วันที่ 15 พฤษภาคม 2024

ไทย–กัมพูชา บรรลุข้อตกลงจ้างแรงงาน ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

People Unity News : 5 พฤษภาคม 2566 โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดี ไทย – กัมพูชา บรรลุข้อตกลงการจ้างแรงงาน ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ พร้อมแก้ไขปัญหาแรงงานและการค้ามนุษย์

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบความคืบหน้าประเด็นการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ณ โรงแรมอังกอร์พาราไดซ์ จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ 19 – 21 เมษายน 2566 เชื่อมั่นจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ แก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน รวมถึงการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานอีกด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้เข้าร่วมการประชุมระดับวิชาการกัมพูชา – ไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยเรื่องการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีผลประชุมที่สำคัญ ดังนี้

การออกเอกสารประจำตัวให้แก่แรงงานกัมพูชาในประเทศไทย แรงงานกัมพูชาสามารถเดินทางไปทำเอกสารเดินทาง (TD) ณ ศูนย์ One Stop Services ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญ พระตะบอง และบันเตียเมียนเจย

กรณีแรงงานกัมพูชาไม่มีเอกสารเดินทาง สามารถขอเอกสารข้ามแดนได้ที่สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำราชอาณาจักรไทยเพื่อเดินทางไปกัมพูชาและขอบัตรแรงงานกัมพูชาในต่างแดน (Overseas Cambodia Worker Card : OCWC) และเอกสารเดินทาง (TD) ณ ศูนย์ One Stop Services โดยฝ่ายไทยจะแจ้งข้อมูลของแรงงานกัมพูชาที่จำเป็นต้องจัดทำเอกสาร เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการตรวจสอบและยืนยันข้อมูล เพื่อพิจารณาออกเอกสารเดินทาง (TD) ฉบับใหม่

การปรับปรุงแก้ไขบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement) ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันเรื่องการตรวจสุขภาพในประเทศต้นทาง ต้องกำหนดโดยหน่วยงานที่มีอำนาจของประเทศผู้รับ โดยแรงงานจะต้องตรวจสุขภาพจากประเทศต้นทางก่อนเดินทางเข้ามาในประเทศไทย

“นายกรัฐมนตรีรับทราบ และขอบคุณการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง จนสามารถลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยเรื่องการจ้างแรงงานจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อการจ้างแรงงานที่มีประสิทธิภาพได้สำเร็จ เชื่อมั่นว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนแก่แรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยให้เข้าสู่ระบบการจ้างงานที่ถูกต้อง ได้รับการดูแลคุ้มครองตามมาตรฐานสากล จะเป็นการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของนายจ้าง และผู้ประกอบการ รวมไปถึงแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน รวมถึงจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

 

“สุทิน” ประชุม คกก.ชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 22 มีนาคม 2567 กัมพูชา  – “สุทิน” ประชุม คกก.ชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 16 ยกปัญหาหมอกควันข้ามแดน คอลเซ็นเตอร์ หารือ พร้อมสานต่อเก็บกู้ระเบิดแนวชายแดน

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พลเอก เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เป็นประธานร่วม ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 16 ณ โรงแรมการ์เด้น ซิตี้ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือชายแดนระหว่างราชอาณาจักรไทย และราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านความสงบเรียบร้อยและมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยและกัมพูชาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศในทุกระดับ อันจะนำมาซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงตลอดแนวชายแดน

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบถึงความก้าวหน้าความร่วมมือในพื้นที่ชายแดน โดยทั้งสองฝ่ายได้พิจารณาทบทวนผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามโครงการความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป กัมพูชา – ไทย ครั้งที่ 15 ที่จัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 เช่น ความร่วมมือในการผ่านแดนและการสัญจรข้ามแดน ความร่วมมือด้านแรงงาน ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ายาเสพติด การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยกับหน่วยทหารและตำรวจของกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน ความร่วมมือด้าการเกษตร ความร่วมมือด้านสาธารณสุข และความร่วมมือด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งที่ประชุมสรุปว่าที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายได้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวทางและมาตรการที่กำหนดไว้ในบันทึกการประชุม ครั้งที่ 15 ทุกประการ รวมทั้งความจริงจังในความร่วมมือจะเห็นได้จากการนำผู้บริหารระดับสูงทั้งในภาคทหาร ตำรวจ และพลเรือน มาร่วมประชุมครั้งนี้ ซึ่งสื่อถึงความแนบแน่นที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างยั่งยืนตลอดไป

ที่ประชุมได้เพิ่มเติมความร่วมมือด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน การแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน การลักลอบค้าอาวุธ และปัญหาคอลเซ็นเตอร์ อีกด้วย ทั้งสองฝ่ายจะดำรงความสัมพันธ์และมุ่งมั่นเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงชายแดนในทุกๆ ด้าน อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พื้นที่ชายแดนของสองประเทศมีความสงบสุข มั่นคง และได้รับการพัฒนาร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 17 โดยจะแจ้งกำหนดวัน เวลา และสถานที่ให้ทราบต่อไป

Advertisement

“ปานปรีย์” เผย นายกฯ เยือนกัมพูชา 28 ก.ย.นี้ ก่อนเยือนซาอุฯ

People Unity News : 26 กันยายน 2566 ทำเนียบ – “ปานปรีย์” เผย นายกฯ เยือนกัมพูชา 28 ก.ย.นี้ ชี้เป็นอาเซียนประเทศแรก ก่อนเยือนซาอุฯ สานต่อความสัมพันธ์

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมเดินทางเยือนประเทศกัมพูชา เป็นประเทศแรกในอาเซียน ในวันที่ 28 กันยายนนี้ หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย เนื่องจากเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดกับประเทศไทย และจะพยายามเดินทางไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนให้ได้มากที่สุด ตามธรรมเนียมปฏิบัติ เพื่อแนะนำตัวและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

สำหรับการเดินทางเยือนประเทศซาอุดิอาระเบียของนายกรัฐมนตรีนั้น  นายปานปรีย์ กล่าวว่า ด้วยความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน แม้จะหยุดชะงักชั่วระยะหนึ่ง แต่ขณะนี้กลับมาดำรงความสัมพันธ์แล้ว  ซึ่งระหว่างเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ที่สหรัฐอเมริกา ได้มีโอกาสหารือทวิภาคี กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดิอาระเบีย  ได้รับการตอบรับอย่างดี แต่การเยือนของนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจน  แต่นักลงทุนของซาอุดิอาระเบีย สนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างมาก ซึ่งไทยต้องเตรียมการอย่างดี

ส่วนเรื่องการลงสมัครสมาชิก Human Rights Council (HRC) ของไทย นายปานปรีย์ กล่าวว่า เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นหนึ่งในเสาหลักของสหประชาชาติ โดยไทยเคยดำรงตำแหน่งประธาน HRC มาแล้ว เมื่อปี ค.ศ. 2012 ส่วนในวาระปี ค.ศ.2025-2027 ไทยยืนยันความประสงค์ ที่จะกลับเข้าเป็นสมาชิกอีกรอบ

Advertisement

สหรัฐชื่นชมผลงานปราบปรามการค้ามนุษย์ไทยดีขึ้นต่อเนื่อง

People Unity News : 27 พฤศจิกายน 2565  “พล.อ.ประวิตร” โชว์ผลงานปราบปรามการค้ามนุษย์ เน้นย้ำต้องเข้มงวด ยกระดับไทยให้ดียิ่งขึ้นในปี 2566 ด้าน กต.สหรัฐ ชื่นชมไทยดีขึ้นต่อเนื่อง

วันนี้ (27 พ.ย.65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และประธานคณะอนุกรรมการร่วมว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ ไทย-สหรัฐอเมริกา (ฝ่ายไทย) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการต้อนรับผู้แทนสำนักงานตรวจสอบและต่อต้านการค้ามนุษย์ (J/TIP Office) กต.สหรัฐฯ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในประเทศไทย ประจำปี 2565

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวว่า น.ส. Caitlin Heidenreich ผู้แทน J/TIP ของ กต.สหรัฐฯ พร้อมด้วย น.ส. Rebecca Hunter รองที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง น.ส. Angeline Bickner ผู้ช่วยฝ่ายการเมือง น.ส. Elska Vuong ผู้ช่วยฝ่ายการเมือง และ น.ส.จันทร์เจ้า จันทร์ศิริ ฝ่ายการเมืองของสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมชมหน่วยปฏิบัติหลัก (3P) ได้แก่ ด้านการดำเนินคดี ด้านการป้องกัน และด้านการคุ้มครอง โดยสรุปดังนี้

วันที่ 22 พ.ย.65 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมภาคีเครือข่ายประชาสังคมและ TIP Report Hero ชาวไทยทั้ง 3 คน นายสมพงค์ สระแก้ว น.ส.วีรวรรณ ม็อสบี้ น.ส.อภิญญา ทาจิตต์ ให้การต้อนรับคณะเข้าเยี่ยมชมฟังบรรยายสรุปผลงานของ ศพดส.ตร. ที่มีผลจับกุมคดีค้ามนุษย์ รวม 231 คดี ในปี 2565 โดยเฉพาะผลงานชุดปฏิบัติการ TICAC ที่มีสถิติจับกุมคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต รวม 398 คดี ในปี 2565 ยอดสูงสุดในรอบ 8 ปี เนื่องจากได้มีการปรับรูปแบบในการสืบสวนทางออนไลน์ และปฏิบัติการร่วมกับ NGO ควบคู่กับได้รับความร่วมมือจากผู้เสียหายเป็นพยานมากขึ้น โดยใช้แผนกลไกการส่งต่อฯ (NRM) ของรัฐบาล ต่อมาวันที่ 23 พ.ย.65 พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ นำคณะเข้าเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทําการประมง (FMC) ของกรมประมง และฟังบรรยายสรุปขั้นตอนตรวจแรงงานของศูนย์ PIPO ความร่วมมือกับภาคเอกชนในการนำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GLP) และมาตรฐานแรงงานไทย (TLS) มาตรฐานการปฏิบัติงาน ตรวจคัดกรองการบังคับใช้แรงงาน (SOP) และผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้นำคณะเยี่ยมชมสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จังหวัดปทุมธานี นำเสนอพัฒนาการความก้าวหน้าที่สำคัญ อาทิ สถิติการคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหาย การให้ความสำคัญในการคุ้มครองช่วยเหลือที่คำนึงถึงบาดแผลทางจิตใจของผู้เสียหาย (Trauma Informed Care) และการพัฒนาแนวทางการให้อิสระแก่ผู้เสียหาย (Freedom of Movement) ในการเดินทางเข้าออกสถานคุ้มครอง และการใช้เครื่องมือสื่อสารสำหรับผู้เสียหายกลุ่มผู้ใหญ่

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ เปิดเผยว่า ฝ่ายสหรัฐอเมริกาชื่นชมความก้าวหน้าของรัฐบาลในการนำแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติฯ (NRM) ไปสู่การปฏิบัติ โดยเฉพาะโครงการสำคัญ (Flagship) อาทิ การจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (ดอนเมือง) งบลงทุนราว 150 ล้านบาทเศษ การตั้งศูนย์บูรณาการคัดแยก 10 จังหวัดในพื้นที่เสี่ยง การตั้งทีมสหวิชาชีพคัดกรองแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในเรือประมงในพื้นที่ 22 จังหวัดชายทะเล จำนวน 40,000 คน เป้าหมายสัมภาษณ์ครบ 100% การซุ่มคัดกรองแรงงานกลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร ประธาน ปคม./ปกค. โดยได้เป็นกำลังใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่ “ทีมประเทศไทย” ที่ได้ทุ่มเททำงานมาตลอดทั้งปี และยังได้เน้นย้ำให้ปราบปรามอย่างเข้มงวด ห้ามมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาด เพื่อยกระดับประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้นในปี 2566

Advertisement

“เศรษฐา” หารือทวิภาคีนายกฯจีน กระชับความร่วมมือการค้า การท่องเที่ยว ความมั่นคง และความเข้าใจอันดีระหว่าง ปชช.

People Unity News : 18 ตุลาคม 2566 สาธารณรัฐประชาชนจีน – นายกฯ ไทย-จีน เห็นพ้องกระชับความร่วมมือด้านการค้า การท่องเที่ยว ความมั่นคง และส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชน รวมทั้งแสดงความเสียใจต่อกรณีนักท่องเที่ยวจีน

เมื่อเวลา 17.35 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) ณ Peony Hall เรือนรับรองเตี้ยวหยูไถ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หารือทวิภาคีกับ นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าา รู้สึกยินดีที่ได้มาเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีจีน และกล่าวขอบคุณการต้อนรับที่อบอุ่นในวันนี้ พร้อมชื่นชมต่อความสำเร็จของจีนในการจัดการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation (BRF) ครั้งที่ 3 และการเป็นเจ้าภาพจัดเอเชียนเกมส์

สำหรับประเด็นสำคัญในการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ ด้านความสัมพันธ์ไทย – จีน โดยทั้งสองฝ่ายต่างยืนยันสานต่อความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทย-จีน ซึ่งเป็นมิตรแท้ร่วมกันมายาวนาน พร้อมเห็นพ้องแลกเปลี่ยนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในระดับการเมือง และพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ

ด้านนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เน้นย้ำเจตนารมณ์ในการพัฒนาความสัมพันธ์ไทย – จีน เพื่อมุ่งสู่การเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันไทย – จีน และในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีไทยเชิญนายกรัฐมนตรีจีนเยือนไทยอย่างเป็นทางการในโอกาสที่สะดวก

ส่วนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ไทยและจีนยืนยันความร่วมมือเพื่อเผชิญกับความท้าทายทุกมิติทั่วโลก ผ่านการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน ความเชื่อมโยงทั้งโครงสร้างพื้นฐานและห่วงโซ่อุปทาน เพื่อร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อสถานการณ์โลก

โดยนายกรัฐมนตรี ได้เชิญภาคเอกชนจีนมาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในโครงสร้างพื้นฐานโครงการ Landbridge ด้านนายกรัฐมนตรีจีนยินดีส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจไทย-จีน ให้เพิ่มพูนทุกด้าน พร้อมส่งเสริมให้นักลงทุนจีนมาลงทุนในไทย และพร้อมต้อนรับดูแลการลงทุน

นายกรัฐมนตรี ขอรับการสนับสนุน การนำเข้าสินค้าเกษตรไทย โดยขอให้จัดตั้งด่านตรวจสินค้าเกษตรที่ท่าเรือกวนเหล่ย และเพิ่มโควต้านำเข้าข้าว และการนำเข้าโคมีชีวิตและผลิตภัณฑ์โคโดยตรงจากไทย ทั้งนี้ทางไทยพร้อมจะปฏิบัติตามมาตรฐานการกักกันโรคตามหลักวิชาการสัตวแพทย์เท่าที่ทางจีนกำหนด ทั้งสองฝ่ายยังพร้อมส่งเสริมความเชื่อมโยง โดยเฉพาะโครงการรถไฟไทย – ลาว – จีน ตามแนวคิดระเบียงการพัฒนาความเชื่อมโยง 3 ประเทศ รวมทั้งโลจิสติกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกขนส่งสินค้า การเดินทางของประชาชน และการพัฒนาของภูมิภาค

ความร่วมมือด้านท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความเสียใจที่มีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์กราดยิงที่ห้างสรรพสินค้า ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างดีที่สุด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงตรวจลงตราที่ยกเว้นให้นักท่องเที่ยวจีน และขอให้ฝ่ายจีนพิจารณายกเว้นให้ชาวไทยเช่นกัน ด้านนายกรัฐมนตรีจีนให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว

ความร่วมมือด้านความมั่นคง ไทยและจีนต่างเห็นพ้องในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกับหลายประเทศ เพราะอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้านของไทย พร้อมร่วมกันแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์ อาทิ คอลเซ็นต์เตอร์การพนันออนไลน์ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด ซึ่งส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อประชาชนไทย จีน และประเทศทั้งในและนอกภูมิภาค

ขณะที่ความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและระดับประชาชน นายกรัฐมนตรีจีนส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมและระดับประชาชน โดยเฉพาะการศึกษาของเยาวชนและสื่อมวลชนทั้งสองประเทศ

ส่วนความร่วมมือในกรอบพหุภาคี จีนสนับสนุนบทบาทสร้างสรรค์ของกันและกันในกรอบอนุภูมิภาค ภูมิภาค และระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกรอบ ASEAN-จีน และ MLC เพื่อส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองต่อภูมิภาคและโลก

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นสักขีพยานการลงนามในเอกสารสำคัญร่วมกัน 6 ฉบับ ดังนี้

1.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อการจัดตั้งกลไกประสานงานสำหรับการร่วมกันส่งเสริมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง

2.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน

3.การจัดทำพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกผลเสาวรสสดจากประเทศไทยไปยังประเทศจีนระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

4.แผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับปี พ.ศ. 2566 – 2570

5.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านภาพยนตร์ระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับทบวงกิจการภาพยนตร์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

6.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสื่อสารมวลชนและสารสนเทศระหว่างกรมประชาสัมพันธ์กับกลุ่มสื่อแห่งชาติจีน

นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้รับทราบการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน

Advertisement

“ปานปรีย์” เข้าพบ ปธน.อิสราเอล ขอบคุณดูแลคนไทยเป็นอย่างดี

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 29 พฤศจิกายน 2566 อิสราเอล – “ปานปรีย์” เข้าพบ “ปธน.อิสราเอล” ขอบคุณดูแลคนไทยเป็นอย่างดี “ปธน.อิสราเอล” ชื่นชมความพยายามของรัฐบาลไทยในการให้ความช่วยเหลือตัวประกันจนได้รับการปล่อยตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบประธานาธิบดีอิสราเอล  นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะนาย Isaac Herzog ประธานาธิบดีอิสราเอล

โดยประธานาธิบดีอิสราเอลแสดงความเสียใจต่อการที่มีแรงงานไทยเสียชีวิต บาดเจ็บ และถูกจับเป็นตัวประกัน โดยกล่าวชื่นชมความพยายามของรัฐบาลไทยในการให้ความช่วยเหลือตัวประกันจนได้รับการปล่อยตัว

ขณะที่นายปานปรีย์ ขอบคุณฝ่ายอิสราเอลที่ให้การดูแลคนไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการดูแลช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ตัวประกันชาวไทยที่ได้รับการปล่อยตัว และแจ้งว่าแม้ภารกิจในครั้งนี้เดินทางมาเพื่อดูแลคนไทยเป็นการเฉพาะ แต่ก็ขอให้ฝ่ายอิสราเอลพิจารณาดำเนินการเรื่องสวัสดิภาพ สิทธิและสวัสดิการอันพึงได้สำหรับแรงงานไทยด้วย เพื่อให้แรงงานไทยสามารถกลับมาทำงานในอิสราเอลในอนาคต เมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย

ประธานาธิบดีอิสราเอล แสดงความชื่นชมประเทศไทยและคนไทย และย้ำถึงความสำคัญของแรงงานไทยต่อภาคการเกษตรอิสราเอล โดยรับปากดูแลสิทธิและสวัสดิการของแรงงานไทยต่อไป

Advertisement

กรมศิลป์ส่งผู้แทนบินตรวจสอบโบราณวัตถุที่อเมริกาเตรียมคืนไทย พ.ค.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 26 เมษายน 2567 รมว.วัฒนธรรม เผยไทยส่งผู้แทนเดินทางไปอเมริกา ร่วมตรวจสอบโกลเด้นบอย เตรียมส่งคืนประเทศไทย

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน (The MET) สหรัฐอเมริกา แจ้งความประสงค์ส่งคืนโบราณวัตถุประติมากรรมสำริด 2 รายการ ซึ่งมีหลักฐานว่าถูกนำออกจากประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ที่รู้จักกันในนามโกลเด้นบอย (Golden Boy) และประติมากรรมรูปสตรี จึงมอบหมายให้กรมศิลปากรประสานรายละเอียดขั้นตอนการรับมอบโบราณวัตถุ 2 รายการดังกล่าว ขณะนี้พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน (The MET) ได้แจ้งให้ประเทศไทยส่งผู้เชี่ยวชาญร่วมตรวจสอบโบราณวัตถุที่จะส่งคืน โดยได้มอบหมายให้ นางสาวนิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร เดินทางไปร่วมตรวจสอบ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งในการนี้จะได้มีการหารือถึงรายละเอียดและกำหนดเวลาในการส่งคืน นอกจากนี้ยังจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมศิลปากร และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน (The MET) เพื่อความร่วมมือทางวิชาการด้านพิพิธภัณฑ์ โดยมีนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และนายแมกซ์ ฮอลเลน ผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหารพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทโพลิทัน เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจ และมีนางสาวสมใจ ตะเภาพงษ์ กงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายเสริมศักดิ์ ยังได้เปิดเผยว่า การส่งคืนโบราณวัตถุในครั้งนี้ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน (The MET) จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งคืน และคาดว่าจะมาถึงประเทศไทยราวเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือเป็นข่าวดีของชาวไทยทั้งประเทศที่จะได้รับโบราณวัตถุล้ำค่ากลับคืนสู่ประเทศไทย โดยรายละเอียดความคืบหน้าจะได้แจ้งให้ทราบเป็นระยะต่อไป

Advertisement

ประธานสภาที่ปรึกษาซาอุฯ พบนายกรัฐมนตรี

People Unity News : 20 กรกฎาคม 2566 ประธานสภาที่ปรึกษาแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะ “พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมส่งเสริมการค้าการลงทุนโดยเฉพาะในเขตอีอีซี

ดร.อับดุลเลาะห์ โมฮัมเหม็ด อิบราฮิม อัล-ชีค ประธานสภาที่ปรึกษาแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดยทั้งสองฝ่ายยินดีจะสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างกัน พร้อมส่งเสริมการค้าการลงทุนโดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ขณะที่ซาอุดีอาระเบีย มีแนวทางที่จะยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับหนังสือเดินทางพิเศษ และสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างทั้งสองประเทศ

Advertisement

นายกฯ โพสต์ พร้อมแสดงบทบาทใหม่ของไทยในเวทียูเอ็น

People Unity News : 18 กันยายน 2566 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ – นายกฯ โพสต์ข้อความ ก่อนเดินทางร่วมประชุมยูเอ็น ที่สหรัฐ 18-24 ก.ย.นี้ ระบุ เป็นภารกิจต่างประเทศอย่างเป็นทางการแรกของรัฐบาลใหม่ พร้อมแสดงบทบาทใหม่ของไทยที่จะเปลี่ยนไปบนเวทีโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อออกเดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ระหว่างวันที่ 18  – 24 กันยายน 2566  ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความและภาพถ่ายผ่านเอ็กซ์โดยระบุว่า  #UNGA78 จะเป็นภารกิจต่างประเทศอย่างเป็นทางการแรกของรัฐบาลใหม่ เพื่อแสดงบทบาทใหม่ของไทยที่จะเปลี่ยนไปให้กับเวทีโลกเห็น ผมตั้งใจจะขับเคลื่อนการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อบรรลุ #SDGs ความสำคัญในการยึดมั่นระบบพหุภาคี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายและความต้องการของประชาคมโลกในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การระดมทุนเพื่อการพัฒนา และสิ่งแวดล้อมสีเขียว และด้านอื่น ๆ อย่างครอบคลุม

เดินหน้าเต็มที่เพื่อประสานความร่วมมือกับทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน และกระชับความสัมพันธ์กับผู้นำจากนานาประเทศ เพื่อเสริมสร้างสันติภาพและความมั่งคั่ง รวมทั้งความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคนครับ “ขณะเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ระหว่างวันที่ 18  – 24 กันยายน 2566  ว่า

“#UNGA78 will be my Government’s first official mission abroad, presenting a new face for Thailand’s role on the world stage. I intend to drive action to achieve the #SDGs, commit to upholding multilateralism and promoting international cooperation to respond to today’s challenges and needs of the global community > this includes climate change, financing for development, green growth and more. Eager to explore collaboration with all stakeholders, both public and private, and to strengthen ties with other leaders, in fostering peace, prosperity & sustainability for all.

Advertisement

ครม. มีมติเห็นชอบร่างคำมั่นของประเทศไทยสำหรับการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 18 ธันวาคม 2566 ครม. มีมติเห็นชอบร่างคำมั่นของประเทศไทยสำหรับการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก ครั้งที่ 2

นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (12 ธ.ค.2566) มีมติเห็นชอบต่อร่างคำมั่นของประเทศไทยสำหรับการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก ครั้งที่ 2 ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ

ซึ่งการประกาศคำมั่นโดยสมัครใจในเวทีการประชุมผู้ลี้ภัยโลก ครั้งที่ 2 จะช่วยกำหนดเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับผู้หนีภัยและกลุ่มคนไร้รัฐไร้สัญชาติที่อยู่ในประเทศไทย

ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งเสริมความมั่นคงของประเทศและสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในมิติด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำร่างคำมั่นสำหรับการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก ครั้งที่ 2 โดยพัฒนามาจากประเด็นที่ไทยเคยให้คำมั่นไว้ในการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก ครั้งที่ 1 หรือในกรอบอื่นที่เกี่ยวข้อง

โดยเสนอคำมั่น 8 ข้อต่อที่ประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก ครั้งที่ 2 ดังนี้ เสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบคัดกรอง แก้ปัญหา คนไร้รัฐไร้สัญชาติ ทบทวนและปรับปรุงการใช้มาตรการทางเลือกแทนการกักตัวเด็กและครอบครัวในห้องกักตรวจคนเข้าเมือง ส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาและการพัฒนาทักษะตามช่วงวัยของเด็กผู้หนีภัยกลุ่ม ต่าง ๆ พัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนต่างด้าวกลุ่มต่าง ๆ ในไทย

รวมถึงผู้หนีภัย คนไร้รัฐไร้สัญชาติ ผู้ได้รับความคุ้มครองตามระเบียบคัดกรองฯ ขยายความร่วมมือกับประเทศที่สามในการหาทางออกที่ยั่งยืนให้แก่ผู้หนีภัยกลุ่มต่าง ๆ ในประเทศไทย ให้ความช่วยเหลือ ชาวโรฮีนจาผ่านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวโรฮีนจาในบังคลาเทศอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปีข้างหน้า รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาแก่เมียนมา และการดำเนินการถอนข้อสงวนต่อข้อ 22 (เรื่องการคุ้มครองเด็กผู้ลี้ภัยและเด็นแสวงหาที่พักพิง) ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก

Advertisement

Verified by ExactMetrics