบลฯรับบริจาคหัวใจ

ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ (23 พ.ย.62) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รอง รมน.และ รมว.สธ. นำคณะแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ บินไปรับ อวัยวะหัวใจ จากผู้บริจาคที่เสียชีวิต ที่จังหวัดอุบลราชธานี

รัฐบาลเดินหน้าตามแผนปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย

ขณะที่นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความก้าวหน้าในการปฏิรูปประเทศด้านกฏหมาย ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 77 ได้บัญญัติแนวทางในการจัดทำและตรากฏหมายขึ้นใหม่โดยให้มีเท่าที่จำเป็น และต้องมีการประเมินผลสัมฤทธิ์เพื่อยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึงต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายอย่างรอบด้าน และประชาชนต้องได้รับทราบและเข้าใจถึงเหตุผลในการตรากฎหมาย

เพื่อรองรับการดำเนินการตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.2562 ได้ถูกตราขึ้นและจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 พ.ย. นี้  อีกทั้ง ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่ออังคารที่ผ่านมา รัฐบาลได้อนุมัติร่างกฎกระทรวง ร่างคำแนะนำ และร่างหลักเกณฑ์ รวม 11 ฉบับ ตามที่คณะกรรมการพัฒนากฎหมายเสนอ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐเข้าใจโดยละเอียดและสามารถปฏิบัติตามพ.ร.บ.หลักเกณฑ์ฯได้อย่างถูกต้อง ประเด็นหลักๆที่หน่วยงานรัฐต้องปฏิบัติในการจัดทำร่างกฏหมาย อาทิ 1) วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย 2) ประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย โดยกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินและระยะเวลาที่ต้องทำให้เสร็จ 3) ยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็น ล้าสมัย หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือประกอบอาชีพของประชาชน 4) กฎหมายใดที่มีผลบังคับใช้ก่อนวันที่ 27 พ.ย. 2562 ให้ทำการประเมินผลสัมฤทธิ์ครั้งแรกไม่ช้ากว่าห้าปีนับจากวันที่ 1 ม.ค. 2563 และประเมินครั้งต่อไปทุกๆห้าปี ซึ่งต้องทำให้แล้วเสร็จภายในหนี่งปีหลังเริ่มดำเนินการ 5) รับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องโดยรับฟังจากทั้งผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านอย่างเท่าเทียมกัน และต้องเปิดกว้างหลายช่องทาง ทั้งเว็บไซด์ การสัมภาษณ์ การเชิญมาให้ข้อมูล และอื่นๆ 6) เผยแพร่กฎหมาย/กฎกระทรวง/ข้อบังคับ/ประกาศ/คำสั่งการในเว็บไซด์กลางที่รับผิดชอบโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์กรมหาชน) (สพร.) 7) จัดทำคำอธิบายโดยสรุปสาระสำคัญของกฎหมายด้วยภาษาที่ประชาชนสามารถเข้าใจได้ 7) กฎหมายต้องได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ขาวต่างชาติเข้าใจกฎหมายไทย

นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า การขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านกฎหมายนี้ รัฐบาลได้ยึดแนวทางที่สากลปฏิบัติ และมีความเหมาะสมสอดคล้องกับความพร้อมของหน่วยงานของรัฐและและบริบทประเทศไทย ซึ่งการดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนากฎหมายและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์และมาตรฐานของการดำเนินการในเรื่องนี้ของต่างประเทศ รวมทั้งได้รับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมากำหนดแนวทางปฏิบัติ และจัดให้มีการอบรมเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าวแล้ว

อาเซียน-เกาหลีหนุนภาคเอกชนสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

People Unity News : “บิ๊กตู่”ร่วมประชุม ASEAN-ROK CEO Summit ที่เกาหลี พร้อมหารือทวิภาคี ปธน.เกาหลีใต้ทำ MOU เทคโนโลยี แรงงาน หนุนลงทุนใน EEC เผย “อาเซียน-เกาหลี” พร้อมสนับสนุนภาคเอกชน เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นนครปูซาน ที่อาคารนิทรรศการ 2 ศูนย์การประชุมและนิทรรศการนครปูซาน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมพิธีเปิดและกล่าวถ้อยแถลงแสดงความยินดีในการประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-ROK CEO Summit) สรุปสาระสำคัญดังนี้

การประชุม ASEAN-ROK CEO Summit เป็นเวทีสำคัญให้ผู้นำ และภาคเอกชนอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีหารือเกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจโลกที่สำคัญ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจในภูมิภาค โดยมีผู้นำอาเซียน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ผู้แทนภาคธุรกิจสำคัญ อาทิ ประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และเมียนมา ฯลฯ โดยมีนายไพรัช บูรพชัยศรี รองประธานหอการค้า เข้าร่วมในฐานะผู้แทนไทย

ไทยในฐานะประธานอาเซียน ให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ การส่งเสริมความยั่งยืนในทุกมิติ โดยสาธารณรัฐเกาหลีถือเป็นหนึ่งในคู่เจรจาสำคัญของอาเซียน การอำนวยความสะดวกทางการค้าเป็นสิ่งที่อาเซียนไม่เคยมองข้ามและให้ความสำคัญ ซึ่งในอนาคตสามารถขยายความเชื่อมโยงไปยังประเทศคู่เจรจาได้ โดยอาเซียนพร้อมสนับสนุนการสร้างความเชื่อมโยงทางการค้าดิจิทัล รวมทั้งผลักดันให้เกิดความเชื่อมโยงภายในภูมิภาคผ่านการลดอุปสรรคทางการค้า นอกจากนี้ ไทยยังให้ความสำคัญกับการบรรลุความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ให้กับภาคธุรกิจ เกิดการพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืน

อาเซียนตระหนักดีถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ที่ถือเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยอาเซียนเห็นพ้องให้มีการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดตามที่ระบุในแผนปฏิบัติการ ภาคเอกชนอาเซียนได้วางเป้าหมายการพัฒนา ดังนี้

หนึ่ง การพัฒนาแรงงานทักษะฝีมือ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและเทคโนโลยี

สอง การเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางดิจิทัล ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล และการสร้างความเชื่อมโยงทางดิจิทัลในอาเซียน

สาม ความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรม

สี่ การส่งเสริมกลไกความร่วมมือทางการค้า โดยเฉพาะความร่วมมือภาคเอกชน

ภาครัฐสนับสนุนให้ภาคเอกชนใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้กรอบ FTA อาเซียน-เกาหลี โดยเฉพาะความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ที่สาธารณรัฐเกาหลีมีความโดดเด่น อาทิ ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่อาเซียนสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมถึงการอำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย

หารือทวิภาคี ปธน.เกาหลีใต้ทำ MOU เทคโนโลยี แรงงาน หนุนลงทุนใน EEC

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @DrNarumonP ว่า หลังเสร็จสิ้นการหารือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย และนายมุน แช อิน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ 3 ฉบับ ได้แก่

1.บันทึกความเข้าใจระหว่าง กระทรวงการอุดมศึกษาฯ ไทยกับ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เกาหลีใต้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านการวิจัยพัฒนาการดำเนินโครงการร่วมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ไทยในการได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ของเกาหลีใต้

2.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อเป็นโอกาสในการสนับสนุนการพัฒนาภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ ส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจพื้นที่ EEC และส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ กำหนดให้มีการประชุมระหว่างผู้ปฏิบัติของทั้งสองหน่วยงานอย่างสม่ำเสมอ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้แรงงานไทยเดินทางไปทำงานในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย

“จุรินทร์”กระทบไหล่”สี จิ้น ผิง”ร่วมงาน Expo จีน โชว์สินค้านเอสเอ็มอีขึ้นห้างออนไลน์ใหญ่

People Unity News : “จุรินทร์”กระทบไหล่”สี จิ้น ผิง”ร่วมงาน Expo จีน นำผู้ประกอบการจัดแสดงสินค้า พร้อมนำสินค้าเอสเอ็มอีขึ้นห้างออนไลน์ใหญ่ คาดการณ์ยอดสั่งซื้อรวมกัน 4,200 ล้าน

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2562 เวลา 9.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และ คณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ เยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2562 เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดงาน CIIE 2019 หรือ China International Import Expo 2019 ตามคำเชิญของทางการประเทศจีน โดยกำหนดการนายจุรินทร์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนประเทศไทยในนามคณะผู้แทนนานาชาติร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด CIIE 2019 โดยมีประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง เป็นประธานในพิธี

นายจุรินทร์ เปิดเผยว่า งานนี้เพื่อส่งเสริมการนําเข้าสินค้าตาม นโยบายเปิดกว้างทางเศรษฐกิจของจีน ผลการจัดงานปีแรกงานนี้ของประเทศจีนนั้นมีการจัดแสดงสินค้า 3,617 ราย บนพื้นที่จัดงาน 2.7 แสนตารางเมตร ผู้เข้าชมงานกว่า 8 แสนคน ยอดขาย 5,783 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ1.73 แสนล้านบาท ในส่วนของผลการเข้าร่วมงานนี้ในปีที่ผ่านมาของไทยเรามีการออกบูธ Exhibitor 63 ราย ยอดการซื้อขาย 64 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1,921 ล้านบาท และปีนี้ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประสานงานร่วมจัดแสดงสินค้าเช่นกัน

กำหนดการจากนั้นจะเข้าเยี่ยมชมซูเปอร์มาเก็ตเหอหม่า Hema Fresh ที่เป็นซูเปอร์มาเก็ตซึ่งได้รับเงินลงทุนจากอาลีบาบาเพื่อทดลองการเข้าสู่ตลาดค้าปลีก จุดเด่นของเหอหม่าคือ การให้บริการทั้งรูปแบบ Offline และ Online เน้นจําหน่ายสินค้าอาหารสด ซึ่งสินค้าสดคิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของสินค้าทั้งหมด การจัดส่งสินค้าภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ระบบบริหารจัดการทั้งหมดเป็นระบบดิจิทัล สินค้ากว่า 20,000 ชนิด จากกว่า 2,000 แบรนด์ มีระบบ Traceability สืบค้นหาสินค้าได้ละเอียด

ประเด็นการเข้าเยี่ยมชมก็เพื่อการผลักดันให้สินค้าไทยเข้าไปวางจําหน่ายในห้างฯให้มากขึ้นโดยเชิญฝ่ายจัดซื้อมาร่วมงานแสดงสินค้าในไทยของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (THAIFEX STYLE) หรืองานจับคู่เจรจาการค้า จัดกิจกรรมส่งเสริมการจําหน่ายสินค้าไทยทั้ง Offline และ Online ศึกษาแนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นตัวขับเคลื่อน ในการจัดวางกลยุทธ์ธุรกิจค้าปลีก อาทิ การเลือกสถานที่ในการจัดตั้ง ร้านค้าปลีก ออฟไลน์ของ Hema กับจํานวนผู้ซื้อสินค้าออนไลน์การ จัดการคลังสินค้าเพื่อลดต้นทุนและรักษาความสดใหม่ของคุณภาพ สินค้า เป็นต้น ซึ่งจะเป็นโอกาสอย่างมากของสินค้าไทย

รายงานข่าวกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า สำหรับวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2562 รองนายกฯ และคณะ เข้าร่วมหารือกับผู้บริหารระดับสูง Alibaba โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และอาลีบาบา Letter of Intend เพื่อพัฒนา SMEs ไทยให้เข้าสู่แพลตฟอร์ม การค้าออนไลน์ระดับนานาชาติ MOU ข้อตกลง เพื่อพัฒนาเอสเอ็มอีไทย และบุคลากรด้านดิจิทัล การตั้ง TOPTHAI Flagship Store บน Tmall Global จําหน่ายสินค้าแฟชั่น Personal Care อาหาร ซึ่งทราบว่าเป้าหมายผู้ประกอบการ ไทยที่เข้าร่วม 100 บริษัท คาดการณ์มูลค่าสั่งซื้อ 1,200 ล้านบาท ใน 3 ปี

ส่วนประเด็นหารือ คือ ร่วมมือการส่งเสริมการตลาดและส่งออกสินค้าเกษตร ได้แก่ ยางพารา มันสําปะหลัง ปาล์มน้ํามัน ข้าว ผลไม้ และสินค้าศักยภาพ อื่นๆ ของไทย ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ การจัดกิจกรรมมหกรรมออนไลน์วันประเทศไทย(Thailand Day) เพื่อส่งเสริมภาพ ลักษณ์ กิจกรรมทางการตลาด และการท่องเที่ยวของ ประเทศไปสู่ผู้บริโภคชาวจีน ถ่ายทอดเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่และความรู้ที่สามารถช่วย อํานวยความสะดวกในการทําธุรกิจและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร

จากนั้น รองนายกฯ และคณะจะเข้าเยี่ยมชมงาน CIIE 2019 โดยประเทศไทยเข้าร่วม 2 ส่วน คือ Thailand Pavilion ที่เป็น 1 ใน 15 ประเทศ Country of Honor พื้นที่ 256 ตารางเมตร จัดแสดงศักยภาพด้านการค้าการลงทุนการท่องเที่ยวนวัตกรรม และ Enterprise & Business Exhibition มี ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 46 รายโดยมีหน่วยงาน GIT การท่องเที่ยว และ การยาง ฯ เข้าร่วมด้วยโดยการคาดการณ์ยอดการซื้อขายของผู้ประกอบการ ไทยในงาน CIIE 2019 เท่ากับ 2,000 ล้านบาท ดังนั้นสรุปยอดรวมรวมประมาณการสั่งซื้อสินค้าในการเดินทางครั้งนี้ ร่วม 4,200 ล้านบาท

“บิ๊กตู่”หวั่นส่งผลเจรจา! ขอสื่ออย่าขยายความถล่มยะลาดับ 15 ราย

People Unity News : “บิ๊กตู่”กำชับเจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวังจุดเสี่ยงชายแดนใต้ย้ำห่วงครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ขอสื่ออย่าขยายความหวั่นส่งผลเจรจา

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จ.ยะลา ว่า ได้รับข้อมูลเบื้องต้นและการรายงานมาตั้งแต่เมื่อคืนที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมาและวันเดียวกันนี้ได้กำชับในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยขอให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนระมัดระวังให้มากที่สุด เพราะบางจุดตรวจอยู่ห่างจากพื้นที่เมืองพอสมควร จึงอาจเป็นจุดอ่อนหรือจุดที่มีความเสี่ยง จึงขอให้เพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ตนเป็นห่วงครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งหมดรวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จึงได้สั่งการให้ทางศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ดูแลเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ย้ำว่าเรามีมาตรการอยู่แล้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่มีจุดอ่อนในการอยู่ร่วมกันหรือการตั้งฐานปฏิบัติการทุกคนก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในเรื่องการแสวงหาความร่วมมือในการแก้ปัญหาไฟใต้นั้น กก็ได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียไปเรียบร้อยแล้วในหลายเรื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียก็ยินดีที่จะร่วมมือกันในหลายๆด้าน ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก นอกจากนี้ที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเปลี่ยนเป้าโจมตีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารมาเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) และตำบลแทนนั้น มองว่าอะไรที่เป็นจุดอ่อนหรือจุดที่มีความเสียงสูง คิดว่าจุดเหล่านั้นก็มีความไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการเพิ่มมาตรการในการป้องกันตนเองได้อย่างไร โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งวันนี้ก็ได้มีการประชุมในส่วนของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)ซึ่งจะมีการประชุมในรายละเอียดว่าจะปรับมาตรการอะไรและอย่างไร รวมถึงการวางกำลังเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสม

“ต้องยอมรับว่าในบางจุด บางพื้นที่ เจ้าหน้าที่มีความเสี่ยงค่อนข้างมากเนื่องจากต้องดูแลประชาชนในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ห่างไกล จุดไหนเป็นจุดอ่อนก็พยายามจะใช้การกดดันในตรงนี้มาเพื่อให้เป็นผลต่อการเจรจาด้วย ซึ่งผมไม่ต้องการให้สื่อไปขยายความในเรื่องเหล่านี้เพราะจะเป็นผลเสียต่อการทำงานของเรา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาไฟใต้จะเริ่มโดยเร็วได้เมื่อไหร่ อีกทั้งเราได้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะในการเจรจาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว อีกทั้งหลังมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะผู้เจรจาก็ได้มีการพูดคุยโดยเดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ประเทศมาเลเซียแล้ว สำหรับรูปแบบในการเจรจาก็ต้องมีการปรับภายในของเรา โดยมีการพูดคุยกันโดยตรงกับผู้ที่มีบทบาทในเรื่องของการใช้ความรุนแรง ซึ่งคาดว่าจะมีการพูดคุยกันในต่างประเทศ

พาดพิง 2 อดีตนายกฯ! พ่อ “ปารีณา” โอดลูกโดนเล่นแรงเรื่องที่ดิน

People Unity News : “ทวี”พ่อ”ปารีณา” ขอความเป็นธรรม ยันลูกสาวไม่บุกรุกป่าแต่ซื้อต่อจากเกษตรกร โอดลูกโดนเล่นแรงเหตุพูดถึง 2 อดีตนายกฯ

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา นายทวี ไกรคุปต์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และบิดาของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีน.ส.ปารีณาถูกร้องเรียนบุกรุกที่ดินป่าสงวน 1,700 ไร่ว่า ความจริงลูกสาวอยากให้อยู่เฉยๆ แต่เห็นว่าข่าวดังกล่าวสร้างความเสียหายให้ลูกสาวและวงศ์ตระกูล ในฐานะที่ตนเป็นพ่อและรู้เรื่องนี้ดี จึงขอความเป็นธรรม ขอเรียนว่าน.ส.ปรีณาไม่ได้บุกรุกป่าสงวนตามที่ปรากฏเป็นข่าว เขาถือครองที่ดินแปลงดังกล่าวและทำประโยชน์เป็นเวลานานมาก

“สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้เพราะเอ๋เล่นแรง พูดถึงสองนายกฯหนีคดี ติดคุก เสวยสุขต่างประเทศ ลูกน้องติดคุกหัวโต เขากล้าพูด จึงสะท้อนว่าที่โดนร้องเรียนเป็นเกมการเมือง ทำให้เอ๋เสียหาย เป็นการดิสเครดิตกัน จึงขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาวด้วย และ คนที่ร้องก็รู้กันอยู่ว่าเป็นแกนนำของพรรคการเมืองใด เขาไม่ได้บุกรุก เขาเป็นเกษตรกร และไม่ใช่เกษตรกรเถื่อน” นายทวี กล่าวและว่า

เขาได้มาจากการซื้อต่อเกษตรกรที่ทำประโยชน์อยู่แล้ว เป็นที่ดินปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลัง ปลูกสับปะรด จึงไม่ใช่ผู้บุกรุกใดๆทั้งสิ้น แต่ซื้อตามประมวลกฏหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 แต่มีการอ้างพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2482 ซึ่งเขาไม่ได้นำกฏหมายที่ดินดังกล่าวมาประกอบ จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นในขณะนี้ และที่บอกว่าน.ส.ปารีณาไม่ใช่เกษตรกร และไม่มีคุณสมบัติเป็นเกษตรกรถือว่าทำให้เสียหาย เพราะความจริงเขามีฟาร์มไก่ ฟาร์มวัวมานานแล้ว ถือว่าเป็นปศุสัตว์ ก็คือเกษตรกร จึงไม่เป็นธรรมที่กล่าวหากันแบบนี้

นายทวี กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าที่ดินครอบครองมานาน ได้มาโดยสุจริต ไม่ได้บุกรุก แต่ตอนออกประกาศเป็นที่ดินสปก.เมื่อปี 2537 พื้นที่ตรงนี้ไม่ใช่เขตสปก.เพราะเขาเห็นว่ามีการครอบครองและทำประโยชน์อยู่แล้ว จึงไม่ประกาศให้เป็นสปก. ต่อมาปี 2554 ซึ่งกรมป่าไม้ยกที่ดินบริเวณดังกล่าวให้เป็นสปก. และทางสปก.ก็ประกาศเป็นเขตปฏิรูปในปีเดียวกัน แต่เราได้ทักท้วงไปแล้ว เพราะในพื้นที่ดังกล่าวได้ทำประโยชน์ทางปศุสัตว์ก่อนปี 2554 อยู่แล้ว จึงถือว่าเราครอบครองตามสิทธิ์ เราไม่ได้หัวหมอ เพราะทำปศุสัตว์ตั้งนานแล้ววไม่ใช่สร้างรีสอร์ทเหมือนวังน้ำเขียวที่เป็นการขัดวัตถุประสงค์ในการถือครองที่ดิน หากเห็นว่าน.ส.ปารีณาทำผิด ทำไมไม่แจ้งจับตั้งแต่ตอนนั้น แต่กลับเพิ่งมาเป็นประเด็นตอนนี้ ถือเป็นเกมการเมืองเล่นงานน.ส.ปารีณา นี่คือฤทธิ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อีกทั้งที่ร้องเรียนเรื่องนี้รู้กันอยู่ว่าเป็นแกนนำพรรคการเมืองใด ไม่ใช่ชาวบ้านเป็นผู้ร้อง เพราะเขารู้มานานแล้วว่า น.ส.ปารีณาเป็นเกษตรกร

Verified by ExactMetrics