วันที่ 28 มีนาคม 2024

เตรียมรับคืนวัตถุโบราณจากสหรัฐอีก 3 รายการ

People Unity News : 29 สิงหาคม 65 รัฐบาลโชว์ผลงานติดตามวัตถุโบราณไทยในต่างประเทศ 5 ปี 611 รายการ เตรียมรับคืนจากสหรัฐอีก 3 รายการ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากความมุ่งมั่นของรัฐบาล และคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย ได้ร่วมทำงานอย่างบูรณาการประสานกับส่วนราชการประเทศต่างๆ เพื่อติดตามโบราณวัตถุของไทยฯ ความคืบหน้าล่าสุด กระทรวงวัฒนธรรมรายงานว่า สำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา (Homeland Security Investigations: HSI) ได้เจรจาให้พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งเดนเวอร์  (The Denver Art Museum) เตรียมการส่งคืนโบราณวัตถุกลับไทยโดยเร็ว จำนวน 3 รายการ ได้แก่ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนคร และพระพุทธรูปยืนศิลปะทวารวดี 2 องค์

นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า สำหรับทับหลังปราสาทหนองหงส์และทับหลังจากปราสาทเขาโล้น ที่ได้รับคืนจากพิพิธภัณฑ์ Asean Art ในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ.2564 ขณะนี้ทับหลังปราสาทหนองหงส์ ได้จัดแสดง ณ ศูนย์ข้อมูลอุทยานประวัติศาสตร์ พนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จัดแสดงที่ศูนย์ข้อมูลอุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม จังหวัดสระแก้ว และเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ทั้งสองแห่ง ส่วนการติดตามโบราณวัตถุคืนไทยในลำดับถัดไป ทางคณะกรรมการฯ แจ้งว่ามีจำนวน 2 รายการ คือ 1.พระพุทธรูปประทับเหนือพนัสบดีสมัยทวารวดี จากเมืองโบราณซับจำปา จังหวัดลพบุรี อยู่ในความครอบครองของสถาบันเอเชียโซไซตี้ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และ 2.ใบเสมาหินสลักภาพพุทธประวัติสมัยทวารวดี จากเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์ ปรากฏข้อมูลใน Collection online ของ The British Museum

“ถือเป็นผลงานที่เป็นรูปธรรมของรัฐบาล ภายใต้การทำงานของคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ปีของการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ได้ประสานความร่วมมือกับรัฐบาลประเทศต่างๆ สามารถติดตามและรับมอบโบราณวัตถุได้รวม 9 ครั้ง จำนวน 611 รายการ สร้างความยินดีแก่คนไทย รวมถึงความเข้าใจแก่บุคคลทั่วไปทั้งในและนอกประเทศถึงคุณค่าของโบราณวัตถุเมื่อได้กลับคืนสู่ประเทศต้นกำเนิด และสืบเนื่องจากการดำเนินการอย่างจริงจังดังกล่าว มีผู้ครอบครองโบราณวัตถุทั้งชาวไทยและต่างชาติ แจ้งความประสงค์ที่จะมอบโบราณวัตถุให้เป็นสมบัติชาติ เช่น ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้แทนรับมอบครอบพระเศียรทองคำ สมัยล้านนา จากชาวอเมริกัน และนายโยธิน ธาราหิรัญโชติ มอบโบราณวัตถุชิ้นเอกและหนังสือบัญชีโบราณวัตถุ เครื่องปั้นดินเผาสมัยลพบุรีจากแหล่งเตาโบราณในจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 164 รายการ” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertisement

พรุ่งนี้ “บิ๊กตู่” ไปประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2 ที่กัมพูชา

People unity news online : นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2

วันนี้ (9 มกราคม 2561) พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยภารกิจด้านต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2 (2nd Mekong-Lancang Leaders’ Meeting) ในวันที่ 10 มกราคม 2561 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2 (2nd Mekong-Lancang Leaders’ Meeting) จะจัดขึ้นในวันที่ 10 มกราคม 2561 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยฝ่ายกัมพูชาจะเป็นประธานร่วมกับจีน ภายใต้หัวข้อ แม่น้ำแห่งสันติภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืนของเรา (Our River of Peace and Sustainable Development) ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะทบทวนการดำเนินงานของประเทศสมาชิกจากการประชุมผู้นำฯ ครั้งที่ 1 เมื่อเดือนมีนาคม 2559 พร้อมทั้งจะกำหนดทิศทางและกิจกรรมของกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ในอนาคต โดยสมาชิกทั้งหมด 6 ประเทศ ประกอบด้วย จีน กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม จะหารือร่วมกันเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงบนพื้นฐานของความเท่าเทียม ภายใต้หลักการการมีส่วนร่วม ความสมัครใจ และหลักฉันทามติ

ในการประชุมครั้งนี้ ไทยมุ่งมั่นที่จะ (1) พัฒนากรอบความร่วมมือดังกล่าวให้ทันสมัยมากขึ้น (2) ส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกรอบแม่โขง – ล้านช้างกับแนวคิดหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt Road Initiative – BRI) เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของอนุภูมิภาค (3) ไทยยังสนับสนุนให้กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้อนุภูมิภาคเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแบบยั่งยืนผ่านการใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและโครงการสำคัญของประเทศไทย อาทิ นโยบายประเทศไทย 4.0 ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และนโยบายประเทศไทย+1 (4) การยกระดับความร่วมมือด้านน้ำระหว่างประเทศสมาชิก ให้ได้รับประโยชน์ร่วมกัน บนพื้นฐานของความรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้ภาคการเกษตรของแต่ละประเทศมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไป

เอกสารผลลัพธ์การประชุม 2 ฉบับ ได้แก่ (1) แผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี แม่โขง – ล้านช้าง พ.ศ. 2561 – 2565  (5 – Year Plan of Action 2018 – 2022) เป็นเอกสารที่จะกำหนดแนวทางการดำเนินงานของกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ในระยะ 5 ปีข้างหน้า และ (2) ปฏิญญาพนมเปญ (Phnom Penh Declaration) เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำจะมุ่งสนับสนุนกรอบความร่วมมือดังกล่าวให้บรรลุเป้าประสงค์ของการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประชาชนในประเทศลุ่มน้ำโขงขอเพิ่มค่า โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะพบหารือทวิภาคีกับสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนด้วย

People unity news online : post 9 มกราคม 2561 เวลา 13.50 น.

“อนุทิน” เตรียมนำคณะร่วมถก World Bio Summit 2022

People Unity News : 23 ตุลาคม 2565 “อนุทิน” เตรียมนำคณะเข้าประชุม World Bio Summit 2022 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ร่วมผู้แทนกว่า 18 ประเทศถกอนาคตวัคซีนสร้างความสามารถต่อสู้โรคอุบัติใหม่

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 24-27 ต.ค. 65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข จะนำคณะซึ่งประกอบด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยคณะแทนจากกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมการประชุม World Bio Summit 2022 ซึ่งจัดขึ้น ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี

สำหรับการประชุม World Bio Summit 2022 ครั้งนี้เป็นเวทีการหารือใหม่ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยความร่วมมือของสาธารณรัฐเกาหลีกับองค์การอนามัยโลก ซึ่งได้มีการเชิญผู้นำประเทศต่างๆ มากกว่า 18 ประเทศทั้งในอเมริกา ยุโรป เอเชียเเละแอฟริกา รวมถึงผู้แทนบริษัทวัคซีน ผู้แทนองค์กรการกุศลเอกชน และผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ เข้าร่วม โดยจะมีการหารือในหัวข้ออนาคตของวัคซีนและชีวอนามัยจากประสบการณ์และบทเรียนที่เรียนรู้จากการระบาดของโรคโควิด19 พร้อมเสนอวิธีการเสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อโรคติดเชื้อและโรคอุบัติใหม่ในอนาคต

ในโอกาสนี้ นายอนุทิน จะเป็นผู้แทนประเทศไทยในการปาฐกกาถึงบทเรียนที่ทั่วโลกได้รับโควิด 19 และย้ำถึงจุดยืนของไทยในการร่วมกับนานาประเทศในการพัฒนาด้านสาธารณสุข เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ระหว่างการเข้าร่วมประชุมที่กรุงโซลครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและคณะ จะเข้าร่วมในพิธี Thailand-IVI Ratification Ceremony ซึ่งประเทศไทยจะให้สัตยาบันสารในการเข้าร่วมเป็นภาคีกับสถาบันวัคซีนนานาชาติ (IVI) อันจะส่งผลให้ประเทศไทยได้รับโอกาสในการพัฒนาและขยายความร่วมมือด้านวัคซีนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีนของไทย

นอกจากนี้ จะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขของไทยกับสาธารณรัฐเกาหลี ว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือหลายด้านระหว่าง 2 ประเทศ อาทิ ความมั่นคงด้านสุขภาพ การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบสุขภาพ การดูแลสุขภาพดิจิทัล และการส่งเสริมสุขภาพ

Advertisement

ความร่วมมือการค้าไทย-อินเดียก้าวหน้า จัดประชุม JTC ครั้งแรกในรอบ 20 ปี

People Unity News : 4 พฤษภาคม 2566 โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ยินดีความร่วมมือด้านการค้าไทย-อินเดีย ก้าวหน้า รื้อฟื้นการจัดประชุม JTC ร่วมกันในรอบ 20 ปี ผลักดันการแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้า เปิดตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ และส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการผลักดันความร่วมมือด้านการค้าระหว่างไทยกับอินเดีย จนมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม โดยเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา คณะผู้แทนไทยได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-อินเดีย ครั้งที่ 13 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งแรกในรอบ 20 ปี นับจากการประชุมเมื่อปี 2546

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุม JTC ถือเป็นกลไกสำคัญในการหารือแนวทางการส่งเสริมการค้าและการลงทุน และแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า รวมทั้งผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ซึ่งในปี 2563 ไทยและอินเดียตกลงรื้อฟื้นการประชุม JTC ขึ้นใหม่ ภายหลังว่างเว้นมานานเกือบ 2 ทศวรรษ เนื่องจากทั้งสองประเทศเข้าสู่การเจรจา FTA ไทย-อินเดีย และ FTA อาเซียน-อินเดีย โดยการประชุม JTC ในครั้งนี้ มีวาระการหารือที่สำคัญเกี่ยวกับการลดอุปสรรคทางการค้า และส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับอินเดีย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลลัพธ์การประชุมในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในหลักการที่จะใช้การลงนามและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ในหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า รวมทั้งผลักดันการใช้ QR Code ผ่านการเชื่อมโยงระบบ Unified Payments Interface (UPI) ของอินเดีย กับระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) ของไทย เพื่อรองรับการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือด้านการถ่ายทำภาพยนตร์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

นอกจากนี้ไทยได้ขอให้อินเดียพิจารณาคำขอเปิดตลาดสินค้ามะพร้าวอ่อนของไทย พร้อมทั้งพิจารณายกเลิกมาตรการจำกัดการนำเข้ายางล้อและโทรทัศน์สี มาตรการห้ามนำเข้าเครื่องปรับอากาศที่มีสารทำความเย็น และการจำกัดด่านนำเข้ายางพาราและไม้ตัดดอก ซึ่งอินเดียพร้อมพิจารณา

ทั้งนี้ ไทยและอินเดียถือเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่สำคัญของกันและกัน มีมูลค่าการค้าระหว่างกันในปี 2565 รวมกว่า 17,702.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอินเดียถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ และถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก

“นายกรัฐมนตรีขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ผลักดันให้มีการประชุม JTC จนเห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรมได้อีกครั้ง มุ่งหวังว่าการประชุมนี้จะสามารถหารือเพื่อทางออกสู่แนวทางแก้ไขอุปสรรคทางการค้า และเปิดตลาดในส่วนที่มีศักยภาพร่วมกันได้ และมั่นใจว่าการประชุมนี้จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญเพื่อผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับอินเดียให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น จะช่วยต่อยอดเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวมของทั้งสองประเทศ” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

สรุปผลการเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี

People unity news online : วันที่ 20 กรกฎาคม 2561 สรุปผลการเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ระหว่างวันที่ 19 – 20 กรกฎาคม 2561 สรุปผลสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจ ดังนี้

1.ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และสมเกียรติ โดยร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ป้อมปราการทาชิโช ซึ่งภูฏานจัดขบวนเกียรติยศแบบพื้นเมือง เดินนำหน้าขบวนรถยนต์ และตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ

2.ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และการเดินทางเยือนครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ทั้งสองประเทศสามารถกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือที่มีอยู่ให้ใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม

3.การเดินทางเยือนภูฏานในครั้งนี้ถือว่าได้รับเกียรติอย่างสูงสุด เนื่องจากมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีความใกล้ชิดทางพระพุทธศาสนา สังคม วัฒนธรรม และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งประชาชนชาวไทยต่างมีความเคารพและชื่นชมในสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏานอย่างมาก

4.การพบปะกับนายกรัฐมนตรีภูฏานนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างพอใจกับการหารือครั้งนี้ เนื่องจากไทยมีส่วนช่วยส่งเสริมการพัฒนาประเทศของภูฏาน โดยเฉพาะความร่วมมือทางวิชาการด้านการพัฒนา สาธารณสุข และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นว่าความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเป็นสาขาที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพและเอื้อประโยชน์แก่กันได้ จึงเห็นควรผลักดันความร่วมมือดังกล่าวให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ไทยและภูฏานยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันผ่านการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย – ภูฏาน (JTC) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะผลักดันให้ประเด็นดังกล่าวประสบความสำเร็จได้ นอกจากนี้ ในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 30ปี ในปี 2562 รัฐบาลไทยยินดีสนับสนุนโครงการบริการทางการแพทย์เพื่อรักษา หู ตา จมูก และคอ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ หู จมูก และคอ ในราชอาณาจักรภูฏาน เพื่อให้บริการรักษา การถ่ายทอดความรู้ เทคนิคและวิชาการ เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงความร่วมมือของคณะแพทย์ ไทย-ภูฏาน ในการรักษาผู้ป่วยด้วย

5.การประกอบพิธีจุดตะเกียงเนยที่เจดีย์อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ซึ่งเป็นประเพณีพื้นเมืองของภูฏานที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน โดยมีความเชื่อว่า การจุดตะเกียงน้ำมันเนยเป็นการจุดประกายปัญญาด้วย เพราะแสงสว่างที่จุดจากตะเกียง เปรียบเสมือนดวงไฟแห่งปัญญาที่ส่องสว่าง จึงหวังว่าการจุดตะเกียงเนยนี้จะเป็นแสงนำทางให้ประเทศไทยพบเจอแต่สิ่งดีๆ และไม่พบเจอกับเหตุการณ์ร้ายๆ อีกต่อไป

6.เยี่ยมชมร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Gewog One Product : OGOP) ที่ไทยมีส่วนร่วมในการริเริ่มโครงการดังกล่าว การไปเยี่ยมชมครั้งนี้ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ OGOP ที่สามารถส่งออกไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยด้วยได้

นายกรัฐมนตรียืนยันด้วยว่า ไทยจะสานต่อความร่วมมือนี้อย่างใกล้ชิดกับภูฏานต่อไป เนื่องจากเป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบาย SEP for SDGs Partnership ในภูมิภาค อีกทั้งเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชนของทั้งสองประเทศด้วย

People unity news online : post 20 กรกฎาคม 2561 เวลา 11.50 น.

“เศรษฐา” เตรียมคุยนายกฯ กัมพูชา แก้ปัญหาฝุ่น

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 3 กุมภาพันธ์ 2567 นายกฯ ย้ำจะหารือนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ช่วงเยือนไทย 7 ก.พ.นี้ แก้ปัญหาฝุ่น พร้อมสนับสนุนเครื่องมือ ชี้เป็นเพื่อนบ้านกันต้องช่วยเหลือกัน เตรียมสั่งการใน ครม. ใช้มาตรการหนัก ใครฝ่าฝืนเผาถูกลงโทษ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการหารือกับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงความคืบหน้าปัญหาฝุ่น หมอกควัน ว่า เรื่องนี้คุยกันตลอด และช่วงเช้าวันนี้ได้คุยกับ ผู้ช่วยของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งต้องยอมรับว่า กระทรวงเกษตรและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของกัมพูชา ไม่มีอุปกรณ์ ไม่มีปัจจัยที่เทียบเท่าเรา แต่เขาใส่ใจเหมือนกับเรา และในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะเดินทางเยือนไทย จะมีการพูดคุยว่ามีเรื่องใดที่เราต้องช่วยเหลือ ยืนยันว่า ประเทศไทยพร้อมสนับสนุน เพราะหากเราเป็นเพื่อนบ้านกันไม่ช่วยเหลือกัน เราก็เดือดร้อนด้วย เราเป็นเพื่อนบ้านที่ดีมาโดยตลอด ก็ต้องช่วยเหลือกัน

ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่าปัญหาฝุ่นมีความรุนแรงมากขึ้นได้สั่งการอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้ จะมีการสั่งการหลายเรื่อง โดยเฉพาะมาตรการ หากใครไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกลงโทษ สินค้าต่างๆ หากพิสูจน์ทราบได้ว่า ผลิตผลออกมามีการเผาเกิดขึ้นก็จะไม่ได้รับมาตรการการช่วยเหลือ

ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ดีใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ แต่ปัญหานี้ ไม่ใช่ปัญหาจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาที่สืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจ บางคนมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น หากไม่เผา ไม้ขีดก้านเดียวมันง่ายต่อการกำจัดซากวัชพืช แต่ให้องค์ความรู้ไปแล้วในสิ่งที่เขาทำไม่ถูก และตนได้ขอความร่วมมือไปยังกองทัพไปเยอะ ในการช่วยลำเลียงซากวัชพืชออกมา โรงงานทำไบโอดีเซล การทำถ่านอัด หรือทำปุ๋ย

Advertisement

ผบ.กองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโด – แปซิฟิก เยือนไทยกระชับความสัมพันธ์ทางทหาร

People Unity News : ผบ.กองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโด – แปซิฟิก เข้าเยี่ยมคำนับ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำสร้างสรรค์ ไว้เนื้อเชื่อใจและเคารพกัน

11 ต.ค. 64 พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.00 น.  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้การต้อนรับการเยี่ยมคำนับของ  พล.ร.อ.John C. Aquilino (จอห์น ซี อากีลีโน) ผบ.กกล.สหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโด – แปซิฟิก และคณะ  ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกองทัพไทย เพื่อแนะนำตัวและกระชับความสัมพันธ์

โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับ พล.ร.อ.จอห์น ที่ได้รับตำแหน่ง ผบ.กกล.สหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโด – แปซิฟิก และขอขอบคุณสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนวัคซีน 2.5 ล้านโดส พร้อมตู้เก็บวัคซีน 200 ตู้ให้ไทย ต่อจากนั้น ทั้งสองฝ่าย ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในประเด็นต่างๆร่วมกัน ทั้งด้านความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาโควิด 19 ความสัมพันธ์ทางทหาร การฝึกร่วมผสม Cobra Gold 2021 ความร่วมมือด้านการฝึกศึกษา ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมทั้งความร่วมมือในคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางทะเลภายใต้กรอบความร่วมมือ กห.อาเซียน กับประเทศคู่เจรจา

และในตอนท้าย ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำถึงความสัมพันธ์ของพันธมิตรที่เก่าแก่และแน่นแฟ้นระหว่างกัน ในการสนับสนุนและดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพ เสรีภาพและความมั่นคงของภูมิภาคร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ บนพื้นฐานความไว้เนื้อเชื่อใจและการเคารพซึ่งกันและกัน

Advertising

ทูตเกาหลีเหนือเข้าพบ “อนุชา” สานต่อความสัมพันธ์ไทย-เกาหลีเหนือ

People Unity News : ไทย-เกาหลีเหนือ ยินดีต่อความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่มีมาอย่างยาวนาน และพร้อมสานต่อความสัมพันธ์ต่อไป

เมื่อ 9 ตุลาคม 2563 เวลา 10.00 น. ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายคิม เช พง (H.E. Mr. Kim Je Bong) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเข้ารับหน้าที่ สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีประจำประเทศไทย ยินดีที่ไทยกับเกาหลีเหนือมีความสัมพันธ์เป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน ยืนยันรัฐบาลไทยพร้อมทำงานร่วมกับเอกอัครราชทูตฯอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเกาหลีเหนือในสาขาที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชื่นชมเกาหลีเหนือที่ได้จัดการกับภัยธรรมชาติพายุไต้ฝุ่นในประเทศเกาหลีเหนือได้อย่างเรียบร้อย

เอกอัครราชทูตฯขอบคุณรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าพบในวันนี้ พร้อมทั้งแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเกาหลีเหนือที่มีความเป็นมิตรที่ดีแก่กันมาตลอดระยะเวลา 45 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ยืนยันพร้อมทำงานเพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยเอกอัครราชทูตฯชื่นชมรัฐบาลไทยที่ทำงานอย่างหนักเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเห็นว่าสถานการณ์โควิด-19 เป็นวิกฤตการณ์ระดับโลกที่หลายประเทศกำลังเผชิญอยู่ ประเทศไทยโชคดีที่รัฐบาลดำเนินมาตรการอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ไทยไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศมาเป็นระยะเวลานาน เป็นที่ชื่นชมจากต่างชาติ พร้อมทั้งอวยพรเกาหลีเหนือให้ควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดดูแลประชาชนให้ปลอดภัย

Advertising 

ไทยถูกยกให้เป็นต้นแบบของอาเซียนในการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย

People Unity : รู้หรือไม่? ว่าประเทศไทยถูกยกให้เป็นต้นแบบของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย

รู้หรือไม่? ว่าประเทศไทยถูกยกให้เป็นต้นแบบของอาเซียน ในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ IUU Fishing ด้วยนะ และในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหม ระหว่าง 10-12 ก.ค.2562 นี้ ก็จะยกเรื่องนี้มาพูดคุยถึงบทบาทของทหารในการช่วยแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย

ความสัมพันธ์ต่างประเทศ : ไทยถูกยกให้เป็นต้นแบบของอาเซียนในการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย

People unity : post 8 กรกฎาคม 2562 เวลา 13.40 น.

รัฐบาลไทย-ไมโครซอฟท์ ลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการนำร่องในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล

People Unity News : รัฐบาลไทย – ไมโครซอฟท์ฯ พร้อมร่วมมือพัฒนาทักษะดิจิทัลให้ “คนไทย” ทุกระดับอย่างต่อเนื่อง

24 ก.พ. 65 วันนี้ นาย Ahmed Mazhari ประธานบริษัท ไมโครซอฟท์ เอเชีย และคณะผู้บริหารบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ณ ทำเนียบรัฐบาล

ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ในวันนี้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กับบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไมโครซอฟท์ โอเปอเรชั่น จำกัด สิงคโปร์

มีเป้าหมายดำเนินโครงการนำร่องในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ซึ่งจะเสริมสร้างความเชื่อมั่น และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและภาคเอกชนในการประสานกับหน่วยงานของรัฐ

นอกจากนี้ ยังได้แลกเปลี่ยนในประเด็นต่างๆ เช่น ขอให้พิจารณาสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของไทย โดยเฉพาะทักษะด้านดิจิทัลให้ครอบคลุมทุกระดับอย่างต่อเนื่องต่อไป การเดินหน้าสู่เศรษฐกิจ/อุตสาหกรรมสีเขียว และความยั่งยืน เป็นต้น

Advertising

Verified by ExactMetrics